เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
ตอนที่ 11
น้องหมาที่อาทิตย์เอามาให้เป็นของขวัญวันเกิด ทำให้สไบนางสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมากเพราะได้เล่นได้พูดคุยกับน้องหมาแก้เหงา คืนนี้ก็นั่งแปรงขนให้ลูบตัวน้องหมาไปมา นึกได้เลยตั้งชื่อให้ว่า “ซันไชน์” เพราะคนให้ชื่อ “ซันนี่” พอตั้งชื่อให้คล้องจองกันแล้วก็หัวเราะขำเองคนเดียว
มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา สไบนางรู้ว่าต้องเป็นอุปมาแน่ รีบวางซันไชน์ลงบนเบาะกระซิบบอกเบาๆว่า “ห้ามส่งเสียงดังนะ ยักษ์วัดแจ้งมาแล้ว”
แต่พออุปมาเดินเข้ามา เจ้าซันไชน์ก็เห่าต้อนรับทันที อุปมาฉุนขาดสั่งให้เอามันออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลย
“ไม่...ถ้าเอาซันไชน์ออกไป ฉันจะเห่าแทน ดูซิ เสียงเห่าตัวไหนจะดังกว่ากัน”
“เธอมันหมาบ้า...โอ๊ย...” อุปมาหัวเสียเดินไปเข้าห้องน้ำปิดประตูโครม
สไบนางบอกซันไชน์ว่าไม่ต้องกลัวนะ ยักษ์ไปแล้ว กู๊ดไนต์กับมันแล้วเลื่อนตัวลงนอนยิ้มอารมณ์ดี
อุปมาออกมาขึ้นเตียงนอนอย่างหงุดหงิด จนกระทั่งใกล้สางเขาก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะถูกเจ้าซันไชน์ลุกขึ้นมาเลียหน้าแผล็บๆ เขาลุกขึ้นโวยวายเอาเสื้อขึ้นเช็ดน้ำลายอย่างรังเกียจ
สไบนางเรียกซันไชน์ไปอุ้มอย่างแสนรัก อุปมาโวยวายขึ้นอีกเมื่อรู้สึกที่กางเกงบอกเซอร์แฉะๆจับดูเลยรู้ว่าถูกเจ้าซันไชน์ฉี่ใส่ เขาลุกพรวดจากเตียง สไบนางกลั้นหัวเราะถามว่า
“ฉี่ราดเองรึเปล่า”
“จะบ้าเรอะ เอามันออกไปจากห้องฉันเลยนะ ถ้าฉันออกมาจากห้องน้ำเจอมันอีกที จะเตะให้คอหักเลย” พูดแล้วเดินหัวเสียเข้าห้องน้ำ
“ไอ้ใจโหด” สไบนางด่าเบาๆกอดซันไชน์ไว้แน่น
ooooooo
อาทิตย์โทร.มาคุยกับสไบนางแต่เช้าถามว่า
เมื่อคืนเจ้าตัวเล็กสร้างความวุ่นวายอะไรรึเปล่า สไบนางคุยเสียงแจ่มใสว่าไม่เลย เลี้ยงง่าย คนมากกว่าที่เป็นตัวสร้างปัญหา แล้วบอกอาทิตย์ว่าตนตั้งชื่อให้น้องหมาว่า “ซันไชน์” ถามว่าชอบไหม พลางมองเจ้าซันไชน์ที่วิ่งอยู่แถวสนาม
อุปมากำลังจะออกไปข้างนอก เหล่ๆใส่สไบนางตาขวาง สไบนางได้ทีเลยพูดเสียงดัง
“ส่วนไอ้ตัวใหญ่ขนหน้าดกๆชื่อไอ้ซันเซตกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว”
เสียงอาทิตย์ขำครืดๆดังจากปลายสาย สไบนางยิ้มสะใจ ยิ่งเมื่อเห็นอุปมาเดินหน้าหงิกไปก็ยิ่งชอบใจ คุยโทรศัพท์ต่อแอบด่าไปด้วยว่า
“เปลี่ยนใจแล้ว ให้ชื่ออัพเซตดีกว่า คนบ้าอะไรจะหน้าหงิกหน้างอบูดบึ้งเป็นตูดได้ทั้งวัน”
เสียงอาทิตย์หัวเราะขำชอบใจดังมาอีก สไบนางเอะใจกวาดตามองหาซันไชน์ไม่เห็นแล้ว เลยคุยโทรศัพท์ไปบ่นไปว่าไม่รู้ซันไชน์หายไปไหนแล้ว ตกคลองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเดินหาไปเรื่อย
ทันใดนั้น ซันไชน์ร้องเอ๋งสุดเสียงแล้วเงียบไป ตามด้วยเสียงแรมที่วี้ดว้ายอย่างตกใจ
“ว้าย...คุณมาร์ค ทับลูกหมาค่ะ”
อุปมาลงจากรถมาดู สไบนางวิ่งตะบึงมาถึงผลักอุปมาให้พ้นทาง ก้มมองร้องเรียกซันไชน์! ในขณะที่อุปมาเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิด เอ่ยขอโทษเบาๆ
สไบนางตาแดงก่ำตะโกนด่าอุปมา “ไอ้คนใจร้าย” อุปมาเสียงอ่อยว่าตนไม่ได้ตั้งใจ แต่สไบนางไม่ฟังเสียงหาว่าเขาตั้งใจแกล้งตนด้วยการฆ่ามัน แล้วทุบตีอุปมา ด่า “ไอ้ฆาตกร ไปตายเลยไป”
ครู่หนึ่ง สไบนางไปดึงผ้าเช็ดตัวจากแรมไปห่อเจ้า
ซันไชน์อุ้มเดินร้องไห้ไปทางสนาม อุปมามองตามแล้วสั่งแรมให้เรียกเด็กมาทำความสะอาดให้เกลี้ยงเลย อดหันมองตามหลังสไบนางไปหน้าจ๋อยๆไม่ได้
สไบนางเอาเจ้าซันไชน์ไปฝังไว้ที่ริมสวน คุกเข่าเอ่ยลาน้ำตาคลอ อุปมาเดินมาคุกเข่าลงข้างๆเธอ เขาเด็ดดอกไม้จากในสวนมากิ่งหนึ่ง ปักลงที่หลุมศพเจ้าซันไชน์ สไบนางเหลือบมองด่าว่าเขาเป็นตัวมารทำลายความสุขทุกอย่างในชีวิตตนแล้วลุกขึ้นดึงกิ่งดอกไม้ที่อุปมาปักปาหน้าเขาก่อนวิ่งหนีไป
อุปมาถอนใจยาว ลุกขึ้นยืนมองหลุมเจ้าซันไชน์ เอ่ยอย่างเสียใจว่า
“แกคงรู้นะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ” ก้มหยิบดอกไม้กิ่งนั้นปักไว้ที่เดิมแล้วเดินหงอยๆกลับไป
ooooooo
ตกเย็น อาทิตย์มาปลอบใจสไบนางว่าไม่ต้องเสียใจเดี๋ยวจะหาซื้อให้ใหม่ สไบนางไม่เอากลัวจะตายอีก อาทิตย์บอกว่าอุปมาคงไม่ได้ตั้งใจก็ถูกหาว่าพูดแก้ต่าง
ให้กัน อาทิตย์เลยไม่พูดต่อ ส่วนสไบนางขอโทษเขาที่ดูแลของขวัญไว้ไม่ได้
“อย่าคิดมากเลยบี กรรมของมัน” อาทิตย์ปลอบ แล้วนึกสนุกแซวว่า “เดี๋ยวมันก็ไปเกิดเป็นลูกเธอเองแหละ” ทำให้สไบนางพลอยขำไปด้วย ถามว่าลูกตนออกมาหน้าจะเหมือนซันไชน์ใช่ไหม อาทิตย์ถามแซวๆว่า “คุณมาร์คหน้าเหมือนซันไชน์เหรอ”
“ซันนี่!” สไบนางคว้าแก้วน้ำตั้งท่าจะสาด อาทิตย์หัวเราะแล้ววิ่งหนี ถูกสไบนางไล่ตามสาดใส่จนได้ ทั้งสองวิ่งไล่
หัวเราะร่าเริงไปทางสวน
คุณหญิงกับบังอรยืนดูอยู่บนบ้าน คุณหญิงพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจนักว่า
“เดี๋ยวบีจะกลับไปบ้านโน้น ให้ระเบียบตามไปส่งนะ อย่าให้กลับไปกับอาทิตย์ตามลำพัง”
ooooooo
ด้วยความรู้สึกผิด อุปมาซื้อลูกหมามาใช้ให้ สไบนางไม่เอาบอกว่าซันไชน์มีได้แค่ตัวเดียวเลยถูกอุปมาประชดว่า แน่ซิก็เป็นของคนรักให้นี่ หมาตัวไหนก็ทดแทนไม่ได้
สไบนางตอบประชดว่าแน่อยู่แล้ว ตัวนี้เอามาจากไหน คืนเจ้าของไปเลย อุปมาบอกว่าตนจะเลี้ยงเอง เลยถูกสไบนางขู่ๆว่า
“ก็เรื่องของคุณ บ้านของคุณ ถ้าฉันไม่เห็นเดินเหยียบมันตายอย่ามาว่ากันก็แล้วกัน”
“คนใจยักษ์” อุปมาด่า เลยถูกสวนไปทันควันว่า “ไอ้ฆาตกรใจโหด” แล้ววิ่งปรู๊ดขึ้นบ้านไปเลย อุปมาถอนใจพรืด แล้วอุ้มลูกหมาเดินออกจากบ้านไป
ooooooo
ตกค่ำ ยายจันทร์ยกอาหารและผลไม้ไปให้ประมุขที่ห้องนอน พบประมุขนอนหมดสติอยู่ข้างเตียง คุณหญิงรีบให้คนพาส่งโรงพยาบาล แล้วโทร.บอกวิจิตราให้กลับมาเยี่ยมประมุขบ้าง แต่อย่าบอกเมธาวีเรื่องพ่อเธอป่วยเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวจะทรุดไปอีกคน
“แม่คุยกับหมอแล้ว บอกตามตรงว่าแม่ไม่สบายใจเลย” คุณหญิงเปรยๆ
“ค่ะคุณแม่ วันสองวันนี้หนูจะกลับไปบ้านสวนค่ะ...ค่ะ... ค่ะ...สวัสดีค่ะคุณแม่” วางสายจากคุณหญิงแล้ว วิจิตราหันมองเมธาวีที่นอนหลับอยู่ น้ำตารื้น รู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูกที่ลูกยังนอนอาการไม่ดีอยู่ สามีก็ต้องเข้าโรงพยาบาลไปอีกคน
ooooooo
ที่บริษัทอุปมา มีการประชุมเตรียมจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า หลังจากเลขารายงานเรื่องอาหารที่จะจัดในงาน ว่าจะเลือกแต่เจ้าอร่อยจากทุกย่าน และจะมีการจับสลากของขวัญ 20 รางวัลด้วย
“น่าจะมีการแสดงสักหน่อยไหม งานจะได้ไม่กร่อย” บารมีเสนอ อุปมาบอกว่าหัสดินจะให้วงของเพื่อนมาเล่นให้ บารมีเห็นด้วย เลขายกมือเสนอว่า
“หนูว่าน่าจะให้คุณบีรำโชว์ในงานด้วยนะคะ ได้ยินว่า คุณบีเธอรำเก่ง ลูกค้าคงตื่นเต้นที่จะได้เจอตัวภรรยาคุณมาร์คด้วย”
“ไอเดียไม่เลวเหมือนกันนะ” บารมียิ้มพอใจ พออุปมาตั้งท่าจะแย้ง บารมีก็ตัดบทว่า “เลี้ยงขอบคุณลูกค้าทั้งที ก็ต้องมีอะไรพิเศษหน่อยสิมาร์ค ภรรยาเอ็มดี ลงทุนขึ้นเวทีรำเอง มันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจกับลูกค้านะมาร์ค”
อุปมาเลยพูดไม่ออก บารมีถามว่ามีใครเห็นด้วยบ้าง ทุกคนในห้องประชุมก็ยกมือกันพรึบ อุปมาเลยหน้าจ๋อยไป
ooooooo
วันรุ่งขึ้น อุปมาอาศัยบารมีของคุณหญิงมาเจรจาให้สไบนางรำในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า สไบนางปฏิเสธอ้างว่าไม่อยากช่วยฆาตกรใจโหด และไม่ใช่งานบริษัทของตน
คุณหญิงกล่อมว่าไม่ใช่ก็เหมือนใช่ เพราะตัวเองเป็นภรรยาของอุปมายังไงก็คือ สไบนาง บุญอนันต์อยู่ดี แล้วเอ่ยขอ
“ทำเพื่อบริษัทของตระกูลตัวเอง ไม่ควรปฏิเสธหรอกบี ไปจ้างคนอื่นมารำ ก็รำสวยสู้บีของย่าไม่ได้หรอก”
เจอลูกยอเข้า สไบนางก็แกล้งทำหน้าเซ็งต่อรองว่า รำชุดเดียวกับงานคุณย่าก็แล้วกัน อุปมาแอบโล่งใจแต่ก็อดแขวะไม่ได้ว่า “แต่เอาแบบเต็มเพลงนะครับ”
สไบนางค้อนควับพูดเชิดๆอย่างไม่เต็มใจว่า ก็อย่าคาดหวังอะไรนักตนไม่มีเวลาซ้อม รำถูกรำผิด พวกพ่อค้าลูกค้าเขาก็คงดูไม่ออกหรอก พูดแล้วเหยียดปากดูถูก ลุกเดินกระแทกไหล่อุปมาออกไป
อุปมาเหล่มองตามทั้งเจ็บใจทั้งหมั่นไส้ คุณหญิงส่ายหน้ายิ้มๆ อ่อนใจกับคู่กัดคู่นี้เหลือเกิน
ooooooo
เมื่อรู้ว่าประมุขเข้าโรงพยาบาล สไบนางจึงไปเยี่ยม แต่พอฟังประมุขโอดครวญเรื่องหนี้สินว่า บารมียึดบ้านไปแล้วยังชำระหนี้ได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น สไบนาง ถามว่าทำไมหนี้ถึงได้มากมายขนาดนั้น ประมุขก็ด่าบารมีว่าโกงตน พลิกลิ้นไปเรื่อย คิดดอกเบี้ยอะไรก็ไม่รู้จนตนไม่มีแรงจะสู้รบปรบมือด้วยแล้ว
พอเห็นสไบนางไม่สบายใจ ประมุขก็หว่านล้อมให้สไบนางช่วยขอร้องให้บารมีปลดหนี้ให้ แบบนี้ตนก็ยังพอจะมีความหวังในชีวิตกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
“บีคงช่วยลุงไม่ได้หรอกค่ะ” สไบนางหน้าเครียด พอประมุขทำท่าจะอ้อนอีก เธอตัดบทว่า “ถ้าลุงยังพูดเรื่องนี้ อีก บีจะไม่มาเยี่ยมลุงอีกเลย” พูดแล้วเดินไปทางประตูห้องคุณหญิงแอบฟังอยู่รีบหลบออกไป พอสไบนางเดินออกจากห้อง คุณหญิงได้แต่มองตามด้วยความเห็นใจหลานสาว
ปากก็บอกอุปมาว่าตนไม่มีเวลาซ้อมและขี้เกียจซ้อมฉะนั้นอาจจะรำได้ไม่ดี แต่ปรากฏว่า ค่ำนี้อุปมาเห็นเธอไปซุ่มซ้อมอยู่ข้างสนามท่ามกลางแสงสลัวๆ เขายิ้มทั้งขำๆและพอใจแล้วหลบไป
วิมาดามารับเช็คพร้อมค่าขนมปลอบใจจากอุปมาที่บริษัทเป็นงวดสุดท้าย ทราบจากเลขาว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าโดยมีสไบนางรำโชว์ด้วย นึกหมั่นไส้ แต่ทำทีตื่นเต้นอยากดูขออนุญาตมางานได้ไหม พนักงานยินดีจัดให้ วิมาดายิ้มสมใจที่จะได้มาทำอะไรให้สะใจตัวเอง
ooooooo
ที่สนามบ้านไทยประยุกต์ เย็นนี้ขณะสไบนางปูเสื่อนอนอ่านตำราภาษาอังกฤษที่สนาม อุปมาในชุดนักกีฬาจ๊อกกิ้งผ่านมาแวะชวนไปจ๊อกกิ้งกันไหม สไบนางปฏิเสธเลยถูกแซวว่านอนทั้งวัน ระวังบั้นท้ายใหญ่ใส่ชุดรำไม่เข้า
พอดีแรมมาบอกว่าอาทิตย์มาหา สไบนางรีบไปพบเพราะฝากให้ช่วยซื้อชุดนางรำมาให้ ปรากฏว่าอาทิตย์ซื้อได้ ถูกใจมาก อาทิตย์แบมือขอบัตรเข้างานเป็นรางวัล สไบนางคุยว่าให้บัตรวีไอพีเข้างานไปดูตนรำฟรีๆได้เลย
อุปมายืนฟังอยู่ขัดขึ้นขวางๆว่างานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คนนอกไม่เกี่ยว สไบนางเลยเล่นแง่บ้างว่าถ้าอาทิตย์เป็นคนนอกตนก็เป็นคนนอกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตนก็ไม่เกี่ยว ถ้าเข้างานไม่ได้ตนก็ไม่รำ
มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา สไบนางรู้ว่าต้องเป็นอุปมาแน่ รีบวางซันไชน์ลงบนเบาะกระซิบบอกเบาๆว่า “ห้ามส่งเสียงดังนะ ยักษ์วัดแจ้งมาแล้ว”
แต่พออุปมาเดินเข้ามา เจ้าซันไชน์ก็เห่าต้อนรับทันที อุปมาฉุนขาดสั่งให้เอามันออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลย
“ไม่...ถ้าเอาซันไชน์ออกไป ฉันจะเห่าแทน ดูซิ เสียงเห่าตัวไหนจะดังกว่ากัน”
“เธอมันหมาบ้า...โอ๊ย...” อุปมาหัวเสียเดินไปเข้าห้องน้ำปิดประตูโครม
สไบนางบอกซันไชน์ว่าไม่ต้องกลัวนะ ยักษ์ไปแล้ว กู๊ดไนต์กับมันแล้วเลื่อนตัวลงนอนยิ้มอารมณ์ดี
อุปมาออกมาขึ้นเตียงนอนอย่างหงุดหงิด จนกระทั่งใกล้สางเขาก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะถูกเจ้าซันไชน์ลุกขึ้นมาเลียหน้าแผล็บๆ เขาลุกขึ้นโวยวายเอาเสื้อขึ้นเช็ดน้ำลายอย่างรังเกียจ
สไบนางเรียกซันไชน์ไปอุ้มอย่างแสนรัก อุปมาโวยวายขึ้นอีกเมื่อรู้สึกที่กางเกงบอกเซอร์แฉะๆจับดูเลยรู้ว่าถูกเจ้าซันไชน์ฉี่ใส่ เขาลุกพรวดจากเตียง สไบนางกลั้นหัวเราะถามว่า
“ฉี่ราดเองรึเปล่า”
“จะบ้าเรอะ เอามันออกไปจากห้องฉันเลยนะ ถ้าฉันออกมาจากห้องน้ำเจอมันอีกที จะเตะให้คอหักเลย” พูดแล้วเดินหัวเสียเข้าห้องน้ำ
“ไอ้ใจโหด” สไบนางด่าเบาๆกอดซันไชน์ไว้แน่น
ooooooo
อาทิตย์โทร.มาคุยกับสไบนางแต่เช้าถามว่า
เมื่อคืนเจ้าตัวเล็กสร้างความวุ่นวายอะไรรึเปล่า สไบนางคุยเสียงแจ่มใสว่าไม่เลย เลี้ยงง่าย คนมากกว่าที่เป็นตัวสร้างปัญหา แล้วบอกอาทิตย์ว่าตนตั้งชื่อให้น้องหมาว่า “ซันไชน์” ถามว่าชอบไหม พลางมองเจ้าซันไชน์ที่วิ่งอยู่แถวสนาม
อุปมากำลังจะออกไปข้างนอก เหล่ๆใส่สไบนางตาขวาง สไบนางได้ทีเลยพูดเสียงดัง
“ส่วนไอ้ตัวใหญ่ขนหน้าดกๆชื่อไอ้ซันเซตกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว”
เสียงอาทิตย์ขำครืดๆดังจากปลายสาย สไบนางยิ้มสะใจ ยิ่งเมื่อเห็นอุปมาเดินหน้าหงิกไปก็ยิ่งชอบใจ คุยโทรศัพท์ต่อแอบด่าไปด้วยว่า
“เปลี่ยนใจแล้ว ให้ชื่ออัพเซตดีกว่า คนบ้าอะไรจะหน้าหงิกหน้างอบูดบึ้งเป็นตูดได้ทั้งวัน”
เสียงอาทิตย์หัวเราะขำชอบใจดังมาอีก สไบนางเอะใจกวาดตามองหาซันไชน์ไม่เห็นแล้ว เลยคุยโทรศัพท์ไปบ่นไปว่าไม่รู้ซันไชน์หายไปไหนแล้ว ตกคลองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเดินหาไปเรื่อย
ทันใดนั้น ซันไชน์ร้องเอ๋งสุดเสียงแล้วเงียบไป ตามด้วยเสียงแรมที่วี้ดว้ายอย่างตกใจ
“ว้าย...คุณมาร์ค ทับลูกหมาค่ะ”
อุปมาลงจากรถมาดู สไบนางวิ่งตะบึงมาถึงผลักอุปมาให้พ้นทาง ก้มมองร้องเรียกซันไชน์! ในขณะที่อุปมาเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิด เอ่ยขอโทษเบาๆ
สไบนางตาแดงก่ำตะโกนด่าอุปมา “ไอ้คนใจร้าย” อุปมาเสียงอ่อยว่าตนไม่ได้ตั้งใจ แต่สไบนางไม่ฟังเสียงหาว่าเขาตั้งใจแกล้งตนด้วยการฆ่ามัน แล้วทุบตีอุปมา ด่า “ไอ้ฆาตกร ไปตายเลยไป”
ครู่หนึ่ง สไบนางไปดึงผ้าเช็ดตัวจากแรมไปห่อเจ้า
ซันไชน์อุ้มเดินร้องไห้ไปทางสนาม อุปมามองตามแล้วสั่งแรมให้เรียกเด็กมาทำความสะอาดให้เกลี้ยงเลย อดหันมองตามหลังสไบนางไปหน้าจ๋อยๆไม่ได้
สไบนางเอาเจ้าซันไชน์ไปฝังไว้ที่ริมสวน คุกเข่าเอ่ยลาน้ำตาคลอ อุปมาเดินมาคุกเข่าลงข้างๆเธอ เขาเด็ดดอกไม้จากในสวนมากิ่งหนึ่ง ปักลงที่หลุมศพเจ้าซันไชน์ สไบนางเหลือบมองด่าว่าเขาเป็นตัวมารทำลายความสุขทุกอย่างในชีวิตตนแล้วลุกขึ้นดึงกิ่งดอกไม้ที่อุปมาปักปาหน้าเขาก่อนวิ่งหนีไป
อุปมาถอนใจยาว ลุกขึ้นยืนมองหลุมเจ้าซันไชน์ เอ่ยอย่างเสียใจว่า
“แกคงรู้นะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ” ก้มหยิบดอกไม้กิ่งนั้นปักไว้ที่เดิมแล้วเดินหงอยๆกลับไป
ooooooo
ตกเย็น อาทิตย์มาปลอบใจสไบนางว่าไม่ต้องเสียใจเดี๋ยวจะหาซื้อให้ใหม่ สไบนางไม่เอากลัวจะตายอีก อาทิตย์บอกว่าอุปมาคงไม่ได้ตั้งใจก็ถูกหาว่าพูดแก้ต่าง
ให้กัน อาทิตย์เลยไม่พูดต่อ ส่วนสไบนางขอโทษเขาที่ดูแลของขวัญไว้ไม่ได้
“อย่าคิดมากเลยบี กรรมของมัน” อาทิตย์ปลอบ แล้วนึกสนุกแซวว่า “เดี๋ยวมันก็ไปเกิดเป็นลูกเธอเองแหละ” ทำให้สไบนางพลอยขำไปด้วย ถามว่าลูกตนออกมาหน้าจะเหมือนซันไชน์ใช่ไหม อาทิตย์ถามแซวๆว่า “คุณมาร์คหน้าเหมือนซันไชน์เหรอ”
“ซันนี่!” สไบนางคว้าแก้วน้ำตั้งท่าจะสาด อาทิตย์หัวเราะแล้ววิ่งหนี ถูกสไบนางไล่ตามสาดใส่จนได้ ทั้งสองวิ่งไล่
หัวเราะร่าเริงไปทางสวน
คุณหญิงกับบังอรยืนดูอยู่บนบ้าน คุณหญิงพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจนักว่า
“เดี๋ยวบีจะกลับไปบ้านโน้น ให้ระเบียบตามไปส่งนะ อย่าให้กลับไปกับอาทิตย์ตามลำพัง”
ooooooo
ด้วยความรู้สึกผิด อุปมาซื้อลูกหมามาใช้ให้ สไบนางไม่เอาบอกว่าซันไชน์มีได้แค่ตัวเดียวเลยถูกอุปมาประชดว่า แน่ซิก็เป็นของคนรักให้นี่ หมาตัวไหนก็ทดแทนไม่ได้
สไบนางตอบประชดว่าแน่อยู่แล้ว ตัวนี้เอามาจากไหน คืนเจ้าของไปเลย อุปมาบอกว่าตนจะเลี้ยงเอง เลยถูกสไบนางขู่ๆว่า
“ก็เรื่องของคุณ บ้านของคุณ ถ้าฉันไม่เห็นเดินเหยียบมันตายอย่ามาว่ากันก็แล้วกัน”
“คนใจยักษ์” อุปมาด่า เลยถูกสวนไปทันควันว่า “ไอ้ฆาตกรใจโหด” แล้ววิ่งปรู๊ดขึ้นบ้านไปเลย อุปมาถอนใจพรืด แล้วอุ้มลูกหมาเดินออกจากบ้านไป
ooooooo
ตกค่ำ ยายจันทร์ยกอาหารและผลไม้ไปให้ประมุขที่ห้องนอน พบประมุขนอนหมดสติอยู่ข้างเตียง คุณหญิงรีบให้คนพาส่งโรงพยาบาล แล้วโทร.บอกวิจิตราให้กลับมาเยี่ยมประมุขบ้าง แต่อย่าบอกเมธาวีเรื่องพ่อเธอป่วยเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวจะทรุดไปอีกคน
“แม่คุยกับหมอแล้ว บอกตามตรงว่าแม่ไม่สบายใจเลย” คุณหญิงเปรยๆ
“ค่ะคุณแม่ วันสองวันนี้หนูจะกลับไปบ้านสวนค่ะ...ค่ะ... ค่ะ...สวัสดีค่ะคุณแม่” วางสายจากคุณหญิงแล้ว วิจิตราหันมองเมธาวีที่นอนหลับอยู่ น้ำตารื้น รู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูกที่ลูกยังนอนอาการไม่ดีอยู่ สามีก็ต้องเข้าโรงพยาบาลไปอีกคน
ooooooo
ที่บริษัทอุปมา มีการประชุมเตรียมจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า หลังจากเลขารายงานเรื่องอาหารที่จะจัดในงาน ว่าจะเลือกแต่เจ้าอร่อยจากทุกย่าน และจะมีการจับสลากของขวัญ 20 รางวัลด้วย
“น่าจะมีการแสดงสักหน่อยไหม งานจะได้ไม่กร่อย” บารมีเสนอ อุปมาบอกว่าหัสดินจะให้วงของเพื่อนมาเล่นให้ บารมีเห็นด้วย เลขายกมือเสนอว่า
“หนูว่าน่าจะให้คุณบีรำโชว์ในงานด้วยนะคะ ได้ยินว่า คุณบีเธอรำเก่ง ลูกค้าคงตื่นเต้นที่จะได้เจอตัวภรรยาคุณมาร์คด้วย”
“ไอเดียไม่เลวเหมือนกันนะ” บารมียิ้มพอใจ พออุปมาตั้งท่าจะแย้ง บารมีก็ตัดบทว่า “เลี้ยงขอบคุณลูกค้าทั้งที ก็ต้องมีอะไรพิเศษหน่อยสิมาร์ค ภรรยาเอ็มดี ลงทุนขึ้นเวทีรำเอง มันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจกับลูกค้านะมาร์ค”
อุปมาเลยพูดไม่ออก บารมีถามว่ามีใครเห็นด้วยบ้าง ทุกคนในห้องประชุมก็ยกมือกันพรึบ อุปมาเลยหน้าจ๋อยไป
ooooooo
วันรุ่งขึ้น อุปมาอาศัยบารมีของคุณหญิงมาเจรจาให้สไบนางรำในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า สไบนางปฏิเสธอ้างว่าไม่อยากช่วยฆาตกรใจโหด และไม่ใช่งานบริษัทของตน
คุณหญิงกล่อมว่าไม่ใช่ก็เหมือนใช่ เพราะตัวเองเป็นภรรยาของอุปมายังไงก็คือ สไบนาง บุญอนันต์อยู่ดี แล้วเอ่ยขอ
“ทำเพื่อบริษัทของตระกูลตัวเอง ไม่ควรปฏิเสธหรอกบี ไปจ้างคนอื่นมารำ ก็รำสวยสู้บีของย่าไม่ได้หรอก”
เจอลูกยอเข้า สไบนางก็แกล้งทำหน้าเซ็งต่อรองว่า รำชุดเดียวกับงานคุณย่าก็แล้วกัน อุปมาแอบโล่งใจแต่ก็อดแขวะไม่ได้ว่า “แต่เอาแบบเต็มเพลงนะครับ”
สไบนางค้อนควับพูดเชิดๆอย่างไม่เต็มใจว่า ก็อย่าคาดหวังอะไรนักตนไม่มีเวลาซ้อม รำถูกรำผิด พวกพ่อค้าลูกค้าเขาก็คงดูไม่ออกหรอก พูดแล้วเหยียดปากดูถูก ลุกเดินกระแทกไหล่อุปมาออกไป
อุปมาเหล่มองตามทั้งเจ็บใจทั้งหมั่นไส้ คุณหญิงส่ายหน้ายิ้มๆ อ่อนใจกับคู่กัดคู่นี้เหลือเกิน
ooooooo
เมื่อรู้ว่าประมุขเข้าโรงพยาบาล สไบนางจึงไปเยี่ยม แต่พอฟังประมุขโอดครวญเรื่องหนี้สินว่า บารมียึดบ้านไปแล้วยังชำระหนี้ได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น สไบนาง ถามว่าทำไมหนี้ถึงได้มากมายขนาดนั้น ประมุขก็ด่าบารมีว่าโกงตน พลิกลิ้นไปเรื่อย คิดดอกเบี้ยอะไรก็ไม่รู้จนตนไม่มีแรงจะสู้รบปรบมือด้วยแล้ว
พอเห็นสไบนางไม่สบายใจ ประมุขก็หว่านล้อมให้สไบนางช่วยขอร้องให้บารมีปลดหนี้ให้ แบบนี้ตนก็ยังพอจะมีความหวังในชีวิตกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
“บีคงช่วยลุงไม่ได้หรอกค่ะ” สไบนางหน้าเครียด พอประมุขทำท่าจะอ้อนอีก เธอตัดบทว่า “ถ้าลุงยังพูดเรื่องนี้ อีก บีจะไม่มาเยี่ยมลุงอีกเลย” พูดแล้วเดินไปทางประตูห้องคุณหญิงแอบฟังอยู่รีบหลบออกไป พอสไบนางเดินออกจากห้อง คุณหญิงได้แต่มองตามด้วยความเห็นใจหลานสาว
ปากก็บอกอุปมาว่าตนไม่มีเวลาซ้อมและขี้เกียจซ้อมฉะนั้นอาจจะรำได้ไม่ดี แต่ปรากฏว่า ค่ำนี้อุปมาเห็นเธอไปซุ่มซ้อมอยู่ข้างสนามท่ามกลางแสงสลัวๆ เขายิ้มทั้งขำๆและพอใจแล้วหลบไป
วิมาดามารับเช็คพร้อมค่าขนมปลอบใจจากอุปมาที่บริษัทเป็นงวดสุดท้าย ทราบจากเลขาว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าโดยมีสไบนางรำโชว์ด้วย นึกหมั่นไส้ แต่ทำทีตื่นเต้นอยากดูขออนุญาตมางานได้ไหม พนักงานยินดีจัดให้ วิมาดายิ้มสมใจที่จะได้มาทำอะไรให้สะใจตัวเอง
ooooooo
ที่สนามบ้านไทยประยุกต์ เย็นนี้ขณะสไบนางปูเสื่อนอนอ่านตำราภาษาอังกฤษที่สนาม อุปมาในชุดนักกีฬาจ๊อกกิ้งผ่านมาแวะชวนไปจ๊อกกิ้งกันไหม สไบนางปฏิเสธเลยถูกแซวว่านอนทั้งวัน ระวังบั้นท้ายใหญ่ใส่ชุดรำไม่เข้า
พอดีแรมมาบอกว่าอาทิตย์มาหา สไบนางรีบไปพบเพราะฝากให้ช่วยซื้อชุดนางรำมาให้ ปรากฏว่าอาทิตย์ซื้อได้ ถูกใจมาก อาทิตย์แบมือขอบัตรเข้างานเป็นรางวัล สไบนางคุยว่าให้บัตรวีไอพีเข้างานไปดูตนรำฟรีๆได้เลย
อุปมายืนฟังอยู่ขัดขึ้นขวางๆว่างานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คนนอกไม่เกี่ยว สไบนางเลยเล่นแง่บ้างว่าถ้าอาทิตย์เป็นคนนอกตนก็เป็นคนนอกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตนก็ไม่เกี่ยว ถ้าเข้างานไม่ได้ตนก็ไม่รำ
“กำลังใจตัวจริงอยู่นี่ นายมันตัวปลอม ไปจ๊อกกิ้งกันเถอะซันนี่ บีชอบจ๊อกกิ้งกับตำรวจ ปลอดภัยไม่ต้องกลัวถูกจับปล้ำ” ว่าแล้วลากแขนอาทิตย์ออกไปจากบ้าน อุปมาเหล่ตามอย่างหมั่นไส้เต็มที
ooooooo
ค่ำวันจัดงาน จู่ๆวิมาดาในชุดสุดสวยก็นวยนาดเข้ามา พอเจออุปมาเธอเข้าไปอ้อนว่าคงไม่ไล่ตนออกจากงานใช่ไหม ตนอยากมาชมรำเปิดงานโดย ภรรยาของเขา เห็นร่ำลือกันว่าสวยไม่แพ้มืออาชีพ
อุปมาบอกว่าถ้าไม่มาสร้างความวุ่นวายในงานก็ไม่มีปัญหาอะไร วิมาดาสัญญาว่าถ้าตนสร้างความวุ่นวายปุ๊บก็จะออกจากงานทันทีเลย อุปมาหันไปบอกหัสดินให้คอยจับตาเอาไว้ให้ดี มองตามวิมาดาไปอย่างไม่สบายใจ
พอพ้นจากสายตาของอุปมา วิมาดาก็ตรงไปที่ห้องแต่งตัวรี่เข้าไปหาสไบนางที่นั่งอยู่หน้ากระจก พอสไบนางมองจากกระจกเห็นวิมาดา เธอตั้งหลักเตรียมรับมือเต็มที่
หลังจากทักทายแบบประชดประชันกันไม่กี่คำ วิมาดาก็เข้าไปพูดได้ยินกันเพียงสองคนว่า
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นเจ้าสาวส้มหล่นของคุณมาร์ค อย่าหวังเลยว่าจะหว่านเสน่ห์จับคุณมาร์คได้สำเร็จ” พูดแล้วจ้องตาผ่านกระจกกันอย่างไม่มีใครลงให้ใคร
พอดีอาทิตย์ในชุดลำลองเดินเข้ามา สไบนางได้ทีร้องเสียงดังพลางชี้ไปทางวิมาดา
“คุณตำรวจช่วยด้วยค่ะ เมียน้อยบุกค่ะคุณตำรวจ ผิดศีลธรรม จับเข้าคุกไปเลยค่ะ”
ทุกคนหันมองไปทางวิมาดาเป็นตาเดียว จนวิมาดาทำท่าไม่ถูกด่าสไบนาง “อีเด็กบ้า” แล้วเดินงุดๆออกจากห้องแต่งตัวไปเลย ขณะที่ทุกคนพากันงงนั้น อาทิตย์กลับหัวเราะตำหนิสไบนางว่าขยันสร้างศัตรูเสียจริง สไบนางยักไหล่อย่างไม่แคร์ ยิ้มสะใจที่ได้ฉีกหน้าวิมาดาจนต้องเป็นฝ่ายถอยไปไม่เป็นท่า
ฝ่ายอุปมาก็เริ่มรู้สึกดีๆกับสไบนางขึ้นเมื่อเห็นเธอมาแอบซ้อมรำก่อนขึ้นเวทีอย่างจริงจัง นึกสนุกจะเดินไปชมไปแซวเล่น แต่พอเดินพ้นมุมตึกก็เห็นอาทิตย์นั่งขัดสมาธิกับพื้นคอยถ่ายคลิปวีดิโอให้สไบนางอยู่
สุดท้ายอุปมาก็ถอยออกไปเซ็งๆ
ooooooo
เกิดเรื่องจนได้ เมื่อสไบนางถูกวิมาดาสาดซ่าหริ่มใส่ขณะเตรียมออกไปรำ สาดเสร็จตัวเองก็เดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกจากงานไป
เมื่อเพลงขึ้น สไบนางตัดสินใจออกไปรำทั้งที่ซ่าหริ่มย้อยทั้งที่หน้าและตัว เธอรำไปยิ้มแย้มไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บารมีและอุปมาที่ดูอยู่ต่างสงสัยว่าทำไมตัวเธอถึงได้เลอะเทอะขนาดนั้น
อาทิตย์ที่ถ่ายวีดิโออยู่ถึงกับชะงักหยุดการถ่ายคลิปมองสไบนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก แต่เธอก็ยังยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาทิตย์เห็นวิมาดาเดินยิ้มกริ่มออกไป ฉุกคิดได้ว่าต้องเป็นฝีมือแม่นั่นแน่ๆรีบตามไป แต่พอถาม วิมาดา
ก็ทำไขสือจนอาทิตย์จับไม่มั่นคั้นไม่ตายต้องปล่อยไป
พอรำเสร็จ สไบนางจะกลับหลังเวที อุปมาก็ก้าวขึ้นไปคว้าไมค์จากหัสดินแล้วไปดึงมือสไบนางมากลางเวที พูดกับแขกในงาน โดยมือหนึ่งจับไมค์และอีกมือจับมือสไบ– นางบีบแน่น
“คุณบีตั้งใจฝึกรำชุดนี้อย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้แขกทุกคนในงานชม แต่เผอิญก่อนแสดงเจอแอกซิเดนท์นิดหน่อย แต่เธอก็ยังมีสปิริตออกมารำจนจบเพลง ขอเสียงปรบมือให้ภรรยาผมอีกครั้งด้วยครับ”
สิ้นเสียงอุปมา เสียงปรบมือก็กึกก้องไปทั้งห้องจัดงาน แขกทุกคนยืนขึ้นอย่างให้เกียรติ อุปมาปล่อยมือที่จับมือสไบนางปรบมือให้อย่างชื่นชม จังหวะนั้นเอง สไบนางน้ำตารื้นรีบวิ่งกลับเข้าหลังเวทีไป
อุปมามองตามตกใจเล็กน้อย แต่หัสดินเชาว์ดีรีบคว้าไมค์จากอุปมาพูดอารมณ์ดีว่า
“จบโชว์ซึ้งๆของสามีภรรยาแล้ว เรามาสนุกกับลีลาหางเครื่องของพนักงานสาวๆอวบๆของบริษัทกันต่อเลยนะครับ ขอเสียงปรบมือด้วยคร้าบบบบ”
ooooooo
สไบนางร้องไห้ทั้งอายทั้งปลาบปลื้มระคนกัน อุปมารีบเดินตามมา แต่เจออาทิตย์มาจากอีกทางหนึ่งอุปมาเลยชะงัก
พอเห็นคนรู้ใจเข้าใจกัน สไบนางก็ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น อาทิตย์สงสารจับใจกอดเธอไว้ปลอบใจ ให้กำลังใจชมว่า เธอทำหน้าที่เสร็จแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า สไบนางพูดทั้งที่ยังร้องไห้ว่า
“ไม่เอาซ่าหริ่มนะ”
อาทิตย์อดขำไม่ได้ เลยกอดสไบนางไว้ทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดู อุปมามองภาพนั้นอย่างบาดตาบาดใจตัดสินใจหันเดินกลับไปตามทางเดิน พอดีอาทิตย์เห็นเข้า เขาหน้าขรึมลงมองตามอุปมาอย่างครุ่นคิด
จนกระทั่งจะกลับบ้าน อุปมาบอกสไบนางว่าจะกลับกับอาทิตย์ก็ได้นะ สไบนางสวนไปว่าตนก็อยากกลับด้วยแต่อาทิตย์ต้องกลับไปอาบน้ำแล้วเข้าเวร อาทิตย์จึงฝากอุปมาพาสไบนางกลับไปด้วย กระซิบบอกเธอว่า
“ขึ้นรถก็ทำเป็นหลับไปเลยรู้ไหม เถียงกันไปเถียง กันมาเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก”
พอดีอุปมาบีบแตรเร่ง สไบนางจึงไปขึ้นรถ แต่พอนั่งรถเธอก็เอียงตัวหันหน้าไปทางหน้าต่างรถ จนดูเหมือนหันหลังให้อุปมาเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่สนใจ ชวนคุยอย่างสนุกสนานอารมณ์ดีว่า
“วันนี้มีแต่คนชมเธอกันยกใหญ่เลยนะ” เงียบ... “นอกเหนือจากเรื่องรำสวยแล้ว ทุกคนชื่นชมสปิริตของเธอที่สุด” ยังเงียบอยู่อีก...อุปมาเลยชะโงกไปดู พูดขำๆ “หลับไปซะแล้ว เธอเข้มแข็งกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ...ฉันนับถือใจเธอ วันนี้ฉันชื่นชมเธอจากใจจริง”
อุปมาพูดคนเดียว ยิ้มคนเดียว ในขณะที่สไบนางนั่งหลับตาพริ้มเหมือนนอนหลับ แต่ที่แท้เงี่ยหูฟังอยู่ อดแอบยิ้มปลื้มกับคำชมนั้นไม่ได้
กลับถึงบ้าน เมื่อสไบนางเข้าห้องน้ำ อุปมาก็เปิดคอมฯดูรูปเธอที่รำอย่างอ่อนช้อยยิ้มแย้มทั้งที่มีเส้นซ่าหริ่มห้อยรุงรัง เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
พอสไบนางออกมาเขาก็รีบปิดหน้าจอ แต่สไบนางรู้ทันว่าต้องมีอะไรผิดปกติจึงเปิดดูเห็นรูปตัวเองแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ซ้ำมาถูกอุปมาหัวเราะขำๆอีก เลยคว้าหมอนข้างไล่ฟาดเสียฝ่ายนั้นจุกตัวงออยู่บนเตียง
ooooooo
หลังจากคุณหญิงโทร.บอกให้วิจิตรากลับมาเยี่ยมประมุขบ้างแล้ว วิจิตราบอกเมธาวีว่าจะกลับกรุงเทพฯ เมธาวีจะตามไปด้วย วิจิตราอ้างว่ากะทันหันเกินไปเอาไว้แม่กลับมาปรึกษาหมอแล้วคราวหน้าไปด้วยกัน
กล่อมจนเมธาวียอมแล้ว วิจิตราก็นึกกังวลว่ายังมี อีกหลายเรื่องราวที่ลูกไม่รู้ จะบอกลูกอย่างไรดี
เมื่อกลับมาเห็นสภาพที่ทรุดโทรมของประมุข วิจิตราตกใจมากถามว่าทำไมถึงเป็นขนาดนี้ คุณหญิงบอกว่า
“ใจประมุขไม่สู้เสียแล้ว โรคที่เป็นอยู่มันก็ยิ่งรุม ข้าวปลาอาหาร หยูกยาก็ไม่ยอมกิน อีกไม่นานก็คงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก”
วิจิตราเสนอให้พาไปอยู่โรงพยาบาลเลยดีไหม คุณหญิงส่ายหน้าเล่าว่าประมุขไม่ยอมไปถ้าไม่ล้มหมดสติก็ไม่มีทางได้เจอหน้าหมอหรอก
วิจิตราถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม คุณหญิงพูดหน้าเครียดจริงจังว่า ถ้าเมธาวีหายก็ให้รีบกลับมาได้ไหม ตนกลัวจะไม่ทันได้เห็นใจ...
คุณหญิงน้ำตารื้นพูดไม่ออก ในขณะที่วิจิตราตกใจมากเมื่อแม่คาดการณ์ถึงขั้นนั้น...
ฝ่ายเมธาวีที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ วันนี้พยาบาลพานั่งรถเข็นไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอก เธอเห็นพยาบาลถือหนังสือพิมพ์อยู่จึงขออ่าน
เธอรับหนังสือพิมพ์มาเปิดดูไปเรื่อยๆ จนเจอกรอบข่าวประชาสัมพันธ์ มีรูปอุปมาถ่ายหมู่ยิ้มแย้มในกลุ่มลูกค้าและมีรูปกรอบเล็กตรงมุม เป็นรูปเดี่ยวสไบนางในชุดนางรำที่สวยงาม เมธาวีหยุดกึกรีบอ่านเนื้อข่าว สีหน้าเธอเครียดขึ้นทุกที จนกระทั่งมือสั่น ตาเบิกโพลง
เมื่อพยาบาลรีบพาขึ้นห้องพัก เมธาวีโวยวายดิ้นรนไม่ยอมอยู่ จะกลับกรุงเทพฯให้ได้ พยาบาลจะฉีดยาเธอก็ดิ้นสุดแรงไม่ยอมให้ฉีด ร้องจะขอกลับกรุงเทพฯ ร้องถามหาแม่ตลอดเวลา
แต่ในที่สุดหมอและพยาบาลก็จับฉีดยาจนได้ เมธาวีอ่อนแรงไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก แต่ร้องไห้ฟูมฟายกับข่าวอุปมาและสไบนางที่อ่านพบ เป็นปัญหาค้างคาใจที่ไม่อาจลบเลือนได้...จนกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...
ooooooo
เช้านี้ สไบนางนั่งทานอาหารอยู่คนเดียว เมื่ออุปมาลงมาในชุดเตรียมไปทำงาน เขาถามว่าเย็นนี้ว่างไหมตนอยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยงานบริษัท
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าทำเอาบุญ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม” พูดแล้วลุกจากโต๊ะ ทำเอาอุปมายืนเหวอ มองตามพลางถอนใจยาว...
สไบนางเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์กับหยาดฝน เล่าบรรยากาศเมื่อคืนที่ตัวเองรำให้เพื่อนรักฟัง เล่าว่าพอตนรำเสร็จคนดูต่างลุกขึ้นปรบมือให้กำลังใจ หยาดฝนบอกเพื่อนว่าฟังแล้ว ขนลุกเลย
แต่พอถามว่า อุปมาเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่หัวเราะกลิ้งกับซ่าหริ่มเต็มตัวของเธอหรือ สไบนางกลับนิ่งเงียบ สุดท้ายอ้อมแอ้มบอกว่าหัวเราะนิดหน่อย แล้วเงียบไป
“วันนี้แกแปลกๆนะบี ไม่เห็นด่าคุณมาร์คให้ฉันฟังเลย” หยาดฝนเอะใจ สไบนางตัดบทว่า ตนปวดหัวนิดหน่อยขี้เกียจพูดถึงเขา บอกหยาดฝนให้จัดกระเป๋าเสียแล้วกดตัดสาย แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นบารมีกำลังเดินมา
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ลุงฟังอย่างละเอียดซิ” บารมีเข้ามาโอบไหล่พาเดินคุยกันไปทางริมน้ำ...
ตกเย็นเมื่ออุปมากลับจากทำงานมาถึงห้องนอนไม่เจอสไบนางก็เอะใจเปิดตู้เสื้อผ้าก็ยิ่งตกใจ ลงบันไดพลางร้องเรียกแรมลั่นไปหมด ถามว่าสไบนางไปไหน กระเป๋าเสื้อผ้าก็ไม่อยู่
แรมถามว่า เธอไม่ได้บอกเขาหรือว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ตนก็ไม่แน่ใจว่าจังหวัดไหน อุปมาถามเสียงดังว่าแล้วไปกับใคร แรมตกใจผงะ อุปมาถามอย่างไม่ทันใจว่า “ฉันถามว่าไปกับใคร”
อุปมาไม่พอใจมาก บ่นว่าทำไมไม่ขออนุญาตตนสักคำ เขาคำรามชื่อหัสดินออกมาอย่างเจ็บใจแล้วกดโทรศัพท์มือถือเดินออกไปจากบ้านอย่างหัวเสีย
ooooooo
ที่แท้ สไบนาง อาทิตย์ หยาดฝน และหัสดินพากันไปเที่ยว “ฮัทริมแคว” ของสายทิพย์ที่สร้างบนที่ดินมรดก เธอจะมาดูแลรีสอร์ตเพื่อเตรียมเปิดเป็นทางการเร็วๆนี้ถี่ขึ้น ส่วนลูกชายก็ฝากไว้กับคุณตาคุณยาย กลับเมื่อไรก็รับไปอยู่บ้าน
หยาดฝนเล่าให้เพื่อนๆฟังว่า พี่สาวสดชื่นขึ้นเยอะหลังจากเริ่มทำรีสอร์ต ส่วนธนูนั้นอย่าพูดถึงเลย เพราะกลับไปขลุกอยู่กับวิมาดาตามเคย
สี่หนุ่มสาวชวนกันพายเรือแคนูล่องไปตามลำธารน้ำตกอย่างสนุกสนาน อาทิตย์กับสไบนางอยู่แคนูลำเดียวกัน ส่วนหัสดินไปกับหยาดฝน หยอกล้อกันประสาหนุ่มสาวที่กำลังมีความรัก
เมื่อกลับมาที่ห้องพัก หัสดินก็ได้รับโทรศัพท์จากอุปมา โดนด่าว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ หัสดินบอกว่าตนเพิ่งไปพายเรือมาเลยทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ห้องพัก
หัสดินเล่าว่า รีสอร์ตของสายทิพย์บรรยากาศดี มีกิจกรรมเยอะแยะสนุกมาก ถูกอุปมาต่อว่าที่ไม่ชวนตนมาด้วย หัสดินโต้ว่า “อ้าว...ก็คุณบีบอกแกแล้วนี่ แกไม่อยากมาเอง”
ความเลยแตกว่าสไบนางไม่ได้บอก หัสดินบ่นว่าตนถูกเธอต้มเสียแล้ว
“ตกลงแกไปเที่ยวที่ไหนกัน” อุปมาถามอย่างอยากรู้ หัสดินบอกแล้วดักคอเพื่อนว่าจะตามมาหรือ
“ฉันจะตามไปทำไม ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร” อุปมาตอบอย่างหมั่นไส้เพราะนึกว่าหัสดินไปกับสไบนางเพียงสองคน
เพียงเช้าวันรุ่งขึ้น อุปมาก็มาถึง “ฮัทริมแคว” ของสายทิพย์ เข้าไปเจอพวกสไบนางกำลังทานอาหารเช้าอยู่ พอสไบนางเห็นอุปมาเท่านั้นก็หมดสนุก ยิ่งเมื่อสายทิพย์ถามเขาว่าทานอะไรมาหรือยัง อุปมาตอบทำตากรุ้มกริ่มไปทางสไบนางว่า
“ยังเลยครับ เป็นห่วงภรรยาเลยรีบขับรถตรงดิ่งมาเลย” พอสายทิพย์เชิญทานด้วยกัน เขามองหน้าอาทิตย์พูดกวนๆ “ขอผมนั่งติดกับภรรยาตัวเองได้ไหมครับ” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเข้าไปนั่ง
สไบนางลุกพรวดพูดกระแทกใส่ว่า “หมดอร่อยแล้ว ไปนอนต่อดีกว่า” ว่าแล้วลุกไปเลย
ooooooo
หลังอาหารเช้าก็เตรียมทัวร์บริเวณรีสอร์ตกัน สายทิพย์แนะนำว่าใครชอบขี่ม้าก็มีให้บริการ พอดีพนักงานมาบอกว่าวันนี้อย่าเพิ่งไปพายเรือเล่นกันเพราะน้ำค่อนข้างเชี่ยว
แม้บรรยากาศจะน่าเที่ยว แต่เวลานี้ทุกคนใจไม่อยู่กับตัวเพราะสไบนางหายไป จึงต้องช่วยกันออกตามหา พนักงานในรีสอร์ตก็ถูกเกณฑ์มาช่วยตามหาด้วย ครู่หนึ่งพนักงานเข้ามารายงานว่าตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ แต่พบว่าเรือแคนูหายไปลำหนึ่ง
ที่แท้สไบนางแอบเอาเรือแคนูไปพายเล่นในลำธาร เรือแล่นไปตามแรงน้ำที่เชี่ยวกรากจนเธอเริ่มใจไม่ดี ยิ่งไปก็ยิ่งใจเสีย เลยทั้งจิ้มทั้งงัดริมธารหมายให้เรือหยุด แต่น้ำเชี่ยวมากเรือพุ่งไปจนถึงแอ่งน้ำเชี่ยวเพราะลำธารลดระดับลง
“ช่วยด้วย...” สไบนางร้องอย่างขวัญเสีย น้ำสาดเข้าจนไม่เห็นอะไร แต่เลยแก่งไปมีแต่เรือแคนูตะแคงเกยข้างลำธาร ไม่มีสไบนางอยู่บริเวณนั้นแล้ว!
เมื่ออุปมารู้ว่าเรือแคนูลำหนึ่งหายไป เขาเอาเรือแคนูลงลำธารพายไปอย่างชำนาญเพราะเคยพายตอนอยู่เมืองนอกมาแล้ว มือพายเรือปากก็ตะโกนเรียก
“บี...บี...ได้ยินผมไหม...บี...”
สไบนางถูกน้ำซัดไป เธอพยายามเกาะยึดหินไว้ ตาก็กวาดมองหาคนช่วย แต่เพราะอ่อนแรงและเกาะโขดหินไม่มั่น เธอถูกน้ำซัดหลุดไป โชคดีที่คว้ารากไม้ไว้ได้ แต่ก็หมิ่นเหม่เต็มที
อุปมาพยายามพายเรือไปให้เร็วที่สุด ปากก็ตะโกนเรียกสไบนางไม่หยุด เขาดีใจเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของสไบนางแว่วมา รีบพายไปตามเสียงจนเจอเธอในสภาพจะหลุดมิหลุดแหล่จากรากไม้ เขาตะโกนให้อดทนอีกนิด จับรากไม้ไว้แน่นๆ
สไบนางมือหลุดจากรากไม้ อุปมาฉวยไว้ทันร้องบอกให้กอดเอวตนไว้แน่นๆ สไบนางกอดไว้แน่น จนในที่สุดทั้งคู่ก็ปลอดภัยเมื่อพนักงานรีสอร์ตตามมาช่วยได้ทัน
เมื่อพาขึ้นฝั่ง อาทิตย์ หยาดฝน และหัสดินก็ตามมาถึง สายทิพย์เสนอให้พาสไบนางไปโรงพยาบาลดีกว่า เพราะท่าทางอิดโรยมาก อุปมาเห็นด้วย ฝากหยาดฝนให้ช่วยเก็บเสื้อผ้าของใช้ส่งตามไปด้วย
อุปมาอุ้มสไบนางเดินตามสายทิพย์ไป สไบนางยอมให้อุ้มโดยดี จนหยาดฝนคุยกับหัสดินว่า
“บีเงียบกริบ ไม่มีปากมีเสียงเลย สงสัยจะเจ็บจริง”
“วันนี้สองคนนี้ค่อยดูเป็นสามีภรรยากันขึ้นหน่อยว่าไหม”
หยาดฝนสะกิดหัสดินให้มองไปทางอาทิตย์ เห็นอาทิตย์นั่งจ๋อยๆอยู่คนเดียว เขาชะเง้อมองตามอุปมาที่อุ้มสไบนางไปด้วยความเป็นห่วง...
ooooooo
จากการตรวจของหมอ ปรากฏว่าประมุขเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทั้งคุณหญิงและวิจิตราตกใจ ใจเสีย ต่างมีความเห็นตรงกันว่าไม่ต้องบอกประมุข ให้ประมุขรู้แค่ว่าตัวเองเป็นความดันกับโรคหัวใจตามเดิมเท่านั้น เพราะเกรงว่ารู้ความจริงแล้วจะยิ่งทรุด
คุณหญิงบอกวิจิตราให้รีบพาเมธาวีกลับมาดูใจพ่อ ก็พอดีวิจิตราได้รับโทรศัพท์จากพยาบาลที่ดูแลเมธาวีอยู่ เธอบอกคุณหญิงอย่างกังวลว่า ไม่รู้มีอะไรรึเปล่า
วิจิตราเดินทางไปหาเมธาวีเร็วที่สุด ไปขออนุญาตหมอพาลูกกลับกรุงเทพฯ อีกทั้งเล่าเรื่องอุปมากับสไบนางให้ฟังเพื่อให้ลูกเตรียมทำใจรับสถานการณ์ เมธาวีเสียใจคิดไม่ตกกลัวสไบนางจะไม่คืนอุปมาให้ตน วิจิตราบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะเท่าที่รู้มา สองคนนั้นโต้เถียงกันทุกวัน
“แต่ที่แม่ยอมขอคุณหมอให้เมกลับกรุงเทพฯ ทันทีไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกลูก” วิจิตราพูดหน้าเครียดขรึมจนเมธาวีสงสัยถามว่ามีเรื่องอะไรอีกหรือ วิจิตราจึงตัดสินใจเล่าให้ฟัง “คุณพ่อไม่สบายมาก จะจากเราไปวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้” พูดได้แค่นั้นวิจิตราก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก
เมธาวียังเข้าใจว่าพ่อเป็นความดันและโรคหัวใจ เชื่อว่ามียาคุมได้ไม่น่าจะมีอะไร
“ไอ้ที่มีอะไรมันไม่ใช่โรคพวกนี้น่ะสิเม หมอเพิ่งตรวจเจอมะเร็งในกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ตอนนี้ลามไปทั่วแล้ว” วิจิตราร้องไห้โฮออกมา โผเข้ากอดเมธาวีที่ตกใจจนช็อก
ooooooo
เพียงเย็นๆ อุปมาก็พาสไบนางกลับถึงบ้านไทยประยุกต์ บารมีออกมารับด้วยความเป็นห่วงถามว่าเป็นยังไงบ้าง อุปมาบอกว่าข้อเท้าพลิกข้างหนึ่ง ขาอีกข้างต้องใส่เฝือกอ่อน
เมื่อสไบนางผลักประตูเข้ามา อุปมาจะเข้าไปช่วยอุ้ม ถูกเธอปัดมือออก อุปมาขู่ว่า
“หมอกำชับไม่ให้ลงน้ำหนักที่ขา ยังจะอวดเก่งอีก อยู่เฉยๆฉันเกือบตายเพราะเธอแล้วอย่ามาทำฤทธิ์เยอะแยะ” สไบนางทำปากขมุบขมิบว่าไม่ได้ขอร้องให้ช่วยซะหน่อย อุปมาถลึงตาใส่ บอกบารมีว่า “ผมเอาหลานคุณพ่อไปโยนทิ้งบนเตียงก่อนนะครับ”
สไบนางเริ่มกลัวมองบารมีเรียก “คุณลุง” หวังขอความช่วยเหลือ ถูกอุปมาตวาด “เงียบ!” เท่านั้นเธอก็เงียบกริบ หน้าแหยๆปล่อยให้อุปมาอุ้มขึ้นไปที่ห้องนอน
บารมีมองอุปมากับสไบนางอย่างเริ่มสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อกันของทั้งคู่ขึ้นมาตงิดๆ
ooooooo
ขณะคุณหญิงนั่งสวดมนต์อยู่ในห้องพระบ้านสวนนั้น บังอรเข้ามาขอโทษบอกว่าประมุขต้องการพบด่วนเลยต้องรีบเข้ามารบกวน
เมื่อคุณหญิงไปพบประมุขที่ห้องนอน คุณหญิงบอกว่าวิจิตรากับเมธาวีกลับถึงกรุงเทพฯแล้วพักอยู่ที่บ้านแม่เขา พรุ่งนี้คงจะมาเยี่ยม ประมุขยิ้มออกมาด้วยความดีใจ คุณหญิงถามว่าอยากพบแม่เรื่องอะไร ประมุขหน้าเศร้าถามว่า “ตกลงบีเชื่อรึเปล่าครับว่าผมเป็นพ่อ”
“มันสำคัญสำหรับแกมากเหรอเจ้ามุข”
“ครับ...ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความรักของผมเป็นสิ่งผิด ผมควรให้เขาบริสุทธิ์ เป็นลูกของประจักษ์...ความรักที่ผมจะมอบให้เขาได้มากที่สุดก็คือ เก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ ให้มันดับไปพร้อมกับชีวิตของผม...”
ประมุขน้ำตาซึม แต่คุณหญิงน้ำตาท่วม เลื่อนมือไปบีบแขนประมุข บอกให้ทำใจดีๆไว้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก
“ผมรักบีครับแม่...อยากได้ยินคำว่าพ่อจากปากของเขาสักครั้ง ผมไม่เคยได้ยินจากปากเขาตั้งแต่เล็กจนโต...ผมเพิ่งรู้ว่า รักของผมคือบาป คำว่าพ่อของผมคือรอยดำที่ทำให้บีสกปรก ผมไม่ควรทำร้ายลูกใช่ไหมครับแม่...” ประมุขน้ำตาไหลร้องไห้อยู่เงียบๆ
“ทำไมลูกถึงรักบีมาก ไม่ยอมให้เรื่องทั้งหมดตายไปเหมือนประจักษ์กับศรีอำไพ”
ประมุขเล่าอย่างเจ็บปวดว่า เพราะตนรักศรีอำไพมาก ตนสุขใจที่ได้รักเธอแต่ก็เจ็บปวดเหลือเกินที่เธอไม่รักตอบ คุณหญิงถามว่าเพราะเขาทำกับพ่อแม่เธอไว้หรือเปล่า
“อาจจะใช่ ผมเสียใจ ผมอยากแก้ไขความผิด แต่ชีวิตคนแก้ไขตามใจเราไม่ได้ ผมทำร้ายเขาทั้งที่รัก” ประมุขยิ่งเล่าก็ยิ่งเศร้า คุณหญิงถามว่า เรื่องอุบัติเหตุนั้นใช่ไหม เขาส่ายหน้า “ผมทำร้ายเขาจริง แต่ผมไม่เคยคิดฆ่าไพ ผมทำไปเพราะผมรักบี...ไพรักบี ลูกที่เกิดจากผม ผมควรพอใจเท่านั้น ผมไม่น่าเลยจริงๆ...”
ประมุขร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด เจ็บช้ำ ทรมานใจ.
เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
No comments:
Post a Comment