Wednesday, September 21, 2011

เรื่องย่อ รอยใหม ตอน9 ละครช่อง3


ตอนที่ 9

บัวเงินยังคงร่ายคาถามนต์ดำควบคุมเจ้าศิริวัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าศิริวัฒนาอาการทรุดหนักเหมือนคนไร้สติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ เจ้าหลวงและพระชายาร้อนใจ เรียกทุกคนมาหารือ เพราะสงสัยว่าจะมีคนในคุ้มแอบทำของใส่ จึงคิดจะทำบุญล้างอาถรรพ์
เจ้าศิริวงศ์แสร้งเปรยกับบัวเงินว่า มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
“ปี้ กั๋ว...แค่อู้ถึงเรื่องนี้ปี้ก่อขนหัวลุกแล้วเจ้าน้อย ไผจะไปกล้าน้อเจ้าน้อย ผิดอาญาแผ่นดินขนาดจับได้ตัดหัวประจาน แค่คิดก่อบ่มีไผกล้าแล้ว อีกอย่างวิชาแบบนี้มันพ้น เล่นของสกปรกโสโครก ของต่ำๆบาปกรรมจะตกแต่คนทำน่ะแหละบ่ไปไหน” บัวเงินตีหน้าซื่อทำเนียน
เจ้า ศิริวงศ์สบตากับสล่าพันแล้วหันไปทูลเจ้าหลวงและพระชายา “ป้อเจ้า แม่เจ้า สบายใจ๋เต๊อะ ส่วนเรื่องจะนิมนต์ตุ๊เจ้ามาโปรดลูกเห็นดีด้วย อย่างน้อยหมู้เฮาก่อได้ทำบุญกั๋น”
“เจ้า...จะได้เป๋นสิริมงคล” บัวเงินรีบสนับสนุนกลบเกลื่อนพิรุธ
ขณะ ที่บัวเงินขึ้นไปเสนอหน้าอยู่บนคุ้ม อีเม้ยก็แอบไปหาหมอเสน่ห์ เพื่อว่าจ้างให้กำจัดมณีริน หมอเสน่ห์เห็นแก่เงินยอมตกลง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไปหาเศษผม เศษเล็บของมณีรินมาให้เพื่อใช้ทำพิธี อีเม้ยพอใจรีบกลับมารายงานผู้เป็นนาย
เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าศิริวงศ์ตามมาถามหาอีเม้ยกับบัวเงิน เพราะแปลกใจที่มันไม่ติดตามบัวเงินไปที่คุ้มเช่นทุกวัน
“มันบ่ค่อยสบาย ปี้ก่อเลยหื้อมันนอนพักอยู่เฮือน หมู่นี้มีแต่คนเจ็บ ปี้บ่สบายใจ๋” บัวเงินโกหกคำโต
“แล้วญาตินังเม้ยล่ะ อาการค่อยดีขึ้นแล้วก๊ะ” เจ้าศิริวงศ์ชวนคุย
“ญาติ นังเม้ย” บัวเงินนึกไม่ออก
“บ้านแถวหลังวัดป่าอ้อนั่นไง”
“อ๋อ...ปี้ จำได้แล้ว ดีขึ้นแล้ว หายเจ็บแล้วหันนังเม้ยมันว่าลุกขึ้นมาเดินได้ปร๋อแล้วละ ขอบใจ๋เน้อเจ้าน้อย ตี้อุตส่าห์มีน้ำใจ๋เป๋นห่วง” บัวเงินปั้นยิ้ม แล้วขอตัวเพราะจะรีบไปฟังข่าว
เมื่อถึงเรือน บัวเงินก็เห็นอีเม้ยตะเกียกตะกายกลับมาพอดี จึงลากตัวเข้ามาในห้องเพื่อสอบถาม
“ได้เรื่องก่อ” บัวเงินร้อนใจ
“กว่า เม้ยจะเค้นคอหื้อมันทำงานหื้อหม่อมได้เม้ยก่อต้องหื้อเงินมันไปตั้งสามถุง มันว่า ทำบ่ได้ จนกว่าจะได้เศษผม เศษเล็บ อีมณีริน ไปเข้าพิธีของมันเจ้า บ่จะอั้นจะบ่มีตางสำเร็จเจ้า” อีเม้ยรายงาน
ขณะที่สองนายบ่าวคิดจะ เล่นงานมณีรินด้วยคุณไสย คำเที่ยงก็นึกสังหรณ์ใจ จึงรีบหาทางป้องกัน นางสั่งให้บริวารช่วยกันปิดประตูหน้าต่างในเรือนให้สนิท และห้ามมณีรินลงจากเรือน เพราะวันนี้เป็นวันโกน
“แล้วยะหยัง” มณีรินไม่เข้าใจ
“โบ ราณเปิ้นสั่งสอนไว้ วันโกนพวกเล่นของฮ้อนวิชา มันจะปล่อยของกัน ปะเหมาะเคราะห์ร้ายของบ่ดีมันอาจจะมาเข้าเฮาก่อได้ตางตี้ดีเฮาต้องกันเอาไว้ ก่อน” คำเที่ยงอธิบาย
มณีรินถอนใจบ่นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่คำเที่ยงยืนยันหนักแน่น “นี่มันบ่ใช่เรื่องเหลวไหลเน้อเจ้าริน เจ้าศิริวัฒนาเปิ้นเจ็บอยู่อาการอย่างอี้ใครๆก่อฮู้ว่าโดนของ ก็บ่ฮู้ว่าคนทำมันจะคิดฮ้ายกับใครอีก อาจจะเป็นเจ้ารินก็ได้ ปี้ไหว้ละเจ้าริน เป็นวันอื่นปี้จะบ่ว่าเลย แต่วันนี้ปี้ขอเน้อ” คำเที่ยงไหว้ปลกๆ
มณีรินเห็นแล้วก็ไม่กล้าขัดใจ จำต้องทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเซ็ง
ooooooo
บัว เงินเห็นว่าเจ้าศิริวัฒนาลุ่มหลงตนยิ่งนัก จึงอ้อนขอให้เจ้าไปเอาแหวนทับทิมคืนมาจากมณีริน เพราะอยากได้ เจ้าศิริวัฒนารับปากแล้วรีบไปขอแหวนคืนจากมณีรินที่นั่งแปลเอกสารอยู่ในห้อง ทำงาน
มณีรินดีใจ เพราะไม่อยากเก็บไว้อยู่แล้ว เธอรีบบอก “บ่เป๋นหยัง แล้วข้าเจ้าจะเอามาคืนหื้อเจ้า”
“ขอบใจ๋เน้อ ขอบใจ๋จ๊าดนัก” ศิริวัฒนาเดินออกไปง่ายๆ
มณีรินมองตามอย่างงงๆแต่คนที่งงกว่าคือคำเที่ยง
“โฮ้...เป๋ นไปได้หยังใด ปี้บ่เจื้อ...เป๋นไปบ่ได้ หื้อกับมือแล้วจะมาขอคืนง่ายๆได้ยังใด เป๋นเจ้าเป๋นนายคนอู้อะหยังออกมาแล้วคืนกำได้จะใด ปี้ว่าเจ้าเปิ้นจำใจ๋ อู้แทนคนบางคนมากกว่า ต้องเป๋นหม่อมของเปิ้นแน่เจื้อปี้เต๊อะ ปี้เอาหัวเป๋นประกัน” คำเที่ยงใส่เป็นชุด
“เปิ้นอยากได้แต๊ก่อหื้อ เปิ้นไป ของพวกนี้มันก่อบ่ต่างจากก้อนกรวดก้อนหินหรอก เพชรพลอย มันจะมีก่าเป๋นเพชรพลอยก่อต่อเมื่อมันอยู่กับคนตี้เปิ้นหื้อก่ามันเต่าอั้น ละ ปี้คำเที่ยง”
“แต่มันเป๋นเรื่องของศักดิ์เน้อเจ้าริน อีกอย่างปี้เจื้อว่าเรื่องนี้จะใดมันก่อบ่ชอบมาพากล”
“เลิกฮู้เรื่องนี้เสียที ปี้คำเที่ยง หื้อร้ายคนอื่น มันเป๋นบาปเน้อ” มณีรินเดินหนีตัดบท ทิ้งให้คำเที่ยงฮึดฮัดขัดใจเป็นที่สุด
เวลา เดียวกัน เจ้าศิริวงศ์ก็มาปรึกษาสล่าพันเรื่องบัวเงิน “คนเฮามันทำเรื่องผิดพลาดกั๋นได้ทั้งนั้นแหละอ้าย มันอยู่ตี้สำนึกว่าทำผิดลงไปแล้ว คิดได้ว่ามันบ่ดี ไผๆก่อต้องหื้ออภัย”
“แล้วเจ้าคิดว่าหม่อมเปิ้นหยุดแล้วก๊ะ”
“เฮาบ่แน่ใจ๋หรอกอ้าย”
“อั้นก่อต้องจับหื้อได้ กาหนังกาเขา เจ้าสังเกตบ่ว่าช่วงนี้หม่อมเปิ้นเฝ้าเจ้าศิริวัฒนาเปิ้นในห้องบ่ยอมห่าง”
“อ้ายกำลังจะบอกเฮาว่า หลักฐานสำคัญมันก่อต้องอยู่ในห้องนั้นใจ่ก๊ะ” เจ้าศิริวงศ์มองสล่าพัน สล่าพันพยักหน้ารับ
สาย วันต่อมา พระชายาเข้ามาตามเจ้าศิริวัฒนาให้ลงไปทำบุญด้วยกัน เพราะพระมารอแล้ว เจ้าศิริวัฒนางัวเงียบอกว่า ตนไม่รู้เรื่องเลย พระชายาหันมาถามบัวเงินว่าไม่ได้บอกเจ้าศิริวัฒนาหรือ
“ข้าเจ้าบอกเปิ้นแล้ว เมื่อคืนก่อเตือนแหมครั้งนึง แต่เปิ้นคงลืมแล้วเจ้า” บัวเงินโกหกอีก
“บ่ไหว บ่ไหว รีบลุกขึ้นเต๊อะลูก” พระชายาเร่ง
เจ้าศิริวัฒนาทำอิดออดไม่อยากไป แต่พระชายาไม่ยอมเรียกให้อีเม้ยมาช่วยแต่งตัวให้ บัวเงินรับอาสาทำให้เอง
“หื้อโวยๆเน้อ” พระชายาถอนใจเมื่อเห็นสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของลูก แล้วเดินออกไป
หลัง จากฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ก็สวดมนต์ให้พร ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เจ้าศิริวงศ์แอบสังเกตอาการพี่ชาย เห็นยังดูเหม่อลอยไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่นัก ขณะที่บัวเงินนั่งกระวนกระวาย เพราะให้อีเม้ยย่องไปที่เรือนมณีรินเพื่อหาเศษผม เศษเล็บไปให้หมอเสน่ห์ทำพิธี แต่เธอไม่รู้เลยว่า สล่าพันก็แอบเข้าไปในห้องเจ้าศิริวัฒนาเพื่อค้นหาหลักฐาน และได้พบตุ๊กตาไม้คนคู่ที่ผูกติดเอาไว้ด้วยกันซ่อนอยู่ใต้ที่นอน สล่าพันรีบหยิบมันออกมาแล้วไปรอพบเจ้าศิริวงศ์ที่ท้ายสวน
เมื่อตุ๊กตา ไม้ถูกนำออกไปจากห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่พระสงฆ์พรมน้ำมนต์ให้เจ้าศิริวัฒนาพอดี เจ้าถึงกับสะดุ้งเฮือก เจ้าศิริวงศ์มองลุ้นแต่จำต้องเก็บอาการไว้รอจนเสร็จพิธีจึงรีบลงไปพบสล่าพัน
“เป๋นจะใดอ้าย” เจ้าศิริวงศ์เอ่ยถาม
“เจ้าผ่อเอาเองละกั๋น เฮาเจอมันใต้ตี้นอนเจ้าเปิ้น”สล่าพันยื่นตุ๊กตาไม้ให้ดู
ooooooo
“วัน นี้ได้ทำบุญแล้ว แม่สบายใจ๋ขึ้นจ๊าดนักบุญกุศลอันใดตี้เกิดขึ้นแม่ขอยกหื้อลูกทั้งหมด ขอหื้อลูกของแม่หายเจ็บหายไข้ มีแต่สิ่งมงคลเกิดขึ้นกับลูกเน้อ พักผ่อนเสีย อยากได้อะหยังก่อบอกบัวเงินเน้อ” พระชายาพาเจ้าศิริวัฒนามาส่งถึงห้อง
เจ้าศิริวัฒนาไหว้พระชายา พระชายายิ้มให้ลูกชายแล้วเดินออกไป เจ้าศิริวัฒนาขยับตัวจะไปห้องน้ำ บัวเงินตามประกบ แต่ต้องอึ้งเพราะโดนดุ
“ห้องน้ำ อยู่แค่นี้เอง อ้ายไปเองได้อ้ายทำตั๋วเป๋นภาระใครต่อใครมานักแล้ว อ้ายฮู้สึกบ่ดีอ้ายสมเพชตั๋วเองจะใดก่อฮู้ เจ้าเองก่อกลับไปพักผ่อนตี้เฮือนเจ้าก่อได้ บ่ต้องเป๋นห่วงปี้หรอก” เจ้าศิริวัฒนาเดินออกไป
บัวเงินมองตามรู้สึกว่าเจ้าเปลี่ยนไปก็นึก เฉลียวใจรีบหันไปยกที่นอนขึ้นดู ก็พบว่า ตุ๊กตาไม้คนคู่หายไปเสียแล้ว บัวเงินร้อนใจจะกลับไปปรึกษาอีเม้ยที่เรือน แต่ต้องชะงักเพราะมณีรินเดินสวนเข้ามา
บัวเงินไม่อยากให้ทั้งคู่ได้พบกันจึงปดว่า เจ้าศิริวัฒนาหลับไปแล้ว
“อั้นเฮาฝากเอื้อยคืนเปิ้นตวย ขอบใจ๋เน้อ” มณีรินยื่นแหวนทับทิมให้แล้วเดินยิ้มจากไป
บัว เงินยืนงงแปลกใจที่มณีรินไม่แสดงความเสียดายหรือผิดหวังออกมาให้เห็นสักนิด แต่เธอจำต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
บัว เงินกลับมาถึงเรือน อีเม้ยก็คลานเข้ามารายงาน “เม้ย...บ่ได้อะหยังติดมือมาซักอย่างเดียว กะเจ้าหม่อมเฮือนอีมณีริน มันสะอาดหมดจดขี้ฝุ่นขี้ผงซักละอองเดียว ยังบ่มีเลยเจ้า”
“มึงบ่ได้ผม ได้เล็บอีมณีรินมา” บัวเงินขึ้นเสียง
“เม้ยผิดไปแล้ว เม้ยบ่ดีเอง เม้ยสมควรต๋ายด้วยน้ำมือหม่อมเจ้า”
“มึง จะบ่ได้ต๋ายด้วยน้ำมือกูหรอกอีเม้ย แต่หัวมึงจะหลุดจากบ่าด้วยอาญาแผ่นดิน มีคนฮู้ว่ามึงกับกูกำลังยะอะหยังกั๋นอยู่เม้ย มึงฮู้ก่อ...ของใต้ตี้นอนผัวกูมันหายไปแล้ว”
“แต๊ก๊ะเจ้าหม่อม ต้องเป๋นอีมณีรินแน่”
“แต่จะใดมันเอาแหวนมาคืน”
“หม่อมอย่าสวมทีเดียวนะเจ้า เม้ยว่ามันต้องลงอาคมใส่แหวนวงนั้นแน่ๆ หม่อมอย่าได้หลงกลมันเด็ดขาด”
“กู จะกลับไปหาไอ้หมอ จะใดกูก่อต้องกำจัดอีมารหัวใจ๋ มารชีวิตกูหื้อได้” บัวเงินเสียงเข้ม เดินนำอีเม้ยลงมาจากเรือน แต่ต้องเบรกหัวทิ่มเพราะเจ้าศิริวงศ์ยืนขวางทางอยู่
เจ้าศิริวงศ์ถาม สองนายบ่าวว่าจะรีบร้อนไปไหน บัวเงินอึกอักก่อนตอบว่า จะขึ้นไปดูแลเจ้าศิริวัฒนา เจ้าศิริวงศ์เห็นว่าบัวเงินคงไม่ยอมสำนึกง่ายๆ จึงเอ่ยเตือน “ตี้ผ่านๆไปแล้วก่อหื้อมันแล้วกั๋นไป เฮาก่อนับถือเอื้อยเป๋นเอื้อยของเฮาคนนึงเฮาบอกตั๋วเองเสมอว่าคนเฮาหลงผิ ดกั๋นได้ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เฮาถึงเก็บเรื่องนี้ไว้บ่ยอมหื้อไผฮู้เด็ดขาด เอื้อยบ่ต้องขอบใจ๋ เฮาหรอก แค่หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ อย่าหื้อเป๋นเวรเป็นกรรมแก่กั๋นและกั๋นเลย ถึงเอื้อยจะเป๋นได้แค่หม่อมของเปิ้น เจ้าอ้ายเปิ้นก่อบ่คิดจะทอดทิ้งเอื้อยหรอก”
“เจ้าน้อยบ่ฮู้จักความฮัก เจ้าน้อยจะมาเข้าใจ๋ปี้ได้จะใด” บัวเงินค้าน
“เฮา บ่ฮู้หรอกว่าความฮักของเอื้อยเป๋นจะใด เฮาฮู้แต่ว่า ความฮักคือการได้หันคนตี้เฮาฮักมีความสุข ความฮักบ่ใจ่การได้เป๋นเจ้าของคนตี้เฮาฮัก เฮาเตือนสติเอื้อยไดเต่าอี้ละเน้อ”
“ปี้ขอบใจ๋เจ้าน้อยตี้หันแก่ปี้ อุตส่าห์สั่งสอนปี้แต่เจ้าน้อยจำไว้อย่างนึงเต๊อะ ความฮักของป้อจายกับแม่ญิงมันต่างกั๋น ป้อจายฮักได้หลายครั้งหลายครา ฮักบ่ฮู้จักจบ แต่แม่ญิง ฮักแต๊มันเกิดขึ้นได้ครั้งเดียว ถ้าจะต้องฮักษามันไว้ ถึงตั๋วต๋ายก็ยอม” บัวเงินแน่แน่ว
ooooooo
เจ้า ศิริวงศ์คิดหนักกับคำพูดของบัวเงินจึงมาปรับทุกข์กับสล่าพัน สล่าพันแนะนำให้เอาเรื่องบัวเงินเพื่อยุติปัญหาและพร้อมจะช่วยเป็นพยานให้ แต่เจ้าศิริวงศ์ไม่อยากทำเพราะเห็นใจในความรักของบัวเงิน เขาขอร้องให้สล่าพันเผาตุ๊กตาไม้คนคู่เพื่อกำจัดหลักฐาน ด้วยหวังว่าบัวเงินจะกลับตัวกลับใจได้
แต่เจ้าน้อยคิดผิดเพราะบัวเงินยังยืนกรานกับอีเม้ย “กูบ่กลัว ถ้ากูบ่ได้เป็นเจ้าของเจ้าอ้ายคนเดียว อีมณีรินก็อย่าหวังเลย”
“หมายความว่า หม่อมยังบ่ล้มเลิกแผนของเฮาใช่ก่อเจ้า” อีเม้ยตาโต
“มึงออกไป กูต้องการอยู่คนเดียว” บัวเงินตวาดแล้วหันหลังนั่งประนมมือขึ้นเริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง
เจ้า ศิริวงศ์เดินหน้าเครียดเข้ามาในคุ้ม และได้พบมณีรินกับคำเที่ยงยืนจดๆจ้องๆอยู่หน้าห้องทำงานเพราะนำเอกสารที่แปล เสร็จแล้วมาส่งเจ้าศิริวัฒนาแต่กลัวบัวเงิน
“เข้าไปเต๊อะ เฮื้อยบัวเงิน เปิ้นบ่อยู่ดอก บ่ต้องกลัว” เจ้าศิริวงศ์เดินนำเข้าไป
“ใครบอกว่าเฮากลัว บ่ได้กลัวซักหน่อย เนาะเจ้ารินเนาะ” คำเที่ยงทำกร่าง
มณีรินส่ายหน้าเดินตามเจ้าศิริวงศ์ คำเที่ยงรีบตามไปติดๆ
เจ้า ศิริวัฒนาส่งยิ้มหวานเมื่ออ่านผลงานแปลเอกสารของมณีริน เพราะเจ้าศิริวงศ์ช่วยการันตีว่า งานแปลของเธอไม่มีที่ติสักนิดเดียว มณีรินแอบค้อนใส่เจ้าศิริวัฒนา สองพี่น้องส่งยิ้มชื่นมื่น แล้วจู่ๆ เจ้าศิริวัฒนาก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหันและรู้สึกร้อนลุ่มไปทั้งตัว
และสาเหตุที่เจ้าศิริวัฒนาเป็นเช่นนั้นก็เพราะสล่าพันโยนตุ๊กตาคนคู่ไม้ลงไปในกองไฟ ส่วนบัวเงินก็บริกรรมคาถา ด้วยความแค้นและชิงชัง
เจ้า ศิริวัฒนาคลุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ทำลายข้าวของในห้องแหลกลาญ และจะทำร้ายมณีริน เจ้าศิริวงศ์โดดเข้าขวาง และพยายามจะหยุดพี่ชายจึงโดนพี่ชายซัดไปหลายดอก คำเที่ยงเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปตามคนมาช่วย
บัวเงินใช้พลังทั้งหมด ร่ายคาถาจนตัวเองก็หมดฤทธิ์หมดแรงจนต้องหยุดกะทันหัน เมื่อทั้งเหงื่อและน้ำตาไหลปนกันทั่วหน้า ขณะเดียวกันตุ๊กตาคนคู่ก็ถูกสล่าพันเผาทำลายจนเหลือแต่ซาก
เจ้าศิริ วัฒนาค่อยๆอ่อนแรงลง ขณะที่เจ้าศิริวงศ์ก็หมดเรี่ยวแรงพอกัน คำเที่ยงพามหาดเล็กมาถึงพอดีนางสั่งให้มหาดเล็กพาเจ้าศิริวัฒนากลับไปพักที่ ห้อง แล้วตามไปดูแล มณีรินได้โอกาสเดินเลี่ยงมาดูแลเจ้าศิริวงศ์ด้วยความเป็นห่วงแต่กลับถูก ผลักไส
“เจ้านางน้อย ควรจะขึ้นไปดูเจ้าอ้ายเปิ้น มันเป็นหน้าที่”
“บ่ต้องเอาคำว่าหน้าที่มาผลักไสไล่ส่งเฮา ถ้าเฮาอยากจะไป เฮาไปของเฮาเอง เจ็บมากก่อ”
เจ้าศิริวงศ์ส่ายหน้าพลางเอ่ยเตือน “ระวังตัวให้มากๆ พี่คำเที่ยงเตือนอะหยังก็ให้ฟังๆ เอาไว้บ้าง”
มณี รินไม่สนดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากชายพก แล้วซับเลือดที่ซิบอยู่บนหน้าผากให้เจ้าน้อยด้วยสายตาที่บอกว่าเป็นห่วง เหลือเกิน เจ้าศิริวงศ์เห็นดวงตาคู่นั้นก็แอบกระซิบ
“ถ้าเฮาเป็นเจ้าอ้าย เฮาจะบอกโตว่าอย่าได้ไปมองใครด้วยสายตาอย่างนี้อีก”
มณีรินน้อยใจ มองหน้าเจ้าศิริวงศ์นิ่ง
คำเที่ยงพรวดพราดกลับเข้ามา เห็นภาพหวานตรงหน้าก็อึ้ง เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินรีบผละจากกัน
“เฮามีธุระสำคัญต้องไปทำต่อ ขอบใจเน้อ พี่คำเที่ยง” เจ้าศิริวงศ์เดินออกไป
คำเที่ยงหายใจไม่ทั่วท้องหันมามองเจ้านางน้อย
ooooooo
“หม่อมกะเจ้า” อีเม้ยคลานเข้ามา
“เจ้าอ้ายของกู เปิ้นคงบ่กลับมาหากูแล้ว อีเม้ย” บัวเงินน้ำตานอง
อีเม้ยสงสารนายจับใจรีบให้ความหวัง บัวเงินตาวาวประกาศก้อง “กูเดินไปข้างหน้าแล้ว กูบ่มีวันถอยหลังกลับไปที่เก่าดอกอีเม้ย”
ด้าน เจ้าศิริวงศ์เมื่อเห็นซากตุ๊กตาไม้คนคู่แล้วก็เอ่ยกับสล่าพัน “เฮาเชื่อว่าเอื้อยบัวเงิน เปิ้นก็ฮู้ผิดชอบชั่วดีอยู่เหมือนกัน เฮาบ่อยากสร้างเวรสร้างกรรมกับเปิ้น”
“นับว่าเจ้ามีจิตใจสูงส่งน่า นับถือนัก แต่เฮาว่า เรื่องนี้มีอีกคนนึงที่เฮาบ่ควรละเว้น เพราะถ้าบ่มีไอ้คนคนนี้ เสียคน เรื่องจัญไรอย่างนี้ก็คงบ่เกิดขึ้นดอก”
“ไอ้หมอเสน่ห์” เจ้าศิริวงศ์เข้าใจบอกกับสล่าพันว่า เรื่องนี้ต้องทำให้เงียบที่สุด
“ถ้า อย่างนั้นก็คงมีวิธีเดียวละเจ้า จับตัวมันให้ได้ สั่งสอนให้เข็ดหลาบ แล้วไล่มันออกไปให้พ้นเวียงเชียงใหม่ อย่าให้มันกล้ากลับเข้ามาอีก” สล่าพันแนะนำ
เจ้าศิริวงศ์เห็นด้วย ทั้งสองชวนกันไปบ้านหมอเสน่ห์ แต่บัวเงินกับอีเม้ยไปถึงที่นั่นเรียบร้อยแล้ว และบัวเงินก็บังคับให้หมอเสน่ห์ทำให้มณีรินมีอันเป็นไปภายในสามวันเจ็ดวัน แต่หมอต่อรองขอค่าตอบแทนเป็นแหวนทับทิมที่นิ้วของเธอ บัวเงินไม่ยอมหันมาชวนอีเม้ยกลับ แล้วแอบสบตาอย่างรู้กัน
“คุ้มค่าน่า หม่อม วันข้างหน้าหม่อมจะมีมากกว่านี้เยอะ แต่ตามใจหม่อมเต๊อะ จะกลับไปคิดดูก่อนก็ได้” หมอหันกลับไปหาแท่นบูชาของตน กำลังจะสวดสรรเสริญผีสาง ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้น เพราะถูกอีเม้ยจ้วงแทงจากทางด้านหลัง หมอล้มลงกระเสือกกระสนหนี อีเม้ยยังตามแทงไม่ยั้ง แล้วขึ้นคร่อมหักคอ หมอเสน่ห์ตายคามืออีเม้ย แต่ตายังลืมเบิกโพลงจ้องบัวเงินที่ยืนนิ่งเป็นน้ำใสไหลเย็นเขม็ง
เมื่อ จัดการปิดปากหมอเสน่ห์เรียบร้อยแล้วสองนายบ่าวก็ชวนกันกลับคุ้ม และเตรียมวางแผนจัดการกับมณีรินต่อไป อึดใจต่อมา เจ้าศิริวงศ์และสล่าพันก็มาถึงบ้านหมอเสน่ห์ ทั้งสองแปลกใจที่บ้านดูเงียบผิดปกติจึงชวนกันเข้าไปข้างในดูก็พบศพหมอเสน่ห์ นอนตายตาเบิกโพลงอยู่บนตั่งตั้งเครื่องบูชา
สล่าพันรู้ดีว่าเป็นฝีมือใครจึงเอ่ยถามเจ้าศิริวงศ์ว่า จะจัดการอย่างไรดี เพราะถ้าทำนิ่งเฉยก็เท่ากับส่งเสริมคนทำผิด
“เฮา คิดว่า เอื้อยบัวเงิน เปิ้นคงกลัวความผิด เปิ้นถึงทำอย่างนี้ เฮาก็ได้แต่หวังว่าเปิ้นคงจะคิดได้แล้วหยุดไว้แค่นี้” เจ้าศิริวงศ์แอบหวัง
“งั้นก็คิดซะว่า ไอ้หมอไสย มันได้รับกรรมที่มันก่อเอาไว้เอง ยังงั้นใช่ไหมเจ้า” สล่าพันสรุป
เจ้าศิริวงส์ไม่ว่าอะไรเดินนำสล่าพันกลับคุ้ม
หลัง จากเหตุการณ์วันนั้นผ่านพ้นไป บัวเงินกับอีเม้ยแสร้งทำดีกับมณีรินเพื่อให้ตายใจ คำเที่ยงอึดอัดกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุดด้วยรู้ทันความคิดของนายบ่าวคู่นี้ ดี
ooooooo
“เลือดเย็นมาก ทำไมถึงได้เลือดเย็นอย่างนี้” เรรินไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอได้เห็น
“ฉัน ถึงได้เตือนให้เธออยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้ไง คนอย่างบัวเงินทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ” เจ้าศิริวัฒนาส่งยิ้มเย็น
“ผ่านมานานขนาดนี้ เธออาจจะคิดได้”
“น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทิฐิตัวเดียวที่ทำให้บัวเงินเป็นอย่างนี้”
“ถ้าฉันทอผ้าผืนนี้ไม่เสร็จ จะเกิดอะไรขึ้นคะ” เรรินเกิดคำถาม
“คุณกลับมา เพื่อทอมันให้เสร็จ ชะตากรรมได้กำหนดเอาไว้แล้ว...เจ้าริน” ร่างเจ้าศิริวัฒนาเลือนหายไป
เร รินรู้ดีว่าถึงเวลาที่เธอต้องกลับแล้วเช่นกัน เธอปิดผ้าไว้ดังเดิมแล้วออกไปจากห้องแต่เมื่อพ้นมุมตึกก็ต้องสะดุ้งสุดขีด เพราะสุริยวงศ์ยืนอยู่
สุริยวงศ์พาเรรินออกไปที่รถพลางสอบถามว่า เธอมาทำอะไรที่นี่ เรรินว่า เธอเข้าไปทอผ้าต่อจากเจ้านางมณีริน
“เพื่ออะไร คุณริน อย่าบอกน่ะว่าคุณทำแค่เพราะอยากทำ อยากแสดงความสามารถในการทอผ้า”
“ถ้าฉันบอกคุณแล้ว คุณจะเชื่อฉันรึเปล่าล่ะคะ”
“ทำไมผมจะไม่เชื่อ ถ้าเหตุผลของคุณมีน้ำหนักพอ”
เร รินนิ่งไปนิดแล้วตัดสินใจพูดออกมา “ยิ่งฉันทอผ้าผืนนั้นได้มากเท่าไร ฉันยิ่งได้เห็นชีวิตของเจ้านางมณีรินกับใครต่อใครมากขึ้นเท่านั้น ฉันได้เห็นได้สัมผัสความรู้สึกนึกคิดของเจ้านางมณีริน เจ้าศิริวัฒนา หม่อมบัวเงิน คุณย่าของคุณ แล้วก็ใครต่อใครอีกมากมาย”

“คุณริน” สุริยวงศ์อึ้ง

“เห็นไหมคะ คุณก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี”

“จินตนาการกับเหตุผลมันคนละเรื่องกันนะครับคุณริน ผมว่าคุณสนใจเรื่องผ้าโบราณจนคุณเก็บเอาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของคนโน้นคนนี้มาผูกเป็นเรื่องเป็นราว ฟุ้งไปกันใหญ่แล้ว” สุริยวงศ์ไม่เชื่อ

“ฉันได้เห็นได้สัมผัสจริงๆๆ ท่านปู่ของคุณ เจ้าศิริวัฒนา ท่านเป็นผู้ชายที่งามสง่ามาก คุณย่าของคุณเองก็เหมือนกัน เมื่อสมัยสาวๆ ท่านงามมาก แต่ก็น่ากลัวที่สุดด้วยเหมือนกัน”

“พอที คุณริน ถึงคุณจะพยายามพูดให้ผมเชื่อว่าคุณทอผ้าผืนนั้นแล้วมันทำให้คุณกลับไปเห็นอดีตได้ ยังไงผมก็ไม่มีวันเชื่อคุณหรอก”

“ก็แล้วแต่คุณ...” เรรินน้อยใจ

สุริยวงศ์ยังคาใจ ขอร้องเรรินว่า อย่ากลับไปที่ห้องนั่นอีกเพราะถ้าถูกจับได้ก็คงไม่มีใครเชื่อเหตุผลที่พิสูจน์ไม่ได้ของเธอ

“เขาจะหัวเราะเยาะ แล้วก็มองว่าฉันเป็นคนบ้า คนหนึ่ง... ใช่ไหมคะ รวมทั้งคุณด้วย...คุณมองว่าฉันเป็นคนบ้า” เรริน ตัดพ้อ
สุริยวงศ์จะอธิบาย แต่วันดาราโทร.เข้ามาพอดี เขากดรับสายแล้วเดินแยกออกไป เรรินมองตามเซ็งๆ

วันดาราโทร.มาฟ้องสุริยวงศ์เรื่องธนินทร์ไปอาละวาดที่รีสอร์ต ทำให้เธอเป็นห่วงกลัวธนินทร์จะตามไปทำร้ายเรริน อีก สุริยวงศ์ยืนยันว่า เรรินปลอดภัยดี แต่ตอนนี้เขาเจอปัญหาใหม่แล้ว และบอกเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากเรรินให้วันดาราฟัง

ด้านเรรินที่ออกมาเดินเล่นแก้เซ็ง นึกได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นโชว์เบอร์ มิสคอลจากพรรณวรินทร์เป็นสิบๆครั้ง ก็รีบโทร.กลับ
พรรณวรินทร์ต่อว่าลูกสาวชุดใหญ่และนัดให้ไปหาที่โรงแรมในวันพรุ่งนี้เพื่อเคลียร์เรื่องธนินทร์ เพราะเธอมาถึงเชียงใหม่แล้ว เรรินยืนอึ้งเพราะคิดไม่ถึง

ooooooo

สุริยวงศ์เรียกให้เรรินมาทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่เรรินปฏิเสธเพราะมีนัดต้องรีบออกไป

“คุณโกรธผมรึเปล่า” สุริยวงศ์ไม่สบายใจ

“ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยเหรอคะ วันนี้คุณอาจจะคิดว่าฉันเพี้ยนไปแล้ว แต่ซักวันฉันเชื่อว่าคุณจะต้องเข้าใจ ฉันจะเร่งทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จให้เร็วที่สุด ฉันคงจะรบกวนคุณอีกไม่นานหรอกค่ะ” เรรินเดินออกไป ทิ้งให้สุริยวงศ์มองตามด้วยความสับสน

ครั้นมาถึงโรงแรม เรรินก็ถูกพรรณวรินทร์ต่อว่าอีก เพราะได้รับข้อมูลผิดๆมาจากธนินทร์

“รินนึกแล้ว ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้” เรรินถอนใจมองไปด้านหลังเห็นธนินทร์ยืนอยู่ด้วย

“ริน...อย่าทำให้แม่ต้องผิดหวังในตัวลูกมากไปกว่านี้เลย” พรรณวรินทร์ขอร้อง

“ความสมหวังของแม่คืออะไรคะ คือการได้เห็นรินแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ มีชีวิตคู่ไปกับผู้ชายคนนี้เหรอคะ”

“คนเรามันผิดพลาดกันได้นะครับริน เรื่องเล็กๆน้อยๆรินจะไม่ยอมยกโทษให้ผมรึไง ต่อหน้าคุณแม่รินจะให้ผมคุกเข่าขอโทษรินก็ได้” ธนินทร์ทำเศร้า

“เห็นไหมว่าธนินทร์เขารักลูก ยอมทำตามใจลูกขนาดไหน เลิกมีทิฐิเสียทีเถอะเรริน”

“รินไม่ได้มีทิฐิค่ะแม่ แต่เขาเองเป็นคนทำให้รินเห็นธาตุแท้ของเขา รินไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ ยังไงรินก็ต้องเลิกกับเขา ฝากแม่คืนเขาด้วย” เรรินหยิบแหวนออกจากกระเป๋า ส่งให้พรรณวรินทร์ แล้วเดินออกไป

พรรณวรินทร์รีบตาม ทิ้งให้ธนินทร์ยืนหงุดหงิด เพราะเสียหน้า

“ริน ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร วิเศษนักรึไง รู้จักกันไม่ถึงเดือนลูกก็พร้อมจะทิ้งธนินทร์น่ะ” พรรณวรินทร์ชักโกรธ

“เขาไม่เกี่ยวหรอกค่ะแม่”

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็ธนินทร์เล่าให้แม่ฟังว่า”

“แล้วเขาเล่าเรื่องที่เขาพยายามล่อลวงรินไปขืนใจด้วยรึเปล่าค่ะแม่ ถ้าแม่รักริน แม่ปล่อยให้รินมีอิสระให้รินได้เลือก ได้ตัดสินใจด้วยตัวของรินเองเถอะค่ะ” เรรินเข้ากอดพรรณวรินทร์ที่ยังมึนตึ้บ “เสร็จธุระสำคัญของรินเมื่อไร รินจะกลับกรุงเทพฯเองค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงริน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” เรรินเดินจากไปทันที ขณะที่พรรณวรินทร์ยังงงไม่หาย

ผีอีเม้ยที่แอบติดตามเรรินรู้ว่าเรรินไม่มีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องตัวแล้วก็รีบกลับมารายงานบัวเงิน บัวเงินยิ้มพอใจสั่งให้ผีอีเม้ยจัดการล้างบัญชีแค้นได้เลย พลางถามต่อว่าตอนนี้เรรินทำอะไรอยู่ที่ไหน

“มันยังเข้าๆออกๆคุ้มเจ้าหลวงอยู่กะเจ้า”

“ถ้ากูทายบ่ผิด อีมณีรินมันต้องกลับมาทอผ้าผืนนั้นต่อแน่ๆ อีเม้ยกูจะยอมให้มันทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จบ่ได้ เจ้าอ้ายต้องเป็นของกู อยู่กับกูคนเดียว”

“เม้ยจะขัดขวางมันทุกทางกะเจ้าหม่อม”

“ตอนนี้มันอยู่กับผู้ใด”

“หลานชายหม่อม คอยช่วยเหลือมันอยู่กะเจ้า”

“สุริยะ...จนแล้วจนรอด อีนี่มันก็ทำให้คนที่เขาฮักกัน กลายเป็นศัตรูกันได้” บัวเงินแค้นใจ ภาพความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมา

มณีรินขึ้นมาร่วมโต๊ะเสวยกับเจ้าหลวง พระชายาและลูกชายทั้งสอง พระชายาเห็นเจ้าหลวงเสวยได้น้อยก็หันมาปรึกษากับลูกชายและมณีริน มณีรินเสนอว่าจะลองทำอาหารเบาๆมาถวายเพื่อจะเสวยได้มากขึ้น

พระชายาเห็นดีด้วย พลางมอบหมายให้มณีรินดูแลเรื่องเครื่องเสวยของเจ้าหลวง มณีรินรับคำแล้วหันไปมองอีเม้ยที่เพิ่งจะยกสำรับจากเรือนบัวเงินเข้ามา

“อ้าว...อย่างใดกันนังเม้ย ทุกคนเปิ้นจะอิ่มกันหมดแล้ว เอ็งเพิ่งจะยกสำรับของนายเอ็งมา” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ยถาม

“สุมาเต๊อะเจ้า อาหารเพิ่งเสร็จ เพราะหม่อมเปิ้น บ่ค่อยสบายเจ้า เปิ้นบ่นแต่เวียนหัว ลุกขึ้นนั่ง ขึ้นเดินก็เวียนหัว นอนก็เวียนหัวเจ้า” อีเม้ยรายงาน

“แล้วตามมดตามหมอไปดูแล้วก๊ะ” เจ้าศิริวัฒนานึกห่วง

หลังทานอาหารเสร็จ เจ้าศิริวัฒนาก็ชวนเจ้าศิริวงศ์ กับมณีรินไปเยี่ยมบัวเงินที่เรือนด้วยกันและให้คนไปตามหมอมาดูอาการบัวเงินด้วย

“เป็นยังไงบ้างหมอ” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ยถามเมื่อหมอตรวจอาการเสร็จ

“บ่มีอะหยังน่าเป็นห่วงดอกครับ เป็นปกติของแม่ญิงที่กำลังตั้งครรภ์น่ะครับเจ้า”

“อะหยังเก๊าะ ตั้งครรภ์” เจ้าศิริวัฒนาถามซ้ำ

“ครับเจ้า เท่าที่ตรวจดูตอนนี้ อายุครรภ์น่าจะได้สักสองสามเดือนแล้ว”

เจ้าศิริวัฒนาดีใจ บัวเงินปีติจนน้ำตาไหล อีเม้ยเหมือนตัวเองถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง รีบเข้าพัดวีบีบนวดนาย ส่วนมณีรินยิ้มให้บัวเงินอย่างยินดี มีเพียงศิริวงศ์ที่ยืนอึ้งพูดไม่ออก บอกไม่ถูก เพราะไม่รู้เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นยังไง

ooooooo

มณีรินกลับมาถึงเรือนก็รีบบอกข่าวเรื่องบัวเงินท้องให้คำเที่ยงฟังพร้อมยกมือภาวนา ขอให้บัวเงินได้ลูกชาย เพื่อที่เจ้าหลวงจะได้เปลี่ยนใจสถาปนาบัวเงินเป็นชายาและเธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา

“เฮาต้องการอิสระ เฮาอยากปิ๊กเชียงตุงบ้านเฮา ขอให้ลูกสมหวังด้วยเถิ้ด” มณีรินยกมือท่วมหัว

ขณะที่บัวเงินก็นั่งวาดหวังอยู่กับอีเม้ย เพราะตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว ถ้าเธอได้ลูกชาย เธอก็จะได้รับการสถาปนาเป็นพระชายาทันที สองนายบ่าวหัวเราะร่วนมีความสุข อิ่มเอิบใจ

แต่หารู้ไม่ว่าที่บนคุ้ม เจ้าศิริวงศ์ได้เอ่ยถามเรื่องนี้กับเจ้าหลวงและพระชายา ซึ่งทั้งสองให้คำตอบว่า

“กฎเขียนได้ก็แก้ไขได้ ข้ากับเจ้าหลวงเชียงตุงฮักใคร่นับถือเป็นพี่น้องร่วมน้ำสาบานกันมา ข้าขอลูกสาวเปิ้นมาเป็นสะใภ้ หมายจะให้เชียงใหม่กับเชียงตุงเชื่อมเป็นคำแผ่นเดียวกัน ไปตราบนานเท่านาน มณีิรินจะเป็นพระชายาศิริวัฒนา เป็นแม่เจ้าเวียงเชียงใหม่คนต่อไป”

เจ้าศิริวัฒนายิ้มสมใจ ขณะที่ศิริวงศ์คิดหนักต้องสั่งตัวเองให้หยุดความคิดไว้แค่นี้

ในตอนเย็น มณีรินลงมาเดินเล่นในสวนและได้ยินเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะด้วยทำนองเศร้าสร้อย จึงเข้าไปคุยด้วยและชวนเจ้าศิริวงศ์ไปเที่ยวเชียงตุงบ้านเกิดของเธอด้วยกัน

“จะไดมาพูดถึงบ้านเกิดของโตตอนนี้” เจ้าศิริวงศ์แปลกใจ

“เฮาฮู้สึกว่า เฮาคงจะได้ปิ๊กเชียงตุงเร็วๆวันนี้ ถ้าเอื้อยบัวเงินเปิ้นได้ลูกชาย เปิ้นก็คงได้ขึ้นเป็นพระชายา เจ้าราชบุตร เฮาจะอยู่ที่นี่ทำไม เฮาขอปิ๊กเชียงตุงบ้านเฮาดีกว่า” มณีรินยิ้มมีความหวัง

เจ้าศิริวงศ์พูดไม่ออก ไม่กล้าทำลายความสุขความฝันที่อาบอยู่บนหน้ามณีรินตอนนี้เลย ผิดกับเจ้าศิริวัฒนาที่กำลังบอกกับบัวเงินว่า ถึงเธอจะได้ลูกชาย ตำแหน่งพระชายาก็ยังเป็นของมณีรินเช่นเดิม

“พ่อเจ้า เปิ้นเพิ่งสั่งให้ละเว้นกฎมณเฑียรบาล ยังไงอ้ายก็ต้องแต่งงานกับเจ้ารินเปิ้น ตำแหน่งพระชายายกให้เปิ้น ไปเต๊อะ ยังไงอ้ายก็ฮักน้อง บ่เคยเปลี่ยนแปลง” เจ้าศิริวัฒนาส่งยิ้มหวาน แต่บัวเงินรู้สึกเหมือนถูกตบบ้องหู อื้ออึงจนไม่ได้ยินอะไรอีกเลย

No comments:

Post a Comment