Thursday, May 9, 2013

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอน3 ละคร ช่อง3




ตอนที่ 3

เช้าตรู่วันเดียวกัน คุณนายใบบัวไปที่บ้านท่านพินิจเพื่อรายงานอาการของกรองแก้วและรับเงินงวดแรกจากการส่งตัว ท่านพินิจย้ำกับคุณนายใบบัวว่าต้องให้กรองแก้วเต็มใจและพ่อแม่ไม่มีปัญหาเพราะไม่อยากเป็นข่าวฉาวในหนังสือพิมพ์

“อุ๊ย...เด็กยิ่งกว่าเต็มใจอีกค่ะ ส่วนพ่อเด็กก็ไม่ต้องห่วง รายนี้แม่อิงอรเขาจัดการอยู่หมัด เด็กก็ปลาบปลื้มชื่นชมท่านมาก พ่อเด็กฝากฝังลูกไว้กับท่านนี่ล่ะค่ะ”

“ฮ่ะๆๆ จริงเหรอ” นายพลหัวเราะชอบใจ ยื่นซองหนาให้ “เอ้า...เอาไปให้อิงอร เป็นเงินก้อนแรกให้เขาอุ่นใจแล้วถ้าหนูแก้วมาเป่ากระหม่อมเสร็จแล้วค่อยมารับที่เหลือ แล้วนี่...ของเธอใบบัว อย่าไปมั่วซองกันล่ะ ฮ่ะๆๆ”

คุณนายใบบัวรับซองไปยิ้มหน้าบาน รีบไปที่โรงพยาบาล พบอิงอรก็ยื่นซองให้บอกว่านี่คือส่วนแบ่งงวดแรก แล้วบอกอิงอรว่า ท่านย้ำมากเรื่องเด็กต้องเต็มใจเพราะกลัวมีเรื่องขึ้นมาท่านจะถูกครหานินทาหรือถูกหนังสือพิมพ์ด่า แล้วเราก็จะชวดเงินอีกครึ่งหนึ่งทันที

“ฉันรับรองว่านังกรองแก้วมันเต็มใจ” ส่วนกิตติพ่อของกรองแก้วนั้น อิงอรบอกว่า “ฉันเตรียมเงินไว้ยัดปากมันให้เงียบอยู่แล้ว”

“หวังว่าคงเป็นเงินส่วนของคุณนะที่ยัดปากใครต่อใคร ไม่ใช่เงินฉัน แล้วก็จำไว้ว่า ทุกอย่างต้องราบรื่น อย่าให้ท่านโมโห ไม่งั้น...จบเห่กันทุกคน”

อิงอรทำหน้าเซ็ง ส่วนสุนันท์ที่ยืนฟังอยู่ด้วยก็ได้แต่อึ้ง

ooooooo

ชายภัทรรออยู่หน้าห้องน้ำจนกรองแก้วออกมา จึงพาไปนอนที่เตียงรูดม่านปิดเพื่อดูแผล ตรวจแล้วพูดอย่างพอใจ

“อืม...เนื้อสมานกันดีนะครับ เหลือแค่รอยบวมและช้ำตรงที่เกิดจากการกระแทก โดยรวมแล้วดีนะครับ ไม่น่าจะอักเสบติดเชื้อ วันนี้น่าจะกลับบ้านได้”

“กลับบ้าน!” กรองแก้วหน้าซีดเผือด ชายภัทรทำความสะอาดแผลไปก็ถามไปว่าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับบ้าน “ฉัน...ขอ...ไม่กลับบ้านวันนี้...ไม่ได้เหรอ”

ชายภัทรถามว่าเป็นอะไรของเธอ กรองแก้วทำเป็นเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง บอกว่าตนยังเจ็บแผลอยู่กลับบ้านไปแล้วเดินไม่สะดวก บ้านก็อยู่ไกลไม่มีใครดูแล อ้อนวอนขอค้างที่โรงพยาบาลอีกคืนได้ไหม พลางทำท่าจะกราบ

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ผมถามจริงๆ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าอยากให้ผมช่วยก็บอกได้พูดมาเถอะ ถือว่าผมคือหมอประจำตัวคุณ อะไรที่ช่วยคนไข้ได้ ผมยินดี”

ขณะกรองแก้วกำลังจะเล่านั่นเอง มารตีก็เข้ามาขัดจังหวะพูดเหน็บชายภัทรว่าเป็นห่วงคนไข้พิเศษหรือ เลยถูกชายภัทรดุว่าตนก็เป็นห่วงคนไข้ทุกคนอยู่แล้ว มารตีเลยเงียบไป ชายภัทรจึงหันมาถามกรองแก้วต่อว่า

“ว่าไงครับคุณกรองแก้ว บอกผมมาเถอะ ทำไมคุณถึงไม่อยากกลับบ้าน”

กรองแก้วเห็นมารตีจ้องเขม็งอยู่เลยเปลี่ยนใจไม่พูดความจริง ปดว่าตนไม่มีเงิน จะขอพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้เงินจากการประกวด ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายโรงพยาบาล

มารตีขัดขึ้นทันทีว่าเรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องห่วงเพราะท่านพินิจจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์อยู่แล้วและตอนนี้ญาติก็มารอรับที่ด้านนอกแล้วด้วย กรองแก้วหน้าซีดเผือด และชายภัทรก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุตามเคย

ooooooo

เมื่อชายภัทรออกจากห้อง มารตีรีบตามประกบ ชี้ให้ดูอิงอร คุณนายใบบัว และสุนันท์ที่แต่งตัวเว่อร์ บอกว่านั่นคือญาติของกรองแก้ว สุนันท์ดี๊ด๊าเข้ามาทักชายภัทรอย่างอ่อนหวานหยดย้อยพยายามพูดราชาศัพท์จนชายภัทรต้องบอกว่า ตนเป็นแค่หม่อม ราชวงศ์ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ ให้พูดธรรมดาก็ได้ สุนันท์ชมอย่างปลื้มสุดๆว่า

“ทรงไม่ถือพระตัวเลย”

อิงอรบอกว่ามารับกรองแก้วกลับ แม้ชายภัทรจะรู้สึกลำบากใจแต่ก็ไม่ท้วงติง แต่พอแยกกันออกไป มารตีก็ติงว่า

“พี่ชายภัทรดูไม่ค่อยอยากจะอนุญาตให้คนไข้วีไอพีกลับบ้านเลยนะคะ”

“ทำไมพี่จะไม่อยาก” ชายภัทรทำเสียงแข็ง มองหน้าดุๆ มารตีไม่กล้าตอบแต่แอบค้อน

ชายภัทรกลับไปที่ห้องทำงาน เขียนใบสั่งยาและวันนัดตรวจให้มารตีเอาไปซื้อยาให้กรองแก้ว มารตีฮึดฮัดขัดใจถามว่าทำไมถึงต้องนัดมาตรวจเอง ชายภัทรตอบอย่างหงุดหงิดว่าตนเป็นเจ้าของไข้ ดุว่าอย่าเซ้าซี้ ทำตามที่บอกก็พอ

มารตีมองอย่างไม่ชอบใจ วางแผนใส่ไฟอิงอรและกรองแก้ว แกล้งถามว่ารู้ไหมว่าอิงอรมีอาชีพอะไร ชายภัทรถามว่าทำร้านตัดเสื้อไม่ใช่หรือ

“ค่ะ...แต่นั่นเป็นแค่ฉากหน้าค่ะ เพราะเบื้องหลัง คุณอิงอรเป็นแมวมองที่คอยหาเด็กสาวๆส่งให้กับท่านนายพล ใครๆก็รู้ดีว่านางงามศรีสยามทุกปี จะต้องไปให้ท่านเป่ากระหม่อม แล้วก็จะได้รถได้บ้านคนละหลัง คุณอิงอรถึงได้ร้อนใจอยากจะมารับแม่กรองแก้วกลับไปให้ได้ยังไงคะ”

ชายภัทรนิ่งฟังอย่างหาข้อมูล

“พี่ชายไม่เคยสนใจแวดวงนางงาม พี่ชายไม่รู้หรอกว่าที่เห็นเบื้องหน้าสวยๆงามๆ เบื้องหลังฟอนเฟะแค่ไหน คุณสุนันท์บอกน้องเองว่า ยัยกรองแก้วน่ะ เห็นหน้าใสๆเรียบร้อยอย่างนั้น แต่จริงๆแก่แดดแก่ลมมาก ดั้นด้นมาจากบ้านนอกเพื่อเข้าประกวด ตั้งใจอยากจะเป็นอนุของท่านนายพลให้ได้ เพราะเห็นว่าเป็นทางสบาย จะได้มีคนใหญ่คนโตอุ้มชู...ความคิดความอ่านสกปรกมาก ผู้หญิงพรรค์นี้ ใครคิดไปรักไปชอบจริงๆก็โง่เต็มที”

มารตีใส่ไฟ ปั้นน้ำเป็นตัวอย่างมันปาก จนชายภัทรตัดบทว่า

“เอาเถอะ...คุณกรองแก้วจะเป็นยังไงก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว พี่ไม่ขอยุ่ง”

“คิดอย่างนั้นถูกต้องแล้วค่ะ พี่ชายเป็นถึงหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ เกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลต้องมาก่อนสิ่งใด พี่ชายเป็นคนฉลาด คงจะไม่หลงมารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงพรรค์นั้นนะคะ”

เป่าหูใส่ไฟจนชายภัทรนิ่งไปแล้ว มารตีก็เดินเชิดออกไป ปล่อยให้ชายภัทรยืนโกรธอย่างไม่รู้สาเหตุอีกแล้ว...

ooooooo

ฝ่ายกรองแก้วเครียดหนักคิดหาทางหนี แต่พอแอบมองจากหน้าต่างออกไปเห็นชายชุดดำยืนเกร่อยู่แถวหน้าห้องก็ไม่กล้า แต่พอฉุกคิดอีกที ก็บอกตัวเองว่าหนีไม่ได้ต้องรอได้เงินรางวัลเอาไปรักษาพ่อก่อน กลับมานั่งกินอาหารเช้าที่พยาบาลเอามาให้อย่างฝืดคอ

กินได้ไม่กี่คำ อิงอรก็เข้ามาพร้อมสุนันท์บอกให้หยุดกินได้แล้ว รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัว เพราะเดี๋ยวจะมีของกินดีกว่านี้เยอะแยะ แล้วจัดแจงจับกรองแก้วแต่งหน้าแต่งตัว เสร็จแล้วยืนเล็งชมว่าสวยจริงๆ ชวนรีบกลับกันดีกว่า

กรองแก้วตัดสินใจถามว่าเมื่อไรทางกองประกวดถึงจะให้เงินรางวัลตน

“ตามตารางงาน มันคือวันเสาร์ปลายเดือนไง ที่จะมีงานใหญ่เป็นพิธีมอบของรางวัลทั้งหมด ก็อีกราว 2 อาทิตย์ ถามทำไมหรือ” กรองแก้วตอบซึมๆว่าเปล่า แค่อยากทราบว่าจะพาพ่อไปรักษาตัวได้เร็วแค่ไหน เลยถูกอิงอรตำหนิว่าเธออยากเซ่อเองทำไม “ถ้าไม่ป่วยเสียอย่างนี้ บางทีเผลอๆวันนี้อาจมีคนส่งพ่อเธอเข้าโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็ได้”

“ใครคะ” กรองแก้วสงสัย สุนันท์ตอบแทนแม่กลั้วเสียงหัวเราะคิกคักว่าก็ลูกเขยของพ่อเธอไงล่ะ เลยถูกอิงอรทุบหลังด่าว่าพูดจาไร้สาระ บอกกรองแก้วอย่าไปฟัง ยัยนี่มันบ้าๆบอๆ

กรองแก้วสิ้นหวังกับเงินรางวัลที่จะเอาไปรักษาพ่อแต่ที่ต้องเผชิญเห็นๆ ตอนนี้คือต้องถูกเอาตัวไปให้ท่านนายพล เธอทำหน้าเจ็บปวดบอกอิงอรว่าตอนนี้ตนยังเจ็บแผลอยู่อาจอักเสบหรือเน่าไปเลยก็ได้ เสนอว่า

“ความจริง ถ้าจะแน่นอน แก้วขอนอนค้างอีกคืนได้ไหมคะ”

อิงอรหน้าตึงทันทีอ้างว่าคุณชายหมอบอกว่าเธอหายแล้ว ทำเสียงน่าเห็นใจว่าเงินตนก็ไม่ค่อยมี ดีที่ท่านเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด ฉะนั้นต้องสำนึกบุญคุณท่าน ตอนนี้ให้แวะไปให้ท่านเป่ากระหม่อมก่อน

ไม่ว่ากรองแก้วจะอ้างอะไรอย่างไร อิงอรก็ยืน กระต่ายขาเดียวว่าต้องพาไปให้ท่านเป่ากระหม่อม ส่วนที่ปวดแผลจนเดินไม่ได้ สุนันท์ก็เสนอให้ยืมรถเข็นของโรงพยาบาลเพราะท่านบริจาคเงินให้โรงพยาบาลมากมาย แค่รถเข็นคันเดียวคงไม่มีปัญหา

กรองแก้วต้องเงียบไปอย่างหาข้อต่อรองไม่ได้อีก ต้องยอมให้มารตีเข็นพาไปส่งที่รถซึ่งจอดอยู่หน้า โรงพยาบาล

มารตีเข็นกรองแก้วมาถึงหน้าโรงพยาบาลก็บอก ให้รอตรงนี้ก่อนตนจะไปเอายามาให้ กรองแก้วตัดสินใจดันรถเข็นตัวเองตกลงไปข้างล่างอย่างยอมเจ็บเป็นเจ็บตายเป็นตาย เมื่อดันลงไปรถล้มตัวเองกระเด็นออกไป แผลแตกเลือดไหลเปื้อนกระโปรง แม้จะเจ็บมากแต่เธอ ก็ยิ้มดีใจ

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ อยู่ในสายตาของชายภัทรที่เดินอยู่บนตึกมองลงมาอย่างแปลกใจ เห็นเธอตกลงไปบาดเจ็บก็ลังเลว่าจะทำอย่างไรดี

ส่วนกิตติอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ เป็นห่วงลูกจึงไปหาครูบุษบาที่โรงเรียน ครูบุษบาปลอบใจว่า

“ข่าวเขาก็บอกแล้วนี่จ๊ะ ว่าได้ให้นายแพทย์หม่อมราชวงศ์อะไรที่เก่งมากมาเย็บแผลให้ ระดับนางสาว ศรีสยามแล้วทางกองประกวดเขาคงไม่ปล่อยให้มีอันตราย หรอก ป่านนี้คงหายสบายแล้ว แต่คงต้องทำภารกิจต่างๆ

ให้ประเทศชาติอยู่น่ะสิ  แก้วเขามีเวลาเมื่อไหร่ เขาต้องรีบกลับมาพานายกิตติไปหาหมอแน่ อย่าร้อนใจไปเลยนะ”

กิตติเงียบไปด้วยความเกรงใจครูบุษบาทั้งที่ในใจยังกังวลอยู่มาก

ooooooo

ในที่สุด ชายภัทรก็ต้องมาผ่าตัดให้กรองแก้วโดยคำสั่งของผู้อำนวยการและผู้อุปถัมภ์เธอ ต้องทิ้งคนไข้ ที่รอการผ่าตัดในอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ตำหนิกรองแก้วว่า

“คุณควรจะเกรงใจคนไข้ของผม...ที่เขากำลังทรมานด้วยโรคร้ายจริงๆบ้าง”

กรองแก้วขอโทษบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ ชายภัทรพูดอย่างมั่นใจว่า

“คุณตั้งใจ จงใจที่จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บมากขึ้นๆๆ เพื่อจะได้อยู่ในโรงพยาบาลต่อไปให้ได้ ทำไมคุณไม่พูดกับผมตรงๆ ผมบอกแล้วไงว่ามีอะไรให้ปรึกษาผมได้ แต่คุณก็ไม่ยอม”

ชายภัทรดุเสียจนกรองแก้วซีดสนิท ชายภัทรลงมือเย็บแผลโดยการฉีดยาชาให้ ทั้งยังบอกว่าจะทำแผลให้เธอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย บ่นว่าถ้าไม่คิดทำอะไรพิเรนท์แบบนี้ ป่านนี้ก็ได้กลับไปนอนบ้านแล้ว

“แปลว่า...ฉันไม่ต้องกลับบ้านใช่ไหม ฉันค้างที่นี่ได้อีกคืนใช่ไหม” กรองแก้วดีใจมาก

“นี่ใช่ไหม คือสิ่งที่เธอต้องการ” ชายภัทรจ้องหน้าถาม

กรองแก้วเผลอพยักหน้า ยอมรับว่าตนทำให้เขากับคนที่โรงพยาบาลลำบาก แต่ตนมีปัญหาจริงๆ ชายภัทรถามว่าเธอมีปัญหาอะไร กรองแก้วกำลังจะบอกก็มีพยาบาลเข้ามาถามว่าอาจารย์หมอต้องการอะไรอีกหรือเปล่า

“ไม่มี บอกทางห้องใหญ่ว่าเดี๋ยวผมจะไปไม่เกิน 1 ชั่วโมง” ชายภัทรสั่ง เมื่อพยาบาลออกไปแล้ว ชายภัทรบอกให้กรองแก้วพูด เธอกลับเงียบ เขาไม่คาดคั้นแต่เตือนว่าเธอไม่ควรทำตัวเองบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้ เพราะว่า “ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมา อาจเป็นเรื่องใหญ่ อยากมีแผลเป็นเหมือนตะขาบตัวโตๆแล้วเสียโฉมไปตลอดชีวิตเหรอ”

กรองแก้วนิ่งฟัง แล้วก็ดีใจสุดๆ เมื่อชายภัทรบอกว่าไหนๆ เธอก็ลงทุนถึงขนาดนี้แล้ว ก็จะให้นอนที่โรง– พยาบาลอีกคืนหนึ่ง แต่พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรองแก้วดีใจมากพนมมือน้ำตาไหลพรากๆ

“ขอบพระคุณค่ะ คุณหมอ ขอบพระคุณ อย่างหาที่สุดมิได้ คุณหมอไม่ทราบหรอกว่าได้ทำบุญกับสัตว์ผู้ยากขนาดไหน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของหมอครั้งนี้เลยค่ะ”

ชายภัทรมองกรองแก้วเห็นทั้งความสวยและความน่าสงสารของเธอ กรองแก้วพยายามยิ้มประจบให้ดูน่าสงสารทั้งที่น้ำตายังไหลพราก

เมื่อชายภัทรออกมาเจออิงอรที่ทางเดิน อิงอรพยายามถามว่าทำไมต้องให้กรองแก้วนอนที่โรงพยาบาลอีก ขอพากลับไปนอนบ้านพวกตนจะได้ดูแลได้เต็มที่

“ถ้านอนพัก ก็ให้นอนที่โรงพยาบาลอีกสองวันจะเป็นไรไปครับ ค่าใช้จ่ายก็มีคนดูแลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ หลังเปิดแผลแล้วอาการเป็นยังไงค่อยว่ากันใหม่”

อิงอรยังตื๊อจะพากรองแก้วกลับให้ได้ ชายภัทรตัดบทขู่ๆ ว่า

“คุณนายดูแลเองไม่ได้หรอกครับ เพราะแผลคุณกรองแก้วลึกมาก ดีไม่ดีโดนเชื้อบาดทะยักเข้าหรือไปติดเชื้อในกระแสโลหิตเข้าละก็...ถึงตายได้นะครับ หรืออย่างเบาะๆ ถ้าแผลเป็นเกิดเน่าขึ้นมา ผมก็ต้องรับผิดชอบอีก หรือคุณนายจะรับผิดชอบ”

เจอไม้นี้เข้า อิงอรก็ใบ้กินสนิท รีบไปที่ร้านเสริมสวยที่ท่านพินิจไปเสริมหล่อรอรับกรองแก้วคืนนี้ แต่พอรู้ว่ากรองแก้วบาดเจ็บต้องอยู่โรงพยาบาล อิงอรกล่าวโทษว่าเพราะพยาบาลที่เข็นกรองแก้วมาไม่ระวังเลยทำตกลงมาบาดเจ็บ

ท่านพินิจเป็นห่วงกรองแก้วและอาฆาตพยาบาลคนนั้นว่า

“มันต้องโดน มันทำให้หนูแก้วเจ็บ ก็สมควรที่จะต้องได้รับกรรมอยู่ดี!”

ooooooo

เมื่อมารตีขัดขวางกระทั่งใส่ร้ายกรองแก้วแล้วยังหยุดชายภัทรไม่ให้รักษากรองแก้วได้ จึงโทร.ไปฟ้องหม่อมเอียดว่าชายภัทรกำลังถูกคนไข้ที่เป็นนางงามมาอ่อย ทำเป็นป่วยไม่ยอมหาย ท่าทางจงใจทอดสะพานให้ชายภัทร

หม่อมเอียดร้อนใจทนไม่ได้ นอกจากจัดแจงไปถึงโรงพยาบาลชวนชายภัทรกับมารตีทานข้าวกลางวันด้วยกันแล้ว ยังเอาบัตรเชิญดูภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่องแม่นากพระโขนงมาสองใบให้ชายภัทรพามารตีไปดู

มารตีดี๊ด๊าอยากดูมาก ชายภัทรจึงจำต้องรับปากหม่อมเอียด แต่พอกลับถึงวังจุฑาเทพก็เครียด เล่นเปียโนแบบสับสนวุ่นวาย จนชายใหญ่ถามว่านอนไม่หลับหรือ ชายภัทรจึงเล่าให้ฟังว่าหม่อมย่าให้ตนพามารตีไปดูหนัง

“ใจเย็นๆ หม่อมย่าท่านเป็นคนมีเหตุผล แม้ท่านจะเข้มงวดแต่ก็ไม่เคยบังคับจิตใจ”

“แต่ครอบครัวเรามีสัญญากับครอบครัวเทวพรหม ตอนนี้พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรุจมีคู่กันไปแล้ว ก็เหลือแต่ผมกับน้องอีกสองคน” ชายภัทรพูดด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ชายใหญ่ถามว่าไม่ได้รักมารตีใช่ไหม ชายภัทรตอบทันทีว่า “ไม่เลยสักนิด”

ชายใหญ่ถามว่าหรือชายภัทรมีคนอื่น ชายภัทรลังเลนิดหนึ่งก่อนตอบว่าไม่มี ตนกับกรองแก้วก็แค่หมอกับคนไข้ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่ทราบเธอมีปัญหาอะไร เธอจึงแกล้งตกเตียง ตกรถเข็น เพื่อไม่ต้องกลับบ้าน

ชายใหญ่พูดถึงท่านพินิจที่จะรวบตัวเธอเข้าวิมาน ทำให้ชายภัทรฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่านี่คงเป็นเหตุให้เธอพยายามหนีด้วยการหาทางนอนที่โรงพยาบาล ชายภัทรขอบคุณชายใหญ่ที่ทำให้ตนตาสว่าง แต่พอชายใหญ่บอกว่าถ้าชายภัทรมั่นใจคนนี้ก็อย่าให้หลุดมือไปเด็ดขาด ชี้ให้คิดว่า

“ถ้าเราแน่ใจว่าเขาคือนางในฝันของเรา เราก็ควรจะเดินหน้าตามหัวใจตัวเองสิ นายเป็นคนมีเหตุผลมาก ก็เก็บเอาไว้ใช้ทำงานเถอะ เรื่องของความรักน่ะ ฟังเสียงหัวใจอย่างเดียวก็พอ”

“ดึกมากแล้ว ผม...ผมไปนอนดีกว่า” ชายภัทรขอตัวไปอย่างปลอดโปร่งร่าเริง

ทันทีที่ชายภัทรเดินไป อีก 3 คุณชายที่แอบฟังอยู่ ก็โผล่มาหัวเราะกันอย่างถูกอกถูกใจ ชายพีร์ดีใจกว่าเพื่อนบอกพี่ๆทุกคนว่า ตนชนะพนันแน่คราวนี้

“เอ้อ...ช่างเป็นไปได้นะคนเรา เหลือเชื่อจริงๆ ใครจะคิดว่า คนอย่างชายภัทร จะรักผู้หญิงที่เป็นนางงามจริงๆด้วย” ชายใหญ่พูดอย่างทึ่ง แล้วคุณชายทั้ง 4 ก็เฮฮากันอย่างเบิกบานใจ

ooooooo

เช้านี้ แก้วนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงด้วยความกังวล กลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับบ้าน เพียงพรเข็นรถเข้ามาทักทายยิ้มแย้มเยี่ยงพยาบาลที่ดีเดินไปตรวจดูน้ำเกลือถามว่ายังรู้สึกเจ็บแผลหรือเปล่า พลางจะเข้ามาดูแผล

กรองแก้วชักเท้าไว้ไม่ยอมให้ดู ถามว่าคุณชายหมอล่ะ เพียงพรบอกว่าวันนี้ท่านไม่มีเวรถ้าไม่มีอะไรก็คงจะไม่เข้ามา “แต่ท่านสั่งไว้นะคะว่า ถ้าคุณกรองแก้วอาการดีขึ้นแล้ว ไม่เจ็บแผลอะไรก็รอให้น้ำเกลือหมดแล้วกลับบ้านได้”

“แต่ฉันยังเจ็บอยู่เลย” กรองแก้วบอกไปทันที ทั้งยังทำหน้าเจ็บปวด จนเพียงพรมองหน้าอย่างรู้ทัน แต่กรองแก้วไม่สนใจ ทำหน้าเจ็บปวดทั้งยังวินิจฉัยเป็นฉากๆ ว่าแผลต้องติดเชื้อแน่ๆ ยังไงก็ต้องรอคุณหมอมาดูแผลพรุ่งนี้ก่อน ครั้นเพียงพรจะขอดูแผลก็ไม่ยอมให้ดู เพียงพรจึงขู่ๆอย่างรู้ทันว่า

“คุณแก้วคะ วันนี้โรงพยาบาลมีสัมมนาหมอและพยาบาลนะคะ อาจจะไม่มีใครมาอยู่ดูแลคุณได้ตลอดเหมือนทุกวัน” แต่กรองแก้วยังคร่ำครวญว่าปวดแผลจริงๆ เพียงพรมองอย่างหนักใจบอกว่า “ค่ะ...เดี๋ยวดิฉันจะเอายาแก้ปวดมาให้”

พอเพียงพรเดินออกไป กรองแก้วก็หยุดคร่ำครวญ หน้าเครียดคิดหาทางถ่วงเวลาที่จะนอนโรงพยาบาลต่อ

เพียงอึดใจเดียวที่วอร์ดหน้าห้องพักของกรองแก้ว พยาบาลที่กำลังทำงานกันอยู่ต่างก็ต้องชะงักกับเสียงแผดร้องของเธอ ทุกคนชะงักมองหน้ากันละเหี่ยใจ ต่างรู้กันว่านางงามคนไข้แผลงฤทธิ์อีกแล้ว บ่นพฤติกรรมของนางงามจอมโวยกันเบาๆ เพียงพรมาได้ยินเลยตำหนิว่าเห็นทีจะต้องจัดอบรมจรรยาผู้ประกอบวิชาชีพใหม่กันแล้ว พวกพยาบาลเลยพากันจ๋อย

“ฉันต้องเข้าผ่าตัดใหญ่ จะกลับมาอีกทีตอนเย็น คุณกรองแก้วยังไม่ได้ล้างแผล และต้องการยาแก้ปวด พวกเธอช่วยจัดการด้วย” เพียงพรสั่งงาน

ระหว่างนั้นกรองแก้วก็ยังแผดร้องจนเสียงลั่นออกมานอกห้อง พยาบาลต่างมองหน้าแล้วเกี่ยงกัน ไม่มีใครอยากเข้าไปรองรับอารมณ์ของเธอ

ooooooo

เช้าวันเดียวกัน ชายภัทรแต่งตัวเหมือนจะไปโรงพยาบาล ลงมาสั่งถนอมให้เอารถออก ถนอมฟังคำสั่งยิ้มแหยๆไม่กล้าขยับ ก็พอดีหม่อมเอียดถามขึ้นว่าจะไปโรงพยาบาลทำไม วันนี้รับปากจะพามารตีไปดูหนังรอบปฐมทัศน์ไม่ใช่หรือ

ชายภัทรบอกว่าตนไม่ลืม แต่อยากแวะไปที่โรงพยาบาลดูว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีจะได้ไปอย่างสบายใจ

“ถ้าไม่แวะไปมันก็ไม่มี หรือถึงมี หมอคนอื่นตั้งเยอะแยะจัดการกันเองได้” แล้วบอกให้ไปรับมารตี พอชายภัทรจะขึ้นรถ ก็สั่งอีกว่าให้ไปเปลี่ยนชุดใหม่ด้วย ชายภัทรพูดได้คำเดียว “ครับ...ครับ...” ทำตามคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย

เวลาเดียวกัน ที่วังเทวพรหม มารตีแต่งสวยสุดฤทธิ์ นอกจากใส่ชุดสวยทันสมัยแล้วยังขอยืมสร้อยมุกของเกษรามาใส่ด้วย บ่นๆว่าความจนนี่มันแย่จริงๆ อยากได้อะไรเหมือนชาวบ้านก็ไม่ได้ ยืนส่องกระจกดูตัวเองอย่างพอใจ มีวิไลรัมภาคอยป้อยอแอบจิกนิดๆว่า

“เอาน่า...ใจเย็นๆ แต่งงานกะพี่ชายภัทรเมื่อไหร่ พี่มารตีก็จะรวยแล้ว รอบปฐมทัศน์หนังดังระดับแม่นาคพระโขนง จะต้องมีนักข่าวเยอะแน่ๆ คืนนี้อกเขาพระวิหารอย่างปรียา รุ่งเรือง ก็ไม่น่าสนใจกว่าการควงกันไปดูหนังผีของหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ กับหม่อมหลวงมารตี เทวพรหม”

ทันใดนั้น เสียงรถของชายภัทรก็เข้ามาในบ้าน มารตีดี๊ด๊าดีใจจะวิ่งไปรับจนลืมกระเป๋าถือต้องย้อนกลับมาเอาแล้วเดินนวยนาดไปพูดเตือนตัวเองว่า “เราเป็นหม่อมหลวง กิริยามารยาทงดงาม ค่อยๆเดิน”

สองพี่น้องควงกันลงมาอย่างสง่างาม ส่งมารตีให้ชายภัทรแล้ว วิไลรัมภากระเซ้าพี่สาวอย่างรู้กันว่า


“ดูหนังให้สนุก ไม่ต้องรีบกลับหรอกนะคะ ไปรับประทานไอศกรีมต่อกันแทนน้องด้วยนะ” แล้วหัวเราะกันคิกคัก

ชายภัทรฟังนิ่งๆแต่แอบเซ็ง

เมื่อมาถึงโรงหนังเฉลิมกรุง มีนักข่าวมากมายกำลังรุมสัมภาษณ์ผู้กำกับอยู่ ชายภัทรจะเลี่ยงไปแต่มารตีกลับส่งเสียงดังเรียกความสนใจจนบรรดานักข่าวกรูกันมาขอถ่ายรูป ขอสัมภาษณ์ โดยเฉพาะเรื่องแผนการแต่งงานของทั้งคู่

มารตีตอบทันทีว่าเร็วๆนี้ ในขณะที่ชายภัทรบอกว่ายังครับ ทำให้มารตีเสียหน้ามาก เมื่อหลบนักข่าวเข้าโรงหนัง แล้ว เธอตัดพ้อชายภัทรว่าทำไมตอบนักข่าวไปแบบนั้น

“ถ้าพี่บอกว่าจะแต่งสิน้องมารตีจะลำบาก น้องก็รู้ว่าข่าวในพระนครกระพือเร็วจะตาย ยิ่งเราให้สัมภาษณ์นักข่าวทุกคนก็ยิ่งจับตามอง แล้วถ้าเกิดพี่ต้องไปดูงานหลายปี น้องอยู่ทางนี้จะทำยังไง และถ้าข่าวเช่นนี้ออกไป ผู้ชายคนไหนจะกล้าเข้ามาจีบน้อง”

มารตีบอกว่าตนไม่ต้องการให้ใครมาจีบ จะบอกว่าตนรักชายภัทรก็ไม่กล้าเกรงจะไม่งาม

“มารตี คนเราถ้าจะแต่งงานกัน ก็ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอกันมากกว่านี้ การให้สัมภาษณ์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะอนาคตมันก็เป็นเรื่องของเราสองคน น้องมารตีทั้งสวยและเป็นกุลสตรีจะปิดตัวเองเพื่ออนาคตที่ไม่แน่นอนงั้นหรือ ไม่แน่ พี่อาจจะไปดูงานต่างประเทศแล้วไม่กลับมาเลยก็ได้”

ชายภัทรพูดเสียจนมารตีพูดไม่ออก เธอมองหน้าอุทานเรียกอย่างตัดพ้อ ชายภัทรเอื้อมมือบีบไหล่เธอเบาๆ ให้กำลังใจว่า “ตอนนี้น้องยังคิดแบบเด็กๆ อาจจะยังไม่เห็นดีเห็นงาม ในอนาคตน้องจะเข้าใจ ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะเห็นแก่น้อง...ไป...เข้าโรงหนังกันเถอะ”

มารตีเดินงอนๆตามเข้าไป แอบพึมพำ “ไม่...มารตีไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาดถ้าไม่ได้แต่งกะพี่ชายภัทร มารตีก็ต้องจมอยู่กับความจนสิ”

ระหว่างดูหนัง เหมือนหนังผีจะเป็นใจให้มารตีมารยาทำเป็นหวาดกลัวเกาะแขนกระทั่งซบไหล่ชายภัทร แต่ชายภัทรกลับไม่รู้สึกอะไร เพราะตาดูหนังแต่ใจคิดถึงกรองแก้ว คิดถึงแววตาที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือ คิดถึงที่เธอไหว้ขอบคุณที่อนุญาตให้นอนโรงพยาบาลว่าเป็นการทำบุญให้แก่สัตว์ผู้ยากและจะไม่ลืมบุญคุณเลย

แต่ถูกมารตีกระแซะจนรู้สึกตัว จึงค่อยๆ แกะมือเธอออก เมื่อเธออ้อนว่าหนาว ก็ถอดเสื้อสูทให้ใส่ แต่มารตีไม่เอาขอกอดอยู่อย่างนั้น

ในที่สุดชายภัทรขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อปลีกตัวออกไปได้แล้ว ชายภัทรเดินวนไปมาเฝ้าถามตัวเองว่า

“เราเป็นอะไร...ไม่ๆๆ ที่เราคิดถึงเขาเพราะเราเป็นหมอที่มีความรับผิดชอบ เราก็แค่ห่วงคนไข้ ก็แค่นั้น... ใช่...มันต้องเป็นอย่างนั้น...เราควรจะโทร.ไปโรงพยาบาลสักหน่อยตามประสาหมอที่มีความรับผิดชอบ” แต่พอเข้าไปที่โทรศัพท์ก็กลับชะงัก “แต่ถ้าเราโทร.ไป คนอื่นจะมองว่าเราใส่ใจนางงามออกนอกหน้าหรือเปล่า ไม่ดีกว่า แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินล่ะ?”

ชายภัทรคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี แต่พอตัดสินใจจะโทร.ก็พอดีมีคนใช้โทรศัพท์อยู่ สุดท้ายก็เดินเข้าห้องน้ำไป

ooooooo

ที่ห้องพักโรงพยาบาล...กรองแก้วคิดเครียดหาทางที่จะนอนพักที่โรงพยาบาล ร้องโวยวายก็ไม่มีใครสนใจเพราะพยาบาลต่างคิดว่าเธอมารยา

จู่ๆประตูห้องก็เปิดออก กรองแก้วดีใจนึกว่าพยาบาลมาแล้ว แต่กลายเป็นไกรฤกษ์เดินยิ้มตาเป็นมันเข้ามา บอกว่าถ้าเธออยากกลับบ้านตนช่วยได้ กรองแก้วถอยกรูดก็ถูกไกรฤกษ์ดึงเข้าไปกอดซุกไซ้อย่างหื่นจัดกลัดมัน

กรองแก้วตกใจดิ้นก็ไม่หลุด เลยกัดไหล่ไกรฤกษ์ แต่ก็หนีไม่พ้น ตัดสินใจคว้าแจกันฟาดหัวไกรฤกษ์จนเลือดออก ไกรฤกษ์ด่าจ้องหน้าอย่างดุร้าย ความตกใจกลัวทำให้กรองแก้วพุ่งทะลวงไปเปิดประตูหนีออกไป วิ่งเตลิดไปถึงหน้าโรงพยาบาล  เจอท่านพินิจกับอิงอรและสุนันท์เข้าอย่างจัง!

“หนูแก้ว ไหนเธอบอกว่าเจ็บมากลุกไม่ไหวไม่ใช่เหรอ” ท่านพินิจถาม อิงอรรีบบอกว่าแสดงว่าหายดีแล้ว “งั้นหนูแก้วก็กลับบ้านได้แล้วสิ  นึกว่าจะมาเยี่ยมดูอาการนางสาวศรีสยามสักหน่อย  ไม่นึกเลยว่าจะได้รับเธอกลับไปด้วยตัวเอง”

ท่านพินิจยิ้มแย้มยินดีจะเข้าประคอง  กรองแก้วถอยกรูด  พลันก็ทรุดกุมท้องร้องโอดโอย  ไม่เพียงเท่านั้นแกล้งเอามือกุมก้นทำเสียงผายลมปู้ดๆ แค่ได้ยินเสียงปู้ดๆราวกับท่อไอเสียแตก ท่านพินิจ อิงอร และสุนันท์เบือนหน้าหนีอย่างสยอง

ท่านพินิจแข็งใจบอกให้อดทนหน่อยอย่าให้เสียภาพพจน์นางสาวศรีสยาม  ส่วนสุนันท์กับอิงอรมองอย่างรู้ทันว่ากรองแก้วโกหก อิงอรกระซิบบอกสุนันท์ว่า

“ฉันรู้  แต่แกให้ท่านพินิจรู้ไม่ได้ว่าเราบังคับนังแก้ว ประเดี๋ยวก็ได้ชวดเงินทั้งหมดหรอกนังโง่”

ooooooo

เพราะกรองแก้วเล่นละครตีบทแตกจนพยาบาลต้องรีบมาพากลับไปที่ห้อง เธอก็ยังร้องครวญครางตลอดเวลา  แต่พอพยาบาลจะขอดูก็ไล่ตะเพิดไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้

“นี่คุณพยาบาล! หมออยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา จะให้หนูแก้วขาดใจหรือยังไง หา!” ท่านพินิจไม่พอใจ พยาบาลบอกว่ากำลังตามหมอ  ท่านก็ระบุอย่างดุดันว่า “หนูแก้วต้องการหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาล  คุณชายหมอพุฒิภัทรคนเดียวเท่านั้น”

“แต่วันนี้คุณชายไม่มีเวร” เพียงพรชี้แจง

“ฉันไม่สน  ถ้าในอีกชั่วโมงนึงคุณชายหมอไม่โผล่หัวมา  ฉันจะเล่นงานพวกคุณทุกคน” ท่านพินิจเกรี้ยวกราด

เพียงพรวิ่งออกไปถามพยาบาลที่โทร.ติดต่อชายภัทร พยาบาลรายงานว่าโทร.ไปที่บ้านแล้วแต่ท่านไม่อยู่  พยาบาลอีกคนบอกว่าคุณชายไปดูหนังแม่นาคพระโขนงรอบปฐมทัศน์กว่าจะกลับก็คงค่ำ

ขณะเพียงพรและพยาบาลกำลังหนักใจนั้น  ท่านพินิจก็โวยวายตะโกนเรียกพยาบาลวุ่นไปหมด

โชคดีที่ชายภัทรโทร.เข้ามาพอดี  เพียงพรดีใจ อุทานเหมือนรอดตาย “คุณชายหมอ!!!!”

ชายภัทรทำเฉไฉว่ามีธุระกับหมอวศิน  แต่เพียงพรไม่สนใจรีบบอกว่าคนไข้กำลังต้องการคุณหมออย่างมาก “คุณแก้วน่ะค่ะ เธอปวดท้องหนักมาก  ต้องการแต่คุณชายหมอคนเดียว”

“แก้ว...” ชายภัทรอุทาน  วางโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปทันที

เวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล พออิงอรรู้ว่าไกรฤกษ์บุกมาปล้ำกรองแก้วก็ด่าเช็ด ไกรฤกษ์เสนอว่าให้รีบหาทางจับส่งให้ท่านเสีย รับเงินจากท่านมาแล้วไม่ใช่หรือ ถ้ากรองแก้วหนีไปได้แม่ซวยแน่ๆ

“ไม่ใช่แค่ฉัน...พวกแกก็ซวยด้วย” อิงอรขู่กลับเพราะทั้งไกรฤกษ์และสุนันท์ต่างแบมือรอรับส่วนแบ่งอยู่

ooooooo

ชายภัทรมาถึงโรงพยาบาล ท่านพินิจตรงเข้าขอร้องให้ช่วยกรองแก้วด้วย  แล้วหันไปบอกกรองแก้วให้คุณชายหมอตรวจอาการหน่อย

“ไม่ค่ะ...ไม่ต้อง” กรองแก้วบ่ายเบี่ยงอย่างตระหนก เพราะขืนให้หมอตรวจความแตกแน่

ขณะนั้นเอง อิงอรกับสุนันท์เดินเข้ามา พอเห็นชายภัทรก็ผงะ  สุนันท์รีบจัดแต่งทรงผมให้ดูดี  แต่ชายภัทรขอร้องทุกคนให้ออกไปรอข้างนอก  ท่านพินิจฝากชายภัทรให้ดูแลกรองแก้วแล้วออกไปอย่างเป็นห่วง

“เอาล่ะ ทีนี้คุณก็หยุดดิ้นแล้วเล่าอาการให้ผมฟังได้แล้ว” ชายภัทรทำเสียงใจดีมองอย่างเป็นห่วง

กรองแก้วนิ่งอึ้งคิดไม่ทันว่าจะทำอย่างไรดี  รู้แต่ว่า ถ้าโดนจับได้ว่าโกหก ซวยแน่ๆ!

กรองแก้วยังนอนบิดร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ชายภัทรขอให้หยุดดิ้นเพื่อตรวจอาการ

“ไม่ค่ะ...ฉันไม่ตรวจ แค่ให้ฉันนอนค้างอีกสักคืนก็คงจะหายดี”

กรองแก้วยืนกรานไม่ยอมให้ตรวจ ทั้งยังอ้างหมอที่อยุธยาว่าเคยตรวจตนแล้ว หมอบอกว่าเป็นไส้เลื่อน ชายภัทรยิ่งมั่นใจว่ากรองแก้วต้องมีปัญหาอื่นแน่ๆจึงแกล้งให้เพียงพรออกไปเอาเครื่องวัดความดัน แล้วหว่านล้อมกรองแก้วว่า

“คุณแก้ว ไม่มีใครแล้ว คุณลองบอกผมมาสิว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ ผมขอความจริงนะ” แล้วชายภัทรก็บอกเธอว่าการเป็นไส้เลื่อนนั้นจะเป็นกันแต่ในผู้ชาย ผู้หญิงไม่ค่อยเป็นกันหรอก ดักคออย่างรู้ทันว่า คิดหรือว่าโรคนี้จะถ่วงเวลาให้เธออยู่โรงพยาบาลได้เป็นอาทิตย์

ชายภัทรใช้ทั้งความเมตตาและจิตวิทยา หว่านล้อมจนกรองแก้วยกมือไหว้สารภาพว่าตนผิดไปแล้ว

“คุณกรองแก้ว ผมและทุกคนวุ่นวายกับคุณมากพอแล้วนะ แล้วมันก็มากเกินไปที่ผมจะทนได้อีก โรงพยาบาลไม่ใช่โรงแรมที่คุณนึกอยากจะอยู่ก็อยู่ คุณเลือกมา จะให้ผมส่งคุณกลับบ้านหรือพูดความจริงว่าคุณมีปัญหาอะไรกันแน่ ถ้าคุณไม่เห็นผมเป็นหมอ ก็เห็นผมเป็นเพื่อนคนนึงก็ได้ นะครับ...”

เมื่อกรองแก้วยังลังเล ชายภัทรเลยใช้ไม้ตายบอกว่าถ้าไม่ยอมบอกก็จะออกไปบอกท่านพินิจกับอิงอรว่าเธอแกล้งป่วย กรองแก้วรีบคว้าแขนไว้อ้อนวอนอย่าทำอย่างนั้น ชายภัทรดักคออีกว่าที่เธอแกล้งป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจและโก่งค่าตัวใช่ไหม

กรองแก้วเจ็บช้ำหัวใจกับคำกระทบกระแทกของชายภัทร พูดประชดไปทั้งที่น้ำตานองหน้าว่า

“ใช่สิ...คุณคือนายแพทย์ผู้สูงศักดิ์ ส่วนแก้วมันก็คือนางงามกระจอกๆ ที่อยากจะอวดเนื้อหนังเอาตัวเองปรนเปรอให้คนแก่คราวพ่อแลกกับเงินทองจนตัวสั่น ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นอย่างนั้น คุณก็ส่งฉันไปให้ท่านเลยสิคะ”

ชายภัทรนิ่งอึ้ง มองกรองแก้วที่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ต้องห้ามใจตัวเองสุดกำลังไม่ให้เข้าไปกอดปลอบ...

ฝ่ายมารตีถูกทิ้งให้คอยอยู่ในโรงหนังจนหนังเลิก ออกมาเจอถนอมบอกว่าชายภัทรกลับไปแล้วสั่งให้ตนพาเธอไปส่งที่วังเทวพรหมด้วย มารตีแทบจะกรี๊ดออกมา

เมื่อกลับถึงวังพร้อมเสื้อสูทของชายภัทร วิไลรัมภาถามว่าทำไมชายภัทรไม่มาส่ง มารตีเดินอ้าวขึ้นข้างบนคำรามอย่างแค้นใจ

“อย่าถามได้ไหม...พี่เจ็บใจ!เจ็บใจๆๆๆ! เนี่ยตัวหายไปเหลือแต่เสื้อ เดี๋ยวแม่ก็เอามาเผาซะเลย!”

ooooooo

No comments:

Post a Comment