เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
ตอนที่ 9
สไบนางวิ่งกลับเข้าห้องนอนตัวเองคลุมโปงร้องไห้อย่างหนัก
ส่วนคุณหญิงเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็ถามหาสไบนาง บังอรบอกว่าอยู่ในห้องนอน คุณหญิงให้บังอรพาขึ้นไปหา ทำให้วิจิตราหมั่นไส้จนพูดกระแทกแดกดันว่า
“ตายแล้ว หลานบังเกิดเกล้า ทำผิดต้องให้ย่าไปง้อขอโทษ”
“จิตรา เธอไม่รู้อะไรก็สงบปากสงบคำไว้เถอะ” คุณหญิงปรามอย่างหงุดหงิด
อุปมาบอกคุณหญิงว่าให้พักผ่อนก่อน ปล่อยให้ผ่านไปก่อนทุกอย่างคงจะดีขึ้นเอง คุณหญิงพูดทั้งน้ำตาว่าตนเป็นห่วงสไบนางมาก ตนเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว คิดไว้เหมือนกันว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นสักวัน พูดพลางมองไปทางประมุข เขาหลบตาไปทางอื่น คุณหญิงพูดกับอุปมาต่อ
“บอกพ่อเราด้วย อะไรก็ตามที่เราได้ยินวันนี้ ย่าพร้อมรับผลของมัน ใครไม่รัก ไม่เห็นแก่ชีวิตบริสุทธิ์ของบีก็ช่าง ย่าเป็นย่าของแก เรามีกันสองคนย่าหลาน ย่ากับบีจะย้ายไปอยู่บ้านสวนอย่างเร็วที่สุด”
เมธาวีถามขึ้นว่าคุณย่าพูดอะไรตนไม่เข้าใจเลย อุปมาผสมโรงว่าตนไม่ได้ยินอะไรเลย คุณย่าพูดถึงอะไรตนไม่เข้าใจ แล้วตีหน้าซื่อเล่าว่า
“ผมมารับเมเผอิญเจอบีแต่งชุดนักศึกษา เลยเข้ามาแซว คุณย่ากับคุณลุงก็เปิดประตูออกมาจากห้องพอดี ตกลงมีเรื่องอะไรกันหรือครับ”
ประมุขรีบตัดบทว่าไม่มีอะไร บอกให้อุปมากับเมธาวีไปทำธุระต่อเถอะ เมธาวีจึงชวนอุปมาไปทำธุระกัน บ่นๆว่าต้องไปตั้งหลายที่ด้วย
เมื่ออุปมากับเมธาวีไปแล้ว คุณหญิงจ้องหน้าประมุขปรามว่า “อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่งั้นฉันจะตัดแม่ตัดลูกกับแกแน่” แล้วบอกบังอรให้พาขึ้นไปพักบนห้อง
พอคุณหญิงออกไป ประมุขก็ตบพนักเก้าอี้โครมอย่างระบายอารมณ์ อุปมาที่เดินจะพ้นห้องโถงอยู่แล้วหันมองอย่างตกใจและไม่สบายใจ เพราะที่จริงแล้วเขาได้ยินทุกอย่างเท่ากับที่สไบนางได้ยิน
ooooooo
เมื่อกลับไปเล่าให้บารมีฟังตอนหัวค่ำ บารมีพูดอย่างไม่พอใจว่า
“มันว่าบีเป็นลูกของมันกับไพงั้นเหรอ”
อุปมาบอกว่าตนก็ไม่แน่ใจแต่ได้ยินมาอย่างนั้น ถามบารมีอย่างเป็นกังวลว่าเราจะทำยังไงดี บารมีไม่ตอบ แต่กลับถามว่าแล้วสไบนางเป็นยังไงบ้าง อุปมาบอกว่าไม่พูดไม่จาขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ตนกลัวจะเตลิดเปิดเปิงไปเหมือนกัน
“ถ้าเรื่องที่มันพูดเป็นความจริง มันก็เป็นพ่อที่เลวที่สุด ชอบดูความพินาศฉิบหายของลูกๆพ่อไม่เชื่อว่าบีจะเป็นลูกของมัน”
บารมีตัดสินใจจะไปคุยกับคุณหญิงให้รู้ความจริง แต่เวลานี้เป็นห่วงแต่ความรู้สึกของสไบนางคนเดียวเท่านั้น
สไบนางเพิ่งจะอาบน้ำสระผมเสร็จ มานั่งตาบวมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีโทรศัพท์เข้ามือถือพอดูหน้าจอเป็นเบอร์ของบารมี เธอยิ้มน้อยๆพลางกดรับ ทักไปอย่างพยายามทำเสียงให้สดชื่นว่า
“บีกำลังคิดถึงคุณลุงอยู่พอดีเลยค่ะ”
“ฉันเอง” เสียงปลายสายกลายเป็นเสียงของอุปมา สไบนางชักสีหน้าถามเสียงเขียวว่าโทร.มาทำไมแล้วทำท่าจะวางสาย อุปมารีบพูด “เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน...ฉันกลัวเธอไม่รับสายเลยต้องใช้มือถือของพ่อโทร.มา”
สไบนางขีดเส้นให้ว่าตนจะนับหนึ่งถึงสิบแล้วตัดสายทันที ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่ง...สอง...
“โอเคๆฉันรวบรัดเลยแล้วกัน ฉันไม่สนหรอกนะว่าพ่อเธอจะเป็นใคร ยังไงเธอก็เป็นน้องสาวฉันอยู่ดี เพราะเธอคือลูกสาวของอาไพ ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งนั้น” อุปมารีบพูด เห็นปลายสายเงียบไปเลยแหย่ “ไม่นับต่อแล้วเหรอ”
“ฉันนับในใจ” สไบนางเสียงเครือ
“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอแค่นี้แหละ แล้วก็อย่าคิดว่าฉันสงสารเห็นใจอะไรเธอนักหนานะบัญชีเรายังไม่ได้สะสาง เรายังตาต่อตาฟันต่อฟันเหมือนเดิม”
“ไอ้บ้ามาร์ค ไอ้คนใจโหด โหดทั้งหน้าโหดทั้งใจ” พอถูกสไบนางด่าอุปมาก็หัวเราะร่า ทำให้สไบนางเจ็บใจสุดๆตะโกน “ไปตายเลยไป!” แล้วตัดสายเลย
พอสไบนางตัดสายไปแล้ว อุปมาหยุดหัวเราะทันที สีหน้าเขากลายเป็นนึกห่วงและสงสารเธอขึ้นมา คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ...
ooooooo
รุ่งขึ้น คุณหญิงยังไม่หายเครียดกับเรื่องที่สไบ-นางได้ยินการโต้เถียงกันของตนกับประมุข มีเสียงเคาะประตูนึกว่าบังอรเอาอาหารเช้ามาให้ กลายเป็นสไบนางเอาอาหารมาให้คุณย่าในชุดนักศึกษา
“บี...” คุณหญิงพึมพำน้ำตาคลอ สไบนางยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปหาคุณย่า เมื่อคุณหญิงดึงเข้าไปกอด เธอปลอบคุณย่าว่าไม่ต้องร้อง...ตนเข้าใจว่าทำไมคุณย่าจึงต้องยกบ้านสวนให้ตนแล้ว คุณหญิงถามว่าเข้าใจยังไง
“บีเข้าใจว่า วันนึงบีจะไม่มีใครเลย บีควรมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่หวังเกาะใครต่อใคร แม้เขาจะคือพี่ชายของแม่ หรือ...พี่ของพ่อ คุณย่าขา บีรักคุณย่าค่ะ”สไบนางรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “โกหกบีสิคะคุณย่า ว่าบีเป็นลูกของพ่อจักษ์กับแม่ไพ”
“ย่าโกหกบีไม่ได้หรอกนะลูก ย่ามีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะบอกบี...ฟังย่านะบี บีเป็นลูกของประจักษ์จริงๆต่อให้ย่าตายดับลงเดี๋ยวนี้ ย่าก็ยังยืนยันคำเดิมว่า บีเป็นลูกของประจักษ์กับไพจริงๆ” พูดแล้วน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมา สองย่าหลานเลยกอดกันร้องไห้
ทันใดนั้นบังอรมาเคาะประตูบอกว่าบารมีมาขอพบคุณหญิง สไบนางบอกให้นั่งรอที่ห้องรับแขกสักครู่ พอบังอรออกไป คุณหญิงจับมือสไบนางเอ่ยชวน
“ลงไปพบลุงเราพร้อมกับย่านะ”
ooooooo
เพียงเจอหน้ากัน บารมีก็ทัก “เป็นยังไงมั่งหลานลุง” เห็นสไบนางน้ำตาคลอส่ายหน้า เขาพูดอย่างเข้าใจว่า “ถ้าหนูไม่สบายใจ ไปอยู่กับลุงสักระยะดีไหม”
สไบนางทนไม่ได้เดินเข้ามากอดบารมีไว้แน่น บารมีกอดตอบตบไหล่เบาๆ
“อย่าหัวเสียกับเรื่องสกปรกของใคร จำไว้นะบี หนูเป็นหลานของลุง เป็นลูกคนเดียวของจักษ์กับไพ เขาสองคนแต่งงานอยู่กินกันจนเกิดหนูขึ้นมา กฎหมายยอมรับหนู ความถูกต้องและความจริงคือความดีในตัวหนูนะบี”
สไบนางยิ้มด้วยความตื้นตันใจ บารมีถามว่าจะไปเรียนใช่ไหม บอกว่า“พี่ชายเราเขารออยู่หน้าบ้าน อาสาจะไปส่งให้” ครั้นสไบนางทำหน้าฉงน บารมียืนยันว่า “เขาอาสาเองนะ ลุงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน”
“คงเป็นห่วงว่าน้องจะคิดมากจนเตลิดเปิดเปิงไปไหนอีกล่ะมั้ง” คุณหญิงพลอยตื้นตันไปด้วย
“เขาไม่ใช่คนดีมีน้ำใจขนาดนั้นหรอกค่ะคุณย่า ต้องหาเรื่องแกล้งบีแน่ๆ” สไบนางชักสีหน้าขึ้นมา
คุณหญิงกับบารมีต่างยิ้มขำๆกับคู่กัดคู่นี้ เห็นจิกกัดกันทีไรก็มองอย่างเอ็นดูทุกที
พอสไบนางลงมาเจออุปมารออยู่ ถูกเขากวนประสาททันที นอกจากทวงให้ไหว้แล้วก็เรียกให้มาขึ้นรถ เมื่อสไบนางทำท่าจะเดินเลยไป ถามว่าพ่อไม่ได้บอกหรือว่าตนจะมารับ สไบนางบอกว่า “บอกแต่ไม่อยากไป”
“นึกอยู่แล้วว่าไม่กล้า คนเรามันไม่แน่จริง พอรู้ว่าไม่มีแบ็กอัพก็แหย ไม่กล้าเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ยังงี้แสลงไทยเขาเรียกว่าลูกแหง่รึเปล่า เอ๊ะ ไม่ใช่สิ น่าจะหลานแหง่มากกว่า”
อุปมาพูดยั่วเสียจนสไบนางฮึดขึ้นมา เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งคู่คนขับเสียเลย อุปมายิ้มกริ่มที่แผนตนสำเร็จ รีบขึ้นที่นั่งคนขับเหล่ๆมองแล้วขับรถออกไป
ขึ้นรถแล้วสไบนางก็นั่งปึ่งเงียบกริบ จนอุปมาแซวว่าระวังน้ำลายบูด วกเข้าเรื่องแหย่ให้เธอพูดว่า “อย่าบอกนะว่าเหตุการณ์คราวนี้กระทบกระเทือนจิตใจจนเปลี่ยนเธอเป็นคนละคน เก็บกด ไม่พูดไม่จา”
เพราะจับจุดสไบนางได้ ในที่สุดอุปมาก็ยั่วเสียจนสไบนางยอมพูดแม้จะเป็นคำพูดที่บอกเขาว่า “ที่ฉันเงียบเพราะฉันด่านายในใจ” ก็ทำให้อุปมาหัวเราะออกมาที่ทำให้เธอพูดออกมาได้ พูดอย่างร่าเริงว่า บีคนเดิมกลับมาแล้ว
“ฉันไม่อยากไปเรียนแล้ว ใจไม่พร้อม” สไบนางบอกลอยๆ
“อ้าว...แล้วจะไปไหนล่ะ” อุปมาถาม เหลือบมองหน้ารอคำตอบ
ooooooo
เมื่อคุณหญิงลงมาพบบารมีที่ห้องรับแขก บารมีบอกว่า งานแต่งของอุปมาผ่านไปตนมีเรื่องต้องคุยกับประมุขอีกมาก ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหม คุณหญิงบอกว่ายังไม่ตื่นกระมัง
“มีหลายเรื่องที่ผมอยากรู้ความจริง แต่ผมไม่พร้อมที่จะฟังเวลานี้”
“น้าเข้าใจ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น้ารอคอย เพื่อดูผลของบาปครั้งนี้ น้าห่วงบีมากกว่าใครทั้งหมด น้าเลี้ยงแกมาอย่างสะอาดนะพ่อมี พ่อมีไม่อยากรู้เดี๋ยวนี้จริงๆเหรอ”
“ยังครับคุณน้า ผมกลัวจะระงับอะไรๆไว้ไม่ได้ ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ห่วงหลาน ห่วงผลสะท้อนที่จะเกิดขึ้นกับแก”
คุณหญิงบอกว่าไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก บารมีถามว่าหมายความว่าอย่างไรมองหน้าอย่างอยากรู้
“บีเป็นลูกของประจักษ์ น้ายืนยันได้จนวาระสุดท้าย... วันหนึ่งนะพ่อมี วันที่น้าทนไม่ไหวขึ้นมา ทุกคนจะรู้ใจน้า” คุณหญิงสะเทือนใจจนน้ำตาท่วม ต้องเบือนหน้าไปจากสายตาของบารมี
ooooooo
เมื่อบารมีกลับมาบ้านไทยประยุกต์ เห็นสไบนางนั่งอยู่ในห้องรับแขกก็ถามอย่างแปลกใจว่ามาได้ยังไงเนี่ย สไบนางลุกเดินไปหาถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
“ลุงไม่ได้เกลียดบีนะคะ” บารมีย้อนถามยิ้มๆว่าตนจะเกลียดทำไม “บีเป็นลูกของพ่อประจักษ์รึเปล่าก็ไม่รู้” พูดแล้วก็หน้าเบะขึ้นมาอีก
บารมีเดินเข้ามาลูบผมหลานสาว “ลุงอยากให้บีเลิกคิดเรื่องนี้เสียที ตัดมันออกไปจากหัวได้แล้ว ดูซิ ไม่มีสมาธิไม่เป็นอันเรียนแล้วเห็นไหม” สไบนางทำท่าจะชี้แจงแต่พูดไม่ออก “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ลุงเข้าใจความรู้สึกของบี เอางี้นะ บีเป็นลูกของไพ จะยังไงบีก็ต้องเป็นหลานของลุงอยู่ดี จักษ์สร้างบีให้เกิดมา เขารักบีมาก เลี้ยงลูกกับมือมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยทอดทิ้งบีเลย จนความตายมาพรากเขาไป”
สไบนางน้ำตาท้นขึ้นมา บารมีเองก็น้ำตารื้นขณะพูดต่อ
“ความผูกพันชนิดนี้ของจักษ์ที่มีให้บี ไม่เรียกว่าพ่อคนแล้วจะเรียกว่าอะไร...ให้สัญญากับลุงนะ ลืมมันไปเสีย ตัดเรื่องนี้ออกไปจากความคิดได้แล้ว” เมื่อสไบนางรับคำ บารมีเอ่ย “ขอให้ลุงเห็นบีต้องเสียน้ำตาเพราะเรื่องไร้สาระนี่เป็นครั้งสุดท้ายนะ”
“ค่ะคุณลุง” สไบนางรับคำโผเข้ากอดบารมีร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนที่จะต้องไม่ร้องไห้อีก
ooooooo
ที่สนามหน้าบ้านอัคราช สามพ่อแม่ลูก คือประมุข วิจิตรา และเมธาวี นั่งทานของว่างกันอยู่ ประมุขถามเมธาวีถึงเรื่องการจดทะเบียนสมรสหลังแต่งงานว่า อุปมาได้คุยกันหรือยัง
เมธาวีถามขึ้นว่าคุณย่าพูดอะไรตนไม่เข้าใจเลย อุปมาผสมโรงว่าตนไม่ได้ยินอะไรเลย คุณย่าพูดถึงอะไรตนไม่เข้าใจ แล้วตีหน้าซื่อเล่าว่า
“ผมมารับเมเผอิญเจอบีแต่งชุดนักศึกษา เลยเข้ามาแซว คุณย่ากับคุณลุงก็เปิดประตูออกมาจากห้องพอดี ตกลงมีเรื่องอะไรกันหรือครับ”
ประมุขรีบตัดบทว่าไม่มีอะไร บอกให้อุปมากับเมธาวีไปทำธุระต่อเถอะ เมธาวีจึงชวนอุปมาไปทำธุระกัน บ่นๆว่าต้องไปตั้งหลายที่ด้วย
เมื่ออุปมากับเมธาวีไปแล้ว คุณหญิงจ้องหน้าประมุขปรามว่า “อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่งั้นฉันจะตัดแม่ตัดลูกกับแกแน่” แล้วบอกบังอรให้พาขึ้นไปพักบนห้อง
พอคุณหญิงออกไป ประมุขก็ตบพนักเก้าอี้โครมอย่างระบายอารมณ์ อุปมาที่เดินจะพ้นห้องโถงอยู่แล้วหันมองอย่างตกใจและไม่สบายใจ เพราะที่จริงแล้วเขาได้ยินทุกอย่างเท่ากับที่สไบนางได้ยิน
ooooooo
เมื่อกลับไปเล่าให้บารมีฟังตอนหัวค่ำ บารมีพูดอย่างไม่พอใจว่า
“มันว่าบีเป็นลูกของมันกับไพงั้นเหรอ”
อุปมาบอกว่าตนก็ไม่แน่ใจแต่ได้ยินมาอย่างนั้น ถามบารมีอย่างเป็นกังวลว่าเราจะทำยังไงดี บารมีไม่ตอบ แต่กลับถามว่าแล้วสไบนางเป็นยังไงบ้าง อุปมาบอกว่าไม่พูดไม่จาขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ตนกลัวจะเตลิดเปิดเปิงไปเหมือนกัน
“ถ้าเรื่องที่มันพูดเป็นความจริง มันก็เป็นพ่อที่เลวที่สุด ชอบดูความพินาศฉิบหายของลูกๆพ่อไม่เชื่อว่าบีจะเป็นลูกของมัน”
บารมีตัดสินใจจะไปคุยกับคุณหญิงให้รู้ความจริง แต่เวลานี้เป็นห่วงแต่ความรู้สึกของสไบนางคนเดียวเท่านั้น
สไบนางเพิ่งจะอาบน้ำสระผมเสร็จ มานั่งตาบวมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีโทรศัพท์เข้ามือถือพอดูหน้าจอเป็นเบอร์ของบารมี เธอยิ้มน้อยๆพลางกดรับ ทักไปอย่างพยายามทำเสียงให้สดชื่นว่า
“บีกำลังคิดถึงคุณลุงอยู่พอดีเลยค่ะ”
“ฉันเอง” เสียงปลายสายกลายเป็นเสียงของอุปมา สไบนางชักสีหน้าถามเสียงเขียวว่าโทร.มาทำไมแล้วทำท่าจะวางสาย อุปมารีบพูด “เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน...ฉันกลัวเธอไม่รับสายเลยต้องใช้มือถือของพ่อโทร.มา”
สไบนางขีดเส้นให้ว่าตนจะนับหนึ่งถึงสิบแล้วตัดสายทันที ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่ง...สอง...
“โอเคๆฉันรวบรัดเลยแล้วกัน ฉันไม่สนหรอกนะว่าพ่อเธอจะเป็นใคร ยังไงเธอก็เป็นน้องสาวฉันอยู่ดี เพราะเธอคือลูกสาวของอาไพ ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งนั้น” อุปมารีบพูด เห็นปลายสายเงียบไปเลยแหย่ “ไม่นับต่อแล้วเหรอ”
“ฉันนับในใจ” สไบนางเสียงเครือ
“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอแค่นี้แหละ แล้วก็อย่าคิดว่าฉันสงสารเห็นใจอะไรเธอนักหนานะบัญชีเรายังไม่ได้สะสาง เรายังตาต่อตาฟันต่อฟันเหมือนเดิม”
“ไอ้บ้ามาร์ค ไอ้คนใจโหด โหดทั้งหน้าโหดทั้งใจ” พอถูกสไบนางด่าอุปมาก็หัวเราะร่า ทำให้สไบนางเจ็บใจสุดๆตะโกน “ไปตายเลยไป!” แล้วตัดสายเลย
พอสไบนางตัดสายไปแล้ว อุปมาหยุดหัวเราะทันที สีหน้าเขากลายเป็นนึกห่วงและสงสารเธอขึ้นมา คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ...
ooooooo
รุ่งขึ้น คุณหญิงยังไม่หายเครียดกับเรื่องที่สไบ-นางได้ยินการโต้เถียงกันของตนกับประมุข มีเสียงเคาะประตูนึกว่าบังอรเอาอาหารเช้ามาให้ กลายเป็นสไบนางเอาอาหารมาให้คุณย่าในชุดนักศึกษา
“บี...” คุณหญิงพึมพำน้ำตาคลอ สไบนางยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปหาคุณย่า เมื่อคุณหญิงดึงเข้าไปกอด เธอปลอบคุณย่าว่าไม่ต้องร้อง...ตนเข้าใจว่าทำไมคุณย่าจึงต้องยกบ้านสวนให้ตนแล้ว คุณหญิงถามว่าเข้าใจยังไง
“บีเข้าใจว่า วันนึงบีจะไม่มีใครเลย บีควรมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่หวังเกาะใครต่อใคร แม้เขาจะคือพี่ชายของแม่ หรือ...พี่ของพ่อ คุณย่าขา บีรักคุณย่าค่ะ”สไบนางรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “โกหกบีสิคะคุณย่า ว่าบีเป็นลูกของพ่อจักษ์กับแม่ไพ”
“ย่าโกหกบีไม่ได้หรอกนะลูก ย่ามีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะบอกบี...ฟังย่านะบี บีเป็นลูกของประจักษ์จริงๆต่อให้ย่าตายดับลงเดี๋ยวนี้ ย่าก็ยังยืนยันคำเดิมว่า บีเป็นลูกของประจักษ์กับไพจริงๆ” พูดแล้วน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมา สองย่าหลานเลยกอดกันร้องไห้
ทันใดนั้นบังอรมาเคาะประตูบอกว่าบารมีมาขอพบคุณหญิง สไบนางบอกให้นั่งรอที่ห้องรับแขกสักครู่ พอบังอรออกไป คุณหญิงจับมือสไบนางเอ่ยชวน
“ลงไปพบลุงเราพร้อมกับย่านะ”
ooooooo
เพียงเจอหน้ากัน บารมีก็ทัก “เป็นยังไงมั่งหลานลุง” เห็นสไบนางน้ำตาคลอส่ายหน้า เขาพูดอย่างเข้าใจว่า “ถ้าหนูไม่สบายใจ ไปอยู่กับลุงสักระยะดีไหม”
สไบนางทนไม่ได้เดินเข้ามากอดบารมีไว้แน่น บารมีกอดตอบตบไหล่เบาๆ
“อย่าหัวเสียกับเรื่องสกปรกของใคร จำไว้นะบี หนูเป็นหลานของลุง เป็นลูกคนเดียวของจักษ์กับไพ เขาสองคนแต่งงานอยู่กินกันจนเกิดหนูขึ้นมา กฎหมายยอมรับหนู ความถูกต้องและความจริงคือความดีในตัวหนูนะบี”
สไบนางยิ้มด้วยความตื้นตันใจ บารมีถามว่าจะไปเรียนใช่ไหม บอกว่า“พี่ชายเราเขารออยู่หน้าบ้าน อาสาจะไปส่งให้” ครั้นสไบนางทำหน้าฉงน บารมียืนยันว่า “เขาอาสาเองนะ ลุงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน”
“คงเป็นห่วงว่าน้องจะคิดมากจนเตลิดเปิดเปิงไปไหนอีกล่ะมั้ง” คุณหญิงพลอยตื้นตันไปด้วย
“เขาไม่ใช่คนดีมีน้ำใจขนาดนั้นหรอกค่ะคุณย่า ต้องหาเรื่องแกล้งบีแน่ๆ” สไบนางชักสีหน้าขึ้นมา
คุณหญิงกับบารมีต่างยิ้มขำๆกับคู่กัดคู่นี้ เห็นจิกกัดกันทีไรก็มองอย่างเอ็นดูทุกที
พอสไบนางลงมาเจออุปมารออยู่ ถูกเขากวนประสาททันที นอกจากทวงให้ไหว้แล้วก็เรียกให้มาขึ้นรถ เมื่อสไบนางทำท่าจะเดินเลยไป ถามว่าพ่อไม่ได้บอกหรือว่าตนจะมารับ สไบนางบอกว่า “บอกแต่ไม่อยากไป”
“นึกอยู่แล้วว่าไม่กล้า คนเรามันไม่แน่จริง พอรู้ว่าไม่มีแบ็กอัพก็แหย ไม่กล้าเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ยังงี้แสลงไทยเขาเรียกว่าลูกแหง่รึเปล่า เอ๊ะ ไม่ใช่สิ น่าจะหลานแหง่มากกว่า”
อุปมาพูดยั่วเสียจนสไบนางฮึดขึ้นมา เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งคู่คนขับเสียเลย อุปมายิ้มกริ่มที่แผนตนสำเร็จ รีบขึ้นที่นั่งคนขับเหล่ๆมองแล้วขับรถออกไป
ขึ้นรถแล้วสไบนางก็นั่งปึ่งเงียบกริบ จนอุปมาแซวว่าระวังน้ำลายบูด วกเข้าเรื่องแหย่ให้เธอพูดว่า “อย่าบอกนะว่าเหตุการณ์คราวนี้กระทบกระเทือนจิตใจจนเปลี่ยนเธอเป็นคนละคน เก็บกด ไม่พูดไม่จา”
เพราะจับจุดสไบนางได้ ในที่สุดอุปมาก็ยั่วเสียจนสไบนางยอมพูดแม้จะเป็นคำพูดที่บอกเขาว่า “ที่ฉันเงียบเพราะฉันด่านายในใจ” ก็ทำให้อุปมาหัวเราะออกมาที่ทำให้เธอพูดออกมาได้ พูดอย่างร่าเริงว่า บีคนเดิมกลับมาแล้ว
“ฉันไม่อยากไปเรียนแล้ว ใจไม่พร้อม” สไบนางบอกลอยๆ
“อ้าว...แล้วจะไปไหนล่ะ” อุปมาถาม เหลือบมองหน้ารอคำตอบ
ooooooo
เมื่อคุณหญิงลงมาพบบารมีที่ห้องรับแขก บารมีบอกว่า งานแต่งของอุปมาผ่านไปตนมีเรื่องต้องคุยกับประมุขอีกมาก ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหม คุณหญิงบอกว่ายังไม่ตื่นกระมัง
“มีหลายเรื่องที่ผมอยากรู้ความจริง แต่ผมไม่พร้อมที่จะฟังเวลานี้”
“น้าเข้าใจ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น้ารอคอย เพื่อดูผลของบาปครั้งนี้ น้าห่วงบีมากกว่าใครทั้งหมด น้าเลี้ยงแกมาอย่างสะอาดนะพ่อมี พ่อมีไม่อยากรู้เดี๋ยวนี้จริงๆเหรอ”
“ยังครับคุณน้า ผมกลัวจะระงับอะไรๆไว้ไม่ได้ ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ห่วงหลาน ห่วงผลสะท้อนที่จะเกิดขึ้นกับแก”
คุณหญิงบอกว่าไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก บารมีถามว่าหมายความว่าอย่างไรมองหน้าอย่างอยากรู้
“บีเป็นลูกของประจักษ์ น้ายืนยันได้จนวาระสุดท้าย... วันหนึ่งนะพ่อมี วันที่น้าทนไม่ไหวขึ้นมา ทุกคนจะรู้ใจน้า” คุณหญิงสะเทือนใจจนน้ำตาท่วม ต้องเบือนหน้าไปจากสายตาของบารมี
ooooooo
เมื่อบารมีกลับมาบ้านไทยประยุกต์ เห็นสไบนางนั่งอยู่ในห้องรับแขกก็ถามอย่างแปลกใจว่ามาได้ยังไงเนี่ย สไบนางลุกเดินไปหาถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
“ลุงไม่ได้เกลียดบีนะคะ” บารมีย้อนถามยิ้มๆว่าตนจะเกลียดทำไม “บีเป็นลูกของพ่อประจักษ์รึเปล่าก็ไม่รู้” พูดแล้วก็หน้าเบะขึ้นมาอีก
บารมีเดินเข้ามาลูบผมหลานสาว “ลุงอยากให้บีเลิกคิดเรื่องนี้เสียที ตัดมันออกไปจากหัวได้แล้ว ดูซิ ไม่มีสมาธิไม่เป็นอันเรียนแล้วเห็นไหม” สไบนางทำท่าจะชี้แจงแต่พูดไม่ออก “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ลุงเข้าใจความรู้สึกของบี เอางี้นะ บีเป็นลูกของไพ จะยังไงบีก็ต้องเป็นหลานของลุงอยู่ดี จักษ์สร้างบีให้เกิดมา เขารักบีมาก เลี้ยงลูกกับมือมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยทอดทิ้งบีเลย จนความตายมาพรากเขาไป”
สไบนางน้ำตาท้นขึ้นมา บารมีเองก็น้ำตารื้นขณะพูดต่อ
“ความผูกพันชนิดนี้ของจักษ์ที่มีให้บี ไม่เรียกว่าพ่อคนแล้วจะเรียกว่าอะไร...ให้สัญญากับลุงนะ ลืมมันไปเสีย ตัดเรื่องนี้ออกไปจากความคิดได้แล้ว” เมื่อสไบนางรับคำ บารมีเอ่ย “ขอให้ลุงเห็นบีต้องเสียน้ำตาเพราะเรื่องไร้สาระนี่เป็นครั้งสุดท้ายนะ”
“ค่ะคุณลุง” สไบนางรับคำโผเข้ากอดบารมีร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนที่จะต้องไม่ร้องไห้อีก
ooooooo
ที่สนามหน้าบ้านอัคราช สามพ่อแม่ลูก คือประมุข วิจิตรา และเมธาวี นั่งทานของว่างกันอยู่ ประมุขถามเมธาวีถึงเรื่องการจดทะเบียนสมรสหลังแต่งงานว่า อุปมาได้คุยกันหรือยัง
แต่ประมุขไม่ยอมหยุดเตือนว่าบารมีนั้นเขี้ยวลากดิน ถ้าไม่ยอมจดทะเบียนสมรสก็ไม่ต้องแต่ง วิจิตราก็ลุ้นให้เมธาวีคุยกับอุปมาเสียให้รู้เรื่อง เพราะพ่อกับแม่คงไม่สะดวกที่จะพูดเรื่องนี้เอง
“ไม่จดก็เท่ากับโง่ไปเป็นเมียเขาฟรีๆ แกจะไม่ได้ ส่วนแบ่งอะไรเลย” ประมุขพูดชัดๆ
“สมบัติเราก็มีเยอะแยะ เมไม่เห็นอยากจะได้ของเขาเลย”
ประมุขกับวิจิตราฟังแล้วสบตากันเล็กน้อย เมธาวีถอนใจมองไปทางหน้าบ้าน ถามอย่างตกใจว่า “ใครน่ะ” เพราะที่หน้าบ้านชันษาในสภาพหนวดเครารุงรัง เนื้อตัวทรุดโทรมมาด้อมๆมองๆอยู่
แต่พอรู้ตัวว่าข้างในเห็น ชันษาก็หลบไปทันที
ชันษากลับไปนอนเขละที่โซฟาในบ้าน แม่เขาเดินมาเห็นทนไม่ได้เรียกให้ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ บอกลูกน้ำตาท่วมว่าทนเห็นลูกในสภาพนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ชันษาลุกขึ้นมาตวาดว่าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องมอง
“ถ้าฉันไม่ใช่แม่ของแก ฉันก็ไม่อยากจะมองหรอก แกจะทำลายอนาคตตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียวไปเพื่ออะไร ยังไงคุณเมเขาก็ไม่มองแกอยู่แล้ว”
ชันษาลุกพรวดขึ้นตวาดลั่น “แม่หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” ไม่เพียงเท่านั้นเขายังจับไหล่แม่เขย่า “เมรักผม เรารักกันมาก ไม่มีใครมาพรากเราสองคนไปจากกันได้ เข้าใจไหมแม่”
ชันษาผลักแม่จนล้มนั่งบนโซฟา แล้วตัวเขาเองก็วิ่งเตลิดออกจากบ้านไป ทิ้งให้แม่ร้องไห้ด้วยความเวทนาลูกชายคนเดียว...
ooooooo
ยิ่งใกล้วันแต่งงานของเมธาวี ชันษาก็ยิ่งว้าวุ่น ร้อนรน สับสน ค่ำนี้ก็มาแอบดูเมธาวีที่เดินคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่สนามข้างบ้าน
ชันษาได้ยินเธอคุยกับเพื่อนเรื่องแต่งงานและเจ้าบ่าวอย่างมีความสุขก็ยิ่งทนไม่ได้ มองเธออย่างเจ็บปวด คิดจะเอาชนะให้ได้
ค่ำวันเดียวกัน บารมีก็คุยกับอุปมาถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่องจดทะเบียนสมรส อุปมาบอกพ่อว่า อยู่กันไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อยว่าดีกว่า บารมีติงว่าทางนั้นเขาคงไม่ยอม
อุปมาบอกพ่อว่าเมธาวียังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับตนเลยตัดบทว่าช่างเถอะไม่สำคัญอะไร
“สำหรับคนกำลังหมดตัว มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเลยล่ะ” บารมีติง ครั้นอุปมาบ่นว่านับวันตนก็รู้สึกประมุขจุ้นจ้านมากขึ้นทุกที ตนไม่รู้จะอดทนกับเขาได้มากแค่ไหน บารมีมองหน้าไฟเขียวว่า “พ่อก็ไม่เคยให้มาร์คต้องอดทนกับคนอย่างมันนี่”
“งั้นผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่จดทะเบียนสมรสกับเม” อุปมาสีหน้าจริงจังเด็ดขาด
ooooooo
บรรยากาศภายในบริเวณบ้านอัคราชในเย็นก่อนวันงาน ถูกจัดตบแต่งอย่างสวยงาม ส่วนภายในบ้าน คุณหญิง บังอร และยายจันทร์ที่มาจากบ้านสวนเพื่อช่วยงาน ก็ช่วยกันจัดแต่งพานพุ่ม และร้อยพวงมาลัยร้อยอุบะกันคนละไม้คนละมือ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันเต็มที่
ยายจันทร์เปรยๆขึ้นว่า เมธาวีแต่งออกไปก็เหลือแต่สไบนาง บังอรพูดขำๆว่า
“คุณอาทิตย์มีลุ้นที่สุดนะคะ เห็นทนกันได้”
“ถ้ายังรอไหวนะ” คุณหญิงเอ่ยขึ้นเพราะสไบนางยังต้องเรียนอีกอย่างน้อย 4 ปี
พอดีเมธาวีกับอุปมาเดินเข้ามาหลังจากไปลองชุดแต่งงานและเอากลับมาด้วย เมธาวีขอตัวเอาชุดไปเก็บ คุณหญิงจึงเรียกอุปมานั่งคุยกัน อุปมามองพวกป้าๆแล้วเอ่ยอย่างปลื้มปีติว่า ทุกคนช่วยงานนี้กันเต็มที่หมด เห็นแล้วตนก็ละอายใจ
คุณหญิงถามว่าแม่เขามาถึงหรือยัง อุปมาบอกว่าพ่อกำลังไปรับที่สนามบิน คุณหญิงเลยนึกได้บอกว่าเห็นยัยบุบบี้ไปด้วย
“ครับ เขาเป็นเงาตามตัวพ่อ เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วนะครับ” พูดแล้วดูทุกคนทำงานอย่างสนใจ “หมดรุ่นคุณย่า คงไม่มีใครมานั่งทำพานร้อยดอกไม้เองแล้วมังครับ”
“มีสิคะ คุณบีไงคะ” บังอรบอก
อุปมาหลุดขำออกมา พอคุณหญิงเหลือบมองเขายิ้มแหยๆเอ่ยขอโทษหน้าเจื่อนๆ
ooooooo
ที่ห้องคอนโดฯของอุปมา หัสดินกำลังพาคนงานไปขนของออกจากห้อง วิมาดากลับมาเจอเอ็ดตะโรถามว่ามาทำอะไรกันที่ห้อง หัสดินบอกว่า “มาร์คขอให้ผมช่วยกลับมาเก็บของทั้งหมด”
วิมาดาเหยียดยิ้มพูดเย้ยๆว่าขนาดไม่กล้ามาด้วยตัวเองเลยหรือ หัสดินบอกว่า อุปมาสั่งให้เธอเก็บเสื้อผ้าออกไปให้หมดและขอกุญแจห้องพักคืนด้วย วิมาดาโกรธจัดขว้างกุญแจใส่หน้าหัสดินแล้วเดินเข้าห้องนอน
“เดี๋ยวครับคุณวิ” หัสเดินเรียกไว้ วิมาดาตวาดแว้ดว่ามีอะไรอีกล่ะ หัสดินยื่นการ์ดแต่งงานให้ “มาร์คฝากการ์ดเชิญมาให้” วิมาดารับไปฉีกเป็นสองท่อนทิ้งทันที หัสดินมองนิ่งๆพูดเรียบๆว่า “ผมทำหน้าที่เสร็จครบถ้วนแล้ว ขอตัวกลับเลยนะครับ”
พอหัสดินไปแล้ว วิมาดาหยิบการ์ดที่ฉีกมาต่อกัน มองอย่างเจ็บแค้นวางแผนจะไปป่วนงานเอาคืน
ooooooo
คืนนี้ อุปมาและหัสดินไปปาร์ตี้สละโสดกันที่ผับแห่งหนึ่ง อุปมาสนุกสนานเต็มที่ถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนสาวๆแต่งตัวเซ็กซี่รุมกันแต๊ะอั๋งก่อนที่เพื่อนสุดหล่อจะถูกผู้หญิงอื่นฉกไป อุปมาเองก็สนุกสุดเหวี่ยงทิ้งทวน
ส่วนเมธาวีถูกคุณหญิงเรียกไปพบที่ห้องนอน มอบสร้อยเพชรของเก่าสวยงามมีราคาให้เป็นสมบัติติดตัวพร้อมคำอบรมและอวยพรให้มีความสุขมากๆขอให้มีชีวิตคู่สมบูรณ์อย่างที่วาดฝันเอาไว้
ออกจากห้องคุณหญิงแล้ว เมธาวีเคาะประตูห้องนอนของสไบนางที่เพิ่งกราบหมอนหลังสวดมนต์เสร็จ เข้ามายืนพูดอย่างไว้ตัวว่า
“ฉันอยากจะมาขอร้องเธอ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของฉัน ฉันอยากให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด ตอนนี้ฉันมั่นใจในทุกๆอย่างแล้ว เหลือแต่ตัวเธออย่างเดียว”
พูดแล้วจ้องหน้าสไบนางก่อนย้ำหนักๆว่า “พรุ่งนี้กรุณาแต่งตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะด้วย ไอ้ชุดแฟนซีโลกแตกของเธอเก็บเข้าตู้ไปก่อน ถือว่าฉันขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน” ปรามว่า “ถ้าเธอทำงานฉันมีตำหนิแม้แต่นิดเดียว ฉันจะเล่นงานเธอไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
สไบนางรับปากจะทำตามคำขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย พอเมธาวีจะเดินไป สไบนางก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พึมพำว่าพรุ่งนี้จะแต่งชุดอะไรดีนะ แล้วก็นึกออก ยิ้มเต็มหน้าดีใจสุดๆ
“นึกออกแล้ว ใส่ชุดเจ้าสาวประชันกับพี่เมดีกว่า”
“อีเด็กบ้า” เมธาวีหันมาด่าอย่างเจ็บใจ
อารมณ์เสียจากสไบนาง เมธาวีเดินลงมาที่ห้องโถงซึ่งจัดตั้งตั่งรดน้ำสังข์ไว้พร้อมแล้ว ระหว่างนั้นเธอโทร.เช็กว่าอุปมากลับจากปาร์ตี้สละโสดแล้วหรือยัง พอรู้ว่ากลับมาแล้วก็ชมว่าขอบคุณที่ตรงเวลา กระหนาบว่านับแต่วันพรุ่งนี้เขาจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้อีก
เมื่อเดินมาถึงตั่งรดน้ำสังข์ เมธาวีมองอย่างปลื้มปีติที่พรุ่งนี้ก็จะได้นอนหมอบบนนี้รับน้ำสังข์คู่กับอุปมาแล้ว แต่อดใจไม่ได้ลองขึ้นไปนั่งหมอบพนมมือในท่ารับน้ำสังข์ แล้วยิ้มอย่างมีความสุขกับวันสำคัญในชีวิตที่จะมาถึงวันพรุ่งนี้
ooooooo
แล้ววันสำคัญก็มาถึง เมื่อขบวนขันหมากที่หน้าบ้านไทยประยุกต์เริ่มเคลื่อนขบวนโดยมีวงดนตรีบรรเลงอย่างครื้นเครง หน้าขบวนมีขบวนกลองยาวรำกันเฉิบๆมีการถ่ายวีดิโอพร้อมเสียงพากย์อย่างสนุกสนานของหัสดิน
ขณะทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีนั่นเอง วิมาดาก็นั่งรถสปอร์ตคันหรูเข้ามาขวางขบวนแล้วลงไปหาอุปมาตาแดงก่ำ ตัดพ้อว่าทำไมทำกับตนแบบนี้ พร่ำรำพันถึงความรักที่มีต่อกัน กระทั่งโผเข้ากอดอุปมาร้องไห้คร่ำครวญ
อุปมาหน้านิ่งแววตาสะใจ แต่บารมีร้อนใจบอกลูกชายให้รีบไปเคลียร์เสียให้เรียบร้อยบ่นว่าเสียฤกษ์หมด
ที่บ้านอัคราช ก็โกลาหลกันไปหมด เมื่อเมธาวีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนออกตามหาไปทั่วบ้านก็ไม่เจอ ในห้องเหลือแต่ชุดแต่งงานที่แขวนไว้กับสร้อยเพชรที่คุณหญิงให้ไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น
คุณหญิงเดาว่าเมธาวีอาจรู้ว่าตนต้องแต่งงานเพราะอะไรเลยหนีไป วิจิตราบอกว่าจะให้งานล้มไม่ได้เด็ดขาดเพราะแขกผู้ใหญ่พากันมามากมายแล้ว ผู้สื่อข่าวก็ออกันอยู่เต็มหน้าบ้าน คุณหญิงถามอย่างหงุดหงิดว่าเมื่อเจ้าสาวไม่อยู่แล้วจะให้อุปมาแต่งกับใครล่ะ
“ถ้าเราเปลี่ยนตัวเจ้าสาวตอนนี้ก็ยังทันนะครับคุณแม่” ประมุขเสนอขึ้น
ขณะที่หน้าบ้านไทยประยุกต์กำลังวุ่นวายกันอยู่นั้น บารมีก็ได้รับโทรศัพท์จากประมุขบอกให้หยุดขบวนขันหมากไว้ก่อนแล้วให้เขารีบมาที่บ้านตนเดี๋ยวนี้เลย
สไบนางเพิ่งตื่นอาบน้ำกำลังแต่งตัว พอรู้ข่าวว่าเมธาวีหายไป หยาดฝนที่มาอยู่ช่วยงานด้วยก็พลอยตึงเครียดไปด้วยบอกสไบนางว่าตอนนี้เห็นพวกผู้ใหญ่พากันเข้าไปคุยในห้องทำงานแล้ว ถามสไบนางอย่างเป็นห่วงแทนว่า
“พี่เมหายไปจริงๆเหรอบี แล้วงานแต่งวันนี้จะทำยังไงล่ะ”
สไบนางร้อนใจเปิดตู้คว้าชุดอะไรก็ไม่รู้ออกมาอย่างไม่สนใจ
ooooooo
ที่ห้องทำงานคุณหญิง บังอรกับลุงแก้วถูกเรียกมาสอบถามสภาพเมื่อคืน ลุงแก้วบอกว่าประมาณตี 4 ได้ยินเสียงรถหน้าบ้านเลยออกไปดู แต่ไม่ทันเห็นอะไร พอจะกลับก็เห็นประตูหน้าบ้านเปิดแง้มไว้คิดว่าใครคงลืมปิดเลยเดินไปปิดเสีย
หลายคนช่วยกันวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกบารมีขัดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า แบบนี้หมายความว่าพวกอัคราชกำลังลองดีกับตนใช่ไหม
คุณหญิงจึงให้วิจิตราลงไปรับหน้าแขกที่มางานข้างล่างก่อน ส่วนพวกตนคุยกันต่ออย่างเคร่งเครียดหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ให้งานล้ม ไม่ให้เสียหน้า
บารมียังปักใจเชื่อว่านี่เป็นแผนการของประมุข ย่ืนคำขาดให้ประมุขต้องรับผิดชอบให้รอรับความหายนะได้เลย คุณหญิงร้อนใจถามว่าแล้วงานวันนี้จะทำยังไง ตวาดให้ประมุขหยุดทะเลาะกับบารมี ให้มาช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาก่อน
พอดีสไบนางเข้ามาด้วยความเป็นห่วงคุณหญิง ประมุขเสนอทันทีว่าเรายังมีบีอีกคน อ้างหน้าด้านๆว่ายังไงสไบนางก็เป็นอัคราชคนหนึ่งต้องมีส่วนชดใช้เหมือนกับตน
พอสไบนางรู้ว่าประมุขจะให้ตนแต่งงานกับอุปมาแทนเมธาวี ก็โวยวายลั่นเป็นตายอย่างไรตนก็ไม่ยอมแต่งขู่ว่าถ้าบังคับกันก็จะหนีไปเลย
“ถ้าแกคิดเอาตัวรอดหนีไปแบบเมอีกคน ฉันจะประกาศให้ทุกคนรู้เลยว่า...”
“เจ้ามุข!” คุณหญิงตวาดลั่น
“ไอ้มุข!” บารมีตะคอกอย่างรู้ทันว่าประมุขจะพูดอะไร สุดท้ายก็ยอมแพ้ประมุขขอว่า “ขอให้แกหยุดความชั่วร้ายของแกไว้แค่นี้”
สไบนางเอะอะโวยวายเป็นตายก็ไม่ยอม อุปมาช่วยกล่อมว่าก็แค่เล่นละครเท่านั้น แล้วด่ากราดว่าผู้หญิงไทยชั่วร้ายเหมือนกันหมดหาซื่อสัตย์ไม่ได้สักคน ถูกสไบนางด่าว่าเขาโง่เองต่างหาก แล้วทำไมไม่คิดว่าเมธาวีมีเหตุผลอื่น จ้องหน้าอุปมาพูดอย่างสะใจว่า
“ตกลงครับพ่อ ผมจะแต่งงานกับเด็กบ้านี่” อุปมาพูดอย่างเจ็บใจอีกว่าถือเสียว่าแต่งแก้เคล็ดล้างซวยก็แล้วกัน
คุณหญิงสั่งให้ทุกคนหยุดทะเลาะกัน แล้วมาคุยกันแบบผู้ใหญ่ใช้เหตุใช้ผลมาแก้ปัญหากัน
หลังจากเจรจาต่อรองกันอย่างตึงเครียดครู่ใหญ่ ประมุขทิ้งไม้ตายว่า ถ้าบารมีไม่ยอมรับสไบนางเป็นเจ้าสาวก็เท่ากับปฏิเสธการใช้หนี้ ยอมยกหนี้ทั้งหมดให้ตนเอง
“ขบวนขันหมากจะมาถึงหน้าบ้านแกภายใน 15 นาที” บารมีตัดสินใจประกาศกร้าว
ooooooo
สไบนางเครียดจัด คิดหาทางแก้ปัญหาให้ตัวเองหัวแทบระเบิด สุดท้ายคิดออกมาบอกทุกคนด้วยความดีใจว่า ตนแต่งงานกับอุปมาไม่ได้เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องใกล้ชิดกันมาก ขืนแต่งมีหวังโดนนินทาตาย
คุณหญิงเริ่มลังเล บารมีก็เครียด สุดท้ายเขายอมบอกความจริงแก่ทุกคนว่า ที่จริงแล้วศรีอำไพไม่ใช่น้องแท้ๆของอุปมา เขาเล่าว่า
พ่อกับแม่มีตนเป็นลูกชายแล้วคนหนึ่งแต่อยากได้ลูกสาวอีกคน แม่พยายามจนแท้งไป 3 คน แล้วก็ยังไม่สำเร็จ จนพ่อเทียนสงสารบอกให้พอเถอะ
แล้วคืนหนึ่งก็มีคนเอาทารกหญิงมาทิ้งไว้หน้าบ้าน พ่อกับแม่ดีใจมากแอบเลี้ยงไว้เงียบๆบอกชาวบ้านว่าเป็นลูกของตน เพราะตอนแม่แท้งก็ไม่มีใครรู้ เราสามคนพ่อแม่ลูกตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัวไม่คิดว่าวันนี้ต้องมาเปิดเผยแก่ทุกคน
กอปรกับคุณหญิงขอร้องสไบนางให้ทำเพื่อย่าสักครั้ง สุดท้ายสไบนางก็จำใจยอม
แขกที่มางานส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นเมธาวีจึงคิดว่า
สไบนางคือเมธาวี แต่หม่อมเกศและหัสดินรู้ต่างแปลกใจ แต่หม่อมเกศก็ช่วยคุมเกมประคับประคองให้งานดำเนินต่อไป
ทุกขั้นตอนของงานผ่านไปอย่างทุลักทุเล จนเมื่ออาทิตย์มางาน สไบนางลุกพรวดไปหาอาทิตย์เล่าความจริงให้เขาฟังว่าเมธาวีหายตัวไปตนจึงถูกจับมาแต่งงานแทน ทั้งขอร้องให้อาทิตย์ช่วยตามหาเมธาวีให้ด้วย
สไบนางตั้งข้อสังเกตว่าชันษาอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะตอนนี้ชันษาก็หายไปด้วย
“ไม่ต้องห่วงพี่จะพยายามสุดความสามารถ” อาทิตย์รับปากสไบนางแล้วรีบกลับออกไป
ฝ่ายวิมาดาก็มาป่วนที่บ้านอัคราชเช่นกัน แต่พอรู้ว่าเมธาวีหายไปและต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวมาเป็นสไบนางก็พูดเยาะเย้ยอุปมาว่าเจ้าสาวเหมาะกับเขามาก แล้วกรีดกรายกลับไปอย่างสะใจ
ooooooo
คุณหญิงเข้าไปรดน้ำสังข์ให้อุปมากับสไบนางเป็นคนแรก ขอบใจทั้งสองที่ช่วยรักษาหน้าผู้ใหญ่ไว้ ขอโทษสไบนางสัญญาว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
บารมีปรามอุปมาว่าห้ามล่วงเกินน้องเด็ดขาดนี่คือคำสั่ง บังคับให้อุปมารับปาก เมื่ออุปมารับปากบารมีบอกสไบนางว่า “คิดซะว่านี่คือการเล่นละครฉากนึงก็แล้วกันนะหนูบี” ทั้งสัญญาว่า “ลุงจะดูแลชีวิตหนูและหาทางชดเชยความเสียหายที่เกิดกับหนูในวันนี้ให้ดีที่สุด ลุงสัญญา”
“ชีวิตบีจบแล้วล่ะค่ะลุงมี” สไบนางร้องไห้โฮออกมา ทำเอาแขกพากันตกใจ บารมีหันไปบอกแขกยิ้มๆว่าตนอวยพรซาบซึ้งใจไปหน่อยเจ้าสาวเลยร้องไห้ หยอกแขกว่าคนต่อไปก็อย่าพูดซึ้งนักเพราะเจ้าสาวค่อนข้างเซนสิทิฟ
ส่วนอุปมาก็หงุดหงิดกับสไบนาง คอยปรามคอยดุอยู่ตลอดเวลา ส่วนสไบนางก็ตาเขียวปั้ดใส่ทุกครั้งที่โดนว่า
หลังพิธีรดน้ำสังข์แล้ว สไบนางขึ้นไปพักที่ห้อง บอกคุณหญิงที่ตามขึ้นไปว่าตนไม่ยอมจดทะเบียนกับ “มัน” เด็ดขาด ตนจะรออาทิตย์ เขากำลังไปตามหาเมธาวีอยู่
ไม่ทันไร วิจิตราก็ขึ้นมาตามบอกว่าเจ้าหน้าที่เขตมาถึงแล้ว จ้องสไบนางอย่างชิงชัง ด่าว่าเป็นนักฉกฉวยโอกาสแก่งแย่งทุกอย่างไปจากเมธาวี แม้แต่วันนี้ก็แย่งตำแหน่งเจ้าสาวไป
พอคุณหญิงปรามก็กลับหาว่าคุณหญิงคอยให้ท้ายสไบนางแบบนี้แหละ แล้วด่าสไบนางต่อ
“ฉันเคยพูดผิดปากเสียเมื่อไหร่ เธอมันก็แค่นางรอง นางละครเหมือนแม่เธอ ขนาดจะมีผัวก็ยังต้องรับของรองจากที่ยัยเมเลือกแล้ว”
แต่พอถูกสไบนางตอบโต้อย่างเจ็บแสบเผ็ดร้อนก็จะเข้าไปตบ ถูกคุณหญิงเข้ามาขวางตวาดว่าอย่ามาใช้กำลังกับหลานตน แล้วจะพาสไบนางลงไป สไบนางบอกว่าตนไม่อยากจดทะเบียนกับอุปมา
“ทั้งหมดเป็นความต้องการของลุงมีของเรา ย่าช่วยอะไรไม่ได้หรอก” คุณหญิงบอกแล้วหันไปปรามวิจิตรา “สงบสติอารมณ์แล้วคิดดูให้ดีนะวิจิตรา บางทีการที่แม่เมหายไปยังงี้อาจเป็นโชคของเมก็ได้ ลืมไปแล้วหรือว่าวิธีแต่งงานวันนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร”
แล้วคุณหญิงก็พาสไบนางลงไปเพื่อจดทะเบียนสมรส สไบนางอิดออดแต่ไม่กล้าขัดใจคุณย่า
แต่พอลงมาแล้วเป็นตายอย่างไรสไบนางก็ไม่ยอมเซ็นชื่อ ทีแรกอุปมาก็ไม่ยอมเซ็น แต่พอถูกบารมีขู่ว่าถ้าไม่ยอมจด ทะเบียนจะเตะให้รากเลือดเลย เขาเลยจับปากกาเซ็นพูดอย่างขัดใจว่า
“ผมยอมเซ็นชื่อเพราะกลัวโดนพ่อเตะ มันไม่ได้มีความหมายสำคัญอะไรกับผมเลย”
ส่วนสไบนางไม่ยอมเซ็น จนบารมีใช้ไม้ตายจับล็อกตัวแล้วให้ปั๊มหัวแม่มือท่ามกลางเสียงแผดร้องของสไบนาง... “ไม่มมมมม!!!”
ooooooo
หลังจากถูกจับพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว สไบนางขึ้นไปที่ห้องนอนพูดอย่างเจ็บใจว่าตนจะหนีอย่างเมธาวีบ้าง หยาดฝนคอยปลอบเพื่อนรักให้ใจเย็นๆ เพราะเดี๋ยวก็จะถึงเวลาส่งตัวกันแล้ว
หญิงฉัตรซึ่งรู้เรื่องดีเอาอาหารมาให้สไบนางบนห้อง เตือนสติให้รู้ว่าวันนี้เธอทำฤทธิ์เดชมากเลยรู้ไหม สไบนางย้อนถามว่าแล้วเรื่องเมธาวีหายไปมันเกี่ยวอะไรกับตน ทำไมตนต้องรับผิดชอบด้วย
“เพราะสังคมกลุ่มของเรามีเกียรติยศชื่อเสียงที่ต้องรักษาน่ะสิจ๊ะบี เหตุการณ์วันนี้ใหญ่หลวงมากไม่มีใครที่จะทำหน้าที่รักษาชื่อเสียงหน้าตาของตระกูลได้ดีเท่าบีอีกแล้ว” หญิงฉัตรเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
สไบนางเอาแต่ส่ายหน้ารับไม่ได้และไม่ยอมรับรู้ด้วย หญิงฉัตรหว่านล้อมว่า รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กดื้อเป็นคนยอมรับในเหตุผลแล้วรวบรัดว่า
“ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว หนูไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ นอกจากให้ความร่วมมือ”
สไบนางย้อนถามว่าเขาส่งหญิงฉัตรมาเป็นทูตเจรจาใช่ไหม ถามว่า
“แล้วอนาคตของบีล่ะคะ ใครเคยเห็นบ้าง เคยห่วงบีไหม ทุกคนคิดเอาแต่ได้ บีตั้งใจเรียนแทบตายไปติวกับน้าฉัตรแทบทุกวัน...แต่งชุดนักศึกษาได้แค่ไม่กี่วันเอง ฮือ...ฮือ... อนาคตของบีต้องจบลงเพื่อใคร ใครมองลึกถึงความเสียหายของบีมั่ง ค่าอนาคตค่าความฝันของบี ใครหน้าไหนจะมาชดใช้ให้บีคะ”
หญิงฉัตรบอกว่าตนเข้าใจ ยอมรับว่าพูดอะไรไม่ออกนอกจากเสียใจด้วยเท่านั้นจริงๆ
“เสียใจ...ให้ความเสียใจของทุกคนรวมกันก็ไม่ได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของบีหรอกค่ะ ความหวังความฝันของบี บีสร้างมาเองคนเดียว แต่วันนี้ หลายคนช่วยกันทำลายมันจนหมดสิ้น...ทำไมคะ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับบีด้วย...”
สไบนางร้องไห้โฮลุกไปกอดหยาดฝนไว้แน่น หยาดฝนพลอยร้องไห้ไปด้วย ส่วนหญิงฉัตรได้แต่นั่งมองสไบนางด้วยความเห็นใจ พูดอะไรไม่ออก...
ooooooo
งานส่งตัวและงานเลี้ยงที่โรงแรมในคืนนี้เป็นปัญหาที่มาจ่อให้แก้อยู่ตรงหน้าแข่งกับเวลาที่ต้องแก้ปัญหาภายในกัน
อาทิตย์กลับมาที่บ้านอัคราชด้วยสีหน้าตื่นเต้น บอกคุณหญิงว่าได้ข่าวเมธาวีแล้ว แต่พออุปมาถามว่าเมธาวีอยู่ไหน อาทิตย์ก็หน้าเครียดลง เล่าเหตุการณ์ขณะตนตามไปพบเมธาวีว่า
รถที่เมธาวีนั่งไปนั้นประสบอุบัติเหตุ เมธาวีหมดสติอยู่บนรถ ส่วนคนขับคือชันษาเสียชีวิตคาที่ จากการชันสูตรของแพทย์พบว่าเมธาวีถูกวางยาสลบแล้วลักพาตัวไป แม้ขณะเกิดอุบัติเหตุเธอก็ยังไม่รู้สึกตัว
อุปมาฟังแล้วพรวดออกจากห้องไปทันที บารมีพยายามเรียกไว้แต่ไม่สำเร็จ ส่วนวิจิตราพอได้ข่าวเมธาวีประสบอุบัติเหตุสลบไม่ได้สติ ก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายจะไปเยี่ยมถามประมุขว่าจะไปเยี่ยมลูกหรือจะอยู่เป็นสักขีพยานส่งตัวสไบนางเข้าหออีก
ประมุขขออยู่ดูลาดเลาก่อน เพราะลูกถึงมือหมอแล้วเราไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อถูกวิจิตราด่าประมุขย้ำปรามว่า
“คุณตั้งสติให้ดีนะจิตรา เรื่องเมประสบอุบัติเหตุต้องปิดไว้เป็นความลับ เรายังไม่รู้เลยว่าไอ้ชันษาอยู่กับเมในที่เกิดเหตุได้ยังไง แค่นี้ยังอื้อฉาวไม่พอรึไง เราจะหายหน้าไปจากงานไม่ได้ เข้าใจไหม”
สไบนางแอบฟังอยู่ สงสารชันษาจนเกือบลืมเรื่องสะเทือนใจของตัวเอง
ooooooo
อุปมาหุนหันออกไปบอกบารมีว่าตนจะไปเยี่ยมเมธาวีแล้วขับรถออกไปเลย ส่วนคุณหญิงสะเทือนใจกับเรื่องที่รุมเร้าเข้ามาจนเป็นลมหมดสติ อาทิตย์ฝากคุณหญิงให้บังอรช่วยดูแลแล้วรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
อุปมาเข้าไปเยี่ยมเมธาวีก่อนแล้ว อาทิตย์เข้ามาบอกเขาว่าเมธาวีพ้นขีดอันตรายแล้ว เตือนสติเขาว่า เวลานี้คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือบี แม้ร่างกายเธอจะไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่จิตใจเธอย่ำแย่ ชีวิตเธอมีตำหนิเพราะเขา เมื่ออุปมาตวาดว่าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า อาทิตย์โต้สวนไปว่า
“ใช่ ผมไม่รู้อะไรมาก แต่ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่ทิ้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆให้เผชิญเรื่องร้ายๆอยู่คนเดียวเด็ดขาด”
“ห่วงกันมากเหลือเกินนะ” อุปมาประชด
“ใครจะคิดห่วงแต่ตัวเองเหมือนคุณล่ะ ยังพอมีเวลาไปเล่นละครฉากนี้ต่อไปให้จบ บีจะได้ไม่ต้องอับอายมากไปกว่านี้”
อุปมาเถียงไม่ออก หันมองเมธาวีที่ยังนอนไม่ได้สติ ถอนใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
ooooooo
ส่วนที่บ้านอัคราช เมื่อถึงเวลาส่งตัวแล้วเจ้าบ่าวหายไปจากงาน บารมีตัดสินใจประกาศยกเลิกพิธีส่งตัวและงานเลี้ยงฉลองสมรสคืนนี้ เอ่ยกราบขอโทษแขกที่มาในงานสำหรับความไม่เรียบร้อยทั้งหมดของงานวันนี้ ยกมือไหว้รอบทิศแล้วกลับออกไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขรมไปหมด
สไบนางดีใจจนน้ำตาคลอกอดบังอรบอกว่าฝันร้ายของตนจบแล้ว หยาดฝนพลอยดีใจกับเพื่อนด้วย
แต่เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว อุปมาก็กลับมาถึงที่จัดงาน บารมีถามอย่างโกรธจัดว่ากลับมาทำไมตอนนี้ อุปมาเข้าใจสถานการณ์ยกมือไหว้ขอโทษพ่อหน้าจ๋อยอย่างสำนึกผิด
บารมีจะทุบตีลูกชายก็ทำไม่ลง ได้แต่พูดตาแดงก่ำ
“โทษแกหนักมากมาร์ค ตลอดชีวิตพ่อเพิ่งได้รู้ว่าแกมันก็ไอ้คนหน้ามืดใช้อารมณ์เข้าทำลายความดีงามและความถูกต้อง แกทำให้พ่อผิดหวังมาก ทำลายน้ำใจบีอย่างไม่น่าให้อภัย แกจะกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกทำไม”
อุปมาสารภาพว่าตนเป็นห่วงเมธาวี บารมีด่าว่า “งั้นเหรอ...วิมาดาแกลืมเขาไม่ได้ หนูเมแกก็สงสาร ดูเหมือนแกจะชอบสะสมผู้หญิงเก่าๆไว้เสียเหลือเกินนะ” พูดประชดแล้วไล่จะไปเสเพลที่ไหนก็ไปตนไม่ว่าอะไรอีกแล้วแต่ให้จำไว้ว่า “พ่อจะยึดอิสรภาพทางกฎหมายของแกเอาไว้ พ่อจะไม่ยอมให้แกหย่ากับบีเด็ดขาด”
อุปมาตกใจมาก บารมีไล่ไปให้พ้นหน้าตนแล้วเดินกลับขึ้นไปบนบ้านอัคราชสีหน้าเครียดจัด
อุปมาเดินไปที่รถตบหลังคารถปังอย่างระบายอารมณ์
เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14