Thursday, May 9, 2013

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอน4 ละคร ช่อง3




ตอนที่ 4
มารตีจ้ำอ้าวขึ้นไปถึงห้องนอนก็ร้องไห้โฮๆ เอาเสื้อสูทของชายภัทรมาขยำขยี้อย่างเจ็บใจ จับฉีกแต่ฉีกไม่ออก

วิไลรัมภาเข้ามาปลอบโยนขอให้ควบคุมสติเพราะเราเป็นหม่อมหลวงให้นึกถึงวงศ์ตระกูลไว้ ส่วนเสื้อสูทของชายภัทรนั้น วิไลรัมภาบอกว่าราคาแพงแบบนี้พ่อเราเห็นคงอยากได้มาก

ฟังน้องแล้ว มารตีรีบเอาเสื้อสูทมาพับวางไว้ แล้วคร่ำครวญต่ออย่างเจ็บใจ ถ้านักข่าวรู้เรื่องนี้ตนต้องเสียหน้าแน่ บอกว่าจะฟ้องหม่อมย่า วิไลรัมภาติงว่า ถ้าฟ้องหม่อมย่า ก็เข้าทางชายภัทรพอดี แล้วเตือนความจำว่า สมัยเด็กๆ เราเล่นกับพวกคุณชายถูกแกล้งเราไปฟ้อง หม่อมย่าลงโทษพวกคุณชาย จากนั้นพวกคุณชายก็ไม่เล่นกับเราอีกเลย
พอมารตีอารมณ์เย็นลง วิไลรัมภาแนะว่า

“หม่อมย่าเอียดชอบผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ตีโพยตีพาย ถ้าท่านทราบว่าพี่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในโรงหนังคนเดียว แต่พี่กลับเข้าอกเข้าใจความรับผิดชอบต่องานที่โรงพยาบาลของพี่ชายภัทรอีก หม่อมย่าเอียดต้องยิ่งสนับสนุนพี่ขึ้นไปอีกค่ะ”

“จริงเหรอ...” มารตียิ้มออก วิไลรัมภาเห็นแล้วยิ้มกว้างอย่างให้กำลังใจพี่สาวสุดๆ

ooooooo

ในที่สุดแก้วยอมรับความจริง เล่าให้ชายภัทรฟังอย่างไม่ปิดบังว่า

“แก้วมาประกวดเพราะแค่อยากได้เงินไปรักษาพ่อ แก้วไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะต้องถูกขาย นึกว่าโลกเจริญไปขนาดนี้แล้วยังจะมีคนทำกับคนด้วยกันแบบนี้อยู่อีก คุณหมอช่วยแก้วด้วยนะคะ ช่วยเมตตาลูกนกลูกกาด้วย” เธอยกมือไหว้น่าเวทนา

“ถ้าคุณไม่อยากกลับไปกับคนพวกนั้น ผมก็จะพยายามช่วยให้คุณได้รอดไปอีกคืน”

กรองแก้วดีใจมากกระโดดลงจากเตียงร้องไชโย ชมว่าหมอใจดีที่สุดเลย ตนจะไม่มีวันลืมบุญคุณเลย ถ้ามีอะไรจะใช้งานก็เรียกได้ทุกเมื่อ

ชายภัทรมองกรองแก้วอึ้ง ที่เธอหัวเราะได้อย่างร่าเริงทั้งที่แก้มยังเปื้อนน้ำตา ผิดกับเมื่อครู่นี้เป็นคนละคน...

หลังจากนั้น ชายภัทรออกไปบอกท่านพินิจกับอิงอรว่า กรองแก้วเป็นไส้ติ่งอักเสบอาจต้องผ่าตัดด่วนคืนนี้ ท่านพินิจถามอย่างตกใจว่าผ่าก็ต้องมีรอยตะขาบยักษ์ที่หน้าท้องใช่ไหม อิงอรก็ใจไม่ดีขอร้องอย่าให้เป็นแบบนั้น

“ผมจะพยายามเย็บให้สุดฝีมือก็แล้วกัน อาจไม่เป็นแผลตะขาบหรอกครับ แค่กิ้งกือเท่านั้น”

ทั้งท่านพินิจและอิงอรต่างกังวลกับรอยตะขาบยักษ์หรือรอยกิ้งกือโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บป่วยของกรองแก้วเลยแม้แต่นิดเดียว เลยทำให้ชายภัทรยิ่งมั่นใจว่า พวกนี้คิดทำเรื่องไม่ดีกับกรองแก้วแน่ๆ

ooooooo

คอยจนท่านพินิจกับอิงอรกลับไปแล้ว ชายภัทรจึงเข้าไปในห้องอีกครั้ง ถามกรองแก้วว่าเธอจะโกหกและหาโรคใหม่อาการใหม่อย่างนี้เพื่อหลบอยู่โรงพยา-บาลไปตลอดชีวิตหรือ

กรองแก้วยอมรับว่าตนไม่อยากทำอย่างนี้แต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ ชายภัทรถามถึงที่บ้าน เธอหน้าเสียเล่าเศร้าๆว่า

“บ้านแก้ว...แก้วมีพ่ออยู่คนเดียวแล้วพ่อก็ไม่สบาย แก้วไม่รู้จะติดต่อพ่อยังไง บ้านเราก็ไม่มีโทรศัพท์ ที่กรุงเทพฯก็ไม่มีญาติ” พูดแล้วรีบตีกันว่า “แต่คุณหมอไม่ต้องกลัว แก้วจะไม่รบกวนอะไรคุณหมออีกแล้ว ขอแค่...ได้หลบพวกนั้นมาได้อีกวัน แก้วก็ดีใจแล้ว แก้วสัญญา...ว่าจะไม่รบกวน ให้คุณหมอลำบากใจที่ต้องโกหกคนอื่นอีกแล้วค่ะ”

ชายภัทรมองกรองแก้วอึ้งๆ ที่ดูท่าทางเธอจะปิดกั้นตนหมดทุกทาง

ส่วนอิงอรร้อนใจ รีบไปหาคุณนายใบบัวบอกว่ากรองแก้วไส้ติ่งอักเสบยังไม่สามารถส่งตัวให้ท่านพินิจได้

“จริงเหรอ...ทำไมมันช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนี้” คุณนายหนักใจ
มะลิแอบฟังอยู่ข้างนอก นึกสงสารกรองแก้วเพราะกรองแก้วเคยเล่าความลำบากและจำเป็นที่ต้องเข้าประกวดนางสาวศรีสยามให้ฟังแล้ว

ไกรฤกษ์กับสุนันท์กลัวจะไม่ได้รับเงินงวดที่สอง ช่วยกันรับปากรับคำคุณนายใบบัวว่าจะดูแลกรองแก้วให้ดี ไกรฤกษ์บอกว่าพรุ่งนี้จะไปเฝ้าที่โรงพยาบาลแต่เช้า ถ้ากรองแก้วต้องผ่าตัดก็จะไปรอที่หน้าห้องแล้วรายงานคุณนายทันที ส่วนสุนันท์ก็รับรองว่าถ้ากรองแก้วไม่ต้องผ่าตัดตนก็จะจับขึ้นรถพาไปส่งท่านที่เซฟเฮาส์ทันทีเช่นกัน

“พรุ่งนี้ค่ะ...พรุ่งนี้จริงๆปัญหาเรื่องสุขภาพของกรองแก้วทั้งหมดจะจบลง” อิงอรยืนยันขันแข็ง

ขณะนั้นเอง มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา อิงอรคาดว่าทางโรงพยาบาลอาจโทร.มาเรื่องกรองแก้ว แต่สุนันท์ระแวงว่าอาจเป็นพวกเจ้าหนี้ อิงอรเรียกมะลิมารับสาย กำชับว่าถ้าโทร.มาจากเจ๊หวังให้บอกว่าไม่มีใครอยู่บ้าน

มะลิรับคำแล้วไปรับโทรศัพท์ ปรากฏว่าเป็นกิตติ พ่อของแก้วโทร.มา มะลิเหลือบมองพวกอิงอรแล้วลดเสียงลง บอกกิตติว่าตอนนี้แก้วไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล ให้รีบไปรับกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย บอกให้กิตติเตรียมจดชื่อโรงพยาบาลและห้องของแก้ว ระหว่างนั้น อิงอรถามว่าใครโทร.มา มะลิปดว่าญาติตนโทร.มาขอยืมเงิน

“ไร้สาระจริงๆพวกคุณนี่...เอางี้ดีกว่า ฉันคิดดูแล้ว เรื่องกรองแก้ว ฉันจะให้คนของท่านไปดูเอง พวกคุณอิงอรไม่ต้องลำบากอีก”
ทั้งอิงอร สุนันท์และไกรฤกษ์ ท้วงติงกันเสียงขรมว่าอย่ารบกวนท่านเลย พวกตนจะพากรองแก้วไปพบท่านเอง

มะลิฟังอยู่แอบลุ้นใจคอไม่ดีขอให้กรองแก้วรอดพ้นจากพวกนี้ไปได้ด้วยเถิด

ooooooo

กิตติขอป้าจิกกับกำนันโทร.ไปหาลูกอีกครั้ง ป้าจิกตีราคา 10 บาท และห้ามพูดนาน กิตติรับปากว่าจะถามลูกให้รู้เรื่องราวเท่านั้น แล้วหยิบโพยมาดู กดตามเบอร์ที่จดจากมะลิ

เจ้ากรรม! เป็นเวลาที่ท่านพินิจโทร.มาหากรองแก้วพอดี พอเธอรับสาย ท่านก็ถามว่าฟื้นแล้วหรือ หายปวดท้องหรือยัง กรองแก้วนึกได้รีบโอดโอยบอกว่าปวดมาก ท่านถามว่าตกลงต้องผ่าตัดไหม กรองแก้วตกใจไม่รู้จะตอบอย่างไรเลยตัดบทวางสายไป

ท่านพินิจไม่พอใจที่กรองแก้ว “บังอาจ” วางหูโทรศัพท์ ใส่ คุณนายใบบัวมาถึงพอดีเลยถูกจับไหล่เขย่าตะคอกถามว่า กรองแก้วทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร รังเกียจตนใช่ไหม “ไหนว่าพ่อเขาฝากชีวิตลูกสาวไว้กับฉันแล้ว และหนูแก้วก็เต็มใจไงล่ะ แบบนี้เธอโกหกฉันทั้งหมด หรือไง ใช่ไหม!”

คุณนายใบบัวตกใจตาเหลือกลนลานบอกว่าไม่... ไม่ใช่...เด็กป่วยจริงๆ แต่ไม่ต้องผ่าตัดแล้วเพราะกรองแก้วไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ แค่ลำไส้อักเสบอย่างแรง เพราะกินอาหารทะเลไม่สด แล้วรีบหว่านล้อมว่า

“ท่านไม่ต้องห่วงค่ะ แค่กินยาฆ่าเชื้อโรคก็หาย...ไม่มีการผ่าให้ร่างกายต้องมีตำหนิหรือไฝฝ้าราคีอะไรมาให้ระคายสายตาหรือมือสัมผัสของท่านได้เลยค่ะ”

ooooooo

ด้วยความสงสารเห็นใจกรองแก้ว ชายภัทรกลับไปเล่าให้ชายเล็กกับชายพีร์ฟังเรื่องกรองแก้วเป็นไส้ติ่งอักเสบ สองคุณชายที่ลุ้นชายภัทรอยู่แล้วทำท่าตกอกตกใจพูดยั่วว่าแบบนี้เห็นทีจะต้องไปเยี่ยมเสียแล้ว

เมื่อชายภัทรบอกว่าเธอแกล้งทำ ก็ถูกแซวอีกว่าแกล้งทำเพราะอยากอยู่ใกล้ชายภัทรใช่ไหม ทำเอาชายภัทรเขินจนหูแดงปฏิเสธว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เธอทำเพราะไม่อยากออกไปเป็นอนุฯของท่านพินิจต่างหาก

“ท่านคนนี้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว แต่ผมคิดว่าพี่ชายภัทรไม่ต้องไปกลัว เพราะพวกเราไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น” ชายพีร์ยุ ชายภัทรบอกว่าตนไม่ใช่คู่แข่งของใครและกรองแก้วเองก็ดูเหมือนจะกีดกันตนออกจากเรื่องของเธอด้วย

ทั้งชายเล็กและชายพีร์ช่วยกันวิเคราะห์เป็นฉากๆว่ากรองแก้วทำเพราะรู้ว่าท่านคนนี้มีอำนาจอิทธิพลมาก เธอเลยพยายามกันชายภัทรออกไปเพื่อปกป้องและไม่ให้กระทบกระเทือนไปด้วย

“บ้า...ไม่หรอก เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แล้วฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขา” ชายภัทรหูแดงขึ้นมาอีก

ชายเล็กเลยแซวว่า ขนาดไม่ได้คิดถึง วันนี้พามารตีไปดูหนังไม่เห็นพูดถึงเลยสักคำ เล่าแต่เรื่องกรองแก้ว ทำให้ชายภัทรนึกขึ้นได้ ตกใจมากที่ไม่ได้โทร.ไปขอโทษเธอ แต่ก็ได้ให้คนขับรถพาเธอไปส่งที่วังแล้ว พูดเหมือนแก้ต่างให้ตัวเองว่า “พี่รับผิดชอบน่ะ”

ooooooo

กรองแก้วยังตกอกตกใจกับการโทร.มาของท่านพินิจ เมื่อเพียงพรเข้ามาจึงขอให้ยกโทรศัพท์ออกไป อ้างว่าไม่ต้องการให้มีเสียงรบกวน

“ตามใจ คุณคงคิดอะไรไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่อยากรับโทรศัพท์พ่อตัวเองล่ะคะ แปลก...” เพียงพรบ่นๆแล้วให้ช้อยเอาโทรศัพท์ออกไป

ได้ยินเพียงพรบอกว่าพ่อโทร.มา กรองแก้วตกใจรีบตามไปอ้อนวอนขอโทรศัพท์คืน พอดีสายที่เคาน์เตอร์ดังขึ้น เพียงพรจึงไปรับสายก่อน เป็นสายของกิตติที่ยกมือไหว้ป้าจิก อ้อนวอนขอโทร.อีกครั้งเพราะเป็นห่วงลูกมาก

เพียงพรมารับสายแล้วหันบอกกรองแก้วเคืองๆว่า “เอ้า...นายกิตติโทร.มา”

“พ่อ...พ่อเป็นไงมั่งจ๊ะ” กรองแก้วรับสายมือไม้สั่นเสียงตื่นเต้นจนควบคุมแทบไม่อยู่

กิตติถามด้วยความเป็นห่วงว่าทำไมตกเวทีต้องอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนี้ ขาหักหรือเปล่า พ่อจะมารับกลับเดี๋ยวนี้ แก้วไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจบอกว่าตนไม่เป็นอะไรมาก และไม่ต้องมารับ เวลานี้ตนต้องทำหน้าที่นางสาวศรีสยามก่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับไปหาพ่อเลย

“แก้วไม่สบายใจอะไร พ่อรู้นะ ถ้าอยู่พระนครแล้วไม่ดี แก้วก็อย่าอยู่เลยลูก เงินทองอะไรไม่ต้องไปสนใจทั้งนั้น แก้วไม่ต้องทนลำบากเพื่อพ่อเข้าใจไหมแก้ว เข้าใจไหม...โอ๊ย” กิตติพูดไม่ทันจบดีก็ร้องอย่างเจ็บปวดโทรศัพท์ตกจากมือแต่สายยังไม่ตัด

ป้าจิกกับกำนันตกใจเข้าประคองกิตติและร้องเรียก เสียงทั้งหมดเข้าไปในโทรศัพท์ กรองแก้วได้ยิน ร้องเรียกพ่ออย่างเป็นห่วง เพียงพรมองสยองๆว่าเป็นอะไรของเขาอีกแล้ว? ส่วนช้อยมองกรองแก้วอยู่อีกมุมหนึ่ง

กรองแก้วอ้อนวอนเพียงพรขอกลับบ้านเพราะพ่อไม่สบายกำลังจะตาย เพียงพรอ้างว่าตนไม่มีสิทธิ์ต้องให้คุณชายหมอมาเซ็น ครั้นกรองแก้วก้มกราบขอให้ช่วยโทร.บอกคุณชายหมอ เพียงพรบอกว่าตนไม่กล้าให้รอถึงเช้าค่อยว่ากันดีกว่า

เป็นเวลาที่ชายภัทรอยู่ในห้องนอน กำลังทบทวนเรื่องราวของกรองแก้ว เมื่อรู้ว่าเธอมีพ่ออยู่คนเดียวและกำลังไม่สบาย ก็พึมพำถามตัวเองอยู่หน้ากระจกว่า

“แก้วมีตัวคนเดียวอยู่ในโลกนะ แกจะทำใจดำไปถึงไหน”

และเมื่อคิดถึงว่ากรองแก้วถูกขายตัวให้ท่านพินิจและที่เธอสร้างปัญหาจนวุ่นไปทั้งโรงพยาบาลก็เพียงเพราะเธอต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้นจากการตกเป็นสินค้าให้ท่านพินิจนั่นเอง

คิดแล้วชายภัทรทนไม่ได้ ลุกขึ้นหยิบแว่นใส่ฮึดฮัด

กรองแก้วกำลังอ้อนวอนเพียงพรว่า  ขอรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย สัญญาว่า “แล้วฉันจะไม่มาเหยียบโรงพยาบาลนี้อีก ฉันจะไม่มารบกวนคุณชายของคุณอีก  จะไม่มาทำตัวให้เกะกะระคายเคืองแม้แต่ปลายเท้าของท่านเลยจริงๆ”

“แน่ใจแล้วหรือที่พูดแบบนี้” เสียงชายภัทรดังขึ้น ทุกคนหันมอง  เห็นเขายืนกอดอกทำหน้าขรึมดุอยู่ที่ประตู!

ooooooo

เมื่อชายภัทรให้กรองแก้วไปนั่งในห้องพักแพทย์ เธออ้อนวอนบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องกลับไปคืนนี้ให้ได้  เมื่อชายภัทรถามถึงความจำเป็นเธอก็ไม่ยอมบอก เอาแต่อ้อนวอนว่า

“แก้วขอร้อง  แก้วจำเป็นจริงๆ  สำหรับเรื่องเงิน แก้วขอเอาตำแหน่งของนางสาวศรีสยามเป็นประกันว่า แก้วจะกลับมาจ่ายให้ทางโรงพยาบาลแน่ๆ”

ไม่ว่าชายภัทรจะขอให้เธอบอกเหตุผลความจำเป็นอย่างไรเธอก็ไม่ยอมบอก  อ้างว่าทุกคนย่อมมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น ในที่สุดชายภัทรตัดสินใจยอมเซ็นให้เธอออกจากโรงพยาบาล บอกว่าเรื่องค่าใช้จ่ายของทางโรงพยาบาลไม่ต้องห่วง  เพราะมีคนจ่ายให้หมดแล้ว
เซ็นชื่อแล้วชายภัทรเตรียมกลับ  ขับรถออกไปได้ครู่เดียวก็เห็นรถของอิงอรกับท่านพินิจขับรถเข้ามา  ชายภัทรจอดรถนั่งกุมพวงมาลัยคิดหนัก  เมื่อนึกถึงว่ากรองแก้วกำลังตกอยู่ในอันตราย

ส่วนกรองแก้วเมื่อได้รับอนุญาตให้กลับได้แล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดที่อิงอรเอามาเตรียมให้คราวก่อน รวบรวมข้าวของใส่ถุงรีบออกไป  เจอพวกอิงอรเดินดาหน้ามาก็รีบหลบ  ได้ยินสามแม่ลูกคุยกันว่า  เราต้องเฝ้ากรองแก้วไว้ให้ดี  ไม่อย่างนั้นคุณนายใบบัวมาตัดหน้าเราแน่ๆ  สุนันท์จะเฝ้าหน้าห้อง ส่วนอิงอรจะเข้าไปเฝ้าในห้องเลย

ส่วนคุณนายใบบัวมากับลูกน้องท่านพินิจ  วางแผนกันว่า

“เราจะบุกเข้าไปลักพาตัวมันไปเลย ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไส้ติ่งจริงหรือไม่จริง ฉันก็ไม่

สนใจอีกแล้ว”

กรองแก้วซุ่มอยู่จนสามแม่ลูกเดินผ่านไปแล้ว เธอจึงวิ่งอ้าวออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล  แต่เพราะดึกแล้วและต้องไปถึงอยุธยา แท็กซี่เรียก 500 บาท และต้องจ่ายก่อน เพราะดึกแล้ว และเคยโดนผู้โดยสารเบี้ยวมามาก  แก้วมึนตึ้บ เพราะไม่มีเงินติดตัว จึงขอเอาตำแหน่งนางสาวศรีสยามเป็นประกัน

ขณะกรองแก้วกำลังอ้อนวอนขอความเห็นใจจากคนขับแท็กซี่นั่นเอง ชายภัทรเดินมาบอก

“กรองแก้วไปกับผม  จะไปไหนผมก็จะไปส่ง เชิญ” กรองแก้วลังเล “คุณต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ เพราะคนพวกนั้นมากันเต็มโรงพยาบาลแล้ว” กรองแก้วบอกว่าไม่อยากให้เขาเดือดร้อน “คุณนึกว่าผมกลัวเหรอ  ถ้าผมเป็นเพื่อนคุณล่ะ คุณจะยอมให้เพื่อนช่วยคุณไหม”

กรองแก้วยังลังเล ชายภัทรเลยเปิดประตูสั่งให้ขึ้นรถ เธอพนมมือไหว้แล้วก้าวขึ้นนั่ง  ชายภัทรขับรถออกไปทันที  ครู่หนึ่งถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหนบอกมา  กรองแก้วบอกว่าไกลมาก เขาถามประชดว่าถึงเชียงรายไหม

“อยุธยาค่ะ...แต่คุณชายหมอคะ แก้วไม่อยากรบกวนคุณชายหมอเลย  เท่าที่ได้ทำให้คุณชายหมอลำบากยุ่งยากเพราะแก้วมาหลายครั้งมันก็มากพอแล้ว”

“ไม่อยากรบกวนฉัน แล้วเธอจะไปอยุธยายังไง ดึกป่านนี้ เงินก็ไม่มี ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ไม่มี อย่าเกรงใจไม่เข้าเรื่อง  คิดซะว่าฉันพาเธอไปขับรถเล่นพักผ่อนสบายๆของฉันก็แล้วกัน แล้วนี่...มีอะไรที่อยุธยาถึงจะต้องไปให้ได้เดี๋ยวนี้ เธอนี่...นิสัยเป็นคนเอาแต่ใจจริงๆเลยนะ จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ ถ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้ก็ต้องเดี๋ยวนี้ไม่สนใจใคร ไม่กลัวอันตรายอะไรทั้งนั้น คงมีแต่คนตามใจจนเคยตัวล่ะสิ”

ชายภัทรพูดยาวเหยียด เหมือนผู้ปกครองสอนเด็ก

กรองแก้วอึ้ง พูดไม่ออก ที่เคยเถียงฉอดๆก็ใบ้กินสนิทไปเลย

ooooooo

ชายภัทรขับรถพากรองแก้วไปถึงปั๊มน้ำมันกลางทางจึงแวะเติมน้ำมันและบอกให้เธอลงไปกินข้าว

“แก้ว...ไม่หิวนะคะ แต่ถ้าคุณชายหิว...”

“ไม่หิวก็ต้องกิน...เธอเล่นบทปวดท้อง วันนี้คงไม่ได้กินอะไรมาเลยแน่ๆ เราต้องไปกันอีกสองสามชั่วโมง แล้วถ้าไปถึงอยุธยาดึก หาอะไรกินไม่ได้จะทรมานเปล่าๆ คงไม่เสียเวลามากหรอก ฉันรู้...ว่าเธอรีบ”

ชายภัทรเดินนำไปร้านอาหาร ไม่นานก็ได้ข้าวต้มไก่มาสองชาม พอเห็นอาหารท้องเจ้ากรรมก็ร้องจ๊อกกกก...อย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของเลย แก้วกินอย่างหิวโหย ส่วน ชายภัทรกินเป็นพิธีเป็นเพื่อนเธอเท่านั้น ปล่อยให้เธอกินจนอิ่ม ชายภัทรจึงถาม...

“คุณจะไม่บอกผมสักคำหรือว่า จะไปทำอะไรที่อยุธยา”

กรองแก้วตัดบทหน้านิ่งว่าคุณชายอย่ารู้เลย ชายภัทรแกล้งทำเป็นโมโห ขู่ว่าถ้าไม่บอกก็จะทิ้งให้ล้างจานอยู่ที่นี่แหละ แล้วทำท่าลุกเดินไปจริงๆ

“แก้ว...แก้วจะไปดูพ่อ พ่อเป็นอะไรก็ไม่ทราบ ตอนค่ำ พูดๆโทรศัพท์อยู่ก็เหมือน...เหมือนล้มไป

แล้วแก้วได้ยินลุงกำนันพูดว่า...พ่อชัก...” แก้วรีบบอก

ชายภัทรหน้าเสียเมื่อรู้ว่าพ่อเธอป่วย ถามว่าทำไมไม่พาพ่อมารักษาที่กรุงเทพฯ พามาที่โรงพยาบาลตนก็ได้ แก้วตอบหน้าสลดว่าตนไม่มีเงิน พ่อต้องผ่าตัดใช้เงินเป็นแสน ตนถึงต้องมาประกวดนางงามแบบนี้

“นี่หมายความว่า...เรื่องที่เธอให้สัมภาษณ์บนเวที เป็นเรื่องจริงหรือ”

เป็นคำถามที่สะเทือนใจแก้วอย่างยิ่ง เธอเสียใจที่ถูกมองว่าตนเป็นเพียงผู้หญิงที่มาโชว์ขาอ่อนและกุเรื่องมาเล่าให้กรรมการสงสารเพื่อชิงมงกุฎและโก่งค่าตัวเท่านั้น เธอฮึดขึ้นมา ลุกเดินจากไปอย่างทระนงในศักดิ์ศรี

ชายภัทรรู้สึกผิด รีบตามไปขอโทษ บอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น

“คุณชายไม่ต้องใส่ใจแก้วหรอกค่ะ ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ก็เป็นแค่ภาพลวงตา แท้จริงแล้วแก้วก็เป็นแค่นางสาวกรองแก้ว ลูกภารโรงจนๆคนนึง เทียบไม่ได้เลยกับคุณชายพุฒิภัทร แห่งราชวงศ์จุฑาเทพ ที่คุณชายดูถูกแก้วก็สมควรแล้ว”

“แก้ว...” ชายภัทรสะเทือนใจจนพูดไม่ออก

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยตอกย้ำให้แก้วอยู่กับความเป็นจริง แก้วจะได้ไม่ลืมตัว” ชายภัทรขอโทษอีกครั้งที่ดูถูกเธอ“แก้วสิคะต้องเป็นคนขอโทษที่ทำให้เกียรติของคุณชายต้องมามัวหมองเพราะแก้ว ทางที่ดีคุณชายอย่าไปส่งแก้วเลย แก้วไม่อยากรบกวน” พูดแล้วยกมือไหว้เดินไป

ชายภัทรคว้ามือเธอไว้ เอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก ขออภัยให้ตนด้วย แล้วเปิดประตูรถให้เธอขึ้น แก้วก้าวขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา นั่งนิ่งอย่างเสงี่ยมเจียมตัวไปตลอดทาง

ooooooo

เมื่อกรองแก้วหายไปจากโรงพยาบาล คุณนายใบบัวหาว่าอิงอรเอาเธอไปซ่อน อิงอรปฏิเสธว่าตนไม่รู้เรื่อง

“โกหก!” คุณนายใบบัวตวาดแล้วหันไปทางบรรดาลูกน้องของท่านพินิจที่มาด้วย “พวกคุณเป็นพยานนะ ยัยอิงอรเอายัยแก้วไปซ่อนเพื่อจะงัดข้อกับฉัน แกนึกว่าระหว่างหล่อน กะฉัน ท่านจะเชื่อใคร หา!!”

ช้อยแอบดูการทะเลาะกันใจจดจ่ออย่างเก็บรายละเอียด

คุณนายใบบัวลิ่วไปที่เซฟเฮาส์ของท่านพินิจ ขณะกำลังกดออดหน้าบ้าน อิงอรก็ตามมาถึง อิงอรกระโดดลงจากรถตรงเข้ากระชากคุณนายใบบัว ตวาด

“หยุดนะอีใบบัว!!”

ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา สุนันท์กับไกรฤกษ์เข้าช่วยอิงอรดึงทึ้งจนเสื้อผ้าคุณนายฉีกขาดแต่ก็ไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งประตูเปิดออก ท่านพินิจกับชายฉกรรจ์สองคนเดินออกมา

“ใบบัว อิงอร อะไรกัน!!” ท่านพินิจตะคอกถามอย่างไม่พอใจที่ทั้งสองมาเปิดศึกกันหน้าบ้าน

ทั้งคุณนายใบบัวและอิงอรต่างหยุดกึก เข่าอ่อนทรุดลงทันที...

เมื่อซักไซ้ไล่ความจนรู้ว่ากรองแก้วหายไป คุณนายใบบัวกับอิงอรต่างโทษกันไปมา ท่านพินิจมองทั้งสองอย่างไม่ไว้ใจ สั่งเฉียบขาดให้ไปเอาตัวกรองแก้วมาให้ได้!

ooooooo

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่อยุธยา แก้วรีบเข้าไปในห้องผู้ป่วยหนัก เห็นกิตตินอนไม่รู้ตัวอยู่ เธอผวาเข้าไปหาพยายามร้องเรียกพ่อ แต่กิตติก็ไม่รู้สึกตัว จนพยาบาลมาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว

แก้วกอดพ่อน้ำตาไหลพราก จนชายภัทรต้องบอกว่าให้กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ เธอไม่ยอมกลับจะเฝ้าพ่อที่นี่ ชายภัทรจึงต้องอยู่เป็นเพื่อน

ระหว่างนั้น หมอที่โรงพยาบาลเชิญชายภัทรไปคุยกันในห้องหมอ แจ้งว่าก้อนเนื้องอกของกิตติใหญ่ขึ้นมาก หมอทางนี้กำลังติดต่อโรงพยาบาลที่กรุงเทพ ยังรอคำตอบอยู่ ชายภัทรเสนอให้ส่งตัวไปเลยได้ไหมตนจะรับเป็นคนไข้เอง แนะนำตัวเองว่า “ผมคือนายแพทย์หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ”

“ครับๆผมได้ยินชื่อคุณชายหมอมานานแล้วครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีน่ะสิครับ” คุณหมอแสดงความยินดี

แต่เมื่อแก้วรู้ เธอไม่ยอมให้เอาพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ ชายภัทรถามว่าไม่อยากให้พ่อหายหรือ

“อยากค่ะ แต่แก้วก็...เป็นห่วงคุณชายด้วย...ถ้าพ่อหายแล้วคุณชายต้องลำบาก ทั้งแก้วและพ่อต้องรู้สึกผิดไปจนตายแน่ๆมันจะต้องมีหนทางที่แก้วจะรักษาพ่อได้ และไม่ทำให้คุณชายเดือดร้อนสิคะ มันต้องมี...”

“ฉันเปลี่ยนใจเธอไม่ได้เลยใช่ไหมแก้ว” ชายภัทรถามเมื่อเห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของเธอ
ooooooo
ชายภัทรนั่งเป็นเพื่อนแก้วที่โรงพยาบาล เขาไม่หลับทั้งคืน แก้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เธอเอนซบไหล่เขาแล้วเลื่อนไหลลงมาเป็นหนุนตักโดยไม่รู้ตัว ชายภัทรปล่อยให้เธอนอนให้สบายด้วยความสงสาร...

จนรุ่งเช้า ตื่นขึ้นมา แก้วทั้งตกใจทั้งเขินที่ตัวเองนอนหนุนตักชายภัทรอยู่ รีบชวนกันไปดูพ่อเก้อๆปรากฏว่าชายภัทรเหน็บกินจนเดินไม่ถนัด ต้องช่วยกันประคับ ประคองไปกันขำๆเขินๆ

แต่แล้วแก้วก็ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นพยาบาลเข็นเตียงที่กิตตินอนออกมามีสายระโยงระยาง พยาบาลบอกว่าเมื่อเช้ากิตติความดันเลือดต่ำกะทันหันและมีอาการชัก แก้วตกใจร้องไห้อย่างหนักจนชายภัทรสงสารกอดปลอบไม่รู้ตัว

เวลาเดียวกัน มารตีมาที่โรงพยาบาลถามหาชายภัทร ช้อยที่เธอวางสายไว้ให้จับตาดูชายภัทร แอบรายงานว่า พอกรองแก้วโวยวายจะออกจากโรงพยาบาล ชายภัทรก็มาราวกับรู้กัน จากนั้นก็หายไปด้วยกันทั้งสองคน ติดต่อก็ไม่ได้

มารตีฟังช้อยรายงานแล้วเครียด ระแวงชายภัทรไปต่างๆนานา
อาการของกิตติทรุดลง ชายภัทรเสนอให้เอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเขาอีกครั้ง แต่หมอที่นี่บอกว่าร่างกายคนไข้อ่อนแอมาก ต้องรอให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนค่อยพิจารณา ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ชายภัทรเสนอให้แก้วกลับกรุงเทพฯก่อนดีไหม เธอบอกให้เขากลับไปก่อนเพราะต้องทำงาน แต่ชายภัทรไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเธอ เชื่อว่าเวลานี้ท่านพินิจอาจจะกำลังพลิกแผ่นดินตามหาเธออยู่

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมแก้วต้องกลับไปพระนครอีก แก้วก็อยู่ให้ห่างจากเขาที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ”

“อยู่ห่างไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยนะแก้ว ท่านพินิจมีหูมีตาแทรกซึมอยู่ทั้งแผ่นดิน แก้วคิดว่าเขาจะหาไม่เจอหรือ แล้วแก้วคิดว่าแก้วคนเดียวจะดูแลตัวเองได้อย่างนั้นหรือ... ถ้าพวกนั้นรู้เรื่องพ่อแก้ว ฉันห่วงว่าพ่อแก้วจะลำบากไปด้วย”

แก้วสับสนมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ชายภัทรขอให้เธอห่วงตัวเองก่อน เพราะถ้าเธอปลอดภัยพ่อก็จะปลอดภัยและเมื่อเธอปลอดภัยแล้วจะมาเยี่ยมพ่อเมื่อไรก็ได้ รับปากว่าตนจะพาเธอมาเอง ให้ความหวังว่า

“ถ้าพ่อแก้วแข็งแรง พร้อมจะเข้ากรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ฉันจะดูแลและผ่าตัดให้ แต่ก่อนอื่น ตัวแก้วจะต้องปลอดภัยก่อนเข้าใจไหม”

แก้วซาบซึ้งใจในความปรารถนาดีของชายภัทร ชายภัทรขอให้เธอเชื่อใจตน ไว้ใจตน และให้สัญญาว่า “ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างแก้ว จะไม่ทอดทิ้งให้แก้วต้องลำบากตามลำพังแน่นอน” เมื่อแก้วหลบตาอย่างยอมรับ ชายภัทรเสนอว่า “ก่อนอื่น ฉันจะต้องหาที่ปลอดภัย ที่คนพวกนั้นยื่นมือมาไม่ถึง ให้เธอพักอาศัยก่อน”

ooooooo

ที่ที่ปลอดภัยที่ชายภัทรพากรองแก้วไปอยู่ คือร้านขนมไทยของเกษรานั่นเอง

เกษรากับชินกรที่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับนางงามศรีสยามพอรู้เรื่องบ้าง เมื่อชายภัทรเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าหลังได้รับตำแหน่งนางสาวศรีสยาม  เธอก็ถูกขายให้ท่านพินิจ จึงยิ่งเข้าใจ เห็นใจแก้ว

“คนที่ทำกับผู้หญิงเหมือนเป็นวัตถุสิ่งของ เหมือนผู้หญิงไม่มีหัวจิตหัวใจของความเป็นมนุษย์ คนพวกนั้นก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์เช่นกัน ไม่ต้องห่วงนะคะคุณชาย ดิฉันจะไม่ยอมให้พวกแม่เล้านายหน้าพวกนั้นมาเอาตัวแก้วไปสังเวยใครเด็ดขาด” เกษราพูดอย่างรับไม่ได้

“ส่วนกรณีของพ่อเธอ ฉันจะติดตามแล้วจะมาบอกให้เธอรู้ทุกระยะ” ชายภัทรบอกให้แก้ววางใจ

แก้วซาบซึ้งใจจนจะก้มกราบทั้งชายภัทร ชินกรและเกษรา ชายภัทรรีบจับไว้ แก้วบอกทั้งสามว่า ระหว่างอยู่ที่นี่ ตนจะเป็นลูกมือช่วยเกษราทำขนมไปด้วย

“เฮ้อ...คุณชายภัทรคะ ดิฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณชายถึงต้องช่วยแก้ว แก้วจ๊ะ อย่าร้องไห้อีกเลย ความเข้มแข็งและวิธีต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของเธอน่าประทับใจมาก ฉันชื่นชมเธอจริงๆ จากนี้ไป ถ้าเธออยากหลุดพ้นจากคนพวกนั้น เธอต้องมีมากกว่าความกล้าบ้าบิ่น แต่ตอนนี้ แก้วมากับฉันก่อนดีกว่า ไปล้างหน้าล้างตากัน”

เมื่อเกษราพาแก้วออกไปแล้ว ชินกรถามชายภัทรว่า แล้วมารตีว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ ชายภัทรขออย่าให้ใครรู้ว่าแก้วมาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะมารตี ตนไม่อยากมีปัญหา

“คุณชาย...ผมไม่เคยนึกเลยว่าคุณชายจะมีวันนี้” ชินกรหัวเราะเป็นนัย

“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” ชายภัทรอึกอักหน้าแดงไม่รู้ตัว...

เขินๆกับเรื่องหัวใจไม่ทันไร ชายภัทรก็ต้องมาเผชิญหน้ากับอิงอรและลูกๆที่โรงพยาบาล อิงอรพาลูกมาคุกคามว่า ชายภัทรรู้เห็นเป็นใจเรื่องกรองแก้วหายตัวไปจากโรงพยาบาล ไกรฤกษ์ใช้นิสัยเถื่อนๆ จะเข้าทำร้ายชายภัทร ดีที่มารตีมาเจอถามว่ามีเรื่องอะไรกัน จ้องหน้าพวกอิงอรถามว่าจะทำอะไรคุณชายหมอ

อิงอรเห็นท่าไม่ดีจึงพาลูกๆกลับ และเมื่ออิงอรกลับไปแล้ว มารตีก็หันมาคาดคั้นกับชายภัทรว่าหายไปไหนมา
“ธุระส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องบอกใคร ไปทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่าน้องมารตี” ชายภัทรตัดบทแล้วเดินแยก ไปทันที
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ มันเป็นความลับทางราชการรึไง” มารตีฮึดฮัดแต่ไม่กล้าหือ

ooooooo

แม้ชินกรจะเห็นใจแก้ว แต่ก็กังวลใจถามเกษราว่าจะปกปิดไม่บอกใครเรื่องนี้หรือเปล่า เธอบอกว่าไม่ถ้าใครถามก็จะตอบตามตรง

“เกษไม่กลัวมีปัญหากับน้องสาวหรือ คุณมารตีคิดยังไงกับคุณชายภัทร เกษก็รู้”

“เกษไม่ได้ทำอะไรผิด เกษช่วยแก้วเพราะมนุษยธรรม ลูกกระต่ายบาดเจ็บมา จะให้เกษใจร้ายใจดำปล่อยให้ไปตายต่อหน้าต่อตาเหรอคะ ถ้ายัยมารตีจะหึงหน้ามืดตามัวอย่างนั้น เกษก็คงต้องยอมให้น้องโกรธไปค่ะ และ สำหรับคุณชายภัทร ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ หากบริสุทธิ์ใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวค่ะ”

เกษราตอบอย่างหนักแน่นมั่นใจ ชินกรถามอีกว่า คนที่ตามล่าตัวแก้วคือท่านพินิจ เธอไม่กลัวหรือ

“อำนาจของเขาเกิดจากความกลัวของคน แต่ถ้าเรายืนหยัดเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม ไม่โอนอ่อนให้อำนาจอันไม่ชอบธรรม เขาก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกเลย แล้วคุณล่ะคะ กลัวไหม”

“คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว...ผมภูมิใจจริงๆที่แต่งงานกับคุณ”

ขณะนั้นเอง ป้าแย้มถือหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวตัวไม้ว่า “น.ส.ศรีสยามหายตัว กองประกวดพิจารณาตัดสิทธิ์” เข้ามาให้ดู เกษราให้แก้วอ่าน ถามว่าตั้งแต่ประกวดเสร็จเธอไม่ได้ไปติดต่อกับกองประกวดเลยหรือ

“ค่ะ...คือแก้วไม่อยากถูกขายให้กับท่านพินิจ ก็เลยแกล้งป่วยมาตลอด ไม่คิดว่าทางกองประกวดจะมีปัญหา แล้วถ้าเขาตัดสิทธิ์แก้วจริงๆ จะเป็นยังไงคะ” แก้วหน้าซีดตกใจ

ป้าแย้มบอกว่าเขาก็ยึดมงกุฎขันทองกับเงินรางวัลคืน แก้วยิ่งตกใจที่จะไม่มีเงินมารักษาพ่อ ชินกรปลอบใจว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเพราะชายภัทรรับพ่อเธอเป็นคนไข้ในความดูแลแล้ว แก้วไม่จำเป็นต้องสนใจเงินรางวัลอีก

“ใช่...แต่ยังไงฉันว่าแก้วก็ควรติดต่อกลับไป อย่าง น้อยก็ต้องขอโทษ เพราะคงจะมีคนวุ่นวายเรื่องที่แก้วหายตัวไปไม่น้อยแน่ “เกษราเสนอแนะ แก้วฟังแล้วเห็น ด้วย เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนเพราะการกระทำของตน

แก้วตัดสินใจโทร.ไปที่กองประกวด พอทีมงานรู้ว่ากรองแก้วโทร.มาก็ดีใจมาก  ถามว่ารู้ไหมว่าหนูขาดงานไปกี่งานแล้ว จะกลับมาทำงานได้หรือยัง ถามว่าวันนี้เขาจะไปทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากันจะไปไหม

ทันใดนั้น อิงอรมาดึงโทรศัพท์จากทีมงานเดินเลี่ยงไปคุยเอง เปิดฉากด่าแก้วว่าเนรคุณ อกตัญญู วัวลืมตีน แก้วโต้ว่า ที่ตนทำเพราะอิงอรจะขายตนให้กับท่าน บอกว่าเงินที่อิงอรเคยลงทุนมาตนจะใช้ให้ทุกบาททุกสตางค์
อิงอรขู่ว่าถ้าวันนี้เธอไม่ไปงานเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า  กองประกวดจะต้องถูกปรับ คนดีๆ จะต้องมาเป็นหนี้สินเพราะเธอ และเด็กกำพร้าที่นี่ก็จะไม่ได้รับเงินบริจาคเลยสักบาทเดียว เด็กๆที่ควรจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องพังพินาศเพราะเธอ เธอมันคนเห็นแก่ตัว เอาตัวเองรอดสุขสบาย ใครจะเป็นจะตายก็ช่างมัน ใช่ไหม!

แก้วฟังแล้วใจหายบอกว่าตนไม่ใช่คนอย่างนั้น อิงอรคาดคั้นทันที “งั้นบอกมาว่าเธอจะมางานนี้หรือไม่มา!!”

วางสายแล้ว แก้วบอกเกษราว่าตนจะไปงานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าวันนี้ ชินกรติงว่าจะไปได้อย่างไร ท่านพินิจต้องสั่งคนมารอจับตัวเธอแน่ๆ แก้วบอกว่าถ้าตนไม่ไปจะมีคนต้องเดือดร้อนมากมาย ขอร้องชินกรให้ช่วยตนด้วย

ส่วนอิงอร พอวางสายจากกรองแก้วก็บอกกับทีมงานอย่างมั่นใจว่ากรองแก้วจะมาออกงานแน่ จากนั้นสั่งลูกทั้งสองของตนให้เตรียมคนไว้ให้พร้อม กำชับว่า “นังแก้วมันโผล่มาพวกแกต้องจับตัวมันให้ได้ อย่าให้มันหนีและอย่าให้อีนังคุณนายใบบัวตัดหน้าไปได้”

สั่งลูกทั้งสองแล้ว อิงอรพึมพำอย่างสะใจว่า “นังแก้ว...เล่นกะใครไม่เล่น คราวนี้ล่ะแก...!!”

ooooooo   

 อ่านต่อ

No comments:

Post a Comment