Friday, August 30, 2013

ตอนที่ 5

มัทนากลับจากดูละครการกุศล ทราบเรื่องนายสินจากบิดาก็ตกอกตกใจและรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างกระวนกระวาย กระทั่งคุณหญิงมณีกลับมาบอกว่านายสิน ยังไม่รู้สึกตัว หมอให้ไปเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้ มัทนาหน้าสลดสงสารบุปผาที่เอาแต่ร้องไห้ เข้ามาจับมือให้กำลังใจเธอก่อนที่คุณหญิงจะให้ทุกคนแยกย้ายกันไปนอน

เมื่อพ้นสายตาทุกคนมาแล้ว บุปผาที่หน้าเศร้าเสียใจก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวแววตาดุดันน่ากลัว คิดหาทางกำจัดนายสินก่อนจะฟื้นขึ้นมาเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ

บุปผาออกจากบ้านแต่เช้ามืด มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเพื่อฆ่าปิดปากนายสินด้วยการใช้หมอนกดทับใบหน้าเพื่อให้เขาขาดอากาศหายใจ แต่ไม่สำเร็จเพราะไอศูรย์เข้ามากะทันหัน บุปผาหัวไวเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว ด้วยการทำทีเป็นซ้อนหมอนหนุนศีรษะให้นายสิน หมอหนุ่มไม่เอะใจสงสัย ทักหญิงสาวด้วยสีหน้าชื่นชม

“มาเยี่ยมนายสินแต่เช้าเลยนะบุปผา”

“ค่ะ พอดีบุปผาเห็นพี่สินนอนท่าทางไม่ค่อยสบาย บุปผาก็เลยจะเอาหมอนซ้อนให้พี่สินอีกใบ พี่สินชอบนอนหมอนสูงๆน่ะค่ะคุณหมอ”

“นายสินโชคดีจริงที่มีน้องสาวอย่างเธอ...เดี๋ยวบุปผาตามฉันไปที่ห้องทำงานหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

บุปผายิ้มรับและรอให้ไอศูรย์เดินนำออกไป ก่อน... แล้วก้มลงกระซิบข้างหูนายสินที่รับรู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้

“อย่าได้คิดจะเปิดปากพูดเรื่องฉันเชียวนะพี่สิน ไม่อย่างนั้นคราวหน้าพี่สินคงจะไม่โชคดีอย่างนี้อีก”

สินแววตาหวาดกลัว มองตามหลังบุปผาไปอย่างไม่คาดคิดว่าเธอจะร้ายกาจถึงเพียงนี้...เมื่อตามไปคุยกับหมอไอศูรย์ ไม่นึกว่าจะได้ยินข่าวน่ายินดี แต่บุปผาต้องเก็บซ่อนอาการไว้ แล้วแสร้งตกใจสุดขีด

“อะไรนะคะ พี่สินเป็นอัมพาต”

“ผลจากการหกล้มทำให้นายสินกระดูกต้นคอร้าว จึงมีอาการเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป...จะเดินไม่ได้”

“แล้วพูดล่ะคะ พี่สินพูดได้ไหมคะ”

ไอศูรย์ส่ายหน้า บุปผาถึงกับร้องไห้โฮออกมา รำพึงรำพันอย่างน่าสงสาร “โธ่...เวรกรรมอะไรของพี่สินนะ ทำไมถึงได้โชคร้ายอย่างนี้”

“ใจเย็นๆก่อนนะบุปผา นายสินอายุยังไม่มากหากโชคดีกระดูกที่ร้าวอาจสมานตัวเองได้ นายสินก็มีโอกาสกลับมาพูดหรือเคลื่อนไหวได้อีก แม้จะมีโอกาสไม่มากนัก แต่ฉันก็ไม่อยากให้เธอสิ้นหวังนะบุปผา”

บุปผาได้ทีคุกเข่าเข้ามากราบที่ตักไอศูรย์ “คุณหมอต้องช่วยพี่สินให้กลับมาเดินได้พูดได้อีกครั้งนะคะ บุปผาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว ถ้าไม่มีพี่สินชีวิตบุปผาก็ไม่เหลือใครแล้ว คุณหมอต้องช่วยพี่สินนะคะ”

“นังบุปผา!” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นจนทั้งคู่สะดุ้ง

สร้อยนั่นเอง! เธอมาพร้อมคุณหญิงมณีและเห็นภาพนั้นเต็มตา แต่มัทนาเดินรั้งท้ายไม่เห็นอะไร...สร้อยกับคุณหญิงไม่พอใจบุปผาที่ใกล้ชิดไอศูรย์เกินควร ซึ่งสร้อยรู้ทันบุปผาทำเพื่ออะไร จึงลากตัวออกมาด่าและเน้นย้ำว่า

“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ ฉันจะบอกให้นะ ความพยายาม แกไม่เป็นผลหรอก เพราะคุณหมอไอศูรย์กำลังจะหมั้นกับคุณหนูอยู่เร็วๆนี้แล้ว รู้ไว้ด้วย”

บุปผาตีหน้าซื่อไม่ตอบโต้ สร้อยหมั่นไส้ผลักเธอเซแล้วเดินจากไปอย่างหัวเสีย...บุปผามองตามตาขวาง พึมพำกับตัวเองอย่างหมายมาด

“ก็ให้มันรู้ไปสิว่าจะได้หมั้นกัน!”

ooooooo

คุณหญิงมณีกับมัทนาเวทนาสงสารนายสินที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคนพิการเดินและพูดไม่ได้ สองแม่ลูกฝากฝังหมอไอศูรย์รักษานายสินต่อไป เพราะเขาเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน

สินนอนลืมตาโพลงมองทุกคน ส่งเสียงอืออาเหมือนจะบอกอะไรแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ คุณหญิงมณีเวทนาจนน้ำตาซึม ขยับเข้าไปพูดใกล้ๆหูนายสิน

“เอาเถอะนายสิน ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทอดทิ้งแก จะเลี้ยงดูแกกับแม่บุปผาน้องสาวของแกต่อไป”

ไอศูรย์กับมัทนายืนห่างออกมา ท่าทางคุณหมอยังงอนๆเรื่องที่เธอไปดูละครกับเพชรเมื่อคืน ซึ่งมัทนามองออกจึงเป็นฝ่ายชวนเขาพูดคุยและหาจังหวะขอโทษ

“พี่ต้นขา...เรื่องเมื่อวานพี่ต้นอย่าโกรธน้องมัทนะคะ ที่น้องมัทไปดูละครการกุศลกับพี่เพชร ก็เพราะคุณพ่อบอกให้ไปน่ะค่ะ”

“จริงเหรอ”

“น้องมัทไม่ได้อยากไปหรอกค่ะ แต่ไม่กล้าขัดคุณพ่อ” ฟังแล้วไอศูรย์ค่อยยิ้มออก มัทนาเลยสีหน้าดีขึ้นตามไปด้วย “พี่ต้นหายโกรธน้องมัทแล้วใช่ไหมคะ”

“ก็ถ้าน้องมัทไปเพราะคุณลุงบอกให้ไป พี่ก็ไม่โกรธ”

ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน ความสัมพันธ์กลับมาคงเดิม บุปผากลับมาเห็นภาพนั้นก็หน้าบึ้งตึง เดินบ่นไปอีกทางอย่างหัวเสีย

“ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้นะ เมื่อวานคุณหมอกับนังคุณหนูเพิ่งจะผิดใจกันอยู่หยกๆ วันนี้กลับมาดีกันได้ยังไงนี่...ยังดีนะที่ไอ้สินมันเป็นอัมพาตพูดไม่ได้ไปแล้ว ก็หมดไปเรื่องนึง แต่ถ้ามันตายๆไปเสียเลย ชีวิตฉันก็คงจะง่ายกว่านี้”

บุปผากระฟัดกระเฟียดเดินผ่านห้องอิ่ม...อิ่มเหลือบเห็นรีบวิ่งเข้าหาด้วยความดีใจ แต่บุปผากำลังอารมณ์เสียเลยผลักอย่างแรงจนอิ่มล้มหัวฟาดพื้นแน่นิ่ง แล้ววิ่งหนีไปด้วยความตกใจ โดยไม่สนใจจะช่วยเหลือดูอาการอิ่มแต่อย่างใด...

ไอศูรย์ขับรถไปส่งมัทนาที่มหาวิทยาลัยและบอกให้ตั้งใจเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องนายสิน ตนจะดูแลเขาให้อย่างดีที่สุด

“ขอบคุณพี่ต้นแทนบุปผาด้วยค่ะ สงสารบุปผาเหลือเกิน มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องแท้ๆ นายสินยังมาล้มเจ็บอย่างนี้เสียอีก”

พูดจบมัทนาก็รีบขอตัวขึ้นตึกเรียนเพราะเห็นเพชรขับรถมาจอดส่งพลอย เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา แต่อยากพูดคุยปรับความเข้าใจกับพลอยมากกว่า ส่วนไอศูรย์เลี่ยงไม่ได้ และไม่มีความจำเป็นต้องเลี่ยง เขาทักทายเพชรเป็นปกติ ถามว่าเมื่อคืนไปดูละครสนุกไหม เพชรกลับตอบแดกดันเสียงแข็ง

“ได้ไปดูกับน้องมัทนา ยิ่งดูละครได้สนุกกว่าที่คิดไว้อีกครับพี่ต้น”

“เพชร...พี่ไม่อยากผิดใจกับเพชร เพราะเราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว”

“มาพูดตอนนี้มันสายไปแล้วละ ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับ ตราบใดที่พี่ต้นกับน้องมัทยังไม่ได้หมั้นหมายกัน ผมจะไม่ยอมรามือจากน้องมัทอย่างแน่นอน” ว่าแล้วเพชรก็เดินกลับมาขึ้นรถขับพรืดออกไป ทิ้งไอศูรย์ยืนเซ็งและหนักใจ แต่พอกลับมาโรงพยาบาลก็หนักใจยิ่งกว่า เมื่อพบเห็นอิ่มนอนหมดสติโดยไม่มีใครรู้เห็น เขารีบเยียวยารักษาโดยตามหมอปรีชามาช่วยด้วย

ส่วนบุปผาที่ถูกสร้อยกับคุณหญิงมณีจับตาและหมายหัวเรื่องใกล้ชิดหมอไอศูรย์ พอกลับถึงบ้านคุณหญิงคิดตัดไฟแต่ต้นลมสั่งบุปผาให้เลิกไปช่วยงานหมอที่โรงพยาบาล บุปผาทำท่าจะค้านโดยอ้างชื่อป้ารุ่ง แต่คุณหญิงตัดบทอย่างไม่สนใจ

“เรื่องของคนบ้า ปล่อยให้หมอเขารักษากันต่อไปเองเถอะ ส่วนเธอคอยดูแลนายสินดีกว่า เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ ถึงขั้นเป็นอัมพาตพูดไม่ได้ขนาดนี้ เธอควรจะห่วงพี่ชายมากกว่าคนอื่นนะ”

บุปผาพูดอะไรไม่ออก เหลือบเห็นสร้อยทำหน้าสะใจแล้วยิ่งโมโหแต่ต้องพยายามสะกดอารมณ์ไว้ รับปากรับคำคุณหญิงก่อนถอยกลับออกมา นายพลเทพนั่งมองด้วยความสงสัย อดไม่ไหวเอ่ยถามภรรยา

“มีอะไรกันรึคุณ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่กันไว้ก็ดีกว่าแก้น่ะค่ะคุณ”

“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ”

“เรื่องผู้หญิงกับผู้ชายไงคะ ดิฉันไม่อยากให้นังบุปผามันอยู่ใกล้ชิดพ่อต้นมากเกินไป ถึงพ่อต้นจะเป็นคนดี แต่ดิฉันกลัวค่ะ กลัวว่าเอาน้ำตาลไปอยู่ใกล้ๆมด ประเดี๋ยวมดมันอดใจไม่ได้ จะยุ่งเสียเปล่าๆ”

พูดแล้วคุณหญิงมณีหันมองสามีตาวาว นายพลเทพมีชนักปักหลังเรื่องอุ่นอยู่ แม้จะเชื่อว่าคุณหญิงไม่รู้เรื่องราวในอดีต แต่ก็ไม่อยากพูดให้มากความไปจึง
นิ่งเสีย...

ด้านบุปผาที่กลับออกมาด้วยความหงุดหงิดโมโห ถึงกับสบถออกมาอย่างเคืองแค้น

“คิดจะกีดกันฉันเหรอนังคุณหญิง คนอย่างอีบุปผา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกเว้ย”

ooooooo

เพชรเข้าใจว่าไอศูรย์เจ้าชู้ไม่จริงใจกับมัทนา ขณะเดียวกันพลอยก็คิดว่ามัทนาหลายใจคืนก่อนถึงได้มาดูละครกับพี่ชายของเธอ...ความบาดหมางนี้ทำให้พลอยถึงกับเอ่ยปากชวนเพชรร่วมมือกัน

“ร่วมมือเรื่องอะไร” เพชรสีหน้าสงสัย

“ในเมื่อพี่เพชรก็ยังชอบยายมัทอยู่ และยายมัทก็ยังไม่ได้หมั้นกับพี่ต้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แค่เป็นคู่หมายกันเท่านั้น เพราะฉะนั้นอะไรๆมันก็ยังอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้”

“แล้วไง...”

“ก็ถ้าเรามาร่วมมือกัน พี่เพชรต้องพยายามเอาชนะใจยายมัทให้ได้ แล้วพลอยก็จะได้มีโอกาสกับพี่ต้นบ้าง”

“แล้วกำพลล่ะ พลอยก็รู้ว่าตอนนี้กำพลมันเดินเข้าออกบ้านเราหัวบันไดไม่แห้งเลยเพราะอะไร”

“พลอยมีสิทธิ์จะเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับตัวเองไม่ใช่หรือคะพี่เพชร”

คำพูดของน้องสาวทำเอาพี่ชายหัวเราะชอบใจก่อนตอบตกลงแต่โดยดี...ด้านบุปผาที่โดนสร้อยกับคุณหญิงมณีกีดกันจนเข้าถึงตัวไอศูรย์ไม่ได้ก็คิดหนัก ก่อนจะแอบนัดพบผกาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ผกาค้านหัวชนฝาเมื่อได้ยินบุปผาบอกว่าจะทำเสน่ห์หมอไอศูรย์

“ทำไมล่ะจ๊ะแม่”

“การทำเสน่ห์หรือการทำของใส่คนอื่นน่ะมันเป็นคุณไสยที่สกปรกที่สุด ดีไม่ดีสิ่งเลวร้ายจากของที่เอามาทำเสน่ห์มันจะย้อนกลับมาเข้าตัวเรานะลูก”

“ฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวพลาดจากหมอไอศูรย์มากกว่า”

“แต่ยังไงๆแม่ก็ไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ทำเสน่ห์เลยเอาแค่คิดจะวางยานี่ก็บาปมากแล้ว”

“วางยา...” บุปผาทวนคำ สีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง “เอ้า...ฉันไม่ทำเสน่ห์คุณหมอก็ได้ งั้นฉันแค่วางยาก็ได้ เอาแค่เบาะๆ พอให้ล้มหมอนนอนเสื่อก็พอ”

“แกจะวางยาคุณหมอทำไม”

“ฉันจะวางยาคุณหญิงต่างหากล่ะจ๊ะแม่ เพราะตอนนี้นังคุณหญิงมันระแวงฉัน แล้วเกิดมันไล่ฉันออกจากบ้าน ทุกอย่างที่ฉันลงทุนมาก็จะสูญเปล่าหมด แต่ถ้าฉันวางยามัน...

พอมันล้มป่วย ฉันก็จะเลิกวางยาแล้วทำทีเป็นต้มสมุนไพรให้มันกินเพื่อรักษาอาการแทน นังคุณหญิงมันก็จะค่อยๆอาการดีขึ้น แล้วก็เชื่อว่าฉันเป็นคนช่วยรักษา ทีนี้ฉันก็จะได้กลายเป็นคนโปรดของคุณหญิงไงละจ๊ะแม่ เป็นไง แผนฉันเข้าท่าไหมล่ะ”

“แต่หมอไอศูรย์เขาเป็นหมอนะ เขาจะไม่รู้เชียวเหรอว่าคุณหญิงถูกวางยาน่ะ”

“ฉันรู้มาว่ายาแบบนี้การแพทย์สมัยใหม่ตรวจไม่พบหรอกจ้ะแม่”

ผกายังมีสีหน้าลังเล บุปผารีบใช้ลูกอ้อนโผเข้าคลอเคลียกอดเอว

“แม่จ๋า...ฉันแค่จะวางยาเพื่อให้คุณหญิงรักฉัน ฉันจะได้ไม่ถูกเฉดหัวออกจากบ้านนั้นง่ายๆเท่านั้นแหละจ้ะ ไม่ได้จะฆ่าคุณหญิงสักหน่อย ฉันจะได้มีโอกาสจับ

หมอไอศูรย์แต่งงานกับฉันให้ได้ แล้วพอฉันได้ดีแล้วแม่ก็จะได้เลิกกิจการหอโคมแดงเสียทีไงจ๊ะ แม่ช่วยฉันนะ”

“ไม่!!” คำตอบของผกาทำเอาบุปผาหน้าง้ำลงทันใด

ooooooo

นายพลเทพเรียกดำเกิงมาพบในห้องทำงานที่กรมทหารเพื่อให้ดำเนินการเรื่องที่ตนกำลังร้อนใจอยู่

“ฉันโทร.ไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ดำเกิงบอกฉันเรียบร้อยแล้ว เขาตกลงจะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ดำเกิงเอารูปให้เขาดู ถามเขามาให้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช่แม่อิ่มรึเปล่า ถ้าใช่แม่อิ่มจริงๆ แล้วเด็กนั่นใช่ลูกฉันไหม...แล้วเวลานี้เด็กนั่นอยู่ที่ไหน ตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างฉันคงไม่มีวันตายตาหลับแน่”

ดำเกิงรับคำและรับรูปถ่ายสองพี่น้องอิ่มกับอุ่นจากนายพลเทพแล้วเดินออกไป...แล้วคืนนั้นเอง นายพลเทพก็เก็บเรื่องอุ่นกับลูกมาฝันเป็นตุเป็นตะว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ พอสะดุ้งตื่นก็เรียกลูกเสียงดังจนคุณหญิงที่นอนอยู่ข้างกันรู้สึกตัวแต่แกล้งนอนหลับตานิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย...

ฝ่ายดำเกิงที่ไปหาข้อมูลจากโรงพยาบาลที่นายพลเทพกรุยทางไว้ให้แล้ว ปรากฏว่าหมอให้ความร่วมมืออย่างดี ยืนยันว่าผู้หญิงที่ถูกรถชนมาในคืนนั้นกับผู้หญิงในรูปเป็นคนคนเดียวกัน แต่ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไร เพราะเธอถูกรถชนสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนความจำเสื่อม

“ความจำเสื่อม?”

“ครับ...แล้วเธอก็หนีหายออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันนั้น แล้วเราก็ไม่เคยพบตัวเธออีกเลย”

“แล้วเด็กล่ะครับ เป็นลูกของผู้หญิงคนนี้หรือว่าลูกใคร”

“เราไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้เลยครับ ผมคงให้ข้อมูลคุณได้เพียงเท่านี้ละครับ”

“ขอบคุณครับหมอ” ดำเกิงยกมือไหว้แล้วลุกขึ้นจะกลับ พลางบ่นกับตัวเองเบาๆ “เฮ้อ..อุตส่าห์ดั้นด้นหามาจนถึงนี่ เจอทางตันเสียได้”

ดำเกิงเดินออกมาได้สองสามก้าวก็ชะงัก ได้ยินเสียงหมอเรียกเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้...ดำเกิงได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อแซ่ของคนที่เอาเด็กไปอุปการะ จึงรีบกลับมารายงานนายพลเทพโดยเร็ว

“อะไรนะ ผู้หญิงหยำฉ่ารับเอาลูกฉันไปเลี้ยง”

“ครับท่าน” ดำเกิงส่งสมุดบันทึกข้อมูลของโรงพยาบาลที่มีชื่อนามสกุลของผกาอย่างชัดเจนให้เจ้านายดู

นายพลเทพสีหน้าเคร่งเครียด บอกลูกน้องคนสนิทว่า “เอาเถอะ หาตัวลูกฉันให้พบก่อน แล้วค่อยว่ากัน แต่จำไว้นะดำเกิง เธอต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างที่สุดนะ ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด โดยเฉพาะคุณหญิงมณี”

“ครับท่าน”

นายพลเทพดีใจที่รู้ว่าลูกอีกคนของตนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็กังวลใจว่าจะตามหาเจอหรือไม่ และหากเจอแล้วจะอยู่ในสถานะไหน...คุณหญิงมณีแอบฟังอยู่หน้าห้อง ได้ยินชื่อผกาแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่รู้แล้วว่าสามีมีความลับที่ปิดบังเธออยู่

ooooooo

หลังจากปฏิเสธให้ความช่วยเหลือบุปผาที่ต้องการวางยาคุณหญิงมณีไปแล้ว ผกากลับมาคิดหนัก และสุดท้ายก็จำใจกลับคำเมื่อประสบพบเจอเหตุการณ์เมียหลวงบุกมาตามสามีถึงหอโคมแดงแล้วด่าประจานอย่างสาดเสียเทเสีย

ผกาอับอายจนอยากเลิกอาชีพนี้ ซึ่งบุปผาเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากที่นี่ ดังนั้นผกาจึงต้องช่วยทำให้ความฝันของบุปผาเป็นจริงเสียก่อน ด้วยการได้สามีฐานะร่ำรวยแล้วตัวเองก็จะพลอยสบายไปด้วย

แล้ววันต่อมา ผกาก็พาบุปผาไปหาตาเถาหมอยาชื่อดังซึ่งเป็นคนเดียวกับที่สร้อยเคยมาเอายาไปให้คุณหญิงมณีเพื่อให้นายพลเทพกินจนเป็นหมัน

“รับปากกับแม่ก่อนนะบุปผา ว่าแกจะวางยานัง คุณหญิงแค่พอให้มันป่วย แล้วพอทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้วแกก็จะเลิกให้ยานังคุณหญิงน่ะ”

“โธ่แม่ ฉันแค่อยากเป็นเมียหมอไอศูรย์เท่านั้นนะ ฉันยังไม่อยากเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายหรอกจ้ะ...แม่จ๋า ถ้าแผนของฉันสำเร็จ ฉันได้แต่งงานกับหมอไอศูรย์เมื่อไหร่ ฉันก็จะรับแม่มาอยู่กับฉันด้วย พอกันทีอาชีพขายตัว ฉันจะเลี้ยงดูแม่ให้อยู่สุขสบายเสียที”

“จริงๆนะบุปผา”

“จริงสิจ๊ะแม่ แม่เป็นคนเลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่วันที่ฉันเกิด ถ้าไม่มีแม่ผกาคนนี้ ก็คงไม่มีนังบุปผาในวันนี้เหมือนกัน”

ผกายิ้มมีความหวัง นำทางบุปผาขึ้นเรือนตาเถาแล้วเริ่มสนทนา โดยมีนายถิ่นน้องชายตาเถากับไอ้หลงเด็กหนุ่มผู้ช่วยนั่งห่างออกมา

“นี่รึลูกสาวเอ็ง”

“จ้ะพ่อหมอ ว่าแต่พ่อหมอมียาอย่างที่ฉันว่าไหมจ๊ะ”

“มี...แต่มันไม่ใช่ยาที่จะหากันได้ง่ายๆหรอกนะแม่ผกา”

“ถึงแพงฉันก็ไม่เกี่ยงจ้ะ”

ตาเถามองบุปผาแล้วยิ้มในหน้าอย่างพอใจ จากนั้นหันไปพยักพเยิดกับไอ้หลง ครู่เดียวขวดยาเล็กๆก็ถูกส่งถึงมือตาเถา

“ขวดเล็กแค่นี้เองเหรอจ๊ะพ่อหมอ” บุปผาชะโงกหน้ามอง

“เล็กๆนี่แหละฤทธิ์แรงนัก รู้ไหมว่าแค่หยดหรือสองหยดก็จะทำให้เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง คล้ายจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แต่ถ้ามากๆละก็ ถึงตายเลยทีเดียว”

“แล้วพ่อหมอแน่ใจนะว่ายานี่พวกหมอสมัยใหม่จะตรวจไม่พบน่ะ”

“แน่ใจสิ นี่ถ้าเอ็งไม่เชื่อถือข้า เอ็งจะมาหาข้าทำไม ตกลงจะเอาหรือไม่เอา”

“เอาจ้ะเอา” บุปผาพูดระรัว เอื้อมมือจะหยิบขวดยาจากมือตาเถา แต่แกหดมือทันควัน

บุปผารู้ทันทีว่าหมอนี่ไม่ธรรมดา เธอหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้เขาแล้วจึงได้ขวดยานั้นมาสมใจอยาก หลังจากนั้นก็พาผกาลงจากเรือน โดยไม่รู้ว่านายถิ่นจับตามองเธอจนลับตา แต่ตาเถาสังเกตตลอดเวลา เดินมากระชากคอน้องชาย สำทับอย่างรู้ทัน

“เฮ้ย...มองตามตาละห้อยเชียวนะเอ็ง พวกผู้หญิงพรรค์อย่างว่า เอ็งอย่าริไปยุ่งเกี่ยวด้วยเชียวนะ โดยเฉพาะนังลูกคนนั่นน่ะ ท่าทางจะร้ายไม่เบาเลย ไปๆ เข้าบ้าน”

ถิ่นถูกพี่ชายลากตัวเข้าบ้าน แต่ไม่วายเหลียวกลับมามองบุปผาอีกครั้งอย่างติดใจในความสวย

ooooooo
หลังจากได้ยินสามีพูดถึงลูกและมีคนชื่อผกาเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณหญิงมณีร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ สั่งการสร้อยหาคนไว้ใจได้สักคนมาให้แต่ยังไม่บอกว่าจะให้ทำอะไร

ทางด้านบุปผาที่ได้ยาจากตาเถามาสมใจก็กระหยิ่มยิ้มย่องหวังจัดการคุณหญิงมณีให้อยู่หมัด ส่วนนายสินก็ไม่มีปัญหาอะไรให้หนักใจ เพราะพูดและเดินไม่ได้นอนเป็นผักปลาไปแล้ว แต่บุปผาก็ยังต้องแวะเวียนมาเยี่ยมเขาเพื่อความแนบเนียน

แม้สินขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้แต่ก็รับรู้การกระทำทุกอย่างของบุปผา เขามองเธอก้าวเข้ามาด้วยแววตาเจ็บแค้นและไม่ไว้วางใจ

“ฉันไม่ได้อยากจะมาเยี่ยมเยียนแกนักหรอกนะไอ้สิน แต่ถ้าฉัน...ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆญาติเพียงคนเดียวที่แกมีไม่มาเยี่ยมแกเสียเลย คนอื่นเขาจะสงสัยฉันเอาได้ ฉันก็เลยต้องมา ความจริงแกโชคดีแล้วนะไอ้สิน ที่แกเป็นง่อยเดินไม่ได้ พูดไม่ได้อย่างนี้น่ะ เพราะไม่อย่างนั้นฉันก็คงต้องใช้ยาในขวดนี้กับแกด้วย แกรู้มั้ย...ยานี่มันทำอะไรได้บ้าง เขาบอกว่าแค่หยดสองหยดก็ทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงคล้ายจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่แกเป็นอย่างนี้ละ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็...”

สินมองขวดยาเล็กๆที่บุปผาเอาออกมาอวดด้วยสีหน้าตื่นกลัว

“แล้วแกรู้มั้ย ฉันจะใช้ยาขวดนี้กับใคร ก็กับนังคุณหญิง มณี นังผู้ดีแปดสาแหรก เจ้านายที่แกจงรักภักดีนักหนาไงล่ะ” พูดจบบุปผาก็หัวเราะชอบใจในแผนร้ายของตัวเอง ในขณะที่สินตาเหลือกลานด้วยความกลัวอย่างสุดขีด...

วันรุ่งขึ้น ดำเกิงมาพบนายพลเทพที่ทำงานรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่เล้าที่ชื่อผกาซึ่งสืบทราบมาว่าหล่อนมาเปิดซ่องอยู่ในพระนคร นายพลเทพจึงกำชับดำเกิงตระเวนไปตามซ่องต่างๆให้ทั่ว บางทีผกากับลูกของตนอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตนนัก

เสร็จธุระ ดำเกิงกลับออกมาโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งสะกดรอยตามอยู่ตลอด...

ที่แท้เขาคือนายพุ่มญาติของสร้อยนั่นเอง พุ่มถูกคุณหญิงมณีส่งมาติดตามความเคลื่อนไหวของนายพลเทพและดำเกิง โดยเฉพาะดำเกิงไม่ว่าจะไปไหนต้องอย่าให้คลาดสายตา...

ค่ำวันเดียวกัน บุปผาเริ่มปฏิบัติการวางยาคุณหญิงมณี แต่ยังไม่ทันเปิดขวดยาเยาะลงอาหารก็สะดุ้งเฮือกจนขวดหล่นจากมือ

“บุปผา...” นายพลเทพส่งเสียงก่อนเดินตรงมาหา บุปผาเหลือบมองขวดยาที่พื้นด้วยใจระทึก พอเห็นว่าท่านไม่สงสัยก็พยายามทำตัวปกติ ถามอย่างนอบน้อมว่า

“ท่านมีอะไรจะใช้บุปผาหรือคะ”

“นายสินเป็นยังไงบ้าง”

“พี่สินพูดไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้เลยค่ะท่าน”

“ไม่ต้องกังวลนะบุปผา ฉันกับคุณหญิงไม่ทอดทิ้งเธอกับพี่ชายเธอแน่ นายสินรับใช้ฉันมาหลายปี ฉันกับคุณหญิงก็จะดูแลเธอกับพี่ชายเธอต่อไป”

“ท่านเมตตาบุปผากับพี่สินมากเลยค่ะ” บุปผาคุกเข่าลงพนมมือไหว้แล้วเงยหน้าประสานสายตากับท่านนายพล...ทั้งคู่ต่างรู้สึกดีต่อกันอย่างประหลาด ทันใดนั้นคุณหญิงมณีก้าวเข้ามาสีหน้าบึ้งตึงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าบุปผาให้ท่านสามีของตน

“คุยอะไรกันอยู่คะ”

“อ๋อ...ผมกำลังถามเรื่องอาการนายสินอยู่น่ะ ผมบอกบุปผาไปแล้วว่าเราจะไม่ทอดทิ้งนายสิน”

คุณหญิงมณีสีหน้าผ่อนคลายลง แต่ยังอดระแวงบุปผาไม่ได้ ขยับเดินเข้าไปหาสามีแล้วเหยียบขวดยาที่พื้นแตกละเอียด บุปผาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความเสียดาย

“อ้าว...คุณหญิงเหยียบโดนอะไรล่ะนั่น” นายพลเทพทักขึ้น

“สงสัยจะเป็นเศษแก้วน่ะค่ะ บุปผาเห็นมันตกอยู่ที่พื้นเมื่อกี้ กำลังคิดว่าเดี๋ยวยกสำรับเสร็จแล้วจะกลับลงมาเก็บไปทิ้ง กลัวว่าจะมีใครเหยียบเข้าแล้วจะยุ่ง จะบาดเท้าเอาเสียเปล่าๆ บุปผาว่าท่านกับคุณหญิงขึ้นเรือนก่อนเถอะค่ะ ตรงนี้บุปผาจัดการเองค่ะ”

เมื่อทั้งคู่ขึ้นเรือนไปแล้ว บุปผาลนลานหาผ้ามาเก็บเศษแก้วก่อนที่ใครจะมาเห็นและสงสัยว่ามันคือขวดอะไรกันแน่...

แล้ววันถัดมา บุปผาก็ตรงดิ่งไปบ้านตาเถาอีกครั้งโดยไม่บอกผกา พรวดพราดเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามของนายถิ่น เลยได้เห็นภาพน่ากลัวที่ตาเถากรอกยาไอ้หลงแล้วมันชักดิ้นชักงอ น้ำมูกน้ำลายไหลเปรอะเลอะเทอะ บุปผาตกใจมากแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนสองคน ตาเถาโกรธมากสั่งน้องชายพาบุปผาออกไปเดี๋ยวนี้

ถิ่นลากบุปผาออกมาหน้าบ้านและไม่ยอมตอบคำถามที่เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถามหญิงสาวว่ามาที่นี่อีกทำไม

“ฉันจะมาเอายาอย่างที่เคยเอาไปคราวที่แล้วน่ะ ขวดนั้นฉันทำตกแตก...พี่ชายจ๋า กลับเข้าไปขอยาจากตาเถาให้ฉันหน่อยเถอะ อย่าให้ฉันมาเสียเที่ยวเลยนะ”

“ฉันก็อยากจะเอามาให้หรอกนะ แต่มันต้องให้พี่เถาจัดมาให้”

“ไม่มีสำรองเลยเหรอ”

“ยาพรรค์นี้มันต้องทำขึ้นพิเศษ เอาอย่างนี้...ฉันจะบอกพี่เถาให้ อีกสองวันน้องสาวค่อยกลับมาเอา”

บุปผาหน้ามุ่ยกลับไปอย่างผิดหวัง ส่วนนายถิ่นกลับขึ้นเรือนมาก็โดนพี่ชายถีบเปรี้ยงแทบหงายหลังด้วยความโมโห

“เอ็งปล่อยให้นังผู้หญิงหยำฉ่าคนนั้นเข้ามาได้ยังไงวะ ข้ากำลังทดลองยาตัวใหม่กับไอ้หลงอยู่ ถ้านังนั่นมันรู้เรื่องแล้วเอาไปบอกตำรวจ เอ็งกับข้ามีหวังได้ติดตะรางกันหัวโตแน่”

“ก็ฉันไม่นึกว่ามันจะวิ่งพรวดพราดเข้ามานี่พี่ แหม...นังนี่มันไวยังกับปรอทเลย”

“เออ! ทีหลังก็อย่าประมาท นังนี่มันท่าทางร้ายน้อยอยู่เมื่อไหร่ล่ะ...ว่าแต่มันจะมาเอาอะไร”

ขณะที่นายถิ่นตอบคำถามพี่ชาย เป็นเวลาที่บุปผากำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเพื่อแสดงตัวเป็นน้องสาวแสนดีมาเยี่ยมนายสิน แต่พอมาถึงเธอก็ระบายอารมณ์ใส่เขาเพราะหงุดหงิดผิดหวังไม่ได้ดังใจเรื่องยาที่ต้องการ ทั้งหยิกทั้งทุบตีตามตัวนายสินไม่ยั้งมือ กระทั่งเหลือบเห็นหมอไอศูรย์เดินตรงมา ก็รีบปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างแนบเนียน

“บุปผาเพิ่งมาค่ะหมอ เป็นห่วงพี่สินเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานที่บ้านบุปผาก็อยากจะมาเฝ้ามาดูแลพี่สินตลอดทั้งวันเลย”

“ไม่จำเป็นหรอกบุปผา ฉันสั่งให้พยาบาลที่นี่ดูนายสินอย่างดีอยู่แล้ว แล้วอีกสักสองวันก็คิดว่าจะอนุญาตให้พานายสินกลับไปดูแลกันต่อที่บ้านได้ แต่ก่อนที่จะให้พานายสินกลับบ้าน ฉันจะให้พยาบาลมาช่วยสอนวิธีดูแลนายสินให้กับบุปผานะ เพราะคนเจ็บอาการอย่างนี้ ต้องดูแลมากเป็นพิเศษนะ”

“ถึงจะดูแลมากแค่ไหนบุปผาก็ไม่กลัวหรอกค่ะหมอ พี่สินดูแลบุปผามามากแล้ว ถึงเวลาที่บุปผาจะได้ตอบแทนบุญคุณพี่สินบ้างแล้วค่ะ”

“เธอเป็นคนดีจริงๆบุปผา”

บุปผายกมือไหว้กระชดกระช้อย ไอศูรย์ยิ้มเอ็นดูแต่ไม่ได้สนใจมากไปกว่าที่ควร ทำให้สาวเจ้าผิดหวังและเจ็บใจที่ไม่สามารถมัดใจเขาได้เหมือนผู้ชายคนอื่นๆที่เธอเคยผ่านมา

เมื่อกลับออกมาหน้าโรงพยาบาลไม่นึกว่าจะเจอมุกเข้าอย่างจัง มุกประชิดตัวบุปผาจนหนีไม่ได้ แล้วคาดคั้นเป็นการใหญ่ว่าไปอยู่ไหนมา ทำไมแต่งตัวแบบนี้ หรือว่าจะชุบตัวใหม่ไม่ให้ใครรู้ว่าเคยเป็นผู้หญิงขายตัว บุปผาตกใจมากเพราะมุกพูดเสียงดังแถมยังตะโกนบอกใครต่อใครแถวนั้นให้ดูผู้หญิงขายตัวจากหอโคมแดง

ด้วยความโกรธสุดขีดกลัวความลับของตนรู้ถึงหูหมอไอศูรย์ บุปผาลากมุกหลบไปมุมหนึ่งแล้วจับหัวกดน้ำในอ่างอย่างไม่ปรานีจนมุกแน่นิ่งเกือบตาย!

ผกาเห็นสภาพมุกเยินกลับมาก็ตกใจมาก ซักถามจนรู้ความก่อนจะแอบมาต่อว่าบุปผาทำเกินกว่าเหตุ แสงผ่านมาเห็นทั้งคู่โดยบังเอิญ รู้สึกคุ้นหน้าผกามากจึงสะกดรอยตามกลับไปจนถึงหอโคมแดง แล้วย้อนกลับมาคาดคั้นเอาเรื่องบุปผาที่บ้านเทพบริบาลในตอนค่ำ

บุปผาตกใจมากเมื่อแสงรู้ความจริงหมดแล้วว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ซึ่งเธอยอมให้แสงปากโป้งไม่ได้แน่ จึงพลิกสถานการณ์ว่าตัวเองถูกแสงปลุกปล้ำ โดยตบตีทำร้ายตัวเองปากคอแตกแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือเอ็ดตะโรไปหมด

นายพลเทพวิ่งมาถึงก่อนใคร ตามด้วยลูกเมียและบรรดาคนใช้ แสงถูกปรักปรำจนทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าบุปผาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้

แผนของบุปผาสำเร็จลุล่วงหลังจากทำการสอบสวนกันไม่นาน เพราะเธอยืนยันทั้งน้ำตาและรอยฟกช้ำบนใบหน้าทำให้นายพลเทพเชื่อสนิท ถึงกับขับไล่แสงออกจากบ้านโทษฐานทำระยำในบ้านของตน

แสงกลับมาเก็บข้าวของในห้องพักและบ่นกับสร้อยอย่างเจ็บใจตัวเองที่เสียรู้นังงูพิษเข้าจนได้

“แล้วทำไมเอ็งถึงว่านังบุปผามันเป็นผู้หญิงหยำฉ่าล่ะ”

“ก็วันนี้ฉันพบมันอยู่กับแม่เล้าจากหอโคมแดงน่ะสิ ทีแรกฉันก็นึกไม่ออกหรอกว่ามันนัดเจอกับใคร ฉันเลยแอบตามนังแม่เล้านั่นไปจนถึงหอโคมแดง ฉันก็เลยเดาได้ว่านังบุปผามันต้องเคยเป็นผู้หญิงขายตัวที่นั่นมาก่อน”

“เอ็งเดาเอาเหรอเนี่ย โธ่เอ๊ย! ข้าก็นึกว่าเอ็งเคยขึ้นห้องกับมันมาก่อน”

“ไม่เคยหรอก แต่ฉันมานึกได้ว่าดาวเด่นประจำหอโคมแดงน่ะชื่อบุปผา แต่มันเลือกรับแต่แขกรวยๆ ฉันก็เลยไม่เคยได้ขึ้นห้องกับมัน แม้แต่หน้ามันก็ไม่เคยได้เห็น”

“เวร! หลักฐานอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วใครจะเชื่อคำพูดเอ็งได้วะไอ้แสง หนำซ้ำคนอื่นยังเป็นพยานให้มันอีกด้วยว่าเอ็งเคยจะปล้ำมันตั้งหลายครั้ง”

“แล้วแม่เชื่อฉันไหมล่ะ”

“ไม่รู้สิ.. แต่ไอ้สินมันคงไม่กล้าโกหกท่านกับคุณหญิงหรอกมั้ง ถ้าไม่ใช่น้องสาวจริงๆน่ะ”

“ขนาดแม่ยังไม่เชื่อฉันแล้วใครหน้าไหนมันจะเชื่อล่ะ แต่คอยดูเถอะ สักวันฉันจะฉีกหน้ากากนังตัวแสบนี่ให้ทุกคนได้เห็นว่าตัวจริงมันเป็นใคร”

เวลาเดียวกันนั้น คุณหญิงมณีกำลังต่อว่าสามีทำรุนแรงเกินไป แค่เด็กมีเรื่องทะเลาะกันถึงกับต้องไล่ออกจากบ้าน

“คุณก็รู้ว่าผมทนผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงไม่ได้”

“โดยเฉพาะทำร้ายแม่บุปผานี่ด้วยรึเปล่า”

“เอ๊ะ คุณนี่ถามแปลก คุณก็เห็นอยู่กับตาว่าบุปผาถูกไอ้แสงมันตบตีจนหน้าตาแตกขนาดนั้น ผมเป็นประมุขของบ้าน ถ้าไม่ตัดสินอะไรให้เด็ดขาดลงไป ผมก็คงเป็นประมุขของบ้านไม่ได้”

“แต่ดูคุณจะปกป้องแม่บุปผานี่มากเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้วนะคะ”

“อย่าหึงผมไปหน่อยเลยน่าคุณหญิง ผมเห็นเด็กบุปผานั่นไม่ต่างอะไรไปจากลูกเราเลย”

คุณหญิงมณีปรี๊ดทันที เสียงดังขึ้นอย่างลืมตัว “ไม่ได้นะคะ คุณจะเห็นใครเป็นลูกเหมือนยายมัทไม่ได้ เราสองคนมีลูกแค่คนเดียวเท่านั้น”

“คุณหญิงเป็นอะไร ผมก็แค่พูดเปรียบเทียบเฉยๆ เพราะผมเห็นบุปผามันอายุไล่เลี่ยกับลูกมัท...ก็เท่านั้นเอง”

“ค่ะ แต่จำไว้นะคะ คุณมีลูกแค่คนเดียว อย่ายกคนอื่นขึ้นเทียมลูกเราเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคุณกับฉันเป็นได้เห็นดีกัน!”

คุณหญิงเดินปังปึงออกไป นายพลเทพเริ่มกังวล...นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขามีลูกซุกซ่อนไว้อีกคนจะเกิดอะไรขึ้น?

คืนเดียวกัน กำพลมาที่หอโคมแดง ฟังมุกบอกเล่าเรื่องเจอบุปผาและถูกทำร้ายเกือบตาย กำพลรับข้อมูลด้วยความสงสัยและตั้งใจว่าจะไปสืบข่าวต่อแถวโรงพยาบาล...

คุณหญิงมณีให้เงินแสงก้อนหนึ่งเอาไว้ใช้จนกว่าจะหางานใหม่ได้ สร้อยขอบพระคุณคุณหญิงที่เมตตาลูกชายตน...เมื่อแสงไปแล้ว คุณหญิงก็ซักถามสร้อยเรื่องนายพุ่มว่าได้ข่าวคืบหน้าอะไรบ้าง

“ไอ้พุ่มมันบอกว่าท่านนายพลใช้ลูกน้องให้ออกตามหาผู้หญิงชื่อผกา”

ฟังแล้วคุณหญิงยิ่งระแวง สั่งเฉียบขาดให้พุ่มสืบต่อ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าผกาเป็นใครแล้วนายพลตามหามันทำไม?

ทางด้านบุปผา หลังกำจัดนายแสงไปพ้นบ้านเทพบริบาล...วันต่อมาหล่อนก็เดินหน้าเพื่อวางยาคุณหญิงมณี โดยย้อนกลับไปเอายาที่บ้านตาเถาอีกครั้งตามนัด แต่นึกไม่ถึงว่าสร้อยจะมาที่นี่ด้วย บุปผาได้ยาจากตาเถาแล้วรีบซ่อนตัวไม่ให้สร้อยเห็น พอสร้อยรับยาและจ่ายเงินเสร็จก็กลับทันที โดยไม่รู้ว่าบุปผาจับตามองตลอดเวลา แถมยังตามกลับมาแอบฟังสร้อยคุยกับคุณหญิงที่บ้านด้วย

สร้อยส่งยาให้คุณหญิงพร้อมกับบ่นให้ฟังว่าตาเถางกมากจะขึ้นราคาค่ายาอีกแล้ว

“มันเรียกเท่าไหร่ก็จ่ายให้มันไป”

“แต่สร้อยว่านี่มันก็เรียกเกินราคามาไม่รู้เท่าไหร่แล้วนะคะคุณหญิง มันคงย่ามใจว่าเราต้องอาศัยยาของมันไปตลอด”

“ก็ใช่อย่างที่มันคิดจริงๆนั่นแหละสร้อย ก็เพราะยาของตาเถานี่แหละที่ทำให้ท่านนายพลไปมีลูกกับผู้หญิงหน้าไหนไม่ได้อีกมาจนทุกวันนี้”

บุปผาได้ยินเต็มสองหู แล้วจู่ๆก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมัทนาเดินมาทัก ในขณะที่คุณหญิงกับสร้อยก็หันขวับ...จ้องมองบุปผานัยน์ตาวาวโรจน์!

Monday, May 27, 2013

เรื่องย่อ ไฟหวน ตอน6 ละครช่อง7

ตอนที่ 6

บุปผาไหวพริบดีเอาตัวรอดจากการจับผิดของคุณหญิงมณีกับสร้อยด้วยการอ้างว่าตนเพิ่งเข้ามาเพื่อจะปรึกษาเรื่องพี่สินซึ่งหมอไอศูรย์ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านได้แล้ว

“หมอให้กลับก็เอากลับมาดูแลกันที่บ้านนี่แหละ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะดูแลนายสินต่อไป เรื่องที่จะมา บอกมีเท่านี้ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

บุปผาก้มหน้าก้มตาถอยกลับ มัทนาก้าวตามเธอไป พอทั้งคู่ลับกายคุณหญิงมณีก็หันมาถามสร้อยอย่างกังวล กลัวบุปผาได้ยินเรื่องที่คุยกัน แต่สร้อยบอกว่าถ้ามันเพิ่งมาจริงๆก็ไม่น่าจะได้ยิน...

มัทนาสงสารบุปผาที่พี่ชายป่วยหนักถึงขั้นเป็น อัมพาต จึงตามมาให้คำมั่นสัญญาว่าครอบครัวเธอไม่มีทางทิ้งนายสินแน่ ขอให้บุปผาสบายใจได้ นอกจากนี้เธอยังถอดสร้อยที่คอส่งให้ อนุญาตให้เอาไปขายได้เผื่ออยากจะใช้จ่ายอะไรเพื่อพี่ชาย บุปผาทำทีซาบซึ้งน้ำใจรีบไหว้ขอบคุณในความเมตตา แต่พอลับหลังมัทนาก็เบ้ปากหมั่นไส้ ทึกทักเอาสร้อยคอไว้เองดีกว่าเอาไปขายเพื่อนายสินเป็นไหนๆ

ด้านนายพลเทพพอรู้จากดำเกิงว่าสืบเจอซ่องของบุปผาแล้ว เขารีบเดินทางไปที่นั่นกลางวันแสกๆ แต่ต้องผิดหวังเพราะเป็นคนละผกากัน ดำเกิงถึงกับหน้าเสียรู้สึกผิดที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนนายพุ่มญาติของสร้อยที่คุณหญิงมณีให้ติดตามก็มีเหตุให้แคล้วคลาดพลาดสายตาเลยไม่รู้ว่าวันนี้ท่านนายพลกับดำเกิงไปที่ไหนกัน

แต่แสงรู้เห็นเพราะมาเที่ยวซ่องแห่งนี้อยู่ด้านใน เขาสงสัยนักหนาว่าท่านนายพลมาทำไม จึงไปเลียบเคียงถามเจ้าของซ่องก็ได้ความว่าท่านต้องการพบคนชื่อผกาแต่ไม่ใช่ผกาคนนี้

ตกเย็นบุปผาไปเยี่ยมนายสินตามปกติ แล้วจาระไนเรื่องที่ได้ยินคุณหญิงมณีกับสร้อยคุยกันว่าวางยาท่านนายพลจนเป็นหมันซึ่งเธอต้องหาทางบอกท่านให้ได้

“ส่วนแก...ถ้าออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ ฉันก็คงมีโอกาสพบหมอไอศูรย์ได้ยาก”

พูดแล้วบุปผาคิดบางอย่างได้ หยิบเหยือกน้ำมาเทราดรดเสื้อผ้าสินจนเปียกชุ่มก่อนเอาผ้าห่มห่มให้แล้วเร่งความแรงของพัดลมเข้าใส่

“ฉันทำแบบนี้ทำไมรู้ไหม...แกจะได้เป็นหวัดไง ถ้าเป็นปอดบวมเลยก็ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้แกต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีก แล้วฉันก็จะได้หาเหตุมาหาหมอไอศูรย์ได้ยังไงล่ะ อดทนหน่อยนะจ๊ะพี่สินจ๋า...อย่าเพิ่งใจเสาะตายไปเสียก่อนล่ะ ฉันอยากให้พี่มีชีวิตอยู่จนถึงวันที่พี่มีน้องเขยเป็นหมอชื่อไอศูรย์น่ะ”

บุปผาแสยะยิ้มร้ายกาจ สินส่งเสียงในลำคอ อึดอัดคับแค้นใจในการกระทำของบุปผาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากอันตราย

ooooooo

อิ่มถูกบุปผาผลักล้มศีรษะกระแทกพื้น พอฟื้นขึ้นมาหลังจากหมอเยียวยารักษากลับกลายเป็นเรื่องดี อิ่มจำชื่อตัวเองได้และจำได้ด้วยว่ามีน้องสาวชื่ออุ่นและมีหลานอีกคนแต่พลัดพรากจากกันตั้งแต่แบเบาะ

ไอศูรย์กับปรีชาช่วยกันซักถามด้วยความดีใจ แต่จู่ๆอิ่มปวดศีรษะอย่างมาก สองคุณหมอเลยต้องยุติก่อน ให้แกพักผ่อนทำใจให้สบาย

หลังจากนั้นปรีชากับไอศูรย์ออกจากห้องอิ่ม เดินคุยกันมาด้วยรอยยิ้ม “ท่าทางเราจะมีความหวังแล้วละต้น ป้ารุ่ง...เอ๊ย...ป้าอิ่มท่าทางจะเริ่มจำความได้บ้างแล้ว”

“แล้วพี่หมอว่าความทรงจำของป้าอิ่มจะกลับคืนมาทั้งหมดได้ไหมครับ”

“ยังคาดไม่ได้ แต่เราต้องไม่คาดคั้นให้แกคิด เพราะอาจทำให้แกคิดมากจนสมองสับสน แล้วเลยแยกไม่ออกว่าอะไรคือความทรงจำที่แท้จริงกับจินตนาการ”

ไอศูรย์พยักหน้ารับ ปรีชาเดินแยกไปอีกทาง ส่วนบุปผาที่จับจ้องมองอยู่รีบเดินมาหาไอศูรย์ บอกเขาว่าเธอมาเยี่ยมพี่ชายและจะแวะเยี่ยมป้ารุ่งด้วย

“ต่อไปบุปผาจะเรียกป้ารุ่งไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกป้าอิ่ม” บุปผาฟังแล้วนิ่วหน้างงๆ ไอศูรย์เลยอธิบายต่อ “ป้ารุ่งของบุปผาน่ะเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้วนะ แกจำได้แล้วว่าแกชื่ออิ่ม แล้วนี่ถ้าโชคดีกว่านี้แกก็อาจจะจำความทั้งหมดได้ แล้วฉันก็จะได้ตามหาญาติแกได้สักที...อ้าว บุปผาร้องไห้ทำไม”

“บุปผาดีใจค่ะที่ป้าอิ่มอาการดีขึ้น ถึงจะยังไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็มีความหวังไม่ใช่หรือคะหมอ”

บุปผาแสร้งบีบน้ำตาสีหน้าปลาบปลื้มใจ ไอศูรย์ยิ้มเอ็นดู หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้เธอเช็ดน้ำตาเสร็จแล้วเจ้าหล่อนได้ทีเอ่ยขึ้นว่า

“บุปผาทำผ้าเช็ดหน้าหมอเลอะเทอะหมดแล้วค่ะ บุปผาจะเอากลับไปซักให้หมอนะคะ แล้วบุปผาจะรีบเอามาคืนให้วันหลัง”

“ช่างเถอะ บุปผาเก็บเอาไว้ใช้เลยก็ได้ อย่ากังวลไปเลย”

บุปผาส่งยิ้มหวาน แต่เขาไม่ได้ยิ้มตอบแถมยังเอ่ยปากขอตัวแล้วเดินลิ่วไปเลย บุปผาเจ็บใจที่ไม่ได้ใจหมอหนุ่มเสียที เดินสะบัดสะโบกออกไปหน้าโรงพยาบาลและเกือบโดนกำพลจับตัวได้ถ้าเธอไม่ตาไววิ่งหนีมาเสียก่อน

ooooooo

เพชรรุกหนักเพื่อเอาชนะใจมัทนาทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นกับไอศูรย์อยู่แล้ว...เพชรส่งของขวัญมาให้มัทนาที่บ้านแต่ถูกเธอส่งกลับคืนพร้อมข้อความขอบคุณจากน้องสาว...ถือเป็นการตอกย้ำว่าเธอรู้สึกกับเขาได้เท่านั้นจริงๆ

บุปผากลับมาถึงบ้านเห็นท่านนายพลอยู่คนเดียว เกิดความคิดจะบอกเรื่องที่คุณหญิงวางยาเขาจนเป็นหมัน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงจึงเอาน้ำมะตูมเข้ามาให้แล้วทำทีพูดเรื่องลูก ระหว่างนี้เองคุณหญิงมณีเข้ามาขัดจังหวะ บุปผาเลยต้องผละไป ส่วนคุณหญิงยังติดใจสงสัย ถามสามีว่าคุยอะไรกัน

“บุปผาเขาเอาน้ำมะตูมเย็นขึ้นมาให้ แล้วก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระน่ะคุณ”

คุณหญิงมณีไม่ไว้ใจบุปผา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าบุปผาได้ยินเรื่องที่ตนคุยกับสร้อยเมื่อวานแล้วปากโป้งบอก ท่านนายพลจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคุณหญิงจึงเปลี่ยนใจไม่ให้สร้อยติดตามไปเชียงใหม่แต่จะเอาสวิงไปแทน เพราะต้องการให้สร้อยอยู่ทางนี้เพื่อสอดส่องจับตาดูบุปผาเอาไว้

เย็นวันเดียวกัน ไอศูรย์นัดมัทนากินไอศกรีมและบอกเล่าเรื่องป้าอิ่มจำความได้แล้ว มัทนายินดีและชื่นชมบุปผายกใหญ่ พลันสายตาเหลือบไปเห็นพลอยเดินอยู่นอกร้าน จึงขออนุญาตออกมาชวนเพื่อนรัก แต่กลายเป็นว่าพลอยพูดจาไม่ดีนัก ก่อนสะบัดพรืดจากไปทิ้งให้มัทนายืนอึ้งหน้าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อมัทนากลับเข้ามาในร้าน ไอศูรย์สังเกตสีหน้าเธอก็พอจะเดาคำตอบได้

“น้องพลอยไม่เข้ามาทานด้วยกันกับเราเหรอครับน้องมัท”

มัทนาพยักหน้าแทนคำตอบ ไอศูรย์เข้าใจความ รู้สึกจึงตัดบทอย่างนุ่มนวลว่า

“ช่างเถอะครับ เขาไม่มาก็ไม่มา”

หมอหนุ่มมองว่าที่คู่หมั้นด้วยแววตาปลอบโยน มัทนายิ้มขอบคุณ ส่วนพลอยยังยืนแอบมองทั้งคู่อยู่นอกร้าน สีหน้าและแววตาของเธอมุ่งมั่นจะเอาชนะมัทนาให้จงได้!

เมื่อกลับถึงบ้าน พลอยยังอยู่ในอาการเซ็งๆ เฝ้ารอการกลับมาของพี่ชายด้วยใจจดจ่อ พอเขามาถึงเธอก็ปรี่เข้าใส่ พูดอย่างมีอารมณ์ว่า

“พี่เพชร วันนี้พลอยไปเจอยายมัทกินไอศกรีมกับพี่ต้นด้วย ไหนพี่เพชรตกลงกับพลอยว่าเราจะร่วมมือกันทำให้สองคนนั้นไม่ได้หมั้นกันไงคะ”

“ทำไมพี่จะไม่ได้ทำอะไร พี่ก็พยายามเอาชนะใจน้องมัทอยู่”

“พี่เพชรทำอะไรคะ”

เพชรเล่าเรื่องส่งของขวัญไปให้มัทนาแต่ถูกเธอส่งกลับคืนมาพร้อมข้อความที่ทำให้เขาแทบหมดหวัง

“น้องมัทใจแข็งเหลือเกิน” พูดแล้วเพชรก็ถอนหายใจหนักๆ

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะพี่เพชร นี่เราสองคนจะไม่มีความหวังกันเลยหรือไงคะ”

“ไม่! พี่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก พี่จะต้องชนะพี่ต้นให้ได้ คนที่จะได้แต่งงานกับน้องมัทต้องเป็นพี่ ไม่ใช่พี่ต้น”

พี่ชายสีหน้ามุ่งมั่นมาก น้องสาวเลยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...

ooooooo

ค่ำนั้นเอง พยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นมาตามหมอไอศูรย์ไปดูนายสินที่ไข้ขึ้นสูงจนชักเกร็งไปทั้งตัว และเกือบกัดลิ้นตัวเองถ้าหมอไม่ตัดสินใจสละหลังมือของเขาให้กัดแทน...

ไอศูรย์แปลกใจมากทำไมอยู่ดีๆนายสินถึงจับไข้และปอดบวมขึ้นมาได้ ทั้งที่เมื่อกลางวันก็ไม่มีวี่แวว และเมื่อเขาไปส่งข่าวที่บ้านเทพบริบาล บุปผาสาสมใจแต่แสร้งร่ำไห้คร่ำครวญสงสารพี่ชายทำไมถึงเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ มัทนาเห็นแล้วสงสาร ปลุกปลอบให้ใจเย็น ยังไงตอนนี้นายสินก็อาการคงที่แล้ว คงไม่มีอะไรร้ายแรง

คุณหญิงมณีมองมือไอศูรย์ที่พันแผลไว้หลังจากถูกนายสินกัดจนเลือดซิบ ก่อนเปรยขึ้นว่าพ่อต้นของป้าเลยต้องมาเจ็บตัวไปด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”

“แล้วอย่างนี้พี่สินก็ต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไปอีกใช่ไหมคะ” บุปผาถามหน้าเศร้า

“ก็จนกว่าฉันจะแน่ใจว่านายสินปลอดภัย และแข็งแรงพอที่จะพากลับมาดูแลต่อที่บ้านได้น่ะ”

บุปผาสะอื้นและพนมมือฝากฝังหมอไอศูรย์ดูแลนายสิน ยิ่งเพิ่มความเวทนาจนมัทนาต้องเข้ามากอดให้กำลังใจเธอ...หลังจากเล่นละครตบตาใครต่อใครจนได้ คะแนนสงสารมามากโข บุปผาเดินยิ้มร่ากลับเข้าห้องพัก พูดพึมพำขอบใจนายสินที่ยื้อเวลาให้เธอมีโอกาสพบกับหมอไอศูรย์ต่อไปได้อีก...

กลางดึกคืนเดียวกัน คุณหญิงมณีฝันร้ายว่านายพลเทพล่วงรู้ว่าเธอวางยาเขาให้เป็นหมันแล้วเกิดทะเลาะกันใหญ่โตจนเขาตบหน้าเธอด้วยความโมโห พอเธอทุบตีเอาคืนกลับถูกเขาปัดป้องและเป็นเหตุให้เธอพลัดตกบันไดลงมา

เมื่อรู้ว่าทุกอย่างแค่ความฝัน แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังตื่นตระหนกไม่หาย ส่วนนายพลเทพไม่รู้ว่าภรรยาฝันร้ายอะไร แต่ก็ปลอบโยนจนรู้สึกผ่อนคลาย...

เช้าขึ้นคุณหญิงมณีออกเดินทางพร้อมมัทนาและสวิงเพื่อไปเชียงใหม่ตามที่นัดหมายกับคุณหญิงแจ่มจันทร์และไอศูรย์ไว้ โดยให้สร้อยคอยดูแลทางบ้าน ที่สำคัญต้องจับตาบุปผาอย่าให้เข้าใกล้ท่านนายพล

บุปผาอยากบอกความจริงท่านนายพลเรื่องโดนวางยาแต่ไม่มีโอกาสสักที สร้อยคอยกีดกันให้อยู่แต่ในครัว จนเมื่อสร้อยยกอาหารขึ้นไปบนเรือน บุปผาจึงลอบเข้ามาในห้องสร้อยเพื่อค้นหาขวดยาไว้เป็นหลักฐาน แต่ เพราะสร้อยระวังตัวแจอยู่แล้วจึงเก็บขวดยานั้นไว้กับตัวตลอดเวลา...

สายวันนี้เอง แสงมาขอพบสร้อยที่นอกรั้วบ้าน เขาไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ว่าท่านนายพลอยู่ข้างใน

“ไม่เข้าไปน่ะดีแล้ว แกเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ไปอยู่ไหน”


“ฉันไปเช่าห้องอยู่ที่ท้ายตลาดน่ะ แถวนั้นคนมันเยอะดี  คงจะมีลู่ทางหางานทำได้ง่ายหน่อยน่ะแม่ แต่ที่ฉันมานี่ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับแม่ เรื่องท่านนายพล”

“ท่านนายพลทำไม”

“ฉันบังเอิญไปพบท่านนายพลที่ซ่องแห่งหนึ่ง แต่ท่านไม่ได้ไปเที่ยวหรอก ท่านไปหาคนคนหนึ่งชื่อผกา แต่แม่ผกาที่อยู่ที่ซ่องนั่นน่ะเป็นคนละคนกับที่ท่านตามหา”

“แล้วแกรู้ไหมว่าท่านจะตามหาแม่ผกาอะไรนี่ทำไม”

“ไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าผกาที่ท่านนายพลกำลังตามหาอยู่น่ะ อยู่ที่ไหน”

สร้อยตาพองก๋าอย่างสนใจใคร่รู้...แล้วหลังจากนั้นไม่นานสองแม่ลูกก็พากันมุ่งหน้าไปยังหอโคมแดง เป็นเวลาที่ผกากำลังหลบหลีกมุกเพื่อออกไปพบบุปผาตามนัด ครั้นรอดจากมุกมาได้ กลับต้องมาเจอสร้อยที่ท่าทางดุดันน่ากลัว เลยนึกว่าเธอเป็นพวกเมียหลวงจะมาตามราวีเหมือนเมื่อวันก่อน จึงเกิดการต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผกาจะผลักสร้อยล้มคว่ำแล้ววิ่งหนีหายไป โดยที่แสงก็ตามไม่ทัน

บุปผากระวนกระวายเพราะผกามาเกินเวลานัด ผกาไม่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ถามบุปผาว่ามีธุระสำคัญอะไรถึงต้องนัดแม่ออกมาเจอ

“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจน่ะแม่ คือว่าฉันบังเอิญไปรู้มาว่านังคุณหญิงมันแอบวางยาให้ท่านเจ้าคุณเป็นหมัน”

“โธ่...แม่ก็นึกว่าแกมีเรื่องอะไรร้ายแรง บางทีคุณหญิงเธออาจกลัวว่าท่านนายพลจะไปไข่ทิ้งเรี่ยราดไว้ที่ไหน ที่จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อนในภายหลังได้น่ะสิ เธอถึงต้องวางยาท่านนายพลให้เป็นหมันน่ะ”

“แต่แม่ก็รู้ ไอ้ยาพวกนี้ถ้ากินเข้าไปมากๆมันอาจจะไม่ได้แค่เป็นหมันน่ะสิ ฉันเป็นห่วงท่านนายพลน่ะ ท่านเมตตาฉันมากนะแม่ ฉันรักแล้วก็เคารพท่านเหมือนพ่อคนหนึ่งเลย”

“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่นเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ นี่นังคุณหนูของแกขึ้นไปหาแม่หมอเพื่อดูฤกษ์หมั้นที่เชียงใหม่วันนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดได้ฤกษ์หมั้นวันนี้พรุ่งนี้ขึ้นมาละก็ ไอ้ที่แกลงทุนลงแรงไปมันก็สูญเปล่าทั้งหมดนะ แกจะทำอะไรก็รีบทำเสียเถอะ แต่พอแกได้ดีมีสุขแล้วก็อย่าลืมแม่ซะล่ะ แม่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่เต็มทีแล้ว...แม่ไม่อยากถูกพวกเมียหลวงตามมาราวีอีกแล้ว”

บุปผาคิดตามที่ผกาพูด แล้วตัดสินใจไปหาตาเถาในตอนเย็น พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเธอต้องการทำยาเสน่ห์ ตาเถารู้ว่าบุปผามีอาชีพอะไรเลยเดาว่าเธออยากทำเพื่อเรียกแขก

“เปล่า ฉันเลิกขายตัวแล้ว ฉันอยากได้ไว้เรียกแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้น พ่อหมอทำให้ฉันได้มั้ยล่ะ”

“ได้...แต่แพงนะ”

“เท่าไหร่ล่ะ”

“ห้าพัน”

บุปผานิ่งไปนิดก่อนตอบตกลงโดยไม่ต่อรองสักบาท แต่อยากรู้ว่าเธอต้องทำยังไงบ้าง

“เอ็งเอาของใช้ของไอ้ผู้ชายคนที่เอ็งต้องการจะทำเสน่ห์มันกับของใช้ส่วนตัวของเอ็งมาอย่างละชิ้น แล้วห้าทุ่มเอ็งกลับมาพบข้าที่นี่ แล้วข้าจะทำเสน่ห์ให้”

“ได้จ้ะ งั้นฉันลาละ ก่อนห้าทุ่มฉันจะมาใหม่” บุปผาเดินตัวปลิวลงเรือนไปแล้ว นายถิ่นแอบมองเธออย่างหลงใหลค่อยๆเยี่ยมหน้าออกมาเปรยกับพี่ชาย

“สวยออกอย่างนี้มันยังต้องทำเสน่ห์อีกเหรอพี่เถา”

“ถึงจะสวยแต่ใจคอมันร้ายนัก ผู้ชายถึงได้ไม่ชายตาแลจนมันต้องวิ่งมาให้ข้าทำยาเสน่ห์ให้มันถึงที่นี่ เรียกแพงเท่าไหร่มันก็ไม่ต่อราคาข้าเลยสักคำ ข้าเลยโขกมันเสียเจ็บเลย”

ตาเถาหัวเราะชอบใจ แต่แล้วหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงตึงตังหลังบ้าน สองพี่น้องวิ่งไปอย่างนึกได้ เห็นไอ้หลงเมายาถือมีดพร้าฟาดฟันข้าวของหล่นแตกกระจาย และกว่าจะสยบมันได้ก็เล่นเอาหอบแฮก ถิ่นเลยบ่นพี่ชายว่าทดลองยากับไอ้หลงมากเกินไป...

ooooooo

ที่เชียงใหม่ คณะของคุณหญิงมณีเดินทางถึงบ้านคุณชไมโดยสวัสดิภาพ...สองฝ่ายทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่คุณชไมจะให้พวกเขาไปพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำพิธีแก้ดวงชะตาของมัทนา

ส่วนที่พระนคร บุปผาเพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากโกหกสร้อยเอาไว้ว่าไปเยี่ยมนายสินที่โรงพยาบาล แต่แท้จริงแล้วเธอแอบไปนัดแนะตาเถาเพื่อทำเสน่ห์
เมื่อโดนสร้อยดุด่าเข้าให้อีกที่กลับมาเสียมืด บุปผาอยากจะกระโดดถีบสักเปรี้ยงแต่ก็ทำไม่ได้...ได้แต่กลับมาก่นด่าในห้องอย่างแค้นเคือง

“คอยดูเถอะอีสร้อย ฉันได้ตบแต่งเป็นเมียหมอไอศูรย์เมื่อไหร่ละก็ ฉันจะให้แกยกมือกราบฉันเมื่อนั้นแหละอีบ้า!”

ครั้นได้เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ บุปผาแอบออกจากบ้านพร้อมผ้าเช็ดหน้าของไอศูรย์มุ่งตรงไปบ้านตาเถา...แล้วไม่ว่าแกจะให้ทำอะไร เธอก็ทำอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้เลยว่านายถิ่นแอบมองมาด้วยสายตาโลมเลีย

วิธีการทำเสน่ห์ของตาเถาเป็นไปอย่างราบรื่นและใช้เวลาไม่มาก ที่สุดก็ได้หุ่นสองตัวแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของไอศูรย์กับชายผ้าถุงของบุปผามัดประกบกันไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นบริกรรมคาถาอีกนิดหน่อยก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ตาเถาส่งหุ่นคู่นั้นให้บุปผาและกำชับว่า “เอ็งเอาหุ่นเสน่ห์นี่ไปใส่ไว้ใต้ที่นอนของไอ้ผู้ชายที่เอ็งคิดจะเอาเป็นผัว แต่ห้ามให้ใครเห็นนะ แล้วพอผู้ชายมันนอนบนที่นอนที่มีหุ่นเสน่ห์นี่อยู่ข้างใต้ มันก็จะต้องมนต์ดำหลงรักเอ็งหัวปักหัวปํา ตราบใดที่หุ่นเสน่ห์สองตัวยังอยู่ในลักษณะนี้ ผู้ชายคนนี้ก็จะรักจะหลงเอ็งตลอดไป”

บุปผาตื่นเต้นแทบระงับอาการไม่อยู่...รับหุ่นเสน่ห์นั้นมาอย่างมีความหวัง


เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน1 ช่อง7
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน2 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน3 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน4 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน5 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวา