Thursday, December 27, 2012

เจนสุดา ถ่าย maxim ขาวสวย จนใจแทบละลาย

"เนตรนภิศ"ถ่าย MAXIM ประชดผัวเกย์
          หลายคนยังไมลืม บทบาท เนตรนภิส น้องสาวเนตรนภา ในละคร เรื่องแรงเงา ที่ได้ผัวเกย์ ในละคร วันนี้เนตรนภิศ ประชดผัวเกย์  ถ่าย maxim อวดหุ่นขาวสวยหมวยอึ๋ม


เรื่องย่อ ดุจตะวันดั่งภูผา ตอน 12 ละครช่อง7


ตอนที่ 12
ระหว่างที่ฉัตรนั่งจิบน้ำชารอบุ๊นอยู่ในห้องรับแขก กวาดตามองเรื่อยเปื่อยไปทั่วบริเวณไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจไปรอบๆ

“ห้องนั้น...อืม ไอ้ไทบอกว่าอยู่ชั้นล่างนี่หว่า”

พลันเหลือบไปเห็นห้องห้องหนึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน ฉัตรเหลียวซ้ายแลขวาเห็นปลอดคน ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง...

ในขณะที่ฉัตรกำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่ในบ้านบุ๊น ที่บริษัทเจ้าหยาง พัดมาถึงห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อรู้เรื่องที่พีทถูกรุมทำร้าย หนำซ้ำเรียวก็ให้ความกระจ่างอะไรไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำและทำเพื่ออะไร

“เมื่อไหร่จะจบเรื่องแบบนี้เสียทีนะ” พัดบ่นอย่างเอือมระอา หันไปสนใจงานบนโต๊ะ เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมาก เรียวรู้งานจึงถอยออกไปจากห้อง ปลายฟ้ารอท่าอยู่แล้วปรี่เข้ามาถามว่าเขาจะไปเจอไทหรือเปล่า

“คิดว่าเจอ...มีอะไรหรือครับคุณปลายฟ้า”

หญิงสาวอยากจะฝากเรียวไปเตือนเขาด้วยว่าเย็นนี้อย่าลืมนัดกับเธอ แต่ด้วยความเขินอายไม่กล้าเอ่ยปาก ได้แต่ส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่มีอะไร...

ทางด้านฉัตรถึงกับตาค้างเมื่อเห็นกรุสมบัติในห้องลับของบุ๊น มีหัวสัตว์สตัฟฟ์ติดไว้ตามเสาห้องเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีของเก่าแก่ รวมทั้งปืนสารพัดชนิด หมวกล่าสัตว์ และภาพถ่ายสมัยก่อนอีกมากมาย เขาเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มค้นหาเบาะแส เจอรูปถ่ายระหว่างการออกล่าสัตว์ มีบุ๊น มังกร เทอด และนายมนัส
“นี่คงเป็นบุ๊น แอนด์ เดอะแก๊งสินะ” ฉัตรพึมพำ แล้วจัดแจงเก็บรูปนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ แต่เกิดเปลี่ยนใจ เอาใส่ไว้ที่เป้ากางเกงแทน เขาค้นต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งพบโฉนดที่ดินที่ปากช่อง 3 ฉบับ ชื่อเจ้าของด้านหลังโฉนดเป็นชื่อบุ๊นทั้งหมด ฉัตรเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ ใกล้กับโฉนดมีพินัยกรรมของบุ๊นวางอยู่ ถ่ายรูปเก็บไว้เช่นกัน ค้นหาบนโต๊ะจนพอใจ ฉัตรหันไปที่ตู้เอกสาร แต่ยังไม่ทันลงมือรื้อค้น มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง

“หาเจอหรือยัง”

ผู้กองเฒ่าสะดุ้งเฮือกหันขวับมามอง ไม่ทันระวังตัวเจอพานท้ายปืนของบุ๊นอัดเต็มหน้าถึงกับทรุดฮวบ

ooooooo

ฉัตรถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำถังเบ้อเริ่มสาดใส่หน้า หันมองข้างๆเห็นคู่หูในสภาพบอบช้ำไม่ต่างกันถูกมัดมือไพล่หลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีบุ๊น อาฮวด ไท และบอดี้การ์ดอีก 2 คนยืนมองท่าทางเอาเรื่อง

“ตื่นแล้วหรือ...ผู้กองเข้ามาในห้องทำงานผมทำไม” บุ๊นเสียงกร้าว

“ผมหลงทาง” ฉัตรที่หน้าตาบวมปูดยังไม่วายปากแข็ง บุ๊นไม่พอใจมาก หันไปพยักพเยิดให้อาฮวด

ลงมือซ้อมคนหลงทางอีกครั้ง ไทอยากจะเข้าไปช่วยแต่ทำไม่ได้

“นี่แกกล้าซ้อมตำรวจเลยหรือ” ฉัตรขู่

“จริงสิ...ฉันลืมไป...งั้นฉันให้คนอื่นซ้อมแทนก็แล้วกัน...ไท” อาฮวดส่งสายตาให้ไทมารับช่วงแทน ชายหนุ่มสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ฉัตรรู้ว่าไทไม่กล้าทำร้ายตนเอง จึงพูดเป็นนัยๆ

“เอาสิ...ใครก็ได้มาเลย...แกชื่ออะไรนะ...อ๋อ ไท...มา...ข้าไม่กลัวเจ็บหรอก”

ไทรีๆรอๆไม่กล้า แต่พอเห็นสายตากร้าวของบุ๊นแล้วจำต้องลงมือซ้อมฉัตร ทั้งคนซ้อมและคนถูกซ้อมต่างน้ำตาคลอ ฝ่ายหนึ่งด้วยความสงสารขณะที่อีกฝ่ายเจ็บจนแทบกระอัก ในที่สุดความเจ็บชนะ ฉัตรยอมเปิดปาก

“ก็ได้ ผมเข้ามาหาหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับคดีที่ยิงลูกสาวคุณ คดีที่คุณถูกลอบยิง คดีสังหารนาย

เจียง แล้วก็รวมไปถึงคดีเก่าๆ” ขาดคำ ฉัตรหมดสติ ไทเป็นห่วงเขามากแต่ต้องเก็บอาการไว้ บุ๊นสั่งให้ค้นตัวฉัตรดู ไม่พบอะไรนอกจากปืนเพราะเขาเอารูปยัดไว้ในเป้ากางเกง ในเมื่อเขาไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร บุ๊นจึงสั่งให้ปล่อยไป ไทแอบถอนใจโล่งอก รับรู้ได้ทันทีว่าบุ๊นเป็นคนเหี้ยมโหดและเลือดเย็นจนอดหวั่นใจไม่ได้

จากนั้น บุ๊นเรียกอาฮวดเข้าไปในห้องลับเพื่อดูว่ามีอะไรหายหรือเปล่า พอรู้ว่ามีเพียงรูปถ่ายใบหนึ่งหายไป บุ๊นถึงได้ทรุดตัวลงนั่งผ่อนคลายขึ้น หันไปถามอาฮวดว่าตอนนี้มังกรเป็นอย่างไรบ้าง

“เงียบครับ ยังไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”

“แปลกจัง...ติดต่อหมอพินิจแล้วเรียกไทกับเรียวไปพบฉันหน่อย” บุ๊นสั่งเสียงเข้ม...

ในเวลาต่อมา บุ๊นเรียกอาฮวด ไท และเรียวมาสรุปแผนการกันอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย แล้วฝากไทให้ช่วยดูแลงานนี้ให้ดี ชายหนุ่มรับคำอย่างไม่ค่อยวางใจบุ๊นสักเท่าไหร่

“ไปจัดการได้แล้ว เออนี่ฮวด โทร.แจ้งทางนั้นด้วยว่าวันนี้เขาจะไปฉีดปลวก”

อาฮวดรับคำ จากนั้น ทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัว บุ๊นเดินมาขึ้นรถ พลางมองไทที่แยกไปขึ้นรถอีกคันหนึ่ง พึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้จะบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อนกับเขาอย่างไรดี

ooooooo

ในที่สุดพี่น้องร่วมสาบานก็เปิดศึกขั้นแตกหักกัน บุ๊นเปรียบศึกครั้งนี้เป็นเหมือนการเดินหมากรุก และเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกก่อนด้วยการส่งอาฮวดไปรับตัวหมอพินิจมาจากโรงพยาบาล ส่วนมังกรส่งโอตี่ เบตตี้และเหล่าสมุนมุ่งหน้าไปยังบ้านพักตากอากาศเป็นการโต้ตอบ

บุ๊นฉลาด อ่านเกมเดินหมากของมังกรออก วางแผนให้ไทกับเรียวปลอมตัวเป็นพนักงานฉีดปลวกแต่งกายชุดช่างและมีผ้าปิดปากปิดจมูกไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง นำรถปิกอัพหลังคาสูงแบบตู้ทึบ ภายในติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัยครบครันมาที่บ้านพักตากอากาศ พยาบาลออกมาต้อนรับ

“มาฉีดปลวกหรือคะ”

ไทในคราบพนักงานฉีดปลวกรับคำ บอดี้การ์ดทำทีตรวจความเรียบร้อยก่อนจะอนุญาตให้ทั้งคู่เข้าไปในบ้าน อีกมุมหนึ่งบนเนินเขาแถวนั้น สายสืบของโอตี่ซุ่มดูด้วยกล้องส่องทางไกลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด สักพักโอตี่ เบตตี้กับเหล่าสมุนตามมาสมทบ ถามว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง

“ไม่มีอะไรครับคุณชายโอ มีแต่รถเข้าไปฉีดปลวก”

โอตี่พยักหน้ารับรู้ คว้ากล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู รอโอกาสเหมาะ ถึงจะบุกเข้าไป.

Tuesday, December 18, 2012

กุ้งล็อบสเตอร์สองสี ครึ่งหนึ่งสีดำอีกครึ่งสีส้ม หายาก 1 ใน 100 ล้านตัว




ประหลาดกุ้งล็อบสเตอร์สองสี ครึ่งหนึ่งสีดำอีกครึ่งสีส้ม หายาก 1 ใน 100 ล้านตัว

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเมืองบอสตันของสหรัฐฯ เปิดตัวกุ้งล็อบสเตอร์ที่มีเปลือกสีดำและส้ม สอดรับกับสีของเทศกาลฮัลโลวีน โดยเป็นกุ้งล็อบสเตอร์ “สองสี” เพศเมีย น้ำหนัก 450 กรัม ซึ่งถูกจับได้ในมหาสมุทรแอตแลนติกนอกชายฝั่งเมืองซาเลม รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนถูกนำมามอบให้พิพิธภัณฑ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมล็อบสเตอร์สองสีภายในเดือนนี้
ด้านนักชีววิทยาทางทะเลอธิบายว่า สีสันที่ประหลาดของมันเกิดจากความผิดปกติของการแบ่งเซลล์ขณะที่ไข่กำลังฟักเป็นตัว และทำให้ล็อบสเตอร์ตัวนี้รอดจากการเป็นเมนูอาหารของมนุษย์ “กุ้งที่มีลำตัว 2 สีมีโอกาสพบเพียง 1 ใน 50-100 ล้านตัวเท่านั้น” และในปีนี้มีการพบกุ้งล็อบสเตอร์ที่สีสันผิดธรรมชาติมากกว่าปีก่อนๆ


ที่มาเนื้อหาและภาพประกอบ : toptenthailand.com

Sunday, December 16, 2012

เรื่องย่อ ละคร เสือสมิง ตอน 5 ช่อง7


ตอนที่ 5
เมื่อหมวดสมรักษ์อาการดีขึ้นมากแล้ว และทางโรงพักก็ส่งรถมารับถึงบ้านแม่หมอ แก้วหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองต่อไป

“น้องชาย...ไปพักกับพี่ก่อนไป”

แก้วหัวใจพองโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปาก

สมรักษ์...แม่หมออมยิ้มเพราะรู้ว่าแก้วเป็นผู้หญิง แต่พอหันไปเห็นสายตาหวานเยิ้มของภราดรที่มองกินรี ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เร่งหมอให้กลับไปด้วย

ภราดรเตรียมตัวกลับหลังจากรถตำรวจออกไปสักครู่หนึ่งแล้ว แต่ไม่ทันจะก้าวขึ้นรถที่ตัวเองขับมาก็เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นอย่างฉับพลัน

ท้องฟ้าที่สว่างจ้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มอย่างน่าอัศจรรย์ ซ้ำยังมีลมกระโชกแรงทั้งที่ไม่มีเค้าฝน ทุกคนเลิ่กลั่กมองหน้ากันไปมา แล้วยิ่งตระหนกตกใจเมื่อพะอูคลุ้มคลั่งวิ่งเข้าไปในป่าราวกับมีใครร้องเรียก กินรีจะวิ่งตามน้องชายแต่แม่หมอห้ามไว้ และทำท่าจะตามไปเอง แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกระทุ้งเข้าหน้าอกจนกระเด็นไปกองกับพื้น มะค่ารีบเข้าประคองแม่หมอ ส่วนกินรีละล้าละลังแต่เดี๋ยวเดียวก็ตัดสินใจวิ่งตามพะอูไป โดยมีภราดรตามติดด้วยความเป็นห่วง

ที่แท้พะอูถูกคาถาอาคมของงะดินเดเรียกไปที่ถ้ำเชิงเขา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือต้องการให้ภราดรตามเข้ามาเพื่อจัดการล้างแค้น!

พะอูถือมีดเป็นอาวุธเข้ามาประจันหน้างะดินเดและคนรูสองผัวเมีย สภาพของทั้งสามน่าเกลียดน่ากลัวเสียจนพะอูตวาดสั่งให้ถอยไป ถ้ายังไม่อยากตาย...พูดไปแล้วพะอูชะงักกึก งุนงงว่าตัวเองเปล่งเสียงได้อย่างไร

“ไม่ต้องแปลกใจ ต่อหน้าข้า เจ้าจะพูดได้...ชะเวโบ”

พะอูชะงักอีกครั้งกับชื่อที่งะดินเดเรียก พลางจ้องมองร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนก้อนหิน ตั้งคำถามว่าเขาเรียกตนมาทำไม แล้วเขาเป็นใคร ทำไมทำเหมือนรู้จักตน
“ข้ารู้จักเอ็งดี และข้าเองก็รู้ว่าเอ็งรออะไรอยู่ เราทุกคนรอวันนี้ วันที่กงกรรมกงเกวียนเวียนมาถึง โอกาสที่ข้าจะได้แก้แค้นให้ลูกข้ามาถึงแล้ว”

งะดินเดประกาศดังกึกก้อง น้ำเสียงนั้นทั้งเคียดแค้นชิงชังและโหยหวนด้วยความเศร้าสลด...ยามนั้น แม่หมอนั่งอยู่ในห้องบูชาภายในบ้าน รับรู้ได้ถึงการกระทำของงะดินเด ซึ่งนางต้องขัดขวางเพราะไม่ต้องการให้มีการจองเวรจองกรรม แต่มะค่ายังนั่งอยู่ด้วย แถมไล่เท่าไหร่ก็ไม่กลับ ยืนยันว่าจะอยู่ดูแลยาย

“ถ้างั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถูกตัวข้าเด็ดขาด เข้าใจไหม”

มะค่ารับคำทั้งที่งุนงงสงสัย...แม่หมอดวงตาวาววับใช้วิชาอาคมออกจากร่างไปช่วยเหลือกินรีกับภราดรที่กำลังโดนปีศาจร้ายของงะดินเดโจมตีก่อนจะถึงถ้ำ แต่ฤทธิ์เดชของงะดินเดเหนือกว่า แม่หมอโดนทำร้ายจนกระอักเลือด ส่วนพะอูที่พยายามห้ามก็โดนเล่นงานจนสลบเหมือด

งะดินเดใช้พลังบังคับแม่หมอกลับร่างเดิมที่บ้านในสภาพกระอักเลือด มะค่าเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบเข้าประคอง แต่ร่างของเด็กสาวกลับมีอาการกระตุกเหมือนได้รับอำนาจอะไรสักอย่างแล้วกระเด็นออกไปสลบห่างจากแม่หมอ

“มะค่า...ข้าบอกแล้วว่าอย่ามาถูกตัวข้า...โธ่มะค่าเอ๊ย” แม่หมอคร่ำครวญ สีหน้าวิตกกังวลอย่างที่สุด!

ด้านกินรีกับภราดรที่ยังอยู่ตรงทางขึ้นเขา...แม้ไม่เห็นตัวตนของงะดินเดแต่กินรีมั่นใจว่าเขาคือผู้ทำร้ายแม่หมอ เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นกับตามาแล้วครั้งหนึ่ง

“ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องมายุ่งกับเราด้วย พวกเราไปทำอะไรให้ท่าน”

“ใช่...ปล่อยพวกเราไปเถอะ อย่ามายุ่งกับเราเลย”

เสียงกินรีกับภราดรตะโกนฝ่าสายลมอื้ออึง...แล้วได้ยินเสียงตอบของงะดินเดสะท้อนก้องกลับมา

“ปล่อยเจ้าไปงั้นรึ...บาเยงโบ ข้ารอมา 800 กว่าปี เพื่อจะปล่อยเจ้าในวันนี้เหรอ ฝันไปเถอะ เจ้าทำอะไรกับข้าไว้บ้าง ข้าไม่มีวันลืม”

หนุ่มสาวไม่เข้าใจคำพูดนั้น...พลันเกิดลมแรงฟ้าคำรามแล้วผ่าเปรี้ยงเบื้องหน้าทั้งคู่ ภาพในอดีตแห่งอาณาจักรพุกามชัดเจนขึ้นมา!


ในห้องส่วนตัวของงะดินเด จอมขมังเวทซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาของบาเยงโบกษัตริย์แห่งพุกาม เขากำลังบริกรรมคาถา ดวงตาดุดันน่ากลัวราวเสือร้าย ชะเวโบที่มีใบหน้าเหมือนพะอูราวคนเดียวกันเดินเข้ามาเห็นยังรู้สึกเกรงขาม

ชะเวโบมาตามบิดาไปเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัวบาเยงโบภายในท้องพระโรง ซึ่งมีมหาอำมาตย์ ราชครู ทหาร รวมทั้งมเหสีชะเวมะรัต และพระสนมอิระวดีอยู่พร้อมหน้า เมื่องะดินเดเข้ามาพร้อมลูกชาย บาเยงโบท่าทีเกรงใจพ่อตา ถามเรื่องดาบที่สั่งให้ทำว่าเสร็จแล้วหรือยัง

งะดินเดรายงานว่ากำลังดำเนินการอยู่ ยังขาดมวลสารศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง บาเยงโบจึงให้มหาอำมาตย์เป็นคนจัดหา เพราะตนต้องการดาบเล่มนี้โดยเร็ว เพื่อออกไปกำราบพวกทางเหนือที่เริ่มแข็งข้อไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการ

“เหตุใดพ่ออยู่หัวจึงต้องออกทัพด้วยพระองค์เอง” งะดินเดตั้งคำถามด้วยความสงสัย

“ข้าต้องให้ความสำคัญกับพวกมันหน่อย หาไม่แล้วพวกมันอาจจะดูแคลนข้าคิดว่าไม่มีปัญญา”

“พ่ออยู่หัวดวงแข็งในช่วงนี้เหมาะกับการทำศึก”

แม้ราชครูพูดออกมาอย่างนั้น แต่บาเยงโบก็ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว อยากให้งะดินเดช่วยอาบน้ำเสกมหาว่านพิพัฒน์ให้ตนด้วย และในระหว่างที่ตนจะไม่อยู่ ตนขอแต่งตั้งท่านราชครูเป็นผู้สำเร็จราชการแทน

งะดินเดหวังตำแหน่งนี้ไว้จึงไม่พอใจอย่างมาก แต่จำต้องสะกดอารมณ์ต่อหน้าพ่ออยู่หัว แล้วไประบายออกที่โรงตีเหล็กเมื่ออยู่กันตามลำพังกับลูกชาย

“บาเยงโบเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง เหตุใดหาแต่งตั้งข้าสำเร็จราชการไม่”

“พ่ออยู่หัวข้ามหัวท่านพ่อเกินไป ถ้าจะนับไปเราก็ถือว่าเป็นพระญาติเช่นกัน”

“ชะเวมะรัต...ลูกนะลูก ทำไมลูกไม่ทำอะไรบ้างเลย”

“พี่สาวข้าคงหลงระเริงในตำแหน่งน่ะสิ หาได้สนใจครอบครัวไม่”

“งานนี้ข้าไม่ยอมแน่ ข้าต้องสำเร็จราชการแทนราชครูเฒ่านั่น”

“ท่านพ่อจะทำยังไง”

“ถ้าหามีราชครูแล้ว บาเยงโบจะเลือกใคร” งะดินเดคำราม แววตาวาวโรจน์อย่างมีแผน...

Tuesday, December 11, 2012

แชมป์ แน่ๆๆ เก่ง the voice



หลายคนคงได้ดู รายการ the voice มากันบ้างละ  ตั่งแต่รอบเเรก จนรอบลึก เก่ง the voice ธชย มีรูปแบบ และเอกลักษณ์ ของเเสียงร้องที่ไม่เหมือน ชาวบ้าน หรือวิธีการร้อง ที่ ลืมต้นฉบับไปได้เลย ด้วยว่าโค้ช โจอี้ บอย มีการครเอท รูปแบบนำเสนอที่โดดเด่น ยิ่งส่งให้เก่ง the voice เป็นที่ จับตามอง และเป็นตัวเต็งที่จะไ้ด้ เเชมป์ รายการ thevoice เป็นปีแรก แต่เก่งต้องต่อสู้กับคู่แข่ง ที่เสียงดีไม่แพ้กัน อีกไม่นาน เราคงจะได้รู้ว่า ใครจะอยู่หรือใครจะไป ใครจะได้แขมป์ รายการ the voice ปีแรก เรามาคอยดูกัน by ทีมงาน  iz net tv
การ

Monday, December 10, 2012

เรื่องย่อ ละคร เหนือเมฆ2 มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอน3 ช่อง3




ตอนที่ 3
จักรพาวิญญูเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ เขารัว เคาะคีย์บอร์ดครู่เดียวก็ปรากฏรูป “สังข์ไชยมงคล” อยู่กลางจอพร้อมข้อมูลรายละเอียดเต็มไปหมด จักรสรุปให้ฟังว่า

“ในอินเตอร์เน็ต...เว็บบอร์ดหลายแห่งรายงานข้อมูลตรงกัน ส่วนหนึ่งของเทวาศาสตราวุธเพิ่งเข้ามาในกรุงเทพฯ”

วิญญู มองหน้าจอพึมพำอย่างพอใจว่าสังข์ไชยมงคล จักรนิ่งไปนิดหนึ่งรัวคีย์บอร์ดเจอภาพเก่าๆจากนิตยสารวัตถุมงคลระบุข้อมูล มากมาย เขาอ่านและเล่าว่า

“หลังจากสังข์ไชยมงคลถูกทำลาย เพชรยอดสังข์เปลี่ยนมือหลายครั้ง ถูกนำไปประดับเครื่องประดับหลายชนิด แต่ใครที่ครอบครองเพชรเม็ดนี้มีอันเป็นไปทุกครั้ง! และครั้งล่าสุด เพชรยอดสังข์กำลังจะถูกนำมาแสดงในงานเพชรในตำนานที่จะจัดแสดงในประเทศไทย อาทิตย์หน้า”

“ถ้าเราได้เพชรยอดสังข์มา ก็ไม่ต่างอะไรกับได้

สังข์ไชย มงคล คุณไสยทางเทวาศาสตราวุธยังคงอยู่บนเพชรเม็ดนี้ครบถ้วน” แล้วบอกจักรว่า “ฉันต้องการเพชรยอดสังข์ ยิ่งเรารวบรวมเทวาศาสตราวุธได้มากขึ้นเท่าไหร่ พลังและ อำนาจที่เราต้องการก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ” วิญญูยิ้มเหี้ยมอย่างมีความหมาย

ooooooo

คืนเดียวกันนี้ สมิงออกจากบ้านพัก ดักพวก นักเลงและขี้เหล้าที่ซ้อมตนเมื่อตอนเย็น พวกมันถามว่าแก๊งไอ้สรรึ?!

“เปล่า ไม่ใช่พวกไอ้สร แต่ข้าเป็นมัคนายกหลงยุคฯ ชอบกินน้ำหวานสั่งสอนชาวบ้านไงล่ะ” พวกนั้นถามว่ามาทำไม “ข้ามาโปรดสัตว์!”

พวก นักเลงกับขี้เหล้ากระตุกปืนออกมา แต่สมิงสู้ด้วยมือเปล่า ไม่นานพวกนั้นก็ถูกเล่นงานหมอบกระแตไปหมดทุกคน สมิงมองผลงานของตัวเอง แล้วเอามือสัมผัสท้ายทอย ดึงวัสดุสีขาวกลมๆเท่าเหรียญสลึงออกจากท้ายทอยของทุกคน

“พวกเอ็งโดนสะกด ข้าต้องช่วยพวกเอ็งให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส” สมิงนิ่งไปนิดหนึ่ง พูดเหมือนประกาศว่า “วิญญาณชั่วกลับมาแล้ว!”

วิญญู รับรู้ในทันที เขาบอกจักรว่า “มีคนทำลายของของเรา” ยังไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ “ไม่ว่าจะเป็นใคร...อีกไม่นานจะต้องปรากฏตัวแน่นอน ต่อไปงานของเราคงไม่ง่ายอย่างที่คิด” วิญญูปรายตามองจักรเหมือนกังวลใจไม่น้อย

สมิงกลับมาเอาวัสดุลูกกลมๆที่ได้มาทั้งหมด ใช้เทียนลนทำลายทีละลูก...ทีละลูก ด้วยสีหน้าเหี้ยม จริงจัง

ooooooo

เมฆานั่งเป็นประธานการประชุมที่ห้องประชุมพรรคไทธิวัตถ์ กรรมการบริหารคนหนึ่งกล่าวสรุปว่า

“เสนอให้คุณจักร อมตฤทธา เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงแทนท่านอนันต์ที่เสียชีวิตไป ขอผู้รับรอง”

ปรากฏว่าที่ประชุมรับรองทั้งห้อง เมฆาพูดเบาๆ กับคมศรว่า “ทำไมทุกอย่างถึงได้ง่ายไปหมด”

“นั่น สิครับ...ก่อนเข้าประชุมก็ตกลงกันแล้วว่าจะเลื่อนการลงมติไปก่อน กรรมการทำเหมือนโดนยาสั่ง” คมศรมองขนมที่วางตรงหน้ากรรมการพร่องไปหมดมีแต่ของเมฆากับเขาเท่านั้นที่ไม่ ได้แตะต้อง คมศรบอกว่า “ถ้าเป็นแบบนี้เราคงขัดมติที่ประชุมไม่ได้แน่ๆครับ”

จักร ยิ้มพอใจพูดในที่ประชุมว่า “ขอบคุณมาก ผมขอรับรองว่าจะทำงานเพื่อพรรคให้ดีที่สุด...กว่าที่เคยเป็นมา” และเมื่อเดินออกมา ยังดักถามเมฆาว่าจะไม่แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่หน่อยหรือ

“ฉันไม่นิยมทำเรื่องที่ขัดกับความรู้สึก จะให้ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับคนที่อยู่ในโลกสีเทา...คงเป็นไปไม่ได้!”

เขา จ้องหน้าจักรพูดเสียงเข้มว่า “ถ้าคิดทำอะไรไม่ถูกต้องจะไม่มีวันสำเร็จ! ในฐานะนายกรัฐมนตรี ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศไทยเด็ดขาด!”

“ยโส...แต่คงยโสไปได้อีกไม่นาน” จักรจิกตาใส่

“ต่อ ให้เป็นประชาชนคนธรรมดา ฉันก็จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม ตราบใดที่ด็อกเตอร์เมฆายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันยอมให้คนชั่วคนเลวขึ้นมาเป็นใหญ่!”

จักรมองเมฆาอย่างไม่พอใจ ชำเลืองไปทางวิญญูที่อยู่ข้างๆ เห็นจ้องเมฆาเขม็ง! เมฆาไม่แยแสบอกคมศรว่า

“สั่ง หน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งหมด ถ้ามีหลักฐานทุจริต ส่งให้ฉันทันที!” ชี้หน้าจักรปราม “ถ้าจะยืนอยู่ด้านมืด...ขอให้มั่นใจว่าอย่าพลาด! ถ้าพลาด สองเท้าที่ยืนจะได้ก้าวเข้าไปอยู่ในคุก!”

เมื่อเมฆากับคมศรเดินไป จักรพูดกับวิญญูอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำอะไรมันบ้างสิ”

“ไสย ศาสตร์ดำฯ ทำร้ายคนที่มีคุณธรรมและความดีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่ดวงจิตเข้มแข็ง เมฆามีคุณธรรมและความดีเป็นเกราะปกป้อง ถ้าจะทำอะไร เราต้องมีพลังอำนาจมากกว่านี้”

“หมายความว่า...” จักรมองหน้ารอคำตอบ

“ด้วย เทวาศาสตราวุธ ไสยศาสตร์ดำจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง อีกไม่นานหรอกจักร เมื่อเราได้เทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้น เราจะทำทุกอย่างได้ตามที่ใจต้องการ” วิญญูทิ้งท้ายอย่างมีความหมาย

ขณะเมฆานั่งในรถประจำตำแหน่งออกไปนั้น คมศรใช้ไอแพดตรวจดูงานพลางรายงานว่า จักรยังไม่ทันรับตำแหน่งเป็นทางการ ทีมงานก็เริ่มทำมาหากินกันแล้ว เมฆาถามว่ายังไง? คมศรเล่าว่า

“เสนอให้มี การประมูลดาวเทียมดวงใหม่ ล็อกสเป็กเรียบร้อย ล้มเลิกโครงการเดิมที่เสนอโดยท่านรองอนันต์ครับ” เมฆาถามว่าหมายถึงเปลี่ยนผู้รับเหมารายใหม่ใช่ไหม “ใช่ครับ...ไดมอนด์กะรัตเน็ตเวิร์กของ เพชรแท้ นวิยากุล เป็นตัวเก็งนอนมาแน่ครับ”

เมฆาทวน “นวิยากุล” คมศรีชี้แจงว่า “แม่แท้ๆของด็อกเตอร์แพรไพลิน ผู้อำนวยการนิติเทคฯไงครับท่านนายกฯ”

ooooooo

ที่ ห้องผ่าตัดในนิติเทคฯ แพรไพลินกำลังผ่าตรวจศพอนันต์อยู่ เจ้าหน้าที่เคาะคอมด้านข้างรายงานว่า ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แพรไพลินขอปากคีบรับปากคีบจากกุ๊บกิ๊บแล้ว เธอคีบวัสดุออกจากท้ายทอยของอนันต์ มันเป็นลูกกลมๆเหมือนที่สมิงทำลายไปไม่มีผิด แพรไพลินมองอย่างสงสัย

วิญญูรับรู้ในทันที บอกจักรหน้าเครียดว่า “มีคนพบของของเราในตัวอนันต์”

แพร ไพลินสั่งกุ๊บกิ๊บว่ายังไม่ต้องลงบันทึกว่าพบหลักฐานชิ้นนี้ เพราะ “ฉันต้องการตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวเอง” กุ๊บกิ๊บทำท่าจะท้วงติง เธอตัดบทว่า

“ขอ ฉันตัดสินอนาคตด้วยตัวเอง มันเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่พิสูจน์ว่า รองอนันต์ไม่ได้คลุ้มคลั่งเพราะยาคลายเครียดของฉัน” แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อพยาบาลเข้ามาบอกว่า ผบ.มีเรื่องด่วน
ผบ.รวิเอาใบสั่งพักงานมาให้เธอ เซ็น บอกว่าเธอถูกพักงานไปจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าอนันต์ไม่ได้คลุ้มคลั่งเพราะยา ที่เธอฉีดให้ก่อนตาย พูดอย่างไม่ยี่หระว่า

“นี่ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว คนอย่างฉันผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก”

“แต่เท่าที่จำได้ ผบ.รวิไม่เคยเห็นน้องสาวลูกคน

ละ แม่ทำอะไรถูกเลยสักครั้ง ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ฉันต้องโดนสอบทุกครั้งที่สืบเรื่องเสี่ยงๆ ฉันเลือกไม่ได้หรอกนะที่จะเป็นลูกเมียแต่ง และเวลานี้ฉันกับแม่พูดกันนับครั้งได้”

รวิย้ำว่า ถึงอย่างไรเธอก็ถูกสั่งพักงานแล้ว แพรไพลิน เซ็นชื่อในคำสั่ง พูดปลงๆว่า
“คุณธรรม กับอำนาจ...มักจะไม่มาพร้อมกัน” รวิมองขวับถามว่าพูดอะไรนะ “ฉันแค่พูดเตือนตัวเองให้ยอมรับความจริง แต่ฉันเชื่อในสัจธรรม...ความดีชนะทุกสิ่ง” จ้องหน้ารวิก่อนเดินออกไป รวิมองตามไปอย่างไม่พอใจ

ooooooo

แพรไพลินกลับมาที่ห้องทำงาน เอาลังมา เก็บของ ไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จากเพชรแท้ผู้เป็นแม่บอกว่าคิดถึง ชวนกลับมาทานข้าวเย็นกันหน่อยเพราะเราไม่ได้พบกันหลายเดือนแล้ว
แพรไพลิน พูดดักคออย่างเย็นชาว่า ต้องการอะไรบอกมาเลยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องทานข้าวให้เสียเวลา เพชรแท้ถามว่า ฟังจากน้ำเสียงกำลังมีปัญหาใช่ไหม มีอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ แล้วรวบรัดให้มาทานข้าวกันบอกว่า “แม่จะรอ”

วางสายจากแพรไพลินแล้ว เพชรแท้หยิบแฟ้มเอกสารหนึ่งขึ้นเปิดดู เป็นแฟ้ม...

“โครงการดาวเทียมดวงใหม่ Diamond Karat Networks”

เก็บ ของเสร็จแพรไพลินขนของลงมาที่รถ มีถุงพลาสติกขนาดเล็กใส่ลูกกลมๆวางอยู่ ขมังเวทย์รับรู้ว่าเธอจะเอาลูกกลมๆนั้นไปวิเคราะห์ที่บ้าน คำราม “ด็อกเตอร์ แพรไพลิน!” แล้วหลับตาเพ่งหาที่อยู่ของเธอ

ที่เคาน์เตอร์นิติเทคฯ แสงกล้ามาหาแพรไพลิน กุ๊บกิ๊บบอกว่าโดนพักงานไปแล้ว เขาตกใจเพราะอนาคตตนอยู่กับเธอ ถามว่าเธอจะกลับมาทำงานอีกเมื่อไร กุ๊บกิ๊บ บอกว่าไม่รู้ แสงกล้าหน้าเครียดถามว่า แล้วตนจะเจอเธอได้อย่างไร กุ๊บกิ๊บตกใจประหม่าหน้าตื่น เมื่อโทร.เข้ามือถือ แพรไพลินไม่ได้เอาติดตัวจึงไม่มีคนรับสาย สุดท้ายแสงกล้าใช้ไม้แข็งพูดจนกุ๊บกิ๊บยอมส่งพิกัด GPS เข้าเครื่องของเขา

กลับ มาถึงห้องทำงานที่ทาวน์โฮม แพรไพลินคิดถึงคำพูดของแม่ที่ว่า “ในเวลาไม่มีใคร แม่อยากให้หนูรู้ว่ายังมีแม่...ที่รักและหวังดีกับหนูมากที่สุด” คิดถึงที่นภาพูดถึงแม่เมื่อครั้งอยู่ที่รีสอร์ต ในที่สุดหยิบโทรศัพท์บ้านโทร.ไปหาเพชรแท้ ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมาย ให้ฝากข้อความ เธอจึงฝากข้อความ “แม่คะ... พรุ่งนี้เย็นเจอกันค่ะ”

พอวางโทรศัพท์ เธอยิ้มอย่างสบายใจที่ตัดสินใจได้แล้ว

เมื่อขมังเวทย์เพ่งหาจนเจอที่อยู่ของแพรไพลินก็ลุกพรวดออกไปทันที

แพรไพลินเริ่มตรวจสอบลูกกลมๆว่ามีสารประกอบอะไรบ้าง อันดับแรกพบว่ามีส่วนประกอบของแคลเซียม

ขณะ เธอกำลังวิเคราะห์อย่างสงสัยนั่นเอง เสียงขมังเวทย์ตะคอกถาม “อยากจะรู้ไปทำไม” แพรไพลินตกใจถามว่าใคร ขมังเวทย์ปรากฏร่างยิ้มเหี้ยมขู่ “อย่า เสี่ยงกับอำนาจที่ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง”

พอแพรไพลินจะกดปุ่มกันขโมย ก็ถูกขมังเวทย์สะกดจนขยับไม่ได้ เห็นเธอมองอย่างตื่นกลัวก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ตนแค่มาเอาของคืน แล้วตรงไปหยิบลูกกลมๆ จากแท่นทดสอบ พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ทรงพลังว่า

“เมื่อผ่านคืนนี้ไปแล้ว หมอจะจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย”

ooooooo
แสงกล้าขี่มอเตอร์ไซค์บิดมาตามสัญญาณ GPS จนถึงหน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน
ที่ห้องนั่งเล่น ขมังเวทย์อุ้มร่างแพรไพลินที่ขยับไม่ได้เลยไปวางที่โซฟาเบด จ้องหน้าเธอเหมือนกำลังร่ายเวทมนตร์บางอย่าง ลูบไล้ไปตามใบหน้า แพรไพลินตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว แล้วขมังเวทย์ก็ก้มลงกระซิบ
“หลับซะ...”
แพรไพลินสลบไม่ได้สติในอ้อมกอดของขมังเวทย์ทันที
แสงกล้ามองเข้าไปเห็นพอดี เขารีบวิทยุสั่งจ่าแหบขอกำลังสนับสนุนมาที่บ้านแพรไพลินทันที! ส่วนตัวเองถือปืนจ่อตะโกน “หยุดนะ!”
ขมังเวทย์กับแสงกล้าต่างจำกันได้ แสงกล้าตะโกน “แก...แกเป็นคนขโมยตรีศูลวัชระ วันนี้แกไม่มีทางหนีไปง่ายๆแน่” พอขมังเวทย์ลุกมาเผชิญหน้าคำราม “แกอีกแล้วหรือ!” แสงกล้ายิงใส่แสกหน้าทันที แต่กระสุนทุกนัดย้อนกลับไปตำแหน่งเดิม กระทั่งพุ่งกลับไประเบิดในลำกล้องจนปืนหลุดจากมือ
“หมวดไม่ควรเข้ามาขวางชะตากรรม!” ขมังเวทย์คำรามแล้วเข้าต่อสู้กันด้วยมือเปล่า แสงกล้าสู้พลังของขมังเวทย์ไม่ได้ เขาหันมองแพรไพลินอย่างเป็นห่วง ถูกขมังเวทย์จับเหวี่ยงไปกระแทกชั้นวางหนังสือแล้วตามไปจ้องหน้าสะกด
“หลังจากวันนี้ไป แกจะต้องลืมเรื่องทั้งหมด” แต่แววตาแข็งกร้าวของแสงกล้าสะกดไม่ได้ ขมังเวทย์ชะงักถาม “แกเป็นใครกันแน่?” แล้วเหวี่ยงร่างแสงกล้าไปกระทบผนังอย่างแรงจนกองกับพื้น พูดอย่างสะใจ “อโหสิด้วย...มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่แกจะรู้เรื่องทั้งหมดไม่ได้!”
ขมังเวทย์เหยียดแขนออกไป ร่างแสงกล้าลอยกลับเข้ามา คอเขาถูกบีบอย่างแรงจนร้องลั่น ขณะแสงกล้ากำลังจะหมดลมนั่นเอง เสียงไซเรนตำรวจก็แว่วมา ขมังเวทย์ชะงักปล่อยร่างแสงกล้าหนีไปอย่างไม่อยากให้เรื่องลุกลามกว่านี้
แสงกล้าพยายามพยุงตัวไปดูแพรไพลิน เธอยังไม่ได้สติ เขารวบรวมแรงอุ้มเธอเดินออกไป เจอตำรวจมาถึงพอดี พอส่งเธอให้ตำรวจบอกให้ช่วยเธอด้วย เขาก็หมดสติไปทันที...
แสงกล้าและแพรไพลินถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพสลบไม่ได้สติ ต้องให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง
ขณะไม่ได้สตินั้น แสงกล้าเหมือนฝันถึงอดีต เมื่อครั้งยังเรียนหนังสือ เวลานั้นเขาเป็นนักกีฬายูโด ได้ลงแข่งขันท่ามกลางเสียงเชียร์สุดใจขาดดิ้นของน้ำใส และการเฝ้าดูอย่างชื่นชมของอินทนนท์กับผู้อำนวยการโรงเรียน
ปรากฏว่าแสงกล้าชนะ อินทนนท์แสดงความยินดีด้วย แสงกล้าพูดอย่างซาบซึ้งกตัญญูว่า
“ถ้าไม่ได้ท่าน เด็กกำพร้าอย่างผมคงไม่มีโอกาส”
“อนาคตของเธอยังอยู่อีกไกล เรียนจบปีนี้แล้วใช่ไหม สอบเข้าเรียนต่อตำรวจนะ ฉันจะสนับสนุนเธอเต็มที่”
ผ่านการเรียนอย่างมุ่งมั่นขยันขันแข็ง ในวันที่เขาเรียนจบ และเดินเข้าไปกราบผู้การฯอินทนนท์ เอ่ยอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากครับผู้การ ท่านเป็นเหมือนพ่อของผม”
อินทนนท์หันไปเปิดลิ้นชัก หยิบปืนและบัตรประจำตัวของแสงกล้าวางบนโต๊ะเลื่อนไปตรงหน้า เขาเอ่ย
“ขอต้อนรับหมวดแสงกล้าเข้าทำงานในสำนักงานสืบสวนพิเศษ ตั้งใจทำงาน เป็นตำรวจที่ดี ให้สมกับที่ฉันตั้งความหวังไว้”
แต่พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือ แพรไพลินกำลังอยู่ในอันตราย ลุกเดินจากเตียงดึงสาย น้ำเกลือหยิบปืนในลิ้นชักเดินไปหาห้องของแพรไพลินทันที
พอเจอห้อง มองเข้าไปเห็นขมังเวทย์กำลังทำพิธีอะไรอยู่ปลายเตียงเธอ แสงกล้าพรวดเข้าไปเล็งปืนใส่ขมังเวทย์
“แกมาไม่ทัน มันสายไปแล้ว!” ขมังเวทย์ยิ้มเยาะ
“ไม่!” แสงกล้าตะโกนสุดเสียง ยิงปืนใส่ขมังเวทย์ไม่ยั้ง ร่างขมังเวทย์สั่นไหวเลือดสาดเต็มร่าง กระสุนนัดหนึ่งพุ่งใส่แสกหน้า หน้ากากที่ขมังเวทย์ใส่อยู่แตกกระจาย แสงกล้าตกใจสุดขีด เมื่อเห็นหน้าขมังเวทย์เป็นหน้าตัวเองที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากนั้น!!
ooooooo
แสงกล้ารู้สึกตัวขึ้นในวันต่อมา หมอชมว่ากระดูกเหล็กจริงๆไม่หักเลยสักชิ้น และอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
“เอ้อ...แล้วอาการของ...”
“หมอแพรไพลินไม่เป็นอะไรมาก แค่หมดสติไป” หมอตอบอย่างรู้ใจ แสงกล้าพยักหน้าแต่ใจยังเป็นห่วง
ที่แท้แพรไพลินรู้สึกตัวแล้ว กำลังคุยกับครามในห้องพักโรงพยาบาล แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย แม้ครามจะพยายามเกริ่นว่า เธอนอนหมดสติอยู่ในห้องพักและหมวดแสงกล้าเป็นคนอุ้มออกมา แพรไพลินเพียงคลับคล้ายคลับคลา ว่าจะจำได้แต่ก็จำไม่ได้
“เมื่อคืนนี้หมวดแสงกล้าวิทยุแจ้งว่า หมอกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน” ครามพยายามอีกครั้ง
“ฉันจำได้แค่ถูกพักงานจากนิติเทคฯ แล้ว...ขับรถกลับบ้าน...” จำได้เลาๆว่าพูดโทรศัพท์กับเพชรแท้ นึกถึงภาพแม่ที่ทาวน์โฮม พึมพำ “แม่...” แล้วเงียบไป
ครามบันทึกปากคำของแพรไพลินลงในไอแพด สีหน้าไม่ดี เพราะไม่ได้รายละเอียดอะไรนัก
แต่พอครามเปิดประตูออกมา เจอแสงกล้าพอดี ถามว่ามาเยี่ยมแพรไพลินหรือ แสงกล้ารีบกลบเกลื่อนว่า
“เปล่า...ผมได้ข่าวว่าเขาปลอดภัยดีก็แล้วไป ผมกำลังจะกลับไปสำนักงานสืบ”
ครามพาซื่อชวนกลับไปด้วยกัน แสงกล้าพูดไม่ออกเดินไปกับครามอย่างรู้สึกเสียดาย...
ส่วนคมศรก็โทร.มาหาแพรไพลินที่ห้องพัก พยาบาลรับสายเขาถามอาการของแพรไพลิน แต่พอจะขอคุยด้วย แพรไพลินรู้ว่าเป็นคมศรก็สวนไปว่า “ฉันปวดหัว อยากนอนพักจ้ะ” คมศรเลยได้แต่ดูภาพถ่ายคู่ของตนกับเธอบนจอมือถือแทน
เมื่อพยาบาลออกไปแล้ว แพรไพลินพึมพำ “คมศร... ระหว่างเรามันจบไปแล้ว...”
ooooooo
มาถึงสำนักงานสืบ แสงกล้าถามครามว่าจะสอบ ปากคำตนทำไม ตนไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย ถูกครามดักคอว่า
“นายเป็นตัวละครที่น่าสงสัยที่สุด เพราะนายไม่เคยสนิทสนมกับคุณหมอแพรไพลิน แต่บุกไปหาคุณหมอ กลางดึก”
แสงกล้ายิ่งแก้ตัวก็ยิ่งถูกครามแกล้ง ตัดประเด็นแก้แค้นที่แพรไพลินไม่อนุมัติให้ผ่านการตรวจสภาพจิตมาเป็นคดีชู้สาว แสงกล้ายิ่งลนรีบบอกว่าหมอไม่ใช่สเปกตน ขืนคบด้วยคงประสาทกิน ครามเลยบอกว่าตนล้อเล่นเท่านั้น แสงกล้าเขินเลยเปลี่ยนเรื่องถามครามว่าคดีความไปถึงไหนแล้ว ได้เบาะแสคนร้ายหรือยัง เล่าเป็นการเป็นงานว่า
“ผมจำได้แม่นว่า ไอ้คนที่บุกเข้าไปในบ้านหมอ แพรไพลิน เป็นคนคนเดียวกับที่เข้าไปขโมยตรีศูลวัชระ”
ครามชะงักไปทันทีเมื่อได้ฟังข้อมูลนี้
วันเดียวกัน สมิงอยู่ที่บ้าน กำลังง่วนกับการอ่านข่าวย้อนหลังในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าๆที่พาดหัวข่าวว่า ‘โจรกรรมอุกอาจ ตรีศูลวัชระ’
“หนึ่งในเทวาศาสตราวุธหายไป?” สมิงพึมพำ พลางก็คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งประสบมาก่อนหน้านี้...ที่เอาลูกกลมๆมาทำลาย พึมพำ “ไสยศาสตร์ดำ...มันกลับมาแล้ว!”
สมิงอ่านข่าวต่อไป สะดุดตรงหน้าข่าวสังคมที่เขียนว่า ‘สร้อยเพชรรัดเกล้าที่ประดับด้วยเพชรยอดสังข์ จะถูกนำมาจัดแสดงในงาน เพชรในตำนาน ที่เมืองไทยต้นเดือนหน้า...’ อ่านแล้วฉุกคิดว่า
“หรือว่าพวกมันกำลังตามล่าเทวาศาสตราวุธทั้งสี่” คิดแล้วใจไม่ดี สมิงลุกเดินออกไปทันที
ooooooo
แสงกล้ากลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธ เจออธิบายเกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธทั้งสี่อันประกอบด้วย ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักรนารายณ์ สังข์ไชยมงคล อ่านแล้วพึมพำอย่างไม่เชื่อถือว่า ยังมีเรื่องตลกแบบนี้ด้วยเหรอ?
ไปค้นคัมภีร์เก่าจากชั้นหนังสือ จากอินเตอร์เน็ตเจอรายละเอียดอีกว่า ‘หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราอาวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ...ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชนิด ในโลก’
“เฮ้ย...นี่มันหนังเอ็กซ์เมน หรือว่าแฮรี่พอตเตอร์กันแน่!!” แสงกล้าพึมพำขำๆอย่างไม่เชื่อถือ ค้นหาต่อไปยังพบว่า ‘ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือคน!! ครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล!’ อ่านถึงตอนนี้ แสงกล้า กลายเป็นเครียดกังวลเรื่องนี้ขึ้นมา

สมิงออกไปยืนที่หน้าบ้าน หลับตาก้มหน้าพึมพำปฏิญาณ “ข้าขอสัญญา...ข้าจะพิทักษ์และปกป้องไม่ให้ไสยศาสตร์ดำช่วงชิงเทวาศาสตราวุธไปได้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิตข้า” เขาแหงนหน้ามองฟ้าแววตากล้า!
ooooooo
แสงกล้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาอึ้งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ครามเอากาแฟมาให้ถามว่า
“เป็นไง...คดีลึกลับน่าสนใจใช่ไหมล่ะ” แสงกล้าปิดคอมฯ หันมาหัวเราะพูดขำๆ
“บ้ากันใหญ่แล้ว แค่มีของสี่อย่างจะทำให้มีอำนาจเป็นเจ้าโลก อย่างนี้พวกผู้นำประเทศบ้าอำนาจไม่ต้องสะสมอาวุธสงครามให้เสียเวลาหรอก นิทานหลอกเด็ก”
“แต่ตอนนี้มันกำลังหลอกผู้ใหญ่อย่างเรา เพราะ ผบ.รวิสั่งให้นายทำคดีนี้!”
“อะไรนะ!!!” แสงกล้าชักสีหน้าไม่พอใจทันที เขาลิ่วไปหา ผบ.รวิ โยนแฟ้มใส่ถามว่า “สำนักงานสืบฯ ว่างงานนักหรือถึงต้องทำคดีนิทานหลอกเด็กแบบนี้”
รวิปรามว่าเขาไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ถูกแสงกล้าสวนไปอย่างเรื่องคับข้องใจว่า
“คิดไว้ไม่มีผิด พวกที่ได้อำนาจมาโดยมิชอบมักจะหลงในอำนาจโดยไม่รู้ว่าอำนาจที่แท้จริงมันต้องมาจากทั้งพระเดชและพระคุณ” ประกาศกร้าวว่า “ผม
ไม่ทำคดีนี้!”
แต่ในที่สุดแสงกล้าก็รับทำ เพราะถูกรวิดักคอว่า “ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงสมกับตำแหน่งเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทอง นายต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
แต่แสงกล้าก็ย้ำกับรวิว่าตนทำคดีนี้เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเอง พูดแล้วเดินออกไป รวิพูดตามหลังว่า “ขอให้สำเร็จนะ ฉันส่งสายสืบมือดีให้นายแล้ว”
หลังจากนั้น ผบ.รวิโทรศัพท์บอกวิญญูว่า “ไม่ต้องห่วง...ทางสะดวกแล้ว ไอ้บ้าระห่ำต้องทำงานกับลูกน้องงมงาย ยังไงมันก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้สำเร็จ!”
ส่วนครามถามแสงกล้าว่า “ผบ.รวิส่งใครมาเป็นบัดดี้” แสงกล้ากดเปิดโปรไฟล์ในอีเมล์ ขึ้นเป็นหน้าสมิง! แสงกล้าทำหน้าเซ็งสุดขีด
ooooooo
วันต่อมาแสงกล้าไปหาสมิงยังแฟลตที่พัก เข้าห้องไปไม่เจอใครเลย เห็นแต่ควันธูปลอยคลุ้งอยู่หน้าพระพุทธรูป ขณะยืนกวาดตามองหาสมิงนั้น ถูกสมิงถามจากข้างหลังว่า “นายเป็นใคร”
แสงกล้าแนะนำตัวเองแก่สมิงว่า ได้รับคำสั่งให้มาเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขา แล้วสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานกัน ให้เวลา 10 นาที สมิงบอกว่าขอแค่ 5 นาทีก็พอ
5 นาทีต่อมาสมิงออกมาในชุดสีสันแสบตา แสงกล้าบอกให้ไปเปลี่ยนใหม่ เพราะนี่ไปทำงานไม่ใช่ไปเที่ยวงานวัด ถูกสมิงยียวนว่าชุดนี้ซื้อใหม่ยังไม่ได้ซักเลย แสงกล้าถอนใจต้องเปลี่ยนใหม่เป็นบอกว่า “ไปเปลี่ยนชุดอื่น ไม่ใช่สีสันบาดตาแบบนี้”
“ไม่ได้จริงๆ หมวด ผมขอเถอะ วันนี้เป็นวันกาลกิณีอัปรีย์เป็นไชโย ต้องใส่สีแรงๆ แดงส้มเหลืองจะเมลืองมงคล” แสงกล้าละเหี่ยใจจะเดินออกไป สมิงเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนหมวด หมวดเกิดวันอังคาร พญามารผลาญชีวา ให้ก้าวขวาพญาเดโช”
แสงกล้าทำท่าจะทำตาม แต่แล้วเปลี่ยนเป็นก้าวเท้าซ้ายให้เห็นว่าไม่เชื่อเรื่องงมงาย
“เท้าซ้าย! ซวยแล้วกู...วันนี้ไม่น่ารอด” สมิงอุทานแล้วตั้งสติก้าวเท้าขวาออกไป แต่เดินไม่ค่อยจะทันแสงกล้า
แสงกล้าเดินงุดๆไปที่รถบ่นว่า “ชาติที่แล้วติดหนี้ยืมสินรึไง ถึงต้องมาชดใช้ทำงานร่วมกับคนแบบนี้ ทำคนเดียวก็ได้วะ” แต่พอเปิดประตูรถก็ชะงัก เห็นสมิงนั่งอยู่ข้างคนขับแล้ว ซ้ำบอกว่ามารอเขาอยู่นานแล้วด้วย
พอขับรถออกไป แสงกล้าถามอย่างไม่หายสงสัยว่าเข้ามาในรถตั้งแต่เมื่อไหร่ สมิงบอกว่าตอนที่หมวดยืนบ่นนั่นแหละ แล้วเปลี่ยนเรื่องถามที่ทำให้แสงกล้ายิ่งงงว่า “แล้ววันนี้เราจะเริ่มสืบตามหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน”
“รู้เรื่องนี้ได้ไง ผมเพิ่งรับคำสั่งมา นอกจากผู้กองคราม ไม่มีใครรู้สักคน”
สมิงคุยโวว่าทำงานแต่หนุ่มจนปูนนี้ มันก็ต้องมีสายข่าวกันบ้าง ถามว่า “หมวดจะสืบหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน” พอแสงกล้าบอกว่าร้านรับซื้อของเก่า สมิงส่ายหน้า “อย่าไปเลยหมวด เสียเวลา เชื่อผมเถอะ ของแบบนี้ไม่มีใครขายให้พวกนักสะสมหรอก”
“มันก็จริง” แสงกล้าทำท่าเหมือนเชื่อความคิดของสมิง แต่กลับขับรถไปที่ร้านค้าของโบราณ สมิงบ่นงึมงำ
“ตำรวจใหม่ไฟแรง มันต้องดื้อทุกคนสิวะ!!”
ปรากฏว่าไปร้านค้าของโบราณร้านแล้วร้านเล่าล้วนถูกปฏิเสธ แต่แสงกล้ายังทิฐิจะหาต่อ สมิงเสนอว่า
ให้ตนเป็นคนนำทางดีกว่า แสงกล้าลังเล เลยหยอดว่า “เชื่อลูกน้องสักครั้งไม่ถูกลดขั้นหรอก” แสงกล้าจึงเดินเลี่ยงไปขึ้นรถอย่างรำคาญ สมิงขึ้นนั่งที่คนขับ ออกรถไปทันที
ooooooo

เรื่องย่อ ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอน1 ละคร ช่อง3



ตอนที่ 1

เดอะซันไรส์บีชรีสอร์ท ตั้งอยู่บนเกาะกุลัน  เกริกไกรกับสายรุ้งสองสามีภรรยาช่วยกันบุกเบิกจนเป็นรีสอร์ทระดับแนวหน้า ทั้งสองอยากให้ลูกสาวคือตะวันฉายที่เรียนจบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯกลับมาดำเนินกิจการต่อ แต่เธอกลับหลงใหลอยากเป็นนักเขียนมากกว่า

วันๆเอาแต่อ่านนวนิยายแล้ววาดจินตนาการเอาตัวเองเข้าไปเป็นนางเอกในเรื่อง ไม่ค่อยสนใจหน้าที่ การงานของตัว...พอดีวันนี้จะมีกรุ๊ปทัวร์วีไอพีเข้ามาพัก เกริกไกรกับสายรุ้งติดประชุมในเมืองจึงโทร.มาย้ำกับลูกสาว ตะวันฉายหงุดหงิดเพราะกำลังเคลิบเคลิ้มไป กับบทสารภาพรักของพระเอกในนวนิยาย รับสายด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ทำให้แม่สงสัย

“อารมณ์ไม่ดีเหรอลูก งานยุ่งหรือจ๊ะ”

“อุ๊ย...แม่ ขอโทษค่ะ พอดี...ซันกำลังวุ่นตรวจห้องอยู่ค่ะ”

“ห้องของกรุ๊ปแทรเวล ที หรือเปล่าลูก”

ตะวันฉายงงๆแต่เออออไปก่อน สายรุ้งย้ำกับลูกสาวว่า กรุ๊ปทัวร์นี้จะส่งกระเป๋ามาก่อนส่วนแขกจะไปดำน้ำกลับเข้ามาตอนเย็น แม่สั่งให้ล็อกห้องหน้าหาดทั้งหมดไว้ ตะวันฉายอึกอักพยายามนึกว่าแม่สั่งไว้ตอนไหน เกริกไกรดึงโทรศัพท์มาคุยกับลูกสาวเอง

“นี่ ยัยซัน ตกลงเราทำงานอยู่รึเปล่า หรือไปแอบอ่านนิยายเพ้อฝันอยู่ที่ไหนอีก”

“เปล่าเลยนะ พ่อล่ะก็ ชอบมองโลกในแง่ร้าย ระวังจะแก่เร็วนะคะ”

“ไม่ต้องมาถ่วงเวลาเลยนะ ตกลงห้องของแทรเวล ที เรียบร้อยไหม ถ้ารายนี้มีปัญหาพ่อไม่ยอมนะ เพราะเขาเป็นลูกค้าอันดับหนึ่งของเรา”

“เรียบร้อยแล้วค่า ท่านจีเอ็ม ซันลงมือดูแลเองทู้ก... อย่าง แทบจะทำเตียงทำห้องน้ำเองอยู่แล้ว รับรองเรียบร้อยค่ะ”

“ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่ประชุมในเมืองเสร็จแล้วจะรีบกลับ” เกริกไกรวางสาย หันมาบอกภรรยาว่า ลูกสาวดูแลทุกอย่างหมด แต่สีหน้าเขายังดูเครียด

“ก็ดีสิคะ แล้วคุณจะห่วงอะไรอีก”

“ห่วงว่าเราเชื่อลูกได้เหรอ” เกริกไกรถอนใจ สายรุ้งขมวดคิ้ว ชักหวั่นใจเช่นกัน...

พอวางสายจากพ่อ ตะวันฉายรีบกดโทรศัพท์ภายในถามอ้อว่าเตรียมห้องพักกรุ๊ปทัวร์แทรเวล ที เรียบร้อยแล้วใช่ไหม อ้อตอบรับ เธอจึงสั่งให้เพิ่ม พวงมาลัยไว้ต้อนรับแขกด้วย ทั้งที่ตัวเองเซ็ง ทำไมพ่อแม่จะต้องตื่นเต้นกับกรุ๊ปทัวร์นี้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี

ในขณะเดียวกัน นภทีป์หรือเมฆ ได้พาลูกทัวร์ฝรั่ง 5 คน ลงเรือออกไปดำน้ำกลางทะเลกลับขึ้นมาก็เล่นกีตาร์ร้องเพลงให้ลูกทัวร์ฟัง ทุกคนชอบอกชอบใจรับปากจะกลับมาเที่ยวอีกแน่ ระหว่างที่ขนของลงจากเรือ มีคนร้ายขโมยกล้องลูกทัวร์วิ่งหนีเข้าไปในโรงแรมของตะวันฉาย คนร้ายสองคนมีมีดเป็นอาวุธ แต่เมฆก็ ไม่หวั่น ร้องบอกให้ รปภ.ช่วยจับ ทั้งสองวิ่งเข้ามาในล็อบบี้ แขกเหรื่อตกใจร้องวี้ดว้าย ้ออและพนักงานวิ่งหน้าตื่นเข้ามา คนร้ายฉวยโอกาสหนีไป

“เกิดอะไรขึ้นคะ กลุ่มลูกค้ามาจากไหนคะ”

“ผมพาแขกแทรเวล ที มาเช็กอิน แล้วไอ้โจรสองคนนั่นมันวิ่งราวของแขกผม”

“ตายจริง วีไอพีกรุ๊ปนี่!” อ้อกุมอกอุทาน

“อย่าเพิ่งตายครับ ขอดูกล้องวงจรปิดได้ไหมครับ จะได้ใช้เป็นหลักฐานแจ้งตำรวจ”

“เอ่อ...พอดีว่า...Hard disc เสียค่ะ ผู้จัดการยังไม่เอาไปซ่อมน่ะค่ะ”

“หา! อะไรกัน ไม่มีกล้องวงจรปิด แล้วจะปล่อยให้โจรมันหนีไปอย่างนี้เหรอ ไปตามผู้จัดการคุณมาก่อนแล้วกัน”

แต่พออ้อไปรายงานตะวันฉาย เธอไม่ยอมมาเพราะกำลังติดนวนิยายงอมแงม อ้อกลับมาบอกเมฆว่าจะพาไปแจ้งความตำรวจ เมฆไม่พอใจตะคอกถามว่าผู้จัดการอยู่ไหน ้ออหน้าเจื่อน...

ขณะที่ตะวันฉายนอนอ่านหนังสือริมสระอย่างมีความสุข เมฆเข้ามาดึงหนังสือปาลงสระ หญิงสาวเห็นหน้าเมฆจินตนาการเป็นโจร ร้องลั่น...ช่วยด้วย โจรบุก รีสอร์ท แขกในสระแตกตื่น อ้อปรี่เข้ามาอธิบายว่านี่คือกรุ๊ปทัวร์แทรเวล ที เมฆมองตะวันฉายหัวจดเท้า

“ฮึ...เนี่ยน่ะเหรอ ผู้จัดการเดอะซันไรส์บีชรีสอร์ท...ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย”

ตะวันฉายปรี๊ดแตก โวยวายว่าเหตุเกิดที่ชายหาด ไม่ใช่ในโรงแรมของตน

“อ้าว พูดชุ่ยๆอย่างนี้ได้ยังไง เรื่องเกิดที่หาดแต่หน้าหาดรีสอร์ทของคุณนะ แล้วมันก็หนีเข้ามาในรีสอร์ทของคุณ คุณก็ควรจะช่วยเหลือในฐานะเจ้าของพื้นที่สิ”

“ได้ ถ้านายอยากให้เจ้าของพื้นที่ช่วย ก็ไปแจ้งกรมอุทยานแห่งชาติสิ จบป่ะ...แล้วก็เก็บหนังสือมาคืนฉันด้วย” ตะวันฉายพูดจบ สะบัดหน้าเดินไป

เมฆเข่นเขี้ยว นี่ตนอยู่เกาะกุลันหรือเกาะนรกกันแน่ อ้อหัวเราะแหะๆหน้าเจื่อน

ooooooo

เรื่องถึงหูเกริกไกรเมื่อเขากลับมา เมฆเอาหนังสือนิยายของตะวันฉายซึ่งเปียกยุ่ยมาวางลงตรงหน้า และบอกว่าตนรับผิดชอบเก็บหนังสือมาคืนให้แล้ว ทางรีสอร์ท ก็ควรจะรับผิดชอบอะไรบ้าง เกริกไกรหน้าเสีย ซักถามอ้อ พอรู้ว่าลูกสาวแค่ให้พาไปแจ้งความเท่านั้น ก็กุมขมับ

“นี่ถ้าผมไม่มาเอง ผมคงไม่เคยรู้ว่า บริษัทของผมไม่ควรส่งแขกมาที่นี่” เมฆบ่น

“บริษัทของคุณ เอ่อ ขอประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณไกด์ชื่ออะไร”

เมฆส่งนามบัตรให้ เกริกไกรหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่า เมฆคือนภทีป์ ประธานบริษัทแทรเวล ที ที่ส่งลูกค้าวีไอพีมาที่โรงแรมเป็นประจำ เขาสั่งอ้อตามตัวตะวันฉายมา เดี๋ยวนี้...ตะวันฉายมาถึงก็สนใจแต่หนังสือตัวเองบนโต๊ะ แถมยืนยันว่าได้ให้ความช่วยเหลือเต็มที่แล้ว เมฆฉุนโวยลั่น

“อ่านนิยายน้ำเน่าตอนที่แขกได้รับความเสียหาย แถมยังพูดจาหยาบคาย ไร้มนุษยธรรม แบบนี้เรียกช่วยเต็มที่เหรอ”

“แล้วจะให้ทำไง ให้ฉันขี่ม้าควงปืนไล่ยิงโจรหรือไง”

“คุณเกริกไกร ผมเสนอให้ไล่ผู้จัดการคนนี้ออก”

“ไล่ออก!” เกริกไกรและตะวันฉายอุทานพร้อมกัน ...เมฆยืนยันคำเดิม ไม่เช่นนั้น ตนจะยกเลิกสัญญาและอาจจะประจานทุกสื่อถึงบริการแย่ๆของที่นี่ ตะวันฉายยังปากเก่ง

“โห...กลัวมาก เพิ่งรู้ว่าบริษัทนี้เขาให้ไกด์มีอำนาจบริหารด้วย”

เกริกไกรเอ็ดลูกสาว ใครบอกว่าเมฆเป็นแค่ไกด์ คุณนภทีป์เป็นถึงประธานบริษัท...แล้วปาดเหงื่อ บอกลูกให้ขอโทษ แต่หญิงสาวกลับยิ้มเยาะ หาว่าเมฆเป็นไกด์เถื่อน จะฟ้องกลับเอาให้ปิดบริษัทไปเลย เมฆเจอไม้นี้ก็อึ้ง ชี้แจงว่าคนของตนป่วย และไกด์คนอื่นติดกรุ๊ปลูกทัวร์หมด จึงต้องมาแทน ตะวันฉายยืนกรานไม่ขอโทษแถมให้เขาเป็นคนขอโทษกลับ

“ผมจะส่งทนายมาคุยเรื่องการยกเลิกสัญญา พรุ่งนี้กรุ๊ปของผมจะเช็กเอาต์ก่อนกำหนด ส่วนกรุ๊ปที่จองไว้ก็ขอยกเลิกแล้วกัน” เมฆโมโหเดินออกไป

เกริกไกรหันมาเอ็ดตะโรใส่ลูก ที่ทำให้พนักงานในโรงแรมต้องเดือดร้อน ตกงาน ขาดรายได้ ตะวันฉายหน้าเสียขอโทษพ่อเสียงอ่อย ยอมทำทุกอย่างที่พ่อต้องการ...เกริกไกรรีบตามมาขอโทษขอโพยเมฆ และลากตะวันฉายมาขอโทษด้วย พร้อมยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกทัวร์ และให้พักฟรีในครั้งนี้ เมฆขอเพิ่มเติม

“ผมต้องการให้คุณตะวันฉายมาเป็น Butler ดูแลผมกับกรุ๊ปทัวร์ตลอด 24 ชั่วโมงที่เราพักที่นี่”

ตะวันฉายโวยวายไม่ยอมเพราะมันคือหน้าที่คนรับใช้ แต่เกริกไกรตอบตกลง...ตะวันฉายงอนตุปัดตุป่อง สายรุ้งต้องมาไกล่เกลี่ย ว่าตั้งแต่ตะวันฉายเข้ามาทำงาน ทะเลาะกับแขกไปสี่ราย แต่รายนี้จะสูญเสียรายได้เป็นล้านๆ พ่อกับแม่คงต้องปิดรีสอร์ทก่อนตาย

“ก็คนมันไม่อยากทำ จะทำให้มันได้ดีไงล่ะคะ คนอย่างซันถ้าจะทำอะไรได้ดี ก็ต้องทำสิ่งที่รักเท่านั้น”

“เป็นนักเขียนนิยายน่ะเหรอ โอ๊ย กว่าเราจะโด่งดังพ่อก็แก่ตายคาเกาะพอดี”

ตะวันฉายค้อนขวับ แล้วขอร้องพ่อ ขอโอกาสหนึ่งปีให้ตนได้พิสูจน์ตัวเอง ทั้งพ่อและแม่ไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวจะทำได้ ตะวันฉายน้อยใจ กระทืบเท้าวิ่งไป...สองสามีภรรยาคุยกัน สายรุ้งสงสารลูก เพราะเมื่อก่อนตนก็เคยอยากเป็นนักเขียน แต่ต้องทิ้งความฝันมาอยู่เกาะ เกริกไกรบอกว่า ที่ตนทำเป็นการให้กำลังใจลูกในแบบของตน สายรุ้งค้อนสามีที่แถไปเรื่อย

และแล้วตะวันฉายก็เห็นเว็บสำนักพิมพ์พราวฝัน มีการประกวดนักเขียนนิยายหน้าใหม่ หัวข้อเรื่องรักโดนใจ ผ่านรอบแรกจะได้เข้าอบรมกับนักเขียนมืออาชีพ ถ้าชนะจะได้เงินรางวัลสามแสน พร้อมได้ตีพิมพ์ เธอยิ้มย่องวาดฝันว่าตัวเองชนะเลิศถึงขั้นมีคนซื้อไปทำเป็นละคร

“ทีนี้พ่อกับแม่จะได้รู้สักทีว่าเรามันเจ๋งขนาดไหน ไม่ใช่สักแต่เกิดมาสวยและฉลาด” ตะวันฉายหยิบนิยายที่เขียนเอาไว้นานแล้วมาปัดฝุ่น ตั้งใจจะเขียนเพิ่มเติมอีกสักหน่อย


ooooooo
วันรุ่งขึ้น เมฆเล่นกระดานโต้คลื่นในทะเลพอกลับเข้ามาในโรงแรม บอกอ้อให้ตามตะวันฉายมารับใช้ตน อ้ออึกอักว่า ตะวันฉายสั่งไว้ว่าห้ามใครรบกวน เมฆหน้าเครียดทันที
“ดี...งั้นบอกมาว่าผมจะรบกวนเขาได้ที่ไหน”
ไม่ทันไร เมฆมาเคาะประตูห้องทำงานตะวันฉายรัวยิบ เธอเปิดประตูอย่างหงุดหงิด พอเห็นว่าเป็นเมฆก็โวยวายที่กล้าบุกมาถึงนี่ เมฆบอกว่ามาตามให้ไปรับใช้ เธอปัดว่าไม่ว่าง เมฆเดินกระแทกเธอเข้าไปในห้อง เห็นคอมพ์ที่เปิดอยู่ แกล้งยั่ว
“แอบทำอะไรอยู่ กำลังยักยอกเงินบริษัทอยู่ใช่ ไหม...หรือว่าเป็นพวกแฮกเกอร์ ปั่นกระแสในเน็ต เรียกตำรวจจับดีกว่า”
ตะวันฉายคว้าโทรศัพท์ในมือเมฆวางลง โวยจะให้ตนทำอะไรว่ามา...เมฆให้เธอตามมาที่ห้อง เขาเข้าห้องน้ำถอดกางเกงที่เปียกยื่นออกมาให้เธอเอาไปซัก ตะวันฉายจะเรียกแม่บ้านมารับ
“นั่นเป็นปัญหาของเธอ แต่ตอนนี้รับไปก่อน”
ตะวันฉายนิ่วหน้ารับกางเกงมาอย่างรังเกียจ ไม่กี่อึดใจ เมฆยื่นกางเกงในตามออกมาอีกตัว เธอเห็นร้องกรี๊ด วิ่งออกจากห้อง เมฆนุ่งผ้าเช็ดตัวหัวเราะสะใจ... จากนั้นไม่นาน เขาก็โทร.ตามเธอให้หาไม้ถูหลังไปให้ ตะวันฉายยิ้มอย่างมีเลศนัย สักพักเธอมาเคาะเรียก เมฆนุ่งผ้าเช็ดตัวเปิดประตู ตะวันฉายเอาแปรงขัดส้วม ขัดที่ตัวเขายกใหญ่ เมฆร้องลั่นหลบเป็นพัลวัน
“โอ๊ย ยัยบ้า เจ็บนะ อย่ามาเล่นสกปรกอย่างนี้”
“คุณต่างหากที่เล่นสกปรกกับฉันก่อน เป็นไงล่ะ บริการขัดหลัง สะอาดถึงใจไหม”
เมฆตอบยียวนว่ายัง แล้วลากตะวันฉายเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน จับมือเธอที่กำไม้  ขัดที่ส้วม “ชอบขัดนักใช่ไหม ขัดส้วมให้สะอาดเลยนะ”
ตะวันฉายร้องลั่น ดิ้นรนจะหนี เขาคว้าฝักบัวมาฉีดน้ำใส่ เธอสู้ดึงสายชำระมาฉีดกลับ ยื้อยุดกันพัลวัน ทันใดผ้าขนหนูที่เมฆนุ่งหลุดร่วงลง เขาก้มมองหน้าเจื่อน
ตะวันฉายเห็นร้องกรี๊ดๆวิ่งหนีออกจากห้อง เมฆรีบดึงผ้ามาพันกายอย่างอับอาย
ooooooo
เวลาผ่านไป เมฆดูแลพาแขกของเขาทำกิจกรรม ต่างๆอย่างสนุกสนาน มีแขกคนหนึ่งเอาภาพการลอยโคมไฟมาบอกเขาว่าอยากทำแบบนี้ เมฆอธิบายว่า นี่เป็นประเพณีของทางเหนือ แต่ตนจะพยายามหามาให้พวกเขาได้ทำที่นี่ แล้วเมฆก็ไปสั่งตะวันฉายให้หาโคมไฟมาให้ได้
“ไม่เอา ฉันจะไม่ทำอะไรให้คุณอีกแล้ว ถ้าบังคับฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาทำอนาจาร”
“ผมก็จะบอกจีเอ็มของคุณว่า คุณเอาแปรงขัดส้วมมาขัดตัวผมซะถลอก แถมยังดึงผ้าผมออก เอ...หรือผมจะแจ้งตำรวจว่าผมโดนทำอนาจารดีน้า”
ตะวันฉายยืนกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ เมฆกำชับให้หามาให้ได้ คืนนี้เจอกันที่ริมหาด ตะวันฉายเคียดแค้น แต่แล้วนึกได้ว่าจะแก้แค้นอย่างไร ยิ้มกริ่มออกมา...
คืนนั้น ตะวันฉายนำโคมไฟมาสองชุด แบ่งเป็นสองกลุ่ม เธออธิบายความหมายของการลอยโคมไฟ
ให้แขกฝรั่งฟัง และให้เมฆช่วยกันจุดไฟกลุ่มหนึ่ง ของ
ตนกลุ่มหนึ่ง เธอเอากางเกงที่เมฆให้ไปซักมาเป็นเชื้อไฟ ทำให้โคมของเธอสว่างไสว เมฆเห็นร้องลั่นแต่ทำอะไรไม่ได้
“ยัยบ้า เอากางเกงฉันคืนมา ตัวนี้ฉันรักมากนะเว้ย ยายซาดิสต์”
ตะวันฉายสะใจ กลับมาหัวเราะคิกคักที่บ้าน พ่อกับแม่ได้ยิน แปลกใจคิดว่าลูกสาวเพี้ยนเพราะหมกมุ่นกับนวนิยายมากเกินไป
วันรุ่งขึ้น เมฆเอาคืนบ้าง แกล้งโทร.ให้ตะวันฉายออกมาวิ่งเป็นเพื่อนแต่เช้าตรู่ จู่ๆเขาเห็นความงามของเรือประมงในทะเล เกิดหยุดชะงักดู ตะวันฉายวิ่งตามมา ชนเขาอย่างจัง สองคนทะเลาะแขวะกันไปมา ตะวันฉายแช่งให้เขาล้มหน้ามุดทราย ขาดคำ เมฆสะดุดท่อนไม้ล้มหน้า คะมำ เธอหัวเราะก๊ากที่วาจาสิทธิ์ เมฆทั้งโกรธทั้งอาย...
วันต่อมา อ้อตามตะวันฉายให้ไปส่งคณะของเมฆที่ท่าเรือ พวกเขากำลังเช็กเอาต์ เธอดีใจร้องเย้...ลั่นห้อง ลูกทัวร์ของเมฆกล่าวชื่นชมความรับผิดชอบของเกริกไกร สัญญาจะกลับมาอีก
ตะวันฉายโล่งใจ จะได้ตั้งหน้าเขียนนิยายของตัวเอง ไม่ทันไร ยุทธการลูกชายเพื่อนพ่อลาพักร้อนมาพักผ่อนที่นี่ เธอจำต้องมาดูแลเพราะสมัยที่เรียนกรุงเทพฯ เขาเป็นคนคอยขับรถรับส่ง เกริกไกรกับสายรุ้งชื่นชมชายหนุ่มคนนี้มาก เห็นว่าเป็นนายตำรวจมีอนาคตไกล จึงเปิดทางให้สองคนได้สนิทสนมกัน ยุทธการนัด
ตะวันฉายทานอาหารเย็น เธอให้ไปทานที่บ้าน แต่เขาขอทานที่ร้านริมหาดของรีสอร์ท ตะวันฉายไม่สงสัยอะไร เห็นเขาเป็นเพียงพี่ชายจึงตกลง
คืนนั้น ตะวันฉายวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ร้าน ขอโทษยุทธการที่มาสายโดยไม่ได้สังเกตว่าเขาแต่งตัวหล่อเหลาเข้ากับบรรยากาศในร้าน...พอได้นั่ง หยิบแก้วน้ำมาดื่ม จึงมองไปรอบๆ
“โห วันนี้จัดซะสวยเลย สงสัยจะมีแขกคู่รักมาที่ร้าน...พี่ยุทธรู้ไหมว่าปกติรีสอร์ทจะจัดตั้งโต๊ะตรงนี้ ตกแต่ง แบบนี้สำหรับคู่รักฮันนีมูน หรือมาฉลองครบรอบแต่งงาน”
“เท่าที่พี่รู้ ยังมีอีกอย่างนะ...”
ตะวันฉายรีบบอกว่าขอแต่งงาน ยุทธการยิ้มกริ่ม หยิบช่อดอกไม้มายื่นให้พร้อมขอดูแลเธอตลอดชีวิต ขอเป็นมากกว่าพี่ชายได้ไหม ดนตรีในร้านบรรเลงเพลงโรแมนติก ตะวันฉายหน้าถอดสี อึ้งพูดไม่ออก ชายหนุ่มถือโอกาสดึงมือเธอออกมาเต้นรำ หญิงสาวเงอะงะ เต้นผิดๆถูกๆ เหยียบเท้าเขาไปหลายหน ยุทธการสารภาพว่า ตลอดสองเดือนที่เธอกลับมา ตนคิดถึงเธอมาก
“เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่ก็ไม่รู้ว่า
ความรู้สึกของพี่มันเปลี่ยนไปตอนไหน รู้แต่ว่าสี่ปีที่ซันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ พี่มีความสุขมากๆที่ได้ดูแลใกล้ชิดซัน และวันนี้พี่ก็มั่นใจแล้วว่า ชีวิตของพี่ที่เหลือขาดซันไม่ได้ เราอย่าจากกันอีกเลยนะ”
ตะวันฉายตกตะลึง เผลอเหยียบเท้าเขาอีก ยุทธการจึงพาเธอกลับมานั่งที่โต๊ะ...เกริกไกรกับสายรุ้งแอบดูลูกแล้วหนักใจ สงสารว่าที่ลูกเขยจะเท้าระบมเสียก่อน สองคนหลบกลับไป
แต่แล้วไม่นาน ตะวันฉายก็กลับมา สองคนแปลกใจเห็นเต้นรำกันอยู่ ทำไมทานข้าวเสร็จเร็ว ตะวันฉายหน้าตึงเมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่ตามไปแอบดู เกริกไกรแก้ตัวว่าแค่อยากร่วมลุ้น
“ว่าแต่มีอะไรตกลงกันไม่ได้หรือเปล่า อย่างวันหมั้น วันแต่งงาน ถ้าเขาไม่สะดวกเราจัดให้ได้นะ หรือถ้ามีปัญหาสินสอดอะไรไม่ต้องห่วง ไอ้เกี๊ยงพ่อตายุทธน่ะ มันมีบุญคุณกับพ่อ ให้พ่อลอกข้อสอบแต่เด็ก บอกไปเลย พ่อไม่เรียก”
“พ่อคะ แม่คะ ซันยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่ซันยังไม่เป็นนักเขียนชื่อดังกระฉ่อนให้พ่อแม่ยอมรับ”
“โห...พ่อว่างั้นซันเปลี่ยนมาคิดเรื่องแต่งงานเถอะ เพราะกว่าลูกจะมีชื่อเสียงโด่งดัง พ่อกับแม่คงไปเกิดใหม่แล้วล่ะลูก”
ตะวันฉายโกรธร้องกรี๊ดๆที่พ่อดูถูก สะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้อง...ด้านยุทธการนั่งเศร้าอยู่ริมทะเลเพราะโดนตะวันฉายปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังปักใจรักเธอ
คืนนั้นทั้งคืน ตะวันฉายนั่งพิมพ์นวนิยายของเธอจนเสร็จ และฟุบหลับคาโต๊ะระหว่างรอเครื่องปรินต์งานออกมา สายรุ้งเข้ามาดู อมยิ้ม เข้าใจถึงความมุ่งมั่นของลูก
ooooooo
บริษัทแทรเวล ที มีการประชุมพนักงาน เมฆประกาศผลกำไรประจำปีที่ดีขึ้น จากเดิมเป็นหนี้ 50 ล้าน 4 ปีที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีแรกที่มีกำไร และยิ่งไปกว่านั้น ทุกโปรแกรมของบริษัทเต็มถึงสิ้นปี มีพนักงานเข็นรถบรรจุถังใส่แชมเปญมากลางห้อง พร้อมรถอาหารนานาชนิดเข้ามา
“ถึงเวลาฉลองกันแล้วใช่ไหมครับ พี่วัฒน์ของพวกเราให้เกียรติเปิดงานหน่อยครับ”
วิวัฒน์เขย่าขวดแชมเปญก่อนเปิด แชมเปญพุ่งกระฉูด พนักงานต่างเฮ วิวัฒน์มองเมฆอย่างภาคภูมิใจและยกนิ้วยอมรับในตัวเขา...ไม่ทันไร เมฆก็หลบเข้าห้อง ทำงานต่อ วิวัฒน์ถือแก้วแชมเปญตามเข้ามา บอกให้สังสรรค์กันก่อน
“อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องไปรับหมอก แล้วก็ต้องไปเล่นดนตรีแล้ว”