Friday, October 14, 2011

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน2 ละครช่อง7


ตอนที่ 2

บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยอด เทอด และดอนเดินนำนาตาชาเข้ามาในงาน พร้อมกล่อง นิรภัยที่มาวางลงบนแท่นดูโดดเด่น ในขณะที่หนาน-คำกับเมียเห็นข่าวงานแสดงทับทิมสยามสีชมพูในทีวี หนานคำตาวาวโรจน์คำรามว่าตนรอเวลานี้มานาน

นาตาชากล่าวสวัสดีชาวไทยทุกคน และเล่าถึงตำนานทับทิมสยามสามสีให้รู้จัก แถมประกาศว่า ถ้าใครมีทับทิม

อีกสองในครอบครอง ตนยินดีจะให้ราคาอย่างที่คาดไม่ถึง เทอดส่งรีโมตให้เธอกด กล่องนิรภัยค่อยๆเปิดออก นักข่าวและแขกในงานรวมทั้งม่านฟ้าและบัวชุมมองทับทิมสีชมพูอย่างตื่นตาตื่นใจ นาตาชาโพสท่าให้นักข่าวถ่ายภาพตนคู่กับทับทิมสีชมพู

ในห้องคอนโทรลที่กริ่งคุมอยู่ เขาสังเกตเห็นภาพในจอห้องควบคุมไฟฟ้า เจ้าหน้าที่มีท่าทางผิดปกติจึงกดไมค์ถามว่าทำอะไรกัน พนักงานในห้องนั้นหันมามองกล้องวงจรปิดแล้วยกปืนขึ้นยิงใส่ จอดับวูบลง กริ่งรีบติดต่อเดี่ยวให้ไปดูที่ห้องควบคุมไฟฟ้า เดี่ยวนำกำลังตำรวจไป จังหวะที่จะพังประตูเข้าไป คนร้ายวางระเบิดแล้วหนีกลับขึ้นฝ้าเพดานไป ระเบิดทำให้เดี่ยวกับตำรวจกระเด็นกระดอนกันไป ไฟฟ้าดับพรึบ

ยอดซึ่งอยู่ใกล้นาตาชาดึงเธอหลบ เปาชางห้อยตัวลงมา พุ่งไปยังทับทิม ดอน และเทอดรู้ทันกันไว้ได้ เกิดความชุลมุนวุ่นวาย แขกพากันหนี ม่านฟ้ากับบัวชุมวิ่งฝ่าเสียงปืนที่คนร้ายยิงกราด บัวชุมสะดุดล้ม ม่านฟ้าหันมาประคอง คนร้ายคนหนึ่งใช้ปืนจ่อม่านฟ้าแต่เธอพลิกตัวเข้าล็อกคอคนร้าย บัวชุมลุกขึ้นแย่งปืน คนร้ายเซล้มลงมองสองสาวอย่างแปลกใจ ม่านฟ้าดึงบัวชุมให้หนี แต่กลับเจอเดี่ยวยืนขวาง เดี่ยวยกปืนเล็ง สองสาวตกตะลึง บัวชุมเอาตัวบังม่านฟ้า

“ถ้าจะยิง ยิงข้า อย่ายิงคุณหนูนะ” บัวชุมร้องห้าม

เดี่ยวลั่นกระสุน บัวชุมสะดุ้ง สักพักเอามือจับอกและท้อง “เฮ้ย หนังเหนียว ยิงไม่เข้า”

ม่านฟ้าสะกิดให้บัวชุมมองไปข้างหลัง เดี่ยวยิงคนร้าย ม่านฟ้าขอบใจเดี่ยวที่ช่วยแล้วดึงบัวชุมวิ่งไป...ยอด เทอดและดอนกำลังยิงสู้กับพวกเปาชาง คนร้ายพุ่งไปจี้ตัวนาตาชามาเป็นตัวประกัน ดอนต่อรองขอเปลี่ยนตัว คนร้ายตะคอกไม่เอา ดอนแกล้งกลัวลาน เทอดบอกให้ปล่อยเป็นหน้าที่เขา แล้วหายตัวแวบมาโผล่หลังคนร้าย บิดแขนจนปืนร่วง นาตาชาตื่นเต้นกับความสามารถพิเศษของเทอด ยอดแย่งทับทิมจากเปาชางคืนมาได้ กริ่งตามมาสมทบ วิ่งแซงเปาชางมาดักหน้าแล้วยิงต่อสู้กัน แต่เปาชางกับพวกกระหน่ำยิงจนไม่อาจออกจากที่กำบังได้ เดี่ยวมาช่วย

ยอดคืนทับทิมให้นาตาชา เธอรับมาแล้วหยอดลงร่องอก ยอดกับเดี่ยวตาโต เปาชางหนีกระเซอะกระเซิงกลับมารวมกลุ่มกับนายพลจางลี่ เขาขอแก้ตัวด้วยการหยิบปืนติดกล้องทางไกลสำหรับซุ่มยิง จากในรถมาสองกระบอก สั่งอาเตียวไปด้วยกัน นายพลจางลี่ให้เวลาครึ่งชั่วโมง เปาชาง บอกลุงสตาร์ตรถรอไว้ได้เลย

ดอนกางแผนที่หาทางพาทุกคนหนีออกจากอาคาร เห็นว่ามีถนนด้านหลัง เดี่ยวเสนอตัวไปเอารถมารับทุกคนตรงจุดนั้นเพราะเทอดเสียพลังงานไปมากแล้ว...อาเตียวซุ่มอยู่บนมุมสูงเล็งปืนมาที่นาตาชา ขณะที่ดอนนำทุกคนหลบไปตามทางเดินเล็กๆ ดอนรู้สึกบางอย่างเพ่งสายตาออกไป บอกกริ่ง กริ่งรีบแปลงตัวเป็นพายุหมุนไปกระแทกอาเตียวล้มลง กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่นาตาชาเลือดสาด ดอนเพ่งมองไปอีกทางเห็นเปาชางซุ่มอยู่อีกคนกำลังเล็งปืนมาที่ตน จึงพลิกตัวหลบและยิงสวน ดอนเห็นกริ่งเหนื่อยอ่อนหลบอยู่ไม่ห่างอาเตียว ซึ่งกำลังงงว่าอะไรมากระแทก

“กริ่งท่าจะพลังอ่อนล้า เทอด ยอด รีบไปช่วยกริ่งเร็ว”

อาเตียวตั้งสติได้จะหยิบปืน กริ่งรวบรวมพลังพุ่งไปแย่งปืน เปาชางหันมาช่วยอาเตียวยิงกริ่งบาดเจ็บ ยอดกับเทอดตามมาช่วย เทอดใช้ร่างบังกายพลางกริ่งไว้ ทำให้เปาชาง กับอาเตียวแปลกใจว่ากริ่งหายไปไหน ยอดยิงกันไว้ให้เทอดพากริ่งออกไป...ดอนประคองนาตาชามาที่รถที่เดี่ยวจอดรอ เดี่ยวลงช่วยเทอดประคองกริ่ง พอทุกคนขึ้นรถ เดี่ยวถามหายอด

“โน่น อยู่ข้างหน้า” ดอนชี้ไปหน้ารถเห็นยอดวิ่งอยู่กลางถนน

ยอดร้องบอกให้เดี่ยวขับตามมารับ รถนายพลจางลี่มาถึงกราดกระสุนเข้าใส่ เดี่ยวขับรถหลบกระสุนไม่สามารถจอดให้ยอดขึ้นได้ เทอดกับเดี่ยวตะโกนบอกยอดให้พุ่งทะลุเข้ามาในรถเลย ทุกคนลุ้น ยอดวิ่งคู่ไปกับรถตัดสินใจหาจังหวะพุ่งทะลุเข้ามานอนแอ้งแม้งในรถ เดี่ยวขับรถทะยานหนีฝุ่นตลบ นายพลจางลี่ไม่ลดละ ตามไล่ยิง เดี่ยวบอกเพื่อนๆว่า

“ผมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆนะ แต่พลังผมเริ่มจะหมดแล้ว ช่วยกันมองหน่อย”

เทอดหันไปถามดอนว่าเห็นอะไรไหม ดอนบอกว่าตนก็พลังเริ่มอ่อน เห็นไม่ถนัด

“คุณมีความสามารถกันทุกคนจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน” นาตาชาตื่นเต้น

ดอนพยายามเพ่งมองจนแน่ใจว่าระเบิดอาร์พีจีที่นายพลจางลี่ยิงไล่หลังมา เดี่ยวบ่น...ว่าแล้วเสียงคุ้นๆ ยอดบอกให้เหยียบมิดเลย เทอดเห็นป้ายห้ามเข้า สะพานขาดร้องบอกเดี่ยวแต่สายไป เดี่ยวตัดสินใจพุ่งรถขึ้นสะพานด้วยความเร็วสูง ทะยานข้ามไปอีกฝั่งอย่างหวุดหวิด รถนายพลจางลี่ตามมาถึงเบรกตัวโก่ง นายพลจางลี่ลงมายืนหงุดหงิดอาฆาตแค้น

ooooooo

วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว ทับทิมสยามถูกปล้น ตายเจ็บนับสิบ...เจนนี่ กระแต บุษกร  ชลดา  และ ยูกิ อ่านรายละเอียดของข่าวอย่างหงุดหงิดเล็กๆที่ทำไมพวกตนไม่ได้ร่วมทำงานนี้ด้วย ทั้งที่พวกตนกับกลุ่มเสาร์ห้าชายก็ทำงานเสี่ยงอันตรายด้วยกันมามากแล้ว

อาจณรงค์ถือแฟ้มเข้ามาบอกสาวๆอย่าคิดมากและให้ช่วยกันทำงานนี้ต่อ เป็นข้อมูลที่ได้รับมาว่า ยอดบัตรเครดิตของสตีเฟ่น แม็คควีนที่ผ่านมาเป็นเงิน เจ็ดแสนห้าหมื่นกว่าบาท รายการซื้อส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์เดินป่า เครื่องมือทางธรณีวิทยาเหมือนจะไปเปิดเหมืองแร่

“เอกสารใบสุดท้าย ข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อกับต่างประเทศ” อาจณรงค์ให้บุษกรเช็ก

“เป็นหมายเลขจากแถบตะวันออกกลาง ลงทะเบียนชื่อ มร.มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค” บุษกรเซิร์ชเข้ากูเกิ้ลพบหน้าจอเป็นภาพเว็บไซต์ของ FBI เห็นภาพมูฮัมหมัด คือหนึ่งในวายร้ายระดับโลกที่พัวพันการค้าอาวุธสงคราม

“สตีเฟ่นติดต่อกับพวกค้าอาวุธสงครามทำไม” กระแตสงสัย

“อันนี้เป็นภาพถ่ายที่ได้มาโดยบังเอิญ โดยที่ผมส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวของสตีเฟ่น แล้วบังเอิญได้ภาพนี้มา” อาจณรงค์วางภาพถ่ายให้ทุกคนดู เป็นภาพระยะไกลของชายคนหนึ่งที่เดินคู่กับสตีเฟ่น แม้จะพรางตัวใส่แว่นแต่ก็ดูออกว่าคือ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน “สายผมรายงานมาว่า ผู้ชายคนนี้เดินออกมาจากคอนโดฯกับสตีเฟ่นและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน”

ห้าสาวมองหน้ากันอย่างครุ่นคิดว่า ทำไม ดร.ฟอร์ดต้องให้คนเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว และเกี่ยวโยงอะไรกับข้าวของเดินป่าที่ซื้อ...

โรงพยาบาลชานเมือง ที่นาตาชาและกริ่งนอนรักษาตัวอยู่ นาตาชารู้สึกตัวขึ้นมาพบดอนนั่งอยู่ เธอถามหาทับทิมทันที ดอนเปิดลิ้นชักข้างเตียงหยิบส่งให้และบอกว่าเขาเฝ้าไว้ให้ทั้งคืน

“พวกคนร้ายเมื่อคืนเป็นใครคะ”

“เป็นพวกกองกำลังชนกลุ่มน้อย พวกมันต้องการเงินเพื่อไปซื้ออาวุธ หัวหน้าคือนายพลจางลี่ หลานชายของมันชื่อเปาชาง”

นาตาชาแปลกใจเพราะรู้มาว่าพวกนี้หาเงินด้วยการค้ายา ดอนเล่าว่านายพลจางลี่ถูกกีดกันไม่ให้ค้ายา จึงหันไปหาเงินด้วยวิธีปล้น ดอนแปลกใจที่นาตาชารู้เรื่องในเมืองไทยเป็นอย่างดี เธอแก้ตัวว่า แม่เป็นคนไทย มักจะให้ตนอ่านข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทย ดอนไม่ติดใจสงสัย...นาตาชาอยากอาบน้ำ ดอนจึงออกไปรอนอกห้อง เทอดซึ่งเฝ้ากริ่งอีกห้องเห็นกริ่งยังหลับอยู่จึงออกมา ดอนเข้าไปดู กริ่งผวาชักปืนออกมาอย่างระวัง พอเห็นว่าเป็นดอนก็ขอโทษขอโพย ดอนถามถึงเดี่ยวกับยอด กริ่งตอบว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้ว บ่ายๆจะมาใหม่

นาตาชาแอบโทร.ส่งข่าว ดร.ฟอร์ดในห้องน้ำ ว่าทับทิมยังอยู่ และเล่าเรื่องความสามารถพิเศษของกลุ่มเสาร์ห้ามีจริงๆ ดร.ฟอร์ดจึงให้ทำอย่างไรก็ได้ เอาตัวดอนกับเดี่ยวมาร่วมมือกับเรา

พอวางสาย ดร.ฟอร์ดหันมาบอกซัมดอง “อีกไม่นานครับอาจารย์ เราจะได้คนชื่อดอนและเดี่ยวมาเป็นพวกแน่นอน”

“มันต้องเป็นเช่นนั้น คำทำนายของข้าไม่เคยผิด”

“ทำไมเราต้องเอาพวกเสาร์ห้ามายุ่งกับงานของเราด้วยครับอาจารย์ ใช้ดวงตาสวรรค์หาทับทิมสยามก็ได้นี่ครับ” สตีเฟ่นแย้ง

“เอ็งคงไม่รู้สิว่า ทับทิมสยามมีพลังบางอย่างบดบัง ดวงตาสวรรค์มองไม่เห็น แต่สำหรับพวกเสาร์ห้ามันมีพลังพุทธคุณซึ่งเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ข้าเชื่อว่ามันจะทำให้งานเราสำเร็จแน่นอน”

ราฮิมสงสัยว่าดอนกับเดี่ยวจะยอมหรือ ซัมดองว่าตนมีวิธีขอแค่เอาตัวมาให้ตนแล้วกัน

ooooooo

วิธีที่นาตาชาจะใช้มัดดอนกับเดี่ยวไว้ได้ก็คือ โปรยเสน่ห์ให้หลงใหลตน เผอิญดอนลืมมือถือไว้ในห้อง เธอจึงเมมเบอร์เขาไว้ด้วยการใช้เครื่องดอนโทร.เข้ามือถือตน ขณะกำลังเมมชื่อ เจนนี่โทร.เข้ามา นาตาชายิ้มเจ้าเล่ห์ กดรับสาย ทำเสียงงัวเงียๆ พอเจนนี่ขอพูดกับดอน ก็ส่งเสียง

“ดอนคะ ตื่นเถอะโทรศัพท์เข้ามาค่ะ ดอน...ไม่เอาค่ะ อย่าสิคะ ดอน...อย่าใจร้อน” นาตาชาแกล้งกดสายทิ้ง

เจนนี่หน้าเสียแต่ไม่อยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง ยอดกับเดี่ยวกลับมาส่งข่าว ชลดา บุษกร และกระแตโวยทันทีว่าทำไมโทร.หาต้องปิดเครื่อง สองหนุ่มตอบว่าปฏิบัติงานอยู่ ยูกิถามอาการกริ่งอย่างเป็นห่วง เดี่ยวตอบว่ารายนั้นยังไม่ตายแผลแค่ถลอก สองหนุ่มเล่ารายละเอียด

“นี่แสดงว่าคุณดอนกำลังดูแลผู้หญิงที่ชื่อนาตาชาอยู่ใช่มั้ยคะ” เจนนี่ถาม

“ใช่ครับ คุณดอนเป็นคนรับอาสาดูแลคุณนาตาชามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” ยอดตอบ

เจนนี่เก็บความรู้สึกขุ่นใจไว้...สามสาว กระแต บุษกรและเจนนี่ขอตามยอดกับเดี่ยวกลับไปเยี่ยมกริ่งด้วย พอมาถึงโรงพยาบาลชานเมือง กระแตชมว่าที่นี่อากาศดีจริงๆ ยอดรีบชวนกระแตไปดูสวนดอกไม้ของที่นี่ เดี่ยว บุษกร และเจนนี่เดินเข้าไปในโรงพยาบาล บังเอิญเจอหมอหน่อยเพื่อนเก่าของบุษกร จึงหยุดทักทายกัน เจนนี่ร้อนใจให้เดี่ยวอยู่เป็นเพื่อนบุษกร ตนจะเข้าไปเยี่ยมกริ่งก่อน แต่ที่จริงแล้วอยากไปดูดอนกับนาตาชา

ดอนกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ นาตาชาหาวิธีใกล้ชิดดอนจึงแกล้งร้องว่ามีแมลงกัดที่หลังให้ดอนมาช่วยเอาออกให้ ดอนชะโงกดูเก้ๆกังๆ นาตาชาแกล้งหันหน้ามาชนจมูกดอน เจนนี่เข้ามาเห็นเข้าใจว่าสองคนจูบกัน ยืนมองนิ่ง พอดอนหันมาเจอก็กล่าวขอโทษที่มาขัดจังหวะ นาตาชายิ้มกริ่มเข้าทาง ทำทีเป็นบอกดอนให้ออกไปก่อน ตนเคลียร์กับเจนนี่ให้เอง

พอดอนออกไป นาตาชาก็เปิดฉาก “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันคงไม่สามารถปิดบังอะไรเธอได้อีก ในความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับดอน”

“มาบอกฉันทำไม” เจนนี่เชิดหน้าถาม

“ดอนเขาเป็นคนใจอ่อน แล้วก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของเธอ พวกผู้ชายน่ะยังไงก็ไม่ยอมรับเรื่องที่เขานอกใจง่ายๆหรอก”

“ฉันกับดอน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“นั่นมันเรื่องของเธอ แต่เวลานี้ระหว่างเธอกับดอน มีฉันเพิ่มมาอีกหนึ่งคน หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจนะ”

“ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดจาได้น่าเกลียดเท่าเธอมาก่อนเลยนาตาชา” เจนนี่สะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว รีบเดินออกจากห้องไป นาตาชายิ้มอย่างมีชัย

เห็นเจนนี่ออกมาดอนยืนยิ้มให้ เจนนี่รู้สึกหงุดหงิด

เดินหนี ดอนเรียก เธอกลับบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ดอนสลดไม่กล้าตาม เขากลับเข้าไปถามนาตาชาว่าคุยอะไรกับเจนนี่ นาตาชาใส่ไฟว่า ตนพยายามอธิบายแต่เจนนี่ไม่ยอมเข้าใจ เดี่ยวกับบุษกรตามเข้ามาถามมีเรื่องอะไร นาตาชารีบออกตัวว่าเจนนี่เข้าใจตนผิด เรื่องตนกับดอน เดี่ยวตบไหล่ปลอบใจดอน

บุษกรถามไถ่อาการนาตาชาและบอกว่าอีกสองสามวันหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้  บุษกรสังเกตเห็นผ้าพันแผลหลวมๆจึงเรียกพยาบาลเอาอุปกรณ์มาแล้วช่วยทำแผลให้ใหม่ นาตาชาทึ่งที่บุษกรทำได้ดี บุษกรจึงเล่าว่าตนเคยเป็นหมอมาก่อน นาตาชารีบตีสนิทขอเป็นเพื่อนกับพวกเสาร์ห้าหญิง แต่เกรงเจนนี่จะไม่ยอมรับ บุษกรรับปากจะคุยให้

ดอนตามมาหาเจนี่ซึ่งยืนสงบสติอารมณ์อยู่ในสวน เธอทบทวนเรื่องราวอย่างชั่งใจแล้วขอโทษดอนที่วู่วาม ดอนใจชื้นขึ้นชวนเธอกลับไปเยี่ยมกริ่ง

ooooooo

เปาชางหาพิกัดที่กริ่งกับนาตาชารักษาตัวได้ ว่าเป็นโรงพยาบาลชานเมือง นายพลจางลี่สั่งให้หานักฆ่าฝีมือดีที่สุด เปาชางเรียกไอ้แซมรถซิ่งมาให้แม้ค่าตัวจะแพงลิ่วแต่เชื่อมือได้

เมื่อตั้งสติได้หันกลับมาทำความเข้าใจกับดอน เจนนี่และดอนก็พากันกลับมาที่ห้องนาตาชา กระแตกับบุษกรกำลังดูแลชวนพูดคุย นาตาชาทำเป็นดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ พอเห็นเจนนี่เข้ามาก็ชวนมาดูรูปดอกไม้ด้วยกัน เจนนี่ฝืนยิ้มเพราะรู้ว่านาตาชาเสแสร้ง

“เรื่องดอกไม้ฉันไม่ค่อยสนหรอกค่ะ” เจนนี่บอกนาตาชา

“แหม...แปลกจังเลยค่ะ เป็นผู้หญิงแต่ไม่สนใจดอกไม้”

“คุณเจนนี่เขาสนใจเรื่องจิตวิทยา ชอบศึกษาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์อะไรพวกนี้แหละค่ะ” บุษกรแก้ตัวให้ 

นาตาชาทำเป็นสนใจถามมีอะไรบ้าง

“ก็อย่างบางคนชอบเสแสร้ง บางคนชอบปั่นให้คนอื่นแตกกัน แล้วที่สำคัญพวกนี้ชอบตีสองหน้า คนแบบนี้คุณนาตาชาเคยเห็นบ้างมั้ยคะ”

นาตาชารู้ว่าเจนนี่แขวะ เธอฉลาดไม่ตอบโต้ หันไปอ้อนกับดอนให้ดูแลเจนนี่ดีๆทั้งเก่งทั้งสวยแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆสายตาเธอแอบเยาะเย้ยใส่เจนนี่

กลุ่มเสาร์ห้าทั้งหญิงและชายพากันขึ้นรถจะกลับ เหลือดอนกับเทอดที่อยู่ดูแลกริ่งและนาตาชา รถแล่นออกไปไม่ทันไร ไอ้แซมกับพวกที่เปาชางจ้างมา ไล่กราดยิงใส่รถพวกเสาร์ห้าเดี่ยวขับรถหนีและหาจังหวะหักรถขวางให้ยอดและสาวๆยิงตอบโต้จนรถไอ้แซมพลิกคว่ำระเบิดตูม ไฟลุกท่วมทั้งคัน นายพลจางลี่โมโหมาก เปาชางขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง

ทุกคนกลับมารวมตัวที่โรงพยาบาล เทอดถามว่าแน่ใจหรือว่าเป็นพวกนายพลจางลี่ เดี่ยวมั่นใจเพราะมีศัตรูอยู่กลุ่มเดียว และนี่คงเป็นเพียงการเริ่มต้น ยอดเป็นห่วงนาตาชา ดอนเห็นว่าเราจะเป็นเป้านิ่งให้พวกโจรกระหน่ำ ควรจะพานาตาชาไปอยู่ที่อื่น

แต่เดี่ยวค้าน “เราไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้ามันคิดว่าเราเป็นเป้านิ่ง เราก็ต้องเป็นอย่างที่มันคิด”

“แสดงว่าจะซ้อนแผนพวกมัน” กริ่งถาม เทอดตอบแทนว่าแน่นอน ยอดตื่นเต้นตบเอาแผลกริ่ง ถึงกับสะดุ้ง เดี่ยวเรียกทุกคนประชุม

ตกบ่าย เดี่ยว ยอด กระแต บุษกร และยูกิเดินออกจากโรงพยาบาล โดยมีบุรุษพยาบาลเข็นรถคนไข้ขึ้นรถพยาบาล กลุ่มเสาร์ห้าแยกไปขึ้นรถอีกคันแล้วขับนำรถพยาบาลออกไป มีรถคันหนึ่งจอดซุ่มอยู่ คนในรถกำลังจับตามอง มีหัวหน้าลูกน้องสามสี่คน พอเห็นกลุ่มเสาร์ห้าอยู่ที่นี่จริงก็สั่งลูกน้องลงมือจัดการนาตาชาในคืนนี้...

หารู้ไม่ว่า เดี่ยวกับพวกพานาตาชาออกมาอยู่เซฟเฮาส์โดยมียูกิ กระแตและบุษกรคอยดูแลความปลอดภัย นาตาชาขอติดต่อพี่ชายแต่กระแตห้ามไว้ อาจทำให้คนร้ายแกะรอยได้ นาตาชาทำหน้าเซ็ง ยอดกับเดี่ยวกลับไปสมทบกับดอนและเทอดที่โรงพยาบาล

ในคืนนั้น มีหมอกับผู้ช่วยปลอม ทำทีเข็นรถยาผ่านเคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลเวรอยู่สองคนมายังห้องพักนาตาชา ซึ่งดอนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง หมอปลอมบอกดอนว่าเช็กร่างกายคนไข้ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล ดอนเลี่ยงให้ทั้งสองเข็นรถยาเข้าไป แล้วแอบวิทยุบอกพรรคพวกว่ามันมาแล้ว เทอดให้เดี่ยวตามไปช่วยดอนกับยอด กริ่งมาช่วยเทอดซุ่มอยู่ด้านล่าง

หมอกับผู้ช่วยปลอม เข้ามาให้ห้องบอกคนไข้ว่าจะมาฉีดยาบำรุงให้ คนไข้นอนหันหลังพูดกับหมอว่าเชิญค่ะ...ขณะที่หมอกำลังจะฉีดยา คนไข้ซึ่งที่จริงคือเจนนี่เตะหลอดไซรินจ์


กระเด็นแล้วลุกขึ้นต่อสู้ ดอนจะตามเข้ามาช่วยปรากฏว่าห้องถูกล็อก พยาบาลได้ยินเสียงเอะอะวิ่งมาดู พอดอนบอกว่าห้องคนไข้ล็อกก็จะไปเอากุญแจมาไขให้ แต่ยอดว่าไม่ทันกาล เขามุดเข้าใต้ประตูแล้วยืดตัวไปเปิดล็อก พยาบาลตกใจวิ่งหนีหน้าตาตื่นไป ดอนกับยอดเข้ามาในห้องได้ เจนนี่เสียจังหวะถูกคนร้ายจับเอาปืนจ่อให้บอกที่ซ่อนทับทิม อีกคนยิงสกัดดอนกับยอดไว้ แม้พลังยอดจะอ่อนลงแต่เขาก็ฮึดวิ่งทะลุกำแพงมาด้านหลังคนร้ายที่จี้เจนนี่ไปที่ระเบียง สองคนร้ายตกใจ เจนนี่ฉวยโอกาสพลิกตัวหลุดออกมา คนร้ายถูกยิงคว่ำไปหนึ่งอีกคนจะโดดหนี แต่พลาดตกตึกมากระแทกพื้น เทอดกับกริ่งวิ่งมาจับร่างพลิกขึ้นเพื่อถามว่าใครใช้มา คนร้ายพูดได้แค่คำว่า ด็อกเตอร์ก็ขาดใจตาย เทอดกับกริ่งสงสัยว่าใช่ ดร.ฟอร์ดหรือเปล่า

ooooooo

วันต่อมา กลุ่มเสาร์ห้าทั้งหญิงและชายเข้าประชุมกับอภิชัย เชษฐ์ และอาจณรงค์ ขาดแต่ดอนที่ยังเฝ้าดูแลนาตาชาอยู่ที่เซฟเฮาส์ เชษฐ์ถามคิดว่าคนร้ายเมื่อคืนเป็นพวก ดร.ฟอร์ดหรือ เทอดว่าไม่ใช่ เพราะพ่อไม่น่าจะให้คนมาปล้นทับทิมจากลูก เจนนี่เห็นด้วย เดี่ยวสงสัยคนร้ายจะเอาตัวนาตาชาไปเพื่ออะไร อาจณรงค์เอาแฟลชไดรฟ์ที่กริ่งบันทึกภาพรถคนร้ายไว้ได้มาเปิด

“นี่เป็นรถของคนร้ายที่ผมถ่ายได้ก่อนที่พวกมันจะหนีไป ข้างในมีคนประมาณสามคน มีลักษณะเป็นหัวหน้าอยู่คนหนึ่ง คือคนนั่งเบาะด้านหลัง” กริ่งอธิบายภาพเอง

อภิชัยให้ขยายภาพดูหน้า เชษฐ์รู้สึกคุ้นหน้าแต่ภาพไม่ค่อยชัด อภิชัยให้เจนนี่เช็กทะเบียนรถ เจนนี่กดคอมพิวเตอร์สักพัก รายงานข้อมูล

“เป็นรถของทางราชการ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เอ๊ะ...แสดงว่า คนร้ายเกี่ยวพันกับหน่วยงานราชการเหรอคะ”

“จำได้แล้วค่ะ ถ้าสังกัดหน่วยงานวิทยาศาสตร์ล่ะก็ มีอยู่คนนึงที่หน้าตาคล้ายๆแบบนี้” บุษกรนึกได้ “ดร.วิทยา เกิดประกาย นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง”

“จริงสิ แต่ ดร.คนนี้ เคยเป็นอาจารย์ของลูกไม่ใช่หรอ” อภิชัยถามบุษกร

“เป็นอาจารย์พิเศษที่เคยมาบรรยายเกี่ยวกับเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ 2-3 ครั้งค่ะ”

ยอดรีบหาภาพชัดๆของ ดร.วิทยามาเทียบกับภาพที่ไม่ค่อยชัดนั่น เมื่อทุกคนได้เห็นก็แน่ใจว่าใช่คนเดียวกัน เชษฐ์ถามบุษกรพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับ ดร.คนนี้บ้าง

“ดร.วิทยา เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์การนาซาให้เข้าไปฝึกงานประมาณ 3 ปี ระหว่างนั้น ดร.วิทยาเคยเป็นผู้ช่วยของ ดร.ฟอร์ด หลังจากนั้น ดร.วิทยาก็กลับมาเมืองไทย ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลให้ทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานจากแร่ธาตุ”

“ถ้างั้น ดร.ฟอร์ดน่าจะมีเงื่อนงำบางอย่างในการเข้ามาเมืองไทยครั้งนี้” อภิชัยคาดเดา

เจนนี่กับเทอดวิเคราะห์ว่าช่างบังเอิญที่นาตาชาเอาทับทิมสีชมพูกลับมาเมืองไทย เชษฐ์ข้องใจถามบุษกรว่าแร่ธาตุมีพลังงานอะไรบ้าง บุษกรเปลี่ยนภาพบนจอเป็นภาพไอน์สไตน์ และสมการ E=MC2 แล้วตามด้วยภาพระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา ก่อนที่จะอธิบายว่า

“แร่ยูเรเนียม เมื่อนำมาทดลองตามสมการของไอน์สไตน์แล้ว จะให้พลังงานที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือ ระเบิดนิวเคลียร์”

“หรือว่าพวกเขาแย่งชิงทับทิมสยามกันเพื่อใช้ในการทดลองระเบิดชนิดใหม่” ชลดาถาม

ทุกคนเห็นภาพผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ที่คนญี่ปุ่นได้รับ ต่างไม่ยอมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยแน่

ooooooo

ในขณะที่ ดร.ฟอร์ดกับสตีเฟ่น ให้ราฮีมขับรถพาเข้าป่าไปยังหมู่บ้านช้างร้อง จุดนัดพบพวกลูกหาบและแรงงานรับจ้าง จากนั้นจะเริ่มเดินเท้าเข้าไป ดร.ฟอร์ดพอจะจำได้ว่า ถ้าไปตามลำธาร เดินไปเรื่อยๆจนเห็นเจดีย์บนเนินเขา แสดงว่ามาถูกทาง ราฮีมรายงานว่า ลูกหาบที่เขาหามา นอกจากเป็นแรงงานแล้ว ยังชำนาญเรื่องอาวุธจะทำหน้าที่คุ้มกันด้วย

“แกแน่ใจได้ยังไงว่าคนงานพวกนี้ มันจะไม่ปล้นเรา” ดร.ฟอร์ดถาม

ราฮีมตอบว่ามั่นใจเพราะหัวหน้าพวกนั้นเป็นพี่เมียเขาเอง...มาถึงหมู่บ้าน หัวหน้าลูกหาบชื่อมะโหนก ออกมาต้อนรับ ดร.ฟอร์ดเห็นร่างกายลูกหาบแล้วพอใจในความกำยำของทุกคน มะโหนกรับรองในความบึก...ไม่เพียงเท่านั้น สตีเฟ่นยังเอาอาวุธที่สั่งตรงมาจากตะวันออกกลางล้วนมีประสิทธิภาพเยี่ยมออกมาให้พ่อดู ทุกคนพร้อมที่จะเดินป่า

ขบวนของ ดร.ฟอร์ดเดินมากลางป่าสักพัก จู่ๆเสียงนกป่าก็ดังขึ้นอย่างน่าประหลาด เป็นเสียงหวีดร้องก้องมาจากทิศหนึ่ง สักครู่ก็มีเสียงนกป่าจากอีกทิศ ส่งเสียงขานรับกลับมา แล้วเสียงนกก็เริ่มดังระงมไปทุกทิศทุกทาง ทุกคนหยุดเพราะรู้สึกผิดปกติสงสัยจะถูกล้อม มะโหนกขยับตรวจดูลาดเลา พลันเหยียบกับดักโดนแหรวบตัวลอยขึ้นไปค้างบนต้นไม้ ไม่ทันไรเสียงปืนกระหน่ำยิงมาจากทุกทิศ ทุกคนหาที่กำบัง

ฝ่ายที่โจมตีคือกองกำลังต่างชาติของเปาชาง อาเตียว รายงานเปาชางว่า พวกนี้คงเป็นนักท่องเที่ยว เปาชางว่ามากันขนาดนี้ต้องมีเงินแน่ ให้ปล้นมาให้หมด ฝ่าย ดร.ฟอร์ดสั่งแจกอาวุธลูกหาบทุกคน เกิดการยิงต่อสู้กันดุเดือด อาเตียวเอากล้องยกขึ้นถ่าย ดร.ฟอร์ดและสตีเฟ่น มะโหนกช่วยเหลือตัวเองด้วยการตัดเชือกพลิกตัวกลับลงมา เปาชางเห็นแล้วทึ่ง อาเตียวเตือน

“อย่าประมาท พวกมันไม่ใช่คนธรรมดา บางทีพวกมันอาจเป็นพวกทหาร พวกเราไม่ควรขัดแย้งกับพวกทหารไทย ไม่งั้นจะเป็นการเพิ่มศัตรูโดยไม่จำเป็น”

เปาชางจึงสั่งลูกน้องถอยด่วน สตีเฟ่นเห็นเช่นนั้นสั่งให้ตาม แต่ราฮีมแย้งไม่ควรตาม สตีเฟ่นไม่พอใจ ดร.ฟอร์ดเห็นด้วยถ้าไม่อยากตายก็อย่าตามไป อีกอย่างงานของเราสำคัญกว่า มะโหนกเข้ามารายงานว่า พวกนั้นมาปล้นเพราะต้องการเงินเท่านั้น

เปาชางกลับมาเอาภาพที่อาเตียวถ่ายมาเปิดขยายภาพ ให้นายพลจางลี่ดู ว่าฝรั่งสองคนนี้เป็นใคร พอเห็นภาพและ ค้นหาข้อมูลก็ได้รู้ว่า คือ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน ที่มีลูกสาวเป็นคนที่ครอบครองทับทิมสยามอยู่

“ส่วนอีกคนก็คือ สตีเฟ่น ลูกชาย ดร.ฟอร์ด แล้วนี่ก็ไอ้ราฮีมจอมโหด นักฆ่าที่ถูกส่งไปฝึกในหน่วยจู่โจมที่ตะวันออกกลาง แล้วพวกที่มากับมันก็ลักษณะเหมือนทหาร พวกมันมุ่งหน้าไปทางป่าสุสานช้าง” เปาชางสาธยาย แล้วคิดได้ “ถ้าเครื่องบินมันตกแถวนั้น มันก็ต้องกลับไปเอาของสำคัญออกมา”

นายพลจางลี่สงสัยว่าจะเป็นทับทิมสยาม เปาชางแปลกใจก็ทับทิมอยู่กับลูกสาวตัวเอง

“นั่นมันทับทิมสยามสีชมพู อย่าลืมที่ว่าทับทิมสยามสีม่วงกับสีแดงยังไม่มีใครหาพบ บางทีพวกมันอาจจะรู้ระแคะระคายอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้”

เปาชางแปลกใจที่ลุงรู้เรื่องนี้ดี นายพลจางลี่บอกว่าตนค้นคว้าเรื่องนี้มานานแล้ว และรู้ว่ามันมีค่ามาก เปาชาง จึงบอกว่าตนจะให้คนติดตามเงียบๆและคอยส่งข่าว สบโอกาสค่อยลงมือ

“ดีมากหลานรัก ส่วนนาตาชาลูกสาวมันตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไร ปล่อยให้ไอ้พวกเสาร์ห้ามันตายใจไปก่อน ยังไงลุงจะต้องเอาคืนพวกมันให้ได้” สายตานายพลจางลี่เต็มไปด้วยแผนร้าย

ooooooo

ป่าบริเวณใกล้หมู่บ้านเสือหมอบ มีชายแปลกหน้าสองคนกำลังวิ่งไล่จับไก่ชน ซึ่งมีลักษณะสง่างาม ไอ้ต่ำเข้ามาขวาง ร้องถามรู้ไหมว่าไก่นี่เป็นของใคร สองขโมยตอบว่า ของใครไม่สน สนแต่ว่ามันขายได้เป็นแสน

“เฮ้ย...ไม่ได้ ไอ้นี่ไม่รู้จักที่ตายซะแล้ว ไอ้สะท้านฟ้านี่เป็นไก่ชนของเจ้าพ่ออินทร์นะโว้ย”

สองขโมยไม่เชื่อวิ่งตามไก่ไปอีก โชคร้ายติดบ่วงคล้องขาทั้งสองคนขึ้นไปห้อยหัวกลางอากาศร้องโวยวาย ทันใดมีเสียงปืนดังขึ้นสองนัดตัดเชือกขาด สองคนหล่นตุ๊บลงมา อินทร์ถือปืนสั้นเดินเข้ามาถามว่าเข้ามาในเขตบ้านตนทำไม สองคนกลัวลานรีบบอกว่ามาสมัครงาน ไอ้ต่ำแย้งว่าสองคนมาขโมยไก่ อินทร์โกรธ

“ไอ้สะท้านฟ้าของข้าน่ะเหรอ มันหลุดออกมาได้ไงวะ แล้วตอนนี้มันหนีไปไหน”

“มันไม่ไปไหนหรอกครับ มันอยู่ที่นี่” ฮวงอุ้มไก่เดินเข้ามา

อินทร์หันไปตามเสียงถามว่าเป็นใคร ฮวงส่งไก่ให้ไอ้ต่ำแล้วตอบว่าเขามาหาเจ้าพ่ออินทร์ อินทร์ย้อนถาม “เอ็งเป็นคนต่างถิ่นซิท่า ถึงไม่รู้จักข้า...”

ฮวงรีบยกมือไหว้แล้วบอกว่าเขามาจากกรุงเทพฯ มีเรื่องมาคุยด้วย อินทร์ดักคอว่าถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ต้องมาคุย เขาวางมือนานแล้ว ฮวงบอกว่าเขาแค่มาขอความช่วยเหลือ เพื่อช่วยชาติบ้านเมือง ถ้าไม่ปฏิเสธเขาจะพาเจ้านายมาพบ

ไม่นาน ฮวงก็พา ดร.วิทยามาพบ ฮวงแนะนำว่า ดร.วิทยาเคยทำงานให้กับองค์การนาซาที่เป็นข่าวดังเมื่อปีก่อน อินทร์พอจำได้ ดร.วิทยารีบเยินยอ

“ตอนนี้บ้านเมืองกำลังต้องการความช่วยเหลือ เพราะผมเห็นว่าเจ้าพ่ออินทร์กับเสือสนธิ์เท่านั้นที่พอจะช่วยประเทศของเราได้” ดร.วิทยารีบขอให้พาเขาไปพบเสือสนธิ์ อินทร์ตรองดูสักพักก่อนจะตอบว่า เขาจะลองนัดให้...

ไม่กี่วัน อินทร์ก็พา ดร.วิทยากับฮวงมาพบเสือสนธิ์ที่บ้าน ดร.วิทยารีบใส่ไฟว่าถ้าทับทิมสยามทั้งสามก้อนตกในมือ ดร.ฟอร์ด จะเป็นอันตรายต่อประเทศไทยมาก สองคนไม่อยากเชื่อ..

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน1 ละครช่อง7

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน1 ละครช่อง7

ตอนที่ 1

เครื่องบินส่วนตัวเอสตาบิท กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเข้าสู่เขตประเทศไทย โฮสเตจนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญขององค์การนาซ่า ซึ่งนั่งทำงานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ และได้ยื่นเอกสารที่สตีเฟ่นลูกชายด็อกเตอร์มาส่งให้ดร.ฟอร์ดอ่านแล้วยิ้ม “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ มันยังอยู่ในเมืองไทย”

โฮสเตจถามว่าอะไร ดร.ฟอร์ดตอบว่า ทับทิมสยาม โฮสเตจไม่เข้าใจอยู่ดีจึงค้อมหัวให้แล้วเดินกลับไป ดร.ฟอร์ดเปิดคอมพ์ มีภาพ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ และมีสมการ E=MC2 ปรากฏขึ้นหน้าเว็บเพจเปิดให้เห็นการทดลองระเบิดปรมาณูจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นความทุกข์ทรมานของคนญี่ปุ่น จากสงคราม...

ณ สำนักงานเสาร์ห้า อธิบดีอภิชัยกำลังคุยกับผู้พันอาจณรงค์ ด้วยท่าทีเคร่งเครียด ท่านเปิดคอมพ์ให้ดู สมการ E=MC2 แล้วถามว่ารู้จักไหม

“สมการที่เป็นต้นกำเนิดของระเบิดนิวเคลียร์ครับท่าน” อาจณรงค์ตอบ

“มีรายงานเข้ามาว่า ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนิวเคลียร์ กำลังบินเข้ามาเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว” อภิชัยย้ำมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ให้อาจณรงค์ รีบส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวด่วน...

บนท้องฟ้า ที่เครื่องบิน ดร.ฟอร์ด บินอยู่ใกล้ถึงสุวรรณภูมิและได้ติดต่อขอแลนด์ดิ้งแล้วทันใดบนจอเรดาห์ก็ปรากฏกลุ่มก้อนบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามา ผู้ช่วยกัปตันรายงานว่าเป็นเมฆฝนแต่กัปตันไม่คิดเช่นนั้น ทั้งสองรีบประจำที่เพื่อทำการบังคับเครื่อง ที่ห้องผู้โดยสาร ไฟฟ้ากะพริบทำให้ดร.ฟอร์ดรู้ถึงความผิดปกติ จึงให้โฮสเตจไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เครื่องบินโอนเอนอย่างน่ากลัว ผู้ช่วยบอกกัปตันว่าข้างหน้ามีพายุหมุน กัปตันกำลังจะบังคับเครื่องให้หักหลบ ดร.ฟอร์ดรอฟังไม่ไหวตามโฮสเตจมาที่ห้องนักบิน พอเห็นกัปตันจะหักหลบก็รีบห้าม

“อย่าหักหลบนะ เครื่องจะเสียการทรงตัว”

“แต่เรากำลังจะโดนพายุดูดเข้าไปนะครับ” กัปตันแย้ง

“นั่นไม่ใช่พายุ อย่าหลบมัน บินตรงไป”

กัปตันไม่เชื่อ ให้โฮสเตจและผู้ช่วยเอาตัว ดร.ฟอร์ดกลับไปนั่งที่ ดร.ฟอร์ดร้องลั่นให้เชื่อเขา อย่าหลบ เครื่องจะเสียหลัก ขาดคำเครื่องก็หมุนคว้าง และตกลงกลางป่าดงดิบชายแดนไทย

วันต่อมา หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว...ดร.ฟอร์ด แม็คควีน นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่าหายสาบสูญกลางป่าจังหวัดกาญจนบุรี...สตีเฟ่น ลูกชาย ดร.ฟอร์ด เชื่อว่าพ่อยังไม่ตาย สั่งลูกน้องราฮีมหาคนนำทางเข้าไปในป่านั่น เขาจะเข้าไปตามหาพ่อ ขณะนั่งรถโฟร์วีลไปตามทาง โดยราฮีมเป็นคนขับ สตีเฟ่นเห็นนักบวชท่าทางแปลกๆคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง เขารู้สึกสะท้านอย่างประหลาด เมื่อเหลียวมองกลับไปอีกครั้ง นักบวชคนนั้นได้หายไปแล้ว สตีเฟ่นคิดว่าตนตาฝาด

มาถึงหมู่บ้านชายแดน สตีเฟ่นให้ราฮีมจ้างชาวบ้านใครก็ได้นำทางเดินป่าด้วยค่าจ้างสูงลิ่ว แต่พอทุกคนรู้ว่า จุดที่สตีเฟ่นจะไปคือ เขตสุสานช้าง ต่างก็ปฏิเสธแม้ว่าจะได้ค่าจ้างเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ตาม สตีเฟ่นหงุดหงิดมาขึ้นรถ ราฮีมกำลังจะออกรถ แห้งวิ่งเข้ามาเกาะรถแล้วบอกว่ามีคนจะพาไปสุสานช้างได้ สตีเฟ่นเห็นสภาพแห้งแล้วไม่อยากเชื่อ แต่แห้งบอกว่า มีอาจารณ์เณรช่วยได้สตีเฟ่นจึงยอมตาม แห้งไปที่บ้านอาจารย์เณร

“อาจารย์เณรของแกนี่เป็นพรานป่าใช่มั้ย” ราฮีมถามแห้ง

พอแห้งตอบว่าไม่ใช่ ราฮีมโมโหที่พามาทำไม แห้งรีบบอกว่า ไม่ใช่พรานแต่เก่งกว่าพราน ราฮีมสบถให้พาไปสุสานช้างได้ก็แล้วกัน แห้งตอบไม่...อาจารย์ไม่พาไป ราฮีมโกรธ ชักปืนออกมา แห้งตกใจยกมือไหว้

“อย่านาย อย่ายิง ถ้านายจะไปสุสานช้าง นายต้องให้อาจารย์เณรดูก่อน ท่านดูหมอเก่ง”

“ที่แท้ก็พามาหาหมอดูนี่เอง ไป กลับ” สตีเฟ่นไม่พอใจจะกลับไปขึ้นรถ

จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากในบ้าน “รถเอ็งสตาร์ตไม่ติดหรอก”

ราฮีมขึ้นนั่งสตาร์ตเครื่อง รถไม่ยอมติดจริงๆ สองคนแปลกใจ เสียงอาจารย์เณรดังออกมาอีกว่า เครื่องบินตก ทุกคนตายหมด ยกเว้นพ่อเอ็ง ข้ารู้ ข้าเห็น สองคนมองหน้ากันงงๆ...

ทั้งสตีเฟ่นและราฮีมเข้ามานั่งตรงหน้าอาจารย์เณร มีลูกศิษย์สามคนคอยรับใช้อยู่ข้างหลัง แห้งนั่งถัดไปห่างๆ อาจารย์เณรรู้ว่าสตีเฟ่นไม่เชื่อถือตน จึงให้หยิบธนบัตรออกมาวางคู่กับกระดาษที่ตนเขียนตัวเลขไว้ ปรากฏว่า ตัวเลขตรงกัน ราฮีมหาว่าเล่นกล อาจารย์เณรจึงทำให้กระดาษในมือราฮีมไฟไหม้ขึ้นต่อหน้าต่อตา ราฮีมตกใจทิ้งกระดาษในมือ จะวิ่งหนี ก็เห็นภาพหลอนวิญญาณมาทำร้าย เขาร้องโวยวายกลัวแล้วๆ สตีเฟ่นจะเข้าช่วย อาจารย์เณรห้าม

“เรื่องนี้เอ็งไม่เกี่ยว ปล่อยให้ลูกน้องเอ็งมันโดนซะบ้าง”

ราฮีมกลัวลานจนร้องว่ายอมแล้วๆ...อาจารย์เณรแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดูพอประปรายจนสตีเฟ่นเชื่อถือ อาจารย์เณรให้เขาตบรางวัลให้แห้งที่พามาพบตน เมื่อแห้งได้เงินก็กลับไป อาจารย์เณรเริ่มพิธีกรรม ให้ลูกศิษย์ยกบาตรน้ำมาตั้งตรงหน้า ตนหยิบไม้แกะสลักรูปดอกบัวจากแท่นบูชามากำไว้ในมือ นั่งหลับตาสักพัก เกิดพลังงานทำให้น้ำในบาตรหมุนวนแล้วยกตัวขึ้น เห็นภาพ ดร.ฟอร์ด เดินโซซัด โซเซเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่กลางป่า แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่จริง สักพักก็เกิดไฟลุกพรึบในน้ำ ภาพหายไป อาจารย์เณรยกดอกบัวขึ้นไหว้ สตีเฟ่นถามว่านั่นอะไร

“มันคือดวงตาสวรรค์ เป็นของวิเศษที่มาจากทิเบต พระองค์หนึ่งท่านให้ข้ามา ถ้าเอ็งอยากจะรู้อยากจะเห็นอะไรก็ใช้ดวงตาสวรรค์นี่แหละมันจะทำให้เอ็งเห็นทุกอย่าง”

ราฮีมถามว่าข้างในเป็นอะไร อาจารย์เณรยิ้มเพราะไม่รู้เหมือนกัน พลันปรากฏร่างนักบวชชาวทิเบตชื่อ ซัมดอง เดินเข้ามาด้วยท่าทางถมึงทึงไม่เป็นมิตร

“หมอดูกระจอกอย่างเอ็ง ไม่มีวันรู้หรอกว่า ข้างในดวงตาสวรรค์มีอะไร ฮ่ะๆๆ”

ทุกคนชะงักหันมามอง อาจารย์เณรรีบเก็บดวงตาสวรรค์ใส่ย่ามแล้วถามว่าเอ็งเป็นใคร

“ยมทูตที่จะมาปลิดชีวิตเอ็ง” ซัมดองตอบ

อาจารย์เณรหันไปสั่งลูกศิษย์ยิงใส่ซัมดอง แต่กระสุนทำอะไรซัมดองไม่ได้เลย แถมปืนทั้งหมดกลายเป็นหิน พวกลูกศิษย์ตกใจ โยนทิ้งวิ่งหนี สตีเฟ่นกับราฮีมหาที่หลบดูเหตุการณ์ ซัมดองหันมาต่อสู้กับอาจารย์เณร ซัมดองหายตัวมาโผล่ด้านหลังและล็อกคออาจารย์เณร ล้วงเอาดวงตาสวรรค์ออกมาจากย่าม จากนั้นร่ายคาถา ดอกบัวบานออก เห็นเป็นลูกแก้วใส ส่องแสงจ้าพุ่งใส่หน้าอาจารย์เณร ซัมดองคำราม

“เอ็งไม่เคยรู้เลยใช่ไหมว่าข้างในดวงตาสวรรค์มันคืออะไร มันคือที่กักกันวิญญาณของเอ็งไง ไอ้เณร” ว่าแล้ววิญญาณอาจารย์เณรก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ในดวงแก้ว “ในที่สุด ดวงสวรรค์ก็เป็นของข้า” ซัมดองปล่อยร่างไร้วิญญาณของอาจารย์เณรลงพื้นแล้วเดินออกไปจากบ้าน

สตีเฟ่นและราฮีมรีบตามซัมดองไป ไม่ทันไร ร่างซัมดองก็หายแวบไป ทั้งสองต่างตกใจ

ooooooo

ย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง รถเก๋งคันหรูแล่นมาจอดหน้าธนาคาร คนขับวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายซึ่งท่าทาง เป็นนักธุรกิจใหญ่ นำกระเป๋าเงินมาฝากธนาคาร พลันมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นมากระชากกระเป๋าเงินไป กริ่งกับยูกิ ซึ่งเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นได้ยิน ทั้งสองประกาศ

“อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” ว่าแล้วก็โผนเข้ากระชากคนบนมอเตอร์ไซค์ทั้งสองลงมา

เกิดการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง คนร้ายคนหนึ่งคว้ากระเป๋าขี่รถหนี กริ่งมีความสามารถพิเศษวิ่งได้เร็วเทียบคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์ คนร้ายตกใจมองเข็มไมล์เห็นว่าตัวเองใช้ความเร็วสูง ก็หน้าตาตื่น ไม่ทันระวังชนเข้ากับรถที่สวนมา...ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่และจับกุมคนร้ายไป

เดี่ยว สมเด็จกับบุษกร ขับรถมาตามถนนสายหนึ่ง เดี่ยวรู้สึกเขม่นตาต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง พลันมีรถหน่วยกู้ภัยเปิดไซเรนวิ่งแซงไป เดี่ยวจึงขับรถตามและพบว่าเกิดเหตุคนจะโดดตึกฆ่าตัวตาย เดี่ยวแอบขึ้นไปบนตึกแล้วรวบตัวชายคนนั้นโดดลงบนเบาะลมที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ ชายคนนั้นหน้าตาตื่นกลัว

ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ เจ้าหน้าที่พาชายคนนั้นออกไป บุษกรเข้ามาดูเดี่ยวเห็นนอนนิ่งก็เรียก เดี่ยวค่อยๆลืมตาขึ้นพึมพำว่า

“นางฟ้า นางฟ้าจริงๆด้วย นี่ผมตายแล้วใช่มั้ยครับนางฟ้า”

“ตาบ้า...” บุษกรหยิกเดี่ยวจนร้องลั่น ผู้คนที่มุงดูหัวเราะกันกราว...

วันต่อมา บ้านแก๊งลูกหมูเป็นบ้านหลังใหญ่ดูมีฐานะ มีรั้วรอบขอบชิด เจนนี่กับยูกิแอบซุ่มสังเกตการณ์ เห็นชายฉกรรจ์ 5 คน ต้อนหญิงสาวประมาณ 12 คน ขึ้นรถตู้ มีรถเก๋งนำขบวนแล่นออกมา เจนนี่โทร.แจ้งกระแตว่ารถคนร้ายกำลังออกจากบ้าน เป็นรถตู้ติดสติกเกอร์สีแดงขาว จุดสังเกตเขียนคำว่า...เลือดมังกร...ให้แจ้งหน่วยเหนือเตรียมรับมือ กระแตรับทราบ เจนนี่หันมาบอกยูกิให้ขับรถตามห่างๆ

กระแตกับชลดาจอดรถซุ่มอยู่อีกจุด ส่องกล้องดู เห็นรถคนร้ายแล่นไปถนนไหนโทร.แจ้งไปยังผู้พันอาจณรงค์ ขณะนั้น บริเวณศาลเจ้ามีการแห่สิงโตผาดโผน ผู้พันอาจณรงค์ปลอมตัวเป็นโฆษกของงาน พ.อ.เชษฐ์ แต่งตัวเป็นเถ้าแก่ พออาจณรงค์แจ้งสถานการณ์เป็นรหัส

“งิ้วพร้อมแสดงเลี้ยวเถ้าแก่”

“ลื้อบอกพวกเด็กๆให้คอยต้อนรับกันดีๆอย่าให้เสียชื่อ” พ.อ.เชษฐ์ตอบกลับ

อาจณรงค์จุดประทัดแขวนเป็นการส่งสัญญาณ คณะสิงโตและขบวนแห่ แสดงฝีมือปืนป่ายผาดโผน ดอน ท่ากระดาน รับหน้าที่ตีกลองได้ยินเสียงประทัด ก็รัวกลองเป็นสัญญาณให้พรรคพวก ยอด นางพญายกหัวอาแปะขึ้นรับทราบแล้วร้องว่า อุปรากรจีนมากันแล้ว คนเชิดสิงโตคือ เทอด ยอดธง เร่งเชิดสิงโตให้คึกคักขึ้น พอรถขบวนคนร้ายแล่นมาก็ติดขบวนแห่สิงโต เจนนี่วิทยุแจ้งว่าพวกมันติดกับแล้ว

ยอดสวมหัวอาแปะเข้ามาขอโทษขอโพยคนขับรถ แล้วชวนคุยถามว่ารถนี่ขนยาไปปล่อยหรือ คนขับชักสีหน้าไม่พอใจ ยอดหัวเราะแล้วว่า

“ล้อเล่นน่า รถตู้แบบนี้ไม่ขนยาหรอก น่าจะขนลูกหมูไปขายมากกว่า”

“เฮ้ย...พูดดีๆลูกหมูอะไร”

“โห...อาเฮีย เชยหรือแกล้งเชยเนี่ย พวกขนลูกหมูก็คือพวกค้ามนุษย์ไง”

คนขับรถโวยวายหาว่าปากเสีย ยอดย้อนว่าเขาไม่ได้ปากเสีย แต่รถเฮียน่ะเสีย ว่าแล้วก็โรยตะปูเรือใบที่พื้น ทำให้รถยางแตก คนร้ายไหวตัวเกิดการยิงต่อสู้กัน สักพักก็รวบตัวคนร้ายไว้ได้หมด...รถคันหนึ่งแล่นมาจอด กริ่ง เดี่ยวและบุษกรเดินลงมา ยอดโวยทำไมเพิ่งมา กริ่งพูดขำๆว่าพวกเขามาให้กำลังใจ เทอดโต้ว่า

“กำลังใจน่ะผมมีของผมแล้ว ใช่มั้ยดอน”

“ถูกต้องที่สุด ยิงปืนไปมองตาหวานไป แบบนี้สู้ขาดใจเลย”

ชลดากับเจนนี่หมั่นไส้ เข้าไปหยิกดอนกับเทอด ทุกคนหยอกล้อกันอย่างเฮฮา

ooooooo

สตีเฟ่นกับราฮีมกลับมาที่คอนโดฯ พยายามค้นหาเรื่องราวของซัมดอง จนรู้ว่าซัมดองเป็นลิมโปเซ หรือนักบวชชาวทิเบต ทั้งสองรีบมาสืบหาที่ศาลเจ้าที่ซัมดองมาพำนักอยู่ ลุงเฝ้าศาลเจ้าพาทั้งสองมาที่พักของซัมดอง แต่ต้องแปลกใจที่ซัมดองหายตัวไป

ซัมดองพรางตัวไม่ให้ใครเห็น พอทุกคนกลับไป ซัมดองก็ปรากฏร่างขึ้น เขาหยิบดวงตาสวรรค์มาร่ายคาถาเพ่งมอง เห็นวิญญาณในลูกแก้วนั่น เขาถามวิญญาณเหล่านั้นว่า ฝรั่งนั่นมาทำไม ภาพในลูกแก้วปรากฏให้เห็นทับทิมสยาม ซัมดองรับรู้ถึงพลังของมันแล้วพึมพำ

“พวกมันจะนำข้าไปหาทับทิมสยาม พลังเหนือจักรวาลที่ข้าต้องการ”

ซัมดองมาปรากฏตัวขึ้นหลังลุงที่ยืนมองรถสตีเฟ่นแล่นออกไป ลุงสะดุ้งเมื่อเห็นซัมดองแล้วบอกว่า พวกอั้งม้อ มาหา ซัมดองตอบว่าข้ารู้แล้ว...

ในห้องประชุมสำนักงานเสาร์ห้า ดร.อภิชัย พ.อ.เชษฐ์ และผู้พันอาจณรงค์ เข้ามานั่งประจำที่ ขณะที่กลุ่มเสาร์ห้าหญิงและกลุ่มเสาร์ห้าชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อภิชัยกล่าวชมเชยทุกคนที่สามารถจับแก๊งค้ามนุษย์ได้ แล้วเริ่มประชุมภารกิจต่อไป เจนนี่ บุษกร กระแต ชลดา และยูกิ จัดการเปิดไฟล์ภาพต่างๆ แล้วอธิบายให้ ยอด เดี่ยว ดอน กริ่ง และเทอดฟังและซักถาม

จากการจับกุมแก๊งค้ายาเมื่อสามวันก่อน ได้เงินและทองคำมูลค่าประมาณร้อยล้าน จะมีการลำเลียงเงินเข้ามาในวันพรุ่งนี้ สายรายงานว่าอาจมีการปล้นโดยกองกำลังต่างชาติ

“นี่คือนายพลจางลี่ หัวหน้ากองกำลังชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งแยกมาตั้งตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับฝ่ายใด...เปาชาง หลานชายคนเดียวของจางลี่ จบการศึกษาจากรัสเซีย เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี และเคยเป็นแชมป์แม่นปืนสมัยเป็นนักศึกษา” เจนนี่เปิดภาพอธิบาย

“แต่พวกชนกลุ่มน้อย ไม่เคยมีประวัติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยแบบนี้นี่ครับ” ดอนสงสัย

“แต่นายพลจางลี่คือข้อยกเว้น เพราะว่ากลุ่มของพวกมันถูกตัดขาดจากชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น ทำให้ขาดท่อน้ำเลี้ยง” เชษฐ์อธิบาย

“ใช่ค่ะ จากที่เคยเป็นหัวหน้ารับยาเสพติดจากกลุ่มอื่นมาขายต่อ เมื่อถูกตัดขาด พวกนายพลจางลี่จึงหันมาทำงานอาชญากรรมในเมืองไทย เมื่อเสร็จงานก็จะรีบข้ามชายแดนกลับไป ทำให้ไม่มีใครทำอะไรพวกมันได้” เจนนี่รายงานต่อ

อภิชัยสรุปความว่าพรุ่งนี้ เงินและทองถูกลำเลียงเข้ามาและการปล้นครั้งนี้คงไม่ธรรมดาแน่ สั่งอาจณรงค์คุมกำลังพร้อมอาวุธให้พร้อม กริ่งพูดเล่นว่า เขาไม่กลัวเพราะเขาวิ่งได้เร็ว ยอดโวยคิดจะหนีรอดคนเดียวหรือ กริ่งทำตากรุ้มกริ่มใส่ยูกิ เขายังไม่อยากตายเพราะยังไม่ได้แต่งงาน ยูกิถลึงตาใส่ กริ่งจ๋อย ทุกคนหันมาวางแผนการทำงานกันอย่างจริงจัง

ooooooo

วันต่อมา เงินและทองคำถูกขนขึ้นรถซีเคียวริตี้ แล่นออกจากหน่วยราชการแห่งหนึ่ง มีรถตำรวจนำและปิดท้าย กริ่งปลอมตัวเป็นคนขับรถขนเงินมียอดเป็นพนักงาน อาเตียวลูกน้องนายพลจางลี่ ส่องกล้องมองแล้ววิทยุรายงานว่า ขบวนแล่นออกมาแล้วมีเจ้าหน้าที่ไม่เกิน 10 คน

ริมถนนแถวกิโลเมตรที่ 25 เห็นเปาชางกำลังยืนคุมลูกน้องให้ติดตั้งระเบิด นายพลจางลี่เข้ามาบอกว่า พวกมันกำลังมา เปาชางบอกทางนี้ก็พร้อมแล้ว ต่างพากันไปซุ่มตามจุดต่างๆ

ขณะเดียวกัน เดี่ยว ดอน เทิด และอาจณรงค์ นำกองกำลังทหารเดินเท้าผ่านเส้นทางในป่ามุ่งหน้าไปยังกิโลเมตรที่ 25 เช่นกัน เดี่ยวมีความสามารถทางการได้ยิน เขาได้ยินเสียงบางอย่างเป็นเสียงของนาฬิกาซึ่งหมายถึงระเบิด จึงบอกดอนซึ่งมีความสามารถในการมองทะลุทะลวงดอนเพ่งมองทะลุไปจนเห็นระเบิดถูกวางเอาไว้ตามจุดต่างๆไม่ต่ำกว่าสามจุด


ดอนโทร.แจ้งมายังกริ่ง แต่กริ่งใส่หูฟังเพลงขับรถอย่างเพลิดเพลิน ยอดจึงรับสายแทน

“ได้ข่าวว่าคุณชอบผลไม้ พอดีมีคนเขาจัดมะตูมกับน้อยหน่ารอคุณอยู่แถวทางโค้งประมาณกิโลเมตรที่ 25 ยังไงก็บอกคนอื่นๆต่อด้วย”ดอนพูดติดตลก

“ได้ กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี”

ยอดหันมาบอกกริ่งแต่กริ่งไม่ได้ยิน ยอดจึงดึงหูฟังออกแล้วถามว่าหิวหรือยัง แวะรับผลไม้กิโลเมตรที่ 25 ก่อน กริ่งถามผลไม้อะไร ยอดตอบเดี๋ยวก็รู้แล้วเสียบหูฟังเพลงเสียเอง...กริ่งขับรถมาเรื่อยจนใกล้จุดที่ยอดบอก กริ่งวิทยุบอกรถตำรวจที่นำทางและตามมาว่าให้ขับช้าลงต้องแวะรับของ พอรถชะลอความเร็ว ยอดรู้สึกตัวถามกริ่งจอดทำไม กริ่งถามผลไม้อยู่ตรงไหน

“คุณกริ่ง ทำไมคุณซื่อยังงี้” ยอดโวยวาย ขาดคำเสียงระเบิดตูมตามขึ้น “นั่นไงผลไม้มะตูมกับน้อยหน่าไง หลบเร็วๆ”

กริ่งกับรถตำรวจหลบระเบิดเข้าข้างทาง กองกำลังนายพลจางลี่กราดกระสุนใส่ ทุกคนวิ่งออกมาหาที่กำบัง กลุ่มเสาร์ห้าตามมาสมทบ ช่วยกันยิงตอบโต้ เมื่อกลุ่มเสาร์ห้าผนึกกำลังกันทำให้กระบวนหมัดมวยที่ปล่อยออกมาวิจิตรพิสดาร ต่างเป็นกำแพงให้กันและกัน ทำให้เปาชางกับพวกสู้ไม่ได้ นายพลจางลี่สั่งถอย เปาชางวิ่งหนีไปยังรถที่อาเตียวรอรับหนีรอดไปได้

กลุ่มเสาร์ห้ากลับบ้านพักในสภาพใบหน้าบอบช้ำกันเป็นแถว เจนนี่ ชลดา บุษกร กระแต และยูกิต้องทำแผลให้คู่ของตน ยูกิบอกทุกคนว่าตนซื้อผลไม้ไว้ให้ ยอดกับกริ่งผวาเกรงจะเป็นมะตูมกับน้อยหน่าอีก ทุกคนหัวเราะกันครืน

ooooooo

มีหมู่บ้านแนวตะเข็บชายแดน เป็นหมู่บ้านของนายพลจางลี่ มีเวรยามถือปืนเดินกันไปมา ชาวบ้านที่เป็นชายแต่งกายคล้ายทหารครึ่งท่อน บ้านพักของนายพลจางลี่ใหญ่โตพอสมควร มีจานดาวเทียมและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน

เปาชางยืนดูอาเตียวค้นหาประวัติพวกเสาร์ห้าในคอมพิวเตอร์ นายพลจางลี่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของกลุ่มนี้มาก่อนว่าเป็นพวกเหนือมนุษย์ เปาชางว่าตนไม่กลัว ตนเสียดายเงินที่ชิงมาไม่ได้มากกว่า นายพลจางลี่ปลอบหลานชายว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวให้คอยเช็กข่าวไว้

ในคืนวันหนึ่ง สตีเฟ่นได้พบกับซัมดอง ปรากฏตัวขึ้นในรถ บอกให้เขาขับรถไปเรื่อยๆถ้าอยากจะพบพ่อ เขาจึงขับรถไปตามทางที่ซัมดองบอก เป็นถนนเปลี่ยวและมืด ซัมดองได้ยินเสียงบางอย่างนอกรถจึงให้จอด สตีเฟ่นหันมามองหน้าแต่พอหันกลับไปก็เห็นร่างคนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าข้างทาง เขารีบเบรกรถอย่างแรง ชายคนนั้นลักษณะเหมือนคนบ้า หนวดเครารุงรังเสื้อผ้าขาดวิ่น สตีเฟ่นลงจากรถมาโวยวายใส่แล้วเขาก็ได้เห็นว่าชายคนนั้นคือ ดร.ฟอร์ด

เขาจึงพาพ่อกลับมาที่คอนโดฯ อาบน้ำโกนหนวดเคราเรียบร้อย เห็นซัมดองนั่งกรรมฐานบนพื้น ดร.ฟอร์ดกระซิบถามลูกชายว่าเชื่อถือได้แน่หรือ สตีเฟ่นตอบว่าถ้าไม่ใช่เพราะซัมดองเขาก็คงไม่ได้พบพ่อ ซัมดองถามคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ

“ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่มีอะไรพิสูจน์ก็คงเชื่อยาก” ดร.ฟอร์ดออกตัว

ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมาร่ายเวทมนต์ มันกางออกเป็นลูกแก้วใส มองเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนเครื่องบินตก และบอกว่าเป็นเพราะนักบินไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดเป็นภาพลวงตา

“พื้นที่ตรงนั้น มีของล้ำค่าซ่อนตัวอยู่” ซัมดองบอกสองพ่อลูก

“ของล้ำค่าอะไรครับ” ดร.ฟอร์ดถามด้วยความทึ่ง

“ทับทิมสยาม...”

ดร.ฟอร์ดยิ้มกับลูกชาย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆและเริ่มศรัทธาในตัวซัมดอง...วันต่อมา นาตาชาเดินทางกลับมา ดร.ฟอร์ดบอกลูกสาวว่าอย่าเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเขายังไม่ตาย หลังจากนั้น ดร.ฟอร์ดก็เริ่มปรึกษากับลูกๆและราฮีม เปิดภาพแผนที่จากดาวเทียมให้ดูเส้นทางที่เครื่องบินตก

“ถ้าจำไม่ผิด เส้นทางเข้าออกจะมองเห็นเจดีย์ใหญ่ สูงกว่าต้นไม้ แต่บริเวณนั้นเป็นเขตอันตรายเหมือนแดนสนธยา เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นแถวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าทุกอย่างมันเหมือนจริง แต่ไม่ใช่ความจริง ลูกเรือที่รอดชีวิตมา ล้วนแล้วแต่ต้องจบชีวิตเพราะภาพลวงตาเหล่านั้น”

“อาจารย์ซัมดองบอกว่า  ตรงนั้นมีทับทิมสยามซ่อนตัวอยู่” สตีเฟ่นกล่าว

“ใช่ มันต้องเป็นทับทิมสยามสีม่วงเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ ถ้าเครื่องมือเราพร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเดินทางกันได้ทันที”

สตีเฟ่นได้ให้ราฮีมเตรียมพวกแรงงานกับพวกลูกหาบไว้แล้ว ดร.ฟอร์ดย้ำว่าต้องปิดเป็นความลับอย่าให้พวกมันรู้ ราฮีมรับทราบ นาตาชาถามตนต้องทำอะไรบ้าง ดร.ฟอร์ดยิ้มมีเลศนัย

ooooooo

นาตาชาเดินทางมาที่สำนักงานเสาร์ห้า เกิดทะเลาะกับเจนนี่เรื่องที่จอดรถและได้ประฝีมือกันพอ ทำเนา ยูกิกับกริ่งเข้ามาห้าม เจนนี่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่

นาตาชามาว่าจ้างอภิชัยให้จัดกลุ่มเสาร์ห้าคอยคุ้มกันทับทิมสยามสีชมพูมูลค่ามหาศาลที่ตนเป็นผู้ถือครองอยู่ อภิชัยนิ่งฟังอย่างครุ่นคิดและตอบไปว่า ตนต้องขอฟังรายละเอียดก่อน

“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่ชอบพูดซ้ำซาก ถ้าไงขอนัดทีมของคุณให้พร้อมแล้วฉันจะเข้ามาบรีฟทีเดียว” ท่าทางนาตาชาเย่อหยิ่งเพราะคิดว่าอภิชัยคงตาโตกับเงินค่าจ้างของตน

กลุ่มเสาร์ห้าถูกเรียกเข้าประชุม ทีมเสาร์ห้าหญิงช่วยกันเปิดวีดิโอเรื่องราวทับทิมสยาม มีเสียงบรรยายว่า...ทับทิมสยาม ตำนานแห่งอัญมณีระดับโลก จากบันทึกของกินเนสส์บุ๊ก ทับทิมสยามที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบไปด้วย ทับทิมสามก้อน คือ ทับทิมสีชมพู ทับทิมสีแดง และทับทิมสีม่วง ซึ่งแต่ละก้อน ต่างก็มีผู้ครอบครองสืบต่อกันมานานนับพันปี

ทับทิมสีม่วง ตกอยู่ในครอบครองของหมู่เจ้านายแห่งล้านนาหลายชั่วอายุคน แต่แล้วก็หายสาบสูญไป จนมีการค้นพบอีกครั้งที่หลุมฝังศพโบราณแห่งหนึ่งทางเหนือ เมื่อข่าวสะพัดออกไป ทับทิมสีม่วงก็ถูกปล้นและสูญหายไประหว่างการตามล่าของตำรวจระหว่าง พ.ศ. 2500

ทับทิมสีแดง อยู่ในการครอบครองของเทวีแห่งเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โดยประดับไว้บนมงกุฎเทวีและสืบทอดส่งต่อกันมาหลายรุ่น จนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม เชียงรุ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีน ราชวงศ์เชียงรุ้งถูกคุกคามจึงหลบหนีมาเมืองไทยและนำมงกุฎเทวีติดมาด้วย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ครอบครอง เชื่อว่าขณะนี้ ทับทิมสีแดงยังอยู่ในเมืองไทย

ทับทิมสีชมพู ตกอยู่ในครอบครองของเจ้าฟ้าเมืองนาย แต่ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ายึดรัฐฉานและพม่าเป็นเมืองขึ้น มันจึงตกไปอยู่ในมือชาวอังกฤษคนหนึ่ง จากนั้นอีกหลายร้อยปี ก็ปรากฏอีกครั้งที่อเมริกาโดยผู้ครอบครองปัจจุบันคือ มิสนาตาชา แม็คควีน บุตรสาวของ ดร.ฟอร์ด...

วีดิโอจบลง พร้อมกับนาตาชาเดินเข้ามาปรบมือชมเชยกับข้อมูลที่หามาได้ถูกต้อง เธอแนะนำตัวกับทุกคน ยกเว้นเจนนี่ อธิบายจะมีงานแสดงอัญมณีแห่งตำนานที่ตนต้องเอาทับทิมสีชมพูออกมาแสดง เจนนี่ถามถึงจุดประสงค์ที่นำออกมา นาตาชาบอกว่าเรื่องนี้ตนจะแถลงในวันหน้า เจนนี่ว่าถ้าจะต้องทำงานร่วมกันต้องให้ข้อมูลมากที่สุด นาตาชา อ้างว่า ข้อมูลบางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว ขอให้พวกเสาร์ห้าวางระบบรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุดก็พอ รายละเอียดการจัดงานอยู่ในเอกสารของบริษัทออร์กะไนซ์แล้ว เธอวางแฟ้มเอกสารไว้ให้และหันมาถามอภิชัยว่าตนจะขอให้คนช่วยดูแลความปลอดภัยให้ระหว่างกลับไปขึ้นรถจะได้ไหม อภิชัยอนุญาต นาตาชาเลือกดอนแล้วหันไปยิ้มเย้ยเจนนี่