เรื่ืงยย่อ เสาร์๕ ตอนทับทิมสมยาม
1 เรื่องย่อละคร เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 1 ช่ อ ง 7
2 เรื่องย่อละคร เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 2 ช่ อ ง 7
3 เรื่องย่อละคร เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 3 ช่ อ ง 7
4 เรื่องย่อละคร เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 4 ช่ อ ง 7
5 เรื่องย่อละคร เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 5 ช่ อ ง 7
ตอนที่ 5
จากที่ซัมดองหาว่าคนต่างชาติไม่มีวันเข้าใจพลังพุทธคุณ ดร.ฟอร์ดแย้งว่า ตนเคยได้ยินมาว่า ศาสนาพุทธพูดถึงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เรียกว่าเชื้อโรค ก่อนที่วิทยาศาสตร์จะค้นพบเป็นพันปี แต่ปัจจุบันกลับหลงผิดคิดว่า อะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เป็นเรื่องเหลวไหล
“ฮ่ะๆๆแต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมจะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ค้นพบพลังงานเหนือธรรมชาติ คือพลังพุทธคุณ ผมจะต้องยิ่งใหญ่กว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฮ่ะๆๆ”
“เอ้อ ขอโทษครับด็อกเตอร์ แล้วพวกเสาร์ห้าที่แอบติดตามพวกเรามา จะจัดการยังไงกับพวกมันดีครับ” ราฮีมถาม
สตีเฟ่นเห็นว่าพวกเสาร์ห้าคงติดอยู่เขตภาพลวงตา เข้ามาไม่ถึง ดร.ฟอร์ดจึงสั่งให้ออกไปจัดการฆ่าให้หมด แต่ซัมดองห้าม “ต้องจับเป็น แล้วพาตัวมาหาข้า พวกมันมีประโยชน์สำหรับงานของเรา ห้ามฆ่าพวกมันเด็ดขาด”
ดอนกับเดี่ยวได้ยินแล้วต้องหันมามองหน้ากัน...
ในขณะที่กลุ่มเจนนี่ซึ่งเคนได้ไปหาปลามาให้ปิ้งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พลันมีเสียงบางอย่าง เคนให้สาวๆขึ้นไปหลบบนต้นไม้ ห้ามลงมา เขาคว้าแคนเดินออกไปซุ่มตรวจตราอย่างระมัดระวัง จนเห็นนั้มกับลูกน้องนับสิบคนกำลังแบกสัมภาระพวกเครื่องปั่นไฟ จานดาวเทียม คอมพิวเตอร์และเครื่องไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อไปส่งให้อินทร์ซึ่งอยู่กับ ดร.วิทยา ลูกน้องเริ่มเหนื่อยล้า ขอพัก นั้มไม่พอใจยิงคนที่ขอพักทิ้ง ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าอีก
นั้มชำนาญการเดินป่า จึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเคน สั่งลูกน้องยิงกระหน่ำ แต่เคนใช้ความไวหลบและยิงสวนจนกระสุนหมด เจนนี่กับพวกได้ยินเสียงปืนเป็นห่วงเคน จึงลงจากต้นไม้ ตามเสียงปืนไปช่วย ยูกิวางแผน
“ถ้าเรายิงใส่กองคาราวานพวกนี้ พวกที่ตามล่าเคนต้องรีบกลับมารวมกันที่นี่”
“จริงสินะ มันคงคิดว่าพวกเราเป็นกองโจรดักปล้นมัน” ชลดาเห็นด้วย
“ถ้างั้นก็ทำให้ดูเหมือนว่า พวกเรามีมากกว่าสามคน ตกลงมั้ย” เจนนี่บอกเพื่อนๆ
สามสาวยิงแล้วสลับเปลี่ยนจุดไปเรื่อย ทำให้พวกนั้มกลับมารวมตัวกันเพื่อป้องกันทรัพย์สิน สามสาวต่างวิ่งหนี เคนโผล่ขึ้นมาจากหลุมพรางร้องเรียกสามสาวให้เข้ามาหลบ นั้มเจ็บใจคิดว่าพวกปล้นหนีไปได้
เวลาผ่านไป พวกนั้มเดินทางไปแล้ว เคน เจนนี่ ยูกิ และชลดาขึ้นมาจากหลุม เคนต่อว่าทำไมไม่เชื่อที่เขาให้ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เจนนี่ไม่พอใจ
“นี่คุณเคน เราอุตส่าห์มาช่วย ยังจะหาว่าพวกเรายุ่งอีก”
เคนถามว่าช่วยอย่างไร ชลดาตอบแทนว่า ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้พวกมันไล่เขาจนมุม ยูกิเบ้ปากบ่นไม่น่าช่วยเลย เคนยิ้มขอโทษสามสาว ทำให้ทั้งสามอารมณ์ดีขึ้น
“แล้วพวกมันเป็นใคร คุณพอจะรู้ไหม” เจนนี่ถาม
“ได้ยินว่า พวกมันกำลังขนของไปให้คนที่ชื่อ ดร.วิทยา”
สามสาวตกใจต้องตามกลุ่มนั้นไป จะได้เจอตัว ดร. วิทยา เคนอยากรู้ว่า ดร.วิทยาเป็นใคร ชลดาตอบว่าเรื่องมันยาวให้รีบตามไปก่อนแล้วจะเล่าระหว่างทาง เคนจึงนำทางไป
ooooooo
ข้างสตีเฟ่นกับราฮีม ให้มะโหนกกับลูกน้องนำทางไปตามล่าเทอด กริ่ง และยอด เพื่อเอาตัวมาให้ซัมดอง มะโหนกกับลูกน้องเจอกลุ่มเทอดซึ่งพักผ่อนอยู่ จึงเข้าไปตะลุมบอนกัน แต่แล้วเจอพลังพิเศษของเสาร์ห้าเข้า คิดว่าพวกนี้เป็นผีพากันวิ่งเตลิดหนีกลับมาที่สตีเฟ่นรออยู่กับราฮีม
“ลูกน้องเอ็ง เป็นบ้าอะไรกันวะ” ราฮีมถามมะโหนก
“จะอะไรอีกล่ะนาย ก็ไอ้สามคนนั้นมันเป็นผี”
“ผีเผออะไรกันวะ พวกมันไม่ใช่ผี แต่มันมีความสามารถพิเศษเหนือคนธรรมดา” สตีเฟ่นบอกมะโหนก แต่ พอมะโหนกว่างานนี้ไม่สำเร็จแน่ สตีเฟ่นโวย “จะยอมแพ้ง่ายๆได้ไง สั่งพวกแกให้กลับมากัน เดี่ยวฉันจะจัดการพวกมันเอง”
สตีเฟ่นจะเดินไป ราฮีมรั้งไว้อย่าใจร้อน เพราะจวนสว่างแล้ว จะเสียเปรียบ มะโหนกใจชื้นขึ้นจึงขอแก้ตัวอีกครั้ง แต่ตอนนี้ต้องรีบกลับที่พัก ก่อนที่จะเกิดภาพลวงตาขึ้นอีก
สตีเฟ่นยอมพากันกลับไป กลุ่มเทอด ยอด และกริ่งโผล่ออกจากที่ซ่อน กริ่งให้ตามพวกนั้นไป จะได้ข้ามเขตเข้าไปได้ เทอดอาสาไปดูลาดเลา เทอดหายตัวตามพวกสตีเฟ่นไป เห็นพวกนั้นเดินเข้าเจดีย์ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องเดินตามเงาของเจดีย์
พอเทอด ยอด และกริ่งจะเข้าไปบ้าง ก็มีเสียงสาวเซ็กซี่สองคนมาร้องเรียกให้มาช่วยถ่ายรูปให้พวกตน ยอดกับกริ่งพยายามมองว่านี่ของจริงหรือภาพลวงตา กริ่งว่าน่าจะจริงเพราะเห็นเหมือนกัน แต่เทอดไม่เชื่อ ดึงยอดกับกริ่งกลับมา ทันใด
สาวสองคนก็กลายเป็นปีศาจรุมทึ้ง เทอดหายตัวแวบไป กริ่งสะบัดตัวออกวิ่งจู๊ดหนี เหลือยอดร้องโวยวายกว่าจะสะบัดตัวออกได้
สามหนุ่มมารวมตัวกันนั่งเหนื่อยหอบ ยอดบ่นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก เทอดโวยใครเป็นคนคิดถึงนางแบบ ยอดส่ายหน้าแล้วทั้งสองหันไปมองกริ่ง กริ่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“อ้าว ตกลงเป็นผมเหรอ...ก็เช้าๆแบบนี้ คิดถึงแล้วมันสดชื่นดี”
ยอดถามเทอดจะพ้นเขตภาพลวงตาได้อย่างไร เทอดนึกได้ว่าได้ยินพวกสตีเฟ่นพูดกันถึงรอเวลาเข้าออก ยอดแย้งว่าพวกเราก็ตามมาติดๆทำไมยังเข้าไปไม่ได้
“แต่ตอนที่ผมหายตัวเดินไปพร้อมๆพวกมันก็ดูเหมือนจะเข้าได้อยู่แล้ว ถ้าไม่หันมาเห็นนางแบบของคุณกริ่งโผล่มาซะก่อน”
“แสดงว่ายังมีบางอย่างที่เรายังไม่รู้” ยอดบ่นแล้วแกล้งโทษกริ่งว่าคิดถึงนางแบบทั้งทีหาที่หน้าตาดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
“กลิ่นด้วย ทีหลังขอแบบไม่มีกลิ่นก็โอเคนะ” เทอดเสริม
“เอาเข้าไป ออเดอร์กันใหญ่เลย” กริ่งทำเป็นงอน ใครอย่าพลาดมาบ้างแล้วกัน สามหนุ่มหัวเราะกันครืน
ooooooo
ดร.วิทยาแปลกใจที่หานาตาชา ดอน และเดี่ยวไม่เจอ ฮวงเข้ามารายงานว่าคนของตนเห็นว่ามีกองกำลังประมาณสิบคน อาวุธพร้อมเดินตรงมาทางนี้ เสือสนธิ์สั่งเตรียมพร้อมเกรงเป็นพวกปล้น อินทร์ให้ดร.วิทยากับเสือสนธิ์อยู่ป้องกันแคมป์ ตนจะพาพวกไปจัดการ
อินทร์กับลูกน้องซุ่มตั้งรับ ปรากฏว่าเป็นพวกนั้มที่ขนของมาส่ง สองฝ่ายเกือบปะทะกันเอง ดีที่อินทร์สังเกตเห็นนั้มเสียก่อน นั้มดีใจเพราะคิดว่าพวกตนจะหลงป่าเสียแล้ว
“แล้วของที่ข้าสั่ง เอามาครบหรือเปล่า”
“เรียบร้อยครับ เอามาครบทุกอย่าง...ว่าแต่ทำไมให้ผมขนข้าวของมาเยอะเหลือเกิน”
“เอาล่ะ เอ็งไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น อยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เอง ตามข้ามา” อินทร์พาไปที่แคมป์
“ฮ่ะๆๆแต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมจะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ค้นพบพลังงานเหนือธรรมชาติ คือพลังพุทธคุณ ผมจะต้องยิ่งใหญ่กว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฮ่ะๆๆ”
“เอ้อ ขอโทษครับด็อกเตอร์ แล้วพวกเสาร์ห้าที่แอบติดตามพวกเรามา จะจัดการยังไงกับพวกมันดีครับ” ราฮีมถาม
สตีเฟ่นเห็นว่าพวกเสาร์ห้าคงติดอยู่เขตภาพลวงตา เข้ามาไม่ถึง ดร.ฟอร์ดจึงสั่งให้ออกไปจัดการฆ่าให้หมด แต่ซัมดองห้าม “ต้องจับเป็น แล้วพาตัวมาหาข้า พวกมันมีประโยชน์สำหรับงานของเรา ห้ามฆ่าพวกมันเด็ดขาด”
ดอนกับเดี่ยวได้ยินแล้วต้องหันมามองหน้ากัน...
ในขณะที่กลุ่มเจนนี่ซึ่งเคนได้ไปหาปลามาให้ปิ้งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พลันมีเสียงบางอย่าง เคนให้สาวๆขึ้นไปหลบบนต้นไม้ ห้ามลงมา เขาคว้าแคนเดินออกไปซุ่มตรวจตราอย่างระมัดระวัง จนเห็นนั้มกับลูกน้องนับสิบคนกำลังแบกสัมภาระพวกเครื่องปั่นไฟ จานดาวเทียม คอมพิวเตอร์และเครื่องไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อไปส่งให้อินทร์ซึ่งอยู่กับ ดร.วิทยา ลูกน้องเริ่มเหนื่อยล้า ขอพัก นั้มไม่พอใจยิงคนที่ขอพักทิ้ง ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าอีก
นั้มชำนาญการเดินป่า จึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเคน สั่งลูกน้องยิงกระหน่ำ แต่เคนใช้ความไวหลบและยิงสวนจนกระสุนหมด เจนนี่กับพวกได้ยินเสียงปืนเป็นห่วงเคน จึงลงจากต้นไม้ ตามเสียงปืนไปช่วย ยูกิวางแผน
“ถ้าเรายิงใส่กองคาราวานพวกนี้ พวกที่ตามล่าเคนต้องรีบกลับมารวมกันที่นี่”
“จริงสินะ มันคงคิดว่าพวกเราเป็นกองโจรดักปล้นมัน” ชลดาเห็นด้วย
“ถ้างั้นก็ทำให้ดูเหมือนว่า พวกเรามีมากกว่าสามคน ตกลงมั้ย” เจนนี่บอกเพื่อนๆ
สามสาวยิงแล้วสลับเปลี่ยนจุดไปเรื่อย ทำให้พวกนั้มกลับมารวมตัวกันเพื่อป้องกันทรัพย์สิน สามสาวต่างวิ่งหนี เคนโผล่ขึ้นมาจากหลุมพรางร้องเรียกสามสาวให้เข้ามาหลบ นั้มเจ็บใจคิดว่าพวกปล้นหนีไปได้
เวลาผ่านไป พวกนั้มเดินทางไปแล้ว เคน เจนนี่ ยูกิ และชลดาขึ้นมาจากหลุม เคนต่อว่าทำไมไม่เชื่อที่เขาให้ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เจนนี่ไม่พอใจ
“นี่คุณเคน เราอุตส่าห์มาช่วย ยังจะหาว่าพวกเรายุ่งอีก”
เคนถามว่าช่วยอย่างไร ชลดาตอบแทนว่า ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้พวกมันไล่เขาจนมุม ยูกิเบ้ปากบ่นไม่น่าช่วยเลย เคนยิ้มขอโทษสามสาว ทำให้ทั้งสามอารมณ์ดีขึ้น
“แล้วพวกมันเป็นใคร คุณพอจะรู้ไหม” เจนนี่ถาม
“ได้ยินว่า พวกมันกำลังขนของไปให้คนที่ชื่อ ดร.วิทยา”
สามสาวตกใจต้องตามกลุ่มนั้นไป จะได้เจอตัว ดร. วิทยา เคนอยากรู้ว่า ดร.วิทยาเป็นใคร ชลดาตอบว่าเรื่องมันยาวให้รีบตามไปก่อนแล้วจะเล่าระหว่างทาง เคนจึงนำทางไป
ooooooo
ข้างสตีเฟ่นกับราฮีม ให้มะโหนกกับลูกน้องนำทางไปตามล่าเทอด กริ่ง และยอด เพื่อเอาตัวมาให้ซัมดอง มะโหนกกับลูกน้องเจอกลุ่มเทอดซึ่งพักผ่อนอยู่ จึงเข้าไปตะลุมบอนกัน แต่แล้วเจอพลังพิเศษของเสาร์ห้าเข้า คิดว่าพวกนี้เป็นผีพากันวิ่งเตลิดหนีกลับมาที่สตีเฟ่นรออยู่กับราฮีม
“ลูกน้องเอ็ง เป็นบ้าอะไรกันวะ” ราฮีมถามมะโหนก
“จะอะไรอีกล่ะนาย ก็ไอ้สามคนนั้นมันเป็นผี”
“ผีเผออะไรกันวะ พวกมันไม่ใช่ผี แต่มันมีความสามารถพิเศษเหนือคนธรรมดา” สตีเฟ่นบอกมะโหนก แต่ พอมะโหนกว่างานนี้ไม่สำเร็จแน่ สตีเฟ่นโวย “จะยอมแพ้ง่ายๆได้ไง สั่งพวกแกให้กลับมากัน เดี่ยวฉันจะจัดการพวกมันเอง”
สตีเฟ่นจะเดินไป ราฮีมรั้งไว้อย่าใจร้อน เพราะจวนสว่างแล้ว จะเสียเปรียบ มะโหนกใจชื้นขึ้นจึงขอแก้ตัวอีกครั้ง แต่ตอนนี้ต้องรีบกลับที่พัก ก่อนที่จะเกิดภาพลวงตาขึ้นอีก
สตีเฟ่นยอมพากันกลับไป กลุ่มเทอด ยอด และกริ่งโผล่ออกจากที่ซ่อน กริ่งให้ตามพวกนั้นไป จะได้ข้ามเขตเข้าไปได้ เทอดอาสาไปดูลาดเลา เทอดหายตัวตามพวกสตีเฟ่นไป เห็นพวกนั้นเดินเข้าเจดีย์ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องเดินตามเงาของเจดีย์
พอเทอด ยอด และกริ่งจะเข้าไปบ้าง ก็มีเสียงสาวเซ็กซี่สองคนมาร้องเรียกให้มาช่วยถ่ายรูปให้พวกตน ยอดกับกริ่งพยายามมองว่านี่ของจริงหรือภาพลวงตา กริ่งว่าน่าจะจริงเพราะเห็นเหมือนกัน แต่เทอดไม่เชื่อ ดึงยอดกับกริ่งกลับมา ทันใด
สาวสองคนก็กลายเป็นปีศาจรุมทึ้ง เทอดหายตัวแวบไป กริ่งสะบัดตัวออกวิ่งจู๊ดหนี เหลือยอดร้องโวยวายกว่าจะสะบัดตัวออกได้
สามหนุ่มมารวมตัวกันนั่งเหนื่อยหอบ ยอดบ่นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก เทอดโวยใครเป็นคนคิดถึงนางแบบ ยอดส่ายหน้าแล้วทั้งสองหันไปมองกริ่ง กริ่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“อ้าว ตกลงเป็นผมเหรอ...ก็เช้าๆแบบนี้ คิดถึงแล้วมันสดชื่นดี”
ยอดถามเทอดจะพ้นเขตภาพลวงตาได้อย่างไร เทอดนึกได้ว่าได้ยินพวกสตีเฟ่นพูดกันถึงรอเวลาเข้าออก ยอดแย้งว่าพวกเราก็ตามมาติดๆทำไมยังเข้าไปไม่ได้
“แต่ตอนที่ผมหายตัวเดินไปพร้อมๆพวกมันก็ดูเหมือนจะเข้าได้อยู่แล้ว ถ้าไม่หันมาเห็นนางแบบของคุณกริ่งโผล่มาซะก่อน”
“แสดงว่ายังมีบางอย่างที่เรายังไม่รู้” ยอดบ่นแล้วแกล้งโทษกริ่งว่าคิดถึงนางแบบทั้งทีหาที่หน้าตาดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
“กลิ่นด้วย ทีหลังขอแบบไม่มีกลิ่นก็โอเคนะ” เทอดเสริม
“เอาเข้าไป ออเดอร์กันใหญ่เลย” กริ่งทำเป็นงอน ใครอย่าพลาดมาบ้างแล้วกัน สามหนุ่มหัวเราะกันครืน
ooooooo
ดร.วิทยาแปลกใจที่หานาตาชา ดอน และเดี่ยวไม่เจอ ฮวงเข้ามารายงานว่าคนของตนเห็นว่ามีกองกำลังประมาณสิบคน อาวุธพร้อมเดินตรงมาทางนี้ เสือสนธิ์สั่งเตรียมพร้อมเกรงเป็นพวกปล้น อินทร์ให้ดร.วิทยากับเสือสนธิ์อยู่ป้องกันแคมป์ ตนจะพาพวกไปจัดการ
อินทร์กับลูกน้องซุ่มตั้งรับ ปรากฏว่าเป็นพวกนั้มที่ขนของมาส่ง สองฝ่ายเกือบปะทะกันเอง ดีที่อินทร์สังเกตเห็นนั้มเสียก่อน นั้มดีใจเพราะคิดว่าพวกตนจะหลงป่าเสียแล้ว
“แล้วของที่ข้าสั่ง เอามาครบหรือเปล่า”
“เรียบร้อยครับ เอามาครบทุกอย่าง...ว่าแต่ทำไมให้ผมขนข้าวของมาเยอะเหลือเกิน”
“เอาล่ะ เอ็งไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น อยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เอง ตามข้ามา” อินทร์พาไปที่แคมป์
“ดูนี่สิ ช่วยผมดูหน่อยว่านี่มันอะไร”
เสือสนธิ์ว่าคล้ายโบราณสถาน อินทร์มองแล้วบอกว่าเป็นเจดีย์กลางป่า ดร.วิทยาเห็นว่าพิกัดไม่ห่างจากที่พักนี่เท่าไหร่ ต้องเดินไปทางทิศตะวันตก ทุกคนเชื่อว่า ดร.ฟอร์ดและทับทิมสีม่วงต้องอยู่ที่นั่น...เคนกับพวกเจนนี่สะกดรอยตามกลุ่มนั้นมาจนถึงที่นี่ ทึ่งกับอุปกรณ์ที่พวกมันติดตั้ง และเชื่อที่ ดร.วิทยาสรุป จึงตกลงกันว่าจะมุ่งหน้าไปทิศตะวันตกเพื่อให้ถึงสุสานช้างก่อน
สตีเฟ่น ราฮีม และมะโหนกกลับมามือเปล่า ดร.ฟอร์ดโวยที่ทำงานพลาด สตีเฟ่นจะบอกเหตุผลแต่พ่อไม่ฟังและไล่ไปให้พ้นหน้า นาตาชาสงสารพี่ชาย เข้ามาปลอบ
“อย่าซีเรียส พี่ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง”
“แต่เธอก็รู้ว่าถ้าพี่ทำงานไม่สำเร็จ พ่อก็จะไม่เห็นเราอยู่ในสายตาอีกต่อไป”
“เรื่องนี้ฉันรู้ดีกว่าใคร พี่ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่” นาตาชาน้ำตาคลอแต่ฝืนเข้มแข็ง...
คณะของ ดร.ฟอร์ด เข้ามาถึงเขตป่าเขาวงกต ลักษณะเป็นป่าธรรมดา อยู่ใกล้ๆบริเวณเจดีย์ มีเทวรูปเก่าๆและงาช้างกองไว้ระเกะระกะ แต่ละมุมของป่าดูคล้ายๆกัน ทำให้คนที่เดินเข้าไปแล้วจะหาทางออกได้ยาก...เดี่ยวเดินชะลอ มองบุษกรอย่างเป็นห่วง เธอหันมามองอย่างเฉยเมยเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซัมดองรับรู้ถึงพลังบางอย่าง เขามองไปรอบๆแล้วพูดว่า
“ที่นี่ไม่ใช่ป่าธรรมดา”
“จุดนี้เป็นสุสานช้าง เพราะเป็นแหล่งที่ช้างป่าตายกันที่นี่” ดร.ฟอร์ดบอกทุกคน และให้ซัมดอง ดอน และเดี่ยวเดินสำรวจได้ตามใจชอบ
นาตาชาจะค้าน ดร.ฟอร์ดห้ามไว้ แล้วบอกดอนกับเดี่ยวว่า เขากับลูกจะรอตรงนี้ ซัมดอง ดอน และเดี่ยวจึงเดินออกไปสำรวจ นาตาชาถาม ดร.ฟอร์ด
“ทำไมพ่อไม่บอกพวกเขาว่าที่นี่มันเป็นป่าเขาวงกต”
“ฉันต้องการทดสอบพวกมัน ถ้าเก่งจริง พวกมันก็ต้องหาทางกลับมาที่นี่ได้” ว่าแล้ว ดร.ฟอร์ดก็หันไปบอกกระแตกับบุษกร “พวกเธอก็เหมือนกัน ถ้าไม่อยากหลงป่าก็อย่าแยกตัวออกไป เข้าใจไหม” สองสาวรับคำ ดร.ฟอร์ด
ซัมดองเดินแยกไปทาง ดอนกับเดี่ยวเดินไปอีกทางสักครู่เดี่ยวก็หยุดก้มมองรอยเท้าที่พื้น พอเงยหน้าเรียกดอนให้มาดู เขาก็ไม่เห็นดอนเสียแล้ว แถมภาพป่าก็ดูบิดเบี้ยว ดอนซึ่งเดินนำหน้าเห็นเดี่ยวเงียบไปหันมามอง ก็เห็นป่าบิดเบี้ยวแต่ไม่เห็นเดี่ยว ต่างคนต่างเรียกกัน
ซัมดองเริ่มเห็นภาพป่าบิดๆเบี้ยวๆ เขาหยุดนิ่งเพราะรู้ทันทีว่าที่นี่คือป่าเขาวงกต ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมา
ร่ายมนตร์ ดวงแก้วส่องสว่างขึ้น ภาพป่ากลับคืนสู่ปกติ เขาจึงเดินกลับออกมาอย่างง่ายดาย...ผิดกับดอนและเดี่ยว ที่ต่างเรียกกันแต่ไม่ได้ยินกัน ดอนจึงหลับตาตั้งสมาธิแล้วค่อยลืมตามองอีกครั้ง เขามองผ่านภาพป่าบิดเบี้ยวไปเห็นเดี่ยวเดินเรียกหาตนอยู่ ดอนพยายามเดินเข้าไปใกล้เดี่ยว แต่ดูเหมือนมีพลังอะไรมาดันเขาออก ดอนเรียกเดี่ยว
“เดี่ยวๆ พยายามฟังฉัน เดี่ยว”
เดี่ยวได้ยินเสียงแว่วๆ “ดอนใช่มั้ย เสียงเบามาก
ฉันแทบไม่ได้ยินเลย”
“ฟังนะ ฉันอยู่ใกล้ๆนายทางขวา” เห็นเดี่ยวหันมาแต่ไม่เห็นตน ดอนจึงบอก “ฉันอยู่ตรงหน้านาย ยื่นมือออกมาจับมือฉัน”
เดี่ยวค่อยๆยื่นมือออกไป แต่เหมือนมีพลังต้านไว้ ดอนพยายามที่จะจับมือเดี่ยว ที่สุดทั้งสองก็จับมือกันได้ มิติที่บดบังทั้งสองไว้ก็พังทลายลง เดี่ยวแปลกใจนี่มันอะไรกัน
“คงเป็นอาถรรพ์ของป่าที่ทำให้คนเดินป่ามองไม่เห็นกัน” ดอนบอกแล้วชวนกลับออกไป
ดร.ฟอร์ดปรบมือต้อนรับเมื่อเห็นดอนกับเดี่ยวกลับออกมา ซัมดองยืนอยู่ก่อนแล้ว ดร.ฟอร์ดเฉลยว่าป่าตรงนี้เป็นป่าเขาวงกต ดอนกับเดี่ยวทวนคำอย่างประหลาดใจ
“ถูกต้อง ทุกแห่งที่เป็นสุสานช้าง ป่าจะสร้างอำนาจพิเศษที่เรียกว่าเขาวงกต คอยคุ้มกันไม่ให้ใครเข้ามาทำอันตรายช้างที่กำลังจะตาย”
“นักวิทยาศาสตร์อย่างคุณ เชื่อเรื่องอาถรรพ์ของ
ป่าด้วยเหรอครับ” เดี่ยวย้อนถาม
“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง ผมจะปฏิเสธได้ยังไง”
“คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ใจกว้างจริงๆ ที่กล้ายอมรับในเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้” ดอนชม
“นักวิทยาศาสตร์ที่เปิดใจเรียนรู้ เรื่องที่อยู่นอกกรอบ ย่อมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกคน ฮ่ะๆ” ดร.ฟอร์ดชื่นชมตัวเองอย่างลำพองใจ ก่อนที่จะบอกดอนกับเดี่ยวว่า เขายอมรับให้ทั้งสองเข้ามาทำงานให้เขาแล้ว
ดร.ฟอร์ดพาทุกคนเข้ามาในเจดีย์ เดี่ยวกระซิบกับดอนว่า ต้องช่วยให้บุษกรกับกระแตพ้นจากมนต์ดำของซัมดองเสียที ดอนพยักหน้าเห็นด้วย...ดร.ฟอร์ดบัญชาการ
“คุณเดี่ยวไปกับคุณบุษกร คุณดอนไปกับคุณกระแต ส่วนผม อาจารย์และนาตาชาจะอยู่แถวนี้ ผมเชื่อว่าทับทิมสยามสีม่วงน่าจะซ่อนไว้ที่บริเวณนี้”
กระแตกับบุษกรต่างมีเครื่องมือหาแร่ธาตุติดตัว
ซัมดองเข้าไปนั่งสมาธิข้างใน ดร.ฟอร์ดนำไป ซัมดองเข้ามา กราบพระประธานแล้วมองลวดลายบนภาพวาดแบบโบราณสีจางประปราย
“พลังพุทธคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่แรงกล้ามาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาทับทิมสยามเจอ”
“ถ้ายังงั้นผมจะทำลายที่นี่ทิ้ง งานของเราจะได้ง่ายขึ้น”
“คิดให้ดีด็อกเตอร์ พลังพุทธคุณทำให้พวกคุณปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ถ้าไม่มีเจดีย์และสถานที่แห่งนี้ คุณคงไม่ปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้”
“แล้วอาจารย์มีวิธียังไงที่จะช่วยผมหาทับทิมสยาม”
“ถ้าเราได้พลังพิเศษของพวกเสาร์ห้ามาช่วย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
นาตาชาเดินเข้ามาบอกว่าตนช่วยได้ ดร.ฟอร์ดไม่ค่อยเชื่อ อ้างว่าสตีเฟ่นยังพลาด นาตาชาว่าตนมีวิธีไม่อย่างนั้นคงเอาตัวดอนกับเดี่ยวมาไม่ได้ ตนจะใช้ทั้งสองเป็นตัวล่อ ดร.ฟอร์ดหัวเราะอย่างพอใจและชมนาตาชาเป็นครั้งแรกว่า เก่ง ฉลาดกว่าที่ตนคิด
ooooooo
มุมหนึ่งในเจดีย์ที่ผนังกำแพงเป็นภาพวาดโบราณสีจางๆ เป็นภาพแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาที่เจดีย์แล้วเกิดแสงสะท้อนออกไปรอบด้านของเจดีย์ อีกมุมเป็นภาพวาดพระประธาน แสดงภาพแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านใน แล้วสะท้อนไปมาตามจุดต่างๆโดยจุดที่สะท้อนจะมีภาพของหินสีแสดงตำแหน่งการวางทับทิมสยามที่ด้านหน้าพระประธาน
บุษกรยืนมองอย่างสำรวจ ในมือมีเครื่องมือตรวจหาแร่ธาตุ เธอหยิบมือถือออกมาถ่ายภาพบนกำแพงไว้ เดี่ยวมองแล้วพยายามชวนคุยเพื่อดึงสติเธอให้หลุดจากอำนาจมนต์ดำ เดี่ยวถามบุษกรว่ายังจำเรื่องของเขากับเธอได้บ้างไหม บุษกรว่าตนจำเขาได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในเสาร์ห้า
“เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และตอนนี้ฉันก็ทำงานให้กับ ดร.ฟอร์ดและนาตาชา”
“คุณมาทางนี้หน่อย บุษกร” เดี่ยวให้เธอมาตรงหน้าพระประธาน
หวังจะให้เธอสวดมนต์ล้างอำนาจมนต์ดำ แต่พอเดี่ยวเริ่มสวด บุษกรก็ลุกพรวดขึ้นและบอกว่าตนทำแบบนี้ไม่ได้ เดี่ยวขอให้แค่สวดมนต์เท่านั้น บุษกรย้อนถามว่าจะทำอะไร
“ผมแค่อยากให้เราเหมือนเดิม ผมกำลังจะช่วยคุณนะบุษกร”
“ไม่ ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่ต้องการให้ใครมาช่วย ภารกิจของคุณก็คือ ต้องค้นหาทับทิมสยามสีม่วงให้ ดร.ฟอร์ดอย่ามาทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด” บุษกรหันกลับเดินไป
เดี่ยวอึ้งกับปฏิกิริยาของบุษกร...ขณะเดียวกัน ดอนก็พยายามจะทำให้กระแตหลุดจากอำนาจมนต์ดำเช่นกัน ดอนมองกระแตจนเธอถามว่ามองอะไร ดอนจึงถามว่าเธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ กระแตตอบว่ารู้ ตนกำลังทำงานให้ ดร.ฟอร์ด นาตาชา และซัมดอง คือผู้นำทางจิตวิญญาณของตน ดอนถอนใจที่กระแตจำอะไรไม่ได้ กระแตโพล่งออกมา
“ถ้าหมายถึงเรื่องของเสาร์ห้า และภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างที่ฉันเคยหลงผิดไป ฉันลืมไปหมดแล้ว คุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณยังงมงายอยู่กับเรื่องเสาร์ห้าอยู่ล่ะก็ฉันคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอก ดร.ฟอร์ดแน่นอน”
ดอนจำต้องเออออไปว่าเขาจงรักภักดีต่อ ดร.ฟอร์ด กระแตจึงบอกว่าตนจะจับตาดู ดอนจึงย้อนว่าเขาก็จะคอยทดสอบเธอเช่นกัน...ดอนหนักใจแอบมาปรึกษากับเดี่ยวว่าไม่ได้ผล คงต้องหาวิธีล้างมนต์ดำให้สองสาว กระแตเข้ามาถามว่าคุยอะไรกันทำไมไม่ทำงาน เดี่ยวแก้ตัวว่าได้ยินเสียงประหลาดจึงให้ดอนลองเพ่งดู ดอนโมเมว่าเห็นแสงสีม่วงอยู่ในนี้และในป่า เดี่ยวจึงบอกให้สองสาวสำรวจในนี้ เขากับดอนจะไปสำรวจในป่าแถวนี้
ooooooo
ตั้งแต่เปาชางกลับมาที่หมู่บ้านนายพลจางลี่ ดูซึมๆไปเพราะคิดถึงม่านฟ้า นายพลจางลี่เห็นอาการหลานชาย พอจะเดาออกว่าคงกำลังมีความรัก จึงเข้ามาเลียบเคียงถามว่าแอบไปหลงรักผู้หญิงคนไหนในหมู่บ้านให้บอก ผู้หญิงในหมู่บ้านทุกคนยินดีเป็นเมียเขา
“ผู้หญิงที่ผมชอบไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านหรอกครับลุง... เกิดมาผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากเท่า...ม่านฟ้ามาก่อนเลย”
“ม่านฟ้า...แล้วแกไปเจอม่านฟ้าที่ไหน”
“ในป่าครับ เธอช่วยผมไว้ตอนผมถูกยิง” เปาชางเล่าว่าม่านฟ้ามากับพี่เลี้ยง
นายพลจางลี่จึงบอกให้ไปตามหาถ้าคิดว่ารักจริง
เปาชางดีใจ แถมนายพลจางลี่ยังสั่งอาเตียวให้ตามคุ้มครองอย่าปล่อยให้หลานตนต้องบาดเจ็บเหมือนครั้งก่อน และสั่งงานไปด้วย
“สายของเรารายงานว่า ในป่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาตั้งแคมป์กันหลายคน และมีคนเห็นแหม่มนาตาชาเจ้าของทับทิมอยู่ในป่าด้วย ถ้ารู้เบาะแสยังไงก็รีบส่งข่าวมา ข้าจะเอากำลังไปสมทบ ถ้าเป็นแหม่มนาตาชาจริง ทับทิมสยามก็ต้องอยู่กับมันแน่นอน”
เปาชางเข้ามาบอกว่าเขาจะเดินทางแล้ว นายพลจางลี่ อวยพรให้หาผู้หญิงที่รักให้เจอ แล้วตนจะจัดงานแต่งงานให้เจ็ดวันเจ็ดคืน
ในขณะที่ม่านฟ้ากับบัวชุมเข้ามาใกล้เขตป่าภาพลวงตา ทั้งสองยืนมองยอดเจดีย์ที่โผล่พ้นยอดไม้ ม่านฟ้าบอกบัวชุมว่าต้องไปให้ถึงที่นั่น บัวชุมรู้สึกแปลกๆ ไม่ทันไรก็เกิดภาพลวงตา ปรากฏเจ้าจันทร์ทิพย์มายืนเรียกม่านฟ้า เธอดีใจจะเข้าไปหา แต่บัวชุมรั้งไว้เพราะเจ้าตายไปนานแล้ว เจ้าจันทร์ทิพย์พยายามพูดว่าลูกไม่รักพ่อแล้วหรือ ม่านฟ้าน้ำตาพรั่งพรู บัวชุมยังดึงไว้ เจ้าจันทร์ทิพย์โกรธด่าว่าที่ม่านฟ้าปล่อยให้ทับทิมสีม่วง สมบัติประจำตระกูลหายไป
“มงกุฎเทวียังอยู่กับหนูค่ะ แต่ทับทิมสยาม หนูขอโทษค่ะพ่อ” ม่านฟ้าร้องไห้
“แกมันเนรคุณ ฉันเกลียดแก ม่านฟ้า แกไม่ใช่ลูกฉัน”
ม่านฟ้าร้องไห้โฮ สัญญาจะตามทับทิมกลับคืนมา ขอให้พ่อยกโทษให้ อย่าเกลียดตน บัวชุมดึงรั้งม่านฟ้าไว้ เจ้าจันทร์ทิพย์เริ่มกลายเป็นปีศาจ และมีปีศาจตัวอื่นๆโผล่มาอีก ม่านฟ้ากับบัวชุมต้องใช้อาวุธสำคัญที่มีคือหน้าไม้ปกป้องตัวแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป...จนมาหมดแรงใกล้ลำธารม่านฟ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะที่พ่อพูดแทงใจดำตนมาตลอด บัวชุมต้องปลอบประโลม
เย็นวันนั้น ม่านฟ้าอาบน้ำชําระร่างกาย แล้วแต่งตัวชุดทายาทเทวีแห่งเชียงรุ้ง บัวชุมก็อยู่ในชุดเชียงรุ้ง ถือมงกุฎเทวีที่เอาดอกไม้ประดับตำแหน่งที่ทับทิมสีม่วงหายไป เอามาสวมให้ม่านฟ้า แล้วกล่าวว่า
“แด่...องค์หญิงม่านฟ้า เทวีแห่งเชียงรุ้ง”
ม่านฟ้ายังหน้าเศร้า แต่ก็ยืนขึ้นประกาศ ขอดินแดนเชียงรุ้งจงยั่งยืน ขอทุกคนอย่าลืมเชียงรุ้ง ม่านฟ้าเริ่มร่ายรำอย่างอ่อนช้อย เป็นการระบายความอัดอั้นในใจของเธอและภาระที่แบกไว้ตั้งแต่เด็ก
อีกมุมหนึ่ง เคนมาตักน้ำในลำธาร เขามองไปเห็นม่านฟ้า ถึงกับตะลึงหลงใหลในความงามของเธอ เผอิญเจนนี่เข้ามาเรียกเคนเพราะหายมานาน เคนสะดุ้งหันมอง พอหันกลับไป ม่านฟ้าก็หายไปแล้ว เคนไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเจนนี่ จึงตักน้ำ ใส่กระบอกแล้วเดินตามเจนนี่กลับไป
ม่านฟ้ากับบัวชุมออกจากที่ซ่อน ต่างแปลกใจว่าสองคนนั่นเป็นใคร บัวชุมเตือนอย่าไว้ใจใครอีก เดี๋ยวจะเหมือนเปาชางที่ช่วยไว้ครั้งก่อน สองสาวรีบเก็บของเพื่อเดินทางต่อ
ooooooo
ในแคมป์ที่ดอนกับเดี่ยวได้พัก ทั้งสองคุยกันว่าป่านนี้เพื่อนๆคงออกตามหากันแล้ว คงต้องส่งข่าวให้หน่วยเหนือทราบ ดอนขอไปเพ่งมองสำรวจพื้นที่ก่อน เดี่ยวจึงช่วยตรวจตรา
ระหว่างนั้น นาตาชาไปอาบน้ำที่ลำธารกลับมาที่แคมป์ เห็นกระแตกับบุษกรช่วยกันทำความสะอาด จึงเกรงใจที่ทั้งสองอุตส่าห์ทำความสะอาดทั้งที่นี่และแคมป์ของ ดร.ฟอร์ด ด้วย เธอเลยให้สองสาวไปอาบน้ำที่ลำธารบ้าง
ขณะที่สองสาวกำลังเล่นน้ำอย่างสบาย เปาชางมาเห็น เกิดอารมณ์คุกรุ่น เข้าไปขออาบน้ำด้วย สองสาวเดินขึ้นจากน้ำไม่ไยดี เปาชางไม่พอใจ ดึงมือกระแตไว้ บุษกรเข้ามาช่วยจึงโดนเปาชางรวบตัวมากอดรัดจะปลุกปล้ำแทน ดร.ฟอร์ดมาเห็นพอดีโกรธจัด ตบหน้าลูกชายฉาดใหญ่
“สารเลว ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แกทำแบบนี้”
“แต่ว่า...”
“หุบปาก ถ้าแกไม่ฟังคำสั่งฉันก็ออกไป” ดร.ฟอร์ดหันมาสั่งสองสาวอย่าออกมาเวลากลางคืนอีก
สตีเฟ่นฮึดฮัดเดินออกมา ราฮีมเข้ามารายงานให้ไปดูพวกเสาร์ห้าว่ามีท่าทางเหมือนกำลังสำรวจแต่ละแคมป์ ดูน่าสงสัย สตีเฟ่นกำลังอารมณ์ไม่ดีจึงว่าอยากรู้ก็ให้ไปถาม ราฮีมจึงเข้าไป
“มาทำอะไรแถวนี้” ราฮีมถามเดี่ยว
“ผมเพียงแต่มาตรวจดูความเรียบร้อย ก็เท่านั้นเอง”
สตีเฟ่นจึงสั่งให้กลับที่พัก แล้วกำชับราฮีมคอยจับตาดูทั้งเดี่ยวและดอนไว้...เดี่ยวเดินกลับผ่านกลุ่มมะโหนกกับลูกน้องที่นั่งดื่มเฮฮากันอยู่ มะโหนกชวนเดี่ยวให้ดื่มด้วยกัน เดี่ยวขอตัว มะโหนกไม่พอใจเกิดชกต่อยกัน มะโหนกสู้ไม่ได้ ชักปืนจะยิงเดี่ยว ดร.ฟอร์ดผ่านมายิงปืนขึ้นฟ้าห้ามแล้วเอ็ดตะโรใส่ ถ้ามีเรื่องกันอีก ตาย...
No comments:
Post a Comment