Tuesday, September 20, 2011

เรื่องย่อ รอยมาร ตอน3 ละคร ช่อง3


เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  


ตอนที่ 3

เรื่องราวเมื่อสามสิบปีก่อนกลับมาทำให้คุณหญิงสะเทือนใจอีกครั้ง
เวลานั้นบารมีในวัยหนุ่มรุกเร้าถามรุจาในกลางดึกคืนนั้นว่า พ่อแม่ตนเป็นอะไรตาย ใครยิงพ่อกับแม่ตน รุจาเวลานั้นได้แต่ตาแดงก่ำสีหน้าหวาดกลัว เร่งแต่ให้บารมีรีบหนีไปก่อน บารมีถามว่าแล้วศรีอำไพอยู่ไหน ตนอยากเจอหน้าน้องอีกสักครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะ น้าฝากเพื่อนดูแลให้อย่างดี พ่อมีรีบหลบไปก่อนเถอะ” รุจาเร่งเร้า บารมีบอกว่าตนจะหาทางมารับน้องทีหลัง ฝากน้องไว้ด้วย บอกก่อนวิ่งไปว่า “บอกขัตติยาให้รอข่าวจากผม ผมจะส่งข่าวถึงเขาเร็วๆนี้นะครับ”
คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว คุณหญิงพึมพำด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ
“พ่อมี...น้าขอโทษ”
ooooooo
บ่ายวันนี้ เป็นวันสอบเสร็จของสไบนางและหยาดฝน สไบนางดีใจโล่งใจกระโดดตัวลอยส่งเสียงโหวกเหวกลั่นจนเพื่อนนักเรียนหันมอง หยาดฝนอายเตือนเพื่อนให้น้อยๆหน่อย ตนอายคนอื่นเขา
หยาดฝนถามว่าทำข้อสอบได้หมดหรือ สไบนางตอบอย่างแสนสบายใจว่า ได้มั่งไม่ได้มั่ง ส่วนมากมั่วแต่ช่างหัวมันเพราะคุณย่าบนให้แล้ว ทั้งยังพูดทะเล้นว่า
“ฉันอยากรู้นะระหว่างเจ้าพ่อเจ้าแม่กับคอมพิวเตอร์ใครจะแน่กว่ากัน”
หยาดฝนหน้าจ๋อย ปรารภว่าอยากเป็นบีจังเลย ทำอะไรได้ทุกอย่างตามใจชอบ แต่พอสไบนางชวนไปหาอะไรอร่อยๆ กินฉลองสอบเสร็จกัน หยาดฝนไปไม่ได้เพราะอยากไปหางานทำช่วยรายจ่ายในครอบครัว สไบนางเลยไปเป็นเพื่อน พูดขำๆว่าเผื่อโชคดีได้งานทำจะได้ไม่ต้องเรียนต่ออีกคน
ทั้งสองพากันไปรอรถเมล์ที่ป้าย แต่คนแน่นมาก รถผ่านไปหลายคันแล้วก็ยังเบียดขึ้นไม่ได้ แต่แล้วจู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดเทียบ คนขับลงจากรถมาทัก
“คุณไบ...คุณไบใช่ไหมครับ”
หัสดินนั่นเอง เขาจอดรถลงมาทัก พอสองสาวหันมาเขาแนะนำตัวเองไม่เคอะเขินว่า เป็นลูกชายลุงมี สไบนางเลยจำได้รีบยกมือไหว้ หัสดินถามว่าจะไปไหน จะไปส่ง ครั้นสไบนางปฏิเสธเขาขอร้องว่า
“ขึ้นมาเถอะครับ ถ้าพ่อรู้ว่าผมทิ้งเพื่อนพ่อไว้ข้างถนนไม่รับไปส่ง ผมโดนด่าตายแหงๆ”
“ก็ได้ กลัวคุณถูกด่าหรอกนะ ไปฝน...” สไบนางจูงน้ำฝนขึ้นนั่งด้านหลังรถ หัสดินมองยิ้มดีใจก่อนขับออกไป แต่พอถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหน สไบนางบอกว่าขับไปเรื่อยๆ ลงที่ไหนเดี๋ยวบอกเอง
ครู่ใหญ่หัสดินเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าบริษัทของอุปมาบอกสองสาวให้รอเดี๋ยว พลางเอาซองเอกสารลงไปด้วย สไบนาง ชวนหยาดฝนลงไปหางานกันบ้าง เดินไปเจอบริษัท “บุญอนันต์ อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต” เข้าไปดูใกล้ๆ เห็นประกาศรับสมัครพนักงานพิมพ์ดีด สองสาวดีใจรีบเข้าไปก่อนที่บริษัทจะปิด
ooooooo
ในออฟฟิศ พนักงานเลิกงานกันแล้ว เหลือชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้ประตูกำลังถ่ายเอกสารง่วนอยู่ สไบนางเข้าไปเรียก พอเขาหันมาเธอบอกว่าจะมาสมัครงานเป็นพนักงานพิมพ์ดีด
ชายหนุ่มคนนั้นมองแวบหนึ่งบอกอย่างตัดบทว่า 5 โมงเย็นบริษัทปิดแล้ว สไบนางหมั่นไส้คะนองปากย้อนถามว่าปิดแล้วพวกตนจะเข้ามาได้ยังไง แล้วถามเรื่องงานอีก อวดอ้างความสามารถว่าพิมพ์ดีดเก่งมากทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อยากทำงานที่นี่จริงๆ ขอแต่ให้ใบสมัครเพื่อนตนกรอกทิ้งไว้ไม่เสียเวลาอะไรหรอก
ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังคงถ่ายเอกสารเฉยอยู่ สไบนางโมโหเลยด่าว่า เพราะบริษัทมีพนักงานแบบนี้ถึงได้แป้กเล็กๆ อยู่แค่นี้
ชายหนุ่มตบปิดเครื่องถ่ายเอกสารหันจ้องหน้าสไบนางพูดหน้าตาเฉยว่า
“เราได้พนักงานพิมพ์ดีดแล้ว เชิญออกไปได้แล้วครับ”
พูดแล้วถือเอกสารจะเดินกลับเข้าข้างใน สไบนางกระโดดขวางถามอย่างเอาเรื่องว่ารับพนักงานแล้วทำไมไม่เอาป้ายประกาศรับพนักงานออก ถามว่าเที่ยวปิดป้ายให้ความหวังคนอื่นแบบนี้สนุกนักรึไง

“เรารับพนักงานนอกจากจะดูที่ความสามารถแล้ว ยังดูที่วุฒิภาวะด้วย ยิ่งเป็นเด็กจบใหม่ เอาแต่ใจไร้มารยาทไม่มีสัมมาคารวะแบบนี้ เราไม่รับเข้าทำงานเด็ดขาด” พูดแล้วยังจิกด่าด้วยสายตาอีก

สไบนางโมโหมากด่ากลับคืนทั้งยังจะขอพบเจ้านายเขาด้วย พอดีเสียงหัสดินถามออกมาจากห้องน้ำว่า “มีอะไรเหรอมาร์ค” หยาดฝนดึงแขนเพื่อนบอกว่าเจ้านายเขามาแล้วรีบไปกันเถอะ ลากเพื่อนออกไป ก็พอดีหัสดินจัดเสื้อกางเกงออกจากห้องน้ำเห็นหลังสองสาวไวๆ

“พวกเด็กปากจัด ล็อกประตูด้วย เดี๋ยวเด็กผีนั่นจะย้อนมาอีก”

ที่แท้ชายหนุ่มคนนั้นคืออุปมาหรือมาร์คนั่นเอง หัสดินถามว่ารู้ไหมว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร พออุปมาบอกว่าไม่อยากรู้ หัสดินเฉลยว่า “เพื่อนพ่อแกไงล่ะ เด็กลูกชาวบ้านแถวสวนที่ซื้อเสื้อมาฝากพ่อแกวันนั้นไง”

หัสดินเล่าว่าเมื่อกี้เจอที่ป้ายรถเมล์เลยรับมาด้วย ทั้งยังเล่าขำๆว่า “ตอนนี้เด็กนั่นยังคิดว่า ฉันเป็นแกอยู่เลยนะ”

“ขอบพระคุณอย่างสูง อย่ามาข้องเกี่ยวกับฉันเลย คุมอารมณ์ไม่อยู่ได้เตะกระเด็นเข้าสักที” พูดพลางส่งเอกสารที่ถ่ายเสร็จให้หัสดิน

หัสดินชมว่าเด็กคนนั้นดูดีๆ ก็หน้าตาสวยดี พอดีเสียงกริ่งหน้าบริษัทดังขึ้น อุปมาลุกขึ้นบ่นๆ

“เพื่อนพ่อฉันย้อนกลับมาแน่ๆ ขอเตะเด็กสักวันเถอะวะ” พูดพลางเดินออกไปอย่างเอาเรื่อง

“ใจเย็นๆไอ้มาร์ค เด็กช้ำหมด คนนี้ฉันจองนะโว้ย” หัสดินตามไปติดๆ กระดี้กระด้าเต็มที่

แต่พอเปิดประตูออกไปกลายเป็นวิมาดา อุปมาหันหลังเดินกลับทันที หัสดินบอกเพื่อนให้ไปคุยเสียให้รู้เรื่องดีกว่าจะได้จบๆเสียที อุปมาจึงเปิดประตูให้วิมาดาเข้ามา เธออ้อนน้ำตาท่วมว่า

“วิอยากคุยกับมาร์ค ให้โอกาสวิได้อธิบายครั้งสุดท้ายได้ไหมคะ”

ooooooo

วิมาดาจ้างนักสืบ สืบจนรู้ว่าบริษัทของอุปมาอยู่ที่ไหน เธอจึงตามมาตื๊อ เมื่ออุปมาพาไปนั่งคุยกันที่ร้านอาหารบรรยากาศดี วิมาดาอ้อนวอนขอโอกาสตนอีกครั้ง พร้อมทั้งเล่าชีวิตทุกข์ทรมานที่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด จนเจ้านายช่วยให้ไปเรียนต่อเมืองนอกได้ แต่ก็ต้องแลกกับความบริสุทธิ์ของตัวเอง

วิมาดาพรรณนาความรู้สึกที่มีต่ออุปมาว่าเป็นรักครั้งแรกของตน แต่ที่จำเป็นต้องปิดเรื่องกับธนูก็เพราะกลัวถูกเขารังเกียจ เธอคร่ำครวญจนมาถึงวันที่เขาจับได้ว่ามีสามีอยู่แล้ว

ฟังถึงตอนนี้ อุปมาพูดหน้าตายว่า “วิพูดมานานแล้ว คงคอแห้ง ดื่มน้ำซะหน่อยสิ” เห็นเธออึ้งมองอย่างเสียใจที่เขาเย็นชา อุปมาก็ขอตัว “ผมไปห้องน้ำก่อนนะ วิจะได้มีเวลาแต่งเรื่องต่อ”

อุปมาลุกเดินไปแล้ว วิมาดาเสียใจน้อยใจอย่างที่สุด น้ำตาไหลพราก พริบตาเดียวเธอก็ปาดน้ำตาทิ้ง จ้องจิกตามองอุปมาไปด้วยความไม่พอใจที่เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเล่า

วันนั้น ก่อนที่วิมาดาจะกลับ อุปมาบอกว่า เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก เธอทำเป็นยินยอมและขอเบอร์มือถือของเขาไว้ บีบน้ำตาถามว่า “ไม่รู้ว่าวิจะขอมากเกินไปรึเปล่า”

ฝ่ายธนู พอตกค่ำก็เตรียมออกจากบ้าน สายทิพย์พูดอย่างเจ็บปวดว่าจะไปกอดกันให้พอใจก็ไปเลย ตนไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ยื่นคำขาดให้เลือกว่าจะเอาผู้หญิงคนนั้นหรือเลือกตนกับลูก ธนูไม่เลือกอ้างว่า

“ผมรักคุณมากนะทิพย์ แต่ชีวิตผมก็อยู่ไม่ได้ถ้าขาดวิ”

ปล่อยให้สายทิพย์ร้องไห้โฮๆ แล้วธนูก็ไปหาวิมาดาที่คอนโดฯถูกวิมาดาแสดงความรังเกียจ เมื่อเข้าไปกอดทั้งยังไล่ให้กลับไปหาสายทิพย์เสีย ตนทนเป็นเมียเก็บของหัวหน้าอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอบอกเขาให้กลับไปเสียแล้วล็อกประตูห้องให้เรียบร้อยด้วย พูดแล้วสะบัดเข้าห้องนอนปิดประตูโครม!

ธนูยืนอย่างโดดเดี่ยว เพราะไม่ว่าหันไปหาใครก็ถูกไล่ ไม่มีใครต้องการเขาเลย...

ooooooo

ชันษาชวนสไบนางกับหยาดฝนไปเที่ยวพัทยากัน สไบนางอยากไปแต่ไม่กล้าไปขออนุญาตคุณย่าขอให้บังอรช่วยพูดให้ บังอรช่วยพูดจนคุณหญิงอนุญาตให้ไป โดยสไบนางรับปากจะทำอะไรให้คุณย่าชื่นใจในวันเกิดครบรอบ 60 ปีในเดือนหน้า ท่านอยากได้งานบรรยากาศไทยๆให้ลูกๆหลานๆช่วยกันจัดให้

จนถึงวันนัดไปเที่ยวพัทยา สไบนางหิ้วกระเป๋าลงมาอย่างตื่นเต้น พอได้ยินเสียงแตรรถก็นึกว่าชันษามาแล้ว แต่พอวิ่งไปรับกลับกลายเป็นอุปมาที่ลงจากรถสปอร์ตคันหรูยืนดูตัวบ้านอยู่อย่างพินิจพิจารณา

“แกมาทำไม” สไบนางอาละวาดทันที อุปมาเองก็ตกใจที่มาเจอตัวแสบนี้เข้าอีก ไม่ทันตั้งหลักก็ถูกสไบนางสาดน้ำทั้งกระป๋องใส่จนเปียกโชก สาดแล้ววิ่งหนี อุปมาไล่ตามแต่เจอบังอรเสียก่อน อุปมาจึงแนะนำตัวกับบังอรว่า “คุณบารมี บุญอนันต์ ให้ผมมาพบคุณหญิงรุจา อัคราช ครับ”

อุปมามีเสื้อสำรองไว้ในรถ เขาไปเปลี่ยนเสื้อแล้วขึ้นไปพบคุณหญิงที่ห้องรับแขก สไบนางด้อมๆมองๆใจคอไม่ดีเมื่อรู้ว่าเขาเป็นแขกของคุณย่า จนคุณหญิงเหลือบมาเห็นจึงเรียกเข้าไปในห้อง ถามว่าไปทำความผิดอะไรไว้ สไบนางตอบหน้าตาเฉยว่า “ไม่ทราบค่ะ”

คุณหญิงซักไซ้จนสไบนางยอมรับ คุณหญิงสั่งให้กราบขอโทษแขกของย่าเดี๋ยวนี้ สไบนางทำหูทวนลมจนคุณหญิงขู่ว่าถ้าไม่ทำจะไม่ให้ไปพัทยา ก็ถูกหลานสาวตัวแสบท้วงว่า คุณย่าอนุญาตแล้วอย่ากลับคำ

แต่เพราะกลัวจะไม่ได้ไปพัทยาจริงๆ สไบนางฝืนใจยกมือไหว้พรวดพูดห้วนๆ “ขอโทษ” จนคุณหญิงส่ายหน้าอย่างระอา แต่อุปมากลับรู้สึกขำ บอกว่าตนไม่ถือเพราะน้องยังเล็กโตขึ้นก็จะสงบขึ้นเอง

“ย่าก็หวังอย่างนั้นแหละ รอเจอวิจิตราภรรยาประมุขกับหนูเมก่อนสิ ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ”

“ครับคุณย่า” อุปมาตอบรับด้วยความยินดี เต็มใจ แต่สไบนางที่แอบฟังอยู่เบ้หน้าพึมพำ

“ชวนมันทำไม เสียดายข้าว เทให้หมากินยังมีประ– โยชน์กว่า”

ooooooo

เมื่อกลับมารอชันษาที่หน้าบ้านพร้อมบังอรและหยาดฝน เมธาวีขับรถกลับมาพอดี หยาดฝนอยากจะเข้าไปสวัสดีทั้งเพราะรักษามารยาทและเห่อความสวยสง่าดูดีไม่มีที่ติของเมธาวี

แต่ปรากฏว่าเมธาวีเดินมาถามบังอรว่าใครมาเห็นรถจอดอยู่ พอบังอรบอกว่าแขกคุณท่าน เมธาวีก็พยักหน้าแล้วเดินไปเลย ไม่แม้แต่จะมองสไบนางกับหยาดฝนที่ยืนอยู่ตรงนั้น หยาดฝนเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

เมธาวีขึ้นไปเจออุปมานั่งคุยอยู่กับคุณหญิง พอคุณหญิงแนะนำให้รู้จักกัน อุปมาบอกว่าเคยเจอกันแล้ว คุณหญิงจึงให้เมธาวีนั่งคุยกับอุปมาตนจะไปสั่งงานแม่ครัวเพราะเย็นนี้เชิญอุปมาจะทานข้าวด้วยกัน

แม้เมธาวีจะพอใจในความหล่อเข้มดูดีของอุปมาแต่เธอก็ถือตัวพูดคุยด้วยอย่างไว้ตัว แต่อุปมาเองกลับแสดงออกอย่างเปิดเผยถึงความพึงใจพอใจในตัวเธอ กระทั่งเอ่ยปากขอมาที่นี่บ่อยๆและยังอยากเป็นเพื่อนสนิทของเธอเหมือนนายตำรวจคนนั้นด้วย

แม้เมธาวีมีทีท่าแต่ไม่เปิดทางให้ ครู่หนึ่งเธอขอตัวไปอาบน้ำ อุปมาหวานใส่ว่า

“เชิญครับ ผมจะรอคุณเมกลับออกมาอย่างใจจดจ่อนะครับ”

ที่หน้าบ้าน ขณะสไบนางรอชันษาอยู่นั้น อาทิตย์ขับรถเข้ามาพอดี ไหว้บังอรแล้วแกล้งทักสไบนาง

“สวัสดีครับคุณบู้บี้” พอสไบนางถามว่าใครชื่อบู้บี้ อาทิตย์พูดหน้าตาเฉยว่า “อ้าว...ก็ชื่อบุบบี้เป็นลิขสิทธิ์ของคุณย่า ผมก็ต้องตั้งใหม่ บู้บี้น่ารักดีออก เหมาะกับคุณด้วย” พูดแล้วอาทิตย์ก็ขำเสียเอง

พอดีชันษาเอารถตู้มา เร่งให้รีบขนของขึ้นรถ อาทิตย์รู้ว่าจะไปพัทยากันก็ทำเป็นพูดเปรยๆอยากไปด้วย ถูกสไบนางกันท่าว่านี่เป็นทริปของเด็กหนุ่มสาวไม่ต้อนรับคนแก่

แต่พอจะเดินทาง บังอรเตือนสไบนางให้ไปลาคุณย่าก่อน เธออ้างว่าไปไม่กี่วันเองไม่ต้องลาก็ได้ คุณหญิงเดินลงมาพอดี อาทิตย์ยกมือไหว้ คุณหญิงพูดกับอาทิตย์เหมือนฟ้องว่า

“ดูแม่บุบบี้ของเราสิ ทำความผิดโดนดุนิดหน่อยยังมาโกรธย่าอีก”

สไบนางบ่นว่า ก็คุณย่าอยากไปเข้าข้างคนอื่นทำไม พลางเหล่ไปทางอุปมาที่เดินตามคุณหญิงลงมาด้วย แล้วบอกอาทิตย์เบาๆว่า

“นายนั่นนิสัยไม่ดี อย่าไปพูดดีด้วย แล้วก็ระวังให้ดี มันจะจีบพี่เม”

ชันษาได้ยินเต็มสองหู เขายืนอึ้งด้วยความรู้สึกหึงหวงเมธาวีขึ้นมา จนสไบนางตะโกนเรียกจึงตามไป

ooooooo

ก่อนทานอาหาร คุณหญิงกับวิจิตราเลี่ยงไปคุยกันที่มุมบ้าน คุณหญิงต้องการแนะนำให้วิจิตรารู้จักเชื้อสายของอุปมาว่าเป็นเพื่อนของประมุข วิจิตราไม่รู้จักแต่ถามว่ารวยไหม พอรู้ว่ารวยก็พูดอย่างพอใจว่า ท่าทางเขาสนใจเมธาวีอยู่เหมือนกัน ชมลูกสาวว่า “ยัยเมนี่สวยเลือกได้จริงๆ”

“บางครั้งอาจจะโดนบังคับเลือกก็ได้นะจิตรา” คุณหญิงพูดด้วยสีหน้ากังวลกับความจริงบางอย่าง จนวิจิตรารู้สึกแปลกใจ

ที่โต๊ะอาหาร อุปมาพยายามเอาใจเมธาวีคอยตักอาหารให้ อาทิตย์ไม่ยอมน้อยหน้าตักโน่นตักนี่ให้เมธาวีบ้าง แต่พอเห็นเธอทานแต่ของที่อุปมาตักให้ก็รู้สึกน้อยใจ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

เมธาวีพูดคุยกับอุปมาจนรู้ว่าเขาจบด้านบริหารจากอเมริกา ครอบครัวมีธุรกิจเกี่ยวกับอิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตคุณพ่อเลยอยากให้มาช่วยกิจการของท่าน

หลังจากทานอาหารเสร็จ เมธาวีเดินมาส่งอาทิตย์ที่รถชายหนุ่มตัดพ้อว่าดูเธอจะคุยกับอุปมามากกว่าตนเสียอีก เมธาวีแก้ตัวว่าเพิ่งรู้จักกันก็ต้องซักถามมากกว่าเป็นธรรมดา

อาทิตย์ตัดพ้อว่าเหมือนเธอไม่เห็นความสำคัญของตน เมธาวียักไหล่พูดอย่างเป็นตัวของตัวเองว่า

“เมเคยบอกอาทิตย์แล้วไงว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่แฟนไม่ใช่คนรัก แล้วก็ไม่ได้เดทกันด้วย เมยังมีิสิทธิ์เลือก อาทิตย์...ถ้าคุณอยากได้ของดีมีราคาไว้เป็นเจ้าของก็ต้องพยายาม ไม่มีของดีที่ได้มาง่ายๆหรอกนะ คุณต้องลงทุนลงแรง อะไรที่ได้มาง่ายๆมักจะไม่มีค่า”

อาทิตย์พูดอย่างน้อยใจว่าเธออยู่ในสถานะที่มีสิทธิ์เลือก ตนเองก็ยังไม่ดีพอ เมธาวีได้ทีย้ำว่า

“อาทิตย์พูดเองนะ...เมส่งแค่นี้นะ” พูดแล้วหันหลังจะกลับเข้าข้างใน อาทิตย์พูดขึ้นจนเธอต้องหยุด เขาถามว่าเคยได้ยินคำโบราณนี้ไหมที่ว่าเลือกนักมักได้แร่ เมธาวียิ้มตอบอย่างมั่นใจว่า “มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเมหรอกอาทิตย์ คนอย่างเมถ้าต้องได้แร่เมไม่เลือก” พูดแล้วเดินเชิดเข้าไปเลย อาทิตย์ได้แต่มองอย่างผิดหวัง...


เพราะรู้แก่ใจดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเมธาวี คุณหญิงจึงเรียกหลานสาวเข้าไปคุย ชมทั้งอาทิตย์และอุปมาว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะความเป็นอยู่ อยากให้หลานดูๆไปก่อน ศึกษากันไปก่อน สุดท้ายก็พูดเชิงขอหลานสาวว่า

“รับปากย่าได้ไหมว่าสุดท้ายแล้วเรื่องคู่ครองของเม ขอย่าได้มีส่วนช่วยเลือกให้” เมื่อเมธาวีรับปากเชื่อว่าคุณย่าต้องเฟ้นหาคนดีที่สุดให้ตนอยู่แล้ว คุณหญิงย้ำว่า “ขอบใจมากจ้ะ ย่าจะถือว่านี่เป็นคำสัญญาที่เมให้กับย่านะ”

ooooooo

อุปมากลับถึงบ้านไทยประยุกต์ พอรู้ว่าหัสดินจะไปพัทยาก็ขอตามไปด้วย เพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว มันเหงา หัสดินบ่นงึมงำขำๆว่า “ตามประกบยิ่งกว่าเมียอีกโว้ย”

ปรากฏว่าคู่ปรับไปเจอกันที่พัทยา อุปมาถูกสไบนางแกล้งปาก้อนทรายใส่ขณะนอนคุยกับหัสดินที่เตียงชายหาด เลยลุกขึ้นไล่ตามไปเอาเรื่อง พอตามจับตัวได้สไบนางก็โวยวายว่าถูกลวนลาม หัสดินบอกเพื่อนว่าอย่ารังแกเด็กเลย สนุกกันพอแล้วชวนกลับกันดีกว่า

พออุปมาหันหลังเดินไป สไบนางก็เตะทรายใส่ เขาหันมองขวางๆยิ้มกวนๆก่อนไป

“คอยดูนะฝน แค้นครั้งนี้ฉันจะต้องเอาคืนให้สาสม”สไบ–นางโกรธจนหายใจหอบถี่ จะแก้แค้นให้ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายไล่ปาก้อนทรายใส่หยาดฝนแล้วไปถูกเขาก่อนแท้ๆ

ooooooo

กลับถึงที่พักบ้านของชันษาในสภาพเนื้อตัวหัวหูมีแต่ทราย บังอรบอกให้ไปอาบน้ำก่อนจะได้มาทานอะไรกัน ชันษาบอกว่าอย่ากินมากเพราะมื้อค่ำจะพาไปเลี้ยงอาหารที่โรงแรม

ระหว่างอุปมาอยู่ที่พัทยานั้น วิมาดาโทร.หาเขาและขอตามมาเที่ยวด้วย ไม่นานเธอก็มาถึง อุปมานั่งทานอาหารกับเพื่อนๆอยู่ในร้าน พอเห็นวิมาดามาก็ขอตัวลุกไปหา

บังเอิญกมลฉัตรเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มรู้จักวิมาดาดี บอกเพื่อนๆว่าคนนี้เป็นเมียน้อยของสามีเพื่อนตนเอง แล้วบ่นสงสารเพื่อนที่เป็นอาจารย์จะไปเต้นเร่าๆก็เสียเกียรติ

เลยต้องหน้าชื่นอกตรมเพราะสามีตัวเองหลงเมียน้อย เพราะนอกจากลงทุนวิ่งเต้นให้ได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ยังซื้อคอนโดฯให้กัน ไม่รู้ว่ารถคันนี้ด้วยหรือเปล่า

หัสดินนั่งฟังอยู่ด้วย ทำให้เขารู้จักวิมาดามากขึ้น

วิมาดาเดินคุยกับอุปมาไปตามชายหาด เธอออดอ้อนถึงความทุกข์ตรอมใจที่ต้องทนอยู่กับธนู เพราะเป็นลูกหนี้ที่ต้องจ่ายดอกให้เจ้าหนี้ทั้งที่ตัวเองไม่มีความรักความผูกพันเลย บอกอุปมาว่าถึงไม่ได้เจอเขาตนก็รักธนูไม่ได้อยู่ดี

บีบน้ำตาคร่ำครวญจนอุปมาใจอ่อน วิมาดาขอไปพักโรงแรมเดียวกับเขา อุปมาอึกอักแต่สุดท้ายก็ยอมโดยจะแนะนำแก่เพื่อนๆว่าเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

ชันษาพาสไบนางและหยาดฝนมาทานอาหารที่โรงแรม หยาดฝนเห็นวิมาดาอยู่หน้าลิฟต์ เธอชี้ให้เพื่อนดูว่าวิมาดาเป็นเมียน้อยของธนู สไบนางตาลุกแค้นแทนเพื่อนจะตามไปถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานให้สายทิพย์เอาไปฟ้องหย่า ใครห้ามก็ไม่ฟัง ชันษาเลยบอกว่าตนจะรออยู่ข้างล่างถ้ามีอะไรให้โทร.เรียกก็แล้วกัน

วิมาดาไปเคาะประตูห้องอุปมาพอเขาเปิดประตูเธอจะเบียดเข้าไป แต่เขาบอกว่ากำลังจะลงข้างล่างพอดี พูดเอาใจว่าไปทานข้าวกันดีกว่านะ
ระหว่างนั้น วิมาดาก็ยังคงคร่ำครวญถึงความทุกข์ทรมาน ใจของตนที่ต้องทนอยู่กับธนู จนอุปมาสงสาร เธอรุกอ้อนวอนขออย่าผลักไสตนอีกเลย จ้องหน้าอุปมาพูดร้องไห้สะอึกสะอื้น

“เมื่อคุณไม่รักไม่ต้องการวิแล้ว วิก็อยู่ของวิได้ ไม่ถึงกับตายหรอกถ้าขาดคุณไปจากชีวิต”

อุปมาสงสารดึงเธอเข้าไปกอด สไบนางกดโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ทันที อุปมารู้ตัวหันขวับตรงดิ่งมาหาสไบนางขอโทรศัพท์เครื่องนั้น สไบนางไม่ให้จะวิ่งหนี ถูกอุปมากระชากแขนไว้จนโทรศัพท์หล่น เธอเตะทิ้ง อุปมาถลาจะไปเก็บ สไบนางเข้าแย่งเขาเลยตัดสินใจกระทืบโทรศัพท์ทิ้ง
วิมาดารีบเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หยาดฝนเห็นเรื่องลุกลามใหญ่โตจึงรีบโทร.เรียกชันษา เขาขึ้นมาขวางการยื้อยุดกัน ยกมือไหว้ขอโทษอุปมาแล้วลากสไบนางไป

วิมาดาโผเข้ากอดอุปมาน้ำตาไหลพรากขอบคุณที่ช่วยตนไว้ หยาดฝนมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวดแล้วรีบเดินตามชันษากับสไบนางไป ส่วนวิมาดาที่บีบน้ำตากับอุปมาอยู่ แอบมองตามหยาดฝนไปอย่างสะใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ooooooo

อาทิตย์ไปราชการต่างจังหวัดกลับมาจึงซื้อน้อยหน่ามาฝากคุณหญิง เขาถามถึงสไบนาง คุณหญิงบอกว่าไปพัทยาวันนี้ก็กลับแล้ว คุณหญิงเตือนอาทิตย์ว่างานแซยิดอย่าลืมมา ให้มามือเปล่าไม่ต้องหิ้วอะไรมา

คุณหญิงยังเล่าว่าวันนั้นพ่อของเมธาวีก็จะกลับมาด้วยจะได้เจอหน้ากับอาทิตย์เสียที บ่นว่า พ่อของเมธาวีไปดูงานต่างประเทศนานเสียจนตนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายคนนี้อีกคน

“ผมทราบว่าเมยังมีคุณอาอีกคน แต่ท่านเสียไปแล้ว” อาทิตย์เอ่ยขึ้น

คุณหญิงจึงเล่าอดีตเมื่อ 10 กว่าปีก่อนให้ฟังว่า หลังจากประจักษ์น้องชายของประมุขเสียศรีอำไพไปแล้วก็ทำใจไม่ได้จนต้องหนีไปทำไร่ทำนาโดยพาสไบนางในวัย 3-4 ขวบไปด้วย แต่เพราะสุขภาพที่ไม่ดีเป็นพื้นอยู่แล้วกอปรกับทำงานหนักทำให้เขาป่วยจนเสียชีวิต ตนจึงรับสไบนางมาเลี้ยงทั้งรักและสงสารหลานที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่เด็ก

“แล้วแม่คุณบีเสียเพราะอะไรครับ” อาทิตย์ถามถึงการตายของศรีอำไพ ทำให้คุณหญิงถึงกับหน้าเสีย พอดีพวกสไบนางกลับมาถึงจึงตัดบทว่า ไว้ค่อยคุยกันต่ออาทิตย์หน้าแล้วลุกเลี่ยงไปเลย

คุณหญิงออกมาดูหลานสาว เห็นสไบนางลงจากรถมาบิดขี้เกียจก็บ่นว่าเป็นสาวเป็นนางทำน่าเกลียด แต่พอสไบนาง เห็นอาทิตย์เดินตามออกมาก็เบ้หน้าว่าเจออีกแล้ว คุณหญิงปรามว่าอาทิตย์เอาน้อยหน่ามาฝากพูดแบบนี้ไม่ต้องกินเลย

“เค้าก็ไม่ได้กะเอามาฝากบีอยู่แล้ว มันของโปรดพี่เม” สไบนางลอยหน้าใส่ ชันษาฟังแล้วหน้าจ๋อยที่อาทิตย์ทำคะแนนไม่หยุด
ชันษาคิดหาทางทำคะแนนกับเมธาวีบ้าง วันนี้จึงซื้อข้าวหลามหนองมนกับปลาหมึกกรอบมาฝาก แต่ไม่ให้ที่บ้าน เขามาดักรอกลางซอยเข้าบ้าน จนเมธาวีขับรถกลับมา เขารีบออกไปขวางแล้วเอาของฝากให้
เมธาวีขอบใจบอกให้วางไว้ที่เบาะ ชันษาบรรจงวางให้อย่างดี แต่แล้วเขาก็ต้องเอากลับคืนไปทั้งหมด เมื่อเมธาวีบอกว่าตนไม่กินข้าวหลามที่ทำให้อ้วนและไม่กินปลาหมึกที่ทำให้ปากเหม็น
ชันษาบอกเมธาวีว่าอาทิตย์เอาน้อยหน่ามาฝากอยู่ที่บ้าน เมธาวีบ่นอย่างหงุดหงิดแล้วไม่เข้าบ้านกลับรถไปเดินห้างแทนเพราะขี้เกียจไปนั่งคุยด้วย
ooooooo
ฝ่ายอาทิตย์นั่งคุยกับคุณหญิงรอเมธาวีกลับ โดยสไบนางเอนหนุนตักย่าสบายๆ ถูกอาทิตย์แหย่ก็ศอกกลับอย่างเจ็บแสบจนถูกคุณย่าปราม ครู่ใหญ่ อาทิตย์บอกคุณย่าไปพักผ่อนเสียตนคอยเมธาวีเองก็ได้ แต่คุณย่าเกรงหลานสาวจะน้อยใจว่าไม่มีใครรอจึงนั่งรอด้วยกัน
ไม่นานสไบนางก็หลับปุ๋ยไปกับตักย่า อาทิตย์ถามว่าไม่ปลุกไปอาบน้ำก่อนหรือ
“ให้หลับไปก่อนเถอะ เป็นเมไม่ได้หรอกนะ คนนั้นเขาพิถีพิถันเนี้ยบทุกอย่างไม่มีทางได้เห็นมาหลับมานอนอย่างนี้หรอก” คุณหญิงลูบผมหลานสาวที่นอนหนุนตักอย่างเอ็นดูบอกว่านิสัยเหมือนพ่อ คบได้ตั้งแต่เศรษฐียันยาจกสรุปว่า “นิสัยอย่างบีก็มีทั้งคนรักและคนที่หมั่นไส้”
“หมั่นไส้น่าจะเยอะกว่านะครับ” อาทิตย์พูดขำๆ
“ถึงบีจะเป็นเด็กหัวดื้อ แต่ในความดื้อรั้นก็ซ่อนความฉลาดและเหตุผลดีๆที่หลายคนมองข้ามเอาไว้เยอะนะ” พูดแล้วเงยหน้ามองอาทิตย์ตั้งใจบอกว่า “ย่ารักหลานสาวคนนี้มากเหลือเกินนะ อาทิตย์”
อาทิตย์ยิ้มอย่างรับทราบ เขามองสไบนางที่หลับสนิทบนตักย่าด้วยสายตาเอ็นดู...

No comments:

Post a Comment