Tuesday, October 11, 2011

เรื่ิองย่อ รอยมารตอน10ละคร ช่อง3



เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน9  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน10  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน11  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน12  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน13  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน14  

ตอนที่ 10

คุณหญิงรู้สึกตัวขึ้นมาก็เจอสไบนางเฝ้าอยู่

ถามว่าแขกกลับไปหมดแล้วหรือ บารมีเดินเข้ามาพอดีตอบแทนสไบนางว่า ตนล้มพิธีทั้งหมดแล้ว ส่วนซาร่านั้นแม้จะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจนักแต่ดูจากเหตุการณ์แล้วก็คงพอเข้าใจ ไม่ต้องห่วงตนจะอธิบายให้เธอเข้าใจเอง

สไบนางถามบารมีว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป บารมีพูดเสียงอ่อนโยนให้ทำใจให้สบายแล้วเตรียมไปอยู่บ้านตน เมื่อสไบนางทำท่าจะท้วงติง บารมีเอามือวางบนไหล่เธอบอกว่า

“ลุงสัญญา ความเสียหายของบีทั้งหมดในวันนี้ ลุงจะรับใช้ให้หนูเอง ลุงขอรักษาสถานภาพการแต่งงานแบบนี้ไว้สักระยะนะ” เมื่อคุณหญิงถามว่าทำเพื่ออะไร บารมีชี้แจงว่า “รักษาหน้าให้บีว่าไม่ใช่เจ้าสาวแก้ขัดหรือตัวสำรองของใคร และผมอยากจะลงโทษลูกชายของผมด้วยที่ไม่มีความรับผิดชอบมากพอ”

สไบนางถามว่าแล้วเรื่องเรียนของตนล่ะ บารมีบอกให้สละสิทธิ์เสีย เพราะเรื่องวันนี้ต้องเป็นข่าวใหญ่โตแน่ ตนไม่อยากให้เธอตกเป็นขี้ปากใครมากไปกว่านี้ สไบนางใจหายแต่ก็เข้าใจเหตุผล

“แล้วลุงจะส่งบีไปเรียนต่อเมืองนอก ไปชุบตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกไม่นานคนก็ลืม” บารมีพูดต่อ

คุณหญิงคิดตามบอกบารมีว่านั่นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

พอดีบังอรเคาะประตูห้องเข้ามารายงานว่าพ่อแม่ของชันษารับศพลูกชายไปตั้งสวดที่วัดแล้ว เขาอยากมากราบขอโทษคุณหญิงแต่ตนบอกว่าคุณหญิงพักผ่อนอยู่เขาเลยกลับไป

คุณหญิงบอกบังอรว่าดีแล้วเพราะตนก็ไม่รู้จะมองหน้าพ่อแม่ชันษายังไงเหมือนกัน สไบนางบอกว่าตนรู้มานานแล้วว่าชันษาชอบเมธาวีแต่เมธาวีไม่สนใจเขา พูดน้ำตาคลอว่าตนเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนดีๆไป แล้วขออนุญาตไปงานสวดศพชันษาคืนนี้

คุณหญิงบอกให้เป็นตัวแทนย่าก็แล้วกันเพราะวันนี้ย่าเหนื่อยเหลือเกินแล้ว บารมีจึงอาสาจะมารับสไบนางไปด้วยกันนัดพบกัน 6 โมงเย็น แล้วหันไปทางบังอรบอกว่า ว่างๆก็คุมเด็กๆให้เตรียมจัดเก็บอะไรไว้ให้พร้อมก็ดี

“ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณบารมีหมายถึงอะไรคะ” บังอรถาม

“ทุกอย่างแหละครับ คุณหญิงท่านทราบอะไรดีแล้ว ผมให้เวลาทุกคนในบ้านอีก 3 วัน เตรียมหาที่อยู่ใหม่ ผมจะปิดบ้านอัคราช”

ทุกคนมองหน้าบารมีต่างตกใจกับคำสั่งนิ่งๆแต่เฉียบขาดของเขา

ooooooo

เมื่อไปถึงศาลาสวดศพ พ่อแม่ชันษาบอกว่า จะสวดสัก 3 คืน เก็บไว้ร้อยวันแล้วค่อยเผา แล้วเอ่ยขอโทษที่ลูกชายสร้างปัญหาจนวุ่นวายไปหมด ขออโหสิแทนชันษาด้วย

บารมีพูดอย่างเห็นใจว่า ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วพ่อแม่ชันษาสูญเสียมากกว่าทุกคน ตนกับหลานเสียใจด้วยจริงๆ ที่มานี่ก็เพื่ออโหสิให้กับผู้ตายเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” แม่ชันษาร้องไห้ออกมา บารมีบีบแขนปลอบใจแล้วขอไปไหว้ศพก่อน

บารมีเดินไป แต่พอสไบนางจะเดินตาม เสียงอาทิตย์ก็เรียกขึ้นแล้วกวักมือให้ไปหา สไบนางมองบารมีลังเลนิดหนึ่งแล้วเดินไปหาอาทิตย์ถามว่าทำไมต้องทำลับๆล่อๆแบบนี้ด้วย

บารมีพูดจริงจังว่าตอนนี้เธอกลายเป็นสะใภ้ของบุญอนันต์ไปแล้วตนไม่อยากให้ถูกใครนินทาลับหลัง เมื่อเดินห่างออกจากศาลา อาทิตย์ถามว่าจะไปเยี่ยมเมธาวีไหม สไบนางถามอย่างอึดอัดใจว่าควรไปไหมล่ะในเมื่อตนเป็นคนฉกเจ้าบ่าวเขามาหน้าตาเฉย

“คุณเมบอบช้ำมาก มันเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวของคนคนเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้น”

“ชันเขาเป็นคนดี ถ้าเขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวสำหรับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ บีก็ยังนับถือเขาอยู่” สไบนางพูดจริงจัง อาทิตย์ถามว่าชันษารักเมธาวีใช่ไหม “ใช่ รักมากด้วย ชันเหมือนคนไร้ค่าน่าทุเรศสำหรับพี่เม แต่บีชื่นชมชัน แต่บีก็ไม่คิดว่าชันจะบ้า รักพี่เมมากถึงขนาดนี้... บีสงสัยจังเลย พี่เมนอนอยู่บนห้องแท้ๆถูกชันวางยาพาตัวไปได้ยังไง”

อาทิตย์บอกว่าเรื่องนี้มีแต่เมธาวีเท่านั้นที่ตอบได้ วิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้ 2 ทาง เมธาวีอาจลงมาทำธุระหรือไม่ก็...อาทิตย์หยุดแค่นั้น สไบนางซักจ้องหน้าอยากรู้ อาทิตย์จึงพูดต่อว่า ชันษาอาจหลบอยู่ในห้องเมธาวีตลอดเวลาก่อนพาตัวเธอไป แต่ประเด็นหลังนี้สไบนางยังไม่อยากเชื่อนัก

อาทิตย์วิเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรมให้ฟังว่า

“สองสามวันมานี่ ทุกคนยุ่งเรื่องเตรียมงานกันอยู่ ชันษาคงหาจังหวะแอบขึ้นไปซ่อนตัวในห้องคุณเม เรื่องถึงเงียบ ไม่มีเสียงร้องโวยวายขอความช่วยเหลือจากเม”

สไบนางถามว่านี่คือการคาดการณ์ของอาทิตย์เองใช่ไหม เขาหน้าเครียดยิ่งขึ้นก่อนจะเล่าสิ่งที่ได้ฟังจากเพื่อนตำรวจว่า หมอชันสูตรศพชันษากับตรวจร่างกายเมธาวีแล้วพบว่า ทั้งสองคนผ่านการร่วมเพศมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน

เวลานั้นอาทิตย์เชื่อว่าเมธาวีถูกข่มขืน เพื่อนตำรวจบอกว่าเรื่องนี้ยังเป็นความลับอยู่ จะทำยังไงต่อไป อาทิตย์มองหน้าเพื่อนพูดเชิงขอร้องว่า

“เป็นไปได้ไหม ที่มันจะเป็นความลับตลอดไป ไม่ให้รู้ แม้แต่พ่อแม่คุณเม”

หลังจากนั้นอาทิตย์ลอบขึ้นไปที่ห้องนอนเมธาวี สวมถุงมือแล้วสำรวจเตียงนอนเธอเพื่อหาหลักฐาน พบคราบเปื้อนผ้าปูที่นอน เขาเบือนหน้าหนีอย่างรับไม่ได้ สบถอย่างโกรธแค้น

“ไอ้เลวเอ๊ย!”

อาทิตย์สะดุ้งเมื่อถูกสไบนางที่ตั้งใจฟังอยู่ถามขึ้นว่านี่เขาคิดเองใช่ไหม?

อาทิตย์พยักหน้าเครียดๆ สไบนางตัดบทว่าไหนๆชันษาก็ตายไปแล้วเรามาเพื่ออโหสิให้เขาแล้วชวนกันเข้าไปที่ศาลาวัด แต่ไม่ทันถึงอาทิตย์ก็ถามขึ้นว่า “ได้ยินว่าบีจะย้ายไปอยู่บ้านลุงมีหรือ”

“ก็ไม่เชิงหรอก บีต้องอยู่ในที่ที่บีสมควรอยู่ ไหนๆวันนี้บีก็เสียชื่อป่นปี้ไปหมดแล้ว มันอย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย” สไบนางแววตาแค้น มุ่งมั่นจะเอาคืนให้ได้

ooooooo

เมื่อประมุขกับวิจิตราไปเยี่ยมเมธาวี เห็นสภาพลูกสาวมีสายระโยงระยางอยู่รอบตัว วิจิตราถึงกับร้องไห้โฮ ส่วนประมุขยืนน้ำตาคลอ

วิจิตราโผเข้ากอดประมุขคร่ำครวญฟูมฟาย ด่าชันษาว่าเนรคุณ ตนเมตตามาตั้งแต่เล็กแต่น้อยกลับมาทำกันได้ พูดอย่างอาฆาตว่าถึงชันษาจะตายไปแต่ก็ยังน้อยเกินไปกับการทำลายชื่อเสียงของเรา ทำลายงานแต่งงานของเมธาวี สาปแช่งให้ชันษาตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิด

วิจิตราฟูมฟายเสียจนประมุขตวาดให้เงียบเสียที แล้วตัวเขาเองก็ปวดหัวจี๊ดจนรูดตัวไปกับเตียงเมธาวีลงไปนั่งกับพื้น วิจิตรากรีดร้องอย่างสติแตก จนพยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นตกใจเข้ามา

ส่วนที่บ้านไทยประยุกต์ บารมีไปดริงก์คลายเครียดเพิ่งกลับมาเอาตอนดึก ถามหัสดินว่าสไบนางขึ้นนอนแล้วหรือเพราะให้เด็กจัดห้องไว้ให้แล้วและให้อาทิตย์มาส่งสักชั่วโมงหนึ่งเห็นจะได้

หัสดินบอกว่าไม่เห็น บารมีทำหน้าตกใจโพล่งออกมาอย่างร้อนใจว่า  อย่าบอกนะว่าถูกอาทิตย์ลักพาตัวไปอีกคน พลางร้องเรียกแรมคนรับใช้

“โอ๊ย...วันนี้ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย” หัสดินทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ตบหน้าผากตัวเองผาง

ooooooo

ที่แท้สไบนางมาถึงแล้ว เธอเข้าไปในห้องหอที่เมธาวีจัดไว้อย่างสวยงาม เอาเสื้อผ้าเข้าแขวนตู้ ตัวเองยังอยู่ในชุดรดน้ำ

อุปมาเพิ่งกลับมา เขาเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างเศร้าสร้อย แต่แล้วก็ผงะเมื่อสไบนางร้องทัก

“ไฮ...ดาร์ลิ้ง...” ไม่ทักเปล่าแต่ยังกรีดมือทักทายอย่างยั่วยวน ยิ้มหวานอย่างเชิญชวน

อุปมาผงะเหมือนถูกผีหลอกถอยออกไปอย่างเร็ว ไปตั้งสติอยู่หน้าห้อง ได้ยินเสียงสไบนางหัวเราะชอบใจ เขาสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติแล้วกลับเข้าไปในห้องใหม่ เห็นสไบนางยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หยิบผ้าขนหนูสีชมพูหวานแหววจะไปเข้าห้องน้ำ

อุปมาไล่ให้ออกจากห้องตนแล้วกลับบ้านตัวเองไปเลย เพราะห้องนี้เป็นห้องที่เมธาวีจัดไว้สำหรับตนกับเธอ สไบนางไม่ยอมกลับเพราะวันนี้ตนเสียหายจนป่นปี้หมดแล้วยังไงก็ต้องเอาคืน อุปมาไล่ให้ไปเอาคืนกับประมุข สไบนางย้อนถามว่าตนจะเอาคืนกับเขาก่อนมีอะไรไหม ทั้งยังบอกว่าอะไรที่เป็นของเมธาวีตนจะแย่งมาให้หมด

“ทำไมเธอร้ายกาจขนาดนี้นะ” อุปมาถามทึ่ง

“ฉันจะอยู่ห้องนี้ในฐานะเจ้าสาวของนายตามทะเบียนสมรส ทำไมเหรอ กลัวทนความเซ็กซี่ของฉันไม่ไหวรึไง” พูดแล้วทำท่ายั่วยวนยักคิ้วหลิ่วตาให้แต่ดูขัดตาน่าขำมากกว่า

อุปมามองอย่างเจ็บใจ จ้องหน้าสไบนางแล้วผลุนผลันออกไป สไบนางมองขำๆเหยียดปากพูดอย่างหมั่นไส้ “นึกว่าจะแน่ ฮึ!”

ooooooo

หลังจากนั้น  สไบนางก็โทรศัพท์เล่าให้หยาดฝนฟังอย่างสะใจ  เพื่อนเตือนว่าระวังอย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า สไบนางพูดอย่างเจ็บใจไม่หายว่า

“ฉันสู้ตายอยู่แล้วฝน มันดูถูกฉันเกินไป ฉันยอมลดตัวไปแต่งงานกับมัน แต่มันทิ้งให้ฉันหน้าแหกเป็นเสี่ยงๆต้องเป็นแม่สายบัวแต่งชุดเจ้าสาวรอเก้อ ฉันอายมากนะฝน ฉันจะเอาคืนให้แสบเลย”

หยาดฝนติงว่าเดี๋ยวก็จะหย่ากันแล้วไม่ใช่หรือ  สไบนางบอกว่าลุงมียังไม่ยอมให้หย่าเพราะต้องการดัดสันดานลูกชาย

ระหว่างคุยกันนั้นได้ยินเสียงตอกอะไรโป๊กๆ สไบนางถามหยาดฝนว่าตอกอะไรอยู่หรือ  พอรู้ว่าเพื่อนไม่ได้ตอกอะไร สไบนางเงี่ยหูฟังพอจับเสียงได้ก็ขอหยุดคุยก่อนวางโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำแล้วเดินไปดู

จึงรู้ว่าอุปมาให้ช่างมาติดสายยูประตูห้องเพื่อขังเธอไว้ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลย สไบนางตกใจ หน้าเสีย ถอยออกมาให้ปลอดภัยก่อนแล้วจึงอ้างความเป็นลูกพี่ลูกน้องกันขู่ไม่ให้เขาทำอะไรตน

“ที่พ่ออัพเดทล่าสุดไม่ใช่สักหน่อย แค่ลำดับญาติเฉยๆ แต่โดยสายเลือดแล้วเราไม่เกี่ยวพันกันเลย มีลูกรับรองว่าไม่ต๊องแน่นอน” อุปมาพูดยิ้มหื่นๆแล้วพุ่งเข้าหาทันที

สไบนางร้องกรี๊ดๆร้องห้ามอย่าทำอะไรตน อุปมายิ่งได้ใจทำเสียงหื่นบ้ากามย่างสามขุมเข้าหา สไบนางวิ่งหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูโครมล็อกทันที อุปมายิ้มสะใจ พึมพำ

“เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้ว เบบี๋เอ๋ย...”

พอเข้าห้องน้ำสไบนางก็โทรศัพท์เล่าให้หยาดฝนฟัง กลัวจนขอให้เพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ดึกมากแล้วเลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอดีอุปมาตะโกนจากหน้าห้องน้ำให้เปิดประตู ถามว่าจะเปิดหรือจะให้ตนพังเข้าไป หยาดฝนได้ยินเสียงตะโกนกันไปมา เตือนเพื่อนว่าพูดกับเขาเพราะๆ หน่อยเผื่อเขาจะใจอ่อน

“แกอย่าเพิ่งวางสายนะ อยู่เป็นพยานให้ฉันก่อน ถ้ามันปล้ำฉันจะแจ้งความจับมันเลย” สไบนางเอาโทรศัพท์ที่ยังเปิดอยู่ยัดใส่กระเป๋าเสื้อนอน แล้วทำเสียงอ่อนเสียงหวานถามว่าจะเข้ามาอาบน้ำหรือ แต่ในมือถือไดร์เป่าผมอีกมือจับปลายสายไฟ เตรียมพร้อมรัดคอเขาเต็มที่หากบุกเข้ามา

พอเปิดประตูห้องน้ำ อุปมาไล่ให้ออกไปเสียตนจะอาบน้ำ สไบนางได้ทีวิ่งปรู๊ดออกไปแล้วจะโทร.บอกหยาดฝนแต่แบตหมดพอดี ได้ยินอุปมาพูดเขย่าขวัญออกมาว่า วันนี้ต้องอาบน้ำให้สะอาดเป็นพิเศษเจ้าสาวจะได้หอมชื่นใจ

สไบนางกลัวจนใจสั่น แต่ฮึดปลุกใจตัวเองว่า “อย่าสติแตกสไบนาง เธอไม่เคยแพ้ใครง่ายๆ” แล้วตั้งหลักสู้เต็มที่ รีบไปค้นกระเป๋าด้วยสีหน้าพอใจ พึมพำกับตัวเอง

“คนอย่างฉัน ไม่เคยไม่เตรียมพร้อม”

ooooooo

ก่อนนอนสไบนางไปปูที่นอนอีกที่หนึ่งที่มุมห้องกะไล่อุปมาให้ไปนอนที่นั่น แต่พอเขาออกมาก็ขึ้นเตียงหน้าตาเฉย ซ้ำยังแกล้งกระชากผ้าที่เธอคลุมโปงออกทำท่าหื่นใส่

สไบนางคว้ากรรไกรตัดหญ้าที่ซ่อนไว้ขึ้นมาง้างทำท่างับๆขู่ อุปมาหัวเราะก้าก บอกว่าคืนนี้ตนยอมแพ้ พลางลุกไปไขกุญแจ แต่ก่อนออกไปยังไม่วายหันมาถามกวนประสาทว่า

“นี่เธอรู้ได้ไงว่ากรรไกรธรรมดาตัดไม่ขาดต้องใช้กรรไกรตัดหญ้า ขอบคุณนะที่ให้เกียรติบิ๊กมาร์ค”

“ไอ้ทะลึ่ง” สไบนางด่าทำท่าจะปากรรไกรใส่ แต่อุปมาไวกว่าออกไปแล้วปิดประตูอย่างเร็ว พอออกไปแล้วก็ยืนยิ้มพูดขำๆ “ขอบใจนะที่ช่วยคลายเครียดเรื่องคุณเมให้” แล้วไปนอนห้องเล็กแทน

ooooooo

ประมุขกับวิจิตราโกรธแค้นมากที่ถูกบารมีสั่งให้ออกจากบ้านภายใน 3 วัน ประมุขให้วิจิตราพาเมธาวีไปรักษาตัวที่เชียงใหม่ ส่วนตัวเองไปคุยกับคุณหญิง ถามว่าบารมีไม่เห็นแก่หน้าคุณแม่บ้างเลยหรือ

คุณหญิงไม่สนใจบอกว่าตนจะย้ายไปอยู่บ้านสวนของบี ประมุขจึงรู้ว่าคุณหญิงยกบ้านสวนให้สไบนางไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเข้าทางสไบนาง พอรู้ว่าสไบนางเพิ่งไปเยี่ยมเมธาวีแต่ไม่เจอ พยาบาลบอกว่าเมธาวีย้ายออกไปแล้วแต่ไปไหนไม่ทราบ ประมุขพูดอ่อนโยนว่า

“ลุงกับป้าย้ายพี่เมไปพักรักษาตัวที่เชียงใหม่แล้วลูก จะได้ไม่มีคนไปรบกวน”

หลังจากสไบนางถามไถ่อาการของเมธาวีแล้ว ประมุขถามสไบนางว่ารู้ไหมว่าบารมีไล่พวกเราออกจากบ้านแล้ว สไบนางตอบหน้านิ่งๆ ว่ามันก็ถูกต้องแล้ว เพราะลุงเสียพนันไม่ว่าจะเสียให้ใครเขาก็ต้องยึดทั้งนั้น

ประมุขตะล่อมแกมบังคับว่า ในฐานะที่เธอเป็นอัคราชคนหนึ่งก็มีส่วนต้องร่วมรับผิดชอบด้วย โดยขอให้ช่วยพูดกับบารมีให้ยอมผ่อนปรนให้

“ไม่ค่ะ คุณลุงคะ ขอร้องอย่ายุ่งกับบีอีกเลย บีไม่ขอรับทราบเรื่องของใครทั้งนั้น” สไบนางตัดบททำให้ประมุขเปลี่ยนเสียงทันที ตำหนิว่าเธอคิดแต่เรื่องของตัวเอง แล้วโพล่งออกไปแบบทิ้งไม้ตายว่า

“บีเป็นลูกของลุง!”

สไบนางปฏิเสธว่าไม่จริง ตนจะไม่ฟังอะไรอีกแล้ว ถูกประมุขขู่เข็ญกระทั่งกระชากไหล่บังคับให้ฟังตนพูด โชคดี ที่คุณหญิงมาเจอเข้า สไบนางรีบวิ่งไปหลบข้างคุณหญิงน้ำตาไหลพราก

คุณหญิงตำหนิประมุขอย่างรุนแรงว่ามีแต่ความเห็นแก่ตัว แก้ปัญหาอย่างจนตรอก เมื่อประมุขยืนกรานว่ายังไงสไบนางก็เป็นลูกตน คุณหญิงจึงเปิดเผยความจริงต่อหน้าสไบนางว่า

“มีบางเรื่องที่แม่เก็บไว้เป็นความลับ มันเป็นตราบาปในใจของแม่ แต่แม่จงใจทำเพื่อความถูกต้อง มันคือความจริงที่แกยังไม่รู้ ความจริงที่แกไม่ยอมเชื่อแม่มาตลอดว่าบีคือลูกของประจักษ์”

ประมุขเถียงว่าประจักษ์เป็นหมัน คุณหญิงโต้ว่าประจักษ์แค่อ่อนแอแต่ไม่ได้เป็นหมัน ประมุขตะแบงอีกว่า ศรีอำไพท้องกับตน ซึ่งคุณหญิงก็ยอมรับ แต่ความจริงหลังจากนั้นคือ คุณหญิงได้เอายาให้ศรีอำไพกินจนแท้งลูกที่ท้องกับเขา คุณหญิงเล่าอย่างเจ็บปวดว่า

“แม่ของบีเป็นคนดี แต่หนีคนชั่วไม่พ้น” แล้วพูดกับสไบนางว่า “แม่เราใจเด็ดคิดฆ่าตัวตาย แต่ประจักษ์มาห้ามไว้ทัน ความก็เลยแตก ประจักษ์ใจอ่อนแต่ไพไม่ยอมเพราะอะไรรู้ไหมเจ้ามุข เพราะไพเกลียดแก เกลียดไอ้มารร้ายอย่างแก!”

คุณหญิงเล่าเสียงสะท้านว่า “แม่เคยเสียใจ เคยทุกข์กับรอยบาปที่แม่ทำลายก้อนเนื้อในท้องศรีอำไพ แต่ตอนนี้ แม่ไม่เสียใจแล้ว เพราะรอยบาปวันนั้นได้ช่วยชุบชีวิตให้บีในวันนี้ได้”

ประมุขหน้าซีดเผือดแต่ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่จริงตนไม่เชื่อ หาว่าคุณหญิงปั้นเรื่องขึ้นมาหลอกตน เพราะคุณหญิงเป็นคนดีไม่ทำเรื่องอย่างนี้เด็ดขาด ยังเถียงว่าประจักษ์มีลูกไม่ได้ แล้วยืนยันกับสไบนางว่าตนนี่แหละคือพ่อที่แท้จริงของเธอ

“บีไม่เชื่อลุงอีกแล้ว บีเชื่อคุณย่า บีเพิ่งรู้ว่าทำไมคุณย่า ถึงรักบีมาก เพราะการเกิดของบีคือความถูกต้องทุกอย่าง คุณย่าไม่เคยฆ่าหลานคนไหน คุณย่าเพียงย้ายให้เขามาเป็นบีในท้องของคุณแม่ ลุงมีพูดถูก พ่อจักษ์คือพ่อของบี ถูกต้องทั้งทางสังคม ศีลธรรม และกฎหมาย...ทุ่มเทความรักให้บีจนวาระสุดท้าย พ่อจักษ์คือพ่อของบี คุณลุงก็คือลุง นี่คือความจริงที่บีเชื่อ ไม่มีใครหรืออะไรมาเปลี่ยนแปลงมันได้ทั้งนั้น”

สไบนางพูดไปร้องไห้ไป เมื่อพูดจบเธอวิ่งกลับขึ้นบ้าน ประมุขมองตามครางเสียงแผ่ว...บี...

“หยุดความคิดเลวๆของแกทั้งหมดซะทีประมุข อย่าดิ้นรนอะไรอีกเลย ยอมรับกรรมที่แกก่อเอาไว้เถอะ แกหนีมันไม่พ้นแล้วล่ะ” คุณหญิงมองหน้าลูกชายด้วยสายตาเวทนา แล้วเดินตามสไบนางไปอีกคน

ประมุขเงียบกริบ ทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง เอามือกุมหัว อับจนหมดหนทางแล้วจริงๆ

ooooooo

คืนนี้ อุปมากับหัสดินไปเที่ยวผับกันตามประสาหนุ่ม หัสดินบอกอุปมาว่าท่าทางซาร่าแม่ของเขาจะชอบสไบนางเหมือนกัน อุปมาเหยียดปากพูดเซ็งๆว่า “แม่หลงกล เด็กมันเล่นละครเก่ง”

ครั้นหัสดินถามว่าแล้วเขาจะจัดการเรื่องเมธาวีอย่างไร อุปมาหน้าสลดลงบอกว่าเหตุการณ์วันนั้นไม่ใช่ความผิดของเมธาวีเลย ตนสงสารและเห็นใจเธอ แต่พอหัสดินพูดแทนเมธาวีว่าน่าจะเจ็บใจที่ถูกสไบนางแย่งเขาไป อุปมาก็แย้งทันทีว่า มันไม่ใช่ความผิดของบี เลยถูกหัสดินแซวว่าแต่งงานแค่ข้ามคืนก็เข้าข้างเมียแล้วหรือ

“เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้หัส...กูพูดไปตามความจริง อะไรถูกก็ว่าถูก อะไรผิดก็ว่าผิด” หัสดินถามว่าแล้วจะแก้ปัญหาต่อไปอย่างไร “ถ้าพ่อยอมให้หย่าจากบีเมื่อไหร่ฉันก็จะแต่งงานกับคุณเมอีกครั้ง”

หัสดินติงว่าถ้าแต่งงานใหม่เขากับเมธาวีก็จะมีความสุขแต่น่าสงสารสไบนาง เสนอว่าอย่าจัดพิธีเลย แค่จดทะเบียนกันเงียบๆก็พอ

แต่พอถูกหัสดินพูดดักคอว่า เว้นเสียแต่เขาจะพลาดปล้ำสไบนางเสียก่อนรับรองเกมเปลี่ยนแน่ เลยถูกเพื่อนด่าแล้วลุกกลับแถมบอกให้จ่ายเงินด้วย หัสดินแซวว่าคิดถึงเจ้าสาวหรือ เลยถูกล่อเข้าไปป้าบหนึ่งแบบเตะจริงเจ็บจริง แถมด่าว่าปากเสีย แล้วไปเลย

พอกลับมาถึงห้องหอ อุปมาถึงกับยกมือสองข้างกำเหนือหัวขอบคุณพระเจ้าเมื่อไม่เห็นสไบนางอยู่ในห้อง แถมที่นอนก็ยังตึงเปรี๊ยะ  แต่พอเลิกผ้าคลุมออกก็หุบยิ้ม

แทบไม่ทัน เมื่อพบกรรไกรตัดหญ้าวางอยู่

“นี่มันกะฆาตกรรมกันรึไงวะเนี่ย กลับมาเมื่อไหร่ จะจับปล้ำซะให้หายเฮี้ยนเลยคอยดู!”

หารู้ไม่ สไบนางอยู่ในห้องนอนตัวเอง กำลังค้นคว้าประมวลกฎหมายอาญาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เอาจริงเอาจัง ค้นเจอแล้วยังจดออกมาด้วย เตรียมเล่นงานเต็มที่ถ้าถูกอุปมาล่วงล้ำ

ooooooo

นอกจากค้นคว้าเรื่องกฎหมายแล้ว วันต่อมา สไบนางยังให้อาทิตย์ช่วยจ้างคนงานมาติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องนอนด้วย พออุปมากลับมาเขาหัวเสียมาก เลยถามเย้ยหยันว่านึกว่าตนจะหน้ามืดปล้ำลงหรือ

สไบนางยังหาทางแกล้งทุกครั้งที่มีโอกาส แม้กระทั่งหิวน้ำกลางดึกก็ปลุกเขาขึ้นมาให้พาลงไปเอาน้ำอ้างว่า  เพราะเขาใส่กุญแจขังไว้ แต่แล้วก็เสียเชิง เมื่อลงไปแล้วเจอแม่ของแรมที่มาพักกับลูกในเงาสลัว  สไบนางตกใจกลัวนึกว่าผี กระโดดกอดอุปมาไว้แน่น

พอรู้ว่าเป็นแม่ของแรมก็พูดแก้เกี้ยวว่าทีหลังให้คุณแม่เปิดไฟไว้ด้วยจะได้ไม่ตาฝาด  ส่วนอุปมาก็อดไม่ได้ที่จะยั่วกวนประสาท พูดยิ้มกรุ้มกริ่มว่า “ซ่อนรูปนะเรา”

สไบนางทั้งเขินทั้งโกรธได้แต่กำมือแน่น คิดคำด่าไม่ทัน

ooooooo

เมื่อวิมาดาหวนกลับไปเกาะธนูใหม่ด้วยความจำใจ เธอหลอกใช้เขาให้ช่วยสืบเรื่องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวของอุปมา ธนูรับคำอย่างเอาใจ

ส่วนที่เชียงใหม่ เมื่อเมธาวีรู้สึกตัวขึ้นมา เธอถามวิจิตราถึงเรื่องงานวันแต่งงาน ถามถึงอุปมาว่ามาเยี่ยมบ้างหรือเปล่า วิจิตราจำต้องโกหกลูกเพื่อให้สบายใจว่ามาแต่เธอหลับอยู่ เขาเพิ่งกลับไป

หลังจากนั้น วิจิตราโทรศัพท์ถึงอุปมาให้มาเยี่ยมเมธาวีบ้าง อุปมารับทราบด้วยความยินดี

“เมเริ่มจำอะไรได้มั่งแล้วล่ะ แต่ยังไม่รู้ว่ามาร์คแต่งงานไปกับบีแล้ว” วิจิตราเล่า

“แล้วผมจะบอกความจริงกับเมได้รึยังครับ...โอเคครับ เมปลอดภัยดีแล้วผมก็หมดห่วง จะได้มีข้ออ้างกับคุณพ่อขอหย่ากับเด็กผีสิงนี่ซะที”

สไบนางแอบฟังอยู่ ตาลุกด้วยความดีใจ พึมพำกับตัวเอง “หมดเวรหมดกรรมซะที...เฮ้อ...”


รุ่งขึ้น ที่โต๊ะอาหารเช้า อุปมาเอาตำราภาษาอังกฤษจำนวนหนึ่งมาให้สไบนางบอกว่าพ่อให้หามาให้เพื่อจะได้ทบทวนภาษาเวลาไปเรียนเมืองนอกจะได้ไม่มีปัญหา แล้วบอกว่าตนจะไปเยี่ยมเมธาวีที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝากแรมให้ช่วยดูแลสไบนางด้วย พูดเสียดสีว่า

“ช่วยคุมความประพฤติแทนฉันทีนะแรม”

ooooooo

บอกให้ธนูช่วยสืบเรื่องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในวันแต่งงานของอุปมาแล้ว แต่วิมาดาก็ยังไม่วางใจ ตัวเองก็มาสืบที่บริษัทของอุปมาด้วย เจอเลขาฯของอุปมาที่คุ้นเคยกันดีจึงเลียบเคียงถาม

เลขาฯทำเป็นกระซิบกระซาบเล่าอย่างระมัดระวังว่า ตนก็ไม่แน่ใจแต่ได้ยินเขาเม้าท์กันว่า ผู้ใหญ่พยายามจับคู่ให้เมธาวีผิดฝาผิดตัว อุปมากลับไปชอบคนน้อง เมธาวีทนไม่ได้เลยหนีไป

“คุณมาร์คชอบยัยเด็กบีเนี่ยนะ”

“ค่ะ...ดิฉันก็เพิ่งรู้ว่าเจ้านายรักเด็ก” เลขาฯทำตาหลุกหลิกขำๆ วิมาดาไม่ขำด้วย แต่เธอก็ไม่เชื่อ คิดในใจว่าต้องค้นหาความจริงให้ได้

ooooooo

อุปมาไปหาเมธาวีที่เชียงใหม่ พร้อมดอกไม้สดช่อใหญ่ เพียงเห็นหน้าอุปมาเท่านั้น เมธาวีก็ดีใจจนน้ำตาไหลพรูอย่างกลั้นไม่อยู่ อุปมารีบเดินเข้าไปเขาอยู่ในสายตาเธอตลอดเวลา

“เจ้าสาวคนสวยของผม อย่าร้องไห้สิครับ” ส่งช่อดอกไม้ให้วิจิตราที่เข้ามารับแล้วรีบเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ ปลอบประโลม “ฝันร้ายผ่านไปแล้วนะครับคุณเม”

เมธาวีพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไว้ บีบมืออุปมาแน่น พูดถึงงานแต่งงานล่มที่ทำให้ทุกคนต้องอับอาย ตนเสียใจมาก อุปมาขออย่าพูดถึงมันอีกเลย บอกว่าเธอปลอดภัยก็ดีแล้ว

“แล้วงานแต่งของเราล่ะคะ” เมธาวีถาม เห็นเขายิ้มให้ เธอยิ่งเจ็บปวด ด่าชันษาว่าเป็นคนทำลายทุกอย่าง

“เขาตายไปแล้ว อโหสิให้เขาเถอะครับ” อุปมารีบยกมือห้ามเมื่อเธอจะสาปแช่งชันษา ชี้ให้เธอเห็นว่า “เขารักคุณเมมากจนขาดสติ ลักพาตัวคุณเมเพื่อไม่ให้ได้แต่งงานกับผม เขาชดใช้แล้วด้วยชีวิตมันเกินกว่าความผิดด้วยซ้ำ”

เมธาวีน้ำตาไหลพราก เพราะมีความเจ็บปวดเจ็บแค้นที่เธอไม่อาจพูดออกมาได้ เธอลุกขึ้นสวมกอดอุปมาร้องไห้สะอึกสะอื้น อุปมากอดเธอไว้อย่างปลอบใจ ส่วนวิจิตราสงสารลูกจนร้องไห้ซับน้ำตาอยู่ไม่หยุด

ส่วนที่บ้านอัคราช คุณหญิงนั่งมองไปรอบบ้านอย่างอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อประมุขมาบอกว่ารถขนของเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้ว และพยายามจะแสดงความเสียใจกับแม่ แต่คุณหญิงยกมือห้าม พูดอย่างเข้มแข็งว่า

“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องสู้กันต่อไป” พูดแล้วเดินไปทางหน้าบ้าน เจอบังอรกับลุงแก้วรออยู่ บังอรถือกุญแจบ้านทั้งหมดรายงานว่าตนล็อกบ้านเรียบร้อยแล้ว

ขณะนั้นเอง บารมีก็ขับรถคันหรูเข้ามา ประมุขเดินไปเผชิญหน้าทักอย่างประชดว่า มาทันเวลาพอดี ส่วนคุณหญิงรับไหว้บารมีแล้วบอกว่า

“น้าย้ายของไปหมดแล้ว พ่อมีพร้อมจะไปโอนบ้านเมื่อไหร่ก็นัดมา” แล้วหันไปบอกบังอร “เอากุญแจไปให้คุณบารมีซะสิ”

รับกุญแจจากบังอรแล้ว บารมีเดินไปหาประมุขจ้องหน้ากวนๆ ก่อนแจกแจงหนี้สินว่า คำนวณหักลบกลบหนี้พร้อมดอกเบี้ยฉันญาติสนิทแล้ว ถือว่าหนี้สินเราลดไป 1 ใน 3

“ถ้าพี่จะเอามากกว่านี้ก็เหลือแต่ชีวิตผมแล้วล่ะ” ประมุขขบกรามแน่น

“ชีิวิตแกมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” บารมีเยาะเย้ย ยิ้มกวนๆบอกว่า “อย่างแรกที่ฉันจะทำคือ เอาป้ายชื่อบ้านอัคราชออก แกคงไม่ว่าอะไรนะ”

คุณหญิงเห็นทั้งคู่ทำท่าจะร้อนแรงใส่กัน จึงเรียกประมุขให้ไปขึ้นรถ บารมีได้ทีเยาะเย้ยอีกว่า รถของตัวเองหายไปไหน หรือว่าขายทิ้งเอาเงินมาหมุนเสียแล้ว ทำให้ประมุขทนไม่ได้ ระเบิดอารมณ์ถาม

“สะใจพอรึยัง คนล้มอย่าข้าม พี่เคยได้ยินไหม”

คุณหญิงทนไม่ได้เรียกประมุขให้รีบมาขึ้นรถและเอ่ยตัดพ้อบารมีว่า ให้พอเถอะอย่าเหยียดหยามถากถางกันอีกเลย เพราะเราไม่เหลืออะไรแล้ว

“ผมตะหากที่เคยไม่เหลืออะไรเลย”บารมีตอบโต้ตาแดงก่ำ ทำเอาทั้งคุณหญิงและประมุขต่างเงียบกริบ บารมีถอนใจเดาะกุญแจในมือแล้วเดินขึ้นบ้าน

“ไปจากที่นี่กันเถอะ บ้านนี้ไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว”คุณหญิงเร่งประมุขน้ำตาท่วมอย่างปวดร้าวใจ

ooooooo

ที่บ้านไทยประยุกต์...

อุปมาขับรถกลับมาถึงบ้านเห็นรถของอาทิตย์จอดอยู่ก็ของขึ้นทันที เดินไปยังเห็นสไบนางตีแบดมินตันอยู่กับอาทิตย์อีก เขาหยุดจ้องทั้งคู่ตาแทบลุกเป็นไฟ ถามสไบนางที่วิ่งมาเก็บลูกขนไก่ว่าตนสั่งห้ามอะไรไว้ไม่เข้าหัวกันเลยรึไง

สไบนางตีหน้าตายถามว่าห้ามตีแบดด้วยหรือ อุปมาเอ็ดอย่างโกรธจัดว่า

“เธอจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน เธอพากิ๊กเข้าบ้านตอนฉันไม่อยู่ได้ยังไง รักษาเกียรติตัวเองบ้าง” อาทิตย์เลยชี้แจงว่าตนไม่ได้มาคนเดียว “พาวิญญาณใครมาด้วยเหรอ”อุปมาถามประชด

พอดีหัสดินกับหยาดฝนวิ่งเข้ามาพร้อมถุงขนมและอาหาร อุปมาเลยหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย พอเพื่อนทักว่ากลับมาแล้วหรือก็ไม่ตอบ

อึดใจเดียวบารมีก็กลับมา พอเห็นหน้าลูกชายก็ชวนให้มาปาร์ตี้ด้วยกัน   พลางวางไวน์สองขวดลงบนโต๊ะ

อุปมาตอบอย่างหงุดหงิดว่าตนอิ่มแล้ว ทำท่าจะเดินกลับ

“เดี๋ยวมาร์ค ศุกร์หน้าวันเกิดบีเขา พ่อจะจัดงานวันเกิดให้บีเขาที่บ้านเรานะ”

อุปมายิ่งหัวเสียหนักเข้าไปอีก ถามพ่อว่าจะจัดให้สิ้นเปลืองทำไม บารมีบอกว่าอยากจัดรับขวัญหลานสาว เขาเลยตัดบทว่าแล้วแต่พ่อก็แล้วกันแต่ตนไม่รับปากว่าจะว่างมางานหรือเปล่า

อุปมาพูดขาดคำ เสียงสไบนางร้องเย้...ก็แทรกเข้ามากระโดดหย็องแหย็งแสดงความดีใจที่เขาจะไม่มางาน แล้วเข้ามาลากแขนบารมีชวนไปปาร์ตี้กัน อุปมามองตาขวางทั้งเจ็บใจทั้งหมั่นไส้เต็มที

ooooooo

ที่คอนโดฯของธนู วิมาดาไปจัดเตรียมอาหารค่ำที่นั่น พอธนูกลับมาก็ปากหวานว่าน่าทานทั้งนั้นเลยแล้วเข้าคลอเคลีย วิมาดาทำท่ารำคาญ เขาเลยพูดเอาใจว่าเรื่องที่เธอให้ไปสืบนั้น ได้ความมาแล้ว

“คืองี้...คุณเมออกไปเที่ยวกับเพื่อนประสบอุบัติเหตุรถชน มางานไม่ได้ เขากลัวเสียหน้าก็เลยเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน”

วิมาดาติงว่าเจ้าสาวประสบอุบัติเหตุก็น่าจะมีเหตุผลเลื่อนงานออกไป ทำไมถึงกับต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ธนูก็ทำท่ามีเลศนัยว่า

“นี่ข่าววงในจริงๆนะ มีไม่กี่คนที่รู้หรอก เขาบอกว่าเพื่อนที่คุณเมไปเที่ยวด้วยคือแฟนเก่า หึๆความลับไม่มีในโลกจริงๆ นายมาร์คโกรธมากเลยประชดเปลี่ยนตัวเจ้าสาวไปเลย เป็นผมก็รับไม่ได้ จะแต่งงานกับเราพรุ่งนี้ ยังมีหน้า ไปเที่ยวกับแฟนเก่าสองต่อสองอีก”

วิมาดาเลียบเคียงถามธนูว่า อุปมาไม่ได้รักสไบนางไม่ใช่หรือ ธนูพูดขำๆว่าเด็กสาววัยขบเผาะอายุ 17-18 ขี้คร้านจะหลงกันหัวปักหัวปํา  ทำให้วิมาดาฟังแล้วตาร้อนทั้งอิจฉาทั้งหึงหวงอุปมา

ooooooo

วันเกิดสไบนางมาถึงแล้ว อุปมาตั้งใจไม่มางาน หัสดินเลยกลับไปก่อนบอกว่าคิดถึงหยาดฝนใจจะขาดแล้ว

อาทิตย์อุ้มน้องหมาน่ารักมาเป็นของขวัญวันเกิดสไบนาง เขาแวะรับคุณหญิงไปด้วยกัน  ส่วนประมุขไม่ยอมไป

ทั้งเพราะหมั่นไส้และแค้นใจสไบนางกับบารมี

อุปมาตั้งใจไม่มางานวันเกิด ถ่วงเวลาจนค่ำจึงลงมาจะขึ้นรถ เจอวิมาดามาดักรออยู่ เธอตั้งใจมาอ่อย สานสัมพันธ์กับเขา ชวนไปทานอาหารนั่งคุยกันที่ร้านประจำ อุปมาจึงขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พูดขำๆว่ากลับไปให้พ่อเห็นหน้าหน่อยกันโดนด่า แล้วแยกกันนัดพบที่ร้านเจ้าประจำอีกที

เมื่อกลับไปถึงบ้านเห็นบรรยากาศกำลังสนุกสนานกันเต็มที่ มองหาสไบนางก็ไม่เจอเอะใจว่าหายไปไหน มองไปอีกทีจึงเห็นเธอในชุดสวยสมวัยอุ้มน้องหมาที่อาทิตย์เอามาให้ลงมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข

อุปมาอดที่จะหาเรื่องไม่ได้ สั่งห้ามเธอเอาน้องหมาเข้าไปในห้องนอน ถูกสไบนางกวนประสาทตามเคยว่าตนจะเอาไปเลี้ยงในห้องนอน ถ้าเขาทนไม่ได้ก็ย้ายไปนอนที่อื่น

“ถือว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ ฉันยอมให้วันนึง แต่อย่าให้มันมารบกวนตอนฉันนอนก็แล้วกัน”

“ฉันพูดภาษาหมาไม่เป็น สั่งมันเองแล้วกัน”

อุปมาเจอไม้นี้เข้า พูดไม่ออก ได้แต่สูดลมหายใจลึกๆ เป่าพรวดออกมาแล้วเดินขึ้นข้างบน แต่ไม่วายหันมาพูดชมว่าวันนี้เธอแต่งตัวได้...เห่ยสุดๆ ทั้งที่ในความรู้สึกเห็นว่าเธอแต่งได้สวยสมวัยที่สุด เลยถูกสไบนางย้อนเอาว่าใครจะแต่งได้สวยเหมือนพี่เมล่ะ แล้วพูดกับน้องหมาดังๆว่า

“คืนนี้งับปากมันเลย ปากเสียนัก”

ooooooo

ถึงเวลาตัดเค้ก อาทิตย์จะขอตัวกลับเพราะต้องเข้าเวร สไบนางกุลีกุจอบอกให้บังอรหากล่องโฟมจะเอาเค้กให้อาทิตย์เอากลับไปกิน คุณหญิงกับบารมีเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่แล้ว คุณหญิงเปรยๆว่า

“หวังว่าเราคงไม่ได้ผูกกรรมให้ยืดยาวต่อไปไม่จบสิ้นหรอกนะพ่อมี...”

ooooooo

วิมาดาไปถึงร้านอาหารที่นัดกับอุปมาก่อน เธอเจอธนูไปร้านเดียวกัน เขาดีใจถามว่ามากับใครวิมาดาปดว่าตนกำลังจะกลับ แล้วรีบผละไป เจออุปมาเข้าร้านพอดี เธอรีบลากเขาออกไปเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกับธนู

ธนูนึกอะไรได้อยากจะบอกวิมาดาหันมองไปอีกทีเห็นเธอกำลังลากอุปมาออกไปก็เลือดขึ้นหน้ารีบตามไป เห็นอุปมาขับรถพาวิมาดาออกไปพอดี ธนูขับรถไล่ล่าเอาเป็นเอาตาย วิมาดารู้ว่าธนูมีปืนในรถ บอกอุปมาให้เลี้ยวเข้าโรงพักเลย อุปมาไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลี้ยวเข้าโรงพัก บ่นว่าเธอหาเรื่องเดือดร้อน ให้ตนอีกจนได้ ส่วนวิมาดาหน้าจ๋อยอย่างผิดหวังที่ธนูมาทำให้ผิดแผนอีกจนได้ แล้วทั้งสองก็ตกใจ เมื่อธนูปาดรถเข้ามาเทียบ

ที่น่าปวดหัวยิ่งกว่านั้นคือ ขึ้นโรงพักเจออาทิตย์อยู่เวรพอดี ธนูขึ้นไปด่าอุปมาว่าแย่งผู้หญิงตนทั้งที่มีเมียแล้ว อุปมาย้อนเอาว่าเรื่องนี้ธนูน่าจะเตือนตัวเองมากกว่า แล้วบอกวิมาดาว่า

“บอกเขาไปสิว่าเราเป็นเพื่อนกัน ทุกอย่างจบแล้วไม่มีอะไรมากกว่านั้น” วิมาดากลัวเรื่องจะบานปลายยิ่งสาวยิ่งลึก พยายามหาทางลงจากโรงพัก

อาทิตย์ได้ทีบอกอุปมาว่าทำอะไรขอให้เกียรติบีด้วย ไม่ใช่เรียกร้องแต่บีให้เกียรติตัวเองฝ่ายเดียว อุปมาเถียงทันทีว่า ตนกับวิมาดาเป็นเพื่อนกัน อาทิตย์สวนไปทันควันว่าตนกับสไบนางก็เป็นเพื่อนกัน แต่ก็พูดให้อุปมาสบายใจว่า ตนจะไม่เล่าเรื่องคืนนี้ให้สไบนางฟัง

“อยากเล่าก็เล่าไปสิ ผมไม่แคร์” อุปมายักไหล่หัวเราะขำๆ กวนๆแล้วเดินไปขึ้นรถ

ooooooo

เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน9  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน10  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน11  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน12  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน13  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน14  

No comments:

Post a Comment