ตอนที่ 3
ดร.วิทยา เล่าเรื่องทับทิมสยามให้อินทร์กับเสือสนธิ์ฟัง และว่า ดร.ฟอร์ดจะใช้พลังของทับทิมสยามแปลงเป็นระเบิดแบบใหม่ที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณูหลายเท่า แม้ยังไม่ค่อยเชื่อ อินทร์ถามว่าต้องการให้พวกเขาช่วยอะไร ดร.วิทยารีบบอกว่า อยากให้ช่วยชิงทับทิมทั้งสามก้อนไม่ให้ตกในมือ ดร.ฟอร์ด เพื่อจะได้ไม่มีการทดลองระเบิดบ้าๆนั่น
“ดร.มีข้อมูลไหมว่า ไอ้ทับทิมทั้งสามก้อนมันอยู่ที่ไหนกันบ้าง” เสือสนธิ์ถาม
“เท่าที่รู้ตอนนี้ ทับทิมสีชมพูอยู่กับนาตาชา ลูกสาวดร.ฟอร์ด ทับทิมสีม่วง ผมเชื่อว่าต้องอยู่ในสุสานช้าง เพราะสายของผมรายงานมาว่า ดร.ฟอร์ดกับลูกชายของมันกำลังค้นหาอยู่ ส่วนทับทิมสีแดง ข้อมูลล่าสุดอยู่กับผู้ชายที่ชื่อ
หนานคำ” ฮวงหยิบรูปถ่ายหนานคำให้ทั้งสองดู...
ในขณะที่หนานคำกำลังคุยอยู่กับนั้ม นักข่าวภูธรในร้านค้าแถวต่างจังหวัด โดยมีลูกน้องจันตา จันเป็ง และคำปัน ยืนสอดส่องคุ้มกัน หนานคำขอให้ช่วยติดต่อนาตาชา เพื่อจะขายทับทิมสยามสีแดงและเสนอให้ค่านายหน้า 30% นั้มว่าไม่มีปัญหา แต่เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าทับทิมไม่ใช่ของปลอม หนานคำว่าเขาไม่กล้าหลอกพวกฝรั่งหรอก นั้มจึงถามไปได้มาอย่างไร
หนานคำอึกอักกว่าจะยอมเล่าว่า “คือว่า ไอ้ทับทิมที่ผมได้มาน่ะ เดิมมันเป็นของเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง”
“เจ้าจันทร์ทิพย์ ที่เป็นหลานเจ้าพวงจันทร์ เชื้อสายเจ้าเชียงรุ้งใช่มั้ย” นั้มพอรู้มาบ้าง
“นั่นแหละ ตอนที่ผมหนุ่มๆผมเข้าไปทำงานรับใช้ที่คุ้มเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง ตอนนั้น ม่านฟ้าอายุ 7 ขวบ มีบัวชุมเป็นพี่เลี้ยง”
หนานคำเล่าถึงอดีต เจ้าจันทร์ทิพย์มักจะไปไหว้พระธาตุทุกปีและจะนำทับทิมสีแดงติดตัวไปด้วย “เดิมทับทิมสีแดงประดับอยู่บนมงกุฎของเจ้าเชียงรุ้ง ไม่ทราบด้วยเหตุอันใด มงกุฎหายไปเหลือแต่ทับทิม ผมวางแผนที่จะชิงทับทิม เพราะรู้มาว่าทับทิมสยามมีค่ามาก”
ขณะที่รถแล่นขึ้นเขา สักพักก็กระตุก หนานคำเลี้ยวเข้าข้างทางลึกๆเจ้าจันทร์ทิพย์ทักว่าทำไมต้องเข้ามาลึกขนาดนี้ หนานคำอ้างว่าเกรงรถบรรทุกเสยเอา ม่านฟ้าปวดท้องให้บัวชุมพาเข้าไปหาที่ปลดทุกข์ แพรตองเกรงจะโดนแมลงกัดต่อยจึงให้บัวชุมถือกระเป๋ายาไปด้วย ระหว่างยืนรอม่านฟ้า ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ม่านฟ้าสะดุ้งวิ่งมากอดบัวชุม ทั้งสองย่องกลับมาที่รถ เห็นแพรตองโดนยิงบาดเจ็บ และเจ้าจันทร์ทิพย์กำลังต่อสู้กับหนานคำ และหนานคำก็ยิงเจ้าจันทร์ทิพย์ล้มลง ชิงทับทิมมาได้ แพรตองกระเสือกกระสนมาหาเจ้าจันทร์ทิพย์ จึงโดนยิงอีกนัดแน่นิ่งไป ม่านฟ้าจะร้องกรี๊ด บัวชุมเอามืออุดปากไว้ทัน หลังจากนั้น หนานคำก็เอาศพทั้งสองคนใส่รถแล้วปล่อยให้รถแล่นตกเขาไป กลับมาตามหาม่านฟ้ากับบัวชุมแต่ไม่เจอ
นั้มฟังแล้วทึ่ง “หนานคำทำแนบเนียนมาก ความโลภมันทำให้คนทำได้ทุกอย่าง”
“ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะคิดว่ารถของเจ้าตกเขาไฟคลอกตายทั้งครอบครัว เรื่องทับทิมสยามก็ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว”
“มิน่าล่ะ แกถึงได้รอดคดีมาเป็นสิบปี”
“ผมซ่อนทับทิมสยามเอาไว้ยังไม่รีบขายให้ใคร ก็เพราะอยากให้ทุกคนลืม จนมาเห็นแหม่มที่ประกาศหาซื้อทับทิมสยามสีแดงในทีวีนี่แหละ”
นั้มถามว่าเก็บไว้ที่ไหน หนานคำอึกอักก่อนจะยอมบอกว่าเก็บไว้ที่บ้าน นั้มจึงบอกว่าติดต่อแหม่มได้เขาจะไปบอกที่บ้าน หนานคำกับลูกน้องกลับไป นั้มโทร.บอกอินทร์ว่าเรื่องที่ให้สืบ ทับทิมสีแดงอยู่กับหนานคำที่บ้าน อินทร์จะส่งคนมาให้นั้มรอรับด้วย จากนั้นนั้มก็โทร.บอกฮวงอีกคน ฮวงมาพบกับนั้ม ทั้งสองตามจันตา จันเป็งและคำปันไปเที่ยวบาร์ในเมือง นั้มชี้บอกฮวงว่าสามคนนี้เป็นลูกน้องหนานคำ สามคนดื่มเหล้าคุยกันเฮฮา ฉลองที่จะได้เงินแสน
“โห...ถ้าพวกเราได้เป็นแสน แล้วพี่หนานคำจะได้เท่าไหร่” คำปันถามขึ้น
บัวชุมกับม่านฟ้าแอบฟังทั้งสามคุยกัน...อีกฟากฮวงนั่งมองสามคน คำปันสังเกตเห็นชี้ให้พวกดูว่าไอ้คนนั้นตามมาตั้งแต่ก่อนเข้าบาร์ พวกคำปันลุกจากโต๊ะมาหาเรื่องฮวงทันที เกิดการต่อสู้กันอย่างเมามัน บัวชุมจะพาม่านฟ้าหนีแต่เธอไม่ยอมไป จะรอตามสามคนกลับ เพราะเชื่อว่าต้องพบหนานคำแน่ ม่านฟ้าใช้วิธีร้องตะโกนว่าตำรวจมาๆได้ผลวงแตกหนีกันกระเจิง
เป็นอย่างที่คาด ม่านฟ้ากับบัวชุมตามสามคนมาจนถึงบ้านหนานคำ บัวชุมเห็นจำได้ว่าใช่หนานคำจริงๆม่านฟ้าจึงแอบย่องขึ้นบ้านไปค้นหาทับทิมสีแดง ขณะที่หนานคำกำลังเอ็ดตะโรกับลูกน้องที่ไปก่อเรื่องกันมาจนสะบักสะบอมแบบนี้ และเกรงว่าพวกนั้นจะตามมาขโมยทับทิมของตน จึงสั่งให้ทั้งสามอยู่ยามรอบๆบ้าน
ม่านฟ้ากับบัวชุมรื้อค้นจนพบทับทิมสีแดง แต่หนานคำกับเมียเข้ามาเจอพอดี หนานคำจำบัวชุมได้ จึงเดาว่าอีกคนต้องเป็นม่านฟ้า เกิดการยื้อแย่งทับทิมกัน จันตา จันเป็งและคำปันได้ยินเสียง ไม่ทันจะขึ้นไปดู รถ ดร.วิทยาแล่นเข้ามา ฮวงและลูกน้องลงมาจากรถ จันเป็งกับพวกคิดว่าตามมาเอาเรื่อง จึงตะลุมบอนกันอีก...บนบ้าน บัวชุมถูกหนานคำฟาดหัวเลือดอาบ ม่านฟ้าเข้ามาช่วยจึงโดนหนานคำชิงทับทิมคืนไปได้ แล้ววิ่งหนีลงจากบ้านพร้อมกับเมีย ออกมาเห็นจันตา จันเป็ง และคำปันถูกพวกฮวงยิง สองผัวเมียชะงักยืนงง ดร.วิทยาลงจากรถมา ชักปืนยิงใส่หนานคำกับเมียตายคาที่ แล้วหยิบทับทิมสีแดงไป ม่านฟ้ากับบัวชุมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ม่านฟ้าจะไปแย่งทับทิมคืนมาเพราะอุตส่าห์ตามหามาเป็นสิบปี แต่บัวชุมรั้งไว้ ด้วยความรีบร้อนจึงชนของหล่น ดร.วิทยาได้ยินสั่งฮวงขึ้นไปดู สองคนซ่อนตัวมิดชิด ฮวงไม่เห็นจึงพากันกลับไป
ม่านฟ้าเสียใจมาก บัวชุมปลอบจะสืบหาที่อยู่ ดร.วิทยา คนนี้มาให้ได้ ม่านฟ้าสาบานจะตามล่าจนถึงที่สุด...
ได้ทับทิมแล้ว ดร.วิทยานำกลับมาให้อินทร์กับเสือสนธิ์ดู และขอบคุณถ้าไม่ได้คนของเสือสนธิ์ช่วย ตนคงทำงานไม่สะดวกแบบนี้ ทั้งอินทร์กับเสือสนธิ์ตะลึงกับความงามของทับทิม แล้วลองถามว่าถ้าขายจะได้ราคาสักเท่าไหร่ ดร.วิทยาตอบว่า เหยียบร้อยล้าน
“ถึงราคาจะสูงขนาดนี้ แต่ถ้าเอามาเทียบกับชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้หรอกครับ” ดร.วิทยาสร้างภาพเป็นคนดี
“ดร.มีข้อมูลไหมว่า ไอ้ทับทิมทั้งสามก้อนมันอยู่ที่ไหนกันบ้าง” เสือสนธิ์ถาม
“เท่าที่รู้ตอนนี้ ทับทิมสีชมพูอยู่กับนาตาชา ลูกสาวดร.ฟอร์ด ทับทิมสีม่วง ผมเชื่อว่าต้องอยู่ในสุสานช้าง เพราะสายของผมรายงานมาว่า ดร.ฟอร์ดกับลูกชายของมันกำลังค้นหาอยู่ ส่วนทับทิมสีแดง ข้อมูลล่าสุดอยู่กับผู้ชายที่ชื่อ
หนานคำ” ฮวงหยิบรูปถ่ายหนานคำให้ทั้งสองดู...
ในขณะที่หนานคำกำลังคุยอยู่กับนั้ม นักข่าวภูธรในร้านค้าแถวต่างจังหวัด โดยมีลูกน้องจันตา จันเป็ง และคำปัน ยืนสอดส่องคุ้มกัน หนานคำขอให้ช่วยติดต่อนาตาชา เพื่อจะขายทับทิมสยามสีแดงและเสนอให้ค่านายหน้า 30% นั้มว่าไม่มีปัญหา แต่เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าทับทิมไม่ใช่ของปลอม หนานคำว่าเขาไม่กล้าหลอกพวกฝรั่งหรอก นั้มจึงถามไปได้มาอย่างไร
หนานคำอึกอักกว่าจะยอมเล่าว่า “คือว่า ไอ้ทับทิมที่ผมได้มาน่ะ เดิมมันเป็นของเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง”
“เจ้าจันทร์ทิพย์ ที่เป็นหลานเจ้าพวงจันทร์ เชื้อสายเจ้าเชียงรุ้งใช่มั้ย” นั้มพอรู้มาบ้าง
“นั่นแหละ ตอนที่ผมหนุ่มๆผมเข้าไปทำงานรับใช้ที่คุ้มเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง ตอนนั้น ม่านฟ้าอายุ 7 ขวบ มีบัวชุมเป็นพี่เลี้ยง”
หนานคำเล่าถึงอดีต เจ้าจันทร์ทิพย์มักจะไปไหว้พระธาตุทุกปีและจะนำทับทิมสีแดงติดตัวไปด้วย “เดิมทับทิมสีแดงประดับอยู่บนมงกุฎของเจ้าเชียงรุ้ง ไม่ทราบด้วยเหตุอันใด มงกุฎหายไปเหลือแต่ทับทิม ผมวางแผนที่จะชิงทับทิม เพราะรู้มาว่าทับทิมสยามมีค่ามาก”
ขณะที่รถแล่นขึ้นเขา สักพักก็กระตุก หนานคำเลี้ยวเข้าข้างทางลึกๆเจ้าจันทร์ทิพย์ทักว่าทำไมต้องเข้ามาลึกขนาดนี้ หนานคำอ้างว่าเกรงรถบรรทุกเสยเอา ม่านฟ้าปวดท้องให้บัวชุมพาเข้าไปหาที่ปลดทุกข์ แพรตองเกรงจะโดนแมลงกัดต่อยจึงให้บัวชุมถือกระเป๋ายาไปด้วย ระหว่างยืนรอม่านฟ้า ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ม่านฟ้าสะดุ้งวิ่งมากอดบัวชุม ทั้งสองย่องกลับมาที่รถ เห็นแพรตองโดนยิงบาดเจ็บ และเจ้าจันทร์ทิพย์กำลังต่อสู้กับหนานคำ และหนานคำก็ยิงเจ้าจันทร์ทิพย์ล้มลง ชิงทับทิมมาได้ แพรตองกระเสือกกระสนมาหาเจ้าจันทร์ทิพย์ จึงโดนยิงอีกนัดแน่นิ่งไป ม่านฟ้าจะร้องกรี๊ด บัวชุมเอามืออุดปากไว้ทัน หลังจากนั้น หนานคำก็เอาศพทั้งสองคนใส่รถแล้วปล่อยให้รถแล่นตกเขาไป กลับมาตามหาม่านฟ้ากับบัวชุมแต่ไม่เจอ
นั้มฟังแล้วทึ่ง “หนานคำทำแนบเนียนมาก ความโลภมันทำให้คนทำได้ทุกอย่าง”
“ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะคิดว่ารถของเจ้าตกเขาไฟคลอกตายทั้งครอบครัว เรื่องทับทิมสยามก็ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว”
“มิน่าล่ะ แกถึงได้รอดคดีมาเป็นสิบปี”
“ผมซ่อนทับทิมสยามเอาไว้ยังไม่รีบขายให้ใคร ก็เพราะอยากให้ทุกคนลืม จนมาเห็นแหม่มที่ประกาศหาซื้อทับทิมสยามสีแดงในทีวีนี่แหละ”
นั้มถามว่าเก็บไว้ที่ไหน หนานคำอึกอักก่อนจะยอมบอกว่าเก็บไว้ที่บ้าน นั้มจึงบอกว่าติดต่อแหม่มได้เขาจะไปบอกที่บ้าน หนานคำกับลูกน้องกลับไป นั้มโทร.บอกอินทร์ว่าเรื่องที่ให้สืบ ทับทิมสีแดงอยู่กับหนานคำที่บ้าน อินทร์จะส่งคนมาให้นั้มรอรับด้วย จากนั้นนั้มก็โทร.บอกฮวงอีกคน ฮวงมาพบกับนั้ม ทั้งสองตามจันตา จันเป็งและคำปันไปเที่ยวบาร์ในเมือง นั้มชี้บอกฮวงว่าสามคนนี้เป็นลูกน้องหนานคำ สามคนดื่มเหล้าคุยกันเฮฮา ฉลองที่จะได้เงินแสน
“โห...ถ้าพวกเราได้เป็นแสน แล้วพี่หนานคำจะได้เท่าไหร่” คำปันถามขึ้น
บัวชุมกับม่านฟ้าแอบฟังทั้งสามคุยกัน...อีกฟากฮวงนั่งมองสามคน คำปันสังเกตเห็นชี้ให้พวกดูว่าไอ้คนนั้นตามมาตั้งแต่ก่อนเข้าบาร์ พวกคำปันลุกจากโต๊ะมาหาเรื่องฮวงทันที เกิดการต่อสู้กันอย่างเมามัน บัวชุมจะพาม่านฟ้าหนีแต่เธอไม่ยอมไป จะรอตามสามคนกลับ เพราะเชื่อว่าต้องพบหนานคำแน่ ม่านฟ้าใช้วิธีร้องตะโกนว่าตำรวจมาๆได้ผลวงแตกหนีกันกระเจิง
เป็นอย่างที่คาด ม่านฟ้ากับบัวชุมตามสามคนมาจนถึงบ้านหนานคำ บัวชุมเห็นจำได้ว่าใช่หนานคำจริงๆม่านฟ้าจึงแอบย่องขึ้นบ้านไปค้นหาทับทิมสีแดง ขณะที่หนานคำกำลังเอ็ดตะโรกับลูกน้องที่ไปก่อเรื่องกันมาจนสะบักสะบอมแบบนี้ และเกรงว่าพวกนั้นจะตามมาขโมยทับทิมของตน จึงสั่งให้ทั้งสามอยู่ยามรอบๆบ้าน
ม่านฟ้ากับบัวชุมรื้อค้นจนพบทับทิมสีแดง แต่หนานคำกับเมียเข้ามาเจอพอดี หนานคำจำบัวชุมได้ จึงเดาว่าอีกคนต้องเป็นม่านฟ้า เกิดการยื้อแย่งทับทิมกัน จันตา จันเป็งและคำปันได้ยินเสียง ไม่ทันจะขึ้นไปดู รถ ดร.วิทยาแล่นเข้ามา ฮวงและลูกน้องลงมาจากรถ จันเป็งกับพวกคิดว่าตามมาเอาเรื่อง จึงตะลุมบอนกันอีก...บนบ้าน บัวชุมถูกหนานคำฟาดหัวเลือดอาบ ม่านฟ้าเข้ามาช่วยจึงโดนหนานคำชิงทับทิมคืนไปได้ แล้ววิ่งหนีลงจากบ้านพร้อมกับเมีย ออกมาเห็นจันตา จันเป็ง และคำปันถูกพวกฮวงยิง สองผัวเมียชะงักยืนงง ดร.วิทยาลงจากรถมา ชักปืนยิงใส่หนานคำกับเมียตายคาที่ แล้วหยิบทับทิมสีแดงไป ม่านฟ้ากับบัวชุมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ม่านฟ้าจะไปแย่งทับทิมคืนมาเพราะอุตส่าห์ตามหามาเป็นสิบปี แต่บัวชุมรั้งไว้ ด้วยความรีบร้อนจึงชนของหล่น ดร.วิทยาได้ยินสั่งฮวงขึ้นไปดู สองคนซ่อนตัวมิดชิด ฮวงไม่เห็นจึงพากันกลับไป
ม่านฟ้าเสียใจมาก บัวชุมปลอบจะสืบหาที่อยู่ ดร.วิทยา คนนี้มาให้ได้ ม่านฟ้าสาบานจะตามล่าจนถึงที่สุด...
ได้ทับทิมแล้ว ดร.วิทยานำกลับมาให้อินทร์กับเสือสนธิ์ดู และขอบคุณถ้าไม่ได้คนของเสือสนธิ์ช่วย ตนคงทำงานไม่สะดวกแบบนี้ ทั้งอินทร์กับเสือสนธิ์ตะลึงกับความงามของทับทิม แล้วลองถามว่าถ้าขายจะได้ราคาสักเท่าไหร่ ดร.วิทยาตอบว่า เหยียบร้อยล้าน
“ถึงราคาจะสูงขนาดนี้ แต่ถ้าเอามาเทียบกับชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้หรอกครับ” ดร.วิทยาสร้างภาพเป็นคนดี
ooooooo
สองสามวันต่อมา ดอนยืนมองรอบๆเซฟเฮาส์ดูความเรียบร้อย เดี่ยวขับรถพากระแตกับบุษกรเข้ามา บุษกรมาทำแผลให้นาตาชา เห็นว่าหายดีไม่มีอะไรน่าห่วง นาตาชาจึงขอกลับบ้านแต่เดี่ยวแย้งว่า จะไม่ปลอดภัย เธอว่าเธอกลับไปอยู่กับพี่ชายที่คอนโดฯส่วนตัว กระแตบอกว่าตอนนี้สตีเฟ่นไม่อยู่ รู้สึกจะเข้าป่า นาตาชาแปลกใจที่ทำไมถึงรู้ บุษกรจึงถามว่ารู้ไหมว่าไปกับใคร
“ฉันพอเดาออกค่ะ ก็อย่างที่ทุกคนทราบว่าพ่อของเราหายสาบสูญไป ถ้าคุณเป็นลูกก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะนำพ่อกลับมา”
“อะไรทำให้คุณเชื่อว่า ดร.ฟอร์ดยังไม่ตาย” ดอนถาม
“ถ้าพวกคุณอยากรู้จริงๆฉันจะพาไป โอเคนะคะ” นาตาชามองทุกคนอย่างท้าทาย
เดี่ยวยอมขับรถพาทุกคนไปตามที่นาตาชาบอกทาง นาตาชาเล่าไปในรถว่า ซัมดองเป็นนักบวชชาวทิเบตที่มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ ตนกับพี่ชายศรัทธา
“แปลกนะคะที่ฝรั่งอย่างพวกคุณ สนใจเรื่องแบบนี้” กระแตข้องใจ
“ก็ถ้าฉันไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็คงเห็นว่ามันเป็นเรื่องงมงาย แต่สิ่งที่กลุ่มเสาร์ห้าแสดงให้ฉันเห็นในวันนั้น มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องเหนือธรรมชาติมีจริง”
ดอนกับเดี่ยวทึ่งอยากเจออาจารย์เก่งๆแบบนี้มานานแล้ว บุษกรเตือนให้แจ้งยูกิก่อนว่าจะพานาตาชาไปไหน นาตาชากลัวเสียแผนรีบแย้งไม่กลัวโดนจับสัญญาณได้ สะกดรอยตามหรือ ดอนถามความเห็นเดี่ยว นาตาชาเห็นสองหนุ่มลังเล จึงหว่านเสน่ห์ว่าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ พวกเสาร์ห้าก็อยู่หลายคน เดี่ยวกับดอนจึงยอม นาตาชาจึงขอร้องให้ทุกคนปิดมือถือด้วย
เจนนี่มาที่เซฟเฮาส์ รู้ว่าไม่มีใครอยู่ โทร.หาดอนกับคนอื่นๆก็ปิดสาย จึงโทร.ไปหาชลดาที่ออฟฟิศ ชลดาถามยูกิที่อยู่ด้วยกันว่า พวกดอนโทร.มาบอกไหมว่าไปไหน ยูกิส่ายหน้า
“เล่นหายตัวไปแบบนี้มันน่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เจนนี่กังวลใจ
“นั่นสิ พวกนั้นไม่มีใครแจ้งยูกิกันเลย” ชลดาบ่น
“ผิดขั้นตอนกันแบบนี้ คงต้องมีบทลงโทษกันบ้างแล้ว” เจนนี่ชักไม่พอใจ
“นึกออกแล้ว ที่รถคุณเดี่ยวติดสัญญาณกันขโมยแบบที่มีสัญญาณจีพีเอส เราจะแคร็กรหัสไปที่บริษัทประกันภัยแล้ว ให้เขาเปิดเครื่องสแกนสัญญาณให้” ยูกิเสนอ
“ได้ยินมั้ยเจนนี่” ชลดาพูดไปในโทรศัพท์
เจนนี่เห็นดีด้วย ให้ยูกิบอกเส้นทางมา ตนจะขับรถตามพวกดอนไป...
รถของเดี่ยวมาจอดหน้าศาลเจ้า ลุงที่เฝ้าศาลออกมาต้อนรับและบอกว่า ซัมดองลิมโปเซกำลังรออยู่ ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ขณะที่นาตาชาแอบยิ้มมุมปาก ลุงพาทุกคนมาที่ห้องซัมดอง ซึ่งตกแต่งแบบทิเบต มีเครื่องรางและภาพเขียนที่ดูแปลกตา ดอนเดินมาหยุดมองที่ดวงตาสวรรค์ซึ่งวางอยู่บนหิ้ง เดี่ยวได้ยินเสียงบางอย่างเดินมาหยุดคู่กับดอน
“ผมได้ยินบางอย่าง ดังมาจากที่นี่” เดี่ยวเปรย
“ผมก็เห็นเหมือนมีใครถูกขังเอาไว้”
นาตาชาเข้ามาบอกว่า นี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์จากทิเบต บุษกรกับกระแตเข้ามาสมทบถามว่า มันคืออะไร ซัมดองเดิน
ออกมาจากผนังห้องมาหยิบดวงตาสวรรค์ ทุกคนตะลึง ซัมดองทักทายทุกคนอย่างถูกต้อง บุษกรถามรู้จักพวกตนด้วยหรือ
“ข้ารู้ทุกอย่างที่อยากรู้...ดวงตาสวรรค์คือตาที่สาม มันทำให้ทุกคนมองเห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอดีต อนาคต หรือแม้แต่สิ่งลี้ลับในอีกมิตินึง” ซัมดองร่ายมนต์
สักครู่ ดวงตาสวรรค์ส่องประกายเรืองรอง ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น ภาพในลูกแก้วนั่นปรากฏภาพในวัยเด็กของกลุ่มเสาร์ห้าแต่ละคน
“เสาร์ห้า พวกเจ้าคือดวงแก้วห้าประการ เกิดมาเพื่อบำเพ็ญวิริยะบารมี...ตาทิพย์ของเอ็งไม่ต่างจากดวงตาสวรรค์ของข้า เห็นในสิ่งที่อยากเห็น” ซัมดองบอกดอนแล้วหันไปทางเดี่ยว “หูของเอ็งมันก็ได้ยิน ไปไกลเท่าที่ใจของเอ็งต้องการ แต่น่าเสียดายที่พวกเอ็งมีจุดอ่อน”
“จุดอ่อนของพวกเราคืออะไร” ดอนหยั่งเชิงถาม
“หลังจากพวกเอ็งใช้ความสามารถพิเศษแล้ว พลังของพวกเอ็งจะหมดลงอย่างรวดเร็วโชคยังดีที่พวกเอ็งเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง”
“อาจารย์สามารถแก้จุดอ่อนของพวกเขาได้ใช่มั้ยคะ” นาตาชาดึงเข้าแผน
ซัมดองยิ้มอย่างรู้กัน แล้วบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของตน บุษกรกับกระแตรีบขอเป็นลูกศิษย์ด้วย ซัมดองยิ้มอย่างพอใจ
เจนนี่ขับรถมาถึงหน้าศาลเจ้า แล้วแอบย่องเข้าไปโดยติดต่อกับชลดาและยูกิตลอดทาง...ดอน เดี่ยว บุษกร และกระแตกำลังนั่งพนมมืออยู่หน้าดวงตาสวรรค์ ที่ส่องแสงกระทบหน้าทุกคน ซัมดองบริกรรมคาถาอยู่ไม่ห่าง บอกทุกคนให้ทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก สักพักก็พยักหน้าให้นาตาชาออกไปจากห้อง แล้วเขาก็ยกดวงตาสวรรค์ขึ้น ร่ายมนต์อีกครั้งเกิดเงาดำพุ่งเข้าใส่หน้าผากดอน เดี่ยว บุษกร และกระแต ทุกคนลืมตาพรึ่บขึ้น ดวงตาเปลี่ยนไปราวคนละคน เจนนี่แอบมองเห็นเหตุการณ์พอดีตกใจมาก ซัมดองพูดกับทั้งสี่คนว่า
“ต่อไป พวกเจ้าจะต้องทำตามที่ข้าสั่ง เพราะพวกเจ้าคือบริวารของข้า”
“ครับ...ซัมดอง”... “ค่ะ...ซัมดอง”
“พวกเจ้าจงหาทางทำลายศัตรู โดยการแทรกซึมคอยสืบความลับอย่าให้มันรู้ตัว จำเอาไว้ ศัตรูของพวกเจ้าก็คือกลุ่มเสาร์ห้า”
เจนนี่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พลันเห็นนาตาชาเดินมาจึงรีบหลบ...ซัมดองให้ทั้งสี่คนตามออกมาพบนาตาชาแล้วบอกเธอว่า พวกนี้ตกอยู่ใต้อำนาจมนต์ของตนแล้ว ต่อไปจะทำตามคำสั่งเธอ นาตาชาจึงขอทดสอบ เธอส่งปืนให้เดี่ยวแล้วสั่งให้ยิงบุษกร เดี่ยวรับปืนมาแล้วยกขึ้นยิงบุษกรทันทีเสียงปืนดังแชะ เพราะปืนไม่มีกระสุน นาตาชายิ้มอย่างพอใจ
“ดีมาก แสดงว่า เวทย์มนต์ของอาจารย์ได้ผลจริงๆถ้าทุกอย่างสำเร็จ ฉันจะบอกให้พ่อสมนาคุณอาจารย์ไม่อั้น”
“ข้าต้องได้ในสิ่งที่เหมาะสมกับข้า ฮึๆ” ซัมดองหัวเราะเยือกเย็นเพราะสิ่งที่เขาต้องการคือทับทิมสยามเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ทัน
ooooooo
รถของเดี่ยวแล่นไปตามถนน นาตาชายิ้มอย่างพอใจที่พวกเสาร์ห้าอยู่ในคำสั่งของตนอย่างง่ายตาย จึงออกคำสั่งให้กระแตกับบุษกร คอยรายงานความเคลื่อนไหวของพวกเสาร์ห้า ส่วนดอนกับเดี่ยว ให้ศึกษาแผนที่เส้นทางป่าสุสานช้างให้ละเอียด พร้อมเมื่อไหร่ตนจะสั่งให้พาตนกับซัมดองเข้าป่าไปหาพ่อกับพี่ชาย ทุกคนรับทราบ
นาตาชาสังเกตเห็นรถเจนนี่ตามมา ดอนกับเดี่ยวเห็นเช่นกัน จึงขับหนี สักพักนาตาชาสั่ง
“จอดรถ แล้วทำทุกอย่างให้ปกติ อย่าให้เจนนี่สงสัย”
พอรถจอดข้างทาง นาตาชา กระแต และบุษกรลงจากรถไปหาเจนนี่ เธอต่อว่าที่ไปไหนไม่รายงาน บุษกรกับกระแตแก้ตัวว่าออกมาขับรถเล่น ที่ปิดโทรศัพท์เพราะเกรงถูกจับสัญญาณได้ นาตาชาออกรับว่าเป็นความผิดของตน ขณะที่สาวๆอยู่นอกรถ เดี่ยวกับดอนเริ่มมองหน้ากันเพื่อสำรวจว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในอำนาจมนต์ดำหรือไม่
“เดี่ยว...นาย...”
“ฉันเอง...ดอน ฉันยังเหมือนเดิม นายล่ะ”
“ฉันก็ยังเหมือนเดิม อำนาจพุทธคุณช่วยคุ้มครองเราสองคนไม่ให้ถูกครอบงำ จากมนต์ดำของซัมดอง”
เดี่ยวสงสัยแล้วกระแตกับบุษกร ดอนว่าอาจจะตกอยู่ในอำนาจแล้วเลยถามว่าเมื่อกี้ทำไมเดี่ยวถึงกล้ายิงบุษกร เดี่ยวบอกว่า โชคดีที่เขาชินกับน้ำหนักปืน จึงรู้ว่าปืนไม่มีกระสุน ดอนติงว่ามันเสี่ยงเกินไป เดี่ยวยอมรับว่าเขาบ้าไปหน่อย ทั้งสองตกลงกันว่าจะทำตามน้ำไปก่อนแล้วหาทางช่วยบุษกรกับกระแต โดยไม่ให้พวกมันจับได้
อีกมุมหนึ่ง รถของ ดร.วิทยากับลูกน้อง จับตามองกลุ่มของดอน รอจังหวะที่จะจับตัวนาตาชามา โดยพวกดอนไม่ทันเห็น...ดอนกับเดี่ยวลงจากรถมาช่วยเคลียร์กับเจนนี่ ว่าพวกเขาผิดที่ไม่โทร.รายงาน ทีหลังจะไม่ทำอีก แล้วชวนกันกลับเซฟเฮ้าส์ นาตาชาส่งสายตายิ้มเยาะเจนนี่จนเธอผิดสังเกต ทันใด...ลูกน้องอินทร์ก็เข้ามาจับตัวนาตาชา รถ ดร.วิทยาแล่นมารับตัวโดยลูกน้องยิงสกัดไว้ รถยอด กริ่ง และเทอดแล่นมาถึง เดี่ยวรีบตะโกนบอกให้ตามรถ ดร.วิทยาไป เดี่ยวรีบไปขับรถ กระแตกับบุษกรตามไปด้วย ดอนย้ายมาขับรถเจนนี่ ทั้งสามคันตามไปช่วยนาตาชา ดร.วิทยาวิทยุสั่งการ ไม่ทันไรก็มีระเบิดสกัดรถที่ตาม และกระหน่ำยิงใส่รถทั้งสามคัน พวกเสาร์ห้าพากันลงจากรถหาที่กำบังยิงต่อสู้ เจนนี่เห็นกระแตกับบุษกรไม่ยิงโต้เหมือนอย่างเคย
“กระแต บุษกร ทำไมคุณไม่ยิงโต้ตอบพวกมัน พวกคุณเป็นอะไรไป”
“เปล่า ไม่มีอะไร” กระแตรีบปฏิเสธ บุษกรถามว่าเจนนี่ข้องใจอะไร
“ฉันก็แค่เป็นห่วง”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า” กระแตสวน แล้วหันปืนมาทางเจนนี่ ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
เจนนี่ตกใจถามว่านี่มันอะไรกัน กระแตพูดยิ้มๆว่า ถ้าตนทำปืนลั่น ทุกคนก็คงเข้าใจว่าเธอถูกฝ่ายนั้นยิง เจนนี่หน้าเสีย กระแตทำท่าจะลั่นไก จู่ๆก็หัวเราะออกมาแล้วบอกว่าล้อเล่น เจนนี่รู้สึกหวั่นใจว่าเพื่อนทั้งสองเปลี่ยนไปแล้ว
กว่าควันระเบิดจะสงบ รถพวก ดร.วิทยาก็หนีไปได้ กลุ่มเสาร์ห้าปรึกษากันว่าคุ้นหน้าพวกนั้นว่าเป็นคนของเจ้าพ่ออินทร์ ต่างแปลกใจว่าทำไมไปร่วมมือกับ ดร.วิทยา ทั้งที่เดิมเป็นพวกตน กระแตกับบุษกรเข้ามาสมทบท่าทางเป็นปกติ บอกว่าจะช่วยเจนนี่สืบหาความจริง
ooooooo
หลังจากนั้น เจนนี่ก็จับตามองบุษกรกับกระแต สองคนมักจะทำงานกันเงียบๆไม่พูดคุยกับคนอื่นๆเหมือนเคย ชลดาถามเจนนี่ว่าเป็นอะไร ท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไร ยูกิเข้ามาสมทบเจนนี่พยักพเยิดให้ดูบุษกรกับกระแต ตนดูท่าทางไม่เหมือนเดิม แต่ชลดากับยูกิมองไม่ออก เจนนี่กำลังจะเล่า ยอดยกอาหารออกมาขัดจังหวะ
“มาแว้วๆสุดยอดของความอร่อยจากพ่อครัวหัวป่า”
เทอดกับกริ่งถือของตามมา “รับรองอร่อยทุกอย่าง เทอดชวนชิมครับผม”
กระแตกับบุษกรชวนกันมาดูว่ามีอะไรบ้าง ยูกิกระซิบชลดากับเจนนี่ว่า ไม่เห็นบุษกรกับกระแตผิดปกติตรงไหน แล้วหาว่าเจนนี่คิดมากไป...ดอนกับเดี่ยวเห็นสายตาสงสัยของเจนนี่ จึงปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรดี เดี่ยวคิดว่า
“ถ้าเราบอกเธอ เรื่องของเราไม่ได้ถูกครอบงำ แผนการอาจจะล้มเหลว ผมว่าเราน่าจะปล่อยให้เจนนี่สงสัยอย่างนี้ไปก่อนดีกว่า”
ดอนตกลงตามนี้ เดี่ยวถือจานอาหารตามออกมา เจนนี่มองอย่างจับพิรุธแล้วเข้าไปหาดอนในครัว ตัดสินใจถามว่าพวกเขาไปทำอะไรที่ศาลเจ้า ดอนปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
“แต่ฉันเห็น”
“เห็นอะไร”
“พวกคุณทุกคนเหมือนถูกครอบงำ”
ดอนหาว่าเจนนี่ตาฝาดและพูดเป็นนัยๆว่า สิ่งที่เธอเห็นไม่เป็นอย่างที่คิดหรอก ดอนถือของเดินออกไป เจนนี่รู้สึกขุ่นใจมากขึ้น
ooooooo
ภายในบ้านเสือสนธิ์ นาตาชาถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ฮวงค้นตัวหาทับทิมสยามแต่ไม่พบ นาตาชาโวยวายให้ปล่อยตน พลันมือถือเธอดังขึ้น ดร.วิทยาดึงมารับสายเอง สตีเฟ่นโทร.มา ดร.วิทยากรอกเสียงลงไปว่าตนจับน้องสาวเขาไว้ ให้เขาเอาทับทิมสีชมพูมาแลกเปลี่ยน
“แต่ฉันออกไปไม่ได้ ตอนนี้พวกฉันอยู่ในป่าสุสานช้าง” สตีเฟ่นพูดอึกอักๆ
ดร.ฟอร์ดข้องใจเข้ามาฟัง สตีเฟ่นบอก ดร.วิทยาว่าพวกเขากำลังค้นหาทับทิมสีม่วง เชื่อว่าอยู่แถวนี้ แล้วต่อรองให้เอาตัวนาตาชามาแลกที่นี่ จะได้ทั้งสองก้อนไป
“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าแกไม่หลอกฉัน”
ดร.ฟอร์ดดึงโทรศัพท์มาพูดเอง “คนอย่าง ดร.ฟอร์ดไม่เคยโกหกหวังว่าแกคงจำฉันได้นะ”
ดร.วิทยาแปลกใจที่ ดร.ฟอร์ดยังไม่ตาย เขาจึงตกลงจะเดินทางไป จากนั้น ดร.วิทยาก็หันมาถามนาตาชาว่าจะไปสุสานช้าง นาตาชาย้อนถามว่ารู้เส้นทางลับหรือ ดร.วิทยาไม่เข้าใจ
“ใช่ เส้นทางลับที่จะผ่านเขตภาพลวงตาเข้าไปในป่าสุสานช้าง”
“ก็เธอไงนาตาชา เธอนั่นแหละที่จะนำทางฉันไป”
“ไม่ใช่ฉัน...คนที่จะนำทางได้คือ คุณเดี่ยว คุณดอน พวกเสาร์ห้า”
ดร.วิทยามองนาตาชาอย่างข้องใจ เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย...ไม่นาน นาตาชาก็ถูกแก้มัดให้ โทร.หาเดี่ยวกับดอน เดี่ยวรับสายเปิดเสียงให้ดอนฟังด้วย ทั้งสองทำเป็นรับฟังคำสั่ง นาตาชาสั่งสองหนุ่มให้เตรียมพร้อมเดินทางไปสุสานช้างพรุ่งนี้อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ สองหนุ่มรับทราบ