Tuesday, September 20, 2011

เรื่องย่อละคร ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 11 ช่ อ ง 7



เรื่องย่อ ละคร ในรอยรัก ช่อง7
1  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 1  ช่  อ  ง   7    
2  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 2  ช่  อ  ง   7    
3  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 3  ช่  อ  ง   7    
4  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 4  ช่  อ  ง   7    
5  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 5  ช่  อ  ง   7    
6  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 6  ช่  อ  ง   7    
7  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 7  ช่  อ  ง   7    
8  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 8  ช่  อ  ง   7    
9  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 9  ช่  อ  ง   7    
10  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน10  ช่  อ  ง   7   

11  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 11  ช่  อ  ง   7   

ตอนที่ 11

เห็นม่านมุกซึม ปิ่นเข้ามาสารภาพว่า ตนเป็นคนโทร.ไปบอกเจ้าสัวทศว่าย้งเสีย เพราะเจ้าสัวให้นามบัตรไว้ ตนสงสัยว่า เจ้าสัวทศจะใช่คนเดียวกับเจ้าสัวของม่านมุกหรือเปล่า ม่านมุกนิ่งงัน เครียดขึ้นไปอีกแล้วทรุดลงนอนหายใจรวยริน ปิ่นตกใจ จิรดาแวะมา พอเห็นอาการแม่ยังไม่ดีขึ้นก็จะพาไปหาหมอ แต่ม่านมุกไม่ยอมไป เอาแต่กินยาลม จิรดาทนไม่ไหว ยื้อยุดประคองม่านมุกไปให้ได้...

ขณะที่อุษยายังครุ่นคิดเรื่องม่านมุก กังวลใจว่าจิรดาจะเป็นน้องสาวตนหรือเปล่า แม่บ้านมารายงานว่าม่านมัสลินมา อุษยาโกรธให้ไล่ออกไป แต่แม่บ้านบอกว่าไล่ไม่ได้เพราะเธอมากับกานน...กานนพาม่านมัสลินมาตามคำสั่งเจ้าสัวทศ เขาเป็นห่วงความรู้สึกเธอ คงไม่อยากมาที่นี่อีก แต่ม่านมัสลินกลับบอกว่า ตนจะรู้สึกอย่างไรก็ช่าง รีบพาตนไปพบเจ้าสัว เสร็จธุระตนจะได้รีบกลับไปดูอาการม่านมุก กานนจึงให้รอที่ห้องรับแขกก่อน

อุษยาเดินเข้ามาหยุดมองอย่างชั่งใจ ม่านมัสลินหันมาประจันหน้า อุษยาถามประวัติเธอ

“ที่ฉันถาม ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะละลาบ ละล้วงเรื่องของเธอเลยนะ ฉันก็แค่...”

“ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอกค่ะ ประวัติฉันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะพูดถึง ดิฉันขอแค่ความมั่นใจเท่านั้นเองว่า หลังจากที่ดิฉันตอบไปแล้ว คุณจะยุติปัญหาระหว่างเราซะที โดยเฉพาะกับแม่ดิฉัน”

“เอาล่ะๆฉันรับปาก ทีนี้จะบอกมาได้รึยังว่าแม่เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”

“ยายดิฉันชื่อม่านมุก ส่วนคุณตา...ดิฉันไม่รู้ เราไม่เคยเจอกัน”

“ไม่เคยเจอกัน เธอหมายความว่ายังไง” อุษยาลุ้นแทบแย่

“ก็หมายความว่าแม่ฉันเป็นลูกกำพร้าพ่อน่ะสิคะ ทีนี้คุณสบายใจได้รึยังที่ดิฉันไม่ได้มีพวกพ้อง หรือเป็นลูกผู้มีบารมีที่ไหน”
“เธอโกหกฉัน ยายเธอไม่ได้พูดอย่างนี้”
“ยายฉัน...นี่คุณไปเจอยายดิฉัน...” ม่านมัสลินแปลกใจ
“ทำไมฉันจะไปไม่ได้ วิเศษมาจากไหน”

ม่านมัสลินลุกพรวดต่อว่า “คุณยายเป็นผู้ใหญ่แล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดี คุณไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะที่เอาเรื่องไร้สาระไปให้ท่านทราบ”

“นี่เธอด่าฉันนะ” อุษยาลุกขึ้นประจันหน้า

“ไม่ใช่ค่ะ ถ้าใช้คำว่าด่ามันไม่ใช่อย่างนี้แน่” ม่านมัสลินจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

อุษยาโกรธ แม่บ้านเข้ามาเรียนว่าเจ้าสัวให้เชิญม่านมัสลิน อุษยามองม่านมัสลินอย่างชิงชัง ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าจิรดาไม่มีพ่อ ไม่ตรงกับที่ม่านมุกบอก ขออย่าเป็นอย่างที่คิดเลย

เมื่อเจ้าสัวเจอกับม่านมัสลิน เขาขอให้เธอพาไปพบยายของเธอ แต่ม่านมัสลินต้องขอผลัดไปวันหลังเพราะตอนนี้ยายตนไม่สบาย พลันมือถือดังขึ้น ม่านมัสลินรับสายแล้วตกใจ

“ค่ะแม่ มัสจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ...มัสต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ แม่โทร.มาบอกว่าคุณยายตกบันได ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มัสต้องขอตัวก่อนนะคะ” ฟังเรื่องจากแม่แล้วหันไปบอกเจ้าสัว

“ปู่ครับ อย่างนั้นผมไปส่งมัสเขาก่อนนะครับ”

เจ้าสัวลุกขึ้นจะตามไปด้วย แต่เขาจะไปกับคนรถเอง ให้กานนพาม่านมัสลินไปก่อน แต่ไม่ลืมที่จะถาม “ว่าแต่คุณยายของหนูชื่ออะไรล่ะ”

“ม่านมุกค่ะ” ม่านมัสลินตอบอย่างรวดเร็วเพราะจะรีบไป

เจ้าสัวชะงักมองม่านมัสลิน ถามซ้ำอีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่า ยายชื่อม่านมุก...กานนวิ่งตามม่านมัสลินออกมา แต่เธอบอกให้เขาไปดูแลเจ้าสัวไม่ต้องตามตนไป

“แล้วคุณจะไปยังไงในเมื่อผมเป็นคนไปรับคุณมา”

“ฉันมีทางไปของฉันก็แล้วกันค่ะ”

“คุณกลัวที่จะอยู่กับผมสองต่อสอง” กานนดึงมือม่านมัสลินไว้

“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้นะคะ”

“ไม่ไร้สาระหรอก ปัญหาของคุณก็คือปัญหาของผม ผมไม่ปล่อยคุณไปคนเดียว มัสลิน” กานนดึงเธอเข้ามากอด

ดันหลบไปมุมหนึ่ง “ไปกับผมนะมัสลิน...”

ม่านมัสลินใจเต้นรัวพยายามดันกานนออกห่าง จำใจยอมให้เขาพาไป กานนยิ้มอย่างมีชัย ทั้งสองไม่รู้เลยว่ากุเทพเห็นภาพทั้งหมด และกำลังทำใจให้ยอมรับความจริงนั้น...

เจ้าสัวร้อนใจจะตามไปโรงพยาบาล แต่อุษยากำลัง

จัดหยูกยาประจำตัวให้ติดตัวไปด้วย เจ้าสัวรำคาญตาไล่ไม่ต้องมาทำให้ ไปตามแม่บ้านมาทำก็ได้ อุษยาน้อยใจ

“นี่พ่อ ถามหน่อยเหอะ พ่อรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังจะระเห็จไปเยี่ยมใคร”

“แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”

“จะโกรธจะเกลียดหนูก็เอาเลย แต่จะบอกให้แบบไม่เอาบุญว่าคนที่พ่อบอกว่าเขาตกกะไดนอนป่วยอยู่นั่นน่ะ คือแม่ของยัยจิรดา”

เจ้าสัวโวยว่าจะเป็นใครตนไม่สน ตนขอให้ได้เบาะแสม่านมุกเป็นพอ อุษยาทนไม่ไหวบอกตามตรงไปว่าตนไปบ้านม่านมุกมาแล้ว ม่านมุกแต่งงานใหม่และมีลูกคือจิรดา เจ้าสัวโกรธจัด คว้าของปาเฉียดหัวอุษยา

“นังคนใจร้ายใจดำ แกมันนังแม่มด รู้ทั้งรู้ว่าฉันตามหาเขามาตลอดชีวิต แกยังอมพะนำไม่บอกอะไรฉันได้ลงคอ”

“พ่อน่ะต้องขอบใจหนูต่างหาก หนูก็แค่หวังดีไม่อยากให้ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้มาสวมรอยเป็นน้องสาวหนู” อุษยายังคิดในแง่ร้าย
แต่เจ้าสัวไม่เชื่อ เขาสังหรณ์ใจว่า จิรดาจะเป็นลูกสาวของเขา อุษยาโวย นั่นไงตนว่าแล้วว่าพ่อต้องคิดแบบนั้น เจ้าสัวยิ่งโกรธปาข้าวของใส่ อุษยาร้องลั่น กุเทพวิ่งเข้ามาช่วยจับเจ้าสัวไว้

ooooooo

พรวดพราดเข้ามาในห้องคนไข้อย่างห่วงใย ม่านมัสลินโผเข้าจับขาที่ใส่เฝือกของม่านมุก ละล่ำละลักถามว่าเจ็บไหม จิรดาเปรย ถามโง่ๆ หญิงเหล็กอย่างยายเจ็บอะไรเป็นกับเขา ม่านมุกนึกขำคำประชด-ประชันของลูกสาว

“สงสารคุณยายจัง อยู่ๆก็ต้องมาแบกเฝือกให้มันหนักขาอย่างนี้ คราวหน้าคราวหลังถ้าหน้ามืดขึ้นมาละก็อย่าฝืนเดินต่อจนเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้นะคะยาย”

“แม่เราเขาว่าอย่างนั้นหรือ”

ม่านมัสลินร้องอ้าว...จิรดาค้อนปะหลับปะเหลือกก่อนจะยอมรับว่าตนเป็นต้นเหตุ เพราะม่านมุกดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ตนจึงทั้งฉุดทั้งลาก ผลจึงเป็นอย่างที่เห็น ม่านมัสลินตำหนิแม่ กระดูกยายเปราะบางจะสมานติดหรือเปล่าก็ไม่รู้ จิรดาโวยตนไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น

“พอเถอะลูก ยัยมัส ที่เกิดเรื่องขึ้นทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะแม่ดาเขาห่วงยายนั่นล่ะ”

จิรดาตาโตประหลาดใจที่แม่ออกตัวแทน ม่านมัสลินพลอยยิ้มไปด้วย พลันนึกได้ว่ากานนกับเจ้าสัวรออยู่หน้าห้อง มาขอเยี่ยม จิรดาแหวทันทีว่าจะมาหาเรื่องอะไรกันอีก ม่านมุกจับแขนลูกสาวเป็นการปราม จิรดาสะดุ้งเพราะมือม่านมุกเย็นเฉียบ

“แม่...เป็นอะไรเนี่ย ทำไมมือเย็น หน้าซีดแบบนี้ ยัยมัสดูสิ”


ม่านมัสลินขอร้องจิรดาอย่าออกไป ทำให้ยายไม่สบายใจ จิรดายอม แต่ให้ม่านมัสลินออกไปบอกให้พวกกานนกลับไป ปิ่นมองเหตุการณ์อย่างสงสัย แอบไปโทร.รายงานพัด...ด้านหน้าห้องที่กานน กุเทพยืนรออยู่กับเจ้าสัวไม่ทันไร อุษยาก้าวฉับๆตามมา ทุกคนตกใจ

“มองฉันยังกับยักษ์กับมาร ฉันไม่มาทำอะไรแม่ม่าน–มัสลินของพวกเธอหรอกย่ะ ถึงแม้ว่าแม่นั่นมันจะ...”

“แกอย่าปากเปราะไม่เข้าเรื่องนะนังอุษยา” เจ้าสัวเอ็ดสวน

กานนงงกระซิบถามกุเทพว่ามันเรื่องอะไรกัน กุเทพสั่นหัวเพราะตนก็เห็นตอนเจ้าสัวปาข้าวของใส่อุษยาแล้ว อุษยายังยืนยันจะให้เจ้าสัวกลับ หาว่าพวกม่านมัสลินไม่ได้ให้เกียรติ ปล่อยให้คนแก่ยืนรอขาแข็ง แต่เจ้าสัวไม่กลับ ไล่ให้อุษยา กลับไป ถ้ายังพูดอีกจะตัดออกจากกองมรดก กุเทพเห็นด้วยว่าควรกลับ เพราะยายของม่านมัสลินต้องการพักผ่อน ไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม

“ไปเลย งั้นแกสองคนก็กลับไปก่อน ฉันจะอยู่นี่ก็เรื่องของฉัน ใครไม่อยากอยู่ไม่ต้องอยู่ แกด้วยเจ้าปลิว ถ้าไม่อยากอยู่ก็กลับกันไปซะให้หมด ฉันรอของฉันคนเดียวได้ นานเท่าไหร่ฉันก็จะรอ” เจ้าสัวพูดสวนกุเทพทันที

กานนปลอบว่า กุเทพชวนกลับเพราะเป็นห่วงสุขภาพ ทันใด...ม่านมัสลินเปิดประตูออกมา กานนรีบขอโทษที่มารบกวน ถ้าไม่สะดวกเขาจะพาปู่กลับ

“เปล่า ไม่ต้องกลับหรอกค่ะ คุณยายให้ฉันออกมาเชิญพวกคุณเข้าไปในห้อง

เจ้าสัวสีหน้าตื่นเต้นดีใจ...ภายในห้อง ม่านมุกจับมือจิรดาบีบแน่นอย่างลุ้นระทึก

“แม่ดา สิ่งที่แม่ดาอยากจะรู้มาตลอด เรื่องที่แม่ดาเฝ้าถามแม่ แต่แม่ไม่เคยตอบ วันนี้ลูกจะได้รู้ เตรียมใจไว้ให้พร้อมนะลูกนะ”

“ตกลงแม่เป็นอะไรไปเนี่ย เมายาหรือเปล่า หมอให้ยาเยอะไปเหรอ พูดอะไรแปลกๆ”

กานนประคองเจ้าสัวเข้ามา จิรดาบังม่านมุกอยู่มองเจ้าสัวอย่างไม่ค่อยต้อนรับ ยิ่งเห็นอุษยาตามเข้ามาพร้อมกุเทพ ยิ่งมองเหยียด เจ้าสัวมือไม้สั่นเอื้อมจะไปจับแขนจิรดา

“ลูกของม่านมุกใช่มั้ย...เหมือนมาก เหมือนอามู่จริงๆ”

จิรดางงว่าพูดอะไร หมุนตัวไปถามม่านมุก “ตกลงแม่จะให้เขาเยี่ยมรึเปล่าฮึแม่...”

เจ้าสัวกับม่านมุกเห็นกัน ต่างตะลึงสบตากันนิ่งนาน ก่อนที่ม่านมุกจะยกมือขึ้นไหว้น้ำตาพรั่งพรู ม่านมัสลินถือน้ำเข้ามาเสิร์ฟ แปลกใจเมื่อเห็นยายร้องไห้ “นี่มันเรื่องอะไรกัน...”

“ในที่สุดก็ได้เจอ อามู่ ฉันขอโทษที่เข้าใจผิด ฉันเฝ้าตามหาเธอมาตลอดไม่นึกเลยว่าเธอจะอยู่ใกล้ตัวฉันขนาดนี้ ฉันทำผิดกับเธออย่างไม่น่าให้อภัย ทำให้เธอต้องลำบาก”

ม่านมุกส่ายหน้า “มันผ่านไปแล้วค่ะ ตอนนี้เราได้เจอกันแล้ว”

เจ้าสัวถามว่าจิรดาเป็นลูกของเขาใช่ไหม ม่านมุกพยักหน้าแล้วบอกจิรดาให้กราบเจ้าสัว

“พ่อ...นี่มันอะไรกัน” จิรดารับไม่ได้ผลุนผลันออกจากห้อง ม่านมัสลินตกใจวิ่งตามไป

กุเทพมองทุกคนแล้วถามอุษยา “นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว อยู่ๆคุณก๋งก็กลายเป็นพ่อของคุณแม่มัสลิน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแปลว่า...”

“ไม่ต้องไล่เรียงให้เสียเวลาเลย ฉันจะแปลให้ ว่าตอนนี้แกก็กลายเป็นหลานแม่มัสลินไปเรียบร้อยแล้วน่ะสิ” พูดจบหันไปทางกานน “ส่วนแกตาปลิว ตอนนี้แกกับนังมัสก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไปโดยปริยาย”

กุเทพมองหน้ากานนอึ้งๆ ก่อนจะว่ิงออกไปจากห้อง อีกคน กานนมองตามอย่างปวดร้าว

ooooooo

เรื่องย่อ ละคร ในรอยรัก ช่อง7
1  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 1  ช่  อ  ง   7    
2  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 2  ช่  อ  ง   7    
3  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 3  ช่  อ  ง   7    
4  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 4  ช่  อ  ง   7    
5  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 5  ช่  อ  ง   7    
6  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 6  ช่  อ  ง   7    
7  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 7  ช่  อ  ง   7    
8  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 8  ช่  อ  ง   7    
9  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 9  ช่  อ  ง   7    
10  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน10  ช่  อ  ง   7   

11  เรื่องย่อละคร  ในรอยรัก ดูละครย้อนหลัง ตอน 11  ช่  อ  ง   7   

ละคร กลรักลวงใจ ตอน8 ช่อง3


เรื่่องย่อละคร กลรักลวงใจ
ละคร กลรักลวงใจ ตอน1 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน2 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน3 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน4 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน5 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน6 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน7 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน8 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน9 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน10 ช่อง3
ละคร กลรักลวงใจ ตอน11ช่อง3

ตอนที่ 8
ถึงสถานทูตได้ไม่นาน ก็มีข่าวดีสำหรับรัญ ท่านทูตบอกว่าสิ้นปีนี้มีคำสั่งให้ตนย้ายไปประจำที่เบลเยียม แต่ทางกระทรวงยังไม่ได้ระบุว่าใครจะมาแทนที่นี่ ตนเลยทำเรื่องเสนอชื่อรัญให้รักษาการตำแหน่งแทนตนไปก่อน

รัญขอบคุณท่านทูตที่ให้ความไว้วางใจ และรับปากว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ส่วนภาดา ปิยะ และป้าไหมต่างก็แสดงความยินดีกับรัญ ก่อนจะกระเซ้าเรื่องว่าที่เจ้าสาวหรือภรรยาในอนาคตที่จะมาเป็นหน้าเป็นตาให้ท่านทูต ซึ่งภาดาย้ำว่ารัญต้องเลือกให้ดีระหว่างบัวระวงกับอ้อม

เรื่องนี้ทำให้รัญรู้สึกกดดันไม่น้อย กลางวันเขามีนัดกินข้าวกับบัว พอบัวบอกว่าอาทิตย์หน้าจะครบกำหนดสามเดือนตามสัญญาว่าจ้างแล้ว รัญใจหายเหมือนกันแต่ไม่พูดอะไรนอกจากเปรยว่า

“ไม่น่าเชื่อนะ เร็วจังเลย”

“บัวจะให้พี่รัญออกตั๋วกลับให้บัวด้วย” บัวแกล้งลองใจเขา

“บัวอยากกลับบ้านแล้วหรือ”

“ก็ข้อตกลงมันเป็นอย่างงั้นนี่คะ แต่ถ้าพี่รัญอยากให้บัวอยู่ต่อ...”

“พี่ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มใช่มั้ย”

“ก็...ไม่ต้องหรอกค่ะ บัวเต็มใจอยากอยู่กับพี่รัญ”

“บัวพูดจริงหรือ”

“จริงสิคะ บัวบอกแล้วไงคะว่าบัวรักพี่รัญ” บัวไม่พูดเปล่า จับมือเขาพร้อมส่งสายตาจริงใจ “พี่รัญก็รักบัวใช่ไหมคะ”

“พี่ขอบใจแล้วก็ดีใจนะที่บัวรักพี่ แต่ว่า...พี่อยากให้เป็นเรื่องของการว่าจ้างมากกว่า”

บัวชะงัก ผิดหวังน้ำตารื้น “หมายความว่า...พี่รัญไม่ได้รักบัวเลยหรือคะ”

“เอาเป็นว่าพี่ชอบบัวมากนะ แล้วพี่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับบัว”

บัวน้ำตาไหลรินด้วยความเสียใจ ลุกเดินออกไป รัญตกใจ วางเงินค่าอาหารเอาไว้แล้วตามไปคว้าแขนเธอ

“บัวโกรธพี่หรือ”

“เปล่าค่ะ บัวแค่คิดว่าพี่รัญจะรักบัวบ้างเหมือนกับที่บัวรักพี่รัญ”

“คือพี่...พี่ไม่รู้จะพูดยังไงให้บัวเข้าใจ แต่บัวก็รู้ว่าพี่มีหน้าที่การงานเป็นยังไง ถ้าพี่จะรักหรือแต่งงานกับใคร พี่ก็ต้องดูที่ความเหมาะสมด้วย”

“แล้วถ้าบัวไม่มีอาชีพแบบนี้พี่รัญจะรักบัวไหมคะ”

“บัวก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”

“ได้สิคะ บัวจะบอกให้พี่รัญรู้ว่าบัวไม่ได้เป็น...”

“ช่างมันเถอะ ไม่ว่าบัวจะเป็นอะไรพี่ก็ไม่สนใจหรอก เอาเป็นว่าตอนที่บัวอยู่กับพี่ บัวเป็นคนทำให้พี่มีความสุขมากที่สุด”

“แต่บัวอยากจะบอกว่า...”

“ไม่ต้องบอกอะไรอีกแล้ว...นะ”

บัวพยายามจะบอกความจริง แต่ก็หมดโอกาสเมื่อรัญประทับจูบปากเธอนิ่งนาน แล้วขอร้องให้เธอเข้าใจเขา บัวพูดไม่ออก ได้แต่รับคำอย่างจำใจ

เมื่อบัวไปเล่าให้การ์ตูนฟังด้วยสีหน้าท่าทีกลัดกลุ้มหนักใจ การ์ตูนเห็นใจเพื่อนแต่ก็อดตำหนิไม่ได้ว่า

“พอถูกเขาจูบ แกก็เลยตัวอ่อน ปากอ่อน พูดไม่ออก”

“ไม่ใช่...เขาคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัวจริงๆ ถึงตอนนี้ฉันจะบอกความจริงไปว่าฉันเป็นใครพี่รัญเขาคงไม่เชื่อ”

“แล้วสรุปว่าเขารักแกรึเปล่า”

“เขาบอกว่าไม่ แต่เขาบอกว่าเขาชอบฉันมาก”

“ชอบมากแต่ไม่ได้รัก ถ้าเป็นแบบนี้ฉันว่าแกกลับบ้านดีกว่ามั้ย อยู่ไปก็เปลืองตัว”

“ไม่ ฉันไม่กลับ ฉันต้องทำให้พี่รัญรักฉันให้ได้ ฉันเดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่ยอมถอยหลังหรอกนะตูน”

“ถ้าแกไม่ถอย ฉันก็จะคอยเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ” การ์ตูนชะงักกึก มองไปเห็นฉัตรชัยกำลังเดินมองซ้ายขวาตรงมาทางนี้ เธอบอกให้บัวอยู่เฉยๆ พร้อมกันนี้ก็รีบกางร่มขึ้นมาบังหน้า และรอจนฉัตรชัยเดินผ่านไป สองสาวถึงถอยร่นหนีมา

รัญกลับเข้ามาทำงานในช่วงบ่ายอย่างไม่มีสมาธิ เฝ้าคิดแต่เรื่องบัว เมื่อแม่ที่เมืองไทยติดต่อเข้ามาอีก นั่นยิ่งทำให้รัญอึดอัดลำบากใจ เพราะแม่ซักถามประวัติของบัวระวง หลังไปสืบรู้มาแล้วว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของสรศักดิ์อย่างที่รัญกับเพชรเคยบอก

“บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ว่าผู้หญิงชื่อบัวระวงเป็นใคร”

“ก็...ผู้หญิงคนนึงน่ะครับ”

“หมายความว่าแกไม่รู้จักครอบครัวเขาเลยอย่างงั้นหรือ”

“ครับ เราเจอกันแล้วผมก็ชอบเขา เขาก็ชอบผม”

“แต่แม่คิดว่าลูกควรจะปล่อยเธอไปได้แล้ว”

“แม่ครับ เรากำลังคบหาดูใจกันอยู่นะครับ”

“แต่แม่ขอบอกเลยว่าแม่ไม่รับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ผู้หญิงของลูกมีเพียงคนเดียวคือน้องอ้อม ลูกควรจะหันมาสนใจเธอเพราะเธอจะต้องเป็นคู่ชีวิตของลูกในวันข้างหน้า”

“ผมก็จะบอกแม่ตรงๆเหมือนกันว่าผมคงไม่ชอบคุณอ้อมหรอกครับ”

“ทำไมถึงไม่ชอบ”

“เพราะเท่าที่ผมสัมผัสกับเธอมา เราไปด้วยกันไม่ได้เลยครับแม่”

“ก็เพราะลูกมีผู้หญิงอื่นน่ะสิ”

“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ ถึงผมจะเลิกกับบัวระวงผมก็คงไม่รักคุณอ้อม เอาล่ะครับแม่ แค่นี้นะครับผมมีงาน”

รัญตัดสัญญาณไปแล้ว รมณีย์ฮึดฮัดขัดใจ นึกอยากจะบินไปจัดการด้วยตัวเอง ไม่ทันจะหายหงุดหงิด แม่บ้านก็เข้ามาบอกเธอว่ามีคนมาหา รมณีย์กำลังจะให้แม่บ้านไปบอกว่าตนไม่อยู่ ผู้มาเยือนก็พรวดพราดเข้ามาจนเจ้าของบ้านตกใจหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

นักเลงคุมบ่อนนั่นเอง มันมากันสองคน ข่มขู่จะทำร้ายรมณีย์ที่ยังไม่เอาเงินไปจ่ายหนี้ตามกำหนด ทั้งคู่ค้นหาเงินสดในกระเป๋ารมณีย์ที่มีอยู่เกือบแสนเอาไปหมด รมณีย์ได้แต่โวยวายเจ็บใจ แม่บ้านให้เรียกตำรวจมาจัดการ แต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าเรียกมาพวกมันต้องฆ่าเราแน่! 

ooooooo

เพชรยังพาอ้อมกับรินลดาเดินช็อปปิ้ง อ้อมเพลิดเพลินมาก ผิดกับรินลดาที่เบื่อแสนเบื่อ เพชรเองก็ออกจะรำคาญอ้อม จึงคอยหาทางสลัดเธออยู่ แล้วเขาก็สบโอกาสเมื่อเธอขอเข้าไปดูสินค้าในร้านหนึ่ง ส่วนรินลดาขอไปเข้าห้องน้ำที่ร้านกาแฟ เพชรบอกอ้อมว่าตนปวดฉี่เหมือนกันอั้นมาตั้งนาน ให้อ้อมเข้าไปดูของก่อน เดี๋ยวตนตามเข้าไป

ในร้านนี้เอง ไม่คาดคิดว่าอ้อมจะได้พบฉัตรชัย สองคนทักทายกันด้วยดี ก่อนฉัตรชัยจะบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อตามหาแฟน แต่ยังหาไม่เจอเพราะไม่มีที่อยู่ของเธอ

“แฟนชื่ออะไรคะ เผื่ออ้อมเจอจะได้บอกให้”

“รวินวรกานต์ครับ”

“รวินวรกานต์...เสียใจด้วยนะคะ ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย”

“ไม่เป็นไรครับ แต่ผมดีใจนะที่ได้เจอคุณที่นี่”

“เช่นกันค่ะ” อ้อมทิ้งสายตา หันมองตามฉัตรชัยที่ก้าวออกไป “ถ้าไม่เจอคุณเพชร ฉันอาจจะไปกับคุณก็ได้นะคุณฉัตรชัย”

ขณะนั้นเอง เพชรตามไปเจ๊าะแจ๊ะใกล้ชิดรินลดา แต่จู่ๆเพชรก็มีอาการเจ็บหัวใจแทบยืนไม่อยู่ รินลดาตกใจมากรีบเข้ามาช่วยพยุง

“คุณเป็นอะไร”

“ผมเป็นโรคหัวใจ ช่วยหยิบยาให้หน่อย”

รินลดาค้นหายาในกระเป๋าเสื้อตามที่เขาบอก แต่ไม่เจอ เพชรจึงให้เธอพาเขาไปโรงแรมด่วน ถ้าไม่ได้ยา เขาอาจจะตายได้

“แล้วพี่อ้อมล่ะ”

“ปล่อยไปเถอะครับ ชีวิตผมสำคัญกว่า เร็วสิครับ ช่วยผมด้วย”

“นี่คุณไม่ได้แกล้งหลอกฉันใช่มั้ย”

“ผมจะแกล้งทำไม เร็วเถอะครับ รีบไปก่อนที่ผมจะตาย”

ที่สุดรินลดาก็ต้องช่วยพยุงเพชรไปโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก โดยที่อ้อมไม่รู้ว่าเขาสองคนหายไปไหน...เมื่อถึงห้องพักในโรงแรม รินลดายังไม่ไว้ใจเพชร ยิ่งพอค้นหายาให้แต่ดันเจอกล่องถุงยางอนามัย เธอแทบจะโดดหนี

“อันนั้นไม่ใช่ครับ”

“ฉันรู้น่ะว่ามันคือถุงยาง แล้วยาอยู่ไหน อ้อ ขวดนี้หรือเปล่า”

“ใช่ครับ”

รินลดาหยิบยาออกมาป้อนใส่ปากเขา แต่เขายังลีลาทำเหมือนจะชักหายใจไม่ออก ทำเอาเธอแตกตื่นกลัวเขาตายจึงตัดสินใจเป่าปากให้ เพชรเลยได้โอกาสจูบปากเธอสนิทแน่น

“นี่...ปล่อยนะ ปล่อย” รินลดาสะบัดหลุดแล้วเงื้อมือจะตบ เพชรแสร้งหายใจหอบถี่ เรียกหาน้ำ ขอน้ำกินหน่อย รินลดาไม่ไว้ใจแต่ก็ไปรินน้ำมาให้เขาดื่ม

“ขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยชีวิตผม”

“นี่คุณไม่ได้แกล้งนะ”

“แกล้งอะไรครับ”

“ก็แกล้งทำหัวใจวายน่ะสิ”

“โธ่คุณ คนกำลังจะตายคุณยังคิดว่าผมแกล้งอีกหรือ”

“เอาล่ะ ฉันว่าคุณหยุดพูดได้แล้ว คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันจะไปหาพี่อ้อมก่อน”

พอรินลดากลับออกไป เพชรแตะริมฝีปากตัวเองด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน

“ในที่สุดก็ได้จูบเธอ ปากหอมซะด้วย”

ด้านรินลดาที่กลับออกไปหาอ้อม ปรากฏว่าเธอโดนอ้อมบ่นจนหูชา ยิ่งพอรู้ว่าเพชรไม่สบายแล้วรินลดาพาไปส่งโรงแรม อ้อมก็มีสีหน้าหวาดระแวงขึ้นมา

“นี่เธอพาเขาไปส่งโรงแรมงั้นหรือ”

“ค่ะ เขาเป็นโรคหัวใจ ไม่มียาเลยให้น้องพาไปส่ง”

“แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ไหนเธอพาพี่ไปหาเขาหน่อย”

“อย่าไปเลยพี่อ้อม ให้เขาพักเถอะ เดี๋ยวเกิดตายขึ้นมาเราจะยุ่ง”

“เธอนี่มันใจดำจริงๆ อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนพี่ชายเธอนะ”

“ช่างเขาเถอะค่ะ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ น้องหิวแล้ว” รินลดาออกเดินลิ่วไป อ้อมยังไม่หมดกังวล พึมพำก่อนเดินตาม

“หวังว่ายัยรินแค่ไปส่งนะ คงไม่ได้ขึ้นเตียงกับเขา”

ooooooo
คืนนี้บัวนอนหันหลังให้รัญบนเตียง ด้วยยังน้อยใจเขาไม่หายเรื่องที่คุยกันเมื่อตอนกลางวัน สักครู่รัญขยับมากอดเหมือนจะอ้อนเธอ “ตกลงบัวอยู่ต่อกับพี่นะ”

“ถ้าพี่รัญอยากให้อยู่บัวก็จะอยู่ค่ะ”

“พรุ่งนี้พี่จะเขียนเช็คค่าเสียเวลาให้”

“บัวบอกแล้วไงคะว่าไม่ต้อง บัวอยู่ก็เพราะว่าบัวรักพี่รัญ”

“แต่พี่อยากให้บัวเก็บไว้ อย่างน้อยวันที่บัวไปจากพี่ บัวจะได้มีเงินเหลือเก็บบ้าง”

“พี่รัญไม่ได้อยากให้บัวอยู่กับพี่รัญตลอดไปหรือคะ”

“อยากสิ แต่บัวก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”

“แต่บัวจะบอกว่าบัวไม่ได้เป็นผู้หญิงหากินนะคะ”

รัญถอนใจคิดว่าบัวหาเรื่องโกหก “บัว...คนเราลบล้างอดีตไม่ได้หรอกนะ ถ้าวันนึงเจ้านายพี่หรือเพื่อนร่วมงานพี่เกิดรู้ขึ้นมาว่าบัวเป็นใคร อนาคตทั้งหมดของพี่ก็จะหยุดลงทันที”

“แต่ว่าบัว...”

“พี่รู้ว่าบัวรักพี่ พี่ก็อยากจะรักบัวนะ แต่อย่างที่พี่บอกหน้าที่การงานของพี่มันสำคัญสำหรับพี่มาก ถ้าบัวรักพี่อย่าทำให้พี่ต้องอึดอัดใจมากกว่านี้เลยนะ”

บัวจำใจพยักหน้า รัญยิ้มบางๆ หอมแก้มเธอก่อนบอกให้นอนซะ บัวจึงล้มตัวลงนอนทั้งที่หนักใจสุดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น รินลดาที่เริ่มจะท้อใจในภารกิจ เธอลงมาเลียบเคียงถามพี่ชายว่า ถ้าน้องจะเรียนต่อปริญญาโทต้องใช้เงินมากไหม?

“ถ้าที่นี่ปีนึงก็ต้องมีอย่างน้อยสามล้าน ขึ้นอยู่กับว่ารินจะเรียนอะไร”

“แล้วถ้ารินอยากขอทุนล่ะคะ”

“ที่นี่มันมีทุนไม่มาก พี่ไม่แน่ใจว่ารินจะได้รึเปล่า แต่รินไม่ต้องกลัวหรอก ก่อนที่พ่อตาย แม่สัญญากับพ่อว่าจะส่งรินเรียนให้จบปริญญาเอก”

“แต่รินชักไม่แน่ใจแล้วว่าแม่จะส่งรินได้”

“อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่าแม่กลับไปเล่นการพนันอีก”

“เปล่าค่ะ แม่ไม่ได้ไปเล่น แม่เคยสัญญากับพี่รัญแล้วนี่ว่าเขาจะไม่แตะต้องมันอีก”

“ใช่ แม่สัญญากับพี่แล้ว แม่คงไม่ผิดสัญญาหรอก”

รินลดาพูดไม่ออก ได้แต่ฝืนยิ้มให้พี่ชาย พอดีอ้อมลงมาอีกคน รัญเห็นอ้อมก็ทำท่าจะเลี่ยงหนี

“แหม...พออ้อมมาก็จะรีบไปเลยหรือคะ” อ้อมดักคอ

“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก คุณอ้อมมีอะไรกับผมหรือครับ”

“อ้อมอยากชวนพี่รัญไปเที่ยวน่ะค่ะ พักนี้พี่รัญไม่เห็นพาอ้อมไปเที่ยวไหนเลย”

“ผมเห็นคุณอ้อมมีเพชรเป็นเพื่อนเที่ยวแล้วนี่ครับ”

“แต่ถ้าพี่รัญไม่อยากให้อ้อมไปกับคุณเพชร อ้อมไม่ไปก็ได้นะคะ”

“ตามสบายเลยครับ เพชรเป็นคนคุยสนุก ใครๆก็ชอบ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

อ้อมหน้าตึงไม่พอใจรัญ พูดขึ้นลอยๆว่า “ดี ถ้าพูดแบบนี้เราจะได้ตัดสินใจง่ายหน่อย”

รินลดาไม่เข้าใจว่าอ้อมหมายถึงอะไร พออ้อมเฉลยว่าตนจะคบกับเพชร รินลดาถึงกับร้องห้ามเสียงหลง

“นี่ยัยริน...เธอไม่ได้ยินที่พี่ชายเธอพูดเหรอ เขาไม่มีเยื่อใยอะไรกับฉันเลย จะให้ฉันมานั่งรออยู่ทำไม”

“แต่น้องว่าพี่รัญลองใจพี่อ้อมมากกว่า”

“ฉันไม่ได้โง่นะถึงดูผู้ชายไม่ออก อ้อ ว่าแต่เธอเถอะ ไม่ได้ชอบคุณเพชรใช่มั้ย”

รินลดาอึกๆอักๆ ทำให้อ้อมยิ่งระแวง ถามคาดคั้นหน้าตาขึงขัง

“นี่เธอชอบเขาใช่มั้ย...ฉันถามว่าใช่มั้ย”

“เปล่าค่ะ น้องไม่ได้ชอบ น้องเกลียดหน้าเขา”

อ้อมค่อยเบาใจ เน้นย้ำว่าดีแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องมาแย่งกับพี่ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางชอบเธอ...ว่าแล้วอ้อมก็สะบัดพรืดจากไป โดยมีสายตารินลดามองตามด้วยความหมั่นไส้

ooooooo

รัญนัดบัวออกมากินอาหารกลางวันกันในเมือง ระหว่างนี้เองฉัตรชัย โทร.มาหารัญเพื่อจะขอเบอร์โทร.เพื่อนของรัญที่มีนามสกุลเดียวกับคู่หมั้น บัวได้ยินก็ใจคอไม่ดี ยิ่งพอรัญนัดให้ฉัตรชัยมาเจอที่ร้านอาหาร บัวลุกลี้ลุกลนขอตัวไปซื้อของกินเล่นร้านข้างนอก

แต่แล้วบัวโผล่ออกจากร้านอาหารก็เจอฉัตรชัยเข้าอย่างจัง เพราะเขาเดินเล่นอยู่แถวนี้พอดี

“คุณบัว ผมดีใจจริงๆเลยครับที่ได้เจอคุณ” ฉัตรชัยทักอย่างตื่นเต้น

บัวเหลือบมองไปในร้าน เห็นรัญมองมา เธอจึงเดินผละออก โดยที่ฉัตรชัยยังตามติด รัญเห็นดังนั้นจึงวางเงินค่าอาหารแล้วลุกออกมาทันที

ฉัตรชัยตามมาคว้าแขนบัวที่จ้ำหนีขาแทบขวิด “เดี๋ยวครับคุณบัว มีเรื่องอะไรทำไมต้องหนีผม”

“คุณฉัตรชัย คืออย่างนี้นะคะ ตอนนี้บัวมีแฟนแล้ว บัวอยากให้คุณเลิกยุ่งกับบัว เลิกติดตามบัว”

“ผมไม่เข้าใจ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงต้องหนีการแต่งงานด้วย”

“ก็บัวบอกแม่ไปแล้วว่าบัวไม่ได้รักคุณ แล้วบัวก็มีแฟนแล้วด้วย”

“แล้วใครล่ะครับแฟนคุณ”

“ผมครับ...มีเรื่องอะไรกันหรือครับ” รัญเดินเข้ามา ฉัตรชัยชะงักด้วยความงุนงง

“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีคุณคนนี้เขาเข้าใจอะไรผิดน่ะค่ะ ไปเถอะค่ะพี่รัญ” บัวดึงแขนรัญจะพาไป ฉัตรชัยรีบขวาง

“เดี๋ยว คุณบัว ผมว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ”

“คุณฉัตรชัย ฉันขอร้องล่ะ”

“นี่คุณรู้จักกับเขาด้วยนี่” รัญถามขึ้น บัวอึกๆอักๆ แต่ฉัตรชัยตอบรับว่าเรารู้จักกัน และกำลังจะบอกว่าเป็นคู่หมั้น แต่บัวแทรกขึ้นมาเสียก่อนว่า

“เขาเป็นลูกค้าของบัวค่ะ เขาพยายามตามตื๊อบัว ไปเถอะค่ะ” บัวกระตุกแขนรัญ แต่ฉัตรชัยไม่ยอมให้เธอไป ฉุดแขนเธอไว้ ทำให้รัญไม่พอใจต่อยหน้าเขาทันที

“นี่คุณต่อยผม?”

“ใช่ ผมจะบอกให้คุณรู้นะบัวระวงเป็นแฟนผม ถ้าคุณขืนมายุ่งกับเธออีก ผมจะเตะคุณด้วย” พูดเสร็จ รัญลากแขนบัวออกไป ฉัตรชัยทั้งเจ็บทั้งงงแต่ไม่กล้าตาม ได้แต่บ่นว่าบัวระวงอะไรกัน นั่นมันคุณบัวชัดๆ

บัวกับรัญที่พ้นจากฉัตรชัยมาแล้ว บัวใจไม่ดีเมื่อเห็นรัญหน้าบึ้งแถมพูดเสียงแข็งว่าให้กลับไปคุยกันที่บ้าน

“ทำไมต้องโกหกผม” รัญเปิดฉากทันทีที่ถึงบ้าน

“โกหกอะไรคะ” บัวทำใจดีสู้เสือ

“ก็โกหกว่าคุณไม่เคยรู้จักเขา”

“ก็บัว...บัวไม่รู้จะบอกยังไงนี่คะ บัวกลัวพี่รัญจะเข้าใจผิด บัวแค่เคยรู้จักเขาตอนอยู่เมืองไทย เขาพยายามตามตื๊อบัว”

“แล้วคุณมีอะไรกับเขารึเปล่า”

“ไม่มีค่ะ ก็บัวบอกแล้วไงคะว่าบัวเพิ่งรับงานพี่รัญเป็นครั้งแรก...พี่รัญไม่เชื่อบัวหรือคะ ถ้าพี่รัญไม่เชื่อบัวกลับเมืองไทยก็ได้” บัวหันหลังจะไป รัญคว้ามือ และจ้องลึกลงในดวงตาเธอ “บัวเสียใจนะคะที่พี่รัญไม่เชื่อบัว”

“เอาล่ะ ผมเชื่อคุณ”

“จริงๆนะคะ”

“จริง ที่ผมอารมณ์เสียก็เพราะผมไม่ชอบคนพูดโกหก จำไว้นะ อยู่กับผม อย่าโกหกผม”

บัวสะดุ้งวาบในใจ หลุบตาต่ำลง

“ทำไม หรือว่าคุณมีเรื่องอะไรโกหกผมอยู่”

“เปล่าค่ะ ไม่มี”

รัญเชื่อ ดึงเธอมากอด แต่บัวแอบเสียวสันหลัง

ooooooo

หลังจากนั้นบัวออกไปพบเพชรกับการ์ตูนที่โรงแรม เพชรแนะนำน้องสาวให้พูดความจริงกับรัญ แต่บัวไม่เห็นด้วย เพราะขืนบอกไปว่าตนคือรวินวรกานต์ รัญต้องโกรธและเกลียดตนแน่

“แต่ถ้าเขารู้เหตุผลว่าทำไมแกถึงต้องโกหก เขาอาจจะเข้าใจก็ได้นะ”

“ไม่มีทางหรอกตูน แกไม่รู้จักพี่รัญ ถ้าเขาพูดคำไหนก็เป็นคำนั้น”

“แต่ถ้าแกไม่บอกแล้วมันไปรู้ความจริงจากนายฉัตรชัย แกจะทำยังไง”

“ก็นี่ไงเล่าบัวถึงมาปรึกษาพี่กับไอ้ตูนว่าทำไงดี”

“งั้นพี่จะไปคุยกับนายฉัตรชัยเอง”

“พี่จะไปคุยว่าไง”

“ก็ไปบอกความจริงให้มันรู้ มันจะได้เลิกยุ่งกับแก”

“แต่ถ้าเขาไม่ยอมล่ะ”

“ก็ต้องหาผู้หญิงให้มันซักคน” เพชรเหลือบมองการ์ตูน

“พี่เพชรจะบ้าหรือ ตูนไม่ได้ชอบเขานะ”

“ก็แค่เป็นเรื่องสมมติ ทำให้มันเบี่ยงความสนใจไปหาแก”

“แล้วพี่นึกหรือว่าเขาจะชอบตูน”

“ทำไมจะไม่ชอบ แกเองก็ไม่ได้สวยน้อยกว่าไอ้บัวสักหน่อย”

“นะตูนนะ ถือว่าช่วยฉัน ให้ฉันกราบก็ได้” บัวขอร้องอีกคน

“ก็ได้ แต่ที่ฉันทำเนี่ย ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ”

“เออ รู้แล้ว แกบอกสองรอบแล้วนะ”

“ขอบใจแกมากนะตูน ฉันรักแกจริงๆ”

“นี่ถ้าแกได้แต่งงานกับไอ้รัญเมื่อไหร่ล่ะก็ แกต้องเลี้ยงฉันกับไอ้ตูนไปตลอดชีวิตนะ เพราะเราสองคนช่วยแกเยอะมาก”

“บัวรู้น่าว่าพี่กับไอ้ตูนดีกับบัวจริงๆ” บัวยิ้มอย่างซึ้งใจ

ooooooo

ไม่ทันพ้นเย็นนั้น การ์ตูนก็ออกไปเจอฉัตรชัยที่ร้านพิซซ่าโดยบังเอิญ ฉัตรชัยกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกเรื่องบัวจึงคว้าตัวการ์ตูนมาซักถาม

“เจอคุณก็ดีแล้ว ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณบัว แล้วบัวระวงคือใคร”

“บัวระวงไหน ฉันไม่รู้จัก” การ์ตูนทำไก๋แล้วจะผละไป

“คุณอย่ามาทำมั่วนิ่ม ผมรู้ว่าคุณรู้ทุกอย่างดี บอกผมมาดีๆ”

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง ก็บอกว่าไม่รู้”

“งั้นผมคงต้องจูบคุณตรงนี้แล้วล่ะ” 

“ก็ลองดูสิ” การ์ตูนหลับตาเชิดหน้าท้าให้จูบ

“นี่ผมจูบจริงๆนะ”

“ก็บอกว่าลองดูสิ”

ฉัตรชัยเป็นงง มองซ้ายมองขวาก่อนจูบแล้วผละออกมาพร้อมคำถาม “ทำไมครั้งนี้คุณไม่ขัดขืนหรือร้องโวยวาย”

“ถ้าฉันขัดขืนคุณก็ต้องจูบอยู่ดี ฉันอยู่เฉยๆให้คุณจูบซะให้พอดีกว่า แล้วนี่พอรึยัง ถ้ายังไม่พอก็จูบต่อ” 

“เอาล่ะๆ พอแล้ว”

“ทำไมล่ะ ไม่อยากจูบฉันแล้วหรือ ฉันไม่ดีตรงไหน”

“นี่คุณอย่ามาทำเล่นได้มั้ย ผมอยากรู้ว่าคุณบัวกับบัวระวงเป็นใคร บอกผมหน่อยเถอะนะการ์ตูน ได้โปรดเถอะ บอกผมว่านี่มันเรื่องอะไร”

“เอาล่ะ ถ้าอยากรู้นักฉันบอกก็ได้ เตรียมซับน้ำตาให้ดีแล้วกัน”

หลังฟังความจริงจากการ์ตูนแล้ว ฉัตรชัยอึ้งแทบทรุด 

“หมายความว่าคุณบัวกับบัวระวงคือคนคนเดียวกัน แล้วทำไมเขาต้องทำเป็นไม่รู้จักผม”

“ก็เขามากับแฟน ถ้าเขาขืนบอกว่ารู้จักคุณ แล้วคุณเป็นว่าที่คู่หมั้นเขา คุณว่าแฟนเขาจะว่ายังไง”

“แล้วผมล่ะ”

“ก็ฉันบอกคุณตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วไงว่าบัวมีแฟนแล้ว คุณไม่เชื่อฉันเอง นี่ฉันบอกตามตรงนะ คุณอย่าไปเสียเวลาตามตื๊ออีกเลย บัวไม่ได้รักคุณหรอก เห็นแฟนเขามั้ย ทั้งรูปหล่อ หน้าที่การงานก็ดี อนาคตเป็นทูตนะ เขาจะมาเอาคุณทำไมแค่ลูกรัฐมนตรี”

“จริงของคุณ” ฉัตรชัยพูดเสียงแผ่ว

“คุณอย่าเสียใจไปเลย ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก แล้วฉันก็เชื่อว่าอย่างคุณต้องผ่านผู้หญิงมาเยอะแล้ว และที่คุณสนใจบัวก็เพราะพ่อแม่คุณ”

“ที่คุณพูดก็ถูก เพราะจริงๆแล้วผมกับคุณบัวก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย”

“เป็นอันว่าคุณเข้าใจเรื่องนี้ดีแล้วนะ คุณจะได้เลิกตามเขาซะที แล้วอย่าไปถามอะไรแฟนเขาอีก”

“ผมเข้าใจดีแล้วน่ะ คืนนี้คุณว่างมั้ย”

“ถามทำไม”

“ผมไม่มีเพื่อนเที่ยว อยู่เป็นเพื่อนเที่ยวกันหน่อยนะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”

“ก็ได้” เธอรับคำด้วยความสงสาร จากนั้นทั้งคู่พากันเดินชมเมืองยามค่ำคืน แต่ฉัตรชัยก็ยังดูซึมเศร้า จนการ์ตูนท้วงขึ้นอย่างเคืองๆ

“ฉันอุตส่าห์มาด้วยนะ ถ้าคุณทำหน้าเซ็งแบบนี้ ฉันกลับนะ”

“อย่าเพิ่งกลับเลยนะ ผมขอโทษ จากนี้ไปคุณจะไม่เห็นผมเศร้าอีกแล้ว” พูดจบเขาดึงเธอมากอดหน้าตาเฉย แต่พอโดนจ้องหน้าเขม็ง ก็นึกได้ “ขอโทษ...ผมนึกว่าคุณเป็นแฟน”

“นึกว่าฉันเป็นแฟนก็ได้นะ” เธอเอ่ยเขินๆ ยอมให้เขากระชับกอดพาเดินต่อไป

ooooooo
รมณีย์ถูกกดดันบีบคั้นอย่างหนักจากเจ้าหนี้ที่ส่งลูกน้องมาสำรวจตรวจสอบบ้านของเธอก่อนจะดำเนินการยึดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าตามกำหนดสัญญาที่จำนองกันไว้
ความทุกข์ร้อนเรื่องที่ซุกหัวนอนเป็นเรื่องใหญ่ทำให้รมณีย์เครียดจัดพยายามหาทางออกให้ตัวเองอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากติดต่อไปยังลูกชายเป็นรายแรก
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ทั้งรัญและบัวตื่นขึ้นมากลางดึก “ฮัลโหล...มีอะไรครับแม่ถึงโทร.มากลางดึก”
“ขอโทษจ้ะลูก แม่ลืมไป นี่มันเพิ่งตีสี่ของลูกใช่มั้ย”
“ครับ แม่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือ...พอดีเพื่อนแม่เขาจะเอาที่ดินมาขาย แม่เห็นว่าที่ผืนนี้มันสวยถ้าซื้อไว้ไม่มีวันขาดทุน แม่ก็เลยจะถามว่าลูกพอจะมีเงินซักสิบล้านมั้ย”
“สิบล้านหรือครับ ไม่มีหรอกครับแม่เงินเยอะขนาดนั้น”
“ถ้างั้นลูกช่วยยืมใครก่อนได้มั้ย แม่อยากได้ที่ผืนนี้จริงๆ เราซื้อมาเก็บไว้สามเดือนต้องได้กำไรไม่ต่ำกว่าห้าล้านแน่”
“ผมจะลองถามๆให้แล้วกันนะครับ”
“แต่อย่านานนะลูก เดี๋ยวคนอื่นจะเอาไป...แม่ขอโทษนะที่โทร.มาปลุกลูกดึกๆ”
เสร็จธุระแล้วรมณีย์ทำท่าจะตัดสาย แต่รัญเรียกแม่ไว้ ถามอย่างหวั่นระแวงว่า
“แม่ไม่ได้เป็นหนี้ใครใช่ไหมครับ”
“นี่รัญไม่เชื่อแม่งั้นหรือ แม่เคยบอกแล้วไงว่าแม่จะไม่เล่นการพนัน”
“ผมขอโทษ ผมแค่ถามดูเท่านั้น แค่นี้นะครับ”
รมณีย์ตัดสายอย่างหงุดหงิด ขณะที่รัญรู้สึกเป็นกังวล แต่พอบัวถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า เขาตัดบทว่าไม่มีอะไร แล้วเขาก็นอนลืมตาโพลงในความมืด...
เมื่อลูกชายยังแบ่งรับแบ่งสู้ รมณีย์จึงหวังพึ่งเพชรเป็นรายต่อไป เช้าวันรุ่งขึ้นเธอตั้งใจไปหาเพชรที่บริษัท แต่ต้องผิดหวังเมื่อรัชนีบอกว่าคุณเพชรไปเมืองนอก ไม่ทราบว่าจะกลับเมื่อไหร่...ขณะเดินกลับออกมารมณีย์เจอนิภาพรรณแม่ของเพชร จึงหยุดทักทายก่อนพูดธุระที่จะมาคุยกับเพชร
“เผอิญมีคนจะขายที่ดินแถวสุขุมวิท เห็นตาเพชรเคยบอกว่าอยากได้ ก็เลยจะมาบอกเขา”
“ที่สวยหรือคะ”
“สวยมากค่ะ เสียดายตาเพชรไม่อยู่ แล้วคนขายเขาก็ร้อนเงินมากขายถูกด้วยนะคะ”
“เท่าไหร่หรือคะ”
“แค่สิบล้านเองค่ะ คุณนิภาพรรณควรจะรีบเอาไว้นะคะ เพราะถึงยังไงตาเพชรกลับมาก็ต้องเอาอยู่ดี กำไรเห็นๆ เป็นเท่าตัวเลยนะคะ”
นิภาพรรณนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตอบปฏิเสธ “ไม่เอาดีกว่าค่ะ ถ้าคุณหญิงคิดว่าได้กำไรแน่ เอาไว้เองเถอะค่ะ กำไรแค่สิบล้านยี่สิบล้านเสียเวลาไปกรมที่ดินเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นฉันคงต้องซื้อไว้เอง ขอตัวนะคะ จะรีบเอาเงินไปวางเขา” รมณีย์ออกเดินพร้อมกับแอบบ่น “นังเจ๊นี่เคี่ยวจริงๆ”
นิภาพรรณมองค้อนแล้วหันไปเรียกรัชนีมาสั่งให้โทร.ไปบอกเพชรว่าตนให้รีบทวงเงินคุณหญิงรมณีย์
“ก่อนไปเมืองนอกคุณเพชรให้รัชนีทวงแล้วค่ะ แกบอกยังไม่มี”
“ไม่มีอะไร เธอไม่ได้ยินที่เขาบอกหรือว่าจะซื้อที่อีกสิบล้าน”
“รัชนีว่าแกพูดไปอย่างงั้นแหละค่ะ คงยังไม่มีใช้หรอก”
“พรุ่งนี้ทวงใหม่อีกที บอกว่าได้ยินคุณหญิงคุยกับฉันว่ามีเงินเหลือเยอะ เชอะ อยากโม้ดีนักทวงซะให้เข็ด”
ฝ่ายรมณีย์ที่ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ไม่ทันจะพ้นไปจากบริษัทซีอิ๊วของนิภาพรรณ เธอก็รีบติดต่อหาเพชรทางมือถือ
“หวัดดีครับคุณแม่”
“แม่เพิ่งรู้ข่าวว่าเพชรไปเยี่ยมรัญ ทำไมไม่บอกแม่ซักคำ แม่จะได้ฝากของไปให้”
“พอดีผมมาธุระเรื่องงานน่ะครับ คุณแม่โทร.มามีอะไรรึเปล่าครับ”
“แม่มีเรื่องสำคัญอยากให้เพชรช่วยหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
“แม่เดือดร้อนต้องใช้เงินสิบล้าน เพชรช่วยหาให้แม่หน่อยได้มั้ย”
“สิบล้านเชียวหรือครับ คุณแม่จะเอาไปทำอะไร”
“แม่บอกเพชรไม่ได้จริงๆ อย่าว่าแม่เลยนะ”
“เอาไว้ให้ผมกลับไปแล้วค่อยคุยกันได้ไหมครับ”
“ได้จ้ะ แล้วเพชรจะกลับเมื่อไหร่”
“ก็คงอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ล่ะครับ”
“แต่อย่าเกินสองอาทิตย์นะลูก...แล้วเพชรอย่าบอกรัญนะว่าแม่โทร.มา”
“ครับ”
“ขอบใจเพชรมาก แม่จะไม่ลืมบุญคุณเพชรเลย อ้อ แม่อยากถามเรื่องนึง เรื่องเกี่ยวกับ...” รมณีย์จะถามเรื่องสรศักดิ์แต่ชะงักอย่างลังเล
“เรื่องอะไรครับ”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร เอาไว้เพชรกลับมาค่อยคุยกันก็ได้ แค่นี้นะลูก แม่ไม่กวนเพชรแล้ว”
“ครับ สวัสดีครับ”
รมณีย์วางสาย ค่อยหายใจคล่องขึ้นหน่อยที่เพชรยังพึ่งได้ ไม่ขี้เหนียวเป็นตังเมเหมือนแม่
ooooooo
อีกคืนหนึ่งที่บ้านรัญ บัวชงโกโก้ร้อนมาให้รัญอย่างรู้ใจ สมกับที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน นอกจากนี้พอรัญไหว้วานให้นวดต้นคอ บัวก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม
ขณะบัวบีบนวดต้นคอให้ รัญถามเธอว่า “ถ้าบัวกลับไปเมืองไทย บัวยังจะทำงานแบบนี้อีกรึเปล่า”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ก็คงต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็คงไม่มีกิน”
“ถ้าพี่จะขอไม่ให้บัวทำงานแบบนี้ได้มั้ย”
“ทำไมล่ะคะ”
“พี่เพียงแต่...”
“พี่รัญจะบอกว่าพี่รัญรักบัวหรือคะ” บัวลองใจ
“เอาเป็นว่าพี่ไม่อยากให้บัวต้องทำงานแบบนี้ เพราะพี่รู้สึกว่าบัวเป็นคนดี แล้วก็ดีกับพี่มาก”
“แต่ถ้าพี่รัญไม่ให้บัวทำ บัวจะเอาอะไรกินล่ะคะ บัวก็ต้องเลี้ยงพ่อแม่”
“ถ้าพี่จะเป็นคนส่งเสียเงินให้บัวล่ะ”
“พี่รัญจะเลี้ยงบัวเป็นเมียเก็บงั้นหรือคะ”
“พี่คงทำแบบนั้นไม่ได้ พี่เพียงแต่เป็นห่วงบัวไม่อยากให้บัวทำอาชีพแบบนี้อีกต่อไป”
“แล้วทำไมพี่รัญถึงไม่แต่งงานกับบัวล่ะคะ ใช่สินะ เพราะบัวไม่มีฐานะเท่าเทียมกับพี่รัญ”
“เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะบัว”
“ใช่ค่ะ เราคุยเรื่องนี้กันแล้วแต่พี่รัญไม่เคยฟังบัวให้จบ บัวอยากจะบอกความจริงพี่รัญ”
“ความจริงอะไร”
บัวนิ่งไปอย่างไตร่ตรอง คิดถึงคำพูดพี่ชายกับเพื่อนรักที่อยากให้บัวพูดความจริงกับรัญ ซึ่งเขาอาจจะเข้าใจเธอก็ได้
“ว่าไงบัว ความจริงอะไรเหรอ”
บัวรวบรวมความกล้าตัดสินใจแน่วแน่ “จริงๆแล้วบัวไม่ได้มีอาชีพขายตัวอย่างที่พี่รัญคิดหรอกนะคะ แล้วบัวก็จะบอกว่าบัวเป็น...”
“เป็นลูกเศรษฐี มีการศึกษา มีฐานะทางสังคมเท่ากับพี่”
“ใช่ค่ะพี่รัญ แล้วบัวก็เป็นลูกสาวของ...”
“พี่เข้าใจว่าบัวจะพูดอะไร แต่ถึงบัวจะเป็นลูกสาวเศรษฐี พี่ก็คงไม่รักบัวหรอก”
“ทำไมล่ะคะ ทำไมพี่รัญถึงจะไม่รักบัว”
“ก็เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้น่ะสิ บัวเป็นคนบอกพี่เอง ว่าที่บัวต้องมาทำอาชีพนี้เพราะพ่อแม่ยากจน แถมยังมีพี่ชายปัญญาอ่อนที่ต้องเลี้ยงดู หรือบัวจะบอกว่าบัวโกหกพี่”
บัวอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเขายังไง
“พี่ว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้เถอะนะ”
“แต่พี่รัญคะ พี่รัญฟังก่อนนะคะ ที่บัวพูดเป็นเรื่องจริงนะ แล้วบัวก็เป็นน้องสาวของ...”
“หยุดเถอะบัว พี่ไม่อยากให้เราพูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ พี่แค่อยากให้บัวรู้ว่าพี่ชอบบัว แต่เราแต่งงานกันไม่ได้ เพราะวันนึงพี่ต้องแต่งกับคนอื่น เข้าใจที่พี่พูดนะ”
บัวฟังแล้วอึ้ง น้ำตารื้น จำใจพยักหน้า
“เอาล่ะ นอนเถอะ”
รัญทิ้งตัวลงนอนปิดไฟหัวเตียง บัวเองก็ลงนอนทั้งน้ำตาไหลริน รัญรับรู้และชำเลืองมอง อยากจะแตะเนื้อตัวปลอบโยนเธอ แต่ก็ตัดใจหันหลังให้ บัวยิ่งเสียใจแทบกลั้นสะอื้นไม่ไหว...
oooooo