Thursday, May 9, 2013

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอน7 ละคร ช่อง3




ตอนที่ 7

ที่วังจุฑาเทพ...

เช้านี้ ขณะหม่อมเอียดกำลังให้บ่าวนวดให้อยู่นั้น ย่าอ่อนที่เพิ่งหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูก็ร้องอย่างตกใจ

“ตายแล้ว ตายๆๆๆๆ!”

แล้วย่าอ่อนก็เอาหนังสือพิมพ์ให้หม่อมเอียดดู หม่อมเอียดไม่ได้ใส่แว่นเห็นภาพลางๆถามว่า

“ผู้ชายคนนั้น....ชายภัทรใช่ไหม...อ๋อ...ภาพจากงานเลี้ยงวังท่านชายเกริกเมื่อคืนนี้ ชายภัทรดูสง่ามาก”

ย่าอ่อนทนไม่ได้ชี้ให้ดูผู้หญิงที่เต้นคู่กับชายภัทร พูดย้ำเสียงคับแค้นใจว่า

“ผู้ หญิงคนนี้คือกรองแก้วค่ะคุณพี่” หม่อมเอียดถามว่าเป็นภรรยาทูตที่ไหนหรือ “นี่คุณพี่จำไม่ได้เลยเหรอคะ กรองแก้วคนนี้คือนางสาวศรีสยามคนล่าสุด คนที่ตกเวทีแล้วก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลของชายภัทรไงล่ะคะ คุณพี่ดูสิคะ ชายภัทรยิ้มปากแทบจะถึงหู อย่างนี้ไม่ปกติแล้วนะคะคุณพี่”

หม่อมเอียดยังเชื่อมั่นในชายภัทรว่าไม่ใช่คนเหลวไหลคงไม่มีอะไรเกินเลยกัน แต่ย่าอ่อนไม่เชื่อ ชี้ให้ดูรูปย้ำว่า

“ดูรูปสิคะ เต้นกันแนบเนื้อขนาดนี้ คุณพี่จะไม่เป็นกังวลได้หรือคะ”

“จริงของเธอ ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้ชายภัทรเสียทีแม่ยั่วเมืองคนนี้ไม่ได้” หม่อมเอียดร้อนใจขึ้นมาทันที

พอดีมารตีถือหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนั้นมาฟ้องหม่อมเอียดกับย่าอ่อนว่า

“พี่ ชายภัทรไม่เคยไว้หน้ามารตีเลย เมื่อคืนพี่ชายภัทรก็หายตัว ทิ้งให้มารตีหาทางกลับเองอีกแล้ว แล้วนี่...มันควรจะเป็นภาพคู่ของพี่ชายภัทรกับมารตีไม่ใช่เหรอคะ พี่ชายภัทรทำอย่างนี้แล้วมารตีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

มารตีโวยวายคร่ำครวญเสียงเครือน้ำตาคลอ จนย่าอ่อนต้องกอดปลอบให้ใจเย็นๆ ส่วนหม่อมเอียดสั่งพวกบ่าวหน้าเครียดอย่างโมโหจัด

“ทำไมชายภัทรถึงได้เหลวไหลอย่างนี้...ไปตามชายภัทรมาไป!”

ooooooo

พวกบ่าวพากันรีบไปทางใครทางมัน ไม่นาน สมศรีก็กระหืดกระหอบมาบอกว่าชายภัทรไม่อยู่ พูดแล้วหยุดหอบจนย่าอ่อนถามว่าไปทำงานแล้วหรือ

“คือ...คือคุณชายภัทร ไม่ได้กลับบ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับกระหม่อม” สมบุญตามมาถึงเลยช่วยเล่าต่อ

“เห็น ไหมคะหม่อมย่า” มารตีโวยทันที “แบบนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้ว ต้องเกิดเรื่องบัดสีขึ้นกับวงศ์ตระกูลของเราแล้วค่ะ มารตีจะไปฟ้องท่านพ่อ พี่ชายภัทรจะต้องรับผิดชอบที่ทรยศ”

“ต๊ายตาย...เสื่อม! เสื่อมมากๆ ชายภัทรที่เคยเป็นคนดีมาตลอด ต้องมาเสียผู้เสียคนกันคราวนี้” ย่าอ่อนไม่เบากว่ามารตี จนหม่อมเอียดต้องปรามว่า

“พอๆๆ หยุดฟูมฟายกันได้ไหม เรายังไม่รู้อะไรกันทั้งนั้น นอกจากชายภัทรไม่กลับบ้าน ก่อนที่จะสรุปอะไร เราต้องรู้กันให้ได้ก่อนสิว่า ชายภัทรไปไหน มีปัญหาหรือเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ต้องหาเจ้าตัวเขาให้ได้ก่อน แล้วฟังเหตุผลของเขาด้วย”

เสียงปรามของหม่อมเอียด ทำให้ทุกคนเงียบไป แม้จะแอบขัดใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายอีก

ooooooo
บ้านพักตากอากาศจุฑาเทพที่หัวหิน...บรรยากาศยามเช้าริมทะเลสวยงาม สดชื่น สงบ มีสายลมและเสียงคลื่นที่ขับกล่อมหยอกล้อกันอยู่ชั่วนาตาปีให้ชายทะเลมีชีวิตชีวา...

ชายภัทรเพิ่งตื่นลุกจากโถงห้องรับแขกเดินไปดูห้องใหญ่ที่จัดให้แก้วนอน เห็นทุกอย่างในห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยสวยงาม ชุดราตรีที่แก้วใส่เมื่อคืนอยู่ในไม้แขวนเสื้อแขวนไว้ที่มุมห้อง

แต่ในห้องไม่มีแก้วแล้ว...ชายภัทรสงสัยจึงเดินลงมา เห็นตาชุ่มกำลังกวาดทรายที่พื้นซีเมนต์ และยายนวลก็กำลังจัดโต๊ะอาหารวางชาม ช้อนและแก้วน้ำไว้สองที่

ชายภัทรยกมือไหว้ตาชุ่มกับยายนวลเอ่ยสวัสดีตอนเช้า ถามว่าสบายดีกันไหม

“โอ๊ย...คุณชาย หลับสบายไหมคะ...ต้องขอ ประทานโทษคุณชายด้วยที่ห้องอื่นๆไม่พร้อมรับแขก ตุ่มเลยเปิดใช้ห้องนอนประธานของบ้านได้ห้องเดียว ห้องอื่นมันทั้งรกทั้งฝุ่น” ยายนวลพูดออกตัวยืดยาว

“ยายนวลจ๋า...ไม่เป็นไรเลย ชายผิดเองที่มาแบบกะทันหัน ทุกอย่างสะอาดสะอ้านสะดวกสบายดีแล้วจ้ะ...” ชายภัทรพูดพลางมองหา ถามตาชุ่มว่า “เอ้อ...ตาชุ่ม แก้วล่ะ?”

ตาชุ่มบุ้ยไปทางห้องครัว ชายภัทรยิ้มให้แล้วเดินลิ่วไป ตาชุ่มกับยายนวลมองตากันปึ๊บทันที

ooooooo

ในครัวที่กว้างและมีเครื่องครัวทันสมัย แก้วกำลังหมุนไปหมุนมาอยู่กับเตาถ่านสองเตา เตาหนึ่งตั้งหม้ออีกเตาตั้งกระทะเจียวกระเทียมหอมฉุย บนโต๊ะมีผักและเครื่องที่เตรียมทำอาหารวางไว้พร้อมแล้ว ดูน่าสนุก

“หอมจัง...คนเก่งทำอะไรเอ่ย...” ชายภัทรทักพลางเดินเข้ามา

“คุณชายตื่นแล้วหรือคะ หิวรึยัง?” แก้วยิ้มสดใส พอชายภัทรบอกว่าเพิ่งหิวตอนได้กลิ่นกระเทียมเจียวนี่แหละ แก้วบอกว่าตนทำข้าวต้มปู แล้วเล่าบรรยากาศตอนเช้าให้ฟังอย่างแจ่มใสว่า

“ปูม้าตัวโตๆเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเลยค่ะ ตาชุ่มเล่าให้ฟังว่า เจอเขายกเข่งลงจากเรือ เลยขอแบ่งมา 3-4 ตัว ตัวใหญ่มากก”

ชายภัทรนึกสนุกเข้าไปจับทัพพีคนในหม้อขอทำบ้าง เลยกลายเป็นสองแรงแข็งขันช่วยกันคนละไม้ละมือทำข้าวต้มปูกันอย่างร่าเริงแจ่มใสมีความสุข

ฝ่ายยายนวลกับตาชุ่มมีหน้าที่จัดโต๊ะเตรียมผลไม้อยู่ข้างนอก อดแอบมองเขาไปในครัวอย่างมีความสุขไปด้วยไม่ได้

สายๆชายภัทรกับแก้วพากันขี่จักรยานไปตามถนนซอยระหว่างบ้านพัก แก้วยังไม่หายตื่นเต้นกับทะเลที่ตนเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกในชีวิต ปั่นจักรยานพลางคุยกับชายภัทรที่ปั่นคู่กันมาว่า

“อากาศที่นี่สดชื่น สบายจังเลยนะคะ”

“แก้วคงต้องแอบอยู่ที่นี่สักพักนะ อยู่ได้ไหม”

แก้วอึ้งไป แล้วพากันลงจากจักรยานไปนั่งคุยกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยบรรยากาศที่เครียดขึ้น...

แก้วตำหนิตัวเองที่นำความเดือดร้อนมาให้ชายภัทรอีกจนได้ ชายภัทรบอกว่าตนกับน้องๆไปฉุดเธอมาเองต่างหาก

แก้วถามอย่างกังวลและเป็นห่วงว่า “ท่าน...จะทำอะไรพวกคุณชายหรือเปล่าคะ”

“แก้ว...ครอบครัวฉันไม่ใช่พวกสิ้นไร้ไม้ตอกนะ ท่านก็ไม่ได้ใหญ่คับบ้านเมืองอยู่คนเดียวในประเทศนี้ ท่านใช้วิธีโจรๆกับเธอแบบนี้ ถ้าพวกฉันนิ่งดูดายสิ จะถือว่าขี้ขลาด น่าอาย ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย”

“แต่แก้วกลัว...”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องคุ้มครองเธอเอง” แก้วบอกว่าไม่ได้กลัวสำหรับตัวเองแต่กลัวสำหรับชายภัทรเพราะท่านมีอำนาจมาก “ถ้าคนดีกลัวคนเลว ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โลกนี้มันก็คงเป็นโลกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะแก้ว”

“คุณชายอย่าประมาทนะคะ”

“ฉันไม่โง่หรอกน่า...จะทำอะไรฉันก็ต้องคิดคำนวณไม่ใช่น้อย เธออยู่ที่นี่ ที่บ้านฉัน ทำตัวให้กลมกลืนกับผู้คนแถวนี้ พวกของท่านคงสืบได้ไม่ง่ายนักหรอก”

แก้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เมื่อได้ฟังสุภาพบุรุษจุฑาเทพคุณชายพุฒิภัทร แสดงความเข้มแข็ง หนักแน่น ที่จะปกป้องตนและต่อสู้กับอิทธิพลเถื่อนของผู้มีอำนาจเยี่ยงท่านพินิจ

จากนั้น ทั้งสองขี่จักรยานไปที่ตลาดฉัตรไชยหาซื้อเสื้อผ้าของใช้ มีเสื้อผ้าแบบชาวบ้านทั้งกางเกงเล เสื้อคอกระเช้า และเสื้อแขนยาวสำหรับพวกตังเกใส่ แขวนขายทั้งตลาด แม่ค้าเห็นทั้งคู่ไม่ใช่คนท้องถิ่น มีแก่ใจแนะนำว่า

“ถ้าคุณๆจะซื้อให้คนงานก็มีอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่ถ้าจะซื้อใส่เอง เสื้อผ้าสวยๆที่นี่ไม่มีหรอกนะจ๊ะ ต้องไปซื้อที่ร้านแถวโฮเต็ลของพวกผู้ดีเขา”

“ชุดแบบนี้คงไม่ต้องลองหรอกนะแก้ว” ชายภัทรหยิบขึ้นมาทาบๆกับตัวดู แก้วบอกว่าเป็นเสื้อผ้าที่เข้ากับทุกรูปร่าง ชายภัทรหันไปบอกแม่ค้าว่า 
“รับหมดนี่ล่ะจ้ะ เท่าไหร่จ๊ะ”

แม่ค้ายิ้มดีใจ รีบพับเสื้อผ้าใส่ถุงโชคดีให้ แก้วกับชายภัทรรับไปช่วยกันถือ เดินไปหาซื้ออาหารในตลาดกันต่อ ทั้งผักปลาผลไม้อาหารทะเล ผูกร้อยด้วยเชือกกล้วยหิ้วเป็นพวงถือกันเต็มมือ...

ooooooo

หลังจากซื้อของเสร็จ ชายภัทรพาแก้วไปแวะที่ที่ทำการไปรษณีย์ แก้วแวะดูของประดับที่ประดิษฐ์จากเปลือกหอยวางขายอยู่หน้าไปรษณีย์ ส่วนชายภัทรเดินเข้าข้างใน ไม่นานชายภัทรก็เดินยิ้มสบายใจออกมาบอกว่า

“เรียบร้อยแล้ว ฉันโทรศัพท์ไปบอกคุณหมอเจ้าของไข้ของพ่อเธอ ขอให้เขาดูแลพ่อเธอแบบปิดเป็นความลับไม่ให้ใครเข้าถึงตัวได้” แก้วถามว่าแล้วพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ชายภัทรเล่าว่าอาการความดันดีขึ้น แต่น้ำหนักตัวยังน้อยไป ต้องบำรุงให้แข็งแรงกว่านี้จึงจะส่งเข้ากรุงเทพฯได้ พูดแล้วเห็นแก้วสีหน้ากังวล จึงปลอบใจ

“แล้วยังไงฉันจะหาทางพาเธอไปเยี่ยมให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ เธอควรเก็บตัวที่นี่ก่อน ไม่งั้นพวกมันอาจใช้พ่อเธอเป็นเหยื่อ ทำให้ท่านมีปัญหาได้”
“ขอบคุณคุณชายมากค่ะ” แก้วยกมือไหว้ แต่ใจก็อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้

“ส่วนตัวฉันก็โทรเลขไปลางานที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตั้งแต่ฉันกลับมาทำงานเป็นหมอที่เมืองไทยมา 4 ปี ฉันเคยลาหยุดแค่หนสองหนเท่านั้นเอง มีวันลาสะสมไม่รู้เท่าไหร่ก็ไม่เคยนับ เวลาคนอื่นเขาลาฉันก็รับหน้าที่แทนเขาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”

“แก้วทราบ...คุณชายหมอเป็นคนรักงานมาก”

“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้น ขอเวลาให้ฉันได้หยุดพัก ไปรักอย่างอื่นบ้าง...”

แก้วรู้ความนัยของเขา มองเขินแล้วหลบตา ชวนว่าเสร็จธุระแล้วกลับกันดีไหม เพราะแดดเริ่มร้อนแล้ว


“เธอจะไม่ถามว่า ฉันหยุดพักจากรักงาน...ไปรักอะไร...หรือรักใครหรือ?” แก้วเขินจนตอบเสียงประหม่าว่าไม่ถามหรอกค่ะ ชายภัทรมองหน้าเธอเต็มตาถามว่า “ไม่ถาม...เพราะไม่อยากรู้ หรือว่า รู้อยู่แล้ว?”

“ฮื้ออออ...” แก้วทำเสียงในคอแล้วรีบไปที่รถอย่างเขินจัด ชายภัทรหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วรีบตามไป

ooooooo

ชายภัทรกับแก้วขี่จักรยานกลับมาพร้อมของที่ซื้อจากตลาดหลายอย่าง แต่ไม่ทันได้ขึ้นบ้านก็ต้องรีบไปเพราะมีชาวประมงชายสองคนมาตามคุณหมอพุฒิภัทร คนหนึ่งอ้อนวอนว่าเมียตนเจ็บท้องคลอดตั้งแต่เมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่คลอดเลย

ถามไถ่จนรู้ว่าบ้านหญิงคนนั้นอยู่ที่เขาหัวกะโหลก ชายภัทรลงเรือเร็วบอกแก้วให้ไปด้วยกัน

ขับเรือไปจนใกล้เกาะ ชายภัทรถามอย่างรู้ภูมิ ประเทศดีว่า

“เขาหัวกะโหลกด้านไหน ใกล้มาทางปากน้ำปราณหรือเปล่า”

“ค่อนไปทางเกาะนมสาวขอรับคุณชาย หมู่บ้านตรงปลายแหลมที่เห็นนั่นแหละขอรับ” ชาวประมงชี้ให้ดู

ชายภัทรเบนหัวเรือไปทางนั้นทันทีอย่างชำนาญ แก้วมองคุณชายอย่างทึ่งในความคล่องแคล่วทะมัดทะแมง

พอไปถึง ชายภัทรบอกแก้วว่า “เธอต้องเป็นผู้ช่วยฉันนะ ทำได้ไหม”

“ต้องได้สิคะ” แก้วตอบอย่างมุ่งมั่น แล้วรีบตามชายภัทรกับชาวบ้านบ่ายหน้าไปยังกระท่อมหลังหนึ่ง

เมื่อมาถึง แม่ของหญิงสาวคนนั้นก็ติติงว่าหมอเป็นผู้ชาย และยังถูกหมอตำแยมองอย่างไม่ต้อนรับ แต่ด้วยจรรยาแพทย์ ชายภัทรเห็นอาการของหญิงสาวแล้วรีบเข้าไปทำงานทันที

แก้วเห็นชาวบ้านยังมุงกันอยู่ จึงบอกชาวบ้านอย่างรู้หน้าที่ให้ออกไปก่อนคนเจ็บจะได้มีอากาศหายใจ

ชายภัทรตรวจแล้วเด็กยังไม่กลับหัวอย่างที่ชาวบ้านบอก แต่ก็ไม่หนักใจเพราะแม่เด็กตัวใหญ่เชิงกรานไม่เล็กเกินไปคงแก้ปัญหาไม่ยากนัก

ชายภัทรลงมือทำงานท่ามกลางชาวบ้านที่บ้างลุ้น บ้างไม่แน่ใจเพราะเห็นหมอหน้าอ่อน โดยเฉพาะหมอตำแยทั้งเสียหน้าทั้งเคืองบอกว่าตนจะกลับ จนพ่อของหญิงสาวต้องขอร้องให้อยู่ช่วยกันดูก่อน

ไม่นานแก้วก็โผล่หน้ามาบอกข่าวดีว่าเด็กกลับหัวแล้ว ชาวบ้านพากันตื่นเต้นคอยลุ้นฟังเสียงข้างใน พอเสียงเด็กร้องอุแว้...เท่านั้น ชาวบ้านก็เฮขึ้นพร้อมกันด้วยความดีใจ

แก้วทำหน้าที่ผู้ช่วยหมอได้แทบไม่มีที่ติ ประสานร่วมมือกับชายภัทรได้ราวกับมืออาชีพ ทั้งสองต่างปลื้มปีติกับชีวิตใหม่ที่ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย และลึกกว่านั้นคือ ผ่านการฟันฝ่าอุปสรรคช่วยชีวิตแม่ลูกมาด้วยกัน ทำให้ต่างรู้สึกดีๆต่อกันมากมาย พ่อขอหญิงสาวที่พูดดูแคลนคุณชายหมอพุฒิภัทรตอนแรกก็มาขอโทษ ส่วนแม่ก็เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า

“บุญคุณที่คุณชายช่วยลูกสาวกับหลานของฉัน ฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย”

“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะยังไงหมอก็มีหน้าที่ต้องรักษาคนไข้อยู่แล้ว ถ้างั้นผมขอตัวกลับฝั่งโน้นก่อนดีกว่า ถ้าใน 2-3 วันนี้มีอะไรฉุกเฉินตามตัวผมได้ตลอดเลยนะครับ”

พ่อเด็กจะไปส่ง ชายภัทรบอกไม่ต้องเพราะเรือจอดอยู่แค่นี้เองแล้วหันชวนแก้วกลับกัน แม่เด็กเรียกไว้ ขอให้ชายภัทรช่วยตั้งชื่อให้เป็นเกียรติเป็นมงคลกับลูกชายด้วย ชายภัทรขอให้แก้วตั้งให้ดีกว่า แก้วทำท่าคิด...

“อื้ม...เด็กคนนี้เกิดในหมู่บ้านชาวประมง บนเกาะ กลางทะเล เป็นเด็กชาย...งั้นให้ชื่อว่า เด็กชายสมุทรไทยดีไหมคะ”

ชายภัทรชมว่าเพราะมาก เอามือจับหัวแก้วโยกไปมาอย่างชื่นชม จนแก้วติงเขินๆว่าทำอย่างกับตนเป็นเด็กไปได้

“คุณชายกับคุณแก้ว ดูเป็นคู่รักที่รักกันมากเลยนะคะ สวยและหล่อ เหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีกนะคะ” แม่เด็กเอ่ยอย่างชื่นชม แต่ทำเอาทั้งชายภัทรและแก้วสบตากันเขินๆที่ถูกจับให้เป็นคู่รักกัน...

ooooooo

เพราะคุณหมอพุฒิภัทรโทรเลขไปที่โรงพยาบาลขอลาพัก 3 วัน เพียงพรปรารภกับยศวินว่าต้องแจ้งหมอใหญ่เพื่อหาหมอมาเข้าเวรแทน ยศวินเชื่อว่าชายภัทรทำงานตลอดเวลาไม่เคยลาเลย ครั้งนี้คงสำคัญจริงๆ ถึงได้ลาพักร้อน

ระหว่างนั้น มารตีเข็นรถอุปกรณ์ยาออกจากห้อง คนไข้ได้ยินเข้า เป็นเรื่องทันที คาดคั้นถามยศวินว่าชายภัทรลาไปไหน ไปทำอะไร ก็ไม่ได้ความอะไรเพราะยศวินเองก็ไม่รู้ เธอเลยขอดูโทรเลขที่ชายภัทรส่งมาขอลางาน พลิกดูเห็นว่าต้นทางมาจากหัวหินก็ยิ่งเดือดร้อน

“คุณชายคงจะเหนื่อยมาก ไม่รู้เมื่อวานไปเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เพราะใคร ผมก็ไม่ทราบ...แล้วคุณชายหมอไม่ได้ชวนคุณมารตีเหรอครับ...ว้า...แย่จัง” ยศวินทิ้งระเบิดแล้วฉากออกไปยิ้มๆ

มารตีทั้งแค้นใจ น้อยใจ แจ้นไปฟ้องหม่อมเอียดกับย่าอ่อนถึงวังจุฑาเทพ สองย่านึกเป็นห่วงชายภัทรไม่เคยหายไปแบบนี้ แต่มารตีตีโพยตีพายว่าเพราะชายภัทรต้องการหนีตน คราวนี้ไปไกลถึงหัวหิน ถามหม่อมเอียดว่าจะให้ตนทำอย่างไร

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอน6 ละคร ช่อง3





ตอนที่ 6

เพราะวันนี้นัดซ้อมเต้นรำกันอีก แก้วทำขนมจีบและจัดแบ่งไว้ให้ชายภัทร เกษราถามว่าชายภัทรจะมากี่โมง

“เห็นบอกว่าเลิกงานจะมานะคะ”

เกษราเลยให้เชิญรับประทานอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยซ้อม แก้วดีใจขอทำกับข้าวเอง แล้วเข้าครัวไปอย่างร่าเริง

อาหารบนโต๊ะเย็นนี้ ตกแต่งอย่างหรูเป็นพิเศษ ในจานยำมีไข่ต้มจักเป็นดอกวางประดับอย่างสวยงาม มีน้ำพริกลงเรือและแกงจืดฟักกับไก่ที่สลักฟักเป็นดอกสวยงามมาก

ชินกรมาเห็นถึงกับร้อง “แม่เจ้าโวย...” ชื่นชมฝีมือการแกะสลักของแก้ว เกษราถามว่าแก้วไปเรียนมาจากไหนเก่งกว่าชาววังเสียอีก

“แก้วไปรับจ้างทำกับข้าวบ่อยๆค่ะ ไปรับเป็นลูกมือแม่ครัวเก่งๆบ้าง แก้วก็ครูพักลักจำเขามา”

“หนูแก้วเป็นคนหัวไวมาก มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ มีความเป็นกุลสตรีข้างครัวมากค่ะ” ป้าแย้มชม

“นั่นสิ...ที่จริง นี่แหละ ที่เป็นคุณสมบัติที่หม่อมเอียดต้องการที่สุด” เกษราคิดไปไกล แต่พอแก้วถามว่าหม่อมเอียดคือใคร เกษราก็ตัดบททว่า “ญาติคนหนึ่งของฉันน่ะ”

ทุกคนรอการมาของชายภัทร จาก 1 ทุ่ม เป็น 2 ทุ่ม จนอาหารเย็นชืด แก้วบอกว่าชายภัทรคงไม่มาแล้ว บอกทุกคนรอสักครู่ตนจะไปอุ่นแกงจืดจะได้ทานกันเลยเดี๋ยวยำจะเซ็งจะเสียหมด

เกษรากับชินกรสบตากันอย่างเข้าใจความรู้สึกของแก้ว

“คุณชายจะไม่มาก็น่าจะโทรศัพท์มาบอกกันก่อนนะ” เกษราเปรยๆ

หลังทานอาหารกันแล้ว เกษราจึงสอนเต้นรำให้แก้วระหว่างนั้นหมอยศวินแวะมาเยี่ยมแก้ว เห็นแก้วซ้อมเต้นรำอยู่ก็เอ่ยอย่างทึ่งว่า ไม่นึกว่าจะเจอแก้วซ้อมลีลาศกับเขาเหมือนกัน ชินกรสะดุดหูถามว่า “เหมือนใครหรือ?”

“คุณชายหมอกับมารตีน่ะสิครับ พอเสร็จงานคุณชายก็ต้องรีบพาคุณเธอกลับไปซ้อมลีลาศกันที่วัง คุณมารตีคุยฟุ้งคับโรงพยาบาลว่า เขาจะต้องเต้นรำคู่กันเป็นคู่เอกในงานวังท่านชายเกริก” พูดแล้วหัวเราะก่อนกระซิบ กระซาบว่า “แต่ท่าทางคุณชายอึดอัดใจมากเลยครับ”

แก้วซีดไปทันที เกษราสังเกตเห็นเลยถามยศวินว่าเต้นเก่งไหม กรุณาเป็นคู่เต้นให้แก้วหน่อยจะได้เข้าที่

ยศวินบอกว่าตนก็พอตัวและยินดีเป็นคู่เต้นกับแก้วในจังหวะบีกิน ส่วนเกษราก็ออกเต้นกับชินกร เลยกลายเป็นสองคู่เต้นรำกันไปหัวเราะกันไปอย่างร่าเริง

ooooooo

คุณชายพุฒิภัทร ต้องทำตามคำสั่งของหม่อมเอียดและย่าอ่อน รับมารตีกลับไปเต้นรำกันที่วังจุฑา-เทพ แต่วันนี้มารตีเต้นอย่างมั่นใจตัวเองมากไม่เต้นตามการนำของชายภัทร

“คุณมารตีก็เต้นเก่งแล้วนะ ทำไมจะต้องจัดให้มีการสอนด้วย” ชายเล็กถามอย่างข้องใจ ชายพีร์ตอบประชดในทีว่า

“ก็คุณย่าแหละ อยากให้พี่ชายภัทรได้กอดและจับมือคุณมารตีบ่อยๆเผื่อจะเกิดไฟลัดวงจรสปาร์กขึ้นมาได้”

ชายพีร์พูดไม่ทันขาดคำ มารตีที่ทำอวดดีเต้นไปตามใจตัวเองก็เหยียบเท้าชายภัทรด้วยรองเท้าส้นเข็มอย่างจัง จนชายภัทรอุทาน เธอรีบขอโทษถามว่าเจ็บมากไหม ชายภัทรตอบอย่างสุภาพบุรุษว่าไม่เป็นไร ไม่เท่าไร

แต่พอเต้นต่อ ชายภัทรก็เหยียบเท้ามารตีเข้าเต็มๆชายภัทรรีบขอโทษถามว่าเจ็บมากไหม

มารตีหาว่าชายภัทรกระทืบเท้าตนเอาคืน ไม่เพียงเท่านั้นยังลามปามไปถึงอดีต เหวี่ยงไปทั่วว่า

“พวกเด็กผู้ชายพี่น้องจุฑาเทพเกเรจะตาย ตั้งแต่เด็กจนโต มีแต่แกล้งพวกเราตลอดเวลา”

ทั้งชายเล็กและชายพีร์โดนลูกหลงไปด้วยต่างร้องอ้าว ส่วนหม่อมเอียดกับย่าอ่อน เห็นบรรยากาศไม่ดี ย่าอ่อนบอกว่าคงเต้นกันจนเหนื่อยหยุดรับประทานอะไรกันก่อนดีกว่า ส่วนหม่อมเอียดเข้าไปกอดมารตีให้กำลังใจว่า

“หนูมารตีเต้นสวยมากจ้ะ แต่ว่า...ยังเต้นแข็งๆเป็นเด็กนักเรียนไปหน่อย ชายภัทรเต้นเก่งกว่า นุ่มนวลกว่า เห็นท่าจะต้องซ้อมกับน้องให้มากๆ จะได้เต้นเข้าขาได้อย่างสวยงาม”

ชายภัทรฟังแล้วสลด ย่าอ่อนชวนรับประทานอาหารเย็นกันดีกว่า แล้วโอบกอดมารตีมือหนึ่งอีกมือจูงชายภัทรพาไปนั่งด้วยกัน

บนโต๊ะอาหารมีขนมจีบอีกแล้ว มารตีคุยอวดตาม เคยว่าเป็นฝีมือตน  แม้คุณชายทั้งสามจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากขัดคอให้เสียหน้า ยิ่งย่าอ่อนกับหม่อมเอียดคอยถือข้างมารตีตลอดเวลา  คุณชายทั้งสามก็ทำได้แค่ หม่อมย่ากับย่าอ่อนว่ายังไงก็ตอบ “ครับ...ครับ...ครับ...” ไปตามเพลง

ooooooo

เพราะแก้วยังไม่มีชุดไปงาน เกษราจึงเอาชุดที่ตนตัดไว้แต่ยังไม่เคยใส่ให้แก้วไปเลือกและปรับแต่งให้เหมาะกับตัว ระหว่างนั้น เสียงมารตีแจ๋เข้ามา แก้วรีบหอบชุดหลบไปแทบไม่ทัน

มารตีมาสั่งขนมจีบกับเกษราอีก 5 ชุดแต่ให้

แต่งพิเศษกว่านั้นหน่อยเพื่อให้ดูสมกับเป็นฝีมือชาววัง  นอกจากนั้นก็คุยโวโอ้อวดว่า  หม่อมเอียดสั่งตัดชุดราตรีให้ และยังให้ยืมเครื่องเพชรแต่งไปงานไม่ให้น้อยหน้าใคร ท่านเอามาให้เลือกถึง 5 ชุด

“ตายล่ะ งั้นมารตีต้องรักษาของท่านดีๆนะน้อง ของของท่านมีแต่ล้ำค่าทั้งนั้น อย่าให้แตกหักสูญหายไปล่ะ ท่านพ่อเราไม่มีปัญญาหาไปใช้คืนท่านแน่” เกษราพลอยตื่นเต้นไปด้วย

“อุ๊ย...คิดอะไรพิลึกจริงพี่เกษรา ท่านรักมารตีจะตาย เผลอๆถ้าหม่อมย่าเห็นมารตีใส่แล้วสวย ท่านอาจจะยกให้เลยก็ได้ เพราะยังไงๆ มารตีก็ต้องเป็นหลานสะใภ้ท่านอยู่แล้ว”

แก้วได้ยินถึงกับซีด หอบชุดเดินหลบไปอย่างไม่อยากฟังอีกแล้ว...

เพราะนัดกับแก้วไว้แล้วว่าจะมาฝึกเต้นรำกันอีก แต่ไม่อาจมาตามนัดได้เพราะถูกหม่อมย่าและย่าอ่อนสั่งให้สอนมารตีและคอยรับส่งทุกเย็น วันนี้ชายภัทรจึงไปหาแก้วที่บ้านเกษรา

แม้แก้วจะเสงี่ยมเจียมตัว แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ การสนทนาจึงพ่อแง่แม่งอนกันประสาคนมีความรู้สึกพิเศษในใจ  ชายภัทรเห็นแก้วซ่อมชุดที่จะใส่ไปงาน

วันต่อมาเขาจึงไปหาอาก๋งซึ่งเป็นเจ้าของห้างหยกฟ้าเอ่ยปากรบกวนอาก๋งอย่างเกรงใจ...

หลังจากนั้น ผู้จัดการห้างหยกฟ้าก็ไปหาแก้วที่บ้านเกษรา แจ้งว่า ท่านเจ้าสัวซ้งสั่งให้นำของมาให้แก้ว

แก้วรับไปเปิดดูงงๆ ในนั้นมีชุดราตรีสำเร็จรูป กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับสวยงามในชุดพร้อมไปงานเต้นรำ

ooooooo

ที่วังท่านชายเกริก...มีการจัดไฟแต่งสวนสำหรับงานคืนนี้อย่างสวยงาม  แขกไฮโซทยอยกันมางาน บ้างเดินเข้าข้างในบ้างยืนคุยกันที่หน้าตึก

ไม่นานท่านพินิจกับคุณหญิงดาราก็มาถึง  มีสุนันท์กับกนกลักษณ์นั่งรถอีกคันตามมา

ใบบัวเฉิดฉายในชุดราตรียาวพร้อมคู่เต้นเป็นครูลีลาศ  แต่อิงอรซึ่งไม่ได้รับเชิญมางานซุ่มอยู่ข้างนอกกับไกรฤกษ์จ้องมองอย่างแค้นใจ

“นั่นนังใบบัวนังมารร้าย  อีนี่มันเลวมาก มันกีดกันไม่ให้แม่ได้บัตรเชิญจากท่านชายเกริก”

“นั่นไอ้ท่านก็เข้าไปโน่นแล้ว  เดี๋ยวนังแก้วมา...ท่านก็จะได้ตัวมันไป โดยเราอาจจะไม่ได้อะไรเลยก็เป็นได้!!” ไกรฤกษ์จิกตามอง อิงอรประกาศว่าตนไม่ยอมเด็ดขาด เพราะอุตส่าห์ปลุกปั้นแก้วมาถึงวันนี้อยู่ๆ ใบบัวจะมาชุบมือเปิบไปไม่ได้ ไกรฤกษ์เสนอให้ทำตามแผนของตน แต่อิงอรเห็นว่าเสี่ยงเกินไป

“การเสี่ยงคือการลงทุน...ถ้าไม่เสี่ยง ก็ไม่ได้อะไร จริงไหมล่ะแม่”

“ก็...แม่ก็ยังไม่รู้ว่านังใบบัวมันจะทำไง แล้วไอ้ท่านมันจะเอายังไง”

“เอาน่า...ผมนัดกะนังสุนันท์ไว้แล้ว ถ้ามันได้ดีแล้วทรยศพี่ชายกะแม่ของมันก็ให้มันรู้ไปสิ”

สองแม่ลูกซุ่มดูอย่างเจ็บใจ วางแผนกันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

ooooooo

มารตีแต่งตัวสวย เปรี้ยว ยืนส่องกระจกอย่างพอใจ ถามวิไลรัมภาที่มายืนดูว่าสวยไหม

“ชุดสวย...ใส่ยังไงก็สวย” วิไลรัมภาตอบกวนๆ

“คนสวยต่างหาก ใส่อะไรก็ดูสวย ยัยเด็กขี้อิจฉา โชคดีนะที่ฉันไม่เชื่อแก ไม่งั้นคืนนี้ฉันก็คงไม่มีคู่เต้นรำแน่ๆ จำใส่กะโหลกไว้ด้วยนะว่าสมองแกไม่ได้เรื่อง!”

พอดีมีเสียงรถเข้ามา มารตีดี๊ด๊ารีบลงไปคิดว่าชายภัทรมารับ แต่พอลงไปกลายเป็นชายพีร์ เธอถามอย่างผิดหวังว่าแล้วชายภัทรล่ะ?

“คุณชายพุฒิภัทรติดผ่าตัดด่วนครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง หม่อมย่าเลยให้ผมมารับคุณมารตีไปที่งานด้วยกันก่อนครับ”

“ผ่าตัด...วันงานทั้งที พี่ชายภัทรยังจะมีผ่าตัดอีกเหรอ”

“เอ้า...คนจะป่วยมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ”ชายพีร์ย้อนถาม ทำเอามารตีตอบไม่ออกนิ่งไปอย่างเสียหน้า

ooooooo

ที่โรงพยาบาล...คุณชายหมอพุฒิภัทรกำลังผ่าตัดอย่างเคร่งเครียดโดยมีหมอยศวินเป็นผู้ช่วย

ผ่าตัดเสร็จ ขณะกำลังล้างมือ ชายภัทรบอกยศวินว่าเดี๋ยวตนต้องรีบไปงานที่วังท่านชายเกริก ฝากยศวินไปแจ้งญาติคนไข้ด้วย

“ผมขอโทษครับคุณชาย ผมต้องรีบไปจริงๆ มีธุระด่วนมาก ยังไงคุณชายไปฝากพยาบาลแทนนะครับ” ยศวินพูดพลางถอดเสื้อคลุมอย่างเร่งรีบ ชายภัทรบอกว่าไม่เป็นไรตนไปแจ้งเองก็ได้

ยศวินผละไปแล้ว ขณะชายภัทรกำลังเช็ดมือ เพียง–พรก็เข้ามาบอกว่า

“คุณชายคะ หม่อมย่าของคุณชายท่านโทรศัพท์มาฝากข้อความไว้ค่ะ ท่านบอกว่าคุณมารตีไปที่งานก่อนแล้ว ถ้าคุณชายผ่าตัดเสร็จให้รีบตามไปทันที”

ชายภัทรฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า สถานการณ์สะดวกที่จะไปรับแก้วด้วยตัวเองแล้ว

แต่พอไปถึงบ้านเกษราจึงรู้ว่าแก้วออกไปแล้ว ชายภัทรถามอย่างตึงเครียดว่า

“ออกไปแล้ว...กับใครครับ แก้วออกไปกับใคร?”

ooooooo

มารตีไปกับชายพีร์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อมาถึงงานก็เดินทิ้งระยะห่างกับชายพีร์ อ้างว่าเดี๋ยวใครจะเข้าใจผิด แต่พอชายพีร์จะทิ้งไปก็กลับเรียกไว้ กลัวตัวเองต้องยืนคว้างอยู่อย่างโดดเดี่ยว

“แล้วอีกนานแค่ไหนพี่ชายภัทรถึงจะมา” มารตีถามหน้าตึง ชายพีร์ตอบเท่าที่จำเป็นว่า ไม่ทราบ

ระหว่างนั้น มารตีมองไปเห็นชายเล็กยืนคุยอยู่กับนางงามอันดับรองๆลงไป ก็ถามชายพีร์ว่า

“นั่นชายเล็กนี่ แล้วผู้หญิงพวกนั้น...พวกนางงามใช่ไหม” ถามแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปดึงชายเล็กออกมาถามเสียงเข้มว่า “ชายเล็ก มายืนรวมกลุ่มอะไรตรงนี้คะ” บรรดานางงามเหล่านี้พากันถอยไปเหมือนเห็นเธอเป็นตัวประหลาด

“อ้าว...คุณมารตี ทำไมครับ ผมจะทักทายพูดคุยกับสาวๆบ้างไม่ได้หรือครับ”

“ผู้หญิงพวกนั้นเป็นนางงาม มันสมควรแล้วหรือคะ ที่ชายเล็กจะคุยอย่างสนิทสนมด้วยในงานอย่างนี้ อยากให้คนเขาเอาไปนินทาหรือยังไง ทำไมเขาถึงปล่อยให้คนพวกนั้นเข้ามาได้แย่จริงๆเลย”

“นี่คุณไม่ทราบหรือครับ งานนี้มีการมอบเงินรางวัลให้กับนางสาวศรีสยามและนางงามที่ได้ตำแหน่งทุกท่านด้วย คุณผู้หญิงพวกนั้น ได้รับเชิญเพื่อมารับรางวัล”

“จริงเหรอคะ”

“ไม่ได้สังเกตเหรอครับ ว่าปีนี้แขกเยอะเป็นพิเศษ เพราะใครๆก็อยากจะมาประมูลเพื่อเต้นรำกับนางสาวศรีสยามทั้งนั้น”

ชายพีร์เห็นมารตีทำหน้าเหลอหลาก็ถามว่าเขาประกาศในหนังสือพิมพ์ออกเอิกเกริกไม่ได้อ่านหรือ เธอตอบเชิดๆว่า

“ปกติมารตีอ่านแต่ข่าวการเมือง เดี๋ยวนะ...มีประมูลเต้นรำกับนางสาวศรีสยาม อย่างนี้แม่กรองแก้วก็ต้องมางานนี้ด้วยสินะ”

พอดีเธอเหลือบเห็นชายภัทรก้าวลงจากรถเดินเข้ามาในงาน เธอผละจากชายพีร์รีบเดินไปหาร้องทักเสียงใส

“พี่ชายภัทร...พี่ชายภัทรมากับใครคะ มีใครในรถหรือเปล่า” ทำเอาชายภัทรที่หงุดหงิดมาจากบ้านเกษราอยู่แล้วถามเสียงแข็งว่าใครจะมากับพี่ แล้วเดินเข้าไปในงาน ชายพีร์กับชายเล็กเดินออกมาทักพี่ชายว่าจะรีบไปไหน เป็นอะไรหรือเปล่าท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี

“ฉันสบายดี” ชายภัทรตอบห้วนๆแล้วเดินต่อ มารตีรีบคล้องแขนฉอเลาะว่ารู้ไหมว่าจะมีการมอบรางวัลให้พวกนางงามด้วย ชายภัทรสนใจขึ้นมาทันทีถามว่า “มีใครบ้างไม่ทราบ งานจะเริ่มหรือยัง”

“เริ่มอะไรล่ะคะ แม่กรองแก้วนางเอกของงานยังไม่โผล่หัวมาเลยค่ะ”

“แก้วยังมาไม่ถึงอีกเหรอ เป็นไปได้ยังไง ก็...” ชายภัทรหยุดกึกเมื่อนึกได้ แต่มารตีได้ยินแล้ว ถามเอาจริงเอาจังว่าก็อะไรหรือ? ชายพีร์กับชายเล็กรู้สถานการณ์ ชายพีร์ชวนชายภัทรไปกราบสวัสดีท่านชายเกริกกัน ส่วนชายเล็กก็ลากมารตีไปอีกทางบอกว่าจมูกเธอด่างให้ไปเข้าห้องน้ำตบแป้งหน่อยดีกว่า ชายภัทรเลยรอดตัวไป...

ooooooo

เวลายิ่งผ่านไป ท่านพินิจก็ยิ่งกระวนกระวายที่ไม่เห็นแก้วมาสักที ปลีกตัวจากวงสนทนาเรียกใบบัวไปถามว่าแก้วจะมาแน่ใช่ไหม ใบบัวรับรองแข็งขันว่ามาแน่เพราะเธอต้องมารับเงินรางวัลของตัวเอง

“หนูแก้วได้บอกกับเธอเองหรือว่าจะมา หรือเธอคิดเอาเองว่าเขาจะมา” ท่านพินิจมองอย่างไม่วางใจ เห็นใบบัวอึกอักเลยขู่ “คุณใบบัว... ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะรับฟังคำแก้ตัวเรื่องหนูแก้วอีกแล้ว ถ้าวันนี้หนูแก้วไม่มา...เธอตาย!”

ทันใดนั้น ทีมงานวิ่งมาจากด้านหน้าร้องบอกพรรคพวกว่า

“คุณกรองแก้วมาแล้วค่ะ คุณกรองแก้วมาแล้ว...”

ใบบัวถอนใจโล่งอก ส่วนท่านพินิจผละไปหน้างานทันที

ใบบัวดี๊ด๊าพาท่านพินิจเดินออกไป มือแหวกผู้คนปากก็ร้องขอทางให้ท่านพินิจ

ชายภัทรได้ยิน พึมพำอย่างไม่พอใจ “เพิ่งจะมาถึงกันเหรอ??” แล้วรีบเดินออกไป

ooooooo

มารตีฉวยแขนชายภัทรชวนเข้าด้านใน ถามว่าจะไปสนใจอะไรกับแค่นางงาม แต่พอออกมาเห็นรถที่แก้วนั่งมาก็จำได้ ว่าเป็นรถของยศวิน

ชายภัทรโกรธจนลมออกหู มารตีถามว่ายศวินมากับกรองแก้วได้ยังไง ส่วนแก้วเดินคู่มากับยศวินยิ้มแย้มราวกับควงคู่รักมา

“หนูแก้วมากับใคร” ท่านพินิจที่แหวกผู้คนออกมายืนอยู่หน้าสุด ถามอย่างไม่พอใจ แล้วต้องมึนเมื่อแก้วควงยศวินเดินผ่านไปอย่างระเหิดระหง ชายภัทรเองก็อึ้งเมื่อแก้วเดินผ่านไปทำเหมือนคนไม่รู้จัก

“พี่ชายภัทร...ยัยแก้วควงหมอยศวินมาได้ยังไง ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะได้พูดคุยอะไรกันเลย ตายแล้ว...แม่กรองแก้วนี่ร้ายกาจจริงๆ หมอยศวินก็ด้วย เจอกันทุกวันไม่เคยระแคะระคายเลย”

แก้วเห็นท่านพินิจอยู่ในงานก็ยิ่งกลัว เธอยึดยศวินไว้เป็นที่พึ่ง ทำให้ชายภัทรที่จับตาดูอยู่ยิ่งร้าวรานใจ เมื่อใบบัวประกาศให้แก้วขึ้นไปรับรางวัลตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ชายภัทรจึงตรงไปยืนเคียงข้างยศวินที่กำลังปรบมือแสดงความยินดีกับแก้วอยู่ข้างเวที

“อ้าว...คุณชาย” ยศวินทักเมื่อหันมาเห็น

“ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคุณหมอยศวินจะมางานลีลาศการกุศลนี้ด้วย ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่าผมต้องมางานนี้ และทั้งๆ ที่ก่อนมาที่นี่ เราเพิ่งผ่าตัดด้วยกัน” ชายภัทรพูดขรึม

ยศวินถามว่าตนไม่ได้บอกหรือ สงสัยจะลืม บ่นว่าพักนี้ตนลืมง่าย เลยถูกชายภัทรประชดว่า

“ลืมบอกเรื่องที่คุณไปรับคุณแก้วมาที่นี่ด้วยสินะครับ”

“อ๋อ...เรื่องนี้ผมไม่ได้ลืมครับ” ชายภัทรถามว่าจงใจปิดบังหรือ “ไม่ใช่ครับ คุณเกษราเห็นว่าคุณชายต้องไปดูแลคุณมารตี เธอกลัวจะไม่มีใครดูแลคุณแก้ว คุณเกษเลยโทรศัพท์มาหาผม แล้วจะให้ผมทำยังไง จะปล่อยให้คุณแก้วมางานคนเดียวงั้นหรือครับ”

ถูกย้อนแบบนี้ชายภัทรเลยนิ่งไป แต่เปลี่ยนเป็นถามจับผิดว่า จากบ้านเกษรามาที่นี่สิบนาทีก็มากแล้ว ทำไมถึงใช้เวลานาน ยศวินบอกว่าตนหลงทางไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว

“คุณพาแก้วไปที่มืดและเปลี่ยวทำไม!” ชายภัทรเสียงเข้มขึ้นทุกที

“ผมไม่ได้อยากพาไป แต่มันหลงทาง คุณชายเข้าใจไหมครับว่าหลงทาง” ถูกปรามว่าทีหลังอย่าพาไปหลงแบบนั้นอีก ทำเอายศวินมึน ถามงงๆว่า “คุณชายเป็นอะไรไปครับเนี่ย...”

ชายภัทรรู้สึกตัวกลัวถูกจับอารมณ์ได้ จึงทำเป็นหันไปสนใจงานบนเวที ปรบมือไปกับแขกในงาน ยศวินมองคุณชายหมอผู้เคยเคร่งขรึม จริงจังกับงานและเป็นที่นับถือของผู้ร่วมงานทุกคน งงๆ

ooooooo

งานยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นทุกอย่างสวยงาม เพลินตาเพลินใจ จนเมื่อใบบัวประกาศเชิญคุณหญิงดาราขึ้นมอบรางวัลแก่นางสาวศรีสยาม และแก้วยกมือไหว้เอ่ยขอบพระคุณ คุณหญิงจึงเอ่ยยิ้มๆว่า

“ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม” พอแก้วทำหน้างงๆ คุณหญิงบอกว่า “ช่วยแสดงให้ฉันเห็นว่า นางสาวศรีสยามเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง จะได้ไหม”

แก้วยังแปลกใจกับคำขอ แต่เมื่อคุณหญิงหันไปยิ้มให้ช่างภาพถ่ายรูป เธอจึงเดินลงจากเวทีพร้อมรองคนอื่นๆ

ooooooo
ใบบัวสบตากับท่านพินิจอย่างรู้กันก่อนขึ้นเวทีประกาศอย่างตื่นเต้นว่า

“เวลาที่ทุกท่านรอคอยมาถึงแล้วค่ะ ฟลอร์ของเราพร้อมแล้ว แขกทุกท่านก็คงจะพร้อมแล้วเช่นกัน ในโอกาสนี้ ดิฉันอยากจะขอเรียนเชิญแขกคนพิเศษของงาน เป็นตัวแทนเต้นรำเปิดฟลอร์ กราบเรียนเชิญท่านพินิจค่ะ”

นักลีลาศสาวสวยคนหนึ่งตรงไปควงแขนท่านพินิจพาท่านออกมากลางฟลอร์ ท่านยิ้มออกไปจับนักลีลาศสาวหมุนรอบหนึ่งแล้วปล่อยไป

แก้วก้าวลงจากเวที ยศวินกำลังจะเข้าไปหาก็ถูกบอดี้การ์ดมาขวางไว้ แล้วนักลีลาศหนุ่มคนหนึ่งก็มาประกบจะพาแก้วออกไปให้ท่านพินิจที่กลางฟลอร์  ชายภัทรเห็นแก้วกำลังตกอยู่ในภาวะคับขันขยับจะไปช่วยก็ถูกมารตีคล้องแขนไว้ถามว่าจะไปไหน ชายภัทรบอกว่าจะไปห้องน้ำ เธอขอไปด้วย พอชายภัทรบอกให้ไปก่อนเธอก็ไม่ไป

“และคู่เต้นรำเปิดฟลอร์ของท่านพินิจ จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากสาวงามที่สุดของประเทศในเวลานี้นั่นก็คือ...” ใบบัวทำเสียงตื่นเต้นยิ่งขึ้น แต่ไมค์มีเสียงวี้ดดดด... จนต้องหยุดพูด รอจนเสียงหายก็เตรียมจะประกาศต่อ

พริบตานั้น ชายพีร์ตรงไปโค้งพาคุณหญิงออกไปกลางฟลอร์แล้วเสิร์ฟคุณหญิงให้ท่านพินิจอย่างสวยงาม!

ใบบัวตะลึงอึ้ง แต่ก็เอาตัวรอดได้ ประกาศต่ออย่างไร้พิรุธว่า

“นั่นก็คือ...คุณหญิงดาราอำไพ ศรีภริยาของท่านค่ะ”

แขกในงานปรบมือเกรียว  แม้ท่านพินิจจะเซ็งจนคุณหญิงถามว่า “ผิดหวังมากหรือคะที่ต้องเปิดฟลอร์กับดิฉัน” แต่ท่านก็รักษามารยาท ทำเป็นยิ้มแย้มยินดีพาคุณหญิง เต้นรำอย่างสวยงาม

ชายภัทรเห็นแก้วปลอดภัยแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ จนชายเล็กที่สังเกตอยู่ถามแซวว่าถึงกับยิ้มออกเลยหรือ ชายภัทรรู้สึกตัวทำหน้าขรึมทันที  มารตีเองก็สงสัยถามว่ายิ้มเรื่องอะไรหรือ แต่ทุกคนทำไม่รู้ไม่ชี้ มารตีเลยได้แต่คอยชำเลืองมองสามคุณชายอย่างสงสัย

ooooooo

มารตีอยากเป็นคู่ลีลาศแห่งปี ชวนชายภัทรออกไปเต้นรำกัน พอดีชายภัทรเห็นแก้วกับยศวินกำลังซุบซิบๆ แล้วหัวเราะกันเบาๆ เลยออกไปเต้นรำกับมารตีประชดอารมณ์ตัวเอง

ระหว่างนั้น ยศวินพาแก้วออกไปเต้น บอกเธอว่า เพื่อให้ท่านพินิจที่คอยมองเธอตาเป็นมันจะได้รู้ว่าเธอไม่ได้ว่างไร้คู่เต้น เผื่อจะทำให้ท่านล้มเลิกความตั้งใจไปได้ แก้วจึงออกไปเต้นรำเป็นคู่ที่สาม สุนันท์กับกนกลักษณ์ไม่ยอมน้อยหน้าคว้าครูเต้นรำออกไปวาดลวดลายเป็นคู่ที่สี่และที่ห้า ทำให้ฟลอร์ดูคึกคัก  แต่ร้อนด้วยแรงริษยา!

ระหว่างเต้นรำ มารตีพล่ามติฉินนินทาใส่ไคล้– แก้วตลอดเวลาว่า  เต้นเหมือนหุ่นกระบอกบ้าง หาว่าแก้ว สบตายศวินหวานฉ่ำบ้าง กระทั่งหาว่าแก้วควงยศวินมายั่วท่านพินิจเพื่อปั่นค่าตัวบ้าง ด่าว่าช่างร้ายกาจแผนสูงจริงๆ

มารตีพล่ามจนชายภัทรทนไม่ได้เมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อยากฟัง

ส่วนท่านพินิจ แม้จะเต้นคู่คุณหญิงแต่ไม่ว่าจะหมุนไปทางไหน ตาก็มองมาที่แก้วตลอดเวลา จนชายพีร์กับชายเล็กที่จับตาดูอยู่บ่นกันว่า ช่างไม่ควบคุมอาการเลย

แล้วท่านพินิจก็ทำยิ่งกว่านั้น ครู่เดียวก็บอกคุณหญิงว่า  เราเปิดฟลอร์แค่พอหอมปากหอมคอก็พอ  แล้วพาคุณหญิงไปส่งต่อให้ท่านชายเกริกเต้นกันต่อ ส่วนตัวเองเข้าไปหาแก้ว สะกิดหลังยศวินพูดอย่างวางเขื่องว่า

“คุณหมอ ผมขออนุญาตเต้นรำกับนางสาวศรีสยามสักเพลงสิครับ” พูดแล้วเข้าไปจับมือแก้วจากยศวิน แต่ทำท่าโค้งอย่างสุภาพอ่อนโยนพาแก้วพลิ้วออกไป ท่ามกลางสายตาของใบบัวที่มองอย่างสะใจจริงๆ!

แก้วฝืนยิ้ม หน้าซีดเผือด จำต้องเต้นรำไปอย่างอึดอัดกับสายตาที่ท่านมองมาราวกับจะกลืนกิน

เมื่อเพลงจังหวะวอลท์จบลงต่อด้วยจังหวะฟอกซ์– ทร๊อต แก้วถือโอกาสบอกว่าตนเต้นจังหวะนี้ไม่เป็นและจะเบี่ยงตัวออกไป ท่านทำเป็นเออออว่าเต้นไม่คล่องเหมือนกัน ชวนออกไปหาอากาศสดชื่นข้างนอกดีกว่าแล้วพาแก้วออกไปที่ระเบียงที่บรรยากาศโรแมนติก มีแขกออกมายืนคุยกันบ้างประปราย

“เอ่อ...ท่านคะ...คือข้างนอกนี่ มันมืดไปหน่อยหรือเปล่าคะ” แก้วหาทางป้องกันตัว แต่ท่านบอกว่าเงียบดีและตนมีเรื่องจะคุยกับแก้วด้วย “แต่ว่า...แก้ว...อยากไปห้องน้ำ”

“คุณไม่ชอบผมหรือแก้ว บอกมาตรงๆเถอะว่าคุณไม่เต็มใจ ที่จะ...คบหาดูใจกับผม” น้ำเสียงท่านเปลี่ยนไปทันที แก้วตกใจถามว่าอะไรนะคะ ท่านบอกรักเสียงเข้ม “ผม...รักคุณมาก”

แก้วติงว่าท่านแต่งงานแล้ว ท่านชี้แจ้งด้วยเหตุผลของท่านว่า “แต่งงานก็ส่วนแต่ง ผมไม่ได้จะทอดทิ้งภรรยานี่”

“แต่แบบนี้มันผิดศีลธรรมนะคะ”

“อย่ากลัวเลยค่ะว่าสังคมจะมาตำหนิติติงเรา คนรวยและมีอำนาจ ย่อมทำอะไรก็ได้ไม่น่าเกลียด เงินของผม จะทำให้ใครๆยกย่องเรา แล้วอำนาจอิทธิพล จะปิดปากให้ทุกคนเงียบ...ไม่กล้าหือ!”

“แต่ภริยาท่านจะเสียใจนะคะ ผู้หญิงเราไม่มีความทุกข์อะไรมากเท่าสามีนอกใจ การทำให้คู่ชีวิตตัวเองต้องตกอยู่ในความทุกข์ขนาดนั้น มันจะเป็นบาปนะคะ”

เป็นคำพูดที่ทำให้ท่านพินิจ มองหน้าแก้วอึ้ง...

ooooooo
“โอ๊ย...พอได้แล้วแม่ จะตามไปให้มันกระทืบอีกเหรอ พวกมันมาตั้ง 3 คน ฉันคนเดียวจะไปสู้มันได้ยังไงล่ะ” ไกรฤกษ์โวยวาย อิงอรถึงกับร้องไห้โฮ ฟูมฟายว่า ทีนี้จะทำยังไงล่ะ พวกเราต้องตายแน่ๆเลย

แก้วเริ่มรู้สึกตัวแต่ยังเบลอๆ ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ จนชายภัทรต้องเอามือปิดปาก บอกเธอว่า

“แก้ว...ฉันเอง มองหน้าฉันสิแก้ว...คนพวกนั้นจะจับตัวแก้วไปให้ท่านพินิจ พวกฉันมาช่วยเธอนะ เธอไม่เป็นไรแล้วนะแก้ว...”

พอแก้วสงบลง ชายพีร์เร่งให้ชายภัทรรีบพาแก้วหนีไปก่อนดีกว่า เพราะเราชิงตัวแก้วมาอย่างอุกอาจแบบนี้ ท่านพินิจต้องไม่อยู่นิ่งแน่ ชายเล็กเห็นด้วยเร่งชายภัทรว่าเพื่อความปลอดภัยให้พาแก้วไปซ่อนตัวที่อื่นก่อน

“แก้วจะไปกับฉันไหม...” ชายภัทรเอารองเท้าของแก้วที่เก็บได้ให้ดู “ฉันเจอรองเท้าเธอตกอยู่ ถึงรู้ว่ามีอันตราย ก็เลยตามมาช่วย แต่เราต้องรีบไปจากที่นี่เข้าใจไหม”พูดแล้วเอารองเท้าใส่ให้แก้วอย่างสนิทมือสนิทใจ จนชายเล็กกับชายพีร์มองทึ่ง

ชายภัทรพาแก้วไปที่บ้านพักตากอากาศของ

ครอบครัวที่หัวหินซึ่งเขาไม่ได้มานานแล้ว ที่นี่มีตาชุ่มกับยายนวลสองผัวเมียดูแลอยู่ ชายภัทรกำชับทั้งสองห้ามแพร่งพรายเรื่องแก้วมาพักที่นี่ออกไปเด็ดขาด

แก้วตื่นเต้นมาก เพราะในชีวิตยังไม่เคยเห็นทะเลเลย...เธอย่ำน้ำทะเลอย่างมีความสุข เห็นชายภัทรยืนยิ้มอยู่ แก้วถาม

“ยิ้มอะไรคะคุณชาย”

“ตั้งแต่เจอกันมา ฉันไม่เคยเห็นแก้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย แก้วดีใจยิ่งกว่าได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยามอีกนะ”

แก้วเห็นมีอะไรติดที่แว่นชายภัทร เธอเข้าไปถอดแว่นออกและปัดทรายที่ติดแว่นอย่างทะนุถนอมแล้วจึงสวมแว่นคืนให้ ความอ่อนโยนและใกล้ชิดกัน ทำให้ต่างตกอยู่ในภวังค์ ทุกอย่างเงียบสนิทจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกัน...

ooooooo

เมื่อแก้วถูกชิงตัวไปแล้ว ใบบัวแทบเข้าไปกราบท่านพินิจ ยอมรับว่าทำงานพลาดอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าใครมาปล้นแก้วไปจากพวกตน อ้อนวอนขอโอกาสตนอีกสักครั้ง

ท่านพินิจบอกว่าถึงเวลาที่ใบบัวต้อง “พัก” ได้แล้ว ใบบัวรู้ความหมายนี้ดีคลานเข้าไปกราบขอโอกาส ก็ถูกลูกน้องท่านหิ้วปีกออกไป

“ใคร! ใครมันกล้ามาขโมยตัวผู้หญิงของฉันไป!” ท่านพินิจคำราม แค้นแทบกระอักเลือด สั่งลูกน้อง 

“พวกแกไปสืบมาให้ได้ว่าไอ้หน้าไหนมันกล้ามาเอาตัวหนูแก้วของฉันไป!”

ต่อมา อิงอร ไกรฤกษ์ และสุนันท์ ก็พากันเข้าพบท่าน ถูกตะคอกว่าจะมาตอแหลอะไรอีก

“ท่านขา...อิงอรทราบค่ะว่าอิงอรทำงานไม่สำเร็จ แต่อิงอรก็อยากจะพาหนูแก้วมากราบท่านให้ได้จริงๆนะคะท่านเห็นข่าวนี้หรือยังคะ”

ไกรฤกษ์ส่งหนังสือพิมพ์ที่มีรูปคู่ของแก้วกับชายภัทรให้ดู ท่านพินิจฉุนขาดขว้างหนังสือพิมพ์ใส่หน้าอิงอรถามว่าจงใจมายั่วโมโหกันหรือ

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะท่าน” อิงอรกลัวแทบตายแต่ทำใจดีสู้เสือ

“ถ้าไม่ใช่ แล้วแกเอาภาพคู่หนูแก้วกับคนอื่นมาให้ฉันดูเพื่ออะไร...พวกแกคิดจะเยาะเย้ยที่ฉันเสียหน้าใช่ไหม”

“เราแค่จะมาบอกท่านว่า ตอนนี้แก้วอยู่กับใคร” ไกรฤกษ์ช่วยแม่พูด

“ใช่ค่ะ” อิงอรรีบเสริม “เมื่อคืนนี้ คุณนายใบบัวทำงานพลาด ปล่อยให้แม่แก้วถูกใครก็ไม่ทราบชิงตัวไปใช่ไหมคะ บังเอิญว่าเมื่อคืนนี้อิงอรกับเจ้าไกรเห็นคนพวกนั้นค่ะ เห็นกับตาว่ามันบังคับเอาตัวหนูแก้วไป” แล้วชี้ให้ดูชายในรูป

“คุณชายพุฒิภัทร...ไอ้คุณชายแว่นนี่เหรอ” ท่านพินิจจ้องรูปอย่างแค้นใจ

ระหว่างนั้น สุนันท์ก็ช่วยเป่าหูยุยงอีกคนว่า

“ท่านคะ...ท่านอย่าลืมสิคะว่าตอนที่แม่แก้วตกเวทีนางงาม ใครเป็นคนทำแผล ใครเป็นคนสั่งให้แม่แก้วต้องค้างที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นคนเดียวที่ปราบพยศแม่แก้วได้ แล้วก็รับอาสาดูแลคนไข้คนนี้เป็นพิเศษ” 

“คุณชายพุฒิภัทรรักหนูแก้วค่ะ เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิด แต่หนูแก้วไม่เต็มใจ คุณชายก็เลใช้วิธีอย่างโจรลักพาตัวหนูแก้วไปทั้งๆที่คุณชายก็ทราบว่าท่านหมายปองหนูแก้วอยู่” อิงอรใส่ไฟอีก

“คุณชายพุฒิภัทร ฉันอุตส่าห์ให้ทุนมันทำวิจัย แต่มันกล้าแทงข้างหลังฉันเหรอ คิดจะท้าทายอำนาจของฉันใช่ไหม! เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู!!” ท่านพินิจแค้นจนตาแดงก่ำ

อิงอรกับไกรฤกษ์สบตากันอย่างโล่งอกที่พ้นความผิดไปได้ ส่วนสุนันท์มองแม่กับพี่ชายอย่างหนักใจ...

ooooooo

อ่านต่อ