รับสกรีนเสื้อ ทุกชนิด งานส่งประตูน้ำ แพทติน่ำ่ โดยช่างมืออาชีพ สนใจติดต่อ ป่อง 0802591675
เพ้นท์เสื้อขาย( ้hands made shirt )Pages
Wednesday, August 24, 2011
รับทำ แพทเเทิร์นเสื้อ งานประตูนน้ำ โดยช่างมืออาชีพ สมุทรปราการ
รับทำ แพทเเทิร์นเสื้อ งานประตูนน้ำ โดยช่างมืออาชีพ
ถ้าหากท่านมองหาช่าง ทำแพทเทิร์นฝี มือดีงานละ เอียด สามารส ใว้ใจได้สักคน เพื่อรองรับการทำเสื้อส่งประตูน้ำ แพทตินั้ม โทรมาคุยกับเราก่อน ป่อง 0802591675
ท่านจะไม่ใช่หมูให้เขาเชือด แน่นอน
-แพทเทิร์นที่ทำด้วยกระดาษทิชชู่
เส้นสายสัญลักษณ์ต่างๆบนกระดาษแพทเิทิร์นมีความหมายทั้งสิ้น
1.เส้นเกรนผ้า (grainline) เราจะเรียกริมผ้าด้านที่ไม่ลุ่ยว่า ผ้าตามยาว
ปกติแล้วเราจะวางแพทเทิร์นให้เส้นเกรน ขนานไปตามริมผ้าตามยาวด้าน
ที่ไม่ลุ่ยนี้ นอกจากเขาจะสั่งเป็นพิเศษให้วางผ้าตามขวาง หรือ
วางผ้าทแยงมุมเราจึงจะทำตาม
2.รอยตัดตามไซด์ต่างๆ (cutting line) เช่นไซด์ใหญ่สุดจะใช้เส้นทึบ
ไซด์เล็กลงมาใช้เส้นไข่ปลา เส้นพวกนี้มีความหนาของมันอยู่ ขอให้ผู้ใช้แพทเทิร์น
ตัดกระดาษเข้าไปในด้านในของเส้นเลย พูดง่ายๆคือตัดเส้นทิ้งไม่ให้เหลือหมึกพิมพ์
ถ้าตัดนอกเส้นจะมีผลต่อไซด์เล็กน้อย
แพทเทิร์นสำเร็จบางบริษัทโดยเฉพาะของอเมริกาจะรวมความกว้าง
ของตะเข็บไว้แล้ว 5/8 นิ้ว หรือ 1.50 ซม.
ส่วนใหญ่แล้วแพทเทิร์นจากยุโรปจะไม่เผื่อตะเข็บให้ เราต้องวัดและวาดใส่เข้าไปเองที่เขาทำเช่นนั้นเพื่อความสะดวก
ระหว่างการแก้ไขแพทเทิร์น
3.เส้นสำหรับปรับเปลี่ยนแก้ไขแพทเทิร์น (adjustment line)
สังเกตุง่ายๆว่าเป็นเส้นคู่ขนาน ถ้าเป็นเสื้อ ส่วนมากจะอยู่เหนือเอว
เพื่อหดหรือยืดแพทเทิร์นให้เหมาะสมกับ ความยาวจากปุ่มคอ ถึง เอว
บนแพทเทิร์นกางเกง หรือ กระโปรง ก็จะมีเส้นนี้เหมือนกันเพื่อพับ
ให้แพทเทิร์นสั้นลง หรือ ตัดต่อกระดาษให้แพทเทิร์นยาวขึ้น
4. เส้นกลางหน้า กลางหลัง (center front / center back lines) คือเส้นกึ่งกลางตัวมีความสำคัญต่อการวางผ้า และ
การหาจุดวางกระดุม/รังดุม
5. ตำแหน่งทบผ้า (fold line) จะได้ใช้ในช่วงของการเย็บผ้า
ควบคู่ไปกับการรีดผ้า เช่นบริเวณสาบเสื้อกลางตัว
6.ต่ำแหน่ง กระดุม และ รังดุม (buttons / buttonholes) ปกติแล้วเขาจะให้ตำแหน่งรังดุม/กระดุมมาสำหรับไซด์เล็กที่สุด
ไซด์อื่นที่ใหญ่กว่าจะต้องคำนวณเองจาก เม็ดกระดุม/รังดุม อันแรก
7.สัญลักษณ์ วงกลมแล้วมีกากะบาทข้างใน หมายถึง ตำแหน่งของจุดอก
(bust point, apex) เส้นเอว และ เส้นสะโพก
8.สัญลักษณ์วงเล็บสี่เหลี่ยมที่ด้านในเขียนว่า Fold ถ้าเป็นกระโปรงมักอยู่ตรงเส้นกลางหน้า กลางหลัง
แสดงว่าเราจะวางแพทเทิร์นนี้บนสันทบของผ้าก่อนตัด
9.เครื่องหมายสามเหลี่ยมเล็กๆที่อยู่บนเส้นรอยตัด (cutting line) มีความสำคัญในขณะเย็บเราจะประกบ
ตำแหน่งสามเหลี่ยมนี้เข้าด้วยกัน แล้วจับตะเข็บเย็บ
เวลาตัดกระดาษเราจะตัดสามเหลี่ยมให้เว้าเข้าไป เวลาเราตัดผ้าเราจะขลิบเส้นตรงนิดหน่อยเข้าไปบน
ตะเข็บผ้าด้วย
10.สัญลักษณ์พวก สามเหลี่ยม วงกลม เล็กๆ (แล้วแต่บริษัทจะใช้แบบไหน)ที่วางอยู่บริเวณต่างๆ
มีความหมายในขณะเย็บมาก เป็นการบ่งบอกว่า ตรงจุดไหนควรจะประกบพอดีกับจุดไหน เช่น
วงกลมเล็กๆบนเกล็ดกระโปรง (dart)หรือไม่ก็เป็นตัว
บ่งระยะ เช่นว่า ระหว่างสองจุดนี้ให้เย็บรูด จับจีบ ฯลฯ
11.ตำแหน่งวางซิป (zipper placement)
ก็จะใช้สัญลักษณ์พวกกลมๆเล็กๆเช่นกัน
12.เส้นความยาวเสื้อ กางเกง กระโปรง (hem line) ส่วนมากแพทเทิร์นจะเผื่อตะเข็บ
ให้เหมาะสมไว้แล้ว ถ้าเราไม่ชอบก็ปรับเปลี่ยนได้
13.ชื่อ โค้ด ไซด์ และ เลขที่ ของแพทเทิร์น เช่น front A เลขที่ 1 หมายถึง ชิ้นหน้า แบบ A(บางครั้งแพทเทิร์นเดียวกันสามารถเลือกใช้ได้
หลายดีไซด์ view A , view B, view C ) นอกจากนี้ยังมีคำสั่งว่า ให้ตัดผ้าจริงกี่ชิ้น ผ้าซับในกี่ชิ้น บนสันทบหรือไม่
นับว่าส่วนนี้มีประโยชน์มากต่อการวางผ้า
ตัดผ้า และ การเก็บรักษาแพทเทิร์น
การเผื่อหลวม (ease) หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยถึงศัพย์คำนี้ของการตัดเย็บเสื้อผ้า
เสื้อผ้าที่เราใส่นั้นมีการเผื่อหลวมเพื่อการเคลื่อนไหว ความสบาย แม้แต่แม่เสื้อ (sloper)
ที่นักเรียนเรียนเป็นตัวแรกนั้นก็ยังมีการเผื่อหลวมไว้
นิดหน่อย ไม่ได้รัดตัวแน่นแบบหายใจไม่ออก
แล้วดีไซด์เนอร์ก็จะมาใส่การเผื่อหลวม (designer ease) เพิ่ม
ขึ้นอีกแล้วแต่สไตล์เสื้อผ้านั้นๆ แต่ก็มีเหมือนกันที่ไม่มีการเผื่อหลวมเลย เช่นเสื้อเกาะอก
เสื้อที่มีเชือกผ้าผูกคอ (halter) เสื้อบางตัวจะมี negative ease ด้วยซ้ำ เช่นเสื้อยืดรัดรูป
จะตัดมาให้เล็กกว่าตัวคนใส่
รสนิยมของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆสบายๆ บางคนชอบใส่
เสื้อผ้าที่ฟิตตัวหน่อย แผ่นปกหลังของซองแพทเทิร์น ส่วนที่ 2 ที่ดิฉันอธิบายไว้ข้างต้น
จะบ่งบอกเรื่องนี้ไว้เป็นนัยๆ ถ้าคุณเจอคำดังต่อไปนี้ คุณก็สามารถจินตนาการได้ว่าเสื้อ หรือ
กระโปรง/กางเกง แบบนั้นจะออกมาในลักษณะไหน
close-fitting เสื้อผ้ารัดรูป เช่นชุดเกาะอก ชุดแต่งงาน
fitted เสื้อผ้าพอดีตัว เช่น ชุดกระโปรงเข้ารูป เขาจะเผื่อหลวมไว้ 3-4 นิ้ว
semi-fitted เสื้อผ้าเคลือๆตัว อย่างเสื้อจะเผื่อหลวมไว้ เกือบๆ 5 นิ้ว
loose-fitting เสื้อผ้าหลวมๆ เสื้อเผื่อหลวมไว้ไม่เกิน 8 นิ้ว
very losse-fitting เสื้อผ้าหลวมมากๆ เผื่อหลวมไว้มากว่า 10 นิ้ว
ปกติแล้วเขาจะพิมพ์ไซด์หลายๆไซด์บนแพทเทิร์นเดียวกัน เช่น
8-10-12 ซึ่งทำให้เราสามารถแก้ไซด์แพทเทิร์นได้ง่าย
ถ้าเรามีช่วงอกไซด์ 8 เอวไซด์ 12 สะโพกไซด์ 10 เราก็สามารถใช้ดินสอเบลนเส้นต่างๆให้เข้ากับรูปร่างเราได้
(เบลน แปลว่า ทำให้กลมกลืน)
ถ้าผู้ใส่มีแผ่นหลังใหญ่ ก้นใหญ่ ก็ยังสามารถใช้แพทเทิร์นชิ้นหน้าของ
ไซด์ 8 แล้วใช้แพทเทิร์นแผ่นหลังของไซด์ 12 มาปรับให้เข้ากันได้ ดิฉันจะเขียนถึงวิธีการแก้ไขแพทเทิร์นในคราวต่อไป
แม้ว่าเราอาจชอบส่วนปกของแบบในซองหนึ่งแต่เราอาจจะไม่ชอบส่วนแขน
ของมัน เราก็ยังสามารถดึงเอาแขนจากซองอื่นมาใช้ร่วมกันได้ด้วย แต่ก็ต้องมี
การตรวจวัดรอบวงแขน และส่วนโค้งแขนเสื้อก่อน
ปกติแล้วในบ้านเรา ถ้าใครสักคนอยากจะตัดเสื้อผ้าใส่เอง คนนั้นจะต้องมีความรู้เรื่องการสร้างแพทเทิร์นเป็นอันดับแรก ซึ่งส่วนมากก็ต้องไปเรียน
ในสถานศึกษาเป็นเรื่องเป็นราว บ้างก็ตั้งใจเรียนจนจบ บ้างก็ท้อถอยตั้งแต่เดือนแรกๆ
เพราะการเรียนสร้างแพทเทิร์นไม่ใช่ของง่ายๆเลย ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เลิกเรียนเสียกลาง
คันทิ้งค่าเรียนเป็นหมื่นๆเพราะยิ่งเรียนยิ่งยากและไม่สามารถนำ
ไปใช้ได้สักที
เมื่อ 1998 ผู้เขียนโยกย้ายถิ่นฐานมาอยู่ต่างประเทศ ได้เห็นแพทเทิร์นสำเร็จรูปของ เสื้อผ้าทั้งบุรุษ สตรี เด็ก ของตกแต่งบ้าน เช่น ผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียง กระเป๋าผ้า มีแม้กระทั่งแพทเทิร์นเสื้อผ้าตุ๊กตาออกวางขายในร้านขายผ้า ความรู้สึกแรกคือ ตื่นเต้น มันแปลกใจ แปลกตาไปหมด เป็นอะไรที่เปลี่ยนโลกทัศน์ของการเย็บผ้าไปเลย ที่แปลกใจเพราะว่าผู้เขียนไม่เข้าใจว่าเขาสามารถทำแพทเทิร์น
ให้เข้ากับคนเป็นล้านๆคนซึ่งรูปร่างไม่เท่ากันสัก
คน ได้อย่างไร เห็นดังนั้นก็ต้องทดลองกันหน่อย วิธีการซื้อก็ง่ายๆ แค่เปิดแคทตาล๊อคเลือกแบบ ส่วนมากร้านขายผ้าจะรับแพทเทิร์นของบริษัท แมคคอล บัทเตอร์ริค ซิมพลิซิตี้ และ โวค มาขายซึ่งตอนนี้ได้รวมเป็นบริษัทเดียวกันแล้ว คนอเมริกันจะแอบเรียกว่า Big 4
เมื่อเลือกได้แบบที่พอใจแล้วต่อมาก็เลือกขนาดที่เหมาะกับผู้ใส่ ตรงนี้แหละที่เกิดเป็น
ปัญหา เพราะไม่รู้จะเลือกขนาดไหนดี ในเมื่อคนขาย และ คนที่ผู้เขียนรู้จักก็ไม่ได้เย็บเสื้อผ้าใส่เอง เมื่อดูขนาดที่เขาบอกบนซองและเทียบกับรูปร่าง
ตัวเองเท่าที่จำได้แล้ว ผู้เขียนก็คว้าไซด์ 12 มาเลย เสื้อที่ตัดด้วยไซด์ 12 ก็เป็นอันว่าใส่
ไม่ได้มันใหญ่เกินไป แต่กระนั้นก็ไม่คิดว่าต่อไปจะซื้อไซด์เล็กลง หรือนำแพทเทิร์นไซด์
12 มาลดขนาด ผู้เขียนสรุปลงไปเลยว่าแพทเทิร์นสำเร็จรูปมันไม่เข้าท่า มันทำให้ใหญ่ๆเข้าว่ากะว่าใครๆก็้ใส่ได้ถ้าใครอยากได้เสื้อ
เข้ากับรูปร่างดีๆต้องสร้างแพทเทิร์นเอง
ผู้เขียนจึงกลับมาง้อการสร้างแพทเทิร์นเองอีกโดยอ้างอิง
จากสมุดจดที่อาจารย์บังคับให้จดและทำแพทเทิร์นตัวย่ออย่างดี แต่ความที่เรียนไปแค่แพทเทิร์นแม่แบบ
และไม่รู้ว่าจะใช้แพทเทิร์นแม่แบบมาทำอะไรได้บ้าง ก็เป็นอันว่าไม่ประสบผลสำเร็จอีก
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ผู้เขียนได้ลงทะเบียน
เรียนการตัดเย็บเสื้อแจ็คเก็ตอาจารย์ผู้สอนได้วัดตัวผู้เขียน
และบอกว่าขนาดตัวนี้ต้องใช้ไซด์ 8 เสียเวลาไป 8-9 ปีเต็มๆถึงเพิ่งจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนจะถ่ายทอดให้ผู้อ่าน
ที่สนใจในกระทู้นี้
ถ้าหากท่านมองหาช่าง ทำแพทเทิร์นฝี มือดีงานละ เอียด สามารส ใว้ใจได้สักคน เพื่อรองรับการทำเสื้อส่งประตูน้ำ แพทตินั้ม โทรมาคุยกับเราก่อน ป่อง 0802591675
ท่านจะไม่ใช่หมูให้เขาเชือด แน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เป็นบทความที่ยอดเยี่ยมใช่มั๊ยละ
มีข้อมูลเท่านี้คุณก็สามารถเลือกแพทเทิร์นที่ถูกไซด์มาใช้ได้
แล้วค่ะ เรื่องต่อไปมันจะเป็นเรื่องของการแก้ไขแพทเทิร์น
ซึ่งไม่มีใครชอบแต่ก็ต้องทำเพราะใครเล่าจะหุ่นได้มาตรฐานเขา
เด๊ะๆ พอแก้ไขแพทเทิร์นแล้วก็จะเป็นการวางผ้า ตัดผ้า ส่วน
การเย็บนั้นต้องให้ไปอ่านวิธีทำเอง เขาแถมมากับแพทเทิร์นค่ะ
ปล. เครดิตหนังสือที่ใช้อ้างอิงคือ Vogue Sewing
แล้วค่ะ เรื่องต่อไปมันจะเป็นเรื่องของการแก้ไขแพทเทิร์น
ซึ่งไม่มีใครชอบแต่ก็ต้องทำเพราะใครเล่าจะหุ่นได้มาตรฐานเขา
เด๊ะๆ พอแก้ไขแพทเทิร์นแล้วก็จะเป็นการวางผ้า ตัดผ้า ส่วน
การเย็บนั้นต้องให้ไปอ่านวิธีทำเอง เขาแถมมากับแพทเทิร์นค่ะ
ปล. เครดิตหนังสือที่ใช้อ้างอิงคือ Vogue Sewing
7.ในซองมีอะไรอยู่บ้าง
-แพทเทิร์นที่ทำด้วยกระดาษทิชชู่
เส้นสายสัญลักษณ์ต่างๆบนกระดาษแพทเิทิร์นมีความหมายทั้งสิ้น
1.เส้นเกรนผ้า (grainline) เราจะเรียกริมผ้าด้านที่ไม่ลุ่ยว่า ผ้าตามยาว
ปกติแล้วเราจะวางแพทเทิร์นให้เส้นเกรน ขนานไปตามริมผ้าตามยาวด้าน
ที่ไม่ลุ่ยนี้ นอกจากเขาจะสั่งเป็นพิเศษให้วางผ้าตามขวาง หรือ
วางผ้าทแยงมุมเราจึงจะทำตาม
2.รอยตัดตามไซด์ต่างๆ (cutting line) เช่นไซด์ใหญ่สุดจะใช้เส้นทึบ
ไซด์เล็กลงมาใช้เส้นไข่ปลา เส้นพวกนี้มีความหนาของมันอยู่ ขอให้ผู้ใช้แพทเทิร์น
ตัดกระดาษเข้าไปในด้านในของเส้นเลย พูดง่ายๆคือตัดเส้นทิ้งไม่ให้เหลือหมึกพิมพ์
ถ้าตัดนอกเส้นจะมีผลต่อไซด์เล็กน้อย
แพทเทิร์นสำเร็จบางบริษัทโดยเฉพาะของอเมริกาจะรวมความกว้าง
ของตะเข็บไว้แล้ว 5/8 นิ้ว หรือ 1.50 ซม.
ส่วนใหญ่แล้วแพทเทิร์นจากยุโรปจะไม่เผื่อตะเข็บให้ เราต้องวัดและวาดใส่เข้าไปเองที่เขาทำเช่นนั้นเพื่อความสะดวก
ระหว่างการแก้ไขแพทเทิร์น
3.เส้นสำหรับปรับเปลี่ยนแก้ไขแพทเทิร์น (adjustment line)
สังเกตุง่ายๆว่าเป็นเส้นคู่ขนาน ถ้าเป็นเสื้อ ส่วนมากจะอยู่เหนือเอว
เพื่อหดหรือยืดแพทเทิร์นให้เหมาะสมกับ ความยาวจากปุ่มคอ ถึง เอว
บนแพทเทิร์นกางเกง หรือ กระโปรง ก็จะมีเส้นนี้เหมือนกันเพื่อพับ
ให้แพทเทิร์นสั้นลง หรือ ตัดต่อกระดาษให้แพทเทิร์นยาวขึ้น
4. เส้นกลางหน้า กลางหลัง (center front / center back lines) คือเส้นกึ่งกลางตัวมีความสำคัญต่อการวางผ้า และ
การหาจุดวางกระดุม/รังดุม
5. ตำแหน่งทบผ้า (fold line) จะได้ใช้ในช่วงของการเย็บผ้า
ควบคู่ไปกับการรีดผ้า เช่นบริเวณสาบเสื้อกลางตัว
6.ต่ำแหน่ง กระดุม และ รังดุม (buttons / buttonholes) ปกติแล้วเขาจะให้ตำแหน่งรังดุม/กระดุมมาสำหรับไซด์เล็กที่สุด
ไซด์อื่นที่ใหญ่กว่าจะต้องคำนวณเองจาก เม็ดกระดุม/รังดุม อันแรก
7.สัญลักษณ์ วงกลมแล้วมีกากะบาทข้างใน หมายถึง ตำแหน่งของจุดอก
(bust point, apex) เส้นเอว และ เส้นสะโพก
8.สัญลักษณ์วงเล็บสี่เหลี่ยมที่ด้านในเขียนว่า Fold ถ้าเป็นกระโปรงมักอยู่ตรงเส้นกลางหน้า กลางหลัง
แสดงว่าเราจะวางแพทเทิร์นนี้บนสันทบของผ้าก่อนตัด
9.เครื่องหมายสามเหลี่ยมเล็กๆที่อยู่บนเส้นรอยตัด (cutting line) มีความสำคัญในขณะเย็บเราจะประกบ
ตำแหน่งสามเหลี่ยมนี้เข้าด้วยกัน แล้วจับตะเข็บเย็บ
เวลาตัดกระดาษเราจะตัดสามเหลี่ยมให้เว้าเข้าไป เวลาเราตัดผ้าเราจะขลิบเส้นตรงนิดหน่อยเข้าไปบน
ตะเข็บผ้าด้วย
10.สัญลักษณ์พวก สามเหลี่ยม วงกลม เล็กๆ (แล้วแต่บริษัทจะใช้แบบไหน)ที่วางอยู่บริเวณต่างๆ
มีความหมายในขณะเย็บมาก เป็นการบ่งบอกว่า ตรงจุดไหนควรจะประกบพอดีกับจุดไหน เช่น
วงกลมเล็กๆบนเกล็ดกระโปรง (dart)หรือไม่ก็เป็นตัว
บ่งระยะ เช่นว่า ระหว่างสองจุดนี้ให้เย็บรูด จับจีบ ฯลฯ
11.ตำแหน่งวางซิป (zipper placement)
ก็จะใช้สัญลักษณ์พวกกลมๆเล็กๆเช่นกัน
12.เส้นความยาวเสื้อ กางเกง กระโปรง (hem line) ส่วนมากแพทเทิร์นจะเผื่อตะเข็บ
ให้เหมาะสมไว้แล้ว ถ้าเราไม่ชอบก็ปรับเปลี่ยนได้
13.ชื่อ โค้ด ไซด์ และ เลขที่ ของแพทเทิร์น เช่น front A เลขที่ 1 หมายถึง ชิ้นหน้า แบบ A(บางครั้งแพทเทิร์นเดียวกันสามารถเลือกใช้ได้
หลายดีไซด์ view A , view B, view C ) นอกจากนี้ยังมีคำสั่งว่า ให้ตัดผ้าจริงกี่ชิ้น ผ้าซับในกี่ชิ้น บนสันทบหรือไม่
นับว่าส่วนนี้มีประโยชน์มากต่อการวางผ้า
ตัดผ้า และ การเก็บรักษาแพทเทิร์น
6. การเผื่อหลวม
การเผื่อหลวม (ease) หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยถึงศัพย์คำนี้ของการตัดเย็บเสื้อผ้า
เสื้อผ้าที่เราใส่นั้นมีการเผื่อหลวมเพื่อการเคลื่อนไหว ความสบาย แม้แต่แม่เสื้อ (sloper)
ที่นักเรียนเรียนเป็นตัวแรกนั้นก็ยังมีการเผื่อหลวมไว้
นิดหน่อย ไม่ได้รัดตัวแน่นแบบหายใจไม่ออก
แล้วดีไซด์เนอร์ก็จะมาใส่การเผื่อหลวม (designer ease) เพิ่ม
ขึ้นอีกแล้วแต่สไตล์เสื้อผ้านั้นๆ แต่ก็มีเหมือนกันที่ไม่มีการเผื่อหลวมเลย เช่นเสื้อเกาะอก
เสื้อที่มีเชือกผ้าผูกคอ (halter) เสื้อบางตัวจะมี negative ease ด้วยซ้ำ เช่นเสื้อยืดรัดรูป
จะตัดมาให้เล็กกว่าตัวคนใส่
รสนิยมของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆสบายๆ บางคนชอบใส่
เสื้อผ้าที่ฟิตตัวหน่อย แผ่นปกหลังของซองแพทเทิร์น ส่วนที่ 2 ที่ดิฉันอธิบายไว้ข้างต้น
จะบ่งบอกเรื่องนี้ไว้เป็นนัยๆ ถ้าคุณเจอคำดังต่อไปนี้ คุณก็สามารถจินตนาการได้ว่าเสื้อ หรือ
กระโปรง/กางเกง แบบนั้นจะออกมาในลักษณะไหน
close-fitting เสื้อผ้ารัดรูป เช่นชุดเกาะอก ชุดแต่งงาน
fitted เสื้อผ้าพอดีตัว เช่น ชุดกระโปรงเข้ารูป เขาจะเผื่อหลวมไว้ 3-4 นิ้ว
semi-fitted เสื้อผ้าเคลือๆตัว อย่างเสื้อจะเผื่อหลวมไว้ เกือบๆ 5 นิ้ว
loose-fitting เสื้อผ้าหลวมๆ เสื้อเผื่อหลวมไว้ไม่เกิน 8 นิ้ว
very losse-fitting เสื้อผ้าหลวมมากๆ เผื่อหลวมไว้มากว่า 10 นิ้ว
5. เทคนิคการใช้แพทเทิร์นหลายๆไซด์ที่มาในซองเดียวกัน หรือ ผสมกับซองอื่น
ปกติแล้วเขาจะพิมพ์ไซด์หลายๆไซด์บนแพทเทิร์นเดียวกัน เช่น
8-10-12 ซึ่งทำให้เราสามารถแก้ไซด์แพทเทิร์นได้ง่าย
ถ้าเรามีช่วงอกไซด์ 8 เอวไซด์ 12 สะโพกไซด์ 10 เราก็สามารถใช้ดินสอเบลนเส้นต่างๆให้เข้ากับรูปร่างเราได้
(เบลน แปลว่า ทำให้กลมกลืน)
ถ้าผู้ใส่มีแผ่นหลังใหญ่ ก้นใหญ่ ก็ยังสามารถใช้แพทเทิร์นชิ้นหน้าของ
ไซด์ 8 แล้วใช้แพทเทิร์นแผ่นหลังของไซด์ 12 มาปรับให้เข้ากันได้ ดิฉันจะเขียนถึงวิธีการแก้ไขแพทเทิร์นในคราวต่อไป
แม้ว่าเราอาจชอบส่วนปกของแบบในซองหนึ่งแต่เราอาจจะไม่ชอบส่วนแขน
ของมัน เราก็ยังสามารถดึงเอาแขนจากซองอื่นมาใช้ร่วมกันได้ด้วย แต่ก็ต้องมี
การตรวจวัดรอบวงแขน และส่วนโค้งแขนเสื้อก่อน
4. การเลือกขนาด/ไซด์
การเลือกขนาด/ไซด์ (ดูรูปจากหัวข้อ 2 เลขกำกับที่ 3)
ก่อนอื่นเราต้องมีขนาด รอบอกสูง (chest) รอบอก (bust) เอว (waist) และ สะโพก (hip) ทั้งหลักนิ้ว
และ หลักเซ็นติเมตร อยู่ในกระเป๋าสตางค์ก่อน
-แพทเทิร์นเสื้อสตรี รวมทั้ง กระโปรงชุด เสื้อชนิดต่างๆ แจ็กเก็ต เสื้อโค้ท
หาคัพ (cup) ของตัวเอง (เหมือนเสื้อชั้นใน) โดยการเอา รอบอก( bust) - รอบอกสูง (chest)
ถ้าได้ผลต่าง 1 นิ้ว หรือน้อยกว่า ถือว่าอยู่ในคัพ A
ผลต่าง 1 1/4" -2" เท่ากับ คัพ B
ผลต่าง 2 1/4"-3" เท่ากับ คัพ C
ผลต่าง 3 1/4"- 4" เท่ากับ คัพ D
ผลต่าง 4 1/4"หรือมากกว่า ถือว่าคัพใหญ่กว่า D อาจเป็น E
เนื่องจากแพทเทิร์นมาตรฐานนั้นใช้ คัพ B คนที่มีคัพ A หรือ B คุณควรใช้ รอบอก (bust)
ในการเลือกไซด์ไปเลย ถ้าบนซองเขียนว่า รอบอก
30 1/2" ซึ่งตรงกับไซด์ 6 คุณก็ซื้อไซด์ 6
แต่ถ้าคัพของคุณเป็นคัพ C หรือ มากกว่านั้น คุณควรใช้ รอบอกสูง (chest) แทนตัวเลข
รอบอก (bust)ในการเลือกไซด์ เช่น bust 33 chest
30 1/2" ซึ่งเป็นคัพ C คุณควรจะเลือก
แพทเทิร์นไซด์ 6 แทนที่จะใช้ไซด์ 10 หรือ 12 เพราะแพทเทิร์นไซด์ 6 จะฟิตบริเวณ
ไหล่ บ่าหน้า-หลัง คอ มากกว่า ส่วนบริเวณอก เอว สะโพก เราจะแก้แพทเทิร์นให้มัน
เหมาะสมทีหลัง ซึ่งทำง่ายกว่าการแก้แพทเทิร์นบริเวณ ไหล่ บ่าหน้า-หลัง และ คอ
ส่วนผู้ที่ได้ตัวเลขออกมาครึ่งๆกลางๆอยู่ระหว่างไซด์ เช่น
ระหว่าง 6 กับ 8 ให้ถือเอาโครงสร้างกระดูกผู้ใส่เป็นหลัก
ถ้าโครงสร้างคุณเล็กๆบางๆ ก็เลือกใช้ต่ำกว่า คือ 6 ถ้ากระดูกโครงสร้างใหญ่ กระดูกใหญ่ก็เลือกแพทเทิร์น
ไซด์สูงกว่า คือ 8
- แพทเทิร์นกระโปรง กางเกง
ให้ใช้ตัวเลขรอบเอว ของผู้ใส่เป็นหลัก เพราะการแก้แพทเทิร์นบริเวณเอว ขอบเอว
ซึ่งอาจมีลูกเล่นเป็นจีบ พลีต ต่างๆ จะแก้ยากกว่าส่วนสะโพก
เช่น ถ้าผู้ใส่มีรอบเอว 26 1/2" สะโพกแค่ 34 1/2" ก็ควรเลือกไซด์ 12 แทนที่จะเป็นไซด์ 10
อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใส่มีรอบสะโพกที่มากกว่ารอบเอวตั้งแต่ 13 นิ้วขึ้นไป คุณควรจะ
เลือกไซด์ตามรอบสะโพกนั้นๆ แทนที่จะเลือกไซด์ตามรอบเอว แล้วจึงกลับไปแก้
รอบเอวถึงแม้จะทำได้ยากขึ้นก็ตาม
ส่วนใครที่จะตัดชุดคลุมท้อง คุณจะใช้รอบตัวก่อนการตั้งท้องเพื่อไปเลือกไซด์
ส่วนสูงก็มีความหมาย....
ส่วนใหญ่แล้วแพทเทิร์นมาตรฐาน Misses' จะออกแบบมาสำหรับผู้มีส่วนสูง 165-168 ซม
(หน่วยนิ้วก็จะเป็น 5ฟุต5นิ้ว ถึง 5ฟุต 6นิ้ว) ถ้าใครโชคดีที่มีส่วนสูงประมาณนี้ ก็จะ
ไม่ต้องหด หรือ ยืด แพทเทิร์นเลย ช่วงปุ่มคอหลังถึงเอว (back waist length)
และ ช่วงสะโพกสูง-สะโพกต่ำ (hip length)จะพอดิบพอดี แต่ถ้าใครที่เตี้ยกว่านี้จะต้องแก้ไขแพทเทิร์น หรือไม่ก็ต้อง
หาซื้อแพทเทิร์นที่สร้างไว้สำหรับคนมีความสูง
157-163 ซ.ม. ซึ่งเรียกว่า Misses'Petites ซึ่งความยาวจากปุ่มคอหลังถึงเอวของ
แพทเทิร์นของคนตัวเล็กนี้จะสั้นกว่า
ของ Misses' 1 นิ้ว และช่วงสะโพกเล็ก
ถึงสะโพกใหญ่ ก็จะวัดได้แค่ 7 นิ้ว ซึ่งสั้นกว่าของMisses'2" นอกจากนี้ความยาวแขนเสื้อ
ก็จะสั้นลงไปตามสัดส่วนร่างกายด้วย
ถ้าผ่านไปพบแพทเทิร์นสำหรับ Women's / plus size ขอให้ทราบไว้ว่าเขาสร้างมา
เพื่อผู้หญิงที่ท้วม แต่ยังรักษาความสูงมาตรฐาน 165-168 ซม อยู่ แพทเทิร์นพวกนี้
จะมีการเผื่อหลวมมากกว่าปกติ เพื่อความคล่องตัว
ก่อนอื่นเราต้องมีขนาด รอบอกสูง (chest) รอบอก (bust) เอว (waist) และ สะโพก (hip) ทั้งหลักนิ้ว
และ หลักเซ็นติเมตร อยู่ในกระเป๋าสตางค์ก่อน
-แพทเทิร์นเสื้อสตรี รวมทั้ง กระโปรงชุด เสื้อชนิดต่างๆ แจ็กเก็ต เสื้อโค้ท
หาคัพ (cup) ของตัวเอง (เหมือนเสื้อชั้นใน) โดยการเอา รอบอก( bust) - รอบอกสูง (chest)
ถ้าได้ผลต่าง 1 นิ้ว หรือน้อยกว่า ถือว่าอยู่ในคัพ A
ผลต่าง 1 1/4" -2" เท่ากับ คัพ B
ผลต่าง 2 1/4"-3" เท่ากับ คัพ C
ผลต่าง 3 1/4"- 4" เท่ากับ คัพ D
ผลต่าง 4 1/4"หรือมากกว่า ถือว่าคัพใหญ่กว่า D อาจเป็น E
เนื่องจากแพทเทิร์นมาตรฐานนั้นใช้ คัพ B คนที่มีคัพ A หรือ B คุณควรใช้ รอบอก (bust)
ในการเลือกไซด์ไปเลย ถ้าบนซองเขียนว่า รอบอก
30 1/2" ซึ่งตรงกับไซด์ 6 คุณก็ซื้อไซด์ 6
แต่ถ้าคัพของคุณเป็นคัพ C หรือ มากกว่านั้น คุณควรใช้ รอบอกสูง (chest) แทนตัวเลข
รอบอก (bust)ในการเลือกไซด์ เช่น bust 33 chest
30 1/2" ซึ่งเป็นคัพ C คุณควรจะเลือก
แพทเทิร์นไซด์ 6 แทนที่จะใช้ไซด์ 10 หรือ 12 เพราะแพทเทิร์นไซด์ 6 จะฟิตบริเวณ
ไหล่ บ่าหน้า-หลัง คอ มากกว่า ส่วนบริเวณอก เอว สะโพก เราจะแก้แพทเทิร์นให้มัน
เหมาะสมทีหลัง ซึ่งทำง่ายกว่าการแก้แพทเทิร์นบริเวณ ไหล่ บ่าหน้า-หลัง และ คอ
ส่วนผู้ที่ได้ตัวเลขออกมาครึ่งๆกลางๆอยู่ระหว่างไซด์ เช่น
ระหว่าง 6 กับ 8 ให้ถือเอาโครงสร้างกระดูกผู้ใส่เป็นหลัก
ถ้าโครงสร้างคุณเล็กๆบางๆ ก็เลือกใช้ต่ำกว่า คือ 6 ถ้ากระดูกโครงสร้างใหญ่ กระดูกใหญ่ก็เลือกแพทเทิร์น
ไซด์สูงกว่า คือ 8
- แพทเทิร์นกระโปรง กางเกง
ให้ใช้ตัวเลขรอบเอว ของผู้ใส่เป็นหลัก เพราะการแก้แพทเทิร์นบริเวณเอว ขอบเอว
ซึ่งอาจมีลูกเล่นเป็นจีบ พลีต ต่างๆ จะแก้ยากกว่าส่วนสะโพก
เช่น ถ้าผู้ใส่มีรอบเอว 26 1/2" สะโพกแค่ 34 1/2" ก็ควรเลือกไซด์ 12 แทนที่จะเป็นไซด์ 10
อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใส่มีรอบสะโพกที่มากกว่ารอบเอวตั้งแต่ 13 นิ้วขึ้นไป คุณควรจะ
เลือกไซด์ตามรอบสะโพกนั้นๆ แทนที่จะเลือกไซด์ตามรอบเอว แล้วจึงกลับไปแก้
รอบเอวถึงแม้จะทำได้ยากขึ้นก็ตาม
ส่วนใครที่จะตัดชุดคลุมท้อง คุณจะใช้รอบตัวก่อนการตั้งท้องเพื่อไปเลือกไซด์
ส่วนสูงก็มีความหมาย....
ส่วนใหญ่แล้วแพทเทิร์นมาตรฐาน Misses' จะออกแบบมาสำหรับผู้มีส่วนสูง 165-168 ซม
(หน่วยนิ้วก็จะเป็น 5ฟุต5นิ้ว ถึง 5ฟุต 6นิ้ว) ถ้าใครโชคดีที่มีส่วนสูงประมาณนี้ ก็จะ
ไม่ต้องหด หรือ ยืด แพทเทิร์นเลย ช่วงปุ่มคอหลังถึงเอว (back waist length)
และ ช่วงสะโพกสูง-สะโพกต่ำ (hip length)จะพอดิบพอดี แต่ถ้าใครที่เตี้ยกว่านี้จะต้องแก้ไขแพทเทิร์น หรือไม่ก็ต้อง
หาซื้อแพทเทิร์นที่สร้างไว้สำหรับคนมีความสูง
157-163 ซ.ม. ซึ่งเรียกว่า Misses'Petites ซึ่งความยาวจากปุ่มคอหลังถึงเอวของ
แพทเทิร์นของคนตัวเล็กนี้จะสั้นกว่า
ของ Misses' 1 นิ้ว และช่วงสะโพกเล็ก
ถึงสะโพกใหญ่ ก็จะวัดได้แค่ 7 นิ้ว ซึ่งสั้นกว่าของMisses'2" นอกจากนี้ความยาวแขนเสื้อ
ก็จะสั้นลงไปตามสัดส่วนร่างกายด้วย
ถ้าผ่านไปพบแพทเทิร์นสำหรับ Women's / plus size ขอให้ทราบไว้ว่าเขาสร้างมา
เพื่อผู้หญิงที่ท้วม แต่ยังรักษาความสูงมาตรฐาน 165-168 ซม อยู่ แพทเทิร์นพวกนี้
จะมีการเผื่อหลวมมากกว่าปกติ เพื่อความคล่องตัว
3.มารู้จักกับรูปร่างและราคาของแพทเทิร์นกันดีกว่าค่ะ ^^
1. เลขโค้ดของแพทเทิร์น รูปร่าง และ ราคา
รูปสามเหลี่ยมที่ฐานอยู่ด้านบน หมายถึงผู้ที่มีช่วงอกใหญ่/ไหล่กว้าง แต่สะโพกเล็ก
รูปสามเหลี่ยมธรรมดาคือ ผู้ที่มีอกเล็ก/ไหล่แคบ แต่สะโพก/ต้นขา ใหญ่
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคือ ผู้ที่มีส่วนอกและสะโพกเท่ากันแต่เอวหนา
แพทเทิร์นซองนี้จะเหมาะกับทั้ง 3 รูปร่างดังที่ว่าไว้
นอกจากนี้บนหัวมุมด้านขาวฟากภาษาฝรั่งเศส ยังเรทความยากง่ายของการเย็บดีไซน์นั้นไว้ด้วย เช่น easy ,
average, difficult
2. จารนัยถึงลายละเอียดของดีไซด์นั้นๆ เพราะเขาไม่สามารถใส่รายละเอียดทั้งหมดลงในภาพวาด/รูปถ่ายได้
คำแรกๆเลยเขาจะบอกว่าเขาดีไซน์ให้เสื้อผ้า
เป็นแบบรัดรูป พอดีตัว หลวมน้อย/มาก (การเผื่อหลวม / ease ) ซึ่งตรงนี้จะสำคัญต่อการแ้ก้ไขแพทเทิร์นเพื่อการฟิตติ้งมาก
ดิฉันจะเขียนอธิบายเพิ่มเติมในตอนหน้า
3. ตารางไซด์ อก เอว สะโพก เช่น แพทเทิร์นมาตรฐาน
ไซด์ 6 จะสร้างมาจาก อก 30 ½ เอว 23 สะโพก 32 ½
(แพทเทิร์นอเมริกัน หน่วยเป็น นิ้ว ของยุโรปจะเป็นเซ็นติเมตร)
4.อุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น กระดุม ซิป ฯลฯ
5.ผ้าที่เหมาะสมกับแบบที่ดีไซน์เนอร์จินตนาการไว้ ถ้าเขาเขียนไว้ว่า
ต้องใช้ผ้ายืดเท่านั้น (knit only) เราก็ไม่ควรจะดื้อดึงไปใช้ผ้า
ทอธรรมดา เนื่องจากแพทเทิร์นแม่แบบ
ของผ้ายืดกับผ้าทอนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
6.ขนาดความกว้างยาวของผ้าที่ควรซื้อ เขาจะบอกมาให้เสร็จสรรพ
รวมถึงผ้าซับใน ผ้า interfacing (ที่มีกาวไว้ด้านหนึ่ง
รีดบนผ้าจริงของเราเพื่อให้อยู่ทรง เช่น ผ้ารองปก ขอบกระโปรง/กางเกง)
7. ขนาดความยาวของเสื้อ ความยาวกระโปรง หรือ กางเกง เมื่อเย็บเสร็จแล้ว ตรงนี้จะมีความหมายต่อเราในกรณีที่เรามีส่วนสูง ไม่เท่ามาตรฐานเขา
( 168 ซม)เราก็จะทำการแก้ไขแพทเทิร์นให้มันเหมาะกับส่วนสูงของเรา
8.ภาพสเก็ตช์ด้านหลังของแบบ
รูปสามเหลี่ยมที่ฐานอยู่ด้านบน หมายถึงผู้ที่มีช่วงอกใหญ่/ไหล่กว้าง แต่สะโพกเล็ก
รูปสามเหลี่ยมธรรมดาคือ ผู้ที่มีอกเล็ก/ไหล่แคบ แต่สะโพก/ต้นขา ใหญ่
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคือ ผู้ที่มีส่วนอกและสะโพกเท่ากันแต่เอวหนา
แพทเทิร์นซองนี้จะเหมาะกับทั้ง 3 รูปร่างดังที่ว่าไว้
นอกจากนี้บนหัวมุมด้านขาวฟากภาษาฝรั่งเศส ยังเรทความยากง่ายของการเย็บดีไซน์นั้นไว้ด้วย เช่น easy ,
average, difficult
2. จารนัยถึงลายละเอียดของดีไซด์นั้นๆ เพราะเขาไม่สามารถใส่รายละเอียดทั้งหมดลงในภาพวาด/รูปถ่ายได้
คำแรกๆเลยเขาจะบอกว่าเขาดีไซน์ให้เสื้อผ้า
เป็นแบบรัดรูป พอดีตัว หลวมน้อย/มาก (การเผื่อหลวม / ease ) ซึ่งตรงนี้จะสำคัญต่อการแ้ก้ไขแพทเทิร์นเพื่อการฟิตติ้งมาก
ดิฉันจะเขียนอธิบายเพิ่มเติมในตอนหน้า
3. ตารางไซด์ อก เอว สะโพก เช่น แพทเทิร์นมาตรฐาน
ไซด์ 6 จะสร้างมาจาก อก 30 ½ เอว 23 สะโพก 32 ½
(แพทเทิร์นอเมริกัน หน่วยเป็น นิ้ว ของยุโรปจะเป็นเซ็นติเมตร)
4.อุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น กระดุม ซิป ฯลฯ
5.ผ้าที่เหมาะสมกับแบบที่ดีไซน์เนอร์จินตนาการไว้ ถ้าเขาเขียนไว้ว่า
ต้องใช้ผ้ายืดเท่านั้น (knit only) เราก็ไม่ควรจะดื้อดึงไปใช้ผ้า
ทอธรรมดา เนื่องจากแพทเทิร์นแม่แบบ
ของผ้ายืดกับผ้าทอนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
6.ขนาดความกว้างยาวของผ้าที่ควรซื้อ เขาจะบอกมาให้เสร็จสรรพ
รวมถึงผ้าซับใน ผ้า interfacing (ที่มีกาวไว้ด้านหนึ่ง
รีดบนผ้าจริงของเราเพื่อให้อยู่ทรง เช่น ผ้ารองปก ขอบกระโปรง/กางเกง)
7. ขนาดความยาวของเสื้อ ความยาวกระโปรง หรือ กางเกง เมื่อเย็บเสร็จแล้ว ตรงนี้จะมีความหมายต่อเราในกรณีที่เรามีส่วนสูง ไม่เท่ามาตรฐานเขา
( 168 ซม)เราก็จะทำการแก้ไขแพทเทิร์นให้มันเหมาะกับส่วนสูงของเรา
8.ภาพสเก็ตช์ด้านหลังของแบบ
2.คู่มือการใช้แพทเทิร์นสำเร็จรูปแบบเป็นซองๆ
ปกติแล้วในบ้านเรา ถ้าใครสักคนอยากจะตัดเสื้อผ้าใส่เอง คนนั้นจะต้องมีความรู้เรื่องการสร้างแพทเทิร์นเป็นอันดับแรก ซึ่งส่วนมากก็ต้องไปเรียน
ในสถานศึกษาเป็นเรื่องเป็นราว บ้างก็ตั้งใจเรียนจนจบ บ้างก็ท้อถอยตั้งแต่เดือนแรกๆ
เพราะการเรียนสร้างแพทเทิร์นไม่ใช่ของง่ายๆเลย ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เลิกเรียนเสียกลาง
คันทิ้งค่าเรียนเป็นหมื่นๆเพราะยิ่งเรียนยิ่งยากและไม่สามารถนำ
ไปใช้ได้สักที
เมื่อ 1998 ผู้เขียนโยกย้ายถิ่นฐานมาอยู่ต่างประเทศ ได้เห็นแพทเทิร์นสำเร็จรูปของ เสื้อผ้าทั้งบุรุษ สตรี เด็ก ของตกแต่งบ้าน เช่น ผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียง กระเป๋าผ้า มีแม้กระทั่งแพทเทิร์นเสื้อผ้าตุ๊กตาออกวางขายในร้านขายผ้า ความรู้สึกแรกคือ ตื่นเต้น มันแปลกใจ แปลกตาไปหมด เป็นอะไรที่เปลี่ยนโลกทัศน์ของการเย็บผ้าไปเลย ที่แปลกใจเพราะว่าผู้เขียนไม่เข้าใจว่าเขาสามารถทำแพทเทิร์น
ให้เข้ากับคนเป็นล้านๆคนซึ่งรูปร่างไม่เท่ากันสัก
คน ได้อย่างไร เห็นดังนั้นก็ต้องทดลองกันหน่อย วิธีการซื้อก็ง่ายๆ แค่เปิดแคทตาล๊อคเลือกแบบ ส่วนมากร้านขายผ้าจะรับแพทเทิร์นของบริษัท แมคคอล บัทเตอร์ริค ซิมพลิซิตี้ และ โวค มาขายซึ่งตอนนี้ได้รวมเป็นบริษัทเดียวกันแล้ว คนอเมริกันจะแอบเรียกว่า Big 4
เมื่อเลือกได้แบบที่พอใจแล้วต่อมาก็เลือกขนาดที่เหมาะกับผู้ใส่ ตรงนี้แหละที่เกิดเป็น
ปัญหา เพราะไม่รู้จะเลือกขนาดไหนดี ในเมื่อคนขาย และ คนที่ผู้เขียนรู้จักก็ไม่ได้เย็บเสื้อผ้าใส่เอง เมื่อดูขนาดที่เขาบอกบนซองและเทียบกับรูปร่าง
ตัวเองเท่าที่จำได้แล้ว ผู้เขียนก็คว้าไซด์ 12 มาเลย เสื้อที่ตัดด้วยไซด์ 12 ก็เป็นอันว่าใส่
ไม่ได้มันใหญ่เกินไป แต่กระนั้นก็ไม่คิดว่าต่อไปจะซื้อไซด์เล็กลง หรือนำแพทเทิร์นไซด์
12 มาลดขนาด ผู้เขียนสรุปลงไปเลยว่าแพทเทิร์นสำเร็จรูปมันไม่เข้าท่า มันทำให้ใหญ่ๆเข้าว่ากะว่าใครๆก็้ใส่ได้ถ้าใครอยากได้เสื้อ
เข้ากับรูปร่างดีๆต้องสร้างแพทเทิร์นเอง
ผู้เขียนจึงกลับมาง้อการสร้างแพทเทิร์นเองอีกโดยอ้างอิง
จากสมุดจดที่อาจารย์บังคับให้จดและทำแพทเทิร์นตัวย่ออย่างดี แต่ความที่เรียนไปแค่แพทเทิร์นแม่แบบ
และไม่รู้ว่าจะใช้แพทเทิร์นแม่แบบมาทำอะไรได้บ้าง ก็เป็นอันว่าไม่ประสบผลสำเร็จอีก
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ผู้เขียนได้ลงทะเบียน
เรียนการตัดเย็บเสื้อแจ็คเก็ตอาจารย์ผู้สอนได้วัดตัวผู้เขียน
และบอกว่าขนาดตัวนี้ต้องใช้ไซด์ 8 เสียเวลาไป 8-9 ปีเต็มๆถึงเพิ่งจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนจะถ่ายทอดให้ผู้อ่าน
ที่สนใจในกระทู้นี้
เขียนโดย baba บทความที่เก่ากว่า
เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน1ละคร ช่อง7
1เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน1 ละคร ช่อง7
2เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน2 ละคร ช่อง7
3เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน3 ละคร ช่อง7
4เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน4 ละคร ช่อง7
5เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน5 ละคร ช่อง7
6เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน6 ละคร ช่อง7
7เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน7ละคร ช่อง7
8เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน8ละคร ช่อง7
9เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน9ละคร ช่อง7
ช่วงที่นางเอกสาว แพนเค้ก-เขมนิจ ถ่ายละคร “นางฟ้ามาเฟีย” กับอดีตแฟน เวียร์-ศุกลวัฒน์ แว่วมาว่าหวานใจคนปัจจุบัน เป้-อารักษ์ โทรหาวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
งานนี้ เป้-อารักษ์ ยอมรับว่าโทรจริง แต่ไม่ได้โทรเพราะตามหึง แค่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แพนเค้ก-เขมนิจ เท่านั้น...แหม!กลัวถ่านไฟเก่าจะคุล่ะซิไม่ว่า อิอิ
2เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน2 ละคร ช่อง7
3เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน3 ละคร ช่อง7
4เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน4 ละคร ช่อง7
5เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน5 ละคร ช่อง7
6เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน6 ละคร ช่อง7
7เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน7ละคร ช่อง7
8เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน8ละคร ช่อง7
9เรื่องย่อ นางฟ้ามาเฟีย ตอน9ละคร ช่อง7
ช่วงที่นางเอกสาว แพนเค้ก-เขมนิจ ถ่ายละคร “นางฟ้ามาเฟีย” กับอดีตแฟน เวียร์-ศุกลวัฒน์ แว่วมาว่าหวานใจคนปัจจุบัน เป้-อารักษ์ โทรหาวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
งานนี้ เป้-อารักษ์ ยอมรับว่าโทรจริง แต่ไม่ได้โทรเพราะตามหึง แค่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แพนเค้ก-เขมนิจ เท่านั้น...แหม!กลัวถ่านไฟเก่าจะคุล่ะซิไม่ว่า อิอิ
เรื่องย่อ เสือสั่งฟ้า ตอน4 ละคร ช่อง7
เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า
1 .เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 1 ช่ อ ง 7
2..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 2 ช่ อ ง 7
3..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 3 ช่ อ ง 7
4..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 4 ช่ อ ง 7
5..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 5 ช่ อ ง 7
6 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 6 ช่ อ ง 7
7 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 7 ช่ อ ง 7
8 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 8 ช่ อ ง 7
9 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 9 ช่ อ ง 7
10 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 10 ช่ อ ง 7
11 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 11 ช่ อ ง 7
12 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 12 ช่ อ ง 7
***แนะนำ ..ขับรถโครตเทพ สามสิบหกล้าน เพจวิว ทำไปได้ KEN BLOCK GYMKHANA TWO THE INFOMERCIA แล้วคุณจะชอบ....
***แนะนำ +++หุ่นยนต์เต็น nobody wonder girl น่ารักโครตๆๆๆ
ตอนที่ 4
บานเย็นมุ่งมั่นที่จะให้กระเต็นประกวดนางงามมะไฟให้ได้ จึงจับซ้อมเดินที่บ้านก่อน กระเต็นเดินเป็นม้าดีดกะโหลกจนบานเย็นปวดหัว บังคับเคี่ยวเข็ญให้เดินอยู่ถึงครึ่งวันจึงยอมให้พักกินข้าว
กระเต็นแวบไปหาไอ้จุกที่สวนหลังบ้าน รับโพยจดคาถากำบังกายที่ไอ้จุกแอบเข้าไปลอกจากตำราในห้องหลวงพ่อมาให้ พอกระเต็นเอาโพยไปไอ้จุกก็แบมือทวงรางวัล กระเต็นเอาลูกอมเม็ดหนึ่งให้ ไอ้จุกบ่นอุบว่าเม็ดเดียวเนี่ยนะ
ครู่หนึ่งเสียงบานเย็นตะโกนเรียกกระเต็นก็แว่วมา กระเต็นบอกไอ้จุกว่าหัวเด็ดตีนขาดตนก็ไม่ยอมเข้าประกวดแน่ ว่าแล้วแวบไปแอบท่องคาถากำบังกาย
ไอ้จุกรับหน้าบานเย็น พอบานเย็นถามหากระเต็น ไอ้จุกโกหกหน้าตายว่าเห็นไปเก็บผักมาให้ป้ากินกับน้ำพริกพลางชี้ให้ดู บานเย็นขอบใจแต่เดินไปอีกทางหนึ่งอย่างรู้ทันคู่หูตัวแสบของลูกสาว
กระเต็นกำลังเร่งท่องคาถากำบังกายอยู่ เห็นแม่เดินมาก็บ่นอย่างหงุดหงิด
“ไอ้จุกเอ๊ย...เอ็งถ่วงเวลาประสาอะไรวะ ข้ายังท่องคาถาไม่คล่องเลย” พลางก็มองหาที่ซ่อนตัวก่อนที่จะกำบังกายได้ มุดเข้าไปในเรือแจวแอบนอนที่ใต้ท้องเรือ รีบท่องคาถาต่อ
บานเย็นเดินมาหยุดข้างเรือทำเป็นบ่นว่า “มันหายหัวไปไหนวะ” แล้วแกล้งเดินเลยไป
กระเต็นแอบดูเห็นแม่เดินไปแล้วก็ดีใจนึกว่าตนท่องคาถากำบังกายได้แล้ว ลุกขึ้นอย่างมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแน่ แต่แล้วก็ชะงักกึกเมื่อเห็นเท้าของบานเย็นเดินมาหยุดตรงหน้าเงยมองเห็นแม่ กอดอกยิ้มเหี้ยม กระเต็นหัวเราะแหะๆเมื่อถูกจับได้
“ใช้คาถาอะไรก็หนีข้าไม่พ้นหรอกโว้ย นังเต็น!” บานเย็นเขกหัวกระเต็นดังโป๊ก
ระหว่างคุมตัวกระเต็นกลับไปซ้อมเดินอีกนั้น กระเต็นอ้อนวอนแม่อย่าส่งตนเข้าประกวดเลย ดาบแหวนก็บอกให้บานเย็นสงสารมันเถอะ
“ช่วยไม่ได้ มันอยากลองดีเอง” บานเย็นปรามผัว ผลักกระเต็นเข้าห้อง “คราวนี้ข้าไม่ใจอ่อนแน่นังเต็น เอ็งต้องอยู่ในนี้จนกว่าจะถึงวันประกวด!”
ooooooo
ดาบแหวนคุยกับจ่าเฉยขณะนั่งกินกาแฟกันที่ตลาดบึงกร่างเรื่องบานเย็นบังคับ ให้กระเต็นประกวดนางงามมะไฟปีนี้ จ่าเฉยพูดขำๆแหยงๆว่ากลัวกระเต็นจะเตะก้านคอกรรมการหักเสียมากกว่า
ดาบแหวนตำหนิตัวเองว่า ตนผิดเองเป็นตัวการชักจูงให้กระเต็นมาคลั่งไคล้เรื่องไสยเวท แต่จ่าเฉยเห็นว่าเรื่องนี้ มันอยู่ที่ศรัทธา ทั้งยังบ่นว่าถ้ากรมตำรวจเรามีจอมขมังเวทสักกองทัพ ป่านนี้ก็คงปราบพวกเสือเมฆได้แล้ว
“เออ ได้ข่าวว่ามันอาละวาดอีกแล้วใช่ไหม” ดาบแหวนถาม จ่าเฉยบอกว่าปล้นเรือเสี่ยเส็งบ้านคลองขุ่น ตำรวจตายเกลี้ยง ดาบแหวนฟังแล้วได้แต่พูดปลงๆว่า “ถ้าข้างบนไม่เชื่อเรื่องนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้”
“ผู้หมวดเพชรไงพี่แหวน เราลืมหมวดไปได้ยังไง แกมาลองของกับพี่แล้วนี่” จ่าเฉยนึกได้
ดาบกับจ่ามองหน้ากันอย่างมีความหวังขึ้นมา
ooooooo
หมวดเพชรที่ดาบแหวนกับจ่าเฉยฝากความหวังไว้นั้น หลังจากได้รู้จักกับดาลินและลุยกับพวกจิ๊กโก๋ในวันนั้นแล้ว ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันเป็นพิเศษ วันนี้ดาลินก็แกล้งโทร.มาอำ พอจำกันได้เธอก็ให้เขาพาไปเลี้ยงอาหารกลางวันไถ่โทษที่โกหกเธอว่าตัวเองเป็น แค่ตำรวจชั้นผู้น้อยธรรมดาๆคนหนึ่ง
เพชรพาเธอไปทานที่ภัตตาคารจีน ปรากฏว่าเธอชอบมาก อยู่ลอนดอนก็มีร้านอาหารจีนแต่ไม่อร่อยเหมือนที่บ้านเรา
ที่ภัตตาคารนี่เอง ดาลินปะทะกับชิดใจ เมื่อต่างก็แย่งห้องเดียวกัน แต่ดาลินจองห้องวีไอพีนี้ไว้ก่อนแล้ว ชิดใจจะเอาห้องเดียวกันนี้ให้ได้ ขู่เพชรว่าแฟนตนมีดาวบนบ่ามากกว่าเขา ถามว่ารู้จักผู้กองดามพ์แห่งกองปราบหรือเปล่า
ดาลินถือว่าตัวเองเป็นลูกสาวอธิบดี เย้ยว่าคนที่ดาวจะหลุดจากบ่าไม่ใช่ฝ่ายตนแน่ แล้วบอกผู้จัดการอย่างวางอำนาจว่า
“ผู้จัดการ ฉันหิวแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งโต๊ะนี้เดี๋ยวนี้ฉันจะย้ายร้าน”
“เชิญด้านนอกดีกว่านะครับ ผมจะจัดโต๊ะใหม่ให้” ผู้จัดการหันไปขอร้องชิดใจ
“ได้! แกเตรียมปิดร้านได้เลย” ชิดใจขู่แล้วเดินสะบัดไป
เมื่อเข้าไปในห้องวีไอพีได้สมใจหมายแล้ว ดาลินบ่นว่าโปลิศไทยนี่ใหญ่น่าดู ขนาดแค่มีแฟนเป็นผู้กองยังอวดเบ่งขนาดนี้ บอกเพชรว่า “ดาจะฟ้องคุณพ่อให้ย้ายอีตาผู้กองดามพ์ พรุ่งนี้เลย”
เพชรช่วยแก้ให้ว่าดามพ์คงไม่รู้เรื่องด้วย ดาลินถามว่าเขารู้จักดามพ์จริงๆหรือ
“ครับ เขาเป็นคนสนิทคุณพ่อ งานของคุณดาเขาก็ไปนะครับ” เพชรเล่า ดาลินสรุปว่าก็เท่ากับดามพ์เป็นลูกน้องพ่อเขาแล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้ดามพ์ วางอำนาจอยู่ได้ เพชรตอบปลงๆว่า “คนที่ถูกกดขี่มามาก พอได้ทีมีอำนาจขึ้นมาบ้างก็เลยอดแสดงไม่ได้ ตรงกันข้าม เรามีอำนาจในมือ ก็ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ไม่งั้นในสังคมก็จะมีแต่คนใช้อิทธิพลเต็มไปหมด”
ดาลินชื่นชมเพชรว่าถ้าเมืองไทยมีตำรวจอย่างเขาเยอะๆ
คงน่าอยู่ที่สุด แต่เพชรกลับบอกว่า ตำรวจอย่างเขาไร้ประโยชน์ที่สุดต่างหาก ทำเอาดาลินงงถามว่าทำไมหรือ เขาได้แต่ยิ้มเศร้าๆ
ooooooo
ที่ลานประชุมในชุมโจรเสือเมฆ กำลังมีการประชุมกัน เสือเมฆได้รับรายงานจากสมุนแล้วปรารภว่า
“ฝั่งโน้นมันจะขนอาวุธเถื่อน ข้ามชายแดนมางั้นรึ หึ ไอ้พวกตำรวจมันต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ เสืออย่างเราปล้นคนเลวช่วยคนจน แต่ไอ้พวกถือกฎหมาย มันเอาแต่จะคิดปล้นชาติปล้นแผ่นดิน”
ทับเสนอให้ดักปล้นเสียเลยเพราะอาวุธเรากำลังร่อยหรอเต็มที หาญแย้งทันทีว่าไม่เห็นด้วย ทับมองตาขวางถามว่า “อะไรของเอ็งอีกวะไอ้หาญ”
“ถ้าพวกตำรวจมีส่วนรู้เห็น การปล้นครั้งนี้ก็เสี่ยงไม่น้อย ไม่แน่มันอาจจะเป็นกับดักเพื่อล่อพวกเราไป อีกอย่างถ้ามันเป็นอาวุธเถื่อนจริง เราก็จะกลายเป็นคนผิด” หาญชี้แจง
ทับโวยวายว่าเราเป็นโจรไม่ใช่พ่อพระ หาว่าหาญเอานิสัยตำรวจเก่ามามองปัญหา หาญโต้ว่าก็เพราะเคยเป็นตำรวจเลยไม่ประมาท แล้วพูดเหมือนจะปรามทับในทีว่า
“แล้วมันก็ทำให้ข้าได้รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้”
เสือเมฆชมว่าหาญรอบคอบทั้งยังบอกทับให้หัดรอบคอบอย่างนี้บ้าง เพราะเราจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด หยุดคิดนิดหนึ่งแล้วบอกทุกคนว่า
“แต่อาวุธของเราก็ใกล้จะหมดเต็มที เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว เราจะปล้นขบวนขนอาวุธเถื่อน แต่ครั้งนี้เราจะปล้นให้เงียบที่สุดโดยไม่ใช้ชื่อของชุมเสือเมฆ ไอ้หาญไอ้ทับ ครั้งนี้ข้าให้พวกเอ็งแสดงฝีมือเต็มที่”
ทับรับคำทันทีว่าจะไม่ทำให้เสือเมฆผิดหวัง ในขณะที่หาญเริ่มกังวลใจ
แต้มกับแหลมคนใกล้ชิดทับไม่พอใจหาญหาว่า หาญชอบขัดคอทับอยู่เรื่อยถามว่าเมื่อไรจะจัดการ ทับบอกให้ใจเย็นๆ หัวเราะทีหลังดังกว่า แล้วบอกทั้งสองว่า
“ข้ารู้มาว่า พวกที่ขนอาวุธเข้ามาคราวนี้ไม่ใช่หมู ในเมื่อไอ้หาญมันเก่งนัก ข้าก็จะให้มันแสดงฝีมือให้เต็มที่ มันจะได้รับความดีความชอบหนักๆ ไปคนเดียว” พูดแล้วทับยิ้มเหี้ยมอย่างสะใจ
oooo
เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า
1 .เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 1 ช่ อ ง 7
2..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 2 ช่ อ ง 7
3..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 3 ช่ อ ง 7
4..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 4 ช่ อ ง 7
5..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 5 ช่ อ ง 7
6 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 6 ช่ อ ง 7
7 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 7 ช่ อ ง 7
8 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 8 ช่ อ ง 7
9 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 9 ช่ อ ง 7
10 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 10 ช่ อ ง 7
11 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 11 ช่ อ ง 7
12 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 12 ช่ อ ง 7
***แนะนำ ..ขับรถโครตเทพ สามสิบหกล้าน เพจวิว ทำไปได้ KEN BLOCK GYMKHANA TWO THE INFOMERCIA แล้วคุณจะชอบ....
กระเต็นแวบไปหาไอ้จุกที่สวนหลังบ้าน รับโพยจดคาถากำบังกายที่ไอ้จุกแอบเข้าไปลอกจากตำราในห้องหลวงพ่อมาให้ พอกระเต็นเอาโพยไปไอ้จุกก็แบมือทวงรางวัล กระเต็นเอาลูกอมเม็ดหนึ่งให้ ไอ้จุกบ่นอุบว่าเม็ดเดียวเนี่ยนะ
ครู่หนึ่งเสียงบานเย็นตะโกนเรียกกระเต็นก็แว่วมา กระเต็นบอกไอ้จุกว่าหัวเด็ดตีนขาดตนก็ไม่ยอมเข้าประกวดแน่ ว่าแล้วแวบไปแอบท่องคาถากำบังกาย
ไอ้จุกรับหน้าบานเย็น พอบานเย็นถามหากระเต็น ไอ้จุกโกหกหน้าตายว่าเห็นไปเก็บผักมาให้ป้ากินกับน้ำพริกพลางชี้ให้ดู บานเย็นขอบใจแต่เดินไปอีกทางหนึ่งอย่างรู้ทันคู่หูตัวแสบของลูกสาว
กระเต็นกำลังเร่งท่องคาถากำบังกายอยู่ เห็นแม่เดินมาก็บ่นอย่างหงุดหงิด
“ไอ้จุกเอ๊ย...เอ็งถ่วงเวลาประสาอะไรวะ ข้ายังท่องคาถาไม่คล่องเลย” พลางก็มองหาที่ซ่อนตัวก่อนที่จะกำบังกายได้ มุดเข้าไปในเรือแจวแอบนอนที่ใต้ท้องเรือ รีบท่องคาถาต่อ
บานเย็นเดินมาหยุดข้างเรือทำเป็นบ่นว่า “มันหายหัวไปไหนวะ” แล้วแกล้งเดินเลยไป
กระเต็นแอบดูเห็นแม่เดินไปแล้วก็ดีใจนึกว่าตนท่องคาถากำบังกายได้แล้ว ลุกขึ้นอย่างมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแน่ แต่แล้วก็ชะงักกึกเมื่อเห็นเท้าของบานเย็นเดินมาหยุดตรงหน้าเงยมองเห็นแม่ กอดอกยิ้มเหี้ยม กระเต็นหัวเราะแหะๆเมื่อถูกจับได้
“ใช้คาถาอะไรก็หนีข้าไม่พ้นหรอกโว้ย นังเต็น!” บานเย็นเขกหัวกระเต็นดังโป๊ก
ระหว่างคุมตัวกระเต็นกลับไปซ้อมเดินอีกนั้น กระเต็นอ้อนวอนแม่อย่าส่งตนเข้าประกวดเลย ดาบแหวนก็บอกให้บานเย็นสงสารมันเถอะ
“ช่วยไม่ได้ มันอยากลองดีเอง” บานเย็นปรามผัว ผลักกระเต็นเข้าห้อง “คราวนี้ข้าไม่ใจอ่อนแน่นังเต็น เอ็งต้องอยู่ในนี้จนกว่าจะถึงวันประกวด!”
ooooooo
ดาบแหวนคุยกับจ่าเฉยขณะนั่งกินกาแฟกันที่ตลาดบึงกร่างเรื่องบานเย็นบังคับ ให้กระเต็นประกวดนางงามมะไฟปีนี้ จ่าเฉยพูดขำๆแหยงๆว่ากลัวกระเต็นจะเตะก้านคอกรรมการหักเสียมากกว่า
ดาบแหวนตำหนิตัวเองว่า ตนผิดเองเป็นตัวการชักจูงให้กระเต็นมาคลั่งไคล้เรื่องไสยเวท แต่จ่าเฉยเห็นว่าเรื่องนี้ มันอยู่ที่ศรัทธา ทั้งยังบ่นว่าถ้ากรมตำรวจเรามีจอมขมังเวทสักกองทัพ ป่านนี้ก็คงปราบพวกเสือเมฆได้แล้ว
“เออ ได้ข่าวว่ามันอาละวาดอีกแล้วใช่ไหม” ดาบแหวนถาม จ่าเฉยบอกว่าปล้นเรือเสี่ยเส็งบ้านคลองขุ่น ตำรวจตายเกลี้ยง ดาบแหวนฟังแล้วได้แต่พูดปลงๆว่า “ถ้าข้างบนไม่เชื่อเรื่องนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้”
“ผู้หมวดเพชรไงพี่แหวน เราลืมหมวดไปได้ยังไง แกมาลองของกับพี่แล้วนี่” จ่าเฉยนึกได้
ดาบกับจ่ามองหน้ากันอย่างมีความหวังขึ้นมา
ooooooo
หมวดเพชรที่ดาบแหวนกับจ่าเฉยฝากความหวังไว้นั้น หลังจากได้รู้จักกับดาลินและลุยกับพวกจิ๊กโก๋ในวันนั้นแล้ว ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันเป็นพิเศษ วันนี้ดาลินก็แกล้งโทร.มาอำ พอจำกันได้เธอก็ให้เขาพาไปเลี้ยงอาหารกลางวันไถ่โทษที่โกหกเธอว่าตัวเองเป็น แค่ตำรวจชั้นผู้น้อยธรรมดาๆคนหนึ่ง
เพชรพาเธอไปทานที่ภัตตาคารจีน ปรากฏว่าเธอชอบมาก อยู่ลอนดอนก็มีร้านอาหารจีนแต่ไม่อร่อยเหมือนที่บ้านเรา
ที่ภัตตาคารนี่เอง ดาลินปะทะกับชิดใจ เมื่อต่างก็แย่งห้องเดียวกัน แต่ดาลินจองห้องวีไอพีนี้ไว้ก่อนแล้ว ชิดใจจะเอาห้องเดียวกันนี้ให้ได้ ขู่เพชรว่าแฟนตนมีดาวบนบ่ามากกว่าเขา ถามว่ารู้จักผู้กองดามพ์แห่งกองปราบหรือเปล่า
ดาลินถือว่าตัวเองเป็นลูกสาวอธิบดี เย้ยว่าคนที่ดาวจะหลุดจากบ่าไม่ใช่ฝ่ายตนแน่ แล้วบอกผู้จัดการอย่างวางอำนาจว่า
“ผู้จัดการ ฉันหิวแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งโต๊ะนี้เดี๋ยวนี้ฉันจะย้ายร้าน”
“เชิญด้านนอกดีกว่านะครับ ผมจะจัดโต๊ะใหม่ให้” ผู้จัดการหันไปขอร้องชิดใจ
“ได้! แกเตรียมปิดร้านได้เลย” ชิดใจขู่แล้วเดินสะบัดไป
เมื่อเข้าไปในห้องวีไอพีได้สมใจหมายแล้ว ดาลินบ่นว่าโปลิศไทยนี่ใหญ่น่าดู ขนาดแค่มีแฟนเป็นผู้กองยังอวดเบ่งขนาดนี้ บอกเพชรว่า “ดาจะฟ้องคุณพ่อให้ย้ายอีตาผู้กองดามพ์ พรุ่งนี้เลย”
เพชรช่วยแก้ให้ว่าดามพ์คงไม่รู้เรื่องด้วย ดาลินถามว่าเขารู้จักดามพ์จริงๆหรือ
“ครับ เขาเป็นคนสนิทคุณพ่อ งานของคุณดาเขาก็ไปนะครับ” เพชรเล่า ดาลินสรุปว่าก็เท่ากับดามพ์เป็นลูกน้องพ่อเขาแล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้ดามพ์ วางอำนาจอยู่ได้ เพชรตอบปลงๆว่า “คนที่ถูกกดขี่มามาก พอได้ทีมีอำนาจขึ้นมาบ้างก็เลยอดแสดงไม่ได้ ตรงกันข้าม เรามีอำนาจในมือ ก็ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ไม่งั้นในสังคมก็จะมีแต่คนใช้อิทธิพลเต็มไปหมด”
ดาลินชื่นชมเพชรว่าถ้าเมืองไทยมีตำรวจอย่างเขาเยอะๆ
คงน่าอยู่ที่สุด แต่เพชรกลับบอกว่า ตำรวจอย่างเขาไร้ประโยชน์ที่สุดต่างหาก ทำเอาดาลินงงถามว่าทำไมหรือ เขาได้แต่ยิ้มเศร้าๆ
ooooooo
ที่ลานประชุมในชุมโจรเสือเมฆ กำลังมีการประชุมกัน เสือเมฆได้รับรายงานจากสมุนแล้วปรารภว่า
“ฝั่งโน้นมันจะขนอาวุธเถื่อน ข้ามชายแดนมางั้นรึ หึ ไอ้พวกตำรวจมันต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ เสืออย่างเราปล้นคนเลวช่วยคนจน แต่ไอ้พวกถือกฎหมาย มันเอาแต่จะคิดปล้นชาติปล้นแผ่นดิน”
ทับเสนอให้ดักปล้นเสียเลยเพราะอาวุธเรากำลังร่อยหรอเต็มที หาญแย้งทันทีว่าไม่เห็นด้วย ทับมองตาขวางถามว่า “อะไรของเอ็งอีกวะไอ้หาญ”
“ถ้าพวกตำรวจมีส่วนรู้เห็น การปล้นครั้งนี้ก็เสี่ยงไม่น้อย ไม่แน่มันอาจจะเป็นกับดักเพื่อล่อพวกเราไป อีกอย่างถ้ามันเป็นอาวุธเถื่อนจริง เราก็จะกลายเป็นคนผิด” หาญชี้แจง
ทับโวยวายว่าเราเป็นโจรไม่ใช่พ่อพระ หาว่าหาญเอานิสัยตำรวจเก่ามามองปัญหา หาญโต้ว่าก็เพราะเคยเป็นตำรวจเลยไม่ประมาท แล้วพูดเหมือนจะปรามทับในทีว่า
“แล้วมันก็ทำให้ข้าได้รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้”
เสือเมฆชมว่าหาญรอบคอบทั้งยังบอกทับให้หัดรอบคอบอย่างนี้บ้าง เพราะเราจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด หยุดคิดนิดหนึ่งแล้วบอกทุกคนว่า
“แต่อาวุธของเราก็ใกล้จะหมดเต็มที เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว เราจะปล้นขบวนขนอาวุธเถื่อน แต่ครั้งนี้เราจะปล้นให้เงียบที่สุดโดยไม่ใช้ชื่อของชุมเสือเมฆ ไอ้หาญไอ้ทับ ครั้งนี้ข้าให้พวกเอ็งแสดงฝีมือเต็มที่”
ทับรับคำทันทีว่าจะไม่ทำให้เสือเมฆผิดหวัง ในขณะที่หาญเริ่มกังวลใจ
แต้มกับแหลมคนใกล้ชิดทับไม่พอใจหาญหาว่า หาญชอบขัดคอทับอยู่เรื่อยถามว่าเมื่อไรจะจัดการ ทับบอกให้ใจเย็นๆ หัวเราะทีหลังดังกว่า แล้วบอกทั้งสองว่า
“ข้ารู้มาว่า พวกที่ขนอาวุธเข้ามาคราวนี้ไม่ใช่หมู ในเมื่อไอ้หาญมันเก่งนัก ข้าก็จะให้มันแสดงฝีมือให้เต็มที่ มันจะได้รับความดีความชอบหนักๆ ไปคนเดียว” พูดแล้วทับยิ้มเหี้ยมอย่างสะใจ
oooo
เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า
1 .เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 1 ช่ อ ง 7
2..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 2 ช่ อ ง 7
3..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 3 ช่ อ ง 7
4..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 4 ช่ อ ง 7
5..เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 5 ช่ อ ง 7
6 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 6 ช่ อ ง 7
7 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 7 ช่ อ ง 7
8 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 8 ช่ อ ง 7
9 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 9 ช่ อ ง 7
10 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 10 ช่ อ ง 7
11 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 11 ช่ อ ง 7
12 เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 12 ช่ อ ง 7
***แนะนำ ..ขับรถโครตเทพ สามสิบหกล้าน เพจวิว ทำไปได้ KEN BLOCK GYMKHANA TWO THE INFOMERCIA แล้วคุณจะชอบ....
***แนะนำ +++หุ่นยนต์เต็น nobody wonder girl น่ารักโครตๆๆๆ
เรื่องย่อ รอยไหม ตอน1 ละคร ช่อง3
ตอนที่ 1
เรริน อาจารย์สาวผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าทอ เธอกำลังจัดแสดงผลงานผ้าทอร่วมสมัยฝีมือของเธอเอง ที่แกลเลอรี่แห่งหนึ่ง โดยมีธนินทร์คู่หมั้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
เมื่อลูกค้าต่างชาติคนหนึ่งสนใจผ้าทอผืนงามที่เป็นไฮไลต์ของงาน เข้ามาคุยกับธนินทร์ เขาเสนอราคาสูงถึงแปดพันยูเอส ทำให้ธนินทร์ตาโตด้วยหวังงาบเปอร์เซ็นต์ เขาหันไปมองเรรินที่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวทีวีอยู่
“ดิฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายค่ะ ถ้างานผ้าทอมือจะต้องสูญหายไป เพราะผ้าทอผืนหนึ่งบอกเล่าอะไรๆได้มากมาย ทั้งศรัทธา ความเชื่อ ชีวิตความเป็นอยู่ สังคมของกลุ่มคนที่ทอผ้านั้นๆ ดิฉันเชื่อว่าผ้าทอทุกผืนมีชีวิตจิตใจ เพราะอย่างน้อยที่สุดกว่าผ้าซักผืนหนึ่งจะทอเสร็จ คนที่ทอจะต้องใส่หัวใจ และความรักที่จะทอลงไปในผ้าทอผืนนั้นค่ะ”
เรรินพูดจบ ธนินทร์ก็เข้ามาคว้าตัวพาไปพบลูกค้าชาวต่างชาติ เพื่อเจรจาซื้อขายผ้าทอผืนงาม แต่เรรินปฏิเสธไม่ยอมขาย
ธนินทร์เข้าใจว่าเรรินต้องการโก่งราคา จึงหันไปบอก กับลูกค้าว่า ขอเพิ่มเป็นหนึ่งพันยูเอส เรรินได้ฟังก็โกรธสวนทันทีว่า เธอไม่ขายผ้าผืนนั้นอย่างแน่นอน แล้วเดินหนีไปด้วย อารมณ์ขุ่นมั่ว
“ริน...ริน” ธนินทร์ร้องเรียก ขณะที่ลูกค้าต่างชาติเบ้ปากใส่
เวลาเดียวกันนั้น วันดาราก็พาคนงานจากรีสอร์ตมาช่วยทำความสะอาดบ้านให้บัวเงินผู้มีศักดิ์เป็นย่า ส่วนตัวเธอเข้าไปนำผ้าซิ่นโบราณที่บัวเงินเก็บไว้ออกมาคลี่พึ่งลม พลางพูดชื่นชมเพราะไม่เคยเห็นผ้าที่ไหนงามเท่า
บัวเงินที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้โยกตรงมุมโปรด เห็นอาการวันดาราก็ตำหนิ “รื้อออกมาทำไมให้มันรกบ้านช่อง เจ้านี่จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องนะวันดารา ข้าให้มาช่วยทำความสะอาดเรือนเฉยๆ ไม่ใช่ให้มารื้อข้าวของของข้า”
“แต่ผ้าเก่าพวกนี้ต้องเอาออกผึ่งลมบ้างนะเจ้าคุณย่า ไม่อย่างนั้นมันจะกินตัว”
“มันจะกินตัวผุพังยังไงก็ช่างมัน” บัวเงินไม่ใส่ใจนัก
วันดาราสบโอกาสเอ่ยปากขอผ้าไปดูแลเอง แต่บัวเงินไม่ยอมอ้างว่า กลัววันดาราจะเอาผ้าไปขาย
“ข้าเจ้าบ่ได้คิดจะเอาไปขาย แค่อยากจะนำไปเก็บ ฮักษาไว้ให้ดี ให้ละอ่อนรุ่นหลังได้ศึกษาชื่นชมบ้างเท่านั้นเองเจ้าคุณย่า”
“ให้พูดหวานหูดูดียังไง ข้าก็บ่เชื่อเจ้าดอก เพราะสมบัติทุกชิ้นของข้า ข้าจะยกให้หลานชายข้าคนเดียว” ขาดคำ สุริยวงศ์ก็ขึ้นเรือนมาพอดี
“อายุยืนจริง คุณย่าเพิ่งพูดถึงเธออยู่พอดีเลย สุริยะ” วันดาราทัก
“ผมเพิ่งเคลียร์งามที่ร้านเสร็จน่ะครับ” สุริยวงศ์ตรงเข้ามากราบที่ตักบัวเงิน
“ไหว้พระเถอะหลาน ย่านึกว่าเจ้าจะบ่มาเสียแล้วหมั่นมาหาย่าบ่อยๆ ไม่ยังงั้นวันดารามันจะลักขโมยของโบราณย่าไปซะหมด ผ้าหีบนั้นน่ะมันอยากได้จนตัวสั่น ผ้าพวกนั้นน่ะย่าจะยกให้เจ้านะ”
“สุริยะเปิ้นจะเอาไปยะหยังคุณย่า เปิ้นเป็นผู้บ่าว” วันดาราล้อ
“เปิ้นก็เอาไว้หื้อเมียเปิ้นซิ”
“วงพระจันทร์น่ะเหรอเจ้าจะมาสนใจผ้าโบราณ คุณย่ามองคนผิดเสียแล้ว” วันดาราส่ายหน้า
“จะใดก็ช่าง แม่ญิงที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ย่า ก็ต้องฮักแล้วก็ภูมิใจในสายเลือดล้านนาของเฮาเน้อหลานเน้อ” บัวเงินกำชับสุริยวงศ์ แล้วเปลี่ยนเรื่องชวนหลานทั้งสองออกไปรับน้ำชาที่หน้าบ้าน พลางถามถึงวงพระจันทร์คู่หมายของสุริยวงศ์
สุริยวงศ์สบตากับวันดาราแวบหนึ่งก่อนตอบว่า วงพระจันทร์บินไปดูเรื่องธุรกิจที่กรุงเทพฯได้สองสามวันแล้ว บัวเงินถอนใจบ่นต่อ “วงพระจันทร์น่ะอะไรๆก็ดีอยู่หรอก เสียอยู่อย่างเดียว ปรู๊ดปร๊าดไปหน่อย แต่จะว่าไปแล้วย่าก็ไม่เห็นใครจะสมกับเจ้ามากไปกว่าวงพระจันทร์หรอก เพราะอย่างน้อยก็สายเลือดเจ้าล้านนาเหมือนกัน”
“คุณย่าครับ เรื่องแบบนี้คงต้องดูกันไปอีกนาน ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ” สุริยวงศ์ออกตัว
“ย่ารู้...คนหัวสมัยใหม่อย่างเจ้าก็คงอยากจะเลือกเมียด้วยตัวเอง ถึงเจ้ากับวงพระจันทร์จะบ่มีวาสนาต่อกัน ก็จงจำคำย่าเอาไว้ จะหาเมียก็อย่าให้ได้แม่ญิงต่ำต้อยกว่าวงพระจันทร์ เพราะเจ้าต้องภาคภูมิใจ๋ในชาติกำเนิดของเจ้าให้มากๆ เข้าใจคำย่าก๊า” บัวเงินกำชับ
“เข้าใจครับ คุณย่า” สุริยวงศ์จำใจรับปาก
ooooooo
ธนินทร์มาส่งเรรินที่บ้านทั้งสองมีปากเสียงกันมาตลอดทาง เพราะธนินทร์ไม่พอใจที่เรรินไม่ยอมขายผ้าทอผืนนั้น แถมยังพูดจาดูถูกเพราะไม่เห็นคุณค่าของผลงาน พรรณวรินทร์ได้ยินเสียงเอะอะก็ออกมาดู เห็นลูกสาวยืนเถียงอยู่กับคู่หมั้น แล้วเรรินก็วิ่งหนีขึ้นห้อง เพราะโกรธที่ธนินทร์ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย
“มีเรื่องอะไรกัน ธนินทร์” พรรณวรินทร์เป็นงง
“ลูกค้าฝรั่งจะขอซื้อผ้าชิ้นใหญ่ ให้ราคาตั้งสองแสนกว่า แต่รินเขาไม่ยอมขาย อย่างนี้โง่หรือบ้ากันแน่ครับ ลูกสาวคุณแม่” ธนินทร์ต่อว่าแล้วผลุนผลันออกไป
พรรณวรินทร์ได้แต่มองตาม แล้วขึ้นไปดูลูกบนห้อง เห็นเรรินหยิบยาแก้ไมเกรนมากินแล้วดื่มน้ำตาม
“ธนินทร์เขาก็คงหวังดีนะลูก แม่ว่าเรื่องแบบนี้น่าจะค่อยๆพูดค่อยๆจากันได้” พรรณวรินทร์เอ่ย
“ยากค่ะแม่...เขามองทุกอย่างเป็นธุรกิจ คบกันมาตั้งหลายปี แต่เขาเหมือนไม่รู้จักตัวตนแท้ๆของรินเลย อย่างนี้ก็คงไปด้วยกันไม่รอดหรอกค่ะแม่”
“เขาก็คงแค่คิดอยากจะช่วยรินจัดการโน่นนี่เท่านั้นมังลูก คิดซะว่าเขาหวังดี”
“แต่ถ้าล้ำเส้นมาถึงขนาดจัดการกับชีวิตรินด้วย รินก็คงรับไม่ได้หรอกนะคะแม่” เรรินประกาศตัว
พรรณวรินทร์พูดไม่ออก แต่เข้าใจลูกดี
ด้านวันดาราหลังจากจิบน้ำชากับบัวเงินแล้วก็พาเด็กๆไปทำความสะอาดที่ห้อง ซึ่งถูกปิดตายมานานแล้ว แต่บัวเงินห้ามไว้ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด และสั่งห้ามทุกคนมายุ่งกับห้องนี้ วันดาราจ๋อยรีบพาเด็กไปทำความสะอาดที่อื่น
“ตั้งแต่ผมเด็กๆห้องนี้ก็ถูกปิดตายมาตลอด ห้องอะไรเหรอครับคุณย่า” สุริยวงศ์ถามบัวเงิน
“ห้องเก็บของธรรมดา บ่มีอะหยัง” บัวเงินเดินออกไป
สุริยวงศ์เดินตามแต่ยังสนใจห้องที่ปิดตายนั้นไม่น้อย และทันทีที่ทุกคนเดินจากไปวิญญาณของอีเม้ยข้าผู้ซื่อสัตย์ของบัวเงินที่ถูกขังอยู่ในห้องก็เริ่มสำแดงฤทธิ์เมื่อลูกค้าต่างชาติคนหนึ่งสนใจผ้าทอผืนงามที่เป็นไฮไลต์ของงาน เข้ามาคุยกับธนินทร์ เขาเสนอราคาสูงถึงแปดพันยูเอส ทำให้ธนินทร์ตาโตด้วยหวังงาบเปอร์เซ็นต์ เขาหันไปมองเรรินที่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวทีวีอยู่
“ดิฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายค่ะ ถ้างานผ้าทอมือจะต้องสูญหายไป เพราะผ้าทอผืนหนึ่งบอกเล่าอะไรๆได้มากมาย ทั้งศรัทธา ความเชื่อ ชีวิตความเป็นอยู่ สังคมของกลุ่มคนที่ทอผ้านั้นๆ ดิฉันเชื่อว่าผ้าทอทุกผืนมีชีวิตจิตใจ เพราะอย่างน้อยที่สุดกว่าผ้าซักผืนหนึ่งจะทอเสร็จ คนที่ทอจะต้องใส่หัวใจ และความรักที่จะทอลงไปในผ้าทอผืนนั้นค่ะ”
เรรินพูดจบ ธนินทร์ก็เข้ามาคว้าตัวพาไปพบลูกค้าชาวต่างชาติ เพื่อเจรจาซื้อขายผ้าทอผืนงาม แต่เรรินปฏิเสธไม่ยอมขาย
ธนินทร์เข้าใจว่าเรรินต้องการโก่งราคา จึงหันไปบอก กับลูกค้าว่า ขอเพิ่มเป็นหนึ่งพันยูเอส เรรินได้ฟังก็โกรธสวนทันทีว่า เธอไม่ขายผ้าผืนนั้นอย่างแน่นอน แล้วเดินหนีไปด้วย อารมณ์ขุ่นมั่ว
“ริน...ริน” ธนินทร์ร้องเรียก ขณะที่ลูกค้าต่างชาติเบ้ปากใส่
เวลาเดียวกันนั้น วันดาราก็พาคนงานจากรีสอร์ตมาช่วยทำความสะอาดบ้านให้บัวเงินผู้มีศักดิ์เป็นย่า ส่วนตัวเธอเข้าไปนำผ้าซิ่นโบราณที่บัวเงินเก็บไว้ออกมาคลี่พึ่งลม พลางพูดชื่นชมเพราะไม่เคยเห็นผ้าที่ไหนงามเท่า
บัวเงินที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้โยกตรงมุมโปรด เห็นอาการวันดาราก็ตำหนิ “รื้อออกมาทำไมให้มันรกบ้านช่อง เจ้านี่จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องนะวันดารา ข้าให้มาช่วยทำความสะอาดเรือนเฉยๆ ไม่ใช่ให้มารื้อข้าวของของข้า”
“แต่ผ้าเก่าพวกนี้ต้องเอาออกผึ่งลมบ้างนะเจ้าคุณย่า ไม่อย่างนั้นมันจะกินตัว”
“มันจะกินตัวผุพังยังไงก็ช่างมัน” บัวเงินไม่ใส่ใจนัก
วันดาราสบโอกาสเอ่ยปากขอผ้าไปดูแลเอง แต่บัวเงินไม่ยอมอ้างว่า กลัววันดาราจะเอาผ้าไปขาย
“ข้าเจ้าบ่ได้คิดจะเอาไปขาย แค่อยากจะนำไปเก็บ ฮักษาไว้ให้ดี ให้ละอ่อนรุ่นหลังได้ศึกษาชื่นชมบ้างเท่านั้นเองเจ้าคุณย่า”
“ให้พูดหวานหูดูดียังไง ข้าก็บ่เชื่อเจ้าดอก เพราะสมบัติทุกชิ้นของข้า ข้าจะยกให้หลานชายข้าคนเดียว” ขาดคำ สุริยวงศ์ก็ขึ้นเรือนมาพอดี
“อายุยืนจริง คุณย่าเพิ่งพูดถึงเธออยู่พอดีเลย สุริยะ” วันดาราทัก
“ผมเพิ่งเคลียร์งามที่ร้านเสร็จน่ะครับ” สุริยวงศ์ตรงเข้ามากราบที่ตักบัวเงิน
“ไหว้พระเถอะหลาน ย่านึกว่าเจ้าจะบ่มาเสียแล้วหมั่นมาหาย่าบ่อยๆ ไม่ยังงั้นวันดารามันจะลักขโมยของโบราณย่าไปซะหมด ผ้าหีบนั้นน่ะมันอยากได้จนตัวสั่น ผ้าพวกนั้นน่ะย่าจะยกให้เจ้านะ”
“สุริยะเปิ้นจะเอาไปยะหยังคุณย่า เปิ้นเป็นผู้บ่าว” วันดาราล้อ
“เปิ้นก็เอาไว้หื้อเมียเปิ้นซิ”
“วงพระจันทร์น่ะเหรอเจ้าจะมาสนใจผ้าโบราณ คุณย่ามองคนผิดเสียแล้ว” วันดาราส่ายหน้า
“จะใดก็ช่าง แม่ญิงที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ย่า ก็ต้องฮักแล้วก็ภูมิใจในสายเลือดล้านนาของเฮาเน้อหลานเน้อ” บัวเงินกำชับสุริยวงศ์ แล้วเปลี่ยนเรื่องชวนหลานทั้งสองออกไปรับน้ำชาที่หน้าบ้าน พลางถามถึงวงพระจันทร์คู่หมายของสุริยวงศ์
สุริยวงศ์สบตากับวันดาราแวบหนึ่งก่อนตอบว่า วงพระจันทร์บินไปดูเรื่องธุรกิจที่กรุงเทพฯได้สองสามวันแล้ว บัวเงินถอนใจบ่นต่อ “วงพระจันทร์น่ะอะไรๆก็ดีอยู่หรอก เสียอยู่อย่างเดียว ปรู๊ดปร๊าดไปหน่อย แต่จะว่าไปแล้วย่าก็ไม่เห็นใครจะสมกับเจ้ามากไปกว่าวงพระจันทร์หรอก เพราะอย่างน้อยก็สายเลือดเจ้าล้านนาเหมือนกัน”
“คุณย่าครับ เรื่องแบบนี้คงต้องดูกันไปอีกนาน ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ” สุริยวงศ์ออกตัว
“ย่ารู้...คนหัวสมัยใหม่อย่างเจ้าก็คงอยากจะเลือกเมียด้วยตัวเอง ถึงเจ้ากับวงพระจันทร์จะบ่มีวาสนาต่อกัน ก็จงจำคำย่าเอาไว้ จะหาเมียก็อย่าให้ได้แม่ญิงต่ำต้อยกว่าวงพระจันทร์ เพราะเจ้าต้องภาคภูมิใจ๋ในชาติกำเนิดของเจ้าให้มากๆ เข้าใจคำย่าก๊า” บัวเงินกำชับ
“เข้าใจครับ คุณย่า” สุริยวงศ์จำใจรับปาก
ooooooo
ธนินทร์มาส่งเรรินที่บ้านทั้งสองมีปากเสียงกันมาตลอดทาง เพราะธนินทร์ไม่พอใจที่เรรินไม่ยอมขายผ้าทอผืนนั้น แถมยังพูดจาดูถูกเพราะไม่เห็นคุณค่าของผลงาน พรรณวรินทร์ได้ยินเสียงเอะอะก็ออกมาดู เห็นลูกสาวยืนเถียงอยู่กับคู่หมั้น แล้วเรรินก็วิ่งหนีขึ้นห้อง เพราะโกรธที่ธนินทร์ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย
“มีเรื่องอะไรกัน ธนินทร์” พรรณวรินทร์เป็นงง
“ลูกค้าฝรั่งจะขอซื้อผ้าชิ้นใหญ่ ให้ราคาตั้งสองแสนกว่า แต่รินเขาไม่ยอมขาย อย่างนี้โง่หรือบ้ากันแน่ครับ ลูกสาวคุณแม่” ธนินทร์ต่อว่าแล้วผลุนผลันออกไป
พรรณวรินทร์ได้แต่มองตาม แล้วขึ้นไปดูลูกบนห้อง เห็นเรรินหยิบยาแก้ไมเกรนมากินแล้วดื่มน้ำตาม
“ธนินทร์เขาก็คงหวังดีนะลูก แม่ว่าเรื่องแบบนี้น่าจะค่อยๆพูดค่อยๆจากันได้” พรรณวรินทร์เอ่ย
“ยากค่ะแม่...เขามองทุกอย่างเป็นธุรกิจ คบกันมาตั้งหลายปี แต่เขาเหมือนไม่รู้จักตัวตนแท้ๆของรินเลย อย่างนี้ก็คงไปด้วยกันไม่รอดหรอกค่ะแม่”
“เขาก็คงแค่คิดอยากจะช่วยรินจัดการโน่นนี่เท่านั้นมังลูก คิดซะว่าเขาหวังดี”
“แต่ถ้าล้ำเส้นมาถึงขนาดจัดการกับชีวิตรินด้วย รินก็คงรับไม่ได้หรอกนะคะแม่” เรรินประกาศตัว
พรรณวรินทร์พูดไม่ออก แต่เข้าใจลูกดี
ด้านวันดาราหลังจากจิบน้ำชากับบัวเงินแล้วก็พาเด็กๆไปทำความสะอาดที่ห้อง ซึ่งถูกปิดตายมานานแล้ว แต่บัวเงินห้ามไว้ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด และสั่งห้ามทุกคนมายุ่งกับห้องนี้ วันดาราจ๋อยรีบพาเด็กไปทำความสะอาดที่อื่น
“ตั้งแต่ผมเด็กๆห้องนี้ก็ถูกปิดตายมาตลอด ห้องอะไรเหรอครับคุณย่า” สุริยวงศ์ถามบัวเงิน
“ห้องเก็บของธรรมดา บ่มีอะหยัง” บัวเงินเดินออกไป
เมื่อเสร็จงานที่บ้านบัวเงิน สุริยวงศ์ก็อาสามาส่งวันดารา
ที่ร้านอาหาร เขาขอโทษพี่สาวแทนคุณย่า แต่วันดาราไม่ถือสาด้วยรู้ดีว่า บัวเงินเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ลูกหลานจึงเข้าหน้าไม่ติดจะมีก็เพียงสุริยวงศ์เท่านั้นที่เป็นหลานรัก
“เปิ้นหวังในตัวสุริยะมากนะ แล้วจะทำให้เปิ้นผิดหวังไหมล่ะ เรื่องวงพระจันทร์น่ะ” วันดารากระเซ้า
“ผมเห็นวงพระจันทร์เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งมากกว่าครับ พี่วัน เพราะการจะเลือกใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตเรา มันบ่แม่นเลือกเสื้อผ้าสิ่งของมาสวมมาใส่นี่ครับ พี่วัน”
“งั้นพี่ขอถามตรงๆ ถ้าบ่ใช่วงพระจันทร์ งั้นตอนนี้สุริยะมองใครอยู่ละน้อง”
“บ่มีผู้ใดดอกครับ พี่วัน ผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีใครบางคนรอคอยผมอยู่ และผมเองก็รอคอยที่จะเจอแม่ญิงคนนั้นด้วยครับ เพียงแต่ผมบ่ฮู้ว่าเมื่อใดเราจะได้พบกันเท่านั้นเองครับพี่วัน” สุริยวงศ์มองไปที่ต้นปีบหน้าร้าน เห็นออกดอกขาวสะอาดตาเต็มต้น
ooooooo
เรรินเข้ามาเคลียร์งานในมหาวิทยาลัย เธอเก็บดอกปีบที่ร่วงอยู่หน้าตึกด้วยความหลงใหลในรูปทรง สรัญญาเดินคุยมากับเพื่อนอาจารย์สวนออกมาพอดี เธอหยุดทักทายเรรินพลางประชดประชันเรื่องโก่งราคาขายผ้าทอให้ลูกค้าต่างชาติ เรรินนึกเอะใจสงสัยว่า ต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นแน่ จึงรีบกลับไปที่ห้องจัดแสดงผลงานก็พบว่า ผ้าทอผืนนั้นไม่มีแล้ว
เรรินไม่รอช้าบุกไปถามความจริงกับธนินทร์ที่บริษัทโฆษณา ธนินทร์ยืดอกรับว่า ขายผ้าชิ้นนั้นไปแล้ว และเย็นนี้จะนำเงินไปให้
“ขอบใจมากนะคะธนินทร์ วันนี้คุณทำให้รินตัดสินใจอะไรๆได้เยอะทีเดียว” เรรินเดินออกไปทันที
เรรินกลับมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้พรรณวรินทร์ฟัง เธอได้รับคำปลอบว่า ธนินทร์คงทำไปเพราะหวังดี
“รินไม่ถือว่านี่คือความหวังดีค่ะแม่ เขาเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตรินมากเกินไปแล้ว รินรับไม่ได้ค่ะ และรินก็ตัดสินใจแล้วว่า รินกับเขาคงไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆ” เรรินเช็ดน้ำตาพลางเก็บเสื้อผ้าไปพลาง
“อย่าให้ถึงกับถอนหมั้นเลยนะลูก อุตส่าห์คบหากันมาตั้งหลายปี แล้วนี่ลูกจะไปถึงไหน”
“รินก็ยังไม่ทราบค่ะแม่...แต่รินจะโทร.กลับมา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงรินนะคะ รินดูแลตัวเองได้ รินขอแค่ไม่ต้องเห็นหน้า เขา ขอเวลาให้รินได้สงบสติอารมณ์ ไปให้ไกลจากรุงเทพฯซักพักเท่านั้นเองค่ะแม่” เรรินกอดลาแม่ แล้วหิ้วกระเป๋าเดินออกไป
ooooooo
เรรินมาสงบสติอารมณ์ที่เชียงใหม่ เธอแวะเวียนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อชมการทอผ้า และได้พบกับสุริยวงศ์ที่อาสามารับผ้าทอจากคนในหมู่บ้านที่แม่แจ่มให้วันดารา ชายหนุ่มถึงกับตะลึงรู้สึกเหมือนได้พบคนที่รอคอย แต่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จัก เรรินก็จากไปเสียแล้ว สุริยวงศ์ใจแป้วบอกไม่ถูก แต่แล้วสวรรค์ก็เป็นใจช่วยให้สุริยวงศ์ได้พบกับเรรินอีกครั้ง เพราะเธอชมการทอผ้าเพลินจนมาไม่ทันรถเข้าเมืองเที่ยวสุดท้าย ชาวบ้านจึงฝากให้เธอมากับสุริยวงศ์
สุริยวงศ์ชวนเรรินคุยในระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันหวังจะได้รู้จักเธอมากขึ้น แต่เรรินยังคงปิดบังตัวเองเธอส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วหันไปมองทิวทัศน์ข้างทาง สุริยวงศ์แอบมองเรริน พลางเก็บภาพเธอไว้ในใจ
สุริยวงศ์พาเรรินแวะมาที่โครงการหลวง ดอยอินทนนท์ เพราะมีธุระต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่
“ถ้าคุณไม่อยากรอที่รถจะเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้นะครับ ทางโน้นเป็นน้ำตก” สุริยวงศ์แนะนำ
เรรินสนใจเดินแยกออกไปทางน้ำตก ส่วนสุริยวงศ์เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ด้านใน
เรรินยืนมองน้ำตกด้วยความตื่นตาตื่นใจ รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แต่แล้วธนินทร์ก็โทร.มา
กวนใจเพราะอยากรู้ว่าเธออยู่ไหน แต่เรรินไม่ยอมรับสาย เธอกดปิดเครื่องแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่ถุงย่าม เพราะไม่อยากให้ความเบิกบานเหือดหาย
ธนินทร์ไม่พอใจที่ติดต่อเรรินไม่ได้ จึงหันมาโวยใส่พรรณวรินทร์ พรรณวรินทร์เริ่มเครียดตาม
“แม่ว่าอย่างเก่งรินเขาก็คงไปแค่สองสามวันเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว แล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ”
ส่วนเรริน เธอยังยืนนิ่งมองน้ำตก คิดเรื่องปัญหาชีวิตตัวเอง สุริยวงศ์เข้ามาตามชวนกลับเข้าเมือง แต่เห็นเรรินยืนนิ่งจึงเอื้อมมือมาแตะต้นแขน เรรินสะดุ้งหันมา
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ เราไปกันเถอะครับ”
“ค่ะ” เรรินเดินออกไปที่รถ แต่สุริยวงศ์เรียกไว้ชวนให้ดื่มกาแฟกับทานของว่างด้วยกันก่อนเพราะวันดาราเตรียมใส่รถมาให้ด้วย
เรรินรับกาแฟกับของว่างนั่งทานที่มุมหนึ่งและคิดเอาเองว่าคนที่เตรียมกาแฟกับของว่างมาให้คือภรรยาของสุริยวงศ์นั่นเอง
ooooooo
รถของสุริยวงศ์แล่นเข้ามากลางเมืองเชียงใหม่ เรรินให้เขาจอดรถส่งเธอลงแถวที่มีที่พักให้เลือก หลายแห่ง สุริยวงศ์ได้โอกาสจะแนะนำให้ไปพักที่ภูหมอก ทะเลดาวรีสอร์ตของวันดารา แต่ไม่ทันเพราะเรริน ชิงพูดขึ้นก่อน
“ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ให้ฉันอาศัยรถมาด้วย” ขอบคุณสำหรับกาแฟแล้วก็ของว่างด้วยค่ะ” เรรินหอบกระเป๋าเป้ลงจากรถไปทันที
สุริยวงศ์ได้แต่มองตามพลางทอดถอนใจ เพราะคงจะได้รู้จักแค่นี้ แต่แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็น ดอกปีบที่เคยเสียบผมเรรินตกอยู่ข้างเบาะ เขาหยิบมันขึ้นเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนเรรินเมื่อแยกกับสุริยวงศ์แล้วก็เข้ามาไหว้พระในวัดแห่งหนึ่ง ขณะที่ก้มลงกราบพระ เธอได้ยินเสียงผู้ชายมากระซิบข้างหู “น้องกลับมาแล้วหรือเจ้าริน”
เรรินตกใจหันมองหาเจ้าของเสียง พบชายหนุ่มแต่งตัวแบบโบราณ ยืนยิ้มให้อยู่ด้านนอกเขตวิหาร เรรินแปลกใจ หันกลับมามองรอบตัวว่า เขายิ้มให้ใคร แล้วหันไปมองชายหนุ่ม อีกครั้ง แต่ไม่เห็นใครแล้ว เธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป
ขณะที่สุริยวงศ์กลับมานั่งถอนใจเฮือกๆ อยู่ในรีสอร์ต วันดาราเดินออกมาเห็นก็ร้องทักว่ากลุ้มใจอะไรหนักหนา สุริย– วงศ์เปรยกับพี่เรื่องเรริน เพราะคงหมดหวังจะได้พบเธออีกสุริยวงศ์พาเรรินแวะมาที่โครงการหลวง ดอยอินทนนท์ เพราะมีธุระต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่
“ถ้าคุณไม่อยากรอที่รถจะเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้นะครับ ทางโน้นเป็นน้ำตก” สุริยวงศ์แนะนำ
เรรินสนใจเดินแยกออกไปทางน้ำตก ส่วนสุริยวงศ์เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ด้านใน
เรรินยืนมองน้ำตกด้วยความตื่นตาตื่นใจ รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แต่แล้วธนินทร์ก็โทร.มา
กวนใจเพราะอยากรู้ว่าเธออยู่ไหน แต่เรรินไม่ยอมรับสาย เธอกดปิดเครื่องแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่ถุงย่าม เพราะไม่อยากให้ความเบิกบานเหือดหาย
ธนินทร์ไม่พอใจที่ติดต่อเรรินไม่ได้ จึงหันมาโวยใส่พรรณวรินทร์ พรรณวรินทร์เริ่มเครียดตาม
“แม่ว่าอย่างเก่งรินเขาก็คงไปแค่สองสามวันเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว แล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ”
ส่วนเรริน เธอยังยืนนิ่งมองน้ำตก คิดเรื่องปัญหาชีวิตตัวเอง สุริยวงศ์เข้ามาตามชวนกลับเข้าเมือง แต่เห็นเรรินยืนนิ่งจึงเอื้อมมือมาแตะต้นแขน เรรินสะดุ้งหันมา
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ เราไปกันเถอะครับ”
“ค่ะ” เรรินเดินออกไปที่รถ แต่สุริยวงศ์เรียกไว้ชวนให้ดื่มกาแฟกับทานของว่างด้วยกันก่อนเพราะวันดาราเตรียมใส่รถมาให้ด้วย
เรรินรับกาแฟกับของว่างนั่งทานที่มุมหนึ่งและคิดเอาเองว่าคนที่เตรียมกาแฟกับของว่างมาให้คือภรรยาของสุริยวงศ์นั่นเอง
ooooooo
รถของสุริยวงศ์แล่นเข้ามากลางเมืองเชียงใหม่ เรรินให้เขาจอดรถส่งเธอลงแถวที่มีที่พักให้เลือก หลายแห่ง สุริยวงศ์ได้โอกาสจะแนะนำให้ไปพักที่ภูหมอก ทะเลดาวรีสอร์ตของวันดารา แต่ไม่ทันเพราะเรริน ชิงพูดขึ้นก่อน
“ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ให้ฉันอาศัยรถมาด้วย” ขอบคุณสำหรับกาแฟแล้วก็ของว่างด้วยค่ะ” เรรินหอบกระเป๋าเป้ลงจากรถไปทันที
สุริยวงศ์ได้แต่มองตามพลางทอดถอนใจ เพราะคงจะได้รู้จักแค่นี้ แต่แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็น ดอกปีบที่เคยเสียบผมเรรินตกอยู่ข้างเบาะ เขาหยิบมันขึ้นเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนเรรินเมื่อแยกกับสุริยวงศ์แล้วก็เข้ามาไหว้พระในวัดแห่งหนึ่ง ขณะที่ก้มลงกราบพระ เธอได้ยินเสียงผู้ชายมากระซิบข้างหู “น้องกลับมาแล้วหรือเจ้าริน”
เรรินตกใจหันมองหาเจ้าของเสียง พบชายหนุ่มแต่งตัวแบบโบราณ ยืนยิ้มให้อยู่ด้านนอกเขตวิหาร เรรินแปลกใจ หันกลับมามองรอบตัวว่า เขายิ้มให้ใคร แล้วหันไปมองชายหนุ่ม อีกครั้ง แต่ไม่เห็นใครแล้ว เธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป
“อ้อที่กลับมานั่งถอนใจเฮือกๆอยู่นี่ ก็เพราะแม่ญิงผู้นี้นี่เอง ใจ้ก่อ เปิ้นคงจะงามขนาดเลยเน้อ แล้วถ้าเปิ้นสนใจผ้าทอ ได้หื้อนามบัตรปี้ไปก่อ”
“ผมบ่ทันได้นึกครับ โอย ผมนี่แย่ขนาด” สุริยวงศ์เซ็งตัวเอง
“เอาล่ะ ปี้เชื่อแล้วว่าเปิ้นคงจะงามแต๊ๆ งามจนน้องของปี้ตะลึงจนคิดอะหยังบ่ออก เอาเต๊อะ คนเฮาถ้ามีวาสนาต่อกันก็คงจะได้ปะกันแหม อย่าพะวงหลงใหลจนเก็บเอาไปนอนฝันคืนนี้ก็แล้วกันเน้อ” วันดาราล้อ
สุริยวงศ์ไม่ตอบโต้แต่ขอตัวกลับไปดูแลร้านอาหารกาสะลองของตัวเองบ้าง เป็นเวลาเดียวกับที่เรรินเข้าไปใช้บริการในร้านพอดี เพราะสนใจที่มีดอกปีบตกแต่งร้าน
“อ๋อ...ดอกกาสะลองเป็นชื่อร้านน่ะเจ้า เจ้าของร้านเปิ้นฮักดอกกาสะลองมากเจ้า” พนักงานเข้ามาคุย
“กาสะลอง...พี่เพิ่งรู้ว่าภาษาเหนือเรียกดอกปีบว่า กาสะลอง...ขอบคุณนะคะ”
“เจ้า...” พนักงานออกไปส่งใบออเดอร์ที่มุมกาแฟ
เรรินหยิบดอกปีบจากแก้วน้ำมาดมพลางกวาดตามองไปรอบๆร้านก็สะดุดเข้ากับภาพถ่ายขาว-ดำ ที่แขวนตกแต่งอยู่ในร้าน เธอลุกไปดูเห็นเป็นภาพคุ้มหลวงในอดีตจึงเอ่ยถามพนักงาน
“น้องคะ...นี่รูปถ่ายบ้านใครคะ”
“คุ้มหลวงเจ้า ตอนนี้เปิ้นทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ถ้าคุณชอบของเก่าๆ ก็แวะไปชม ได้เจ้า”
เรรินสนใจ ขยับเข้าไปดูรูปใกล้ๆ เหมือนถูกแรงดึงดูด และเห็นภาพถัดไปมีชายสองคนถ่ายภาพด้วยกันแต่เห็นหน้าไม่ชัด จึงเพ็งมองก็เห็นเงาสะท้อนเป็นชายคนเดียวกับที่ยิ้มให้ที่วัด เรรินหันไปมองด้านหลัง แต่ก็ไม่พบใคร หล่อนงงกับความตาฝาดของตัวเอง จึงตัดใจเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินและรับกาแฟ และเห็นว่ามีโบรชัวร์ “ภูหมอก-ทะเลดาว” วางอยู่ด้านหน้าจึงเปิดอ่านด้วยความสนใจ แล้วเดินออกไปโทร. ติดต่อเพื่อเข้าพัก ทำให้คลาดกับสุริยวงศ์ที่เพิ่งมาถึงไปเพียงเสี้ยววินาที
เรรินมาที่ภูหมอก-ทะเลดาว วันดารารีบออกมาต้อนรับและจะเปิดห้องตัวอย่างให้ชม แต่เรรินตัดสินใจเช็กอินเลยเพราะบรรยากาศถูกใจมาก
ค่ำวันเดียวกัน บัวเงินยังนั่งทอดอาลัยอยู่ที่มุมประจำ เธอมองภาพถ่ายเก่าๆพลางรำพึง
“เกือบเก้าสิบปี มันยาวนานเกินไปแล้ว เจ้าพี่ เจ้าพี่ลงโทษน้องด้วยความทรมานเยี่ยงนี้ มันนานเกินไปแล้ว เมื่อใดจึงจะสาสมใจเจ้าพี่เสียที” บัวเงินนิ่งงันด้วยความเจ็บปวด ไฟเปิดสว่างขึ้น เสียงบ่าวร้องเมี้ยวๆๆเรียกหาแมวที่เลี้ยงไว้
“ผู้ใดให้คิงเปิดไฟ” บัวเงินตวาด
“สุมาเต๊อะเจ้า ข้าเจ้าบ่ฮู้ว่าแม่คุณอยู่ตรงนี้ ข้าเจ้าตามหาอีปลอดมันน่ะเจ้า มันหายไปแต่เช้าแล้วคลุกข้าวกับปลาทูหื้อ มันก็บ่มากิน”
“เดี๋ยวมันหิวมันก็กลับมาเอง แค่แมวตัวเดียว จะอะไรกันนักหนา ปิดไฟ” บัวเงินเสียงแข็ง
“เจ้า...แม่คุณเจ้า” บ่าวลนลานไปปิดไฟแล้วรีบออกไป
ooooooo
สุริยวงศ์เข้าช่วยงานในครัวเพราะแขกเยอะมาก อาหารออกไม่ทัน วงพระจันทร์ที่เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯเข้ามาปิดตาเซอร์ไพรส์ให้ทายว่าใครเอ่ย
“วงพระจันทร์ ผมกำลังทำงานอยู่” สุริยวงศ์ดุนิดๆ
“ว้า...อุตส่าห์เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมแล้วนะเนี้ย สุริยะยังรู้อีกว่าเป็นวงพระจันทร์ไปคุยกันข้างนอกเถอะค่ะ ในนี้อึดอัดอุดอู้ยังกะอะไรดี” วงพระจันทร์ชวน
“ลูกค้าเยอะ ผมต้องช่วยงานในนี้ คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะ”
“แหม...ไม่โรแมนติกซะเลย วงพระจันทร์จะมาชวนสุริยะไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน เลดี้กาก้าเปิดคอนเสิร์ตรอบเดียวที่โตเกียวนะคะ”
“ผมไปไม่ได้หรอก มีงานต้องทำอีกเยอะ”
“อะไรกันคะ เลดี้กาก้าเชียวนะ คุณนี่ชีวิตจะทำแต่งานๆๆ รึไงคะ ทำไมไม่รู้จักให้กำไรกับตัวเองบ้างเลย ไม่รู้ละ วงพระจันทร์จองตั๋วเอาไว้แล้วด้วย ยังไงคุณก็ต้องไป เพราะตั๋วเครื่องบินวงพระจันทร์ก็จองเป็นชื่อคุณแล้ว เรื่องของวีซ่าน่ะเรื่องเล็ก” วงพระจันทร์หยิบตั๋วเครื่องบินขึ้นมาอวด
สุริยวงศ์ทำหน้าเซ็งสุดๆ เป็นเวลาเดียวกับที่เรรินโทร.บอกพรรณวรินทร์ว่า เธออยู่เชียงใหม่และกำชับไม่ให้บอกเรื่องนี้กับธนินทร์
“แม่ว่ามีอะไรก็คุยกันตรงๆดีกว่านะลูก”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นละค่ะแม่ แต่คงไม่ใช่เวลานี้ แล้วรินจะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ เท่านี้ก่อนนะคะแม่แล้วรินจะโทร.กลับมาใหม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงรินนะคะ รินสบายดี...รักแม่ค่ะ” เรรินกดปิดโทรศัพท์
พรรณวรินทร์ได้แต่ถอนใจแล้วลุกไปเปิดประตูเพราะได้ยินเสียงคนกดออดเรียก เธอเห็นธนินทร์ยืนหิ้วถุงอาหารรออยู่หน้าบ้าน
“ผมซื้อของกินมาตั้งหลายอย่างแน่ะครับ” ธนินทร์คุย
“กินกับแม่สิ แม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี กินคนเดียวก็เหงา”
“รินเขาโทร.มาบ้างรึเปล่าครับ”
“ก็...โทร.มาลูกแต่เขาไม่บอกว่าอยู่ไหน บอกแต่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะกลับมาจ้ะ” พรรณวรินทร์จำใจโกหก
“ผมคงได้แต่หวังว่ารินเขาคงจะโกรธผมไม่นานนะครับคุณแม่”ธนินทร์แสร้งถอนใจ เพราะถึงเรรินจะไม่อยู่เขาก็ยังเหลือสรัญญาอีกคน
ooooooo
เรรินออกมาเดินเล่นจนเห็นแกลลอรี่เล็กๆในรีสอร์ต และสิ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษ คือ ผ้าทอหลายชิ้นจากแม่แจ่ม จึงหันไปชื่นชมกับวันดาราที่หอบผ้าอีกชุดเข้ามา
“คุณเรรินชอบผ้าทอมือเหมือนกันเหรอคะ”วันดาราชวนคุย
“ดิฉันเป็นอาจารย์สอนทอผ้าในมหาวิทยาลัยค่ะ”
“อ้าว...ตายจริง...เกือบจะเอามะพร้าวมาขายสวนซะแล้ว”
“ดิฉันไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายหรอกค่ะ ยังต้องค้นคว้าหาข้อมูลความรู้อีกเยอะ ผ้าซิ่นผืนนั้นสวยจังเลยค่ะ” เรรินหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาดู
“คุณเรรินชอบผ้าเก่าไหมคะ ที่นี่โชว์ผ้าเก่าไม่มาก แต่ถ้าคุณเรรินสนใจ ดิฉันแนะนำให้ไปชมที่เก็ดถะหวาค่ะเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวเล็กๆ แต่มีผ้าเก่าคุ้มระดับคุ้มเจ้าหลวงล้านนาเยอะทีเดียวค่ะ”
“น่าสนใจจังเลยค่ะ...เก็ดถะหวา”
“เก็ดถะหวา เป็นชื่อดอกไม้น่ะค่ะ คนเหนือเรียก
เก็ดถะหวา คนกรุงเทพฯเรียก ดอกพุด”
“อ๋อ...ชื่อเพราะจังเลยนะคะ เก็ดถะหวา คือ ดอกพุด กาสะลอง คือ ดอกปีบ” เรรินรำพึง
ไทยรัฐออนไลน์
- โดย บทประพันธ์ พงศกร จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ยิ่งยศ ปัญญา
- 24 สิงหาคม 2554, 09:20 น.
Subscribe to:
Posts (Atom)