เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน1 ละครช่อง7
ย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง รถเก๋งคันหรูแล่นมาจอดหน้าธนาคาร คนขับวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายซึ่งท่าทาง เป็นนักธุรกิจใหญ่ นำกระเป๋าเงินมาฝากธนาคาร พลันมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นมากระชากกระเป๋าเงินไป กริ่งกับยูกิ ซึ่งเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นได้ยิน ทั้งสองประกาศ
“อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” ว่าแล้วก็โผนเข้ากระชากคนบนมอเตอร์ไซค์ทั้งสองลงมา
เกิดการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง คนร้ายคนหนึ่งคว้ากระเป๋าขี่รถหนี กริ่งมีความสามารถพิเศษวิ่งได้เร็วเทียบคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์ คนร้ายตกใจมองเข็มไมล์เห็นว่าตัวเองใช้ความเร็วสูง ก็หน้าตาตื่น ไม่ทันระวังชนเข้ากับรถที่สวนมา...ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่และจับกุมคนร้ายไป
เดี่ยว สมเด็จกับบุษกร ขับรถมาตามถนนสายหนึ่ง เดี่ยวรู้สึกเขม่นตาต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง พลันมีรถหน่วยกู้ภัยเปิดไซเรนวิ่งแซงไป เดี่ยวจึงขับรถตามและพบว่าเกิดเหตุคนจะโดดตึกฆ่าตัวตาย เดี่ยวแอบขึ้นไปบนตึกแล้วรวบตัวชายคนนั้นโดดลงบนเบาะลมที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ ชายคนนั้นหน้าตาตื่นกลัว
ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ เจ้าหน้าที่พาชายคนนั้นออกไป บุษกรเข้ามาดูเดี่ยวเห็นนอนนิ่งก็เรียก เดี่ยวค่อยๆลืมตาขึ้นพึมพำว่า
“นางฟ้า นางฟ้าจริงๆด้วย นี่ผมตายแล้วใช่มั้ยครับนางฟ้า”
“ตาบ้า...” บุษกรหยิกเดี่ยวจนร้องลั่น ผู้คนที่มุงดูหัวเราะกันกราว...
วันต่อมา บ้านแก๊งลูกหมูเป็นบ้านหลังใหญ่ดูมีฐานะ มีรั้วรอบขอบชิด เจนนี่กับยูกิแอบซุ่มสังเกตการณ์ เห็นชายฉกรรจ์ 5 คน ต้อนหญิงสาวประมาณ 12 คน ขึ้นรถตู้ มีรถเก๋งนำขบวนแล่นออกมา เจนนี่โทร.แจ้งกระแตว่ารถคนร้ายกำลังออกจากบ้าน เป็นรถตู้ติดสติกเกอร์สีแดงขาว จุดสังเกตเขียนคำว่า...เลือดมังกร...ให้แจ้งหน่วยเหนือเตรียมรับมือ กระแตรับทราบ เจนนี่หันมาบอกยูกิให้ขับรถตามห่างๆ
กระแตกับชลดาจอดรถซุ่มอยู่อีกจุด ส่องกล้องดู เห็นรถคนร้ายแล่นไปถนนไหนโทร.แจ้งไปยังผู้พันอาจณรงค์ ขณะนั้น บริเวณศาลเจ้ามีการแห่สิงโตผาดโผน ผู้พันอาจณรงค์ปลอมตัวเป็นโฆษกของงาน พ.อ.เชษฐ์ แต่งตัวเป็นเถ้าแก่ พออาจณรงค์แจ้งสถานการณ์เป็นรหัส
“งิ้วพร้อมแสดงเลี้ยวเถ้าแก่”
“ลื้อบอกพวกเด็กๆให้คอยต้อนรับกันดีๆอย่าให้เสียชื่อ” พ.อ.เชษฐ์ตอบกลับ
อาจณรงค์จุดประทัดแขวนเป็นการส่งสัญญาณ คณะสิงโตและขบวนแห่ แสดงฝีมือปืนป่ายผาดโผน ดอน ท่ากระดาน รับหน้าที่ตีกลองได้ยินเสียงประทัด ก็รัวกลองเป็นสัญญาณให้พรรคพวก ยอด นางพญายกหัวอาแปะขึ้นรับทราบแล้วร้องว่า อุปรากรจีนมากันแล้ว คนเชิดสิงโตคือ เทอด ยอดธง เร่งเชิดสิงโตให้คึกคักขึ้น พอรถขบวนคนร้ายแล่นมาก็ติดขบวนแห่สิงโต เจนนี่วิทยุแจ้งว่าพวกมันติดกับแล้ว
ยอดสวมหัวอาแปะเข้ามาขอโทษขอโพยคนขับรถ แล้วชวนคุยถามว่ารถนี่ขนยาไปปล่อยหรือ คนขับชักสีหน้าไม่พอใจ ยอดหัวเราะแล้วว่า
“ล้อเล่นน่า รถตู้แบบนี้ไม่ขนยาหรอก น่าจะขนลูกหมูไปขายมากกว่า”
“เฮ้ย...พูดดีๆลูกหมูอะไร”
“โห...อาเฮีย เชยหรือแกล้งเชยเนี่ย พวกขนลูกหมูก็คือพวกค้ามนุษย์ไง”
คนขับรถโวยวายหาว่าปากเสีย ยอดย้อนว่าเขาไม่ได้ปากเสีย แต่รถเฮียน่ะเสีย ว่าแล้วก็โรยตะปูเรือใบที่พื้น ทำให้รถยางแตก คนร้ายไหวตัวเกิดการยิงต่อสู้กัน สักพักก็รวบตัวคนร้ายไว้ได้หมด...รถคันหนึ่งแล่นมาจอด กริ่ง เดี่ยวและบุษกรเดินลงมา ยอดโวยทำไมเพิ่งมา กริ่งพูดขำๆว่าพวกเขามาให้กำลังใจ เทอดโต้ว่า
“กำลังใจน่ะผมมีของผมแล้ว ใช่มั้ยดอน”
“ถูกต้องที่สุด ยิงปืนไปมองตาหวานไป แบบนี้สู้ขาดใจเลย”
ชลดากับเจนนี่หมั่นไส้ เข้าไปหยิกดอนกับเทอด ทุกคนหยอกล้อกันอย่างเฮฮา
ooooooo
สตีเฟ่นกับราฮีมกลับมาที่คอนโดฯ พยายามค้นหาเรื่องราวของซัมดอง จนรู้ว่าซัมดองเป็นลิมโปเซ หรือนักบวชชาวทิเบต ทั้งสองรีบมาสืบหาที่ศาลเจ้าที่ซัมดองมาพำนักอยู่ ลุงเฝ้าศาลเจ้าพาทั้งสองมาที่พักของซัมดอง แต่ต้องแปลกใจที่ซัมดองหายตัวไป
ซัมดองพรางตัวไม่ให้ใครเห็น พอทุกคนกลับไป ซัมดองก็ปรากฏร่างขึ้น เขาหยิบดวงตาสวรรค์มาร่ายคาถาเพ่งมอง เห็นวิญญาณในลูกแก้วนั่น เขาถามวิญญาณเหล่านั้นว่า ฝรั่งนั่นมาทำไม ภาพในลูกแก้วปรากฏให้เห็นทับทิมสยาม ซัมดองรับรู้ถึงพลังของมันแล้วพึมพำ
“พวกมันจะนำข้าไปหาทับทิมสยาม พลังเหนือจักรวาลที่ข้าต้องการ”
ซัมดองมาปรากฏตัวขึ้นหลังลุงที่ยืนมองรถสตีเฟ่นแล่นออกไป ลุงสะดุ้งเมื่อเห็นซัมดองแล้วบอกว่า พวกอั้งม้อ มาหา ซัมดองตอบว่าข้ารู้แล้ว...
ในห้องประชุมสำนักงานเสาร์ห้า ดร.อภิชัย พ.อ.เชษฐ์ และผู้พันอาจณรงค์ เข้ามานั่งประจำที่ ขณะที่กลุ่มเสาร์ห้าหญิงและกลุ่มเสาร์ห้าชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อภิชัยกล่าวชมเชยทุกคนที่สามารถจับแก๊งค้ามนุษย์ได้ แล้วเริ่มประชุมภารกิจต่อไป เจนนี่ บุษกร กระแต ชลดา และยูกิ จัดการเปิดไฟล์ภาพต่างๆ แล้วอธิบายให้ ยอด เดี่ยว ดอน กริ่ง และเทอดฟังและซักถาม
จากการจับกุมแก๊งค้ายาเมื่อสามวันก่อน ได้เงินและทองคำมูลค่าประมาณร้อยล้าน จะมีการลำเลียงเงินเข้ามาในวันพรุ่งนี้ สายรายงานว่าอาจมีการปล้นโดยกองกำลังต่างชาติ
“นี่คือนายพลจางลี่ หัวหน้ากองกำลังชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งแยกมาตั้งตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับฝ่ายใด...เปาชาง หลานชายคนเดียวของจางลี่ จบการศึกษาจากรัสเซีย เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี และเคยเป็นแชมป์แม่นปืนสมัยเป็นนักศึกษา” เจนนี่เปิดภาพอธิบาย
“แต่พวกชนกลุ่มน้อย ไม่เคยมีประวัติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยแบบนี้นี่ครับ” ดอนสงสัย
“แต่นายพลจางลี่คือข้อยกเว้น เพราะว่ากลุ่มของพวกมันถูกตัดขาดจากชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น ทำให้ขาดท่อน้ำเลี้ยง” เชษฐ์อธิบาย
“ใช่ค่ะ จากที่เคยเป็นหัวหน้ารับยาเสพติดจากกลุ่มอื่นมาขายต่อ เมื่อถูกตัดขาด พวกนายพลจางลี่จึงหันมาทำงานอาชญากรรมในเมืองไทย เมื่อเสร็จงานก็จะรีบข้ามชายแดนกลับไป ทำให้ไม่มีใครทำอะไรพวกมันได้” เจนนี่รายงานต่อ
อภิชัยสรุปความว่าพรุ่งนี้ เงินและทองถูกลำเลียงเข้ามาและการปล้นครั้งนี้คงไม่ธรรมดาแน่ สั่งอาจณรงค์คุมกำลังพร้อมอาวุธให้พร้อม กริ่งพูดเล่นว่า เขาไม่กลัวเพราะเขาวิ่งได้เร็ว ยอดโวยคิดจะหนีรอดคนเดียวหรือ กริ่งทำตากรุ้มกริ่มใส่ยูกิ เขายังไม่อยากตายเพราะยังไม่ได้แต่งงาน ยูกิถลึงตาใส่ กริ่งจ๋อย ทุกคนหันมาวางแผนการทำงานกันอย่างจริงจัง
ooooooo
วันต่อมา เงินและทองคำถูกขนขึ้นรถซีเคียวริตี้ แล่นออกจากหน่วยราชการแห่งหนึ่ง มีรถตำรวจนำและปิดท้าย กริ่งปลอมตัวเป็นคนขับรถขนเงินมียอดเป็นพนักงาน อาเตียวลูกน้องนายพลจางลี่ ส่องกล้องมองแล้ววิทยุรายงานว่า ขบวนแล่นออกมาแล้วมีเจ้าหน้าที่ไม่เกิน 10 คน
ริมถนนแถวกิโลเมตรที่ 25 เห็นเปาชางกำลังยืนคุมลูกน้องให้ติดตั้งระเบิด นายพลจางลี่เข้ามาบอกว่า พวกมันกำลังมา เปาชางบอกทางนี้ก็พร้อมแล้ว ต่างพากันไปซุ่มตามจุดต่างๆ
ขณะเดียวกัน เดี่ยว ดอน เทิด และอาจณรงค์ นำกองกำลังทหารเดินเท้าผ่านเส้นทางในป่ามุ่งหน้าไปยังกิโลเมตรที่ 25 เช่นกัน เดี่ยวมีความสามารถทางการได้ยิน เขาได้ยินเสียงบางอย่างเป็นเสียงของนาฬิกาซึ่งหมายถึงระเบิด จึงบอกดอนซึ่งมีความสามารถในการมองทะลุทะลวงดอนเพ่งมองทะลุไปจนเห็นระเบิดถูกวางเอาไว้ตามจุดต่างๆไม่ต่ำกว่าสามจุด
ดอนโทร.แจ้งมายังกริ่ง แต่กริ่งใส่หูฟังเพลงขับรถอย่างเพลิดเพลิน ยอดจึงรับสายแทน
“ได้ข่าวว่าคุณชอบผลไม้ พอดีมีคนเขาจัดมะตูมกับน้อยหน่ารอคุณอยู่แถวทางโค้งประมาณกิโลเมตรที่ 25 ยังไงก็บอกคนอื่นๆต่อด้วย”ดอนพูดติดตลก
“ได้ กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี”
ยอดหันมาบอกกริ่งแต่กริ่งไม่ได้ยิน ยอดจึงดึงหูฟังออกแล้วถามว่าหิวหรือยัง แวะรับผลไม้กิโลเมตรที่ 25 ก่อน กริ่งถามผลไม้อะไร ยอดตอบเดี๋ยวก็รู้แล้วเสียบหูฟังเพลงเสียเอง...กริ่งขับรถมาเรื่อยจนใกล้จุดที่ยอดบอก กริ่งวิทยุบอกรถตำรวจที่นำทางและตามมาว่าให้ขับช้าลงต้องแวะรับของ พอรถชะลอความเร็ว ยอดรู้สึกตัวถามกริ่งจอดทำไม กริ่งถามผลไม้อยู่ตรงไหน
“คุณกริ่ง ทำไมคุณซื่อยังงี้” ยอดโวยวาย ขาดคำเสียงระเบิดตูมตามขึ้น “นั่นไงผลไม้มะตูมกับน้อยหน่าไง หลบเร็วๆ”
กริ่งกับรถตำรวจหลบระเบิดเข้าข้างทาง กองกำลังนายพลจางลี่กราดกระสุนใส่ ทุกคนวิ่งออกมาหาที่กำบัง กลุ่มเสาร์ห้าตามมาสมทบ ช่วยกันยิงตอบโต้ เมื่อกลุ่มเสาร์ห้าผนึกกำลังกันทำให้กระบวนหมัดมวยที่ปล่อยออกมาวิจิตรพิสดาร ต่างเป็นกำแพงให้กันและกัน ทำให้เปาชางกับพวกสู้ไม่ได้ นายพลจางลี่สั่งถอย เปาชางวิ่งหนีไปยังรถที่อาเตียวรอรับหนีรอดไปได้
กลุ่มเสาร์ห้ากลับบ้านพักในสภาพใบหน้าบอบช้ำกันเป็นแถว เจนนี่ ชลดา บุษกร กระแต และยูกิต้องทำแผลให้คู่ของตน ยูกิบอกทุกคนว่าตนซื้อผลไม้ไว้ให้ ยอดกับกริ่งผวาเกรงจะเป็นมะตูมกับน้อยหน่าอีก ทุกคนหัวเราะกันครืน
ooooooo
มีหมู่บ้านแนวตะเข็บชายแดน เป็นหมู่บ้านของนายพลจางลี่ มีเวรยามถือปืนเดินกันไปมา ชาวบ้านที่เป็นชายแต่งกายคล้ายทหารครึ่งท่อน บ้านพักของนายพลจางลี่ใหญ่โตพอสมควร มีจานดาวเทียมและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
เปาชางยืนดูอาเตียวค้นหาประวัติพวกเสาร์ห้าในคอมพิวเตอร์ นายพลจางลี่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของกลุ่มนี้มาก่อนว่าเป็นพวกเหนือมนุษย์ เปาชางว่าตนไม่กลัว ตนเสียดายเงินที่ชิงมาไม่ได้มากกว่า นายพลจางลี่ปลอบหลานชายว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวให้คอยเช็กข่าวไว้
ในคืนวันหนึ่ง สตีเฟ่นได้พบกับซัมดอง ปรากฏตัวขึ้นในรถ บอกให้เขาขับรถไปเรื่อยๆถ้าอยากจะพบพ่อ เขาจึงขับรถไปตามทางที่ซัมดองบอก เป็นถนนเปลี่ยวและมืด ซัมดองได้ยินเสียงบางอย่างนอกรถจึงให้จอด สตีเฟ่นหันมามองหน้าแต่พอหันกลับไปก็เห็นร่างคนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าข้างทาง เขารีบเบรกรถอย่างแรง ชายคนนั้นลักษณะเหมือนคนบ้า หนวดเครารุงรังเสื้อผ้าขาดวิ่น สตีเฟ่นลงจากรถมาโวยวายใส่แล้วเขาก็ได้เห็นว่าชายคนนั้นคือ ดร.ฟอร์ด
เขาจึงพาพ่อกลับมาที่คอนโดฯ อาบน้ำโกนหนวดเคราเรียบร้อย เห็นซัมดองนั่งกรรมฐานบนพื้น ดร.ฟอร์ดกระซิบถามลูกชายว่าเชื่อถือได้แน่หรือ สตีเฟ่นตอบว่าถ้าไม่ใช่เพราะซัมดองเขาก็คงไม่ได้พบพ่อ ซัมดองถามคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ
“ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่มีอะไรพิสูจน์ก็คงเชื่อยาก” ดร.ฟอร์ดออกตัว
ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมาร่ายเวทมนต์ มันกางออกเป็นลูกแก้วใส มองเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนเครื่องบินตก และบอกว่าเป็นเพราะนักบินไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดเป็นภาพลวงตา
“พื้นที่ตรงนั้น มีของล้ำค่าซ่อนตัวอยู่” ซัมดองบอกสองพ่อลูก
“ของล้ำค่าอะไรครับ” ดร.ฟอร์ดถามด้วยความทึ่ง
“ทับทิมสยาม...”
ดร.ฟอร์ดยิ้มกับลูกชาย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆและเริ่มศรัทธาในตัวซัมดอง...วันต่อมา นาตาชาเดินทางกลับมา ดร.ฟอร์ดบอกลูกสาวว่าอย่าเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเขายังไม่ตาย หลังจากนั้น ดร.ฟอร์ดก็เริ่มปรึกษากับลูกๆและราฮีม เปิดภาพแผนที่จากดาวเทียมให้ดูเส้นทางที่เครื่องบินตก
“ถ้าจำไม่ผิด เส้นทางเข้าออกจะมองเห็นเจดีย์ใหญ่ สูงกว่าต้นไม้ แต่บริเวณนั้นเป็นเขตอันตรายเหมือนแดนสนธยา เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นแถวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าทุกอย่างมันเหมือนจริง แต่ไม่ใช่ความจริง ลูกเรือที่รอดชีวิตมา ล้วนแล้วแต่ต้องจบชีวิตเพราะภาพลวงตาเหล่านั้น”
“อาจารย์ซัมดองบอกว่า ตรงนั้นมีทับทิมสยามซ่อนตัวอยู่” สตีเฟ่นกล่าว
“ใช่ มันต้องเป็นทับทิมสยามสีม่วงเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ ถ้าเครื่องมือเราพร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเดินทางกันได้ทันที”
สตีเฟ่นได้ให้ราฮีมเตรียมพวกแรงงานกับพวกลูกหาบไว้แล้ว ดร.ฟอร์ดย้ำว่าต้องปิดเป็นความลับอย่าให้พวกมันรู้ ราฮีมรับทราบ นาตาชาถามตนต้องทำอะไรบ้าง ดร.ฟอร์ดยิ้มมีเลศนัย
ooooooo
นาตาชาเดินทางมาที่สำนักงานเสาร์ห้า เกิดทะเลาะกับเจนนี่เรื่องที่จอดรถและได้ประฝีมือกันพอ ทำเนา ยูกิกับกริ่งเข้ามาห้าม เจนนี่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่
นาตาชามาว่าจ้างอภิชัยให้จัดกลุ่มเสาร์ห้าคอยคุ้มกันทับทิมสยามสีชมพูมูลค่ามหาศาลที่ตนเป็นผู้ถือครองอยู่ อภิชัยนิ่งฟังอย่างครุ่นคิดและตอบไปว่า ตนต้องขอฟังรายละเอียดก่อน
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่ชอบพูดซ้ำซาก ถ้าไงขอนัดทีมของคุณให้พร้อมแล้วฉันจะเข้ามาบรีฟทีเดียว” ท่าทางนาตาชาเย่อหยิ่งเพราะคิดว่าอภิชัยคงตาโตกับเงินค่าจ้างของตน
กลุ่มเสาร์ห้าถูกเรียกเข้าประชุม ทีมเสาร์ห้าหญิงช่วยกันเปิดวีดิโอเรื่องราวทับทิมสยาม มีเสียงบรรยายว่า...ทับทิมสยาม ตำนานแห่งอัญมณีระดับโลก จากบันทึกของกินเนสส์บุ๊ก ทับทิมสยามที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบไปด้วย ทับทิมสามก้อน คือ ทับทิมสีชมพู ทับทิมสีแดง และทับทิมสีม่วง ซึ่งแต่ละก้อน ต่างก็มีผู้ครอบครองสืบต่อกันมานานนับพันปี
ทับทิมสีม่วง ตกอยู่ในครอบครองของหมู่เจ้านายแห่งล้านนาหลายชั่วอายุคน แต่แล้วก็หายสาบสูญไป จนมีการค้นพบอีกครั้งที่หลุมฝังศพโบราณแห่งหนึ่งทางเหนือ เมื่อข่าวสะพัดออกไป ทับทิมสีม่วงก็ถูกปล้นและสูญหายไประหว่างการตามล่าของตำรวจระหว่าง พ.ศ. 2500
ทับทิมสีแดง อยู่ในการครอบครองของเทวีแห่งเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โดยประดับไว้บนมงกุฎเทวีและสืบทอดส่งต่อกันมาหลายรุ่น จนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม เชียงรุ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีน ราชวงศ์เชียงรุ้งถูกคุกคามจึงหลบหนีมาเมืองไทยและนำมงกุฎเทวีติดมาด้วย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ครอบครอง เชื่อว่าขณะนี้ ทับทิมสีแดงยังอยู่ในเมืองไทย
ทับทิมสีชมพู ตกอยู่ในครอบครองของเจ้าฟ้าเมืองนาย แต่ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ายึดรัฐฉานและพม่าเป็นเมืองขึ้น มันจึงตกไปอยู่ในมือชาวอังกฤษคนหนึ่ง จากนั้นอีกหลายร้อยปี ก็ปรากฏอีกครั้งที่อเมริกาโดยผู้ครอบครองปัจจุบันคือ มิสนาตาชา แม็คควีน บุตรสาวของ ดร.ฟอร์ด...
วีดิโอจบลง พร้อมกับนาตาชาเดินเข้ามาปรบมือชมเชยกับข้อมูลที่หามาได้ถูกต้อง เธอแนะนำตัวกับทุกคน ยกเว้นเจนนี่ อธิบายจะมีงานแสดงอัญมณีแห่งตำนานที่ตนต้องเอาทับทิมสีชมพูออกมาแสดง เจนนี่ถามถึงจุดประสงค์ที่นำออกมา นาตาชาบอกว่าเรื่องนี้ตนจะแถลงในวันหน้า เจนนี่ว่าถ้าจะต้องทำงานร่วมกันต้องให้ข้อมูลมากที่สุด นาตาชา อ้างว่า ข้อมูลบางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว ขอให้พวกเสาร์ห้าวางระบบรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุดก็พอ รายละเอียดการจัดงานอยู่ในเอกสารของบริษัทออร์กะไนซ์แล้ว เธอวางแฟ้มเอกสารไว้ให้และหันมาถามอภิชัยว่าตนจะขอให้คนช่วยดูแลความปลอดภัยให้ระหว่างกลับไปขึ้นรถจะได้ไหม อภิชัยอนุญาต นาตาชาเลือกดอนแล้วหันไปยิ้มเย้ยเจนนี่
ตอนที่ 1
เครื่องบินส่วนตัวเอสตาบิท กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเข้าสู่เขตประเทศไทย โฮสเตจนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญขององค์การนาซ่า ซึ่งนั่งทำงานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ และได้ยื่นเอกสารที่สตีเฟ่นลูกชายด็อกเตอร์มาส่งให้ดร.ฟอร์ดอ่านแล้วยิ้ม “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ มันยังอยู่ในเมืองไทย”
โฮสเตจถามว่าอะไร ดร.ฟอร์ดตอบว่า ทับทิมสยาม โฮสเตจไม่เข้าใจอยู่ดีจึงค้อมหัวให้แล้วเดินกลับไป ดร.ฟอร์ดเปิดคอมพ์ มีภาพ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ และมีสมการ E=MC2 ปรากฏขึ้นหน้าเว็บเพจเปิดให้เห็นการทดลองระเบิดปรมาณูจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นความทุกข์ทรมานของคนญี่ปุ่น จากสงคราม...
ณ สำนักงานเสาร์ห้า อธิบดีอภิชัยกำลังคุยกับผู้พันอาจณรงค์ ด้วยท่าทีเคร่งเครียด ท่านเปิดคอมพ์ให้ดู สมการ E=MC2 แล้วถามว่ารู้จักไหม
“สมการที่เป็นต้นกำเนิดของระเบิดนิวเคลียร์ครับท่าน” อาจณรงค์ตอบ
“มีรายงานเข้ามาว่า ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนิวเคลียร์ กำลังบินเข้ามาเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว” อภิชัยย้ำมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ให้อาจณรงค์ รีบส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวด่วน...
บนท้องฟ้า ที่เครื่องบิน ดร.ฟอร์ด บินอยู่ใกล้ถึงสุวรรณภูมิและได้ติดต่อขอแลนด์ดิ้งแล้วทันใดบนจอเรดาห์ก็ปรากฏกลุ่มก้อนบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามา ผู้ช่วยกัปตันรายงานว่าเป็นเมฆฝนแต่กัปตันไม่คิดเช่นนั้น ทั้งสองรีบประจำที่เพื่อทำการบังคับเครื่อง ที่ห้องผู้โดยสาร ไฟฟ้ากะพริบทำให้ดร.ฟอร์ดรู้ถึงความผิดปกติ จึงให้โฮสเตจไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เครื่องบินโอนเอนอย่างน่ากลัว ผู้ช่วยบอกกัปตันว่าข้างหน้ามีพายุหมุน กัปตันกำลังจะบังคับเครื่องให้หักหลบ ดร.ฟอร์ดรอฟังไม่ไหวตามโฮสเตจมาที่ห้องนักบิน พอเห็นกัปตันจะหักหลบก็รีบห้าม
“อย่าหักหลบนะ เครื่องจะเสียการทรงตัว”
“แต่เรากำลังจะโดนพายุดูดเข้าไปนะครับ” กัปตันแย้ง
“นั่นไม่ใช่พายุ อย่าหลบมัน บินตรงไป”
กัปตันไม่เชื่อ ให้โฮสเตจและผู้ช่วยเอาตัว ดร.ฟอร์ดกลับไปนั่งที่ ดร.ฟอร์ดร้องลั่นให้เชื่อเขา อย่าหลบ เครื่องจะเสียหลัก ขาดคำเครื่องก็หมุนคว้าง และตกลงกลางป่าดงดิบชายแดนไทย
วันต่อมา หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว...ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่าหายสาบสูญกลางป่าจังหวัดกาญจนบุรี...สตีเฟ่น ลูกชาย ดร.ฟอร์ด เชื่อว่าพ่อยังไม่ตาย สั่งลูกน้องราฮีมหาคนนำทางเข้าไปในป่านั่น เขาจะเข้าไปตามหาพ่อ ขณะนั่งรถโฟร์วีลไปตามทาง โดยราฮีมเป็นคนขับ สตีเฟ่นเห็นนักบวชท่าทางแปลกๆคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง เขารู้สึกสะท้านอย่างประหลาด เมื่อเหลียวมองกลับไปอีกครั้ง นักบวชคนนั้นได้หายไปแล้ว สตีเฟ่นคิดว่าตนตาฝาด
มาถึงหมู่บ้านชายแดน สตีเฟ่นให้ราฮีมจ้างชาวบ้านใครก็ได้นำทางเดินป่าด้วยค่าจ้างสูงลิ่ว แต่พอทุกคนรู้ว่า จุดที่สตีเฟ่นจะไปคือ เขตสุสานช้าง ต่างก็ปฏิเสธแม้ว่าจะได้ค่าจ้างเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ตาม สตีเฟ่นหงุดหงิดมาขึ้นรถ ราฮีมกำลังจะออกรถ แห้งวิ่งเข้ามาเกาะรถแล้วบอกว่ามีคนจะพาไปสุสานช้างได้ สตีเฟ่นเห็นสภาพแห้งแล้วไม่อยากเชื่อ แต่แห้งบอกว่า มีอาจารณ์เณรช่วยได้สตีเฟ่นจึงยอมตาม แห้งไปที่บ้านอาจารย์เณร
“อาจารย์เณรของแกนี่เป็นพรานป่าใช่มั้ย” ราฮีมถามแห้ง
พอแห้งตอบว่าไม่ใช่ ราฮีมโมโหที่พามาทำไม แห้งรีบบอกว่า ไม่ใช่พรานแต่เก่งกว่าพราน ราฮีมสบถให้พาไปสุสานช้างได้ก็แล้วกัน แห้งตอบไม่...อาจารย์ไม่พาไป ราฮีมโกรธ ชักปืนออกมา แห้งตกใจยกมือไหว้
“อย่านาย อย่ายิง ถ้านายจะไปสุสานช้าง นายต้องให้อาจารย์เณรดูก่อน ท่านดูหมอเก่ง”
“ที่แท้ก็พามาหาหมอดูนี่เอง ไป กลับ” สตีเฟ่นไม่พอใจจะกลับไปขึ้นรถ
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากในบ้าน “รถเอ็งสตาร์ตไม่ติดหรอก”
ราฮีมขึ้นนั่งสตาร์ตเครื่อง รถไม่ยอมติดจริงๆ สองคนแปลกใจ เสียงอาจารย์เณรดังออกมาอีกว่า เครื่องบินตก ทุกคนตายหมด ยกเว้นพ่อเอ็ง ข้ารู้ ข้าเห็น สองคนมองหน้ากันงงๆ...
ทั้งสตีเฟ่นและราฮีมเข้ามานั่งตรงหน้าอาจารย์เณร มีลูกศิษย์สามคนคอยรับใช้อยู่ข้างหลัง แห้งนั่งถัดไปห่างๆ อาจารย์เณรรู้ว่าสตีเฟ่นไม่เชื่อถือตน จึงให้หยิบธนบัตรออกมาวางคู่กับกระดาษที่ตนเขียนตัวเลขไว้ ปรากฏว่า ตัวเลขตรงกัน ราฮีมหาว่าเล่นกล อาจารย์เณรจึงทำให้กระดาษในมือราฮีมไฟไหม้ขึ้นต่อหน้าต่อตา ราฮีมตกใจทิ้งกระดาษในมือ จะวิ่งหนี ก็เห็นภาพหลอนวิญญาณมาทำร้าย เขาร้องโวยวายกลัวแล้วๆ สตีเฟ่นจะเข้าช่วย อาจารย์เณรห้าม
“เรื่องนี้เอ็งไม่เกี่ยว ปล่อยให้ลูกน้องเอ็งมันโดนซะบ้าง”
ราฮีมกลัวลานจนร้องว่ายอมแล้วๆ...อาจารย์เณรแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดูพอประปรายจนสตีเฟ่นเชื่อถือ อาจารย์เณรให้เขาตบรางวัลให้แห้งที่พามาพบตน เมื่อแห้งได้เงินก็กลับไป อาจารย์เณรเริ่มพิธีกรรม ให้ลูกศิษย์ยกบาตรน้ำมาตั้งตรงหน้า ตนหยิบไม้แกะสลักรูปดอกบัวจากแท่นบูชามากำไว้ในมือ นั่งหลับตาสักพัก เกิดพลังงานทำให้น้ำในบาตรหมุนวนแล้วยกตัวขึ้น เห็นภาพ ดร.ฟอร์ด เดินโซซัด โซเซเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่กลางป่า แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่จริง สักพักก็เกิดไฟลุกพรึบในน้ำ ภาพหายไป อาจารย์เณรยกดอกบัวขึ้นไหว้ สตีเฟ่นถามว่านั่นอะไร
“มันคือดวงตาสวรรค์ เป็นของวิเศษที่มาจากทิเบต พระองค์หนึ่งท่านให้ข้ามา ถ้าเอ็งอยากจะรู้อยากจะเห็นอะไรก็ใช้ดวงตาสวรรค์นี่แหละมันจะทำให้เอ็งเห็นทุกอย่าง”
ราฮีมถามว่าข้างในเป็นอะไร อาจารย์เณรยิ้มเพราะไม่รู้เหมือนกัน พลันปรากฏร่างนักบวชชาวทิเบตชื่อ ซัมดอง เดินเข้ามาด้วยท่าทางถมึงทึงไม่เป็นมิตร
“หมอดูกระจอกอย่างเอ็ง ไม่มีวันรู้หรอกว่า ข้างในดวงตาสวรรค์มีอะไร ฮ่ะๆๆ”
ทุกคนชะงักหันมามอง อาจารย์เณรรีบเก็บดวงตาสวรรค์ใส่ย่ามแล้วถามว่าเอ็งเป็นใคร
“ยมทูตที่จะมาปลิดชีวิตเอ็ง” ซัมดองตอบ
อาจารย์เณรหันไปสั่งลูกศิษย์ยิงใส่ซัมดอง แต่กระสุนทำอะไรซัมดองไม่ได้เลย แถมปืนทั้งหมดกลายเป็นหิน พวกลูกศิษย์ตกใจ โยนทิ้งวิ่งหนี สตีเฟ่นกับราฮีมหาที่หลบดูเหตุการณ์ ซัมดองหันมาต่อสู้กับอาจารย์เณร ซัมดองหายตัวมาโผล่ด้านหลังและล็อกคออาจารย์เณร ล้วงเอาดวงตาสวรรค์ออกมาจากย่าม จากนั้นร่ายคาถา ดอกบัวบานออก เห็นเป็นลูกแก้วใส ส่องแสงจ้าพุ่งใส่หน้าอาจารย์เณร ซัมดองคำราม
“เอ็งไม่เคยรู้เลยใช่ไหมว่าข้างในดวงตาสวรรค์มันคืออะไร มันคือที่กักกันวิญญาณของเอ็งไง ไอ้เณร” ว่าแล้ววิญญาณอาจารย์เณรก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ในดวงแก้ว “ในที่สุด ดวงสวรรค์ก็เป็นของข้า” ซัมดองปล่อยร่างไร้วิญญาณของอาจารย์เณรลงพื้นแล้วเดินออกไปจากบ้าน
สตีเฟ่นและราฮีมรีบตามซัมดองไป ไม่ทันไร ร่างซัมดองก็หายแวบไป ทั้งสองต่างตกใจ
ooooooo
โฮสเตจถามว่าอะไร ดร.ฟอร์ดตอบว่า ทับทิมสยาม โฮสเตจไม่เข้าใจอยู่ดีจึงค้อมหัวให้แล้วเดินกลับไป ดร.ฟอร์ดเปิดคอมพ์ มีภาพ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ และมีสมการ E=MC2 ปรากฏขึ้นหน้าเว็บเพจเปิดให้เห็นการทดลองระเบิดปรมาณูจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นความทุกข์ทรมานของคนญี่ปุ่น จากสงคราม...
ณ สำนักงานเสาร์ห้า อธิบดีอภิชัยกำลังคุยกับผู้พันอาจณรงค์ ด้วยท่าทีเคร่งเครียด ท่านเปิดคอมพ์ให้ดู สมการ E=MC2 แล้วถามว่ารู้จักไหม
“สมการที่เป็นต้นกำเนิดของระเบิดนิวเคลียร์ครับท่าน” อาจณรงค์ตอบ
“มีรายงานเข้ามาว่า ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนิวเคลียร์ กำลังบินเข้ามาเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว” อภิชัยย้ำมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ให้อาจณรงค์ รีบส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวด่วน...
บนท้องฟ้า ที่เครื่องบิน ดร.ฟอร์ด บินอยู่ใกล้ถึงสุวรรณภูมิและได้ติดต่อขอแลนด์ดิ้งแล้วทันใดบนจอเรดาห์ก็ปรากฏกลุ่มก้อนบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามา ผู้ช่วยกัปตันรายงานว่าเป็นเมฆฝนแต่กัปตันไม่คิดเช่นนั้น ทั้งสองรีบประจำที่เพื่อทำการบังคับเครื่อง ที่ห้องผู้โดยสาร ไฟฟ้ากะพริบทำให้ดร.ฟอร์ดรู้ถึงความผิดปกติ จึงให้โฮสเตจไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เครื่องบินโอนเอนอย่างน่ากลัว ผู้ช่วยบอกกัปตันว่าข้างหน้ามีพายุหมุน กัปตันกำลังจะบังคับเครื่องให้หักหลบ ดร.ฟอร์ดรอฟังไม่ไหวตามโฮสเตจมาที่ห้องนักบิน พอเห็นกัปตันจะหักหลบก็รีบห้าม
“อย่าหักหลบนะ เครื่องจะเสียการทรงตัว”
“แต่เรากำลังจะโดนพายุดูดเข้าไปนะครับ” กัปตันแย้ง
“นั่นไม่ใช่พายุ อย่าหลบมัน บินตรงไป”
กัปตันไม่เชื่อ ให้โฮสเตจและผู้ช่วยเอาตัว ดร.ฟอร์ดกลับไปนั่งที่ ดร.ฟอร์ดร้องลั่นให้เชื่อเขา อย่าหลบ เครื่องจะเสียหลัก ขาดคำเครื่องก็หมุนคว้าง และตกลงกลางป่าดงดิบชายแดนไทย
วันต่อมา หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว...ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่าหายสาบสูญกลางป่าจังหวัดกาญจนบุรี...สตีเฟ่น ลูกชาย ดร.ฟอร์ด เชื่อว่าพ่อยังไม่ตาย สั่งลูกน้องราฮีมหาคนนำทางเข้าไปในป่านั่น เขาจะเข้าไปตามหาพ่อ ขณะนั่งรถโฟร์วีลไปตามทาง โดยราฮีมเป็นคนขับ สตีเฟ่นเห็นนักบวชท่าทางแปลกๆคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง เขารู้สึกสะท้านอย่างประหลาด เมื่อเหลียวมองกลับไปอีกครั้ง นักบวชคนนั้นได้หายไปแล้ว สตีเฟ่นคิดว่าตนตาฝาด
มาถึงหมู่บ้านชายแดน สตีเฟ่นให้ราฮีมจ้างชาวบ้านใครก็ได้นำทางเดินป่าด้วยค่าจ้างสูงลิ่ว แต่พอทุกคนรู้ว่า จุดที่สตีเฟ่นจะไปคือ เขตสุสานช้าง ต่างก็ปฏิเสธแม้ว่าจะได้ค่าจ้างเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ตาม สตีเฟ่นหงุดหงิดมาขึ้นรถ ราฮีมกำลังจะออกรถ แห้งวิ่งเข้ามาเกาะรถแล้วบอกว่ามีคนจะพาไปสุสานช้างได้ สตีเฟ่นเห็นสภาพแห้งแล้วไม่อยากเชื่อ แต่แห้งบอกว่า มีอาจารณ์เณรช่วยได้สตีเฟ่นจึงยอมตาม แห้งไปที่บ้านอาจารย์เณร
“อาจารย์เณรของแกนี่เป็นพรานป่าใช่มั้ย” ราฮีมถามแห้ง
พอแห้งตอบว่าไม่ใช่ ราฮีมโมโหที่พามาทำไม แห้งรีบบอกว่า ไม่ใช่พรานแต่เก่งกว่าพราน ราฮีมสบถให้พาไปสุสานช้างได้ก็แล้วกัน แห้งตอบไม่...อาจารย์ไม่พาไป ราฮีมโกรธ ชักปืนออกมา แห้งตกใจยกมือไหว้
“อย่านาย อย่ายิง ถ้านายจะไปสุสานช้าง นายต้องให้อาจารย์เณรดูก่อน ท่านดูหมอเก่ง”
“ที่แท้ก็พามาหาหมอดูนี่เอง ไป กลับ” สตีเฟ่นไม่พอใจจะกลับไปขึ้นรถ
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากในบ้าน “รถเอ็งสตาร์ตไม่ติดหรอก”
ราฮีมขึ้นนั่งสตาร์ตเครื่อง รถไม่ยอมติดจริงๆ สองคนแปลกใจ เสียงอาจารย์เณรดังออกมาอีกว่า เครื่องบินตก ทุกคนตายหมด ยกเว้นพ่อเอ็ง ข้ารู้ ข้าเห็น สองคนมองหน้ากันงงๆ...
ทั้งสตีเฟ่นและราฮีมเข้ามานั่งตรงหน้าอาจารย์เณร มีลูกศิษย์สามคนคอยรับใช้อยู่ข้างหลัง แห้งนั่งถัดไปห่างๆ อาจารย์เณรรู้ว่าสตีเฟ่นไม่เชื่อถือตน จึงให้หยิบธนบัตรออกมาวางคู่กับกระดาษที่ตนเขียนตัวเลขไว้ ปรากฏว่า ตัวเลขตรงกัน ราฮีมหาว่าเล่นกล อาจารย์เณรจึงทำให้กระดาษในมือราฮีมไฟไหม้ขึ้นต่อหน้าต่อตา ราฮีมตกใจทิ้งกระดาษในมือ จะวิ่งหนี ก็เห็นภาพหลอนวิญญาณมาทำร้าย เขาร้องโวยวายกลัวแล้วๆ สตีเฟ่นจะเข้าช่วย อาจารย์เณรห้าม
“เรื่องนี้เอ็งไม่เกี่ยว ปล่อยให้ลูกน้องเอ็งมันโดนซะบ้าง”
ราฮีมกลัวลานจนร้องว่ายอมแล้วๆ...อาจารย์เณรแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดูพอประปรายจนสตีเฟ่นเชื่อถือ อาจารย์เณรให้เขาตบรางวัลให้แห้งที่พามาพบตน เมื่อแห้งได้เงินก็กลับไป อาจารย์เณรเริ่มพิธีกรรม ให้ลูกศิษย์ยกบาตรน้ำมาตั้งตรงหน้า ตนหยิบไม้แกะสลักรูปดอกบัวจากแท่นบูชามากำไว้ในมือ นั่งหลับตาสักพัก เกิดพลังงานทำให้น้ำในบาตรหมุนวนแล้วยกตัวขึ้น เห็นภาพ ดร.ฟอร์ด เดินโซซัด โซเซเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่กลางป่า แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่จริง สักพักก็เกิดไฟลุกพรึบในน้ำ ภาพหายไป อาจารย์เณรยกดอกบัวขึ้นไหว้ สตีเฟ่นถามว่านั่นอะไร
“มันคือดวงตาสวรรค์ เป็นของวิเศษที่มาจากทิเบต พระองค์หนึ่งท่านให้ข้ามา ถ้าเอ็งอยากจะรู้อยากจะเห็นอะไรก็ใช้ดวงตาสวรรค์นี่แหละมันจะทำให้เอ็งเห็นทุกอย่าง”
ราฮีมถามว่าข้างในเป็นอะไร อาจารย์เณรยิ้มเพราะไม่รู้เหมือนกัน พลันปรากฏร่างนักบวชชาวทิเบตชื่อ ซัมดอง เดินเข้ามาด้วยท่าทางถมึงทึงไม่เป็นมิตร
“หมอดูกระจอกอย่างเอ็ง ไม่มีวันรู้หรอกว่า ข้างในดวงตาสวรรค์มีอะไร ฮ่ะๆๆ”
ทุกคนชะงักหันมามอง อาจารย์เณรรีบเก็บดวงตาสวรรค์ใส่ย่ามแล้วถามว่าเอ็งเป็นใคร
“ยมทูตที่จะมาปลิดชีวิตเอ็ง” ซัมดองตอบ
อาจารย์เณรหันไปสั่งลูกศิษย์ยิงใส่ซัมดอง แต่กระสุนทำอะไรซัมดองไม่ได้เลย แถมปืนทั้งหมดกลายเป็นหิน พวกลูกศิษย์ตกใจ โยนทิ้งวิ่งหนี สตีเฟ่นกับราฮีมหาที่หลบดูเหตุการณ์ ซัมดองหันมาต่อสู้กับอาจารย์เณร ซัมดองหายตัวมาโผล่ด้านหลังและล็อกคออาจารย์เณร ล้วงเอาดวงตาสวรรค์ออกมาจากย่าม จากนั้นร่ายคาถา ดอกบัวบานออก เห็นเป็นลูกแก้วใส ส่องแสงจ้าพุ่งใส่หน้าอาจารย์เณร ซัมดองคำราม
“เอ็งไม่เคยรู้เลยใช่ไหมว่าข้างในดวงตาสวรรค์มันคืออะไร มันคือที่กักกันวิญญาณของเอ็งไง ไอ้เณร” ว่าแล้ววิญญาณอาจารย์เณรก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ในดวงแก้ว “ในที่สุด ดวงสวรรค์ก็เป็นของข้า” ซัมดองปล่อยร่างไร้วิญญาณของอาจารย์เณรลงพื้นแล้วเดินออกไปจากบ้าน
สตีเฟ่นและราฮีมรีบตามซัมดองไป ไม่ทันไร ร่างซัมดองก็หายแวบไป ทั้งสองต่างตกใจ
ooooooo
“อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” ว่าแล้วก็โผนเข้ากระชากคนบนมอเตอร์ไซค์ทั้งสองลงมา
เกิดการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง คนร้ายคนหนึ่งคว้ากระเป๋าขี่รถหนี กริ่งมีความสามารถพิเศษวิ่งได้เร็วเทียบคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์ คนร้ายตกใจมองเข็มไมล์เห็นว่าตัวเองใช้ความเร็วสูง ก็หน้าตาตื่น ไม่ทันระวังชนเข้ากับรถที่สวนมา...ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่และจับกุมคนร้ายไป
เดี่ยว สมเด็จกับบุษกร ขับรถมาตามถนนสายหนึ่ง เดี่ยวรู้สึกเขม่นตาต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง พลันมีรถหน่วยกู้ภัยเปิดไซเรนวิ่งแซงไป เดี่ยวจึงขับรถตามและพบว่าเกิดเหตุคนจะโดดตึกฆ่าตัวตาย เดี่ยวแอบขึ้นไปบนตึกแล้วรวบตัวชายคนนั้นโดดลงบนเบาะลมที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ ชายคนนั้นหน้าตาตื่นกลัว
ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ เจ้าหน้าที่พาชายคนนั้นออกไป บุษกรเข้ามาดูเดี่ยวเห็นนอนนิ่งก็เรียก เดี่ยวค่อยๆลืมตาขึ้นพึมพำว่า
“นางฟ้า นางฟ้าจริงๆด้วย นี่ผมตายแล้วใช่มั้ยครับนางฟ้า”
“ตาบ้า...” บุษกรหยิกเดี่ยวจนร้องลั่น ผู้คนที่มุงดูหัวเราะกันกราว...
วันต่อมา บ้านแก๊งลูกหมูเป็นบ้านหลังใหญ่ดูมีฐานะ มีรั้วรอบขอบชิด เจนนี่กับยูกิแอบซุ่มสังเกตการณ์ เห็นชายฉกรรจ์ 5 คน ต้อนหญิงสาวประมาณ 12 คน ขึ้นรถตู้ มีรถเก๋งนำขบวนแล่นออกมา เจนนี่โทร.แจ้งกระแตว่ารถคนร้ายกำลังออกจากบ้าน เป็นรถตู้ติดสติกเกอร์สีแดงขาว จุดสังเกตเขียนคำว่า...เลือดมังกร...ให้แจ้งหน่วยเหนือเตรียมรับมือ กระแตรับทราบ เจนนี่หันมาบอกยูกิให้ขับรถตามห่างๆ
กระแตกับชลดาจอดรถซุ่มอยู่อีกจุด ส่องกล้องดู เห็นรถคนร้ายแล่นไปถนนไหนโทร.แจ้งไปยังผู้พันอาจณรงค์ ขณะนั้น บริเวณศาลเจ้ามีการแห่สิงโตผาดโผน ผู้พันอาจณรงค์ปลอมตัวเป็นโฆษกของงาน พ.อ.เชษฐ์ แต่งตัวเป็นเถ้าแก่ พออาจณรงค์แจ้งสถานการณ์เป็นรหัส
“งิ้วพร้อมแสดงเลี้ยวเถ้าแก่”
“ลื้อบอกพวกเด็กๆให้คอยต้อนรับกันดีๆอย่าให้เสียชื่อ” พ.อ.เชษฐ์ตอบกลับ
อาจณรงค์จุดประทัดแขวนเป็นการส่งสัญญาณ คณะสิงโตและขบวนแห่ แสดงฝีมือปืนป่ายผาดโผน ดอน ท่ากระดาน รับหน้าที่ตีกลองได้ยินเสียงประทัด ก็รัวกลองเป็นสัญญาณให้พรรคพวก ยอด นางพญายกหัวอาแปะขึ้นรับทราบแล้วร้องว่า อุปรากรจีนมากันแล้ว คนเชิดสิงโตคือ เทอด ยอดธง เร่งเชิดสิงโตให้คึกคักขึ้น พอรถขบวนคนร้ายแล่นมาก็ติดขบวนแห่สิงโต เจนนี่วิทยุแจ้งว่าพวกมันติดกับแล้ว
ยอดสวมหัวอาแปะเข้ามาขอโทษขอโพยคนขับรถ แล้วชวนคุยถามว่ารถนี่ขนยาไปปล่อยหรือ คนขับชักสีหน้าไม่พอใจ ยอดหัวเราะแล้วว่า
“ล้อเล่นน่า รถตู้แบบนี้ไม่ขนยาหรอก น่าจะขนลูกหมูไปขายมากกว่า”
“เฮ้ย...พูดดีๆลูกหมูอะไร”
“โห...อาเฮีย เชยหรือแกล้งเชยเนี่ย พวกขนลูกหมูก็คือพวกค้ามนุษย์ไง”
คนขับรถโวยวายหาว่าปากเสีย ยอดย้อนว่าเขาไม่ได้ปากเสีย แต่รถเฮียน่ะเสีย ว่าแล้วก็โรยตะปูเรือใบที่พื้น ทำให้รถยางแตก คนร้ายไหวตัวเกิดการยิงต่อสู้กัน สักพักก็รวบตัวคนร้ายไว้ได้หมด...รถคันหนึ่งแล่นมาจอด กริ่ง เดี่ยวและบุษกรเดินลงมา ยอดโวยทำไมเพิ่งมา กริ่งพูดขำๆว่าพวกเขามาให้กำลังใจ เทอดโต้ว่า
“กำลังใจน่ะผมมีของผมแล้ว ใช่มั้ยดอน”
“ถูกต้องที่สุด ยิงปืนไปมองตาหวานไป แบบนี้สู้ขาดใจเลย”
ชลดากับเจนนี่หมั่นไส้ เข้าไปหยิกดอนกับเทอด ทุกคนหยอกล้อกันอย่างเฮฮา
ooooooo
สตีเฟ่นกับราฮีมกลับมาที่คอนโดฯ พยายามค้นหาเรื่องราวของซัมดอง จนรู้ว่าซัมดองเป็นลิมโปเซ หรือนักบวชชาวทิเบต ทั้งสองรีบมาสืบหาที่ศาลเจ้าที่ซัมดองมาพำนักอยู่ ลุงเฝ้าศาลเจ้าพาทั้งสองมาที่พักของซัมดอง แต่ต้องแปลกใจที่ซัมดองหายตัวไป
ซัมดองพรางตัวไม่ให้ใครเห็น พอทุกคนกลับไป ซัมดองก็ปรากฏร่างขึ้น เขาหยิบดวงตาสวรรค์มาร่ายคาถาเพ่งมอง เห็นวิญญาณในลูกแก้วนั่น เขาถามวิญญาณเหล่านั้นว่า ฝรั่งนั่นมาทำไม ภาพในลูกแก้วปรากฏให้เห็นทับทิมสยาม ซัมดองรับรู้ถึงพลังของมันแล้วพึมพำ
“พวกมันจะนำข้าไปหาทับทิมสยาม พลังเหนือจักรวาลที่ข้าต้องการ”
ซัมดองมาปรากฏตัวขึ้นหลังลุงที่ยืนมองรถสตีเฟ่นแล่นออกไป ลุงสะดุ้งเมื่อเห็นซัมดองแล้วบอกว่า พวกอั้งม้อ มาหา ซัมดองตอบว่าข้ารู้แล้ว...
ในห้องประชุมสำนักงานเสาร์ห้า ดร.อภิชัย พ.อ.เชษฐ์ และผู้พันอาจณรงค์ เข้ามานั่งประจำที่ ขณะที่กลุ่มเสาร์ห้าหญิงและกลุ่มเสาร์ห้าชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อภิชัยกล่าวชมเชยทุกคนที่สามารถจับแก๊งค้ามนุษย์ได้ แล้วเริ่มประชุมภารกิจต่อไป เจนนี่ บุษกร กระแต ชลดา และยูกิ จัดการเปิดไฟล์ภาพต่างๆ แล้วอธิบายให้ ยอด เดี่ยว ดอน กริ่ง และเทอดฟังและซักถาม
จากการจับกุมแก๊งค้ายาเมื่อสามวันก่อน ได้เงินและทองคำมูลค่าประมาณร้อยล้าน จะมีการลำเลียงเงินเข้ามาในวันพรุ่งนี้ สายรายงานว่าอาจมีการปล้นโดยกองกำลังต่างชาติ
“นี่คือนายพลจางลี่ หัวหน้ากองกำลังชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งแยกมาตั้งตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับฝ่ายใด...เปาชาง หลานชายคนเดียวของจางลี่ จบการศึกษาจากรัสเซีย เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี และเคยเป็นแชมป์แม่นปืนสมัยเป็นนักศึกษา” เจนนี่เปิดภาพอธิบาย
“แต่พวกชนกลุ่มน้อย ไม่เคยมีประวัติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยแบบนี้นี่ครับ” ดอนสงสัย
“แต่นายพลจางลี่คือข้อยกเว้น เพราะว่ากลุ่มของพวกมันถูกตัดขาดจากชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น ทำให้ขาดท่อน้ำเลี้ยง” เชษฐ์อธิบาย
“ใช่ค่ะ จากที่เคยเป็นหัวหน้ารับยาเสพติดจากกลุ่มอื่นมาขายต่อ เมื่อถูกตัดขาด พวกนายพลจางลี่จึงหันมาทำงานอาชญากรรมในเมืองไทย เมื่อเสร็จงานก็จะรีบข้ามชายแดนกลับไป ทำให้ไม่มีใครทำอะไรพวกมันได้” เจนนี่รายงานต่อ
อภิชัยสรุปความว่าพรุ่งนี้ เงินและทองถูกลำเลียงเข้ามาและการปล้นครั้งนี้คงไม่ธรรมดาแน่ สั่งอาจณรงค์คุมกำลังพร้อมอาวุธให้พร้อม กริ่งพูดเล่นว่า เขาไม่กลัวเพราะเขาวิ่งได้เร็ว ยอดโวยคิดจะหนีรอดคนเดียวหรือ กริ่งทำตากรุ้มกริ่มใส่ยูกิ เขายังไม่อยากตายเพราะยังไม่ได้แต่งงาน ยูกิถลึงตาใส่ กริ่งจ๋อย ทุกคนหันมาวางแผนการทำงานกันอย่างจริงจัง
ooooooo
วันต่อมา เงินและทองคำถูกขนขึ้นรถซีเคียวริตี้ แล่นออกจากหน่วยราชการแห่งหนึ่ง มีรถตำรวจนำและปิดท้าย กริ่งปลอมตัวเป็นคนขับรถขนเงินมียอดเป็นพนักงาน อาเตียวลูกน้องนายพลจางลี่ ส่องกล้องมองแล้ววิทยุรายงานว่า ขบวนแล่นออกมาแล้วมีเจ้าหน้าที่ไม่เกิน 10 คน
ริมถนนแถวกิโลเมตรที่ 25 เห็นเปาชางกำลังยืนคุมลูกน้องให้ติดตั้งระเบิด นายพลจางลี่เข้ามาบอกว่า พวกมันกำลังมา เปาชางบอกทางนี้ก็พร้อมแล้ว ต่างพากันไปซุ่มตามจุดต่างๆ
ขณะเดียวกัน เดี่ยว ดอน เทิด และอาจณรงค์ นำกองกำลังทหารเดินเท้าผ่านเส้นทางในป่ามุ่งหน้าไปยังกิโลเมตรที่ 25 เช่นกัน เดี่ยวมีความสามารถทางการได้ยิน เขาได้ยินเสียงบางอย่างเป็นเสียงของนาฬิกาซึ่งหมายถึงระเบิด จึงบอกดอนซึ่งมีความสามารถในการมองทะลุทะลวงดอนเพ่งมองทะลุไปจนเห็นระเบิดถูกวางเอาไว้ตามจุดต่างๆไม่ต่ำกว่าสามจุด
“ได้ข่าวว่าคุณชอบผลไม้ พอดีมีคนเขาจัดมะตูมกับน้อยหน่ารอคุณอยู่แถวทางโค้งประมาณกิโลเมตรที่ 25 ยังไงก็บอกคนอื่นๆต่อด้วย”ดอนพูดติดตลก
“ได้ กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี”
ยอดหันมาบอกกริ่งแต่กริ่งไม่ได้ยิน ยอดจึงดึงหูฟังออกแล้วถามว่าหิวหรือยัง แวะรับผลไม้กิโลเมตรที่ 25 ก่อน กริ่งถามผลไม้อะไร ยอดตอบเดี๋ยวก็รู้แล้วเสียบหูฟังเพลงเสียเอง...กริ่งขับรถมาเรื่อยจนใกล้จุดที่ยอดบอก กริ่งวิทยุบอกรถตำรวจที่นำทางและตามมาว่าให้ขับช้าลงต้องแวะรับของ พอรถชะลอความเร็ว ยอดรู้สึกตัวถามกริ่งจอดทำไม กริ่งถามผลไม้อยู่ตรงไหน
“คุณกริ่ง ทำไมคุณซื่อยังงี้” ยอดโวยวาย ขาดคำเสียงระเบิดตูมตามขึ้น “นั่นไงผลไม้มะตูมกับน้อยหน่าไง หลบเร็วๆ”
กริ่งกับรถตำรวจหลบระเบิดเข้าข้างทาง กองกำลังนายพลจางลี่กราดกระสุนใส่ ทุกคนวิ่งออกมาหาที่กำบัง กลุ่มเสาร์ห้าตามมาสมทบ ช่วยกันยิงตอบโต้ เมื่อกลุ่มเสาร์ห้าผนึกกำลังกันทำให้กระบวนหมัดมวยที่ปล่อยออกมาวิจิตรพิสดาร ต่างเป็นกำแพงให้กันและกัน ทำให้เปาชางกับพวกสู้ไม่ได้ นายพลจางลี่สั่งถอย เปาชางวิ่งหนีไปยังรถที่อาเตียวรอรับหนีรอดไปได้
กลุ่มเสาร์ห้ากลับบ้านพักในสภาพใบหน้าบอบช้ำกันเป็นแถว เจนนี่ ชลดา บุษกร กระแต และยูกิต้องทำแผลให้คู่ของตน ยูกิบอกทุกคนว่าตนซื้อผลไม้ไว้ให้ ยอดกับกริ่งผวาเกรงจะเป็นมะตูมกับน้อยหน่าอีก ทุกคนหัวเราะกันครืน
ooooooo
มีหมู่บ้านแนวตะเข็บชายแดน เป็นหมู่บ้านของนายพลจางลี่ มีเวรยามถือปืนเดินกันไปมา ชาวบ้านที่เป็นชายแต่งกายคล้ายทหารครึ่งท่อน บ้านพักของนายพลจางลี่ใหญ่โตพอสมควร มีจานดาวเทียมและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
เปาชางยืนดูอาเตียวค้นหาประวัติพวกเสาร์ห้าในคอมพิวเตอร์ นายพลจางลี่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของกลุ่มนี้มาก่อนว่าเป็นพวกเหนือมนุษย์ เปาชางว่าตนไม่กลัว ตนเสียดายเงินที่ชิงมาไม่ได้มากกว่า นายพลจางลี่ปลอบหลานชายว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวให้คอยเช็กข่าวไว้
ในคืนวันหนึ่ง สตีเฟ่นได้พบกับซัมดอง ปรากฏตัวขึ้นในรถ บอกให้เขาขับรถไปเรื่อยๆถ้าอยากจะพบพ่อ เขาจึงขับรถไปตามทางที่ซัมดองบอก เป็นถนนเปลี่ยวและมืด ซัมดองได้ยินเสียงบางอย่างนอกรถจึงให้จอด สตีเฟ่นหันมามองหน้าแต่พอหันกลับไปก็เห็นร่างคนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าข้างทาง เขารีบเบรกรถอย่างแรง ชายคนนั้นลักษณะเหมือนคนบ้า หนวดเครารุงรังเสื้อผ้าขาดวิ่น สตีเฟ่นลงจากรถมาโวยวายใส่แล้วเขาก็ได้เห็นว่าชายคนนั้นคือ ดร.ฟอร์ด
เขาจึงพาพ่อกลับมาที่คอนโดฯ อาบน้ำโกนหนวดเคราเรียบร้อย เห็นซัมดองนั่งกรรมฐานบนพื้น ดร.ฟอร์ดกระซิบถามลูกชายว่าเชื่อถือได้แน่หรือ สตีเฟ่นตอบว่าถ้าไม่ใช่เพราะซัมดองเขาก็คงไม่ได้พบพ่อ ซัมดองถามคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ
“ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่มีอะไรพิสูจน์ก็คงเชื่อยาก” ดร.ฟอร์ดออกตัว
ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมาร่ายเวทมนต์ มันกางออกเป็นลูกแก้วใส มองเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนเครื่องบินตก และบอกว่าเป็นเพราะนักบินไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดเป็นภาพลวงตา
“พื้นที่ตรงนั้น มีของล้ำค่าซ่อนตัวอยู่” ซัมดองบอกสองพ่อลูก
“ของล้ำค่าอะไรครับ” ดร.ฟอร์ดถามด้วยความทึ่ง
“ทับทิมสยาม...”
ดร.ฟอร์ดยิ้มกับลูกชาย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆและเริ่มศรัทธาในตัวซัมดอง...วันต่อมา นาตาชาเดินทางกลับมา ดร.ฟอร์ดบอกลูกสาวว่าอย่าเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเขายังไม่ตาย หลังจากนั้น ดร.ฟอร์ดก็เริ่มปรึกษากับลูกๆและราฮีม เปิดภาพแผนที่จากดาวเทียมให้ดูเส้นทางที่เครื่องบินตก
“ถ้าจำไม่ผิด เส้นทางเข้าออกจะมองเห็นเจดีย์ใหญ่ สูงกว่าต้นไม้ แต่บริเวณนั้นเป็นเขตอันตรายเหมือนแดนสนธยา เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นแถวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าทุกอย่างมันเหมือนจริง แต่ไม่ใช่ความจริง ลูกเรือที่รอดชีวิตมา ล้วนแล้วแต่ต้องจบชีวิตเพราะภาพลวงตาเหล่านั้น”
“อาจารย์ซัมดองบอกว่า ตรงนั้นมีทับทิมสยามซ่อนตัวอยู่” สตีเฟ่นกล่าว
“ใช่ มันต้องเป็นทับทิมสยามสีม่วงเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ ถ้าเครื่องมือเราพร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเดินทางกันได้ทันที”
สตีเฟ่นได้ให้ราฮีมเตรียมพวกแรงงานกับพวกลูกหาบไว้แล้ว ดร.ฟอร์ดย้ำว่าต้องปิดเป็นความลับอย่าให้พวกมันรู้ ราฮีมรับทราบ นาตาชาถามตนต้องทำอะไรบ้าง ดร.ฟอร์ดยิ้มมีเลศนัย
ooooooo
นาตาชาเดินทางมาที่สำนักงานเสาร์ห้า เกิดทะเลาะกับเจนนี่เรื่องที่จอดรถและได้ประฝีมือกันพอ ทำเนา ยูกิกับกริ่งเข้ามาห้าม เจนนี่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่
นาตาชามาว่าจ้างอภิชัยให้จัดกลุ่มเสาร์ห้าคอยคุ้มกันทับทิมสยามสีชมพูมูลค่ามหาศาลที่ตนเป็นผู้ถือครองอยู่ อภิชัยนิ่งฟังอย่างครุ่นคิดและตอบไปว่า ตนต้องขอฟังรายละเอียดก่อน
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่ชอบพูดซ้ำซาก ถ้าไงขอนัดทีมของคุณให้พร้อมแล้วฉันจะเข้ามาบรีฟทีเดียว” ท่าทางนาตาชาเย่อหยิ่งเพราะคิดว่าอภิชัยคงตาโตกับเงินค่าจ้างของตน
กลุ่มเสาร์ห้าถูกเรียกเข้าประชุม ทีมเสาร์ห้าหญิงช่วยกันเปิดวีดิโอเรื่องราวทับทิมสยาม มีเสียงบรรยายว่า...ทับทิมสยาม ตำนานแห่งอัญมณีระดับโลก จากบันทึกของกินเนสส์บุ๊ก ทับทิมสยามที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบไปด้วย ทับทิมสามก้อน คือ ทับทิมสีชมพู ทับทิมสีแดง และทับทิมสีม่วง ซึ่งแต่ละก้อน ต่างก็มีผู้ครอบครองสืบต่อกันมานานนับพันปี
ทับทิมสีม่วง ตกอยู่ในครอบครองของหมู่เจ้านายแห่งล้านนาหลายชั่วอายุคน แต่แล้วก็หายสาบสูญไป จนมีการค้นพบอีกครั้งที่หลุมฝังศพโบราณแห่งหนึ่งทางเหนือ เมื่อข่าวสะพัดออกไป ทับทิมสีม่วงก็ถูกปล้นและสูญหายไประหว่างการตามล่าของตำรวจระหว่าง พ.ศ. 2500
ทับทิมสีแดง อยู่ในการครอบครองของเทวีแห่งเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โดยประดับไว้บนมงกุฎเทวีและสืบทอดส่งต่อกันมาหลายรุ่น จนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม เชียงรุ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีน ราชวงศ์เชียงรุ้งถูกคุกคามจึงหลบหนีมาเมืองไทยและนำมงกุฎเทวีติดมาด้วย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ครอบครอง เชื่อว่าขณะนี้ ทับทิมสีแดงยังอยู่ในเมืองไทย
ทับทิมสีชมพู ตกอยู่ในครอบครองของเจ้าฟ้าเมืองนาย แต่ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ายึดรัฐฉานและพม่าเป็นเมืองขึ้น มันจึงตกไปอยู่ในมือชาวอังกฤษคนหนึ่ง จากนั้นอีกหลายร้อยปี ก็ปรากฏอีกครั้งที่อเมริกาโดยผู้ครอบครองปัจจุบันคือ มิสนาตาชา แม็คควีน บุตรสาวของ ดร.ฟอร์ด...
วีดิโอจบลง พร้อมกับนาตาชาเดินเข้ามาปรบมือชมเชยกับข้อมูลที่หามาได้ถูกต้อง เธอแนะนำตัวกับทุกคน ยกเว้นเจนนี่ อธิบายจะมีงานแสดงอัญมณีแห่งตำนานที่ตนต้องเอาทับทิมสีชมพูออกมาแสดง เจนนี่ถามถึงจุดประสงค์ที่นำออกมา นาตาชาบอกว่าเรื่องนี้ตนจะแถลงในวันหน้า เจนนี่ว่าถ้าจะต้องทำงานร่วมกันต้องให้ข้อมูลมากที่สุด นาตาชา อ้างว่า ข้อมูลบางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว ขอให้พวกเสาร์ห้าวางระบบรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุดก็พอ รายละเอียดการจัดงานอยู่ในเอกสารของบริษัทออร์กะไนซ์แล้ว เธอวางแฟ้มเอกสารไว้ให้และหันมาถามอภิชัยว่าตนจะขอให้คนช่วยดูแลความปลอดภัยให้ระหว่างกลับไปขึ้นรถจะได้ไหม อภิชัยอนุญาต นาตาชาเลือกดอนแล้วหันไปยิ้มเย้ยเจนนี่
No comments:
Post a Comment