ตอนที่ 5
เมื่อหมวดสมรักษ์อาการดีขึ้นมากแล้ว และทางโรงพักก็ส่งรถมารับถึงบ้านแม่หมอ แก้วหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองต่อไป
“น้องชาย...ไปพักกับพี่ก่อนไป”
แก้วหัวใจพองโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปาก
สมรักษ์...แม่หมออมยิ้มเพราะรู้ว่าแก้วเป็นผู้หญิง แต่พอหันไปเห็นสายตาหวานเยิ้มของภราดรที่มองกินรี ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เร่งหมอให้กลับไปด้วย
ภราดรเตรียมตัวกลับหลังจากรถตำรวจออกไปสักครู่หนึ่งแล้ว แต่ไม่ทันจะก้าวขึ้นรถที่ตัวเองขับมาก็เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นอย่างฉับพลัน
ท้องฟ้าที่สว่างจ้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มอย่างน่าอัศจรรย์ ซ้ำยังมีลมกระโชกแรงทั้งที่ไม่มีเค้าฝน ทุกคนเลิ่กลั่กมองหน้ากันไปมา แล้วยิ่งตระหนกตกใจเมื่อพะอูคลุ้มคลั่งวิ่งเข้าไปในป่าราวกับมีใครร้องเรียก กินรีจะวิ่งตามน้องชายแต่แม่หมอห้ามไว้ และทำท่าจะตามไปเอง แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกระทุ้งเข้าหน้าอกจนกระเด็นไปกองกับพื้น มะค่ารีบเข้าประคองแม่หมอ ส่วนกินรีละล้าละลังแต่เดี๋ยวเดียวก็ตัดสินใจวิ่งตามพะอูไป โดยมีภราดรตามติดด้วยความเป็นห่วง
ที่แท้พะอูถูกคาถาอาคมของงะดินเดเรียกไปที่ถ้ำเชิงเขา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือต้องการให้ภราดรตามเข้ามาเพื่อจัดการล้างแค้น!
พะอูถือมีดเป็นอาวุธเข้ามาประจันหน้างะดินเดและคนรูสองผัวเมีย สภาพของทั้งสามน่าเกลียดน่ากลัวเสียจนพะอูตวาดสั่งให้ถอยไป ถ้ายังไม่อยากตาย...พูดไปแล้วพะอูชะงักกึก งุนงงว่าตัวเองเปล่งเสียงได้อย่างไร
“ไม่ต้องแปลกใจ ต่อหน้าข้า เจ้าจะพูดได้...ชะเวโบ”
พะอูชะงักอีกครั้งกับชื่อที่งะดินเดเรียก พลางจ้องมองร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนก้อนหิน ตั้งคำถามว่าเขาเรียกตนมาทำไม แล้วเขาเป็นใคร ทำไมทำเหมือนรู้จักตน
“น้องชาย...ไปพักกับพี่ก่อนไป”
แก้วหัวใจพองโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปาก
สมรักษ์...แม่หมออมยิ้มเพราะรู้ว่าแก้วเป็นผู้หญิง แต่พอหันไปเห็นสายตาหวานเยิ้มของภราดรที่มองกินรี ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เร่งหมอให้กลับไปด้วย
ภราดรเตรียมตัวกลับหลังจากรถตำรวจออกไปสักครู่หนึ่งแล้ว แต่ไม่ทันจะก้าวขึ้นรถที่ตัวเองขับมาก็เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นอย่างฉับพลัน
ท้องฟ้าที่สว่างจ้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มอย่างน่าอัศจรรย์ ซ้ำยังมีลมกระโชกแรงทั้งที่ไม่มีเค้าฝน ทุกคนเลิ่กลั่กมองหน้ากันไปมา แล้วยิ่งตระหนกตกใจเมื่อพะอูคลุ้มคลั่งวิ่งเข้าไปในป่าราวกับมีใครร้องเรียก กินรีจะวิ่งตามน้องชายแต่แม่หมอห้ามไว้ และทำท่าจะตามไปเอง แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกระทุ้งเข้าหน้าอกจนกระเด็นไปกองกับพื้น มะค่ารีบเข้าประคองแม่หมอ ส่วนกินรีละล้าละลังแต่เดี๋ยวเดียวก็ตัดสินใจวิ่งตามพะอูไป โดยมีภราดรตามติดด้วยความเป็นห่วง
ที่แท้พะอูถูกคาถาอาคมของงะดินเดเรียกไปที่ถ้ำเชิงเขา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือต้องการให้ภราดรตามเข้ามาเพื่อจัดการล้างแค้น!
พะอูถือมีดเป็นอาวุธเข้ามาประจันหน้างะดินเดและคนรูสองผัวเมีย สภาพของทั้งสามน่าเกลียดน่ากลัวเสียจนพะอูตวาดสั่งให้ถอยไป ถ้ายังไม่อยากตาย...พูดไปแล้วพะอูชะงักกึก งุนงงว่าตัวเองเปล่งเสียงได้อย่างไร
“ไม่ต้องแปลกใจ ต่อหน้าข้า เจ้าจะพูดได้...ชะเวโบ”
พะอูชะงักอีกครั้งกับชื่อที่งะดินเดเรียก พลางจ้องมองร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนก้อนหิน ตั้งคำถามว่าเขาเรียกตนมาทำไม แล้วเขาเป็นใคร ทำไมทำเหมือนรู้จักตน
งะดินเดประกาศดังกึกก้อง น้ำเสียงนั้นทั้งเคียดแค้นชิงชังและโหยหวนด้วยความเศร้าสลด...ยามนั้น แม่หมอนั่งอยู่ในห้องบูชาภายในบ้าน รับรู้ได้ถึงการกระทำของงะดินเด ซึ่งนางต้องขัดขวางเพราะไม่ต้องการให้มีการจองเวรจองกรรม แต่มะค่ายังนั่งอยู่ด้วย แถมไล่เท่าไหร่ก็ไม่กลับ ยืนยันว่าจะอยู่ดูแลยาย
“ถ้างั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถูกตัวข้าเด็ดขาด เข้าใจไหม”
มะค่ารับคำทั้งที่งุนงงสงสัย...แม่หมอดวงตาวาววับใช้วิชาอาคมออกจากร่างไปช่วยเหลือกินรีกับภราดรที่กำลังโดนปีศาจร้ายของงะดินเดโจมตีก่อนจะถึงถ้ำ แต่ฤทธิ์เดชของงะดินเดเหนือกว่า แม่หมอโดนทำร้ายจนกระอักเลือด ส่วนพะอูที่พยายามห้ามก็โดนเล่นงานจนสลบเหมือด
งะดินเดใช้พลังบังคับแม่หมอกลับร่างเดิมที่บ้านในสภาพกระอักเลือด มะค่าเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบเข้าประคอง แต่ร่างของเด็กสาวกลับมีอาการกระตุกเหมือนได้รับอำนาจอะไรสักอย่างแล้วกระเด็นออกไปสลบห่างจากแม่หมอ
“มะค่า...ข้าบอกแล้วว่าอย่ามาถูกตัวข้า...โธ่มะค่าเอ๊ย” แม่หมอคร่ำครวญ สีหน้าวิตกกังวลอย่างที่สุด!
ด้านกินรีกับภราดรที่ยังอยู่ตรงทางขึ้นเขา...แม้ไม่เห็นตัวตนของงะดินเดแต่กินรีมั่นใจว่าเขาคือผู้ทำร้ายแม่หมอ เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นกับตามาแล้วครั้งหนึ่ง
“ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องมายุ่งกับเราด้วย พวกเราไปทำอะไรให้ท่าน”
“ใช่...ปล่อยพวกเราไปเถอะ อย่ามายุ่งกับเราเลย”
เสียงกินรีกับภราดรตะโกนฝ่าสายลมอื้ออึง...แล้วได้ยินเสียงตอบของงะดินเดสะท้อนก้องกลับมา
“ปล่อยเจ้าไปงั้นรึ...บาเยงโบ ข้ารอมา 800 กว่าปี เพื่อจะปล่อยเจ้าในวันนี้เหรอ ฝันไปเถอะ เจ้าทำอะไรกับข้าไว้บ้าง ข้าไม่มีวันลืม”
หนุ่มสาวไม่เข้าใจคำพูดนั้น...พลันเกิดลมแรงฟ้าคำรามแล้วผ่าเปรี้ยงเบื้องหน้าทั้งคู่ ภาพในอดีตแห่งอาณาจักรพุกามชัดเจนขึ้นมา!
ชะเวโบมาตามบิดาไปเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัวบาเยงโบภายในท้องพระโรง ซึ่งมีมหาอำมาตย์ ราชครู ทหาร รวมทั้งมเหสีชะเวมะรัต และพระสนมอิระวดีอยู่พร้อมหน้า เมื่องะดินเดเข้ามาพร้อมลูกชาย บาเยงโบท่าทีเกรงใจพ่อตา ถามเรื่องดาบที่สั่งให้ทำว่าเสร็จแล้วหรือยัง
งะดินเดรายงานว่ากำลังดำเนินการอยู่ ยังขาดมวลสารศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง บาเยงโบจึงให้มหาอำมาตย์เป็นคนจัดหา เพราะตนต้องการดาบเล่มนี้โดยเร็ว เพื่อออกไปกำราบพวกทางเหนือที่เริ่มแข็งข้อไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการ
“เหตุใดพ่ออยู่หัวจึงต้องออกทัพด้วยพระองค์เอง” งะดินเดตั้งคำถามด้วยความสงสัย
“ข้าต้องให้ความสำคัญกับพวกมันหน่อย หาไม่แล้วพวกมันอาจจะดูแคลนข้าคิดว่าไม่มีปัญญา”
“พ่ออยู่หัวดวงแข็งในช่วงนี้เหมาะกับการทำศึก”
แม้ราชครูพูดออกมาอย่างนั้น แต่บาเยงโบก็ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว อยากให้งะดินเดช่วยอาบน้ำเสกมหาว่านพิพัฒน์ให้ตนด้วย และในระหว่างที่ตนจะไม่อยู่ ตนขอแต่งตั้งท่านราชครูเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
งะดินเดหวังตำแหน่งนี้ไว้จึงไม่พอใจอย่างมาก แต่จำต้องสะกดอารมณ์ต่อหน้าพ่ออยู่หัว แล้วไประบายออกที่โรงตีเหล็กเมื่ออยู่กันตามลำพังกับลูกชาย
“บาเยงโบเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง เหตุใดหาแต่งตั้งข้าสำเร็จราชการไม่”
“พ่ออยู่หัวข้ามหัวท่านพ่อเกินไป ถ้าจะนับไปเราก็ถือว่าเป็นพระญาติเช่นกัน”
“ชะเวมะรัต...ลูกนะลูก ทำไมลูกไม่ทำอะไรบ้างเลย”
“พี่สาวข้าคงหลงระเริงในตำแหน่งน่ะสิ หาได้สนใจครอบครัวไม่”
“งานนี้ข้าไม่ยอมแน่ ข้าต้องสำเร็จราชการแทนราชครูเฒ่านั่น”
“ท่านพ่อจะทำยังไง”
“ถ้าหามีราชครูแล้ว บาเยงโบจะเลือกใคร” งะดินเดคำราม แววตาวาวโรจน์อย่างมีแผน...
No comments:
Post a Comment