ตอนที่ 4
หลังจากรับฟังผกาแล้ว มุกเป็นคนเดียวที่ยังติดใจสงสัยเรื่องการหายตัวไปของบุปผา อีกทั้งเธอรับปาก กำพลไว้ว่าจะช่วยสืบเพื่อแลกเงินหนึ่งหมื่นบาท วันนี้เธอจึงโทร.ตามเขามาที่หอโคมแดงแล้วนั่งรถออกไปด้วยกัน
กำพลจอดรถที่สวนสาธารณะลงมาพร้อมมุกที่ดูเริงร่าเป็นพิเศษ
“คุณกำพลรู้ไหมคะว่านังพวกที่หอโคมแดงน่ะมันตื่นเต้นกันใหญ่ที่คุณกำพลไปรับมุกออกมาจากบ้านน่ะค่ะ”
“ก็เธอบอกว่ามีเรื่องบุปผาจะบอกฉัน ฉันก็ต้องรับเธอออกมาน่ะสิ ตกลงรู้แล้วเหรอว่าบุปผาอยู่ที่ไหน”
มุกส่ายหน้าแทนคำตอบ กำพลชะงักผิดหวังอย่างแรง
“อ้าว...แล้วเธอตามฉันมาทำไมล่ะ เสียเวลาจริง”
“ถึงมุกจะไม่รู้ว่านังบุปผาไปอยู่ที่ไหน แต่ก็รู้ว่า มันยังอยู่ในพระนครนี่ละ เพราะมีคนเห็นมันเดินอยู่ในตลาด แล้วเมื่อเช้าแม่ผกายังสั่งแปลกๆเรื่องนังบุปผาอีกด้วยว่า ถ้ามีใครมาถามหามันให้บอกว่าไม่เคยมีคนชื่อบุปผาอยู่ที่หอโคมแดง”
กำพลพยักหน้ารับรู้ มุกยิ้มกริ่ม แบมือหราทันที
“ไหนล่ะคะคุณกำพล หนึ่งหมื่นที่ว่าจะให้มุกน่ะ ถ้ามุกเอาข้อมูลเรื่องนังบุปผามาบอก”
“ตราบใดที่ฉันยังไม่เจอตัวบุปผา เธอก็ยังจะไม่ได้เห็นเงินหมื่นนั่นหรอก” กำพลเสียงแข็งแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งมุกยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ...
วันเดียวกันที่บ้านมัทนา...บุปผาช่วยสร้อยลำเลียงอาหารขึ้นไปบนตึกและได้เห็นหน้านายพลเทพชัดๆ หญิงสาวรู้สึกแปลกๆโดยไม่รู้สาเหตุ ทำชามแกงหกใส่ท่านจนโดนสร้อยตวาดด่าว่าซุ่มซ่าม แต่นายพลกับคุณหญิงไม่ถือสา บอกว่าเด็กบ้านนอกก็อย่างนี้แหละ ยังหยิบจับอะไรไม่ค่อยถูก บุปผาเลยใจชื้นขึ้นเป็นกอง แล้วครู่ต่อมา ก็ยิ้มร่าดีใจเมื่อมัทนาขออนุญาตมารดาพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยฟื้นความจำให้คนไข้ของหมอไอศูรย์แล้วคุณหญิงไม่ขัดข้อง
ooooooo
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพร้อมมัทนา บุปผาเสนอตัวยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ไอศูรย์ขอบคุณเธอแล้วให้หมอปรีชาอธิบายแทน
“หมอต้นบอกผมว่าป้ารุ่งดูจะถูกชะตากับคุณมากกว่าใคร หมอเลยอยากให้คุณค่อยๆคุยกับเขาเรื่องสัพเพเหระอะไรก็ได้ ให้เขาคุ้นเคยกับคุณเสียก่อนแล้วค่อยขยับไปการรักษาขั้นต่อไปทีหลัง”
“ได้ค่ะหมอ” บุปผารับปากแข็งขัน หลังจากนั้นก็ไปนั่งลงตรงหน้าป้ารุ่ง โดยมีไอศูรย์ ปรีชา และมัทนายืนมองอยู่ห่างๆ
บุปผาแนะนำตัวเองแต่ป้ารุ่งกลับพูดโพล่งว่าชื่ออุ่น แล้วแกก็ยืนยันอยู่อย่างนั้นจนบุปผาต้องคล้อยตาม
“เอ้า...อุ่นก็อุ่น” บุปผาตอบรับด้วยรอยยิ้ม ป้ารุ่งหรือชื่อจริงคืออิ่มยิ้มรับและจับมือบุปผากุมไว้ ดีใจเหมือนได้เจอคนคุ้นเคย...ทั้งสามคนที่ยืนมองอยู่พากันโล่งใจที่ป้ารุ่งท่าทางเป็นมิตรกับบุปผา
แต่ผ่านไปไม่นาน ป้ารุ่งเกิดอาละวาดพุ่งเข้าบีบคอมัทนาเพราะแรงยุของบุปผาที่แอบกระซิบว่าเธอคนนั้นเอาหลานของป้าไป มัทนาถูกบีบคอเกือบแย่ถ้าไอศูรย์กับปรีชาช่วยไม่ทัน
หลังจากปรีชาพาป้ารุ่งกลับห้องพักไปแล้ว ไอศูรย์ปลอบขวัญมัทนาที่ยังตระหนกตกใจไม่หาย บุปผาเฝ้ามองอย่างริษยา ที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวเข้ามาแทรกกลางทำทีเป็นห่วงเจ้านายของตน
“คุณหมอไปดูอาการป้ารุ่งเถอะค่ะ เดี๋ยวบุปผาดูแลคุณหนูเอง”
“ไม่เป็นไร บุปผาตามไปดูป้ารุ่งเถอะ ผมจะดูน้องมัทเอง”
บุปผาแอบทำหน้าไม่พอใจและจำต้องเดินไป แต่ไม่วายหันกลับมามองไอศูรย์ที่ดูแลมัทนาอย่างดีด้วยความอิจฉา...
หมอปรีชาฉีดยาระงับประสาทให้อิ่ม โดยมีบุรุษพยาบาลช่วยจับตัวแกไว้ ครู่เดียวอิ่มก็หลับลงเพราะฤทธิ์ยา บุปผาเดินมาเมียงมองหน้าห้องแล้วพึมพำอย่างขัดใจ
“ฮึ! อีป้าบ้า! แกน่าจะบีบคอนังคุณหนูขี้แยนั่นให้คอหักตายไปเลย”
หลังจากนั้นไม่นาน ไอศูรย์ออกมาส่งมัทนากับบุปผาขึ้นรถกลับบ้าน เขายังห่วงใยว่าที่คู่หมั้น ถามแล้วถามอีกว่าไม่เป็นอะไรแน่นะ บุปผาแอบมองหมั่นไส้แต่พอเห็นนายสินมองมาก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ
“มัทเจ็บไม่มากหรอกค่ะ แต่ตกใจมากกว่า”
“ก็น่าตกใจอยู่หรอกที่อยู่ๆป้ารุ่งแกก็ลุกขึ้นมาทำร้ายคนอย่างนี้ ทั้งๆที่ระยะหลังมานี่ป้ารุ่งแกสงบลงมากแล้ว”
“ลงว่าเป็นคนบ้า เราเดาใจเขาไม่ออกหรอกค่ะคุณหมอ”
“ป้ารุ่งแกไม่ได้บ้าสักหน่อยบุปผา แกความจำเสื่อมต่างหาก...แล้วป้ารุ่งแกก็คงไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้องมัทหรอกค่ะ พี่ต้นอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่น้องมัทนะคะ น้องมัทไม่อยากให้ท่านกังวล”
ไอศูรย์พยักหน้ารับ แต่บุปผาคิดค้านอยู่ในใจเพราะมีแผนบางอย่าง ครั้นกลับถึงบ้านเทพบริบาล บุปผาปากสว่างเล่าให้คนรับใช้ฟัง ไม่นานนักเรื่องก็รู้ถึงหูคุณหญิงมณีและนายพลเทพ
“เกิดเรื่องร้ายแรงอย่างนี้ขึ้น ทำไมมัทไม่เล่าให้แม่ฟัง”
“แล้วคุณแม่รู้เรื่องนี้มาจากที่ไหนคะ”
“แม่จะรู้เรื่องมาจากไหนมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ทำไมมัทไม่เล่าให้แม่ฟัง”
“ก็มัทไม่อยากให้คุณแม่ตกใจนี่คะ”
“แล้วมัทเป็นอะไรมากรึเปล่าลูก”
“มัทไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ แค่ตกใจเท่านั้น”
คุณหญิงเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว ประกาศไม่ยอมให้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลอีก เช่นเดียวกับนายพลที่กลัวลูกสาวเป็นอันตรายเพราะท่าทางคนไข้ของไอศูรย์จะไว้ใจไม่ได้ บุปผาได้ยินอย่างนั้นลอบยิ้มสมหวัง รีบเสนอตัวทันที
“ถ้างั้นให้บุปผาไปช่วยคุณหมอไอศูรย์คนเดียวก็ได้ค่ะ เพราะปกติป้ารุ่งแกก็พูดแต่กับบุปผาคนเดียวอยู่แล้วค่ะ”
สร้อยระแวง ไม่อยากให้บุปผาไปใกล้ชิดไอศูรย์ จึงขัดคอโดยเร็ว “ไม่ดีมั้ง ฉันว่าให้พวกหมอเขารักษายายป้าบ้านั่นกันไปเองเถอะ อย่างแกจะไปช่วยอะไรเขาได้”
บุปผานิ่งไปทันที โกรธสร้อยแต่ไม่แสดงออก แต่มัทนากลับเห็นดีด้วย
“ถ้าคุณแม่ไม่ให้มัทไปก็ให้บุปผาไปเถอะนะคะ มัทไม่อยากให้พี่ต้นรู้สึกว่ามัทรับปากเขาแล้วไม่รับผิดชอบ”
คุณหญิงมณีนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง สร้อยสีหน้าเป็นกังวล ในขณะที่บุปผาดีใจแต่เก็บซ่อนความรู้สึก เหลือบมองสร้อยอย่างเคืองๆ
เพราะแค้นใจที่สร้อยคอยกีดกันขัดขวางตนอยู่เรื่อย บุปผาแอบเข้ามาในครัวเอาแปรงสีฟันถูในปากตัวเองแล้วคนลงในถ้วยไข่ตุ๋นใบหนึ่งที่กำลังเดือดปุดๆอยู่บนเตา...
เวลานั้นสร้อยยังอยู่บนตึก พูดคุยกับคุณหญิงมณีด้วยเรื่องบุปผาอย่างเป็นกังวล
“จะดีรึคะคุณหญิง ที่จะให้แม่บุปผาไปที่โรงพยาบาลตามลำพังน่ะค่ะ สร้อยกลัวค่ะ ปล่อยให้ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกันมากๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้นะคะคุณหญิง”
“ที่โรงพยาบาลนั่นคนออกจะเยอะแยะ แม่บุปผาไม่ได้ไปอยู่กับพ่อต้นตามลำพังสองคนเสียหน่อย แล้วอีก อย่างฉันก็มั่นใจว่าผู้ชายอย่างพ่อต้นไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย”
“ว่าได้หรือคะ ท่านนายพลก็ไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายเหมือนกันล่ะค่ะ แล้วเป็นไงคะ ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้สืบจนรู้เรื่องนังอุ่นกับลูกมันเสียก่อน ป่านนี้คุณหญิงคงได้มีลูกเลี้ยงอายุพอๆกับคุณหนูมัทนาแล้วล่ะค่ะ”
คุณหญิงมณีหน้าเครียดขึ้นมาทันที แต่พยายามตัดใจไม่คิดมาก บอกสาวใช้คนสนิทว่า
“เอาเถอะ...เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วจะไปพูดถึงมันทำไมอีก แล้วตอนนี้ท่านนายพลก็อยู่กับร่องกับรอย และไม่มีโอกาสมีลูกกับใครได้อีกแล้ว”
สร้อยจำต้องนิ่งเงียบไป ทั้งที่ใจยังระแวงบุปผา...ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรแต่รู้สึกไม่ถูกชะตาบุปผาเอามากๆ
ooooooo
ถึงเวลาอาหารเย็น บรรดาคนรับใช้ล้อมวงกินข้าว บุปผาแจกจ่ายไข่ตุ๋นให้คนละถ้วย โดยเจาะจงเอาถ้วยที่ตัวเองใช้แปรงสีฟันลงไปกวนวางตรงหน้าสร้อย แล้วก็ลอบยิ้มสะใจที่เห็นสร้อยตักไข่ตุ๋นกินอย่างเอร็ดอร่อย
ทุกคนเจริญอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นความจงใจของบุปผานอกจากแสง เขาจับตามองเธอแต่แรกด้วยความสงสัย แล้วรอจนกระทั่งบุปผากินเสร็จเดินกลับห้องพักถึงตามมาคว้าแขนเธอไว้
“บอกมานะ ว่าแกเอาอะไรใส่ลงไปในถ้วยไข่ตุ๋นแม่ฉัน”
บุปผาตกใจแต่รีบกลบเกลื่อนเสียงแหลม “จะบ้าเหรอพี่แสง ฉันจะเอาอะไรใส่ลงไป ไข่ตุ๋นมันก็เหมือนๆกันหมดทุกถ้วยนั่นแหละ”
“ไม่เหมือน! ถ้วยที่แม่ฉันกินมันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ สารภาพกับฉันมาเสียดีๆนะ ไม่งั้นฉันจะไปบอกแม่”
“อยากบอกก็ไปบอกเลย พี่แสงไม่มีหลักฐานอะไรจะมาปรักปรำฉันได้หรอก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอใส่อะไรลงไปในนั้นให้แม่ฉันกินจริงๆใช่ไหม” แสงบิดข้อมือบุปผาอย่างแรง
บุปผาพยายามดึงมือออกแต่สู้แรงแสงไม่ได้ ทันใด นั้นสินโผล่พรวดเข้ามากระโดดถีบแสงล้มลง บุปผาได้ทีฟ้องสินว่าแสงลวนลามตน สินโมโหสุดขีดพุ่งเข้าใส่หมายอัดแสงเต็มๆเท้า แต่สร้อยวิ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
“หยุด! พอที! ไอ้แสง แกเลิกยุ่งกับนังบุปผามันสักทีได้มั้ย แล้วไอ้สิน...แกพานังบุปผากลับห้องไปทีไป๊ แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าพวกแกมีเรื่องแบบนี้กันอีก ไม่งั้นไม่ใครก็ใครต้องได้ระเห็จออกจากบ้านเทพบริบาลนี่แน่”
สินไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไร พาบุปผาออกไปทางหนึ่ง แสงก็ฮึดฮัดออกไปอีกทาง สร้อยถอนใจอย่างกลัดกลุ้มแล้วตามไปคาดคั้นลูกชายว่าลวนลามบุปผาจริงหรือเปล่า
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอะไรมัน”
“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“ก็ฉันสงสัยว่า...ฮึ่ย! พูดไปก็เท่านั้นแหละแม่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง แต่ฉันว่านังบุปผานี่มันไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่มันแสร้งทำตัวหรอกนะแม่”
สร้อยนิ่งไป คิดอย่างเดียวกัน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์เลยตัดบท
“เอาเถอะๆ มันจะเป็นคนแบบไหนแน่สักวันเราก็คงได้รู้ แต่ฉันขอเตือนแกก่อนนะไอ้แสง อยู่ห่างๆนังบุปผาเอาไว้ แกก็รู้ว่าไอ้สินมันหวงน้องสาวมันยังกับอะไรดี เพราะฉะนั้นแกก็อย่าไปยุ่งกับมัน ไม่งั้นสักวันแกจะต้องเดือดร้อนเพราะมัน เข้าใจมั้ย”
แสงพยักหน้ารับทั้งที่ในใจยังขุ่นมัว ขณะที่สร้อยก็ไม่ชอบบุปผามากขึ้นทุกที...มีแต่สินคนเดียวที่ทั้งรักทั้งหลงบุปผา อยากรู้ว่าแสงลวนลามเธอจริงใช่ไหม?
“ก็ใช่น่ะสิพี่สิน ถามอย่างนี้ไม่เชื่อฉันรึไง”
“เชื่อสิจ๊ะ พี่ก็เห็นอยู่ว่าไอ้แสงมันชอบมองบุปผาไม่วางตาเลย พี่ไม่สบายใจเลยรู้ไหม พี่กลัวว่าสักวันบุปผาจะเสียท่ามัน”
“คนอย่างฉันไม่เสียทีใครง่ายๆหรอก”
“บุปผาจ๋า...พี่พาบุปผาเข้ามาอยู่ที่นี่ก็หลายวันแล้ว บุปผาจะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยเหรอ”
สินออดอ้อนเข้ากอดรัด...บุปผารังเกียจแต่ไม่ บ่ายเบี่ยง รู้ว่าถ้าเล่นตัวทุกครั้งเขาจะโกรธ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเธอแน่
“ชื่นใจจริงบุปผา รู้ไหมว่ายิ่งได้เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันอย่างนี้แต่แตะต้องไม่ได้มันทรมานใจพี่ขนาดไหน”
สินเสียงกระเส่าด้วยแรงเสน่หา ซุกไซ้ซอกคอบุปผาอย่างคลั่งไคล้ใหลหลง
ooooooo
เช้าวันถัดมา นายพลเทพไม่ยอมให้สินขับรถ ไปส่งที่กระทรวงเหมือนทุกวัน เพราะเมื่อคืนเขาได้รับ การติดต่อจากดำเกิงลูกน้องคนสนิทว่ามีธุระสำคัญ จะคุยด้วย
ทั้งคู่นัดพบกันหลังกรมทหาร ท่าทางนายพลเทพร้อนใจไม่น้อย ถามดำเกิงว่ามีข่าวอะไรรีบบอกมา
“ที่ท่านให้ผมเป็นธุระเรื่องขายที่ดินที่เคยเป็นบ้านของคุณอุ่น ผมก็เลยได้พบกับชาวบ้านแถวนั้น เขาเล่าให้ผมฟังว่าคืนที่เกิดไฟไหม้นั้นมีคนเห็นคุณอิ่มพี่สาวคุณ อุ่นวิ่งอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งออกจากบ้านแล้วก็หายตัวไป ตั้งแต่นั้น ผมจึงคิดว่าเด็กทารกที่คุณอิ่มอุ้มหายไปคืนนั้นน่าจะเป็นลูกของท่านครับ”
“ก็ไหนว่าแม่อุ่นตายพร้อมลูกในท้องอย่างไรเล่า”
“แต่ตอนที่พบศพคุณอุ่นหลังจากไฟมอดแล้วนั่น สภาพศพไหม้เกรียมจนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีลูกอยู่ในท้องหรือไม่นี่ครับท่าน”
“หมายความว่า...ลูกฉันที่เกิดกับแม่อุ่นอาจจะมีชีวิตอยู่ใช่ไหมดำเกิง”
“ก็ถ้าเราสามารถหาตัวคุณอิ่มพบ เราก็คงจะได้รู้ ความจริงกันละครับ แต่มันอาจจะไม่ง่ายเพราะเรื่องมันผ่านมานานเกือบ 20 ปีแล้วนะครับท่าน”
“ถึงจะไม่ง่าย แต่ฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าลูกฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จะต้องเสียเงินอีกเท่าไหร่ก็เสียไปแต่ต้องสืบให้ได้ว่าแม่อิ่มไปอยู่ที่ไหน และเด็กที่แม่อิ่มอุ้มหายไปในคืนนั้นใช่ลูกฉันหรือไม่”
ดำเกิงรับคำแต่โดยดี นายพลเทพสีหน้าตื่นเต้นและมีความหวังกับข้อมูลใหม่เป็นอย่างยิ่ง...
เย็นนั้น บุปผาเตรียมตัวไปโรงพยาบาลตามที่มัทนามอบหมายหน้าที่ให้ไปแทนเธอเนื่องจากคุณหญิงมณีไม่อนุญาตหลังทราบว่าเมื่อวานมัทนาถูกคนไข้ของไอศูรย์บีบคอ สร้อยกำชับบุปผาให้แต่งตัวสะอาดสะอ้านเรียบร้อย อย่าให้หมอไอศูรย์ดูถูกคนบ้านเราได้ เสร็จแล้วให้นายสินรอรับกลับมาบ้าน
บุปผารับปากดิบดีแต่พอลับหลังสร้อยก็พูดกับสินอีกอย่างว่า “ส่งบุปผาแล้วพี่สินกลับบ้านไปได้เลยนะ”
“อ้าว...แล้วบุปผาจะกลับบ้านยังไงล่ะจ๊ะ”
“ฉันหาทางกลับบ้านได้เองแหละน่า แต่พี่สร้อยสั่งให้ฉันบอกพี่สินว่าส่งฉันเสร็จแล้วให้พี่กลับบ้านเลย เพราะวันนี้ท่านนายพลจะกลับดึก พี่สร้อยอยากให้พี่สินกลับไปช่วยเฝ้าบ้านน่ะ”
“เอางั้นเหรอ ก็ได้ๆ ถ้าบุปผาเสร็จแล้วกลับบ้านทันทีเลยนะจ๊ะ อย่าเถลไถลไปที่ไหนล่ะ”
“รู้แล้วล่ะน่า” บุปผาปั้นยิ้มให้เขาก่อนลงจากรถเดินเข้าโรงพยาบาล แอบดูจนแน่ใจว่าสินกลับไปแน่แล้วหยิบเครื่องสำอางที่แอบพกมาแต่งหน้าบางๆพอให้มีสีสันสดใสก่อนเดินเข้าไปพบหมอไอศูรย์
หลังจากทักทายกันเล็กน้อย หมอไอศูรย์ก็พาบุปผาไปทางห้องพักป้ารุ่ง
“หมอปรีชาก็แปลกใจนะ ทำไมเมื่อวานป้ารุ่งถึงได้ลุกขึ้นทำร้ายน้องมัทอย่างนั้น ทั้งที่ระยะหลังมานี่ป้ารุ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่อาละ– วาดเหมือนแต่ก่อน”
“แล้ววันนี้จะให้บุปผาทำอะไรบ้างคะ”
“ค่อยๆคุยกับป้ารุ่ง พี่หมอปรีชาอยากให้บุปผาพยายามถามชื่อแก ถ้าแกเริ่มจำชื่อตัวเองได้ บางทีเราอาจ จะสามารถตามหาญาติแกได้บ้าง”
บุปผาพยักหน้ารับแล้วยิ้มหวานให้หมอหนุ่มรูปหล่อ ไอศูรย์ไม่ได้สนใจเธอนักจะก้าวเดินต่อไป แต่ทันใดอิ่มหรือป้ารุ่งก็วิ่งพรวดเข้ามากอดบุปผาแน่น ร่ำร้องเรียกลูกไม่หยุดปาก ทำเอาบุปผางุนงง ไอศูรย์เองก็แปลกใจ
“วันนี้ป้ารุ่งฟุ้งไปใหญ่เลยนะคะ” บุปผาหันไปพูดกับหมอไอศูรย์ แล้วสร้างภาพว่ารักและสงสารป้ารุ่ง ด้วย การกอดตอบแกอย่างแนบแน่น...
ด้านสินเมื่อกลับถึงบ้านเทพบริบาลก็ถูกสร้อย ซักไซ้ว่าทำไมกลับเร็วนัก แล้วบุปผาล่ะ?
“อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะสิพี่สร้อย ก็บุปผาบอกว่าพอฉันส่งเสร็จก็ให้กลับมาเลย ให้มาช่วยเฝ้าบ้านไม่ใช่เหรอ”
สร้อยชะงักเพราะตนไม่ได้พูดแบบนี้สักนิด แต่ก็ไม่แย้งอะไรนายสิน ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับรู้
ooooooo
เมื่อได้เวลากลับบ้าน บุปผาบอกไอศูรย์ว่านายสินกลับไปก่อนแล้ว อีกสามชั่วโมงถึงจะกลับมารับเธอที่นี่ ไอศูรย์เห็นว่านานเกินรอจึงอาสาขับรถไปส่งเธอด้วยตัวเอง
บุปผายิ้มสมใจที่แผนของตนสำเร็จ นั่งชูคอหน้าระรื่นในรถหมอรูปหล่อ แต่ถ้าจะให้เขาตรงไปส่งบ้านเลยก็น่าเสียดายโอกาส เลยแกล้งวิงเวียนเป็นลมจนคุณหมอต้องจอดรถซักถามด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนี้เองเพชรนั่งรถผ่านมาเห็น เกิดเข้าใจผิดอย่างแรงว่าไอศูรย์กำลังพลอดรักกับผู้หญิง...แล้วออกรถไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดโดยไม่แวะทักทาย
แผนของบุปผาสำเร็จลุล่วง เธอสำออยจนหมอ ไอศูรย์หลงกลนึกว่าเธอเป็นลมเพราะหิวข้าว
“วันนี้บุปผาทำงานวุ่นๆทั้งวัน แล้วก็รีบมาที่โรง พยาบาล เลยยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“งั้นเอาอย่างนี้ ไหนๆวันนี้ก็กลับเร็วแล้ว ฉันจะพาเธอไปหาอะไรทานก่อนกลับบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณที่เธอมาช่วยงานที่โรงพยาบาลด้วยดีไหม”
บุปผาพยักหน้า ยิ้มร่าทันที...
โพล้เพล้ใกล้ค่ำ คุณหญิงมณีเคลิ้มหลับและฝันร้ายว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาบอกว่าเป็นลูกสาวของนายพลเทพ แล้วหล่อนก็ปรี่ไปใช้มีดแทงมัทนาจนเลือดเปรอะทั้งตัว...
คุณหญิงมณีกรีดร้องสุดเสียง ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด สร้อยทำงานอยู่แถวนั้นได้ยินเสียงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถามนายของตนว่าเป็นอะไร คุณหญิงเหลียวซ้ายแลขวารู้ตัวว่าฝันไปก็ถอนใจยาวอย่างโล่งอก
“ฉันฝันร้ายน่ะสร้อย ฝันว่าจู่ๆก็มีคนมาหา มาบอก ว่าเป็นลูกสาวอีกคนของท่านนายพล แล้วก็พุ่งเข้าทำร้ายยายมัท...โอ๊ย ภาพมันยังติดตาฉันอยู่เลย”
“สร้อยว่าคุณหญิงคงกังวลกับเรื่องที่คุณชไมบอกว่าคุณหนูกำลังดวงร้าวจนเก็บเอามาฝันร้ายน่ะค่ะ คุณหญิงอย่าลืมสิคะว่าท่านนายพลไม่มีทางจะมีลูกที่ไหนได้อีกแล้ว”
คุณหญิงมณีพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย สีหน้าผ่อน คลายลง...
เวลาเดียวกันนั้น บุปผาอิ่มเอมใจที่ได้อยู่กับไอศูรย์สองต่อสองที่ร้านอาหาร เธอกินข้าวคำสุดท้ายเสร็จก็พนม มือไหว้จานข้าวท่าทางเรียบร้อย พยายามสร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนดีในสายตาเขา
“บุปผาต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอ เด็กบ้านนอกอย่างบุปผาก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทานอาหารดีๆอย่างนี้”
“ฉันสิต้องขอบคุณเธอที่อุตส่าห์ไปช่วยงานที่ โรงพยาบาล ทั้งๆที่ป้ารุ่งก็ไม่ใช่ญาติของเธอ เธอเป็นคน จิตใจดีจริงๆ”
บุปผาแสร้งยิ้มเอียงอาย แต่แล้วชะงักด้วยความ ตกใจเมื่อเหลือบเห็นกำพลกับมุกกำลังเดินเข้ามาในร้าน
“บุปผาขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะหมอ”
เธอลุกพรวดออกไปโดยที่ไอศูรย์ไม่ได้สงสัยอะไรเลย แต่กำพลกับมุกเห็นหลังเธอไวๆ รีบก้าวตามไปหมาย มั่นปั้นมือว่าวันนี้ต้องจับตัวบุปผาให้ได้
บุปผาเห็นท่าไม่ดีหลบไปทางหลังร้านซึ่งเป็น ห้องครัว แล้วพอจวนตัวก็ผลักหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดจัดบนเตาหล่นลงพื้น น้ำหกกระจายโดนขากำพลกับมุกจน เต้นเร่าๆร้องเอะอะโวยวาย พนักงานร้านตกใจวิ่งเข้ามาดู บุปผาซึ่งซ่อนตัวอยู่ฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังโกลาหลหลบออกจากครัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วเร่งไอศูรย์ให้รีบกลับอ้างว่ากลัวพี่ชายจะเป็นห่วง
เมื่อรถจอดสนิทหน้าบ้านเทพบริบาล บุปผาพนมมือไหว้ขอบคุณไอศูรย์อีกครั้งและหวังว่าจะได้ยินคำพูดหวาน หูให้ชื่นใจบ้าง
“ไม่เป็นไร ฉันจะได้แวะมาหาน้องมัทด้วยน่ะ”
บุปผาหน้าเจื่อน นึกโมโหที่ไอศูรย์ไม่สนใจตนเลย เอาแต่คิดถึงมัทนาตลอด เธอมองตามเขาเดินขึ้นตึกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อสร้อยปรี่มาคว้าแขนเธอหมับ
“ทำไมแกถึงให้นายสินมันกลับมาบ้านก่อน ไม่ให้มันรอรับแกกลับ”
“ฉันไม่ได้ให้พี่สินกลับก่อนนะจ๊ะ แต่พี่สินบอกว่าเป็นห่วงบ้าน แล้วก็ขี้เกียจนั่งรออยู่ที่โรงพยาบาลด้วยเลยขอกลับก่อน แล้วให้ฉันกลับเองน่ะจ้ะ”
สร้อยหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่บุปผายืนยันขันแข็งก็เลยต้องปล่อยไป แล้วรีบขึ้นเรือนคอยรับใช้คุณหญิงมณีกับมัทนาที่คุยอยู่กับไอศูรย์
“วันนี้อาการป้ารุ่งดีขึ้นไหมคะพี่ต้น”
“จู่ๆวันนี้ป้ารุ่งแกก็เรียกบุปผาว่าลูก แล้วก็บอกว่าตัวเองชื่ออุ่น”
“อ้าว...ไหนทีแรกป้ารุ่งเรียกบุปผาว่าอุ่น ทำไม ตอนนี้มาเรียกตัวเองว่าอุ่นเสียอย่างนั้นล่ะคะพี่ต้น”
“พี่หมอปรีชาบอกว่า...ความจำแกคงสับสนมากน่ะ”
“โถ...น่าสงสารจังนะคะพี่ต้น”
สร้อยคันปากอยากรู้ว่าบุปผาช่วยอะไรได้บ้างไหม สอบถามไอศูรย์ด้วยท่าทีเกรงใจ ซึ่งหมอหนุ่มตอบอย่างสุภาพว่า
“มากครับ ตอนนี้บุปผาเป็นคนเดียวที่ป้ารุ่งยอมพูดด้วย พี่หมอปรีชาเชื่อว่าบุปผาอาจจะหน้าเหมือนหรือมีบุคลิกเหมือนคนที่ป้ารุ่งเคยรู้จักน่ะครับ”
คุณหญิงมณีกับสร้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไอศูรย์หันไปสบตามัทนาและยิ้มให้กันหวานชื่น โดยทุกคนไม่รู้เลยว่าบุปผาแอบมองมานัยน์ตาลุกวาวด้วยความริษยามัทนา
ooooooo
ที่หอโคมแดง ทุกคนรุมดูมุกที่กลับมาในสภาพขาพองแดงเพราะโดนน้ำร้อนกระเด็นใส่ หลายคนบอกว่าต้องเป็นแผลเป็นแน่ มุกไม่ค่อยสนใจนัก บอกเล่าเรื่องที่เห็นบุปผา มั่นใจว่าต้องใช่มันแน่
“แล้วมันมากับใครล่ะ” เดือนซัก
“ไม่รู้ ไม่ทันเห็น แต่คุณกำพลเขาก็เห็นเหมือนฉันแหละ เราสองคนถึงได้วิ่งตามมันไปที่หลังร้าน แล้วก็เลยโดนน้ำเดือดหกใส่มายังงี้ไงล่ะ”
“ว้า...เลยไม่รู้เลยว่านังบุปผามันไปอยู่ที่ไหนกับใคร”
มุกหันมองผกาที่นิ่งเงียบตลอด ถามดักคอว่า “แม่รู้ใช่ไหมว่านังบุปผามันออกไปอยู่ที่ไหนกับใคร”
“มันไปดีแล้ว พวกเราก็อย่าไปสนใจมันเลยน่า” ผกาตัดบทแล้วลุกหนี มุกยิ่งมั่นใจว่าผกาต้องรู้แน่นอนว่าบุปผาไปอยู่ที่ไหน...
ด้านเพชรที่เข้าใจไอศูรย์ผิด เขามาดักรอหน้าบ้านตั้งแต่เย็นและกว่าจะเจอตัวก็ค่ำมืด เพชรไม่พูดพล่ามพุ่งเข้าชกหน้าไอศูรย์แล้วต่อว่าอย่างฉุนเฉียว
“ผมไม่นึกเลยนะว่าพี่ต้นเป็นคนอย่างนี้ กำลังจะหมั้นกับน้องมัทอยู่แท้ๆ แต่กลับพาผู้หญิงอื่นไปจอดรถทำบัดสีอยู่ริมถนน ไม่อายผีสางเทวดาเลย ทุเรศที่สุด”
“เพชรพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ”
“พี่ต้นไม่ต้องมาทำตีหน้าซื่อทำเป็นไม่เข้าใจ ผมเห็นมากับตาของผมเองเลยว่าพี่ต้นทำอะไร ผมผิดหวังในตัวพี่ต้นที่สุด”
ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์เดือด เพชรจะซัดไอศูรย์อีก เลยเกิดแลกหมัดกันครู่หนึ่งก่อนที่ไอศูรย์จะเพลี่ยงพล้ำถูกเพชรชกจนล้มคว่ำ แล้วชี้หน้าประกาศกร้าว
“ผู้หญิงดีๆอย่างน้องมัทไม่สมควรจะเป็นคู่ครองของผู้ชายเจ้าชู้อย่างพี่ต้น ตราบใดที่น้องมัทกับพี่ต้นยังไม่ได้หมั้นกัน ผมนี่แหละจะแย่งน้องมัทมาจากพี่ต้นให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู”
พูดจบเพชรผลุนผลันจากไป ทิ้งไอศูรย์งงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น...แล้วเพชรก็พูดจริงทำจริง เขาอาสาขับรถไปส่งพลอยที่บ้านเทพบริบาลในวันรุ่งขึ้น และอยู่พูดคุยกับมัทนาอย่างสนิทสนม แถมปากหวานจีบเธอซึ่งหน้า ทำเอาพลอยเหวอไม่คิดว่าพี่ชายจะกล้าขนาดนี้
บุปผาถูกแม่ครัวใช้ให้ยกขนมขึ้นไปให้มัทนากับเพื่อนบนตึก เมื่อเธอเห็นเพชรก็ตกใจสุดขีดทำแก้วน้ำหลุดมือตกแตกกระจาย กลัวเขาจำได้รีบก้มหน้างุดเก็บเศษแก้ว เพชรเมียงมองอย่างคลับคล้ายคลับคลา ทักถามเหมือนเคยเจอกันมาก่อน
“ไม่ค่ะ เราไม่เคยเจอกันหรอกค่ะ คุณคงจำผิดเสียแล้วล่ะค่ะ บุปผาเพิ่งมาจากบ้านนอกได้ไม่กี่วันนี้เอง”
“จริงค่ะพี่เพชร บุปผาเพิ่งมาจากต่างจังหวัด มา อยู่บ้านนี้ไม่กี่วันเองค่ะ”
“งั้นพี่คงจำผิดไป”
“บุปผาจ๊ะ นี่พี่เพชร เป็นพี่ชายของคุณพลอย เพื่อน สนิทฉันเองจ้ะ”
มัทนาแนะนำเสียงใส บุปผารับคำเบาๆ แล้วขอตัวกลับออกมาด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าสักวันเพชรจะจำได้ว่าเคยนอนกับเธอที่หอโคมแดง
ในเวลาเดียวกัน กำพลหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องที่เห็นบุปผาเมื่อวานแต่จับตัวไม่ได้ แถมยังเจ็บตัวโดนน้ำร้อนลวกขาจนวันนี้ต้องอยู่โยงกับบ้าน พ่อเห็นลูกชายอยู่ติดบ้านก็สงสัย ถามว่าไม่ออกไปไหนเหรอ
“คงไม่หรอกครับพ่อ ยังเจ็บขาที่โดนน้ำร้อนลวกเมื่อวานไม่หายเลยครับ”
“ไปทำท่าไหนมาฮึ ถึงได้โดนน้ำร้อนลวกเอาได้น่ะ”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับพ่อ”
“ไม่ใช่ไปเล่นพิสดารกับผู้หญิงที่ไหนใช่มั้ย มีคนมาเล่าให้พ่อฟังว่าแกน่ะชอบไปคลุกอยู่ที่หอโคมแดง บ่อยๆเบาๆลงหน่อยเถอะวะ ประเดี๋ยวไปติดโรคพรรค์อย่างว่ามา ผู้หญิงดีๆเขาจะไม่เอาแก พ่อยังอยากได้ลูกสาว คนดีๆเป็นสะใภ้นะ ไม่ใช่ผู้หญิงหอโคมแดง”
“ครับพ่อ” กำพลรับคำเสียงอ่อย...นึกถึงพลอยน้องสาวเพื่อนรักขึ้นมาทันที
ooooooo
เช้าวันนี้ นายพลเทพชวนมัทนาใส่บาตรแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้อุ่นกับลูกที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าตายทั้งคู่ในกองไฟ...สร้อยจำได้ว่าวันนี้คือวันที่ตัวเองวางเพลิงบ้านอุ่น และเห็นท่านนายพลทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว จึงมั่นใจว่าท่านต้องใส่บาตรให้อุ่นกับลูกแน่
มัทนาได้รับพระองค์เล็กๆจากพระสงฆ์ที่มารับ บาตร เธอนำมาส่งต่อแก่บุปผาฝากไปให้ป้ารุ่ง เผื่อคุณพระ คุณเจ้าจะช่วยบันดาลให้ความจำแกกลับคืนมา ครั้งนี้ บุปผาเลยได้หน้าจากไอศูรย์ไปเต็มๆ
“เธอเป็นคนดีจริงๆบุปผา อุตส่าห์หาพระมาให้ ป้ารุ่ง”
“ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆเท่าที่บุปผาจะพอหามาให้ได้น่ะค่ะ”
“งั้นเธอเอาให้ป้ารุ่งด้วยตัวเองเลยสิ”
บุปผารับคำแล้วหันไปหาป้ารุ่ง พูดจาอ่อนหวาน ก่อนสวมสร้อยพระห้อยคอให้แก จังหวะนี้พยาบาลเข้ามา บอกไอศูรย์ว่ามีคนไข้ด่วน หมอจึงผละออกไป บุปผาชักสีหน้าผิดหวัง พอโดนป้ารุ่งสะกิดชวนคุยก็ระบายอารมณ์ใส่เสียงเขียว หงุดหงิดเจ็บใจที่ตัวเองแค่ได้หน้าแต่ไม่ได้ใจหมอไอศูรย์
นายสินจอดรถหน้าโรงพยาบาล เห็นบุปผาเดินกระฟัดกระเฟียดกลับมาก็แปลกใจ ถามว่าเป็นอะไร หรือว่าป้ารุ่งก่อเรื่องอีก
“เปล่า” บุปผาสะบัดเสียงใส่
“แล้วบุปผาอารมณ์เสียเรื่องอะไรมา...ขี้หงุดหงิด อย่างนี้ท้องรึเปล่า ถ้าบุปผาท้องจริงๆก็ดีน่ะสิ ฉันจะได้บอกความจริงกับทุกคนเสียทีว่าบุปผาน่ะเป็นเมียฉัน ไม่ใช่น้อง”
“ถ้าพี่สินบอกคนอื่นว่าฉันเป็นอะไรกับพี่...พี่กับฉัน...เราขาดกัน!”
สินอึ้งไปทันที บุปผาปรับท่าทีอ่อนลง กลัวอาละวาดใส่เขามากเกินไปแล้วตนจะเดือดร้อน “ฉันก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเพราะเหนื่อยน่ะ พี่สินก็น่าจะรู้ อยู่กับคนบ้ามันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“งั้นพี่ไปบอกคุณหญิงให้เอาไหมว่าบุปผาขอเลิกมาช่วยงานที่โรงพยาบาลนี่”
“อย่านะ พี่ก็รู้ว่าฉันเป็นคนเพิ่งมาอยู่ใหม่ ขืนเรื่องมากเจ้านายเหม็นขี้หน้าขึ้นมาฉันจะลำบาก”
สินคล้อยตามเหตุผลของบุปผา ออกรถมุ่งหน้ากลับบ้านโดยไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย
ooooooo
สายวันนี้ นายพลเทพไปพบดำเกิงหลังกรมทหาร ถามอย่างร้อนรนว่า “หาตัวแม่อิ่มพบแล้วรึดำเกิง”
“ยังครับ...ผมให้คนออกสืบข่าวไปทั่วแต่ยังไม่พบตัวเลยครับ แต่มีข่าวว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาและอายุ ใกล้เคียงกับคุณอิ่มเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านคุณอุ่นที่สุดในคืนที่เกิดไฟไหม้นั้น”
“แล้วเด็กล่ะ”
“ยังไม่ทราบครับ คงต้องไปขอข้อมูลจากโรงพยาบาลนั่นก่อน”
“ก็ไปขอมาสิ”
“แต่ข้อมูลการรักษาคนไข้เป็นความลับทางการ แพทย์นะครับท่าน ถ้าเดินเข้าไปขอมาเฉยๆเขาคงไม่ให้แน่”
“โรงพยาบาลอะไรบอกชื่อมา ถ้านายพลเทพ เทพบริบาล เป็นคนขอ หน้าไหนมันจะกล้าไม่ให้ข้อมูลก็ให้มันรู้ไป” นายพลเทพสีหน้าขึงขัง มุ่งมั่นมาก...
หลังได้ข้อมูลที่ต้องการจากดำเกิงแล้ว นายพลเทพกลับเข้าบ้านด้วยท่าทีปกติ ไม่ต้องการให้คนในบ้านระแคะระคายเรื่องที่เขาตามหาลูกอีกคน เวลานั้นคุณหญิงมณีไม่อยู่ ไปพบคุณหญิงแจ่มจันทร์ที่บ้านเพื่อนัดหมายเรื่องที่ชไมให้พาไอศูรย์กับมัทนามาสะเดาะเคราะห์ เมื่อเพชรมาขออนุญาตพามัทนาไปดูละครการกุศลเย็นนี้ นายพลเทพจึงอนุญาตเพราะเห็นว่าไม่ได้ไปกันสองต่อสอง แต่มีน้องสาวของเพชรไปด้วย
คุณหญิงมณีกลับมารู้เห็นตอนเพชรมารับมัทนาพอดี อีกทั้งไอศูรย์ก็เพิ่งมาถึง คุณหญิงไม่พอใจลากลูกสาวมาคุยกันส่วนตัว ตำหนิว่าทำน่าเกลียด ลูกกำลังจะหมั้นกับไอศูรย์แต่ออกไปเที่ยวกับคนอื่น
“มัทก็ไม่ได้อยากไปหรอกค่ะ แต่พอดีตอนที่พี่เพชรมาชวน คุณพ่อก็อยู่ด้วย คุณพ่อเลยบอกให้ไป อย่า ให้พี่เพชรมาชวนเก้อ เดี๋ยวจะเสียมารยาทน่ะค่ะ”
คุณหญิงฟังแล้วนิ่งไป ไม่ว่าอะไรลูกสาวอีก แต่ไปเอาเรื่องกับสามีแทน
“ทำไมคุณทำอย่างนี้คะ ทำไมคุณถึงอนุญาตให้ลูกมัทไปดูละครการกุศลกับพ่อเพชร คุณก็รู้ว่าลูกเรากำลังจะหมั้นกับลูกชายของคุณหญิงแจ่มจันทร์อยู่แล้ว มันไม่งามเลย”
“ก็ผมเห็นว่าพ่อเพชรเขามาขออนุญาตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ยายพลอยน้องสาวเขาก็ไปด้วย แล้วไปดูละครการกุศลนะคุณ ไม่ได้ไปเที่ยวกันลำพังสองคนเสียที่ไหน ผมก็เลยอนุญาตให้ลูกไปน่ะสิ”
“แต่ถ้าคุณหญิงแจ่มจันทร์รู้คงไม่พอใจ”
“ผมขอโทษนะที่ไม่ทันคิดอะไรให้รอบคอบ”
“เอาเถอะค่ะ อนุญาตไปแล้วก็แล้วไปเถอะค่ะ อย่าให้มีครั้งที่สองก็แล้วกันนะคะ”
ใช่แต่คุณหญิงมณีที่ไม่พอใจ ไอศูรย์เองก็ไม่ชอบใจที่ว่าที่คู่หมั้นออกไปเที่ยวกับชายอื่นต่อหน้าต่อตา แต่คนที่ดี๊ด๊าเริงร่าก็คือบุปผา ดีใจที่เห็นคู่รักผิดใจกันในวันนี้ ฝ่ายสาวพลอยไม่รู้มาก่อนว่าพี่ชายจะพามัทนามาดูละคร พลอยมากับกำพล พอเห็นมัทนามากับเพชรก็ดึงตัวเธอมาต่อว่าเป็นการใหญ่
“ยายมัท...เธอกำลังจะหมั้นกับพี่ต้นอยู่แล้ว แล้วทำไมเธอถึงออกมาเที่ยวกับพี่เพชรอย่างนี้ เธอไม่ได้รักพี่ต้นจริงๆใช่ไหม ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
“พลอย...ฟังฉันก่อน ก็พี่เพชร...”
พลอยไม่ฟังให้จบ ใจร้อนตบหน้ามัทนาด้วยความโกรธแล้วกรีดเสียงตำหนิ “ถ้าพี่เพชรไปชวนเธอ แล้วเธอปฏิเสธ พี่เพชรก็คงจะไม่สามารถลากตัวเธอมาจนถึงโรงละครนี่ได้หรอก เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะยายมัท ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
พูดจบพลอยเดินหนีทันที มัทนามองตามหน้าเศร้า แล้วเข้าไปนั่งดูละครด้วยกันอย่างไม่มีความสุข พลอยหมางเมินไม่มองมัทนาที่อยากจะง้อเพื่อนเต็มแก่...
ooooooo
คืนเดียวกัน บุปผาเห็นว่าปลอดคนจึงย่องเข้าไปใช้โทรศัพท์บนเรือนใหญ่โทร.หาผกา โดยไม่รู้ว่าสินจับตามองตลอดเวลา และได้ยินคำพูดของเธอทั้งหมด โดยเฉพาะประโยคที่ว่าเข้ามาอยู่ในบ้านเทพบริบาลเพื่อใกล้ชิดหมอไอศูรย์ที่เธอหลงรักแต่แรกเห็น
สินทนไม่ไหวเข้ามากระชากบุปผาออกจากเรือนอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วตัดพ้อต่อว่าด้วยความเสียใจ
“บุปผาไม่ได้รักฉัน ไม่ได้คิดจะเข้ามาทำงานในบ้านนี่เพื่อเก็บเงินแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับฉันใช่มั้ย แต่ความจริงบุปผาหลอกใช้ฉันให้พาเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้เพราะบุปผาคิดจะหาทางใกล้ชิดคุณหมอไอศูรย์ต่างหาก”
“พี่สินพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ”
“บุปผาไม่ต้องมาทำเป็นโง่ไม่รู้เรื่อง บุปผาน่ะเป็นคนฉลาดจะตาย คนที่โง่น่ะคือฉันต่างหากล่ะ โง่จนถูกผู้หญิงหลอกใช้ แล้วไอ้คนโง่คนนี้แหละจะไปบอกความจริงกับทุกคนว่าแท้ที่จริงแล้วบุปผาไม่ใช่น้องสาวฉัน แต่เป็นเมีย” ว่าแล้วสินพุ่งไปที่เรือนคนใช้ บุปผาวิ่งตามและฉวยไม้ข้างทางฟาดต้นคอเขาสุดแรง
ร่างสินทรุดฮวบแน่นิ่งแต่ยังมีลมหายใจ บุปผาคิดกำจัดเขาเพื่อเก็บงำความลับของตัวเองต่อไปด้วยการคว้าก้อนหินจะทุบซ้ำที่หัว แต่แสงอยู่อีกทางเห็นเงาตะคุ่มๆส่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย! อะไรกันน่ะ”
บุปผาตกใจโยนก้อนหินทิ้งทันที แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นคนดีร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย พี่สินหกล้มหัวฟาดพื้นแล้วแน่นิ่งไปเลยจ้ะ”
แสงรีบวิ่งเข้ามาดูก่อนจะตะโกนเรียกคนอื่นมาช่วยกัน บุปผาเฝ้าดูทุกคนชุลมุนวุ่นวายด้วยความกังวล ไม่ต้องการให้นายสินฟื้นขึ้นมา แต่ท่าทางจะผิดหวังเพราะสินถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลโดยมีคุณหญิงมณีนำทีม และไอศูรย์ก็ถูกตามตัวมากลางดึกเพื่อรักษาเขาให้ดีที่สุด
บุปผาอยากให้สินตายแต่ต้องแสร้งร่ำไห้ปานจะขาดใจ ฟูมฟายเป็นห่วงพี่ชายเหลือเกิน ทุกคนเชื่อหมด ยกเว้นแสงที่จับตาดูเธออย่างติดใจสงสัย ไม่เชื่อคำพูดบุปผาที่บอกคุณหญิงมณีว่าสินหกล้มหัวฟาดพื้น แล้วแสงก็ดึงสร้อยออกจากกลุ่มไปคุยกันสองคน
“แม่ไม่สงสัยบ้างเลยเหรอว่าทำไมพี่สินถึงจะหกล้มหัวฟาดพื้น จนไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ได้”
“แล้วเอ็งสงสัยอะไร”
“ฉันก็ไม่รู้นะ แต่ก่อนที่ฉันจะไปเจอ ฉันได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน แต่จับความไม่ได้ แล้วพอฉันวิ่งเข้าไปดู ฉันก็เห็นนังบุปผามันทำท่าแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“ฉันก็เห็นไม่ถนัดตาหรอกนะ เพราะตรงนั้นมันมืด เป็นไปได้ไหมว่าพี่สินไม่ได้หกล้มเอง”
“เอ็งคิดว่านังบุปผามันผลักไอ้สินเหรอ”
“แม่ว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ ว่าไอ้สองคนพี่น้องนี่อาจจะทะเลาะกันจนเรื่องมันเลยเถิด”
“แม่ไม่รู้ แต่เราคงจะได้รู้แน่ ตอนที่ไอ้สินมันฟื้นขึ้นมานั่นแหละ” สร้อยตัดบทแล้วเหลือบมองไปทางบุปผาที่ยังคงร่ำไห้คร่ำครวญเป็นห่วงนายสิน...
ผ่านไปพักใหญ่ ไอศูรย์ออกจากห้องฉุกเฉิน บุปผาพุ่งไปหาก่อนใคร อยากรู้ว่าพี่ชายของตนเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้นายสินยังไม่รู้สึกตัวเลยยังบอกอะไรมากไม่ได้ คงต้องรอให้ฟื้นเสียก่อนน่ะบุปผา ฉันว่าบุปผากับทุกคนกลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ เพราะตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ไว้มาเยี่ยมกันใหม่ตอนเช้าจะดีกว่านะครับ”
“ขอบใจพ่อต้นมากนะ ป้าฝากนายสินด้วยก็แล้ว กัน...ไปทุกคน กลับกันเถอะ”
“แต่บุปผาอยากรออยู่ที่นี่ ถ้าพี่สินฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่จะได้เห็นบุปผาเป็นคนแรกน่ะค่ะคุณหญิง”
“กลับเถอะบุปผา กว่านายสินจะฟื้นก็คงจะเป็นพรุ่งนี้น่ะ อยู่ไปก็ทรมานตัวเองเปล่าๆ”
ไอศูรย์เอ่ยปากด้วยความหวังดี แต่บุปผายังอิดออดไม่อยากกลับ สร้อยเลยพูดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจนัก “คุณหมอบอกให้กลับก็กลับเถอะน่า แล้วพรุ่งนี้แกค่อยมาใหม่”
บุปผาจำใจกลับไปพร้อมคนอื่น ทั้งที่ไม่สบายใจ กลัวความลับแตกถ้านายสินฟื้นก่อนที่ตัวเองจะกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน1 ช่อง7
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน2 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน3 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน4 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน5 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท