Wednesday, September 21, 2011

เรื่องย่อ รอยมาร ตอน7 ละครช่อง3


เรืองย่อ ละคร รอยมาร 

เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  




***แนะนำ +++หุ่นยนต์เต็น nobody wonder girl น่ารักโครตๆๆๆ






ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

สไบนางถลาเข้าไปไหว้ขอบคุณลุงมีของเธอ ชมเปาะฉอเลาะว่า “ลุงมีใจดีที่สุดเล้ย”

“ถือว่าเป็นรางวัลที่หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้กับที่หนูรำสวยๆให้ลุงดูนะ” พูดพลางบารมีส่งเช็คหนึ่งล้านบาทให้ สไบนางดูตัวเลขตาลุกวาว พลันก็หน้าหุบเมื่ออุปมาติงพ่อว่าให้เยอะไปรึเปล่า

สไบนางค้อนขวับพับเช็คเหน็บชายพกทันที พลันก็ได้ยินเสียงประมุขแซวมาว่าได้เงินล้านแล้วมองไม่เห็นหัวลุงเลยนะ สไบนางเหลือบมองเห็นประมุขยืนอยู่กับคุณหญิง คราวนี้วิ่งเข้าไปกอดเลย

“เก่งมากลูก รำได้ประทับใจลุงจริงๆ” ประมุขชม สไบนางทำหน้าทะเล้นแบมือไปตรงหน้า ถูกประมุขเขกกะโหลกโป๊กหนึ่ง “ได้ไปล้านนึงแล้วยังไม่พออีกเรอะ”

คุณหญิงเห็นลูกชายหยอกหลานก็หัวเราะ ขอบใจสไบนาง ชมว่าเป็นของขวัญที่ถูกใจย่ามากที่สุด สไบนางขยับเข้าไปย่อลงนั่งกราบตักคุณย่า อวยพร
“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณย่า ขอให้คุณย่าสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนเป็นหมื่นๆ ปีเลยนะคะ”
“ขนาดนั้นเลย” คุณหญิงหัวเราะขำๆ หม่อมเกศที่แก่กว่าวิจิตราพูดขำๆ ว่าหง่อมกันเลย ตนไม่เอาด้วย แค่ร้อยปี ยังคิดแล้วคิดอีกเลย ทำให้ทุกคนพลอยหัวเราะขำไปด้วย
หม่อมเกศพยักหน้าให้หญิงฉัตรพาไปห้องน้ำ หญิงฉัตรขอตัวพาคุณแม่ไปเข้าห้องน้ำ ทำให้ที่โต๊ะเหลือแต่คนกันเอง หัสดินเอ่ยชมสไบนางว่าไม่น่าเชื่อว่าจะอ่อนช้อยกับเขาเป็นเหมือนกัน เลยถูกสไบนางมองตาขวาง เพราะยังไม่ถูกชะตานัก บารมีแทรกขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
“ได้แม่เขามาเต็มๆ นั่นล่ะ ศรีอำไพเขาชอบรำเป็นชีวิตจิตใจ”
สไบนางมองบารมี แปลกใจว่าทำไมพูดเหมือนรู้จักแม่ตนดี ส่วนประมุขเหล่ๆ บารมีเชิงปราม แต่คุณหญิงยิ้มแย้ม ตัดสินใจพูดกับสไบนางว่า
“ถึงเวลาที่ย่าต้องแนะนำกันอย่างเป็นทางการเสียทีแล้วนะ คุณบารมี บุญอนันต์ เป็นพี่ชายคนเดียวของศรีอำไพ แม่ของเรา ลุงมีคือลุงแท้ๆของเรานะบี” สไบนางยิ้มแย้มดีใจ คุณหญิงจึงบอกให้ไปกราบลุงมีเสีย
พอสไบนางลุกไปกราบที่อกบารมี อุปมาก็ทวงขึ้นมาว่า “แล้วจะไม่ไหว้พี่ชายมั่งเลยเรอะ”
สไบนางมองขวับผละออกจากบารมีตวัดสายตาใส่ก่อนพูดอย่างไม่มีหางเสียงว่า
“ไหว้ทำไม คนไม่รู้ค่า ไม่ซึ้งหรอก” พอถูกคุณหญิงเตือนว่าวันนี้วันเกิดย่านะ อย่าเสียมารยาท สไบนางก็ตัดบท บอกบารมีว่า “บีขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะคุณลุง บีร้อนจะเป็นลมอยู่แล้ว” ว่าแล้วลุกไปเลย
วิจิตราพาเมธาวีกรีดกรายเข้ามาพอดี รีบพาลูกเข้ามาเรียกความสนใจจากทุกคน อุปมามองเมธาวีอย่างปลาบปลื้มชมว่าสวยกินขาดขนาดนี้ มีการแสดงบนเวทีกับเขาไหม พลางเหล่ไปทางสไบนางหยันๆ
สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้ ขอตัวกับบารมี แต่พูดกระแทกใส่อุปมาว่า “อยู่ต่ออีกวินาทีเดียว คงสำลักคำหวานขาดใจตาย” แล้วเดินปั้นปึ่งเลี่ยงไป
ประมุขลุกขึ้นมาโอบลูกสาวแนะนำแก่ลูกว่า “นี่คุณบารมีพ่อของมาร์ค” เมื่อเมธาวีไหว้บารมีแล้วประมุขบอกบารมีกับอุปมาว่า “เมธาวีลูกสาวคนเดียวของผมครับพี่มี ฝากลูกสาวอาด้วยนะมาร์ค”
อุปมาและเมธาวียิ้มให้กันที่ผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เต็มที่ ส่วนคุณหญิงที่ดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องราวที่กระชับเข้ามาทุกที
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาผ่านกล้องดิจิตอลของชันษาที่เก็บภาพเมธาวีไว้ทุกอิริยาบถ ก่อนถอยออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด...เจียมตัว...
ooooooo
สไบนางไปเปลี่ยนชุดเป็นนุ่งโจงกระเบนผ้าลายไทยเทพพนม ลบเครื่องสำอางออก ใส่เสื้อคอกระเช้าติดระบาย เกล้าจุกกลางหัวมีมะลิล้อมมวยไว้ แต่พอเดินออกจากห้องรับแขกก็ได้ยินเสียงระเบิดหัวเราะของใครคนหนึ่ง มองไปเป็นอาทิตย์นั่นเอง เลยโดนค้อนถามว่ามายืนแกว่งอะไรแถวนี้
อาทิตย์แหย่ขำๆว่าแต่งตัวอะไรเหมือนกุมารทองไม่เห็นจะสวยเลย สไบนางพูดแดกใส่ทันทีว่าใครจะสวยเหมือนนางในวรรณคดีอย่างเมธาวีล่ะ งานกลางคืนตื่นแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่ตี 4
เห็นสไบนางเคือง อาทิตย์เลยชมว่าวันนี้รำสวย สไบนางบ่นว่าเกือบล่มตอนจบเพราะซีดีมีปัญหาสงสัยจะเปิดซ้อมบ่อยเกินไป ดีที่เป็นตอนท้าย
“เอาน่า อย่างน้อยก็ได้ตั้งล้านนึง มีแต่คนอิจฉากันทั้งงาน”
“ต้องขอบคุณลุงมี 1 ล้านกู้หน้าให้แท้ๆเลย” พูดแล้วนึกได้บอกอาทิตย์ว่า เดี๋ยวกินข้าวแล้วกลับบ้านไปเลยนะ อาทิตย์ถามว่าทำไม “จะอยู่ให้ร้องไห้รึไง...วันนี้หลังงานเลี้ยงเลิก บ้านเราจะมีงานหมั้นเป็นการภายใน ระหว่างพี่เมกับไอ้มาร์ค”
อาทิตย์ที่หน้าทะเล้นอยู่เมื่อครู่นี้ยิ้มเจื่อนหน้าแห้งไปทันที
ooooooo
เมื่อมาเจอเมธาวีที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ อาทิตย์เดินเข้าไปแสดงความยินดีด้วย เมธาวีทำไขสือถามว่ายินดีเรื่องอะไร พออาทิตย์พูดถึงงานหมั้น เมธาวีก็เงียบกริบ เขาแสดงความยินดีกับเธอ เมธาวีขอบคุณหน้านิ่งๆ
ชันษาแอบได้ยินตามเคย เขาถึงกับหน้าซีดเผือด
อาทิตย์ถามว่าหมั้นคืนนี้แล้วจะแต่งเมื่อไร เมธาวีไม่รู้ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ แล้วขอโทษอาทิตย์อย่างรู้สึกผิด อาทิตย์ทำเป็นขำทั้งที่ใจขื่นว่า
“ขอโทษที่ไม่รักผมงั้นเหรอครับ ของแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้หรอก ผมเข้าใจเม” ครั้นเมธาวีบอกว่ากลัวเขาจะโกรธเลยไม่กล้าบอก อาทิตย์ฝืนยิ้มยอมรับว่า “ผมรู้ตัวมาได้สักระยะแล้วล่ะว่าไลฟ์สไตล์เราสองคนไปกันไม่ได้จริงๆ ฝืนไปได้ไม่เท่าไหร่หรอก” พูดแล้วยื่นมือไปเช็กแฮนด์ “ยินดีด้วยอีกครั้ง”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมนะอาทิตย์” พูดพลางยื่นมือไปเช็กแฮนด์ด้วย
อาทิตย์ยักไหล่ยืนยันความเป็นเพื่อนกันแต่อดบ่นน้อยใจไม่ได้ที่เธอไม่บอกความจริงถ้าสไบนางไม่เล่าตนก็ไม่รู้ เมธาวีเลยด่าสไบนางถามอย่างระแวงว่า “เด็กปากสว่าง มันเล่าอะไรให้คุณฟังมั่ง”
“แค่งานหมั้นคืนนี้ ทำไมเหรอ มีอะไรลึกลับกว่านั้นอีกเหรอ” อาทิตย์มองอย่างค้นหา เมธาวีหลบตาเขา อาทิตย์เลยตัดบท “งั้นเดี๋ยวผมกลับเลยแล้วกัน คุณย่าจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจ โชคดีนะ เม”
อาทิตย์ปั้นยิ้มให้แล้วผละไปเลย ส่วนชันษาที่แอบได้ยินรับข่าวร้ายนี้ไม่ได้บีบแก้วพลาสติกที่ใส่น้ำอัดจนบู้บี้แล้วขว้างทิ้ง ไปโดนแขกคนหนึ่งเข้า เขารีบขอโทษแล้วเดินตาแดงก่ำเลี่ยงไปทันที
ooooooo
แม้จะถูกนับญาติเป็นพี่น้องกับอุปมาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ความชิงชังในใจสไบนางลดลง เธอย่องไปถามระเบียบที่แอบไปนั่งกินขนมที่ชิงช้าหลังบ้าน ถามว่าวันก่อนที่คุยค้างอยู่ ที่ระเบียบเล่าว่าเคยเห็นอุปมาจูบกับผู้หญิงหลายคนเลยใช่ไหม
ระเบียบยืนยันว่าหลายคนแล้วก็จูบปากด้วย สไบนางถามว่าจูบใครบ้างเล่ามาเลย
ระเบียบบอกว่าเพื่อนฝรั่งสาวๆแต่ละคนหุ่นสะบึมน่าดู สไบนางพึมพำอย่างรังเกียจว่านายนี่มันหื่นจริงๆ ครั้นระเบียบแก้ต่างแทนว่าพวกเขาโตเมืองนอก ยายบอกว่าสังคมเป็นแบบนั้น
สไบนางดุระเบียบว่าอย่าแก่แดดรู้ดีไปเลย ถึงอยู่เมืองนอกเมื่อกลับมาเมืองไทยก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับบ้านเรา ทำหน้าหมั่นไส้บ่นลมๆแล้งๆ “หน้าก็เอเชียซะขนาดนั้น อย่ามากระแดะทำฟรีเซ็กซ์เป็นฝรั่ง ทุเรศ มักมากในกาม!”
อุปมาที่ย่องมาฟังได้ครู่ใหญ่แล้วพอโดนด่าเข้าก็ชักทนไม่ไหว โพล่งออกไปว่า
“กล้าๆหน่อย อยากรู้อะไรก็ถามฉันตรงๆเลย”
สไบนางสะอึก ตกใจ แล้วเฉไฉหลบไปจากสถานการณ์ ร้องตะโกนพลางวิ่งหนี
“ผีเจ้าที่โว้ย...”
แต่อุปมาไม่ยอมปล่อยไล่ตามไปติดๆจนถึงสนามข้างบ้านก็คว้าแขนไว้ทัน
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก เธออยากรู้เรื่องส่วนตัวฉันไปทำไม” สไบนางยื่นหน้าเข้าไปบอกว่าเพราะไม่ไว้ใจเขา อุปมาพูดเหมือนรู้ทันว่า “พูดเหมือนเธอห่วงพี่สาวเธอมากงั้นล่ะ ขอร้อง อย่าปากบอนพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดให้พี่สาวเธอต้องเสียชื่อ” ย้ำปรามว่า “จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญ แต่เธอต้องทำ!”
“คิดว่าบุญพาวาสนาส่งได้เป็นพี่ชายฉันขึ้นมา ฉันต้องกลัวนายเรอะ มันก็แค่ลูกพี่ลูกน้องเท่านั้นแหละ พี่เมยังบงการอะไรฉันไม่ได้เลย อย่างนายเกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอกัน คิดว่าจะมาชี้ให้ฉันซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบเหรอ ฝันไปเถอะ!”
เมื่อขอไม่ได้ผลเช่นนี้ อุปมาเปลี่ยนเป็นขู่ว่าถ้าเธอปากโป้งตนก็จะพูดให้ทุกคนรู้ว่าตัวเธอเองก็เคยถูกตนจูบมาแล้ว อุปมาเล่นไม้นี้ทำเอาสไบนางอึ้ง ด่าและผลักอกเขาจนเซแล้ววิ่งหนีไปเลย
“หุบปากให้สนิท ถ้าไม่อยากขายขี้หน้า เข้าใจไหม” อุปมาตะโกนตามไป แล้วส่ายหน้ากับความเฮี้ยวของสไบนาง
ooooooo
หลังจากส่งแขกแล้ว คุณหญิงบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องว่าถึงคิวธุระของเรากันเสียที นั่นคือพิธีหมั้นระหว่างอุปมากับเมธาวี ซึ่งจัดขึ้นเป็นการภายในที่ห้องโถงบ้านอัคราชนั่นเอง
งานนี้สไบนางได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นช่างภาพ เธอทำไปหาวไปจนวิจิตราต้องคอยดุคอยเตือนให้ถ่ายรูป พอยกกล้องถ่ายก็กดเอ๊ากดเอา ถ่ายได้แต่ตัวหัวขาดบ้าง ตัวแหว่งบ้าง ไม่ชัดบ้าง ทุกรูปมีปัญหาหมด มีแต่รูปคุณหญิงคนเดียวเท่านั้นที่ถ่ายได้สวย ชัด ทุกรูป
วิจิตราบ่นอย่างขัดใจว่าจะได้เรื่องไหมเนี่ย แล้วเอากล้องมาถ่ายเอง ถูกใจสไบนางยิ่งนัก พอส่งกล้องให้วิจิตราก็วิ่งจู๊ดออกไปเลย บารมีเข้าไปรับอาสาถ่ายแทนวิจิตรา บอกว่าจะถ่ายรูปครอบครัวให้

บารมีมองผ่านเลนส์ไปที่หน้าประมุขที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างวิจิตรา พึมพำก่อนกดชัตเตอร์

“ยิ้มให้เต็มที่ไอ้มุข ก่อนที่แกจะยิ้มไม่ออกอีกนาน”

พอเสียงกดชัตเตอร์ดัง รอยยิ้มของประมุขก็เหือดหายแอบมีแววตากังวลขึ้นมาแทน

วิจิตราเริงร่าปลื้มปีติอยู่กับบรรดาเพื่อนฝูง ในขณะที่ประมุขเองก็ปั้นยิ้มหน้าชื่น แต่อกตรมกับอนาคต

ฝ่ายสไบนางวิ่งตื๋อออกมาที่หน้าบ้าน เจอชันษายืนตาแดงก่ำอยู่รีบเรียกไว้ ชันษาหันมาฝากแสดงความยินดีกับเมธาวีด้วย แล้วเดินอย่างเร็วเลี่ยงไปทางสนามทันที สไบนางวิ่งตามพลางร้องเรียก

แต่ชันษาวิ่งไปมุดรั้วกลับบ้านตัวเองไปเสียแล้ว สไบนางหยุดมองตามถอนใจด้วยความเข้าใจและเห็นใจ

ooooooo

วิมาดายังรุกอุปมาไม่หยุดยั้ง หวังจะจับอุปมาไว้ให้ได้ด้วยการพยายามทำให้เขาถลำทำให้ตนท้องให้ได้ คืนนี้ก็ซื้ออาหารของโปรดของอุปมามามากมายหมายจะฉลองและมอมเขาให้ตกหลุมพรางตัวเอง

แต่จนดึก อุปมาโทร.มาบอกว่าคืนนี้ไม่กลับเพราะคุณพ่อมา และคงไม่กลับอีกนานเพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อที่บ้านไทยประยุกต์ วิมาดาเลยเทอาหารทั้งหมดทิ้ง สบถบ่นอย่างหัวเสีย

“จะได้ท้องเมื่อไหร่เนี่ย เดี๋ยวได้โดนหมาคาบไปจนได้”

บารมีถามลูกชายว่าโทร.หาใครหรือ อุปมาปดพ่อว่าโทร.หาหัสดิน บารมีจึงยื่นไวน์แก้วหนึ่งให้แสดงความยินดีกับลูกชาย อุปมารับไวน์ไปดื่มถามพ่ออย่างติดใจสงสัยว่า

“พ่อครับ ผมสงสัยว่าพ่อจะสะสางเรื่องต่างๆในอดีตต่อยังไง”

บารมีมองหน้าลูกชาย ถามดักคอว่ากลัวจะกระทบ กระเทือนจิตใจเจ้าสาวรึไง แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “เวลามันผ่านมานานแล้ว ความจริงพ่อก็ไม่อยากจองเวรใคร เพียงแค่อยากรู้ความจริงเท่านั้น ถ้าเขารู้ว่าพ่อรู้อะไรมากขนาดนี้ เขาจะรับหรือปฏิเสธ”

อุปมาเชื่อว่า เท่าที่เห็นมาเขาต้องปฏิเสธหน้าตายแน่ๆ  บารมีพูดหน้าเครียดว่าความจริงตนก็อยากแก้แค้นให้สาสมกว่านี้ แต่อีกใจก็รักประจักษ์และเห็นแก่คุณหญิง เพราะสองคนนี้เป็นคนดี เสียแต่รักลูกเลวมากกว่ารักลูกดีไปหน่อย ถ้าคุณหญิงรู้ความจริงทั้งหมดคงจะตรอมใจมากกว่าใคร

อุปมาติงว่าพ่อไม่ชอบเมธาวี แต่บารมีย้ำว่าตนถือเอาความสุขของลูกมาก่อนอย่างอื่น ทำให้อุปมาสะเทือนใจบอกพ่อว่า ตนไม่อยากฝืนใจใครโดยเฉพาะพ่อ ตนเลือกพ่อเลือกที่จะทำตามคำสั่งของพ่อมากกว่า บารมีมองหน้าลูกชายยิ้มอย่างชื่นใจขณะย้ำกับอุปมาว่า

“พ่อก็ไม่ชอบฝืนใจใครเหมือนกัน โดยเฉพาะกับลูกคนเดียวของพ่อ ตามสบายเถอะมาร์ค ใจคิดอยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องกังวลถึงพ่อ...หนูบีช่วยให้พ่อทำใจให้ลืมอะไรได้มากขึ้นแล้วล่ะ”

อุปมาฉุกคิดถามว่าแล้วพ่อจะรับ “เด็กกวนประสาท” นั่นมาอยู่ด้วยไหม บารมีพูดอย่างมีความหวังแต่ก็กังวลว่า อยากรับมาอยู่ด้วยแต่ไม่รู้คุณหญิงจะยอมหรือไม่ พูดอย่างไม่หายสะเทือนใจว่า

“บีคือตัวแทนความดีของประจักษ์ ความบริสุทธิ์ของศรีอำไพ พ่อรักหนูบีมากนะมาร์ค อะไรก็ไม่รู้ทำให้พ่อรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้ได้มากขนาดนี้ มาร์คล่ะรังเกียจน้องรึเปล่า”

“ก็คงไม่รังเกียจหรอกครับพ่อ ถ้าเด็กดื้อด้านนั่นเลิกนิสัยปากมาก ปากเสีย ก้าวร้าว เอาแต่ใจ ขี้วีน...ผมว่าให้เขาไปเกิดใหม่น่าจะง่ายกว่า” พูดแล้วก็ถอนใจลุกเดินไปเติมไวน์

บารมีมองตามลูกชายยิ้มๆที่มองสไบนางว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ แล้วส่ายหน้าเบาๆ

ooooooo

ฝ่ายประมุขกับวิจิตรา เมื่อกลับเข้าห้องนอนหลังเลิกงานแล้ว ประมุขเงียบขรึมจนวิจิตราถามว่าจะไม่พูดอะไรเลยหรือ ประมุขจึงหันมองถอนใจก่อนพูดระบายอารมณ์ว่า

“นับเป็นบุญของเมที่เขายอมหมั้นด้วย ถึงจะงุบงิบหมั้นรู้กันแค่คนในบ้านก็เถอะ...หึ...คงกลัวอับอายขายขี้หน้ามากล่ะสิ”

คำพูดของประมุขทำให้วิจิตราหันจ้องหน้าถามว่าการหมั้นของลูกเรามันน่าอับอายตรงไหน แล้วพูดอย่างยโสว่า บุญของเขาแล้วที่ลูกเราซึ่งมีหน้ามีตามีหน้าที่การงานการศึกษาขนาดนี้ยอมรับหมั้นเขา

“นี่คุณยังไม่รู้สินะว่าเรากำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว” ประมุขโพล่งออกไป ทำเอาวิจิตราแทบลมจับถามว่าพูดอะไร ประมุขจึงยอมเล่าความจริงให้ฟังว่า

เขาเอาสมบัติทุกชิ้นของเราไปลงทุนจนหมดไม่มีอะไรเหลือแล้ว พอถูกวิจิตราคาดคั้นว่าลงทุนอะไรเขาก็บอกหน้าตาเฉยว่า “บ่อนกาสิโน”
วิจิตราแทบลมจับครั้งที่สองถามว่าเอาอีกแล้วหรือ ประมุขจึงสาธยายให้ฟังว่า บุญเหลือเกินแล้วที่ได้เจอบารมี บุญอนันต์ เศรษฐีหุ้นส่วนใหญ่ของกาสิโน ตนต้องอ้อนวอนแทบจะต้องกราบตีนขอประนอมหนี้ ยอมรับว่า

“ผมเสนอการแต่งงานล้างหนี้ส่วนที่เกินในวงพนัน”

“นี่คุณขายลูกสาวล้างหนี้เหรอ” วิจิตราน้ำตาท่วม

ประมุขพูดอย่างทองไม่รู้ร้อนว่าโชคดีที่บารมีมีลูกชายไม่อย่างนั้นเมธาวีคงต้องเป็นเมียเก็บเขา พอถูกวิจิตราด่า ประมุขก็เสียงอ่อยว่าตนหมดหนทางจริงๆ

“คุณผลักลูกตกนรกแทนคุณ” วิจิตราสะอื้นฮัก “เมรู้

ความจริงไม่มีทางรับได้แน่นอน คุณไม่รักไม่สงสารลูกบ้างเลยเหรอ คนเป็นพ่อทำกับลูกตัวเองแบบนี้ได้ยังไง คุณทำลงคอได้ยังไง!”

ประมุขก็ยังพยายามหาข้อดีมาหักล้างว่าเห็นกันอยู่แล้วว่าลูกเรากับลูกของบารมีชอบพอกัน ทำแบบนี้เท่ากับพาลูกขึ้นสวรรค์ไม่ได้ผลักตกนรก แล้วจึงเล่าเพิ่มเติมว่า

“ยังมีอีกเรื่องที่คุณยังไม่รู้ ตามสัญญาที่เราตกลงกันเอาไว้ บ้านและสมบัติทุกชิ้นเป็นของมัน มันไม่คืนให้ ถึงเวลาแต่งงานกันจริงๆไอ้มีมันอาจจะยกให้เป็นของรับไหว้ ตอนนี้เราอยู่ไปก่อน ผมเชื่อ ลูกเราไม่ใช่คนโง่”

เมื่อเห็นวิจิตรางุนงงกับความซับซ้อนของปัญหา ประมุขหว่านล้อมว่า สภาพเราตอนนี้ไม่ดีเลย มีแต่ลูกเมคนเดียวที่ช่วยได้ เพราะหนี้เรามากมายมหาศาล แล้วทำเป็นพูดติดตลกว่า

“ลูกเราเป็นเจ้าสาวที่สินสอดแพงที่สุดในโลกเลยล่ะ”

“ไม่ตลกเลยนะประมุข ลูกเมถูกจับแต่งงานล้างหนี้ทั้งที ยังล้างไม่หมด”

“เอาน่า...ใจเย็นก่อน เรายังมีบีเป็นไม้ตายอีกคน บีคือหลานแท้ๆของมัน มันไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับพวกเราหรอก” วิจิตราเชิดหน้าบอกว่าตนไม่อยากพึ่งพาแม่นั่นให้ติดหนี้บุญคุณกันอีก “บียังเด็ก อย่าไปถือสาอะไรบีมันเลยนะ ยังไงแกก็เป็นหลานของผม”

“อาจจะเป็นลูกของคุณด้วยซ้ำไป” วิจิตราตวาดสวนไปอย่างสุดกลั้น ต่างจ้องหน้ากันนิ่ง ก่อนที่วิจิตราจะสะบัดหน้าออกไปจากห้อง ทิ้งให้ประมุขยืนหน้าขรึมเครียดอยู่ตรงนั้น

ooooooo

คำพูดแทงใจดำของวิจิตรา ทำให้ประมุขคิดถึงอดีตเมื่อครั้งสไบนางเพิ่งคลอดได้ไม่นาน เขาไปที่เปลของ สไบนางทำท่าจะอุ้มขึ้นมา ถูกประจักษ์ตวาด “อย่ามาแตะต้องลูกผมนะพี่มุข” พลันก็พุ่งเข้าผลักอกพี่ชายออกไป “บีเป็นลูกของผม พี่มุขไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวแก”

“แกเลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะไอ้จักษ์ พี่รู้ แกมีลูกกับใครไม่ได้  แกเป็นผัวคนได้แต่มีลูกไม่ได้ บีเป็นลูกของพี่”

ประจักษ์ซัดหมัดใส่หน้าพี่ชายจนหงายไป จ้องตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มตา ด่าเสียงสะท้าน

“พี่ทำร้ายพวกเราแสนสาหัส อย่าคิดว่าผมกับไพจะเก็บเลือดชั่วๆของพี่ไว้ บีไม่ใช่ลูกของพี่ได้ยินไหม บีไม่ใช่ลูกของพี่!”

หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องสะเทือนใจจนประจักษ์แทบสิ้นหวังในชีวิต เมื่อศรีอำไพจมน้ำตายที่คลองหน้าบ้านนั่นเอง ประจักษ์กอดร่างไร้วิญญาณของศรีอำไพร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ พร่ำขอให้ฟื้นขึ้นมา...ฟื้นขึ้นมา...

เวลานั้นประมุขซึ่งยืนหน้าโศกเศร้าไม่แพ้กันละล่ำละลักเข้ามาบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ตนสาบานได้ให้ตนตายตามศรีอำไพไปด้วยก็ได้ แต่ประจักษ์ตะโกนใส่หน้าว่า “พี่ไม่ต้องพูด พี่ฆ่าไพ พี่ฆ่าไพ!!”

“พี่ไม่ต้องพูด พี่ฆ่าไพ...พี่ฆ่าเมียผม พี่มันฆาตกรเลือดเย็น!”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจักษ์ พี่ไม่ได้ฆ่าไพ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”

“สัตว์นรก!” ประจักษ์วางร่างศรีอำไพพุ่งเข้าตะคอกระเบิดอารมณ์ใส่พี่ชาย “มึงไม่ใช่พี่กูไอ้คนบาป กูขอสาปแช่งมึงให้ตกนรกทั้งเป็น ให้มึงพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ให้มึงฉิบหายวายวอด ให้มึงพบแต่ความลำบากทั้งชีวิต กรรมใดที่มึงก่อไว้ขอให้สนองมึงทันตาเห็น!”

ประมุขยังแก้ตัวกับคุณหญิงว่าตนไม่ได้ฆ่าศรีอำไพ ตนรักและไม่มีวันฆ่าเธอ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เวลานั้นคุณหญิงน้ำตาคลอบอกประมุขว่า

“พอแล้วประมุข แม่ขอล่ะ แกหยุดทุกอย่างลงเพียงนี้เถอะนะ” พอดีประจักษ์เข้ามา คุณหญิงถามว่าหายไปไหนทั้งวันเลย ประจักษ์จึงบอกแม่ว่าตนจะพาลูกไปจากทุกคน แม้คุณหญิงจะทักท้วงเพราะสุขภาพของเขาไม่ดี ประจักษ์ก็ยืนกรานจะไป คุณหญิงขอร้องไม่อยากให้พาลูกไปลำบากคิดว่าเห็นแก่แม่สักครั้งเถอะ

“แล้วมีใครเคยเห็นกับผมบ้าง เมียผมทั้งคนมันยังไม่เว้น” ประจักษ์ถามแม่อย่างเจ็บช้ำ แล้วหันขวับจ้องหน้าประมุข “วันหนึ่งผมจะมารับทศไปอยู่ด้วยจะได้สิ้นซากเสี้ยนหนามของไอ้คนใจบาปเสียที!”

ประมุขคิดถึงเรื่องราวในอดีต จนเมื่อจะหันกลับจากหน้าต่างก็รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก จนต้องรีบมาหายาแก้ปวดเทออกมาอย่างไม่นับเม็ด กรอกเข้าปาก


ooooooo
เช้าวันหนึ่ง สไบนางวิ่งลงบันไดมาเจออุปมานั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โถงบ้านก็ชะงัก ชักสีหน้าบ่นดังๆ “ซวยแต่เช้าเลย”
อุปมาพูดยั่วทันทีว่าจะไม่ทักทายพี่ชายเสียหน่อยหรือ ถูกย้อนถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานแล้วพาๆกันย้ายออกไปเสียทีก็ไม่รู้ เลยถูกอุปมาสวนไปว่า “แล้วเธอเตรียมตัวเก็บข้าวของรึยังล่ะ”
แล้วอุปมาก็บอกว่า พ่อจะมารับเธอไปอยู่ด้วย สไบนางตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ฉันไม่ไป” ครั้นอุปมาอ้างว่าถ้าคุณย่าให้ไปล่ะ “ไม่มีทาง!” สไบนางเชิดใส่อย่างมั่นใจ
“ไม่รู้เธอไปหว่านเสน่ห์อะไรพ่อฉัน ท่านถึงได้หลงรักเธอเอามากๆ หลังฉันแต่งงานกับพี่สาวเธอ พ่อคงมาเจรจาขอพาเธอไปอยู่ที่บ้านฉันด้วย เราคงไม่พรากจากกันง่ายๆหรอก” อุปมายิ้มกวนๆเย้าๆยั่วๆ
สไบนางเชิดใส่บอกว่าตนจะอาละวาดจนไม่ทันข้ามคืนพ่อเขาต้องพามาส่งคืนให้คุณย่าแน่ๆ อุปมาปรามแกมขู่ว่าแล้วคิดหรือว่าตนจะปล่อยให้เธออาละวาดได้ตามใจชอบ พูดขึงขังว่า
“ถึงเวลาที่ฉันต้องคุมเข้มปราบพยศเธออย่างจริงจังเสียทีแล้วล่ะ ย้ายไปอยู่บ้านฉันเมื่อไหร่ เราได้เจอกันแน่ เฮี้ยวนักจะจับตีก้นซะให้เข็ด”
สไบนางด่า “ไอ้ลามก   ลองมาถูกตัวฉันสิ ต่อยปากแตกแน่” ทั้งยังแช่งให้งานแต่งของเขาล่มไม่เป็นท่าด้วย อุปมาโมโห ด่าสไบนางว่าลามปาม คราวนี้ไม่ตีก้นแต่ขู่จะเตะให้กลิ้งเลย
สไบนางเห็นท่าทางขึงขังของอุปมาก็ชักแหยงด่า “ไอ้หน้าโจร” แล้ววิ่งปรู๊ดไปเลย
พอดีเมธาวีลงมา ถามเสียงหวานว่า “รอนานไหมคะมาร์ค” อุปมาปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มหน้าสดชื่นทันที รีบเดินไปจับมือบอกว่า
“คุณพ่อได้ฤกษ์งานแต่งของเรามาแล้วนะ มีเวลาอีก 1 เดือน เร็วเกินไปไหม” เมธาวีทำหน้าใจหายถามว่าทำไมเร็วขนาดนั้นเลยหรือ “ไม่ดีรึไง...คุณพ่อให้ผมมาถามเมดูก่อน ผมไม่เห็นว่าจะถ่วงเวลาให้นานไปอีกเพื่ออะไร ตกลงตามนี้นะครับ” รวบรัดตัดบทด้วยสีหน้าแววตาออดอ้อน จนเมธาวีพยักหน้า เขารีบขอบคุณแล้วรวบเธอเข้าไปกอด
เมธาวีไม่ทันตั้งตัว ขืนตัวจะผละออกพูดเสียงสะท้านนิดๆว่า “เดี๋ยวคุณย่าเห็นค่ะมาร์ค”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราหมั้นกันแล้วนี่ ขอกอดเจ้าสาวผมให้หนำใจสักทีเถอะ” อุปมาไม่ยอมปล่อยยิ่งกระชับกอดเธอไว้แน่น เมธาวีได้แต่ยิ้มเขินๆ อย่างชื่นใจกับอ้อมกอดนั้น
ooooooo
ระหว่างยังอยู่เมืองไทย บารมีไปที่ห้องทำงานของอุปมา พอวิมาดารู้จากเลขาว่าเขาคือพ่อของบารมีก็เสนอหน้าช่วยเลขาถือถาดของว่างเข้าไปให้บารมี บารมีทักว่าเป็นพนักงานใหม่หรือ
“ผู้ช่วยคนใหม่ของคุณมาร์คน่ะค่ะท่าน เข้ามาช่วยดูแลงานด้านเอกสาร” เลขาแนะนำแทน บารมีชมว่าเห็นอุปมาพูดถึงอยู่ว่าภาษาดี แบ่งเบางานได้เยอะ ทำเอาวิมาดายิ้มปลื้มรีบขอบคุณ บารมีถามว่าชื่ออะไร เธอตอบอย่างภูมิใจมั่นใจว่า “วิมาดาค่ะ”
บารมีพูดตามประสาคนใจดีว่าทำงานด้วยกันนานๆนะ เธอยิ้มหวานอย่างน่าเอ็นดูบอกว่า ถ้าท่านกับคุณมาร์คไม่ไล่ออกไปก่อนตนก็ไม่ไปไหนแน่ บารมีหัวเราะชอบใจ ย้ำก่อนหยิบกาแฟขึ้นจิบว่า
“ฉันจะจำคำพูดของเธอไว้”
บารมีหยิบเอกสารขึ้นอ่านต่อ วิมาดามองอย่างหมายมาดว่าสักวันตนจะต้องเป็นสะใภ้ไม่ใช่พนักงานดักดานอยู่อย่างนี้แน่
ooooooo
นับวันคุณหญิงก็เป็นห่วงกังวลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน คิดหาทางจัดการเรื่องที่เป็นห่วงเป็นกังวล วันนี้ก็คุยกับบังอร ถามไถ่จนรู้ว่าบังอรอยู่กับตนมา 13 ปีแล้ว คุณหญิงเล่าว่าวันก่อนหม่อมเกศก็ทาบทามว่าลูกชายเป็นม่ายมาหลายปีอยากได้บังอรไปเป็นสะใภ้แต่ก็เกรงใจคุณหญิง
บังอรปฏิเสธทันที ยืนยันจะขออยู่กับคุณหญิงจนกว่าท่านจะไล่
“ฉันจะไล่เธอได้ยังไงล่ะ ฉันเห็นแก่อนาคตของเธอหรอกนะ เธอก็รู้อยู่ว่าเราคงอยู่บ้านนี้ได้อีกไม่นาน...เราคงต้องขยับขยายเร็วๆนี้ล่ะ” คุณหญิงพูดเศร้าๆกวาดตามองไปรอบตัวน้ำตาคลอ
ฝ่ายสไบนางก็ยังคงเริงร่าสนุกสนานไปตามประสา วันนี้ก็ไปที่บ้านหยาดฝนแสดงความยินดีกับเพื่อนเมื่อรู้ว่าธนูกับสายทิพย์ปรับความเข้าใจกันแล้วและเขาก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว
หยาดฝนปรารภว่ายังไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน โชคดีที่ฝ่ายโน้นเงียบไป สไบนางเชื่อว่าวิมาดาคงได้ที่เกาะใหม่แล้ว แต่คงอีกไม่นาน ถ้าเมธาวีรู้ไม่เอาไว้แน่
คุยกันไม่ทันไร อาทิตย์ก็เดินยิ้มเข้ามาบอกว่าผ่านมาทางนี้รู้ว่าสไบนางอยู่ที่นี่เลยแวะมารับ ถูกสไบนางดักคอว่าอยากแวะไปบ้านตนดูหน้าเมธาวีมากกว่า หยาดฝนแซวว่าคิดถึงสไบนางมากกว่ามั้ง เลยถูกสไบนางถลกแขนเสื้อบอกเพื่อนรักว่า “พูดแบบนี้มีเคลียร์”
อาทิตย์หัวเราะขำๆว่าไม่มีอะไรหรอก ตนเหงาไม่มีเพื่อนคุย คุยกับใครก็ไม่ถูกคอเท่าคุยกับบี สไบนางเลยเข้าไปกอดคออาทิตย์บอกว่าพูดอย่างนี้ค่อยเข้าหูหน่อย อาทิตย์เอามือวางแหมะบนหัวสไบนางชวนกลับกันเลยดีกว่า
หยาดฝนเห็นทั้งสองหยอกล้อสนิทสนมกันมาก็มองตามยิ้มเป็นนัยๆ สไบนางเห็นรอยยิ้มเพื่อนก็ผละจากอาทิตย์ไปกระตุกผมเพื่อนถามว่ายิ้มอะไร อาทิตย์เห็นแล้วก็พลอยหัวเราะขำๆไปด้วย
ooooooo
บ่ายวันนี้ บารมีมาที่บ้านอัคราช เพื่อคุยกับคุณหญิง วิจิตรา และประมุขเกี่ยวกับฤกษ์แต่งงานที่ได้มา วิจิตราถามว่าไปขอฤกษ์จากวัดไหนถึงได้รวดเร็วเสียจนตั้งตัวแทบไม่ทัน บารมีพูดติดตลกว่า
“ฤกษ์เจ้าบ่าวน่ะครับ”
บารมีบอกอีกว่าในวันแต่งงาน ซาร่าแม่ของอุปมาจะมาร่วมงานด้วย จากนั้นถามถึงสไบนางว่าหายไปไหน พอรู้ว่าแกะห่อของขวัญของคุณหญิงอยู่กับบังอรที่หลังบ้าน เขาก็ขอตัว ประมุขจะตามไปด้วย บารมีขอคุยกับหลานสาวตามลำพัง และบอกก่อนเดินออกไปว่าเย็นนี้ตนกับอุปมาจะขอทานข้าวเย็นด้วย
วิจิตราไม่พอใจที่บารมีนึกจะเดินไปไหนมาไหนในบ้านก็ทำได้ตามใจชอบ นึกจะทานอาหารด้วยก็สั่งทั้งยังตำหนิประมุขว่าหงอกับบารมีเกินไป ประมุขเสียงอ่อยๆว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นจำเป็นต้องทำอย่างนี้
“ทำไมจะไม่มีเพราะแกไม่เลือกเองตะหาก แม่ขายหน้าจนไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคนแล้ว แกแก่แล้วนะประมุข ผิดซ้ำผิดซากไม่อายลูกหลานมั่งรึไง” คุณหญิงถอนใจอย่างกลัดกลุ้มก่อนเดินออกไป
ประมุขเกรงว่าอาหารจะไม่ถูกปากบารมีสั่งวิจิตราให้ไปดูแลห้องครัวให้ด้วยเผื่อเขาจะเมตตาให้ที่ซุกหัวนอนเราต่อ
บารมีไปหาสไบนางที่ระเบียงหลังบ้าน เข้าไปนั่งข้างๆ ถามว่าทำอะไรกันอยู่ สไบนางบอกว่าแกะของขวัญคุณย่า พลันก็ตาโตเมื่อเจอห่อที่มีผ้าขนหนูสีชมพูหวาน รีบจองว่าจะเอาผืนนี้บอกอาทิตย์ว่าของขวัญห่อนี้ไม่ต้องจด ถูกอาทิตย์แซวว่าฉ้อโกง สไบนางเลยให้จดเพราะยังไงคุณย่าก็ต้องให้ตนอยู่แล้ว
แต่พออ่านชื่อคนให้ สไบนางก็ขว้างทิ้งทันที บารมีสงสัยหยิบมาดูเป็นชื่อของมาร์ค เลยถามว่าเกลียดพี่เขาถึงขนาดนี้เลยหรือ บอกหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร
สไบนางเลยบอกว่าเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกไม่ดีเลย ยิ่งครั้งต่อๆมาความไม่ชอบก็กลายเป็นเกลียด เมื่อรู้ว่าอุปมาเป็นกิ๊กกับเมียธนู เล่าอย่างจงใจให้บารมีรู้ความประพฤติของลูกชายว่า
“ลูกลุงเล่นชู้กับเมียคนอื่น เมียน้อยด้วย แล้วนี่ตัวเองจะมาแต่งงานกับพี่เมก็ยังไม่เลิกกับยัยนั่น” บารมีไม่เชื่อ แต่พอถามสไบนางว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร สไบนางรีบบอกว่า “ชื่อวิมาดา” ทำให้บารมีนึกขึ้นได้ถึงผู้ช่วยคนใหม่ของอุปมาที่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้ขึ้นมาทันที
ooooooo
ฝ่ายคุณหญิงเมื่อบารมีลุกไปแล้วก็คุยกับประมุขที่ห้องนอนถามว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พอประมุขถามว่ารวมทั้งเรื่องบีด้วยหรือเปล่าก็ถูกคุณหญิงตวาดทันทีว่า
“หยุดนะประมุข แกอย่าแตะต้องลูกของประจักษ์เป็นอันขาด จัดการเรื่องของแกพ่อแม่ลูกให้ดีก็พอแล้ว”
ประมุขยักไหล่เชื่อว่าเมื่อแต่งงานแล้วทางโน้นต้องรับไหว้ด้วยบ้านหลังนี้เราก็คงหายใจได้สะดวกขึ้น แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเราก็อยู่ในฐานะบ้านของลูกสาวต่อไปได้
“ถ้าเขาเอ่ยปากไล่ล่ะ แกคิดบ้างรึเปล่าประมุข แกทำเรื่องอะไรกับเขาไว้บ้าง เขาตามมาเอาคืนแกแล้ว”
ประมุขไม่ทุกข์ร้อนเชื่อว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์จริงตอนนั้นที่จะมาปรักปรำตนได้ คุณหญิงยืนยันว่าบารมีเล่าว่ามีพยานรู้เห็นเหตุการณ์คืนนั้นหลายคน ใกล้ชิดที่สุดก็คือศรีอำไพ
ประมุขถึงกับหน้าเผือด คุณหญิงเตือนว่าอย่าทำอะไรชุ่ยๆ เจ้าของกรรมเขาติดตามเรื่องของเขาตลอดเวลา ย้ำอีกว่า
“ที่ร้ายกว่านั้น มีคนเล่าให้เขาฟังว่า ศรีอำไพถูกฆาตกรรมแต่ทำในรูปแบบของอุบัติเหตุ แม่ฟังแล้วยังขนลุก ถามจริงๆเถอะประมุข แกฆ่าศรีอำไพหรือเปล่า” ถามแล้วเห็นประมุขเงียบกริบ คุณหญิงพูดทั้งน้ำตาด้วยความเป็นห่วงลูกชายว่า “เขาไม่เอาแกไว้หรอกมุข”
ประมุขติงว่าแต่เขาก็ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับเมธาวี คุณหญิงมองว่าอาจจะมีแผนการอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ เพราะอุปมารู้เรื่องทุกอย่าง เขาจะไม่คิดทำอะไรเลยหรือ ประมุขยังเชื่อว่าสไบนางเป็นหลานเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรง
“แกเลิกดึงบีมาเกี่ยวข้องเสียทีเถอะ บีเป็นลูกประจักษ์ แม่จะมอบส่วนดีที่สุดของอัคราชและเลือดเนื้อเชื้อไขของศรีอำไพคืนเขาไป”
“คุณแม่โกหกตัวเองอีกแล้วนะครับ” ประมุขโกรธจัดพูดเสียงดังใส่ “ถ้าบีคือส่วนดีของอัคราชส่วนนั้นก็คือส่วนที่ได้ไปจากผม ประจักษ์จะดีเด่นขนาดไหน เขาก็ทำให้บีเกิดไม่ได้หรอกครับ”
คุณหญิงโกรธจัดตบหน้าประมุขฉาดใหญ่ แล้วตัวเองก็ร้องไห้อย่างหนัก...
ooooooo
คุณหญิงถามประมุขทั้งน้ำตาว่าเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าสไบนางเป็นลูกเขา หรือจะบอกว่าตัวเองบัดซบขนาดปล้ำเมียน้องชาย
ประมุขอึ้งไป ถูกคุณหญิงไล่ไปให้พ้นหน้าตนเดี๋ยวนี้ ประมุขยังยืนยันว่าตนรักศรีอำไพ คุณหญิงไม่ฟังเสียง ไล่ตะเพิดผลักไสให้ประมุขไปให้พ้น ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“ต่อให้แกรำพันจนตายแม่ก็ไม่เชื่อ แม่ยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ชั่วร้ายไม่เคยเกิดกับศรีอำไพ ลองดูแล้วกันว่าคำพูดของแม่กับคำพูดของแก คนทั้งโลกจะเชื่อใคร” คุณหญิงโกรธแค้นอัดอั้นจนตัวสั่นเทิ้ม
ประมุขนิ่งอั้นตาแดงก่ำ คุณหญิงพูดเสียงสั่นสะท้านว่า
“จักษ์กับไพเป็นคนสะอาด เขาสองคนสร้างบีให้เกิดมา ถ้าแกมีส่วนให้ใครต้องเกิดนอกจากเมก็เจ้าทศโน่น” ประมุขขอร้องแม่อย่าพูดถึงคนคนนี้เพราะตนทนเห็นตัวเองเป็นควายโง่ไม่ได้ “แกทนไม่ได้แกอับอายเสียใจ นั่นเพราะแกไม่ได้รักเขา แล้วเคยคิดไหมว่าคนที่ตกในสภาพอย่างแกก็มี แต่เขารักกัน แกได้ยินไหม เขารักกันมาก”
ประมุขเงิียบกริบ มีแต่น้ำตาที่ไหลเป็นทาง
“ผลผลิตจากความรักของพวกเขาก็คือความบริสุทธิ์ คือสมบัติของเขา ไม่ใช่ของแกเลย ผีพนันอย่างแกมันไม่เหลือสมบัติอะไรเป็นของตัวเองแล้ว แกไม่มีอะไรเหลือแล้วประมุข” คุณหญิงทรุดนั่งอย่างหมดแรง
ประมุขตาแดงก่ำเดินงุดๆออกจากห้องนอนคุณหญิงไปเงียบกริบ แต่เมื่อกลับถึงห้อง วิจิตราก็มาบอกว่าให้ไปทานข้าวเสีย เพราะบารมีเปลี่ยนใจไม่ทานตามที่บอกไว้ แล้วด่าบารมีว่าเอาแต่ใจตัวเป็นใหญ่ สังเกตเห็นประมุขหน้าซีดพยุงตัวขึ้นนั่งถามว่าเป็นอะไร ประมุขบอกว่าปวดหัวเดี๋ยวกินยาก็หาย แล้วทรุดฮวบลงกองกับพื้นเลย!
ooooooo

ประมุขถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและต้องนอนพักที่โรงพยาบาลให้หมอตรวจอย่างละเอียด คุณหญิงสั่งวิจิตราให้รายงานมาให้ทราบทุกระยะ

คุณหญิงบอกสไบนางแล้วถามหยั่งใจ  เมื่อสไบนางบอกว่า เห็นประมุขกินยาอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดว่า บีรักลุงมุขมากไหม สไบนางบอกว่ารักมากแต่รองจากคุณย่า ครั้นคุณหญิงถามว่าแล้วกับพ่อประจักษ์ของตัวเองล่ะ สไบนางตอบเสียงใสหนักแน่นว่า

“พ่อประจักษ์กับแม่ไพขึ้นหิ้งไปแล้วค่ะคุณย่า ที่สุดของที่สุด”

คุณหญิงน้ำตารื้นด้วยความปลื้มใจ ย้ำกับหลานสาวว่า “ดีแล้วลูก พ่อกับแม่ต้องเทิดทูนไว้เหนือหัว บีต้องจำเอาไว้นะ พ่อบีคือประจักษ์ แม่บีคือศรีอำไพ ไม่มีใครหรืออะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น”

“ค่ะคุณย่า คุณย่าพูดแปลกๆ ใครจะมาเปลี่ยนพ่อแม่บีได้ล่ะคะ” สไบนางพูดขำๆแล้วชวนคุณย่าไปทานข้าวต่อดีกว่า

ooooooo

ฝ่ายบารมีเมื่อรู้เรื่องจากสไบนางก็กลับไปคาดคั้นกับอุปมาว่าวิมาดาเป็นใครกันแน่ อุปมาเดาได้ทันทีว่าพ่อต้องฟังมาจากสไบนางแน่ๆบ่นว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แล้วขอโทษพ่อที่ปิดเรื่องวิมาดามาตลอด บอกพ่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ตนพูดได้เต็มปากว่ารักมาก

เมื่อถูกบารมีซักไซ้ว่าแล้วทำไมถึงเอามาทำงานใกล้ตัวแบบนี้อีก อุปมายอมรับว่าตนต้องการทำให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างที่ตนเคยเจอมา อยากเห็นเธอในวันที่ได้รับเชิญไปงานวันแต่งงานของตนว่าจะทำหน้าอย่างไร

บารมีไม่อยากให้ลูกแก้แค้น อุปมาแย้งว่าสิ่งที่ประมุขทำกับครอบครัวเราถ้าไม่ตามล้างแค้นก็ถือว่าเราอกตัญญู

“ก็เพราะพ่อมัวแต่คิดอยู่อย่างนี้ไงมาร์ค ทุกอย่างมันถึงไม่จบเสียที บางทีการที่มาร์คจะแต่งงานกับหนูเมและหนูบีคือหลานแท้ๆของพ่อ อาจจะช่วยเยียวยาแผลเป็นฉกรรจ์ของเราสองครอบครัวให้จางลงก็ได้นะ”

เมื่อเป็นความปรารถนาของพ่อ อุปมาจึงไม่ขัดข้อง ตั้งความหวังว่าอะไรๆคงจะดีขึ้น บารมีบอกอุปมาอีกว่าตนจะจัดงานขึ้นบ้านใหม่ให้เรียบร้อยก่อนงานแต่งงาน บอกอุปมาให้ช่วยเป็นภาระให้พ่อด้วย

ooooooo

ในวันงานขึ้นบ้านใหม่ คุณหญิงได้รับเชิญไปทั้งบ้าน คุณหญิงกลัวใจสไบนางอยู่แล้วจึงกำชับให้บังอรดูแลการแต่งตัวของหลานสาวจอมแสบด้วย ขณะกำลังรอกันอยู่นั้น สไบนางก็ทักเสียงใสลงมา แต่พอทุกคนเห็นการแต่งตัวถึงกับอ้าปากค้าง บังอรยกมือทาบอกอุทาน

“คุณพระช่วย...”

สไบนางแต่งตัวในชุดจินนี่สาวพันปีในตะเกียงวิเศษทุกอย่างครบชุดเครื่องประดับครบครัน ยิ้มทะเล้นลงมาอวด
คุณย่า ถามว่าสวยไหม คุณหญิงไล่ให้ไปเปลี่ยนเสีย สไบนางยืนกระต่ายขาเดียวว่าถ้าให้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวตนก็จะไม่ไป จนบังอรขอร้องว่าให้เห็นแก่คุณย่าสงสารคุณย่าเถอะ สไบนางก็ยังยืนกราน

“ไม่ค่ะ ถ้าบีไม่ได้ใส่ชุดนี้ บีไม่ไป”

บังอรหน้าเสีย เพราะคุณหญิงพูดไว้ก่อนออกไปแล้วว่าใครไม่เต็มใจไปก็ไม่ต้องไป

ooooooo


No comments:

Post a Comment