Wednesday, December 7, 2011

เรื่องย่อ สามหนุมเนื้อทอง ตอน2 ละครช่อง3


ตอนที่ 2

เนตรนภัสจะเอาชนะให้ได้ เมื่อวัชระไม่รับสาย เธอโทร.เข้ามือถือของธีธัช พึมพำอย่างสะใจว่า

“ดูซิ...จะแก้ตัวยังไง”

ธีธัชดูโทรศัพท์ตัวเองแล้วสะดุ้งโหยง บอกวัชระว่า “แม่แกโทร.มา” วัชระเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อหน่าย ธีธัชถามว่าจะเอายังไง กริชชัยเร่งรัดว่าถ้าธีธัชไม่รับอีกคนต้องโทร.มาหาตนแน่ จะให้ทำยังไงก็รีบบอกเลย

“มุกเดิม!” วัชระตอบเซ็งๆ เมื่อธีธัชถามว่าแน่ใจหรือ วัชระพยักหน้า ธีธัชจึงกดรับโทรศัพท์จากเนตรนภัสบอกทันทีทั้งที่ปลายสายไม่ทันถามว่า

“แหนม...ไอ้วัชมันออกไปแล้วนะ แยกกันได้สักพักแล้ว เห็นมันบอกว่า...”

“โกหก...” เสียงเนตรนภัสแว้ดตัดบทมาทันที ธีธัชผงะวางโทรศัพท์ลงตรงหน้าวัชระ เสียงเนตรนภัสยังแว้ดทะลุลำโพงออกมาว่า “แหนมไม่เชื่อ ไม่ต้องมาช่วยกันแก้ตัวเลย” เธอตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างหงุดหงิดว่า “บอกวัชว่าแหนมรออยู่บ้าน ให้รีบออกมารับเดี๋ยวนี้... ย้ำ...เดี๋ยวนี้...NOW แค่นี้นะ...”

แว้ดๆๆใส่แล้ววางหูทันที จากนั้นถอนใจเบาๆอย่างรู้สึกโล่งที่ได้ระบายออกไปอย่างสะใจ

ooooooo

วงสามหนุ่มที่กำลังคุยดักคอและลุ้นความรักของกริชชัยกันอย่างสนุกสนาน กลายเป็นเงียบกริบกันหมด กริชชัยนั่งกอดอกมองวัชระทั้งเห็นใจและสมน้ำหน้าพอกัน ธีธัชถามเพื่อนว่า “ชัดป่ะ?”

“ชัดเป๊ะ!” วัชระตอบเซ็งๆ ถอนใจย้าว...ยาว...พูดปลงๆว่า “มีแฟนกะเขาอยู่คน แม่งโครตเหนื่อยเลย ที่จริง อยู่เป็นโสดอย่างไอ้กริชก็ดีนะเว้ย...ไม่ต้องปวดหัว”

ธีธัชบอกว่าตนก็เป็นโสด ไม่อยากเป็นเหมือนตนบ้างหรือ วัชระส่ายหน้าแหยงๆว่า

“โสด สำส่อน อย่างแก ไม่เอาเว้ย ฉันขี้เกียจสับราง โสดๆนิ่งๆให้หญิงมองแบบไอ้กริชดีกว่า...ไม่ต้องเหนื่อย”

กริชชัยฟังแล้วพูดนิ่งๆ แต่กลั่นจากก้นบึ้งหัวใจว่า “แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นโสดนะเว้ย ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากมีผู้หญิงมาอยู่ข้างๆเหมือนพวกแก แต่ที่ต้องอยู่แบบนี้มันจำใจ...”

วัชระถามว่าถ้าผู้หญิงที่เขามองอยู่มีคู่แล้วทำไมเขาไม่มองคนอื่นบ้าง ธีธัชเห็นด้วย เชื่อว่าคนอย่างเขาจะเลือกระดับนางเอกหรือนางแบบหรือไฮโซใสๆสักคนไม่ยากเลย

“หาใครสักคนมันไม่ยาก...แต่ฉันไม่อยากคบๆเลิกๆมันเหนื่อย ฉันอยากคบแล้วแต่งเลย และผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย เขาจะต้องเป็นคนที่ “ใช่” ตั้งแต่วินาทีแรก แล้วมันจะ “ใช่” ไปตลอดชีวิต” กริชชัยพูดจริงจัง หนักแน่นและจริงใจอย่างที่สุด

ธีธัชส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ส่วนวัชระนิ่งอึ้งแบบเทียบกับของตัวเอง ส่วนกริชชัยพูดแล้วก็คิดถึงอรุณศรีขึ้นจับใจ เธอเป็นคนที่ใช่สำหรับเขาจริงๆ นับแต่วันแรกที่เจอเขาก็ตกหลุมรักความเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมาของเธอถลำจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

ooooooo

อรุณศรีเพิ่งทานอาหารเกาหลีกับปรานต์เสร็จ เธอดูบิลค่าอาหารแล้วอุทานว่า “พันแปด!ทำไมแพงจัง”

ปรานต์นั่งกระอักกระอ่วนรู้สึกเสียหน้ากับพนักงานที่มารอเก็บเงิน บอกอรุณศรีว่า ก็ของมันดี น้องเขารออยู่ แล้วลดเสียงลงบอกว่า ให้จ่ายไปก่อนสิ้นเดือนจะเอามาคืนให้

อรุณศรีอึกอักด้วยความเสียดายเงิน เพราะเชื่อว่าจ่ายไปแล้วไม่ได้คืนแน่ ปรานต์เลยแย่งกระเป๋าเงินของเธอไปจ่าย ซํ้ายังทิปให้พนักงานอีก 50 บาท อรุณศรีหน้าจ๋อยด้วยความเสียดายเงิน ปรานต์ยังปากหวานปลอบใจว่า

“แค่พันแปด แอ๊วไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือนที่ร้านแบ่งเปอร์เซ็นต์มาให้ ปรานต์รวยแล้วจะเอามาคืนมากกว่าพันแปด แถมพามาเลี้ยงอีกหนึ่งมื้อ ให้แอ๊วเลือกร้านที่ชอบได้ตามสบาย”

จากนั้นปรานต์ก็บอกว่าได้เวลาที่ตนนัดหุ้นส่วนไว้แล้วต้องรีบไป ทำเป็นถามว่าเธอกลับเองได้รึเปล่า อรุณศรีถามว่านัดอะไรไว้ไม่เห็นรู้เลย ปรานต์กะล่อนเป็นนํ้ากลิ้งบนใบบอนว่า พอดีมีเครื่องเสียงชุดใหม่มาลงที่ร้าน ตนเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง ทำเป็นขอโทษที่ไม่ได้ไปส่ง ทำใจปํ้าจะให้เธอขับรถตนกลับส่วนตัวเองจะนั่งแท็กซี่ไป

“อุ๊ย...ไม่เอาหรอก แอ๊วขับรถไม่แข็งปรานต์ก็รู้ แอ๊ว กลับแท็กซี่เอง ปรานต์รีบไปเหอะ”

เป็นไปตามแผนที่คาดไว้ แต่ปรานต์ก็ยังทำเป็นห่วงบอกว่าถ้าถึงบ้านแล้วก็ให้ส่งข้อความบอกด้วย ตนจะได้สบายใจว่าเธอปลอดภัยแล้ว ลงท้ายด้วย “รักนะ” ก่อนเดินตัวปลิวไปที่รถตัวเอง

อรุณศรียิ้มเนือย ขื่นๆ มองดูร่องรอยบนโต๊ะแล้ว เหนื่อยใจ...

ooooooo

หลังเสร็จงานไม่นานนัก เบญลี่ก็เอาไอแพดมาให้กริชชัยบอกว่าทางบริษัทออร์แกไนซ์ส่งรูปในงานมาให้ตามที่ท่านประธานสั่ง เป็นรูปในงานทั้งหมด ตนโหลดไว้ในนี้หมดแล้ว

กริชชัยเปิดดูรูปในไอแพดจนถึงรูปของอรุณศรี เขาซูมคร็อปเฉพาะหน้าของเธอ มองอย่างลึกซึ้งแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ ยิ่งดูก็ยิ่งคิดถึงเจ้าของรูป มองโทรศัพท์ คิด...

อรุณศรีลุกจากโต๊ะออกมายืนรอรถแท็กซี่ที่หน้าร้าน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอหยิบดูพอเห็นชื่อก็แปลกใจ... เธอยืนรอรถที่เดิม ชะเง้อคอยจนเห็นรถสปอร์ตคันหรูของสุพรรณิการ์สาดไฟหน้ารถเข้ามาแล้วแฉลบเข้าจอดเทียบ

สุพรรณิการ์เปิดประตูรถลงมา พอเห็นหน้าเพื่อนก็โวยใส่ทันทีว่า

“ไงยะ คุณอรุณศรี โดนแฟนทิ้งให้โหนรถเมล์กลับบ้านอีกตามเคย นี่ถามจริง ถ้าฉันไม่บังเอิญโทร.หาแก แกจะต้องถ่อกลับบ้านเองจริงๆใช่ไหมเนี่ย”

“คุณนายฝ้าย รอให้เพื่อนขึ้นรถแล้วค่อยประชดไม่ได้หรือไง จอดปุ๊บก็ต้องโผล่หน้ามาเหวี่ยงก่อนเลย” อรุณศรีพูดพลางเดินมาที่รถ แต่สุพรรณิการ์ยังไม่เลิกโวย บ่นไม่หยุดว่าพาแฟนมากินข้าว ต้องจ่ายตังค์แล้วถูกทิ้งให้กลับบ้านเองอีก เจอตนหน่อยไม่ได้จะด่าให้กระเจิงเลย “ฝ้าย พอได้แล้ว มีอะไรค่อยคุยบนรถไป...อายเขา”

อรุณศรีดันเพื่อนไปขึ้นรถแล้วตัวเองก็รีบขึ้นรถ ครู่เดียว รถสปอร์ตคันหรูก็ขับออกไปอย่างเร็ว

ooooooo

กริชชัยคิดถึงอรุณศรีจับใจ มองโทรศัพท์นิ่งคิดแล้วโทร.ออก แต่ไพล่โทร.ไปหาลำเภา  ไม่กล้าโทร.ไปหาคนที่คิดถึงจับใจ  เขาโทร.บอกลำเภาสัตวแพทย์สาวมั่นหน้าเด็ก ผู้รักน้องหมาเป็นชีวิตจิตใจ เขาโทร.บอกลำเภาว่าอีกห้านาทีเจอกัน

ห้านาทีต่อมา รถตู้ของกริชชัยก็มาจอดที่หน้าบ้านสวน เขาบอกคนขับให้กลับไปเลยตนจะนอนค้างที่นี่ เขาลงจากรถพร้อมไอแพด ตรงไปที่ประตู กดออดแล้วยืนรอ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากในบ้าน เลยมองสำรวจไปตามรั้วเห็นมีรูโหว่อยู่เลยมุดเข้าไป พอหัวโผล่พ้นแนวไม้ ก็ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของน้องหมาถึงสามตัวแล้วเห่าขู่ไม่หยุด เขาพยายามทำความรู้จักกับมัน แต่มันก็ไม่ญาติดีด้วย

“ก้ามปู ไฮโซ ล่ำ หยุด” เสียงสั่งน้องหมาทั้งสาม มันหยุดเห่าทันที ร้องงื้ดๆๆกระดิกหางไปหาเจ้าของเสียงคือลำเภานั่นเอง

เมื่อพาทั้งคนทั้งน้องหมาเข้าบ้านแล้ว ลำเภาสั่งให้น้องหมาทั้งสาม “นั่ง” ทั้งสามหมาพากันนั่งเรียบร้อย พอเธอสั่ง “ฟัง” มันหูผึ่งมองหน้าลำเภาตาแป๋ว จากนั้น ลำเภาก็แนะนำแขกผู้มาเยือนแก่น้องหมาทั้งสามที่นั่งหน้าสลอนว่า

“นี่คือคุณกริช ลูกของคุณน้าพวงแข ถ้านับตามศักดิ์แล้ว คุณกริชเป็นน้องของหม่ามี้” เธอชี้ที่ตัวเอง น้องหมาทั้งสามเอียงคอมองตาแป๋วอย่างเข้าใจ “แต่คุณกริชอายุมากกว่าก็เลยเป็นพี่หม่ามี้ เราเป็นญาติกัน ทีหลังห้ามเห่าคุณกริชอีกรู้หรือเปล่า”

น้องหมาทั้งสามครางงื้ดๆรับรู้การนับญาติกับแขกผู้มาใหม่ ลำเภาชมว่า “ดีมาก”

กริชชัยมองตาปริบๆนึกทึ่งที่น้องสาวคุยกับหมาได้ ครู่เดียวลำเภาก็สั่งน้องหมาทั้งสาม “กลับไปประจำที่” ทั้งสามพากันลุกพรวดแล้วตรงไปที่นอนประจำตัวของใครของมัน

เสร็จธุระจากน้องหมา ลำเภาหันมาเรียกกริชชัยด้วยระดับเสียงเดียวกับเมื่อครู่ “คุณกริช”

“ครับผม” กริชชัยสะดุ้งพรวดยืนตรงแหนว ลำเภาเห็นแล้วยิ้มขำๆบอกว่าไม่ต้องยืนตรงขนาดนั้นก็ได้ ตนไม่ได้จะดุเหมือนสามตัวนั้นสักหน่อย แล้วชวนเข้าบ้าน บอกว่าตนจัดห้องนอนไว้แล้ว กริชชัยนึกได้ หันไปหยิบไอแพดที่วางไว้แล้วเดินตามลำเภาเข้าไป

ooooooo

บ้านของลำเภาเป็นบ้านสวน สงบ ร่มรื่น กริชชัย มาอยู่บ้านนี้ชั่วคราว เขาขายบ้านหลังใหญ่เพราะคุณพ่อคุณแม่อยู่อังกฤษ นานๆกลับมาที อยู่คนเดียวเหงาเลยขายแล้วจะไปอยู่คอนโดฯ ระหว่างรอการตกแต่งจึงมาพักที่นี่ก่อน

ลำเภาแนะนำว่าเหงาก็ให้หาแฟนเสีย อย่างเขาหาได้ไม่ยากหรอก เลยถูกกริชชัยย้อนเอาบ้างว่าตัวเองก็ไม่ต่างกับตนแล้วทำไมยังหาแฟนไม่ได้

“ไม่ใช่หาไม่ได้ แต่ที่พอหาได้ ไม่ดีพอต่างหาก” ลำเภาพูดอย่างสาวมั่น ทำเอากริชชัยร้องโห...แล้วส่ายหน้าขำๆ

ลำเภาถามว่าแล้วคอนโดฯใหม่จะมีเพื่อนไปอยู่ด้วยหรือ เขาทำเสียงรับในลำคอ ลำเภาถามว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย กริชชัยตอบขำๆว่าผู้ชาย เธอยังถามเซ้าซี้ว่าชายแท้หรือชายเทียม กริชชัยสะดุ้งบอกว่าชายแท้ ตนไม่ใช่เกย์สักหน่อย พูดแล้วนึกสนุกบอกลำเภาว่า ก็ไม่แน่นะ ถ้าถูกผู้หญิงหักอก เข็ดขึ้นมาอาจมีแฟนเป็นผู้ชายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ได้

แม้ว่ากริชชัยจะพูดทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้ลำเภาอดกังวลไม่ได้ กลัวพี่ชายสุดหล่อแสนดีจะทำตัวเองเสียของให้สาวๆเสียดายกัน

ooooooo

คืนนี้ วัชระขับรถไปหาเนตรนภัสตามคำสั่งของเธอ สภาพรถที่หน้าหม้อยุบ ไฟท้ายห้อยร่องแร่ง ไม่ได้รับความสนใจจากเนตรนภัสเลย เพราะเธอตั้งหน้าตั้งตาแต่จะเอาเรื่องกับเขา

พอเจอหน้าเธอก็ไล่บี้เป็นชุด ถามว่าทำไมตนโทร.ไป แล้วไม่รับสาย? ทำไมไม่โทร.กลับ? ทำไมต้องโกหก? ทำไมมารับช้าแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า? จากนั้นจึงถามว่าทำไมกระโปรงรถถึงเป็นแบบนี้ แล้วสั่งให้อธิบายให้ละเอียดเดี๋ยวนี้ NOW!

วัชระทำหน้าเหนื่อยหน่ายบอกว่าเรื่องมันยาว แล้วตั้งท่าจะเล่าอย่างละเอียด แต่เธอกลับบอกว่าไม่อยากฟัง ตอนนี้หิวแล้ว ให้พาไปทานอาหาร พอเขาถามว่าจะทานอะไรก็บอกไม่รู้ ครั้นเขาจะเลือกให้ก็ถูกโวยวายว่าตนเป็นคนหิวจะตามใจเขาได้ไง?!

สุดท้ายก็สั่งให้วัชระขับรถพาออกไป วัชระขอเอารถเธอไปเพราะสภาพรถของตนเธอคงทนนั่งไม่ได้

พอเนตรนภัสสงบ ยอมไปขึ้นรถ วัชระกุมหัวตัวเองบ่นงึมงำ

“ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยยยย...แบบนี้วะ...เฮ้อ...”

ooooooo

ส่วนอรุณศรี เมื่อสุพรรณิการ์เอารถมารับแล้วพากันไปที่ “ร้านสาดสุรา หวานนารี” ของตัวเอง คุยกัน แล้วอรุณศรีปรารภอย่างผิดหวังว่า

“ทำไมคนเราก่อนเป็นแฟนกับหลังเป็นแฟนกันแล้ว มันถึงได้เปลี่ยนไป ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”

สุพรรณิการ์ วิเคราะห์ให้ฟังว่า อย่างปรานต์นั้นไม่ได้เปลี่ยนไป แต่นั้นคือนิสัยที่แท้จริงของเขาต่างหาก คิดดูแค่เงินเดือนแต่ละเดือนยังไม่พอใช้เลย แต่ทำเป็นคบพวกไฮโซ พูดแล้วบ่นเพื่อนว่า

“ฉันอยากให้มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยทำให้แกตาสว่างเสียที อย่างแกหาดีกว่าไอ้ปรานต์ได้สบายมาก”

“ถ้าผู้ชายดีๆหาได้ง่ายๆ ฉันว่าแกคงมีแฟนไปนานแล้ว แกดูสิ...ผู้ชายดีๆมีอนาคต มีชาติตระกูลเขาก็ไปคบกันเองอย่างพวกโน้นไง” อรุณศรีบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มเกย์ผู้ดีที่นั่งคุยกะหนุงกะหนิงอย่างสุภาพอยู่มุมหนึ่งของร้าน “ส่วนผู้ชายแท้ๆที่เหลือก็อยู่นั่นไง” อรุณศรีโบ้ยปากไปอีกมุมหนึ่งของร้าน สุพรรณิการ์มองตาม

ที่สายตาของอรุณศรีมอง คือที่เคาน์เตอร์บาร์ เห็นกรกนกอยู่ในชุดเซ็กซี่ดูดีมีรสนิยม กำลังทำหน้าที่บาร์เทนดี้อยู่อย่างมืออาชีพ เบื้องหน้าเธอ มีพวกหนุ่มแววตาหื่นจ้องอยู่ราวกับจะกลืนกิน กรกนกหันมองมาทางสุพรรณิการ์ยิ้มให้อย่างกันเอง

สุพรรณิการ์บอกว่ากรกนกเป็นผู้จัดการร้านของตน อรุณศรีถามว่า แล้วรู้ไหมว่าทำไมร้านนี้ถึงได้มีคนเยอะ

“ถึงฉันไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็รู้ว่าผู้ชายต้องการอะไร แล้วฉันก็แบ่งหุ้นในร้านนี้ให้คุณกรเรียบร้อยแล้ว”

“แกนี่สมกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยจริงๆ” อรุณศรีชม สุพรรณิการ์ ยักไหล่อย่างภูมิใจ อรุณศรีหันมองไปทางกรกนกอีกครั้ง ถามว่า “แกว่า...สวยเลือกได้อย่างคุณกรจะมีแฟนหรือเปล่า”

ooooooo

สุพรรณิการ์ไม่ตอบ แต่ความจริงคือ กรกนก คบอยู่กับธีธัชหนุ่มปากหวานเจ้าสำราญหว่านเสน่ห์ไปทั่ว คืนนี้เธอก็ไปนอนที่ห้องอพาร์ตเม้นต์ของเขา
พอตี 3 ธีธัชก็เตรียมตัวออกไป เธอถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าไปช่วยกริชชัยสำรวจเส้นทางเพราะจะพาลูกค้าวีไอพีไปลองรถกัน กรกนกถามหยั่งเชิงว่าขอไปด้วยได้ไหม

“ไม่ได้หรอก ไปกันแบบชายล้วน แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไป กรไปด้วยลำบากเปล่าๆ”

กรกนกฟังนิ่งๆ ธีธัชยังปากหวานว่า ถ้าตนพร้อมเมื่อไหร่จะพาเธอไปเปิดตัวเต็มที่ แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ ก่อนดีแล้ว พูดให้ฟังดูดีว่า

“เผื่อกรเจอคนที่ดีกว่าผมไง แต่ถ้าอีกสักสิบยี่สิบปีข้างหน้า เราสองคนไม่มีใครผมก็อาจจะหยุดที่กรก็ได้” พูดแล้วเข้าไปหอมเอาใจทีหนึ่ง “ผมไปก่อนนะ คืนนี้เจอกันจ้ะ”

กรกนกมองธีธัชที่ออกไปอย่างสดชื่น เธอมองไปรอบห้องแล้วรู้สึกโหวงเหวง จึงหยิบโทรศัพท์กดขึ้นสเตตัสเฟซบุ๊ก อ่านเบาๆ “ผู้หญิงแบบไหน ที่ทำให้ผู้ชายหยุดอยู่ด้วยตลอดชีวิต?”

กรกนกกดขึ้นสเตตัสผ่านบีบี ภาพโปรไฟล์ดูสวยเซ็กซี่ เธอคิดๆแล้วพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัยว่า

“โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณ...ธีธัช ผู้หญิงแบบไหนที่หยุดคนอย่างคุณได้...นั่นสิ...ใครนะ?”

ooooooo

ธีธัชมาถึงบ้านลำเภาแต่เช้ามืด ลงรถแล้ว ขณะกำลังจะกดออดเรียก ก็มีเสียงข้อความเข้ามือถือจากกริชชัย

“ไม่ต้องกดออด ข้างรั้วมีทางมุดเข้ามาได้เลย”

ได้การ...ธีธัชมองไปที่รั้วเห็นมีรูอยู่จริง เลยก้มคลานมุดเข้าไป พ้นรูกำแพงแล้วก็ต้องแหวกพุ่มไม้หนาทึบเข้าไปอีก

ลำเภากำลังรำไทชิออกกำลังกายอยู่ในสวน ได้ยินเสียงแกรกกรากก็เงี่ยหูฟัง พอแน่ใจว่าเสียงไม่ปกติก็คว้าไม้ใกล้มือย่องไปตามเสียง เป็นจังหวะที่ธีธัชโผล่หัวพ้นพุ่มไม้พอดี ได้ยินเสียงธีธัชบ่น

“ลำบากจริงเว้ย”

“ลำบากแล้วเข้ามาทำไมหา! ไอ้หัวขโมย!” สิ้นเสียงก็เอาไม้ฟาดหัวเขาผัวะๆๆได้ยินเสียงร้องโอ๊ย...ก็ยิ่งฟาด

ไม่ยั้ง เสียงไม้ฟาดหัวกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดสลับกันไป ลำเภายังตะโกนให้กริชชัยมาช่วยจับขโมยด้วย

ธีธัชได้ยินลำเภาตะโกนเรียกกริชชัยให้มาช่วยจับขโมย พยายามจะร้องบอกว่าตนไม่ใช่ขโมยแต่ถูดฟาดเสียจุกไม่มีโอกาสพูดเลย

กริชชัยได้ยินเสียงลำเภาร้องให้ช่วยจับขโมย คว้าปืนได้ก็วิ่งไปตามเสียงได้ยินเสียงธีธัชร้องครวญครางก็ถลาเข้าไป อุทานลั่น

“เฮ้ยยย นั้นมัน...ไอ้ธี!” กริชชัยรีบเก็บปืน แล้วเข้าประคองเพื่อนร้องบอกลำเภาว่า “เภาหยุดก่อน มันไม่ใช่ขโมย มันเป็นเพื่อนพี่เอง”

ลำเภาที่เงื้อไม้สุดแขนกำลังจะกระหน่ำซ้ำ ถึงกับยกมือค้าง ธีธัชเห็นเพื่อนมาแล้วก็เงยหน้ามองลำเภาเต็มตา เห็นเป็นเด็กผู้หญิงแต่งตัวกะโปโล ผมเป็นกระเซิง ใส่แว่นหนาเตอะ ก็ฉุนกึก ด่าโพล่งไปทันที

“เด็กบ้า! จะตีใครทำไมไม่หัดดูตาม้าตาเรือบ้างหา! นี่ช่วยดูให้เต็มตาหน่อย หล่อขนาดนี้จะเป็นขโมยได้ไง มีตาสองข้างแถมยังใส่แว่นหนาเตอะ ยังมองไม่ชัดอีกรึไง! สายตาไม่ดีหรือสมองไม่ดีกันแน่?!”

“ใครกันแน่สมองไม่ดี บ้านเขามีออดก็ไม่กด มามุดรั้วเป็นหมาไปได้” ลำเภาด่ากลับ ธีธัชประเมินว่าลำเภาเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน ด่าต่ออีกว่า เด็กบ้า...ตาไม่ดีสมองเสื่อมแล้วยังปากเสียอีกด้วย ถูกย้อนทันทีว่า “แล้วตัวเองปากดีนักรึไง ตั้งแต่สำรากมาไม่เข้าหูสักคำ”

ขณะทั้งคู่กำลังด่ากันไปมาอย่างดุเด็ดเผ็ดมันนั่นเอง กริชชัยถามว่าเป็นไงมั่ง ธีธัชฟ้องทันทีว่า

“ไอ้กริช เด็กคนใช้บ้านญาติแกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ปากเสีย ตาไม่มีแววแล้วยังไม่มีสัมมาคารวะอีกต่างหาก ดูดิ...ฟาดหัวฉันซะน่วมไปหมดเลย ขอโทษสักคำก็ไม่มี แบบนี้มันต้องแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย”

กริชชัยตกใจ พยายามจะบอกธีธัชว่าหัวเขาแตกเลือดออก แต่ไม่มีจังหวะให้พูดเลย เพราะลำเภาท้าว่าก็ลองแจ้งความดูตนก็จะฟ้องกลับ “ฐานบุกรุกบ้านฉัน”

“บ้านเธอ??” ธีธัชหันมองหน้ากริชชัย “อย่าบอกนะว่ายัยเด็กบ้านี่เป็นญาติแก”

กริชชัยพยายามจะพูดแต่พูดไม่ได้เพราะทั้งคู่โต้เถียงกันไปมาแบบไม่มีช่องไฟให้แทรกเลย

“ใช่...ฉันเป็นญาติคุณกริช ฉันไม่ใช่คนใช้ แล้วฉันก็ ไม่ใช่เด็ก และถ้าไม่อยากเสียเลือดตายตรงนี้ก็รีบไปทำแผลได้แล้ว” ลำเภาเสียงอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเลือดที่ไหลย้อยจากหัวธีธัช

พอได้ยินคำว่าเลือด ธีธัชก็ตกใจถามว่าเลือดอะไร นั่นแหละกริชชัยจึงมีโอกาสได้บอกเพื่อนว่า หัวแตกเลือดออกเต็มเลย ธีธัชยกมือคลำหัวตัวเอง รู้สึกหนึบๆเหนียวๆ พอเอามือมาดูเห็นเลือดก็ตกใจหมดแรงไปเลย

เมื่อพาธีธัชเข้าบ้าน ธีธัชยิ่งตกใจเมื่อเห็นกริชชัยเอากระเป๋าพยาบาลใบเขื่องมาวางโครมตรงหน้า บอกว่าเดี๋ยวลำเภาจะทำแผลให้ เพราะลำเภาเรียนหมอมา ธีธัชพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เรียนหมอ...” และยังไม่ทันหายงง เสียงลำเภาก็แทรกเข้ามาว่า

“ฉันเป็นหมอแล้วด้วย ขอให้รู้ ไม่ใช่กำลังเรียน”

ธีธัชตาเหลือกอุทาน “ยัยเด็กบ้าเนี่ยนะเรียนหมอ” ลำเภาหัวเราะโหดในลำคอยืนยันว่าตนเป็นหมอและกำลังจะเย็บแผลให้เขา แต่น้ำเสียงเข้มท่าทางดุดันของเธอเหมือนจะมาเชือดเขามากกว่า ทำให้ธีธัชผวา ร้องลั่นว่าตนกลัวเข็ม ไม่ยอมให้เย็บ ลำเภาเลยสั่งกริชชัยให้จับตัวไว้หน่อย ตนจะโกนผมรอบแผลแล้วค่อยเย็บ

ธีธัชโวยลั่นว่าตนไม่โกน เดี๋ยวโกนแล้วไม่ขึ้นจะว่าไง เอามือกุมหัวไว้บอกว่า “ฉันกลัวหัวล้าน”

“โอ๊ยยย...กลัวหลายอย่างจริง กลัวเลือด กลัวเข็ม ยังจะกลัวหัวล้านอีก จะบอกให้นะ ถ้าไม่เย็บได้เป็นบาดทะยักแน่ เพราะไม้ที่ฉันฟาดหัวคุณมีตะปูขึ้นสนิมด้วย” แล้วลำเภาก็ขู่ว่าเคยมีคนตายเพราะถูกเศษกระเบื้องบาดแล้วไม่ยอมทำแผลมาแล้ว

ธีธัชมองตาปริบๆ หน้าเสีย ลำเภายิ้มสะใจที่ขู่ได้ผล

ooooooo

ลำเภาทั้งด่าทั้งขู่ธีธัช ยกตัวอย่างคนที่เป็นแผลแล้วไม่ยอมรักษาและเป็นบาดทะยักตายไปคนแล้วคนเล่ามาขู่ธีธัช จนกริชชัยสงสารเพื่อนบอกลำเภาให้หยุดแกล้งได้แล้ว และรีบทำแผลให้ธีธัชเสีย ลำเภาจึงสั่งเข้มว่า

“คุณกริชจับเพื่อนไว้ให้แน่นๆ เภาไม่มียาชา โกนผมเสร็จแล้วเย็บเลย”

ธีธัชตาเหลือกกลัวเจ็บร้องขอให้พาตนส่งโรงพยาบาล ไม่ยอมให้ “ยัยเด็กบ้า” นี่เย็บเด็ดขาด พลางดิ้น บอกให้กริชชัยปล่อยตน ลำเภาพูดอย่างรำคาญใจว่า

“ฤทธิ์เยอะจัง หมาไข้ที่ฉันเย็บแผลขาหักไปเมื่อวานยังไม่ดิ้นเท่านี้เลย”

“หมาไข้!” ธีธัชหยุดดิ้น มองตาค้าง กริชชัยเลยช่วยชี้แจงกับเพื่อนรักว่า

“เภาเขาเป็นหมอหมาน่ะ”

ธีธัชอ้าปากค้าง ลำเภาช่วยพูดให้กระจ่างขึ้นว่า

“บ้าสิคุณกริช เรียนสัตวแพทย์ ไม่ได้รักษาหมาอย่างเดียวสักหน่อย ทำคลอดวัวก็เคย คีมอันนี้” ลำเภาชูคีมในมือให้ดู “ก็เพิ่งจะใช้ดึงหนังหมาขี้เรื้อนออกจากปากน้องแมวมาหยกๆ แค่ทำแผลให้คน...สบายมาก” ลำเภายักคิ้วแผล็บกวนๆ

ธีธัชสุดที่จะทนสยองอยู่ตรงนั้นได้ ลุกพราววิ่งอ้าวไปเลย กริชชัยมองเหวอร้องเรียกก็ไม่หยุด ลำเภาขู่ตามหลังไปอีกว่าไม่รีบทำแผลเดี๋ยวบาดทะยักกิน รับรองว่าเครื่องมือพวกนี้ตนทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว ด่าส่งท้ายขำๆ “ทำเป็นสะดิ้งไปได้”

กริชชัยบอกลำเภาว่าเดี๋ยวตนพาเพื่อนไปหาหมอเอง และขอโทษด้วยที่ตนเป็นคนบอกให้ธีธัชมุดรั้วเข้ามาเอง ลำเภาพูดอย่างไม่สนใจว่า เรื่องนั้นตนไม่เคืองหรอก แต่ฝากบอกเพื่อนพี่ด้วยว่า

“ทีหน้าทีหลังมุดรั้วบ้านคนอื่น ก็อย่ามาทำปากเสีย ไม่งั้นจะโดนมากกว่านี้”

กริชชัยได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ แล้วรีบเดินตามธีธัชไป ส่วนลำเภามองแล้วยิ้มสะใจ นึกสมน้ำหน้า

ooooooo

เช้าแล้ว วัชระมายืนพิงรถที่หน้าหม้อบุบบู้บี้ดื่มกาแฟจากถ้วยกระดาษรอเพื่อนรักอยู่หน้าออฟฟิศกริชชัย ครู่หนึ่งกริชชัยกับธีธัชเดินมาด้วยกัน วัชระเห็นที่หัวธีธัชมีสำลีแปะอยู่ ถามว่าไปโดนใครฟาดหัวแบะมา

ธีธัชตอบอย่างไม่หายเคืองว่าเด็กตัวเท่าลูกหมา วัชระเลยเดาว่าไปพรากผู้เยาว์มาหรือ กริชชัยชี้แจงแทนเพื่อนว่า เด็กที่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องตนเอง มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เมื่อวัชระถามว่าแค่เข้าใจผิดนิดหน่อยยังขนาดนี้ ถ้าเข้าใจผิดกันมากกว่านี้จะไม่ถึงตายหรือ

ธีธัชบ่นว่าแค่มุดรั้วเข้าบ้านหน่อยเดียวแม่เล่นฟาดเสียไม่ยั้ง ซ้ำยังเอาเครื่องมือทำแผลหมาแมวมาทำให้ตนอีก สบถอย่างหงุดหงิดว่า “บ้าที่สุด” กริชชัยเลยช่วยชี้แจงว่า ญาติตนชื่อลำเภา เป็นสัตวแพทย์

วัชระถามทึ่งว่าน้องกริชชัยแย่ขนาดนั้นเลยหรือ เพราะปกติธีธัชเห็นผู้หญิงก็บอกว่าน่ารักไปหมด กริชชัยพูดอย่างโล่งใจว่า ถือว่าเป็นโชคดีของน้องสาวตนที่ไม่น่ารักในสายตาธีรัช เจ้าตัวเลยยืนยันว่าไม่ต้องห่วงเพราะลำเภาไม่ใช่สเปกของตน คนแบบนี้ตนขอลาอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย


วัชระรู้สึกแปลกใจที่น้องสาวของกริชชัยทำให้คาสโนว่าอย่างธีธัชปฏิเสธได้ กริชชัยตัดบทให้พอได้แล้วเลิกนินทาน้องสาวตนเสียที บอกว่า “ฉันให้คนเตรียมรถของพวกแกไว้ให้แล้ว”

“รถของพวกฉัน” สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน กริชชัย พยักหน้ายิ้มเท่ที่มุมปากยืนยันกับเพื่อนรักทั้งสอง

ooooooo

บนเส้นทางไปวังน้ำเขียว สามหนุ่มมาดเท่ตามสไตล์ของตัวเอง ขับมอเตอร์ไซค์คันโตพุ่งไปตามท้องถนนอย่างเร็ว รถของสามหนุ่มเท่ไปกันคนละแบบ รถของกริชชัยเป็นแบบ Costume ประกอบเองตามสั่ง ของวัชระบึกบึนออกแนวบู๊ ส่วนของธีธัชสีสดใสจี๊ดจ๊าดและที่สำคัญมีเบาะท้ายให้สาวนั่งซ้อน

รถทั้งสามคันทะยานไปอย่างฮึกเหิม บางครั้งก็แข่งกันเองอย่างสนุกสนาน สุดท้ายวัชระขับแซงหน้าเพื่อนทั้งสอง เขาหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่ออยู่กับเพื่อนที่รู้ใจกัน

เป็นเวลาที่เนตรนภัส ในชุดลำลองแต่ก็แต่งจัดทั้งเสื้อผ้าหน้าผม นั่งพลิกหนังสือแฟชั่นและถ่ายรูปแบบชุดที่ต้องการไว้มากมาย

แล้วเธอก็ต้องอารมณ์เสีย เมื่อนรีวรรณผู้เป็นน้องสาวเดินเข้ามาพร้อมบีบีในมือ หยุดมองพี่สาวแล้วพูดทั้งที่ตาอยู่กับบีบีและมือก็ยังพิมพ์บีบีอยู่ เธอเล่าข่าวแล้วถามพี่สาวว่า รู้ไหมว่าเพื่อนพี่ที่ชื่อมดกำลังจะหมั้นอาทิตย์หน้า ที่แซนดี้กำลังจะแต่งงานเดือนหน้า และพี่เจคลอดลูกแล้ว

แต่ละข่าวที่นรีวรรณเล่าและถาม ล้วนแต่ทำให้เนตรนภัสอารมณ์เสีย หงุดหงิด ทุกข่าวที่นรีวรรณเล่า เธอบอกว่าไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ว่าใครจะหมั้น ใครจะแต่ง และใครจะมีลูก เพราะไม่ใช่ธุระของตน แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า

“ถ้าจะมาเยาะเย้ยเพราะฉันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานก็เสียใจด้วยย่ะ เพราะฉันกับวัชระกำลังจะแต่งงานกัน!”

นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีถามอย่างตกใจว่า “พี่แหนมว่าไงนะ” เนตรนภัสลอยหน้าบอกน้องว่าให้ไปป่าวประกาศในบีบีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์บ้าบออะไรนั่นได้เลยว่า “ฉันกำลังจะแต่งงานกับวัช และงานแต่งงานของฉันจะต้องเริ่ดที่สุด!!”

“พี่แหนมเนี่ยนะกำลังจะแต่งงาน” นรีวรรณอุทานทึ่ึ่ง

ส่วนสามหนุ่มไปถึงโรงแรมวังน้ำเขียวแล้ว จู่ๆวัชระก็จามออกมาเสียงดังมากจนกริชชัยเป็นห่วงว่าท่าจะเป็นหวัดแล้ว วัชระขยี้จมูกบอกว่าคงแค่แพ้อากาศเท่านั้น แต่หนุ่มอย่างธีธัชแซวว่า แหนมคิดถึงหรือเปล่า ท้าว่าคอยดูเถอะไม่ถึงห้านาทีต้องโทร.มาตามชัวร์ ทำเอาวัชระใจไม่ดีบอกเพื่อนว่า

“อย่าพูดเป็นลางซิเว้ย เมื่อคืนกว่าจะเคลียร์กันจบก็เกือบเช้า ได้เวลานัดพวกแกพอดียังไม่ได้นอนเลยเนี่ย ไอ้กริช แกก็ทำงานไปนะ ฉันขอไปนอนก่อน จะกลับเมื่อไหร่ก็ปลุกด้วยแล้วกัน” พูดแล้ววัชระเดินเลี่ยงไป

ธีธัชพูดแซวๆว่าสงสัยเมื่อคืนเคลียร์กันหนักจริงๆเล่นเอาวัชระเปลี้ยไปเลย กริชชัยนึกสนุกเลยถามธีธัชบ้างว่า แล้วเขากับกรกนกเคลียร์กันไม่หนักรึไง ธีธัชหันมองกริชชัยอุทานทึ่งว่า “โห...เดี๋ยวนี้ท่านประธานยิงมุกเว้ย” แล้วถามคืนว่าแล้วเขากับคนนั้นล่ะพลางยักคิ้วหลิ่วตาไปด้านหลังของกริชชัย “เมื่อไหร่ท่านประธานจะได้เคลียร์กันสักที”

กริชชัยมองไปตามสายตาของธีธัช เห็นเบญลี่กับอรุณศรีเดินมาด้วยกัน แม้อรุณศรีจะอยู่ในชุดลำลองก็ดูดี เก๋ไก๋ กริชชัยมองอรุณศรีไม่วางตา อรุณศรีมองไปรอบๆประสานสายตาเข้ากับกริชชัยต่างชะงักไปนิดหนึ่ง ชายหนุ่มหลบตาหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ธีธัชจับตาดูอยู่ ติงเพื่อนว่าให้เลิกหน้าแดงได้แล้ว ดูไม่แมนเอาเลย แล้วปลีกตัวไป พูดหยอกเพื่อนว่าไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอ พูดแล้วหัวเราะคิกคัก กริชชัยยิ้มนิดๆ แต่พยายามรักษาฟอร์มไว้ อรุณศรีเห็นอาการของกริชชัยแล้วยิ้มขำๆที่เขาทำเขิน

ส่วนเบญลี่พอเห็นกริชชัยก็พุ่งเข้ารายงานทันทีว่า

“คุณกริชคะตอนนี้ผู้จัดการโรงแรมรออยู่ที่ห้องประชุมแล้วค่ะ คุณกริชต้องการให้ทางโรงแรมจัดการอะไรบอกได้เลยค่ะ ทางนี้ยินดีซัพพอร์ตเราทุกอย่าง อ้อ...เบญลี่ชวนแอ๊วมาช่วยงานด้วยนะคะ”

“ดีครับ ผมก็อยากให้มาช่วยอยู่พอดี” พูดแล้วมองหน้าอรุณศรีชมว่า “เมื่อคืนคุณทำได้ดีมาก”

อรุณศรีขอบคุณตามมารยาท เบญลี่จึงชวนไปห้องประชุมกันเลยดีไหม กริชชัยจึงต้องเดินไปด้วยความเสียดาย ส่วนอรุณศรีโล่งใจที่พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้น แต่พอมองไปอีกทางหนึ่งเห็นธีธัชกางหนังสือพิมพ์ แต่ตาไพล่มองมาที่ตน ครั้นตนมองไปก็กลับหลบ ทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ แอบส่ายหน้ากริชชัยที่ช่างไม่ได้ดั่งใจเสียเลย

อรุณศรีรู้สึกสะดุดใจกับท่าทางแปลกๆของธีธัช แล้วรีบเดินตามเบญลี่ไป

ooooooo

หลังจากบอกนรีวรรณว่าจะแต่งงานกับวัชระแล้ว เนตรนภัสก็ไปบอกสีรุ้งผู้เป็นแม่ว่าตนจะแต่งงานกับวัชระ ทำเอาสีรุ้งตกใจติงว่า เห็นไปไหนมาไหนกับคนนั้นทีคนนี้ที สับรางให้วุ่นไปหมด แล้วเสนออย่างเกรงใจว่า

“แม่ว่า...ไหนๆแหนมยังเลือกได้ ลองเลือกดูอีกสักพักไหมลูก”

เนตรนภัสอ้างว่า ถึงตนจะคบกับหลายคนแต่คนที่รักจริงคือวัชระ และจะแต่งงานกับเขา ครั้นสีรุ้งถามว่าแล้วเขาอยากแต่งกับเรารึเปล่าล่ะ เธอสวนแม่ไปทันทีว่า

“ต้องอยากสิคะแม่ แหนมกับวัชทดลองอยู่กันมาพักนึงแล้วนะคะ” สีรุ้งฟังแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น เนตรนภัสยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ถึงวัชจะไม่รวย แต่ตอนนี้ ก็เป็นร้อยตำรวจเอก อีกหน่อยก็สารวัตร แล้วก็ผู้กำกับจากนั้นก็นายพล ตำรวจตงฉินไม่โกงไม่กิน 

พอเริ่มมีบารมี แหนมจะให้เขาลาออกมาเล่นการเมือง เลือกพรรคดีๆ ก็ได้เป็นรัฐบาลอยู่ไปนานๆ แหนมก็จะได้เป็นคุณหญิง...”

สีรุ้งฟังเนตรนภัสเหวอๆ แล้วค่อยๆ กลายเป็นเครียดกับความคิดฟุ้งไปไกลของลูกสาว ถามว่าไปบงการชีวิตเขาแบบนี้มันจะดีหรือ ชีวิตคู่มันต้องเดินไปด้วยกันนะ

“แต่วัชเขาไม่ใช่คนฉลาดขนาดจะคิดเองได้นะคะแม่ ถ้าเขาไม่ได้เมียอย่างแหนมไม่มีทางเจริญหรอกค่ะ เขาต้องดีใจที่แหนมอยากแต่งงานด้วย” พูดแล้วรบเร้าแกมบังคับแม่ว่า “และคุณแม่จะต้องบังคับให้เขาแต่งงานกับแหนมให้ได้”

สีรุ้งเกือบเป็นลมไปหลายครั้งกับแผนการของเนตรนภัส พอฟังจบถามเหวอๆว่า

“หะ...แม่เนี่ยนะ??”

ooooooo

ขณะที่วัชระปลีกตัวไปนอนหลับที่โซฟาล็อบบี้โรงแรม เขาหลับสนิท หลับลึกอย่างมีความสุข โดยหารู้ไม่ว่าเพชฌฆาตเงียบกำลังคืบคลานเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นเรียกหลายครั้งจากปลายสายที่ใช้เบอร์พิเศษ โทรศัพท์สั่นเรียกแล้วเรียกอีก วัชระก็ยังหลับปุ๋ยอยู่

เป็นสายจากสุพรรณิการ์ คู่กรณีที่เขาขับรถชนสะโพกเธอนั่นเอง!

สุพรรณิการ์กระแทกนามบัตรของวัชระลงอย่างแรงแล้วก็ร้องออกมา เพราะเจ็บมือที่ทุบรถของเขาวันก่อน ครั้นกระแทกลงนั่งก็สะดุ้งกุมสะโพกหน้าบิดเบี้ยวเจ็บรอยช้ำที่ถูกวัชระชนวันก่อน เลยพาลโมโหยิ่งขึ้น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบ่นด่าไปตามเรื่องว่า

“อีตาตำรวจบ้า ทำให้ฉันต้องเจ็บตัว คอยดูนะถ้าตามตัวเจอเมื่อไหร่เจอชุดใหญ่แน่”

ooooooo

กริชชัยอยู่ในห้องประชุมพร้อมด้วยเบญลี่และอรุณศรี มีทีมงานของโรงแรมร่วมประชุมเพื่อเตรียมงานด้วย

เขาบรรยายการจัดงานว่า “เดือนหน้าผมจะจัดทริปพิเศษพาลูกค้าวีไอพีมาลองรถใหม่ เมื่อเช้าผมลองเส้นทางจากกรุงเทพฯมาที่นี่แล้ว พอใจมาก เราจะใช้เส้นทางนี้ และให้ลูกค้ามาพักที่นี่หนึ่งคืน ลูกค้าของเราชุดนี้เป็นระดับ วีไอพี ผมขอการต้อนรับที่ดีที่สุดในทุกๆด้าน”

ผู้จัดการโรงแรมให้ความมั่นใจว่ายินดีอำนวยความสะดวกทุกอย่าง กริชชัยขอบคุณ จากนั้น เบญลี่มอบหมายให้อรุณศรีเป็นฝ่ายจัดการเรื่องกิจกรรมสันทนาการตอนกลางคืน โดยให้อรุณศรีประสานกับทางโรงแรมโดยตรง

“หลังจากประชุมแล้ว แอ๊วจะขอสำรวจรอบโรงแรมดูว่าเราจะทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง” อรุณศรีเสนอ

“ผมไปด้วย” กริชชัยเผลอตัวรีบเสนอ ทุกคนหันมองทำให้เขาชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ยังเก๊กหน้าขรึมชี้แจงว่า “คือ...ผมก็อยากสำรวจรอบๆโรงแรมอยู่พอดี จะได้ไปพร้อมกันทีเดียวเลย”

เบญลี่ขอไปด้วยอ้างว่าเพื่อช่วยจด ถูกกริชชัยเบรกว่าให้อรุณศรีจดแทนก็ได้ ตนไปกับอรุณศรีแค่สองคนได้ไม่เป็นไร ทำให้เบญลี่จำต้องโอเค บอกอรุณศรีว่ามีอะไรก็ให้จดแทนตนด้วยก็แล้วกัน อรุณศรีจำต้องตอบรับทั้งที่รู้สึกอึดอัดใจ

กริชชัยทำเป็นหันมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตื่นเต้นจนกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

ooooooo

ลำเภาสั่งป้าเจียมที่เป็นแม่บ้านให้ดูแลกริชชัยระหว่างอยู่ที่นี่ ทั้งเรื่องห้องนอนและเสื้อผ้าแล้วเธอก็เข้าไปดูในห้องอย่างใส่ใจ ทำให้ได้เห็นรูปของกริชชัย ธีธัช และวัชระที่ถ่ายร่วมกัน ดูรูปแล้วชมธีธัชว่าหน้าตาดีกว่าวันที่มุดรั้วเข้ามา แต่ใจเสาะเกินไป

จนไปเจอรูปผู้หญิงที่อยู่บนขาตั้ง เธอดูรูปอย่างพินิจ พิจารณาแล้วพึมพำ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

ลำเภาเข้าไปดูรูปใกล้ๆอย่างสนใจ ติดใจ อยากรู้มาก...

ooooooo

อรุณศรีไปสำรวจสถานที่รอบโรงแรม ทีแรกเมื่อได้เห็นบรรยากาศร่มรื่นก็เผลอตัวสูดอากาศเต็มปอดอย่างสดชื่น แต่พอเห็นกริชชัยเดินตามมาเธอก็เกร็งขึ้นมา รีบทำเป็นเอาสมุดมาเตรียมจด 

กริชชัยพยายามซักถามชวนคุยอย่างกันเอง แต่เธอก็คุยด้วยอย่างระวังตัว ผิดกับกริชชัยที่เดินสำรวจไปรอบๆอย่างมีความสุข

แล้วอรุณศรีก็ยิ่งเกร็งและเครียด เมื่อเห็นธีธัชแอบดูตนอยู่ แต่พอเธอมองไปก็หลบแว้บ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอสะดุดใจและทนไม่ได้ เมื่อเห็นสภาพแบบเดียวกันนี้อีกเป็นครั้งที่ 3 เธอเครียดขึ้นมาจนกริชชัยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

อรุณศรีตัดสินใจพูดตามตรงว่า ตนไม่มีอะไร แต่เชื่อว่าเพื่อนเขามีแน่ เมื่อกริชชัยทำหน้างง เธอระบุว่า

“คุณธีธัช...ฉันว่าเขาไม่พอใจที่ฉันอยู่ใกล้คุณมากเกินไป” เห็นกริชชัยทำหน้างงปนตกใจ อรุณศรีพูดชัดขึ้นอีกว่า “คุณอย่าเพิ่งหันตอนนี้นะ รอให้ฉันพูดจบแล้วค่อยๆหันไปทางล็อบบี้ เพื่อนคุณแอบมองเราอยู่ แล้วเขาก็แอบมองตลอดเวลาที่คุณเดินสำรวจพื้นที่กับฉัน”

กริชชัยขมวดคิ้วแล้วค่อยๆหันไปทางล็อบบี้ เห็นธีธัชอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่ธีธัชกลับทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือ แต่ทำไม่เนียน จนกริชชัยทำเสียงคำรามเบาๆในคออย่างรู้ทัน

“ไอ้ธี...”

อรุณศรีพูดต่ออย่างมั่นใจว่า “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ฉันกลัวว่าเพื่อนคุณจะเข้าใจผิด คือ...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะคะ ตรงๆเลยแล้วกัน ฉันไม่อยากโดนตบ”

กริชชัยยิ่งฟังก็ยิ่งงง อรุณศรีโพล่งออกไปอย่างชัดเจนว่า “ก็พวกคุณรักแรงหึงแรงนี่คะ...”

“เฮ้ย...” กริชชัยร้องอย่างตกใจมาก

“เขาคงไม่พอใจ ฉันไม่เคยมีปัญหานะคะ เอาเป็นว่า ถ้าคุณไม่ชวนเขามาสำรวจด้วยกัน คุณก็ปล่อยฉันสำรวจคนเดียวดีกว่าค่ะ”

พูดแล้วอรุณศรีเดินเลี่ยงไป ทิ้งให้กริชชัยยืนงง นึกเคืองธีธัช ค่อยๆหันมองไปทางล็อบบี้ คำรามในลำคอ

“ไอ้ธี...”