Monday, October 17, 2011

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน3 ละครช่อง7


ตอนที่ 3

ดร.วิทยา เล่าเรื่องทับทิมสยามให้อินทร์กับเสือสนธิ์ฟัง และว่า ดร.ฟอร์ดจะใช้พลังของทับทิมสยามแปลงเป็นระเบิดแบบใหม่ที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณูหลายเท่า แม้ยังไม่ค่อยเชื่อ อินทร์ถามว่าต้องการให้พวกเขาช่วยอะไร ดร.วิทยารีบบอกว่า อยากให้ช่วยชิงทับทิมทั้งสามก้อนไม่ให้ตกในมือ ดร.ฟอร์ด เพื่อจะได้ไม่มีการทดลองระเบิดบ้าๆนั่น

“ดร.มีข้อมูลไหมว่า ไอ้ทับทิมทั้งสามก้อนมันอยู่ที่ไหนกันบ้าง” เสือสนธิ์ถาม

“เท่าที่รู้ตอนนี้ ทับทิมสีชมพูอยู่กับนาตาชา ลูกสาวดร.ฟอร์ด ทับทิมสีม่วง ผมเชื่อว่าต้องอยู่ในสุสานช้าง เพราะสายของผมรายงานมาว่า ดร.ฟอร์ดกับลูกชายของมันกำลังค้นหาอยู่ ส่วนทับทิมสีแดง ข้อมูลล่าสุดอยู่กับผู้ชายที่ชื่อ

หนานคำ” ฮวงหยิบรูปถ่ายหนานคำให้ทั้งสองดู...

ในขณะที่หนานคำกำลังคุยอยู่กับนั้ม นักข่าวภูธรในร้านค้าแถวต่างจังหวัด โดยมีลูกน้องจันตา จันเป็ง และคำปัน ยืนสอดส่องคุ้มกัน หนานคำขอให้ช่วยติดต่อนาตาชา เพื่อจะขายทับทิมสยามสีแดงและเสนอให้ค่านายหน้า 30% นั้มว่าไม่มีปัญหา แต่เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าทับทิมไม่ใช่ของปลอม หนานคำว่าเขาไม่กล้าหลอกพวกฝรั่งหรอก นั้มจึงถามไปได้มาอย่างไร

หนานคำอึกอักกว่าจะยอมเล่าว่า “คือว่า ไอ้ทับทิมที่ผมได้มาน่ะ เดิมมันเป็นของเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง”

“เจ้าจันทร์ทิพย์ ที่เป็นหลานเจ้าพวงจันทร์ เชื้อสายเจ้าเชียงรุ้งใช่มั้ย” นั้มพอรู้มาบ้าง

“นั่นแหละ ตอนที่ผมหนุ่มๆผมเข้าไปทำงานรับใช้ที่คุ้มเจ้าจันทร์ทิพย์กับแม่นายแพรตอง ตอนนั้น ม่านฟ้าอายุ 7 ขวบ มีบัวชุมเป็นพี่เลี้ยง”

หนานคำเล่าถึงอดีต เจ้าจันทร์ทิพย์มักจะไปไหว้พระธาตุทุกปีและจะนำทับทิมสีแดงติดตัวไปด้วย “เดิมทับทิมสีแดงประดับอยู่บนมงกุฎของเจ้าเชียงรุ้ง ไม่ทราบด้วยเหตุอันใด มงกุฎหายไปเหลือแต่ทับทิม ผมวางแผนที่จะชิงทับทิม เพราะรู้มาว่าทับทิมสยามมีค่ามาก”

ขณะที่รถแล่นขึ้นเขา สักพักก็กระตุก หนานคำเลี้ยวเข้าข้างทางลึกๆเจ้าจันทร์ทิพย์ทักว่าทำไมต้องเข้ามาลึกขนาดนี้ หนานคำอ้างว่าเกรงรถบรรทุกเสยเอา ม่านฟ้าปวดท้องให้บัวชุมพาเข้าไปหาที่ปลดทุกข์ แพรตองเกรงจะโดนแมลงกัดต่อยจึงให้บัวชุมถือกระเป๋ายาไปด้วย ระหว่างยืนรอม่านฟ้า ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด  ม่านฟ้าสะดุ้งวิ่งมากอดบัวชุม ทั้งสองย่องกลับมาที่รถ เห็นแพรตองโดนยิงบาดเจ็บ และเจ้าจันทร์ทิพย์กำลังต่อสู้กับหนานคำ และหนานคำก็ยิงเจ้าจันทร์ทิพย์ล้มลง ชิงทับทิมมาได้ แพรตองกระเสือกกระสนมาหาเจ้าจันทร์ทิพย์ จึงโดนยิงอีกนัดแน่นิ่งไป ม่านฟ้าจะร้องกรี๊ด บัวชุมเอามืออุดปากไว้ทัน หลังจากนั้น หนานคำก็เอาศพทั้งสองคนใส่รถแล้วปล่อยให้รถแล่นตกเขาไป กลับมาตามหาม่านฟ้ากับบัวชุมแต่ไม่เจอ

นั้มฟังแล้วทึ่ง “หนานคำทำแนบเนียนมาก ความโลภมันทำให้คนทำได้ทุกอย่าง”

“ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะคิดว่ารถของเจ้าตกเขาไฟคลอกตายทั้งครอบครัว เรื่องทับทิมสยามก็ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว”

“มิน่าล่ะ แกถึงได้รอดคดีมาเป็นสิบปี”

“ผมซ่อนทับทิมสยามเอาไว้ยังไม่รีบขายให้ใคร ก็เพราะอยากให้ทุกคนลืม จนมาเห็นแหม่มที่ประกาศหาซื้อทับทิมสยามสีแดงในทีวีนี่แหละ”

นั้มถามว่าเก็บไว้ที่ไหน หนานคำอึกอักก่อนจะยอมบอกว่าเก็บไว้ที่บ้าน นั้มจึงบอกว่าติดต่อแหม่มได้เขาจะไปบอกที่บ้าน หนานคำกับลูกน้องกลับไป นั้มโทร.บอกอินทร์ว่าเรื่องที่ให้สืบ ทับทิมสีแดงอยู่กับหนานคำที่บ้าน อินทร์จะส่งคนมาให้นั้มรอรับด้วย จากนั้นนั้มก็โทร.บอกฮวงอีกคน ฮวงมาพบกับนั้ม ทั้งสองตามจันตา จันเป็งและคำปันไปเที่ยวบาร์ในเมือง นั้มชี้บอกฮวงว่าสามคนนี้เป็นลูกน้องหนานคำ สามคนดื่มเหล้าคุยกันเฮฮา ฉลองที่จะได้เงินแสน

“โห...ถ้าพวกเราได้เป็นแสน แล้วพี่หนานคำจะได้เท่าไหร่” คำปันถามขึ้น

บัวชุมกับม่านฟ้าแอบฟังทั้งสามคุยกัน...อีกฟากฮวงนั่งมองสามคน คำปันสังเกตเห็นชี้ให้พวกดูว่าไอ้คนนั้นตามมาตั้งแต่ก่อนเข้าบาร์ พวกคำปันลุกจากโต๊ะมาหาเรื่องฮวงทันที เกิดการต่อสู้กันอย่างเมามัน บัวชุมจะพาม่านฟ้าหนีแต่เธอไม่ยอมไป จะรอตามสามคนกลับ เพราะเชื่อว่าต้องพบหนานคำแน่ ม่านฟ้าใช้วิธีร้องตะโกนว่าตำรวจมาๆได้ผลวงแตกหนีกันกระเจิง

เป็นอย่างที่คาด ม่านฟ้ากับบัวชุมตามสามคนมาจนถึงบ้านหนานคำ บัวชุมเห็นจำได้ว่าใช่หนานคำจริงๆม่านฟ้าจึงแอบย่องขึ้นบ้านไปค้นหาทับทิมสีแดง  ขณะที่หนานคำกำลังเอ็ดตะโรกับลูกน้องที่ไปก่อเรื่องกันมาจนสะบักสะบอมแบบนี้ และเกรงว่าพวกนั้นจะตามมาขโมยทับทิมของตน จึงสั่งให้ทั้งสามอยู่ยามรอบๆบ้าน

ม่านฟ้ากับบัวชุมรื้อค้นจนพบทับทิมสีแดง แต่หนานคำกับเมียเข้ามาเจอพอดี หนานคำจำบัวชุมได้ จึงเดาว่าอีกคนต้องเป็นม่านฟ้า เกิดการยื้อแย่งทับทิมกัน จันตา จันเป็งและคำปันได้ยินเสียง ไม่ทันจะขึ้นไปดู รถ ดร.วิทยาแล่นเข้ามา ฮวงและลูกน้องลงมาจากรถ จันเป็งกับพวกคิดว่าตามมาเอาเรื่อง จึงตะลุมบอนกันอีก...บนบ้าน บัวชุมถูกหนานคำฟาดหัวเลือดอาบ ม่านฟ้าเข้ามาช่วยจึงโดนหนานคำชิงทับทิมคืนไปได้ แล้ววิ่งหนีลงจากบ้านพร้อมกับเมีย ออกมาเห็นจันตา จันเป็ง และคำปันถูกพวกฮวงยิง สองผัวเมียชะงักยืนงง ดร.วิทยาลงจากรถมา ชักปืนยิงใส่หนานคำกับเมียตายคาที่ แล้วหยิบทับทิมสีแดงไป ม่านฟ้ากับบัวชุมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ม่านฟ้าจะไปแย่งทับทิมคืนมาเพราะอุตส่าห์ตามหามาเป็นสิบปี แต่บัวชุมรั้งไว้ ด้วยความรีบร้อนจึงชนของหล่น ดร.วิทยาได้ยินสั่งฮวงขึ้นไปดู สองคนซ่อนตัวมิดชิด ฮวงไม่เห็นจึงพากันกลับไป

ม่านฟ้าเสียใจมาก บัวชุมปลอบจะสืบหาที่อยู่ ดร.วิทยา คนนี้มาให้ได้ ม่านฟ้าสาบานจะตามล่าจนถึงที่สุด...

ได้ทับทิมแล้ว ดร.วิทยานำกลับมาให้อินทร์กับเสือสนธิ์ดู และขอบคุณถ้าไม่ได้คนของเสือสนธิ์ช่วย ตนคงทำงานไม่สะดวกแบบนี้ ทั้งอินทร์กับเสือสนธิ์ตะลึงกับความงามของทับทิม แล้วลองถามว่าถ้าขายจะได้ราคาสักเท่าไหร่ ดร.วิทยาตอบว่า เหยียบร้อยล้าน

“ถึงราคาจะสูงขนาดนี้ แต่ถ้าเอามาเทียบกับชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้หรอกครับ” ดร.วิทยาสร้างภาพเป็นคนดี

เสือสนธิ์กับอินทร์เห็นด้วย ถึงได้เงินมากมายแต่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ จะมีประโยชน์อะไร ดร.วิทยาได้ทีรีบบอกว่าเป้าหมายต่อไปคือทับทิมสีชมพู ที่อยู่กับนาตาชา ทั้งสองยินดีร่วมมือ

ooooooo

สองสามวันต่อมา ดอนยืนมองรอบๆเซฟเฮาส์ดูความเรียบร้อย เดี่ยวขับรถพากระแตกับบุษกรเข้ามา บุษกรมาทำแผลให้นาตาชา เห็นว่าหายดีไม่มีอะไรน่าห่วง นาตาชาจึงขอกลับบ้านแต่เดี่ยวแย้งว่า จะไม่ปลอดภัย  เธอว่าเธอกลับไปอยู่กับพี่ชายที่คอนโดฯส่วนตัว กระแตบอกว่าตอนนี้สตีเฟ่นไม่อยู่ รู้สึกจะเข้าป่า นาตาชาแปลกใจที่ทำไมถึงรู้ บุษกรจึงถามว่ารู้ไหมว่าไปกับใคร

“ฉันพอเดาออกค่ะ ก็อย่างที่ทุกคนทราบว่าพ่อของเราหายสาบสูญไป ถ้าคุณเป็นลูกก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะนำพ่อกลับมา”

“อะไรทำให้คุณเชื่อว่า ดร.ฟอร์ดยังไม่ตาย” ดอนถาม

“ถ้าพวกคุณอยากรู้จริงๆฉันจะพาไป โอเคนะคะ” นาตาชามองทุกคนอย่างท้าทาย

เดี่ยวยอมขับรถพาทุกคนไปตามที่นาตาชาบอกทาง นาตาชาเล่าไปในรถว่า ซัมดองเป็นนักบวชชาวทิเบตที่มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ ตนกับพี่ชายศรัทธา

“แปลกนะคะที่ฝรั่งอย่างพวกคุณ สนใจเรื่องแบบนี้” กระแตข้องใจ

“ก็ถ้าฉันไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็คงเห็นว่ามันเป็นเรื่องงมงาย แต่สิ่งที่กลุ่มเสาร์ห้าแสดงให้ฉันเห็นในวันนั้น มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องเหนือธรรมชาติมีจริง”

ดอนกับเดี่ยวทึ่งอยากเจออาจารย์เก่งๆแบบนี้มานานแล้ว บุษกรเตือนให้แจ้งยูกิก่อนว่าจะพานาตาชาไปไหน นาตาชากลัวเสียแผนรีบแย้งไม่กลัวโดนจับสัญญาณได้ สะกดรอยตามหรือ ดอนถามความเห็นเดี่ยว นาตาชาเห็นสองหนุ่มลังเล จึงหว่านเสน่ห์ว่าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ พวกเสาร์ห้าก็อยู่หลายคน เดี่ยวกับดอนจึงยอม นาตาชาจึงขอร้องให้ทุกคนปิดมือถือด้วย

เจนนี่มาที่เซฟเฮาส์ รู้ว่าไม่มีใครอยู่ โทร.หาดอนกับคนอื่นๆก็ปิดสาย จึงโทร.ไปหาชลดาที่ออฟฟิศ ชลดาถามยูกิที่อยู่ด้วยกันว่า พวกดอนโทร.มาบอกไหมว่าไปไหน ยูกิส่ายหน้า

“เล่นหายตัวไปแบบนี้มันน่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เจนนี่กังวลใจ

“นั่นสิ พวกนั้นไม่มีใครแจ้งยูกิกันเลย” ชลดาบ่น

“ผิดขั้นตอนกันแบบนี้ คงต้องมีบทลงโทษกันบ้างแล้ว” เจนนี่ชักไม่พอใจ

“นึกออกแล้ว ที่รถคุณเดี่ยวติดสัญญาณกันขโมยแบบที่มีสัญญาณจีพีเอส เราจะแคร็กรหัสไปที่บริษัทประกันภัยแล้ว ให้เขาเปิดเครื่องสแกนสัญญาณให้” ยูกิเสนอ

“ได้ยินมั้ยเจนนี่” ชลดาพูดไปในโทรศัพท์

เจนนี่เห็นดีด้วย ให้ยูกิบอกเส้นทางมา ตนจะขับรถตามพวกดอนไป...

รถของเดี่ยวมาจอดหน้าศาลเจ้า ลุงที่เฝ้าศาลออกมาต้อนรับและบอกว่า ซัมดองลิมโปเซกำลังรออยู่ ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ขณะที่นาตาชาแอบยิ้มมุมปาก ลุงพาทุกคนมาที่ห้องซัมดอง ซึ่งตกแต่งแบบทิเบต มีเครื่องรางและภาพเขียนที่ดูแปลกตา ดอนเดินมาหยุดมองที่ดวงตาสวรรค์ซึ่งวางอยู่บนหิ้ง เดี่ยวได้ยินเสียงบางอย่างเดินมาหยุดคู่กับดอน

“ผมได้ยินบางอย่าง ดังมาจากที่นี่” เดี่ยวเปรย

“ผมก็เห็นเหมือนมีใครถูกขังเอาไว้”

นาตาชาเข้ามาบอกว่า นี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์จากทิเบต บุษกรกับกระแตเข้ามาสมทบถามว่า มันคืออะไร ซัมดองเดิน

ออกมาจากผนังห้องมาหยิบดวงตาสวรรค์ ทุกคนตะลึง ซัมดองทักทายทุกคนอย่างถูกต้อง บุษกรถามรู้จักพวกตนด้วยหรือ

“ข้ารู้ทุกอย่างที่อยากรู้...ดวงตาสวรรค์คือตาที่สาม มันทำให้ทุกคนมองเห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอดีต อนาคต หรือแม้แต่สิ่งลี้ลับในอีกมิตินึง” ซัมดองร่ายมนต์

สักครู่ ดวงตาสวรรค์ส่องประกายเรืองรอง ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น ภาพในลูกแก้วนั่นปรากฏภาพในวัยเด็กของกลุ่มเสาร์ห้าแต่ละคน

“เสาร์ห้า พวกเจ้าคือดวงแก้วห้าประการ เกิดมาเพื่อบำเพ็ญวิริยะบารมี...ตาทิพย์ของเอ็งไม่ต่างจากดวงตาสวรรค์ของข้า เห็นในสิ่งที่อยากเห็น” ซัมดองบอกดอนแล้วหันไปทางเดี่ยว “หูของเอ็งมันก็ได้ยิน ไปไกลเท่าที่ใจของเอ็งต้องการ แต่น่าเสียดายที่พวกเอ็งมีจุดอ่อน”

“จุดอ่อนของพวกเราคืออะไร” ดอนหยั่งเชิงถาม

“หลังจากพวกเอ็งใช้ความสามารถพิเศษแล้ว พลังของพวกเอ็งจะหมดลงอย่างรวดเร็วโชคยังดีที่พวกเอ็งเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง”

“อาจารย์สามารถแก้จุดอ่อนของพวกเขาได้ใช่มั้ยคะ” นาตาชาดึงเข้าแผน

ซัมดองยิ้มอย่างรู้กัน แล้วบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของตน บุษกรกับกระแตรีบขอเป็นลูกศิษย์ด้วย ซัมดองยิ้มอย่างพอใจ

เจนนี่ขับรถมาถึงหน้าศาลเจ้า แล้วแอบย่องเข้าไปโดยติดต่อกับชลดาและยูกิตลอดทาง...ดอน เดี่ยว บุษกร และกระแตกำลังนั่งพนมมืออยู่หน้าดวงตาสวรรค์ ที่ส่องแสงกระทบหน้าทุกคน ซัมดองบริกรรมคาถาอยู่ไม่ห่าง บอกทุกคนให้ทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก สักพักก็พยักหน้าให้นาตาชาออกไปจากห้อง แล้วเขาก็ยกดวงตาสวรรค์ขึ้น ร่ายมนต์อีกครั้งเกิดเงาดำพุ่งเข้าใส่หน้าผากดอน เดี่ยว บุษกร และกระแต ทุกคนลืมตาพรึ่บขึ้น ดวงตาเปลี่ยนไปราวคนละคน เจนนี่แอบมองเห็นเหตุการณ์พอดีตกใจมาก ซัมดองพูดกับทั้งสี่คนว่า

“ต่อไป พวกเจ้าจะต้องทำตามที่ข้าสั่ง เพราะพวกเจ้าคือบริวารของข้า”

“ครับ...ซัมดอง”... “ค่ะ...ซัมดอง”

“พวกเจ้าจงหาทางทำลายศัตรู โดยการแทรกซึมคอยสืบความลับอย่าให้มันรู้ตัว จำเอาไว้ ศัตรูของพวกเจ้าก็คือกลุ่มเสาร์ห้า”

เจนนี่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พลันเห็นนาตาชาเดินมาจึงรีบหลบ...ซัมดองให้ทั้งสี่คนตามออกมาพบนาตาชาแล้วบอกเธอว่า พวกนี้ตกอยู่ใต้อำนาจมนต์ของตนแล้ว ต่อไปจะทำตามคำสั่งเธอ นาตาชาจึงขอทดสอบ เธอส่งปืนให้เดี่ยวแล้วสั่งให้ยิงบุษกร เดี่ยวรับปืนมาแล้วยกขึ้นยิงบุษกรทันทีเสียงปืนดังแชะ เพราะปืนไม่มีกระสุน นาตาชายิ้มอย่างพอใจ

“ดีมาก แสดงว่า เวทย์มนต์ของอาจารย์ได้ผลจริงๆถ้าทุกอย่างสำเร็จ ฉันจะบอกให้พ่อสมนาคุณอาจารย์ไม่อั้น”

“ข้าต้องได้ในสิ่งที่เหมาะสมกับข้า ฮึๆ” ซัมดองหัวเราะเยือกเย็นเพราะสิ่งที่เขาต้องการคือทับทิมสยามเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ทัน

ooooooo


เมื่อเห็นเดี่ยว ดอน กระแต และบุษกรพานาตาชา ขึ้นรถไป เจนนี่ก็ออกจากที่ซ่อนขึ้นรถหมายขับตาม แต่ไม่ลืมที่จะติดต่อกลับไปบอกที่สำนักงานเสาร์ห้า ยอดรับสายแล้วบอกว่าเขารู้เรื่องจากชลดาแล้วจะรีบตามไปกับเทอดและกริ่ง โดยตามสัญญาณจีพีเอสรถเดี่ยว ให้สองสาวประจำการอยู่สำนักงาน เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อกันได้

รถของเดี่ยวแล่นไปตามถนน นาตาชายิ้มอย่างพอใจที่พวกเสาร์ห้าอยู่ในคำสั่งของตนอย่างง่ายตาย จึงออกคำสั่งให้กระแตกับบุษกร คอยรายงานความเคลื่อนไหวของพวกเสาร์ห้า ส่วนดอนกับเดี่ยว ให้ศึกษาแผนที่เส้นทางป่าสุสานช้างให้ละเอียด พร้อมเมื่อไหร่ตนจะสั่งให้พาตนกับซัมดองเข้าป่าไปหาพ่อกับพี่ชาย ทุกคนรับทราบ

นาตาชาสังเกตเห็นรถเจนนี่ตามมา ดอนกับเดี่ยวเห็นเช่นกัน จึงขับหนี สักพักนาตาชาสั่ง

“จอดรถ แล้วทำทุกอย่างให้ปกติ อย่าให้เจนนี่สงสัย”

พอรถจอดข้างทาง นาตาชา กระแต และบุษกรลงจากรถไปหาเจนนี่ เธอต่อว่าที่ไปไหนไม่รายงาน บุษกรกับกระแตแก้ตัวว่าออกมาขับรถเล่น ที่ปิดโทรศัพท์เพราะเกรงถูกจับสัญญาณได้ นาตาชาออกรับว่าเป็นความผิดของตน ขณะที่สาวๆอยู่นอกรถ เดี่ยวกับดอนเริ่มมองหน้ากันเพื่อสำรวจว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในอำนาจมนต์ดำหรือไม่

“เดี่ยว...นาย...”

“ฉันเอง...ดอน ฉันยังเหมือนเดิม นายล่ะ”

“ฉันก็ยังเหมือนเดิม อำนาจพุทธคุณช่วยคุ้มครองเราสองคนไม่ให้ถูกครอบงำ จากมนต์ดำของซัมดอง”

เดี่ยวสงสัยแล้วกระแตกับบุษกร ดอนว่าอาจจะตกอยู่ในอำนาจแล้วเลยถามว่าเมื่อกี้ทำไมเดี่ยวถึงกล้ายิงบุษกร เดี่ยวบอกว่า โชคดีที่เขาชินกับน้ำหนักปืน จึงรู้ว่าปืนไม่มีกระสุน ดอนติงว่ามันเสี่ยงเกินไป เดี่ยวยอมรับว่าเขาบ้าไปหน่อย ทั้งสองตกลงกันว่าจะทำตามน้ำไปก่อนแล้วหาทางช่วยบุษกรกับกระแต โดยไม่ให้พวกมันจับได้

อีกมุมหนึ่ง รถของ ดร.วิทยากับลูกน้อง จับตามองกลุ่มของดอน รอจังหวะที่จะจับตัวนาตาชามา โดยพวกดอนไม่ทันเห็น...ดอนกับเดี่ยวลงจากรถมาช่วยเคลียร์กับเจนนี่ ว่าพวกเขาผิดที่ไม่โทร.รายงาน ทีหลังจะไม่ทำอีก แล้วชวนกันกลับเซฟเฮ้าส์ นาตาชาส่งสายตายิ้มเยาะเจนนี่จนเธอผิดสังเกต ทันใด...ลูกน้องอินทร์ก็เข้ามาจับตัวนาตาชา รถ ดร.วิทยาแล่นมารับตัวโดยลูกน้องยิงสกัดไว้ รถยอด กริ่ง และเทอดแล่นมาถึง เดี่ยวรีบตะโกนบอกให้ตามรถ ดร.วิทยาไป เดี่ยวรีบไปขับรถ กระแตกับบุษกรตามไปด้วย ดอนย้ายมาขับรถเจนนี่ ทั้งสามคันตามไปช่วยนาตาชา ดร.วิทยาวิทยุสั่งการ ไม่ทันไรก็มีระเบิดสกัดรถที่ตาม และกระหน่ำยิงใส่รถทั้งสามคัน พวกเสาร์ห้าพากันลงจากรถหาที่กำบังยิงต่อสู้ เจนนี่เห็นกระแตกับบุษกรไม่ยิงโต้เหมือนอย่างเคย

“กระแต บุษกร ทำไมคุณไม่ยิงโต้ตอบพวกมัน พวกคุณเป็นอะไรไป”

“เปล่า ไม่มีอะไร” กระแตรีบปฏิเสธ บุษกรถามว่าเจนนี่ข้องใจอะไร

“ฉันก็แค่เป็นห่วง”

“เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า” กระแตสวน แล้วหันปืนมาทางเจนนี่ ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

เจนนี่ตกใจถามว่านี่มันอะไรกัน กระแตพูดยิ้มๆว่า ถ้าตนทำปืนลั่น ทุกคนก็คงเข้าใจว่าเธอถูกฝ่ายนั้นยิง เจนนี่หน้าเสีย กระแตทำท่าจะลั่นไก จู่ๆก็หัวเราะออกมาแล้วบอกว่าล้อเล่น เจนนี่รู้สึกหวั่นใจว่าเพื่อนทั้งสองเปลี่ยนไปแล้ว

กว่าควันระเบิดจะสงบ รถพวก ดร.วิทยาก็หนีไปได้ กลุ่มเสาร์ห้าปรึกษากันว่าคุ้นหน้าพวกนั้นว่าเป็นคนของเจ้าพ่ออินทร์ ต่างแปลกใจว่าทำไมไปร่วมมือกับ ดร.วิทยา ทั้งที่เดิมเป็นพวกตน กระแตกับบุษกรเข้ามาสมทบท่าทางเป็นปกติ บอกว่าจะช่วยเจนนี่สืบหาความจริง

ooooooo

หลังจากนั้น เจนนี่ก็จับตามองบุษกรกับกระแต สองคนมักจะทำงานกันเงียบๆไม่พูดคุยกับคนอื่นๆเหมือนเคย ชลดาถามเจนนี่ว่าเป็นอะไร ท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไร ยูกิเข้ามาสมทบเจนนี่พยักพเยิดให้ดูบุษกรกับกระแต ตนดูท่าทางไม่เหมือนเดิม แต่ชลดากับยูกิมองไม่ออก เจนนี่กำลังจะเล่า ยอดยกอาหารออกมาขัดจังหวะ

“มาแว้วๆสุดยอดของความอร่อยจากพ่อครัวหัวป่า”

เทอดกับกริ่งถือของตามมา “รับรองอร่อยทุกอย่าง เทอดชวนชิมครับผม”

กระแตกับบุษกรชวนกันมาดูว่ามีอะไรบ้าง ยูกิกระซิบชลดากับเจนนี่ว่า ไม่เห็นบุษกรกับกระแตผิดปกติตรงไหน แล้วหาว่าเจนนี่คิดมากไป...ดอนกับเดี่ยวเห็นสายตาสงสัยของเจนนี่ จึงปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรดี เดี่ยวคิดว่า

“ถ้าเราบอกเธอ เรื่องของเราไม่ได้ถูกครอบงำ แผนการอาจจะล้มเหลว ผมว่าเราน่าจะปล่อยให้เจนนี่สงสัยอย่างนี้ไปก่อนดีกว่า”

ดอนตกลงตามนี้ เดี่ยวถือจานอาหารตามออกมา เจนนี่มองอย่างจับพิรุธแล้วเข้าไปหาดอนในครัว ตัดสินใจถามว่าพวกเขาไปทำอะไรที่ศาลเจ้า ดอนปฏิเสธว่าไม่มีอะไร

“แต่ฉันเห็น”

“เห็นอะไร”

“พวกคุณทุกคนเหมือนถูกครอบงำ”

ดอนหาว่าเจนนี่ตาฝาดและพูดเป็นนัยๆว่า สิ่งที่เธอเห็นไม่เป็นอย่างที่คิดหรอก ดอนถือของเดินออกไป เจนนี่รู้สึกขุ่นใจมากขึ้น

ooooooo

ภายในบ้านเสือสนธิ์ นาตาชาถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ฮวงค้นตัวหาทับทิมสยามแต่ไม่พบ นาตาชาโวยวายให้ปล่อยตน พลันมือถือเธอดังขึ้น ดร.วิทยาดึงมารับสายเอง สตีเฟ่นโทร.มา ดร.วิทยากรอกเสียงลงไปว่าตนจับน้องสาวเขาไว้ ให้เขาเอาทับทิมสีชมพูมาแลกเปลี่ยน

“แต่ฉันออกไปไม่ได้ ตอนนี้พวกฉันอยู่ในป่าสุสานช้าง” สตีเฟ่นพูดอึกอักๆ

ดร.ฟอร์ดข้องใจเข้ามาฟัง สตีเฟ่นบอก ดร.วิทยาว่าพวกเขากำลังค้นหาทับทิมสีม่วง เชื่อว่าอยู่แถวนี้ แล้วต่อรองให้เอาตัวนาตาชามาแลกที่นี่ จะได้ทั้งสองก้อนไป

“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าแกไม่หลอกฉัน”

ดร.ฟอร์ดดึงโทรศัพท์มาพูดเอง “คนอย่าง ดร.ฟอร์ดไม่เคยโกหกหวังว่าแกคงจำฉันได้นะ”

ดร.วิทยาแปลกใจที่ ดร.ฟอร์ดยังไม่ตาย เขาจึงตกลงจะเดินทางไป จากนั้น ดร.วิทยาก็หันมาถามนาตาชาว่าจะไปสุสานช้าง นาตาชาย้อนถามว่ารู้เส้นทางลับหรือ ดร.วิทยาไม่เข้าใจ

“ใช่ เส้นทางลับที่จะผ่านเขตภาพลวงตาเข้าไปในป่าสุสานช้าง”

“ก็เธอไงนาตาชา เธอนั่นแหละที่จะนำทางฉันไป”

“ไม่ใช่ฉัน...คนที่จะนำทางได้คือ คุณเดี่ยว คุณดอน พวกเสาร์ห้า”

ดร.วิทยามองนาตาชาอย่างข้องใจ เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย...ไม่นาน นาตาชาก็ถูกแก้มัดให้ โทร.หาเดี่ยวกับดอน เดี่ยวรับสายเปิดเสียงให้ดอนฟังด้วย ทั้งสองทำเป็นรับฟังคำสั่ง นาตาชาสั่งสองหนุ่มให้เตรียมพร้อมเดินทางไปสุสานช้างพรุ่งนี้อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ สองหนุ่มรับทราบ

เรื่องย่อ เกมร้าย เกมรัก ตอน 3 ละครช่อง3


ตอนที่ 3

เช้าวันรุ่งขึ้น แตลอยมายืนตะโกนเรียกสายชลที่หน้าบ้าน สายชลสะดุ้งตื่น รีบลุกไปโผล่หน้าต่างตะโกนบอกว่า เดี๋ยวออกไป โดยไม่รู้ว่าหน้าตาตัวเองถูกนางฟ้าแต้มแต่งไว้สีจัดจ้าน ปากแดงแจ๋ ตาสีฟ้า คิ้วดำเมี่ยม แก้มชมพูแจ๊ด

แตลอยผงะ ขยี้ตาแรงๆพึมพำกับตัวเอง “นี่กูตาฝาดไปป่าววะ”

สายชลยังไม่รู้ตัว รีบตักน้ำบ้วนปาก ล้างหน้าลวกๆ ทำให้เครื่องสำอางที่แต้มไว้บนหน้าเลอะเทอะไปหมด เสร็จแล้วรีบเดินออกไป บอกแตลอยว่าไปได้แล้ว แตลอยมองหน้างงๆย้อนถามว่าแน่ใจว่าจะไปอย่างนี้หรือ

“เออ...เร็วสิ” พูดแล้วก็เดินนำอ้าวไป แตลอยเกาหัวแกรกๆแล้วรีบตามไป

พากันเดินไปจนถึงบริเวณชุมชน พวกสาวๆพากันมองสายชลตะลึงอึ้งจนเขาแปลกใจถามแตลอยเบาๆว่าเขามองอะไรกัน แตลอยบอกว่า “มองแกนั่นแหละ”

แตลอยยังไม่ทันบอกอะไรอีก อารีฟะก็อุ้มหนูแดงออกมา พอเห็นหน้าสายชลก็อุทานเหมือนถูกผีหลอก

“คุณพระช่วย...ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้สายชล...อย่าบอกนะว่าแกเป็นตุ๊ด”

สายชลเหวอไม่รู้ว่าอารีฟะหมายถึงอะไร จนกระทั่งเข้าไปที่หน้าบ้าน อารีฟะเอากระจกให้ส่องดู สายชลถึงกับตาเหลือกหันเล่นงานแตลอยว่าทำไมไม่บอกตน แตลอยยิ้มแหยๆบอกว่าไม่รู้จะบอกยังไง

“แล้วใครทำกับสายชลแบบนี้” อารีฟะถาม สายชล แทบไม่ต้องคิด กำหมัดแน่น นึกถึงนางฟ้าทันที พูดอย่างหัวเสีย

“จะใครซะอีกล่ะ!”

ooooooo

ที่ใต้ต้นมะพร้าว แม่ตัวแสบกำลังหัวเราะขำๆอยู่คนเดียว สวยถามว่าหัวเราะอะไร เธอบอกว่าไม่รู้ มันรู้สึกว่ามีความสุขเลยอยากหัวเราะ พูดแล้วก็หัวเราะคิกๆๆๆ

“นางฟ้า!” เสียงสายชลดังขึ้น ทันทีที่ได้ยินเสียง นางฟ้าตกใจเหมือนวัวสันหลังหวะ ลุกได้ก็วิ่งอ้าวไป สายชล วิ่งตามพลางร้องถาม “จะไปไหนตัวแสบ!”

สวย กอยา และซาติน ที่มาสุมหัวกันอยู่กับนางฟ้า พากันมองงงๆ กอยาถามว่าสายชลกับนางฟ้าเล่นอะไรกัน สวยเองก็ไม่รู้ เลยชวนกันรีบตามไปดูดีกว่า

นางฟ้าวิ่งหนีสายชลเข้าไปในบริเวณชุมชน สายชลวิ่งตามไม่ลดละ เจอซะละกับนาราแบกท่อนไม้เดินมาตามทาง ซะละตกใจร้องลั่น “นางฟ้า ระวัง...”

ช้าไปแล้ว นางฟ้าหยุดไม่ทัน เลยก้มหัวลอดท่อนไม้ไป สายชลวิ่งตะบึงมาเบรกไม่ทัน เลยโดนท่อนไม้ฟาดจนหน้าหงายล้มผลึ่งเห็นดาวเต็มฟ้า มามิโผล่มาเห็น ตกใจตะโกนเรียก “สายชล...” นางฟ้าได้ยินหยุดกึกหันมอง เห็นสายชลนอนแผ่ที่พื้นก็หน้าเสีย

เหตุการณ์วุ่นวายยิ่งขึ้น เมื่อซะละตกใจปล่อยท่อนไม้ทำให้นาราเสียหลักเซแซดๆ แสงดาวกับปีร์กะถือตะกร้าผักมาเห็นนาราก็ตกใจ นาราพยายามประคองท่อนไม้ไว้ไม่ให้หมุนไปฟาดใครเข้า แตลอยตัวยุ่งมาถึงพอดีรีบเข้าไปช่วยจับนารา แต่สะดุดพุ่งถลาเข้าชนปีร์กะเข้าอย่างจัง ปีร์กะเซไปชนแสงดาวทำตะกร้าผักหล่น ผักหกกระจุยกระจาย...

นาราเสียหลักล้มลง ท่อนไม้หล่นทับตีนตัวเองจนร้องจ๊าก บอกให้สวยช่วยที สวยไม่สนใจพ่อเพราะตั้งหน้าตั้งตาแย่งกับมามิเข้าไปหาสายชล

นางฟ้าที่หยุดดูเหตุการณ์อยู่ เห็นเรื่องวุ่นวายกันใหญ่โตดูท่าไม่ดี เลยย่องหนีไป สายชลลุกขึ้นมองหาไม่เจอ เขาบ่นอย่างหัวเสีย “ตัวต้นเหตุหายไปไหนแล้ว”

ooooooo

สายชลโมโหมากทั้งเจ็บตัวทั้งเจ็บใจ เดินอ้าวกลับบ้านหมายคิดบัญชีกับนางฟ้าเสียให้เข็ด แต่พอเข้าบ้านมองหาไม่เห็นร้องเรียกก็ไม่ตอบ เลยแกล้งพูดว่าไม่อยู่ก็ดีแล้วตนจะออกข้างนอกดีกว่า เขาแกล้งเปิดประตูแล้วปิดปัง ทำเหมือนออกไปแล้ว

นางฟ้าซ่อนอยู่ใต้เตียง ได้ยินเสียงพูดและเสียงปิดประตูปังก็นึกว่าสายชลออกไปแล้ว ค่อยๆ คลานออกมากวาดตามองไปรอบๆอย่างระวัง พลันก็สะดุ้งโหยงเมื่อมีมือมาสะกิดไหล่ หันไปเห็นสายชลก็ตั้งท่าจะวิ่งหนี

ช้าไปแล้ว เพราะสายชลคว้าแขนไว้กระชากอย่างแรง แต่แรงไปหน่อยนางฟ้าเลยถลาเข้าไปติดตัวเขา สายชลเป็นฝ่ายตกใจอึ้งไปเอง แล้วรีบผละออก ทำเสียงเข้มปราม “หนีสายชลไม่พ้นหรอก...”

นางฟ้าถูกสายชลเอาตัวไปที่แปลงผัก ที่ซะละ แสงดาว นารา มามิ และปีร์กะกำลังเก็บผักอยู่ เขาบอกให้นางฟ้าขอโทษทุกคน แต่ไม่มีใครโกรธเธอ และให้อภัย สายชลไม่ยอมยืนยันต้องลงโทษที่เธอทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมด

วิธีลงโทษของสายชลคือ ให้นางฟ้าเก็บผักแทนพวกซะละ ส่วนตัวเองนอนเปลญวนใต้ต้นไม้คอยมองไม่ให้นางฟ้าอู้งาน พอโดนค้อนก็พูดขู่ขำๆว่า

“เอ้า...ค้อนอยู่นั่นแหละ ตาเหล่ไม่รู้ด้วยนะ”

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสั่งให้ไปกวาดใบไม้ที่ลานหมู่บ้าน โดยตัวเองนอนเอกเขนกคุมตามเคย ขู่ว่าถ้ากวาดใบไม้ไม่หมดวันนี้ไม่ให้กินข้าว

นางฟ้ากวาดไปเจอขี้แพะ เธอไม่รู้จักหยิบขึ้นมาดู แหงนมองต้นไม้เห็นมีผลไม้เล็กๆอยู่เต็มต้นก็นึกว่าขี้แพะ

คือผลไม้ที่หล่นลงมา เลยลองชิม ทำหน้าเหยเก บ่นว่ารสมันแปลกๆ

สายชลเห็นแต่ร้องห้ามไม่ทัน บอกเธอว่านั่นมันขี้แพะ แล้วอดหัวเราะขำไม่ได้ นางฟ้างอนถามว่ารู้แล้วทำไมไม่บอกกัน สายชลบอกว่า “ก็กำลังจะบอก แต่บอกไม่ทัน คนอะไรกินขี้แพะ ฮ่าๆๆๆ”

ขณะสายชลอ้าปากกว้างหัวเราะนั่นเอง นางฟ้าหยิบขี้แพะปาเข้าปากเขาพอดี สายชลหุบปากเพราะเธอปาขี้แพะเข้าปากลงไปถึงคอเลย ถามว่าปาอะไรมา

“ขี้แพะไง ฮ่าๆๆๆ” นางฟ้าหัวเราะทีหลังดังกว่า เห็นสายชลวิ่งไปอ้วกก็ยิ่งขำ

ooooooo

ตกบ่าย สายชลพานางฟ้าไปที่ริมผา ชี้ให้เธอดูหอยเม่นใต้น้ำ บอกว่า มันคือหอยเม่นที่มีหนามแหลมๆ รอบตัวพลางส่งถุงมือให้บอกว่า เราจะลงไปเก็บหอยเม่นกัน เตือนให้ระวังอย่าโดนหนามเข้าล่ะ เพราะว่ามันมีพิษ

“ถ้านางฟ้าเก็บหอยเม่นได้มากกว่าสายชล สายชลจะหยุดลงโทษนางฟ้า” สายชลบอก

ทั้งสองใส่ถุงมือดำลงไปเก็บหอยเม่น ปรากฏว่าสายชลเก็บได้มากกว่า 1 ตัว นางฟ้าเลยแพ้ แต่นางฟ้าเล่นบทขี้แพ้ชวนตี อ้างว่า สายชลแข็งแรงกว่าก็ต้องชนะอยู่แล้ว พาลหยิบหอยเม่นปาใส่เขา แต่ลืมใส่ถุงมือเลยถูกหอยเม่นตำร้องลั่น

สายชลตกใจรีบจับมือขึ้นมาดู นึกสงสารแต่ก็บ่น ถามว่าจะสมน้ำหน้าดีไหมที่เตือนแล้วไม่ระวังเอง

จนเย็นพากลับบ้าน นางฟ้ายังเจ็บมืออยู่ เขาบอกว่าอดทนหน่อยพรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น แล้วนึกได้ว่าตั้งแต่กลางวันเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย จึงจัดหาอาหารมากินกัน นางฟ้ายังเจ็บมือกินข้าวไม่ถนัดจนปากเลอะเทอะ สายชลจึงป้อนให้ป้อนเธอคำตัวเองคำ

“รีบๆกินเข้า กินเสร็จสายชลจะพานางฟ้าไปดูอะไรบางอย่าง”

สิ่งที่สายชลพาไปดูคือชิงช้าที่เขาซ่อมเสร็จแล้วนั่นเอง นางฟ้าดีใจมากขึ้นนั่งชิงช้าชมว่า

“สายชลรู้ไหม ว่าสายชลเป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลก” แล้วขอให้เขาไกวชิงช้าให้

นั่งชิงช้าอยู่นานจนสายชลชวนกลับกันเถอะตนง่วงแล้ว นางฟ้ายังติดใจ ไม่ยอมกลับ แหงนมองท้องฟ้าเห็นดวงดาวพราวเต็มฟ้า ก็รบเร้าสายชลอ้อนว่าอยากได้ดาวให้ไปเอามาให้หน่อยได้ไหม

สายชลบอกว่าไม่ได้ เพราะดวงดาวอยู่ในจักรวาล เราต้องนั่งจรวดถึงจะไปจักรวาลได้ แต่ตนไม่อยากไปเพราะไม่รู้ว่าโลกภายนอกมีอะไรบ้าง ที่นี่เป็นบ้านเกิดของตน พ่อแม่ของตนอยู่ที่นี่ แล้วก็...ตายที่นี่...

พูดถึงพ่อแม่แล้วเขาก็เศร้าไปถนัด นางฟ้าพลอยเศร้าไปด้วยถามว่า “พ่อกับแม่สายชลตายแล้วเหรอ”

“ฮื่อ...พายุพังบ้านสายชล แล้วมันก็เอาพ่อกับแม่ของสายชลไปด้วย สายชลพยายามจะช่วยพ่อกับแม่ แต่ตอนนั้นสายชลยังเด็กมาก สายชลได้แต่มองพ่อกับแม่ตายไปตรงหน้า” เสียงเขาสั่นเครือ มือกำแน่น น้ำตาคลอ จนนางฟ้ามองซึม...

ooooooo

ฟังสายชลเล่าเรื่องพ่อกับแม่แล้ว นางฟ้าเปรียบเทียบกับตัวเองว่าเขายังดีที่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ แต่ตนจำไม่ได้เลยว่าตัวเองมีพ่อกับแม่หรือเปล่า พ่อแม่ ตนหน้าตาเป็นยังไง แล้วตอนนี้พ่อกับแม่ตนอยู่ที่ไหน... พูดแล้วก็ร้องไห้ สายชลเช็ดน้ำตาให้ปลอบโยนว่า

“ถึงนางฟ้าจะจำพ่อกับแม่ตัวเองไม่ได้ แต่นางฟ้าก็ยังมีสายชล ครอบครัวของสายชล ก็คือนางฟ้า”

นางฟ้ายิ้มออก พูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใสขึ้นว่า “ครอบครัวของนางฟ้าก็คือสายชล” สายชลย้ำว่าเราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป นางฟ้าบอกให้เขาสัญญา

“สัญญา สายชลกับนางฟ้าจะอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป”

“สัญญา” นางฟ้าพูดสบตากันดวงตาแจ่มใส สายชลจับหัวนางฟ้าซบที่ไหล่ตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด เหลือบมองหน้าสายชลแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกดีๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อน...

ooooooo

ชมพูแพรกับหมอวัฒนา ยังออกตามหาฟ้าลดาไม่ลดละ วันนี้ก็พากันไปไหว้พระอธิษฐานขอให้ตามเจอน้อง หมอวัฒนาเห็นเธอหน้าซีดๆ ถามว่าไม่สบายอีกหรือเปล่า เธอปฏิเสธ บอกว่าตนไม่อยากรู้สึกหมดหวัง แต่พอมาถึงวันนี้ก็นึกถึงอย่างที่ตำรวจบอก...น้องอาจจะตายไปแล้ว...ตนรู้สึกผิดกับน้อง พูดแล้วร้องไห้ จนหมอวัฒนาดึงเข้าไปกอดปลอบ

เมื่อทำใจให้เข้มแข็งได้แล้ว ชมพูแพรบอกว่า ต่อไปจะไม่ท้อ เราจะตามหาฟ้าลดากันต่อไป แล้วจับมือกันเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น

ทั้งสองพากันไปที่ท่าเรือ ชมพูแพร หมอวัฒนา และตำรวจที่ไปด้วย ต่างเอารูปของฟ้าลดาให้ชาวประมงและคนที่ท่าเรือดู แล้วก็ต้องออกมาอย่างผิดหวังทุกครั้ง

ขณะเดินออกจากชาวประมงรายสุดท้ายนั้น ทั้งสองเห็นยาซะกำลังเดินอยู่ แต่พอจะเดินไปหา มือถือของชมพูแพรก็ดังขึ้นเสียก่อน

คุยโทรศัพท์แล้ว เธอบอกหมอวัฒนาหน้าตาเคร่งเครียดว่า ตนต้องรีบกลับกรุงเทพฯแล้ว เพราะหญิงฉวยโอกาสที่ตนไม่อยู่เล่นตุกติก ตอนนี้โรงแรมกำลังจะถูกโอนเป็นชื่อของหญิงคนเดียว บอกหมอวัฒนาแล้วก็เดินเลี่ยงออกไปโทร.ขอเลื่อนวันเดินทางกลับกรุงเทพฯกับสายการบิน ย้ำว่าต้องการไฟลต์เร็วที่สุด

ขณะทั้งสองกำลังร้อนใจเรื่องที่กรุงเทพฯนั้น ข้างหลังของทั้งสอง ยาซะ หมึก และฉลามก็ออกเรือไปแล้ว

ooooooo

ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ ชมพูแพรตรงดิ่งไปที่โรงแรม บอกให้หมอวัฒนารอข้างนอกตนจะเข้าไปคนเดียวเพราะเป็นเรื่องระหว่างตนกับหญิงสองคนเท่านั้น

ชมพูแพรถูกพนักงานกันไม่ให้เข้าไปในโรงแรม เธอไม่สนใจเดินลุยตรงไปที่ห้องประชุม เจอหญิงพอดี หญิงบอกให้ รปภ.ออกไปได้แล้ว จากนั้นเธอก็เผชิญหน้ากับชมพูแพร พูดกันอย่างไม่เหลือความเป็นเพื่อน

หญิงอ้างว่าเราสร้างโรงแรมนี้มาด้วยกัน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอชอบแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเป็นเจ้าของโรงแรมแต่เพียงผู้เดียว ชมพูแพรบอกว่าตนไม่เคยคิดแบบนั้น หญิงไม่เชื่อเพราะรู้ “สันดาน” เธอดี ตัดบทว่า

“ฉันทุ่มเทแรงกายแรงใจให้โรงแรมนี้มากกว่าเธอ เพราะฉะนั้นโรงแรมนี้ควรเป็นของฉัน ไม่ใช่สิ โรงแรมนี้ต้องเป็นของฉัน...”

ชมพูแพรถามว่าเธอต้องการแบบนี้ใช่ไหม ถ้างั้นเตรียมตัวไว้ ประกาศว่า “ฉันจะกลับมาทวงโรงแรมของฉันคืน”

“ถ้าเธอมีเงินสัก 500 ล้านแล้วค่อยมาว่ากัน ตอนนี้เชิญออกไปจากโรงแรมฉันได้แล้ว” หญิงไล่

ชมพูแพรออกมาด้วยความแค้นแน่นอก หญิงมองตามอย่างสะใจ

ออกมาเจอหมอวัฒนา เธอร้องไห้โฮ บอกหมอว่าตนไม่เหลืออะไรแล้ว หมอวัฒนากอดเธอไว้อย่างปลอบใจ

ooooooo

ที่เกาะมิน นางฟ้ายังคงสนุกกับชีวิตที่ลืมหมดทุกอย่างในอดีต ความนึกคิดเหมือนเด็กไร้เดียงสาจนสายชลปวดหัว

วันนี้เธอเก็บเสื้อให้สายชล เห็นเสื้อเขาขาด นึกอะไรได้ เอาเสื้อลายดอกของตัวเองมาขลิบที่ชายเอามาทาบที่รอยขาด พลันก็ตกใจรีบเอาซ่อนไว้ในตะกร้า เมื่อได้ยินเสียงสายชลร้องเรียกแล้วเดินเข้ามา ถามว่าทำอะไรอยู่

นางฟ้ารีบลุกขึ้นเดินออกไปบอกว่าจะไปเก็บผัก สายชล เห็นตะกร้าใส่ผักวางอยู่ก็บ่นขำๆว่าไปเก็บผักแล้วไม่เอาตะกร้าไป พลางหยิบตะกร้าขึ้นดูก่อนเดินตามไป

นางฟ้าเดินมาได้ยินเสียงนารากับอารีฟะอยู่หลังพุ่มไม้ สงสัยเลยแอบดู  เห็นทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันประสาผัวเมีย นางฟ้าตกใจอ้าปากจะร้อง สายชลมาถึงพอดีรีบเอามือปิดปากเธอไว้แล้วลากออกจากตรงนั้น

นางฟ้าสงสัยตามเคยถามว่าเมื่อกี้นี้นารากับอารีฟะทำอะไรกัน สายชลตอบแบบผ่านๆไปว่าเขาจูบกันอยู่

นางฟ้ามองเขาตาแป๋วถามว่าทำไมต้องจูบ รบเร้าคาดคั้นจนสายชลจำต้องบอกว่าเป็นการแสดงความรักต่อกัน

“คนรักกันต้องกอดกันแล้วก็จูบกัน” นางฟ้าพึมพำ

“แต่คนที่จะกอด จะจูบกันได้ นอกจากเป็นคนรักกันแล้ว ยังต้องเป็นผัวเมียกันอีกด้วย” สายชลรีบบอกกลัวเธอจะไปทำอะไรแบบที่เอาหมอนไปซักอีก นางฟ้าฟังทำหน้างงๆ พึมพำคำว่า “ผัวเมีย...”

ที่ใต้ต้นมะพร้าว สวยทำตัวเป็นผู้รู้เรื่องชีวิตแบบผัวๆเมียๆ สุดท้ายพูดขู่นางฟ้าว่า ถ้าวันใดตนได้แต่งงานกับสายชล ก็ต้องอยู่กันสองคนประสาผัวเมียตามประเพณีของชาวเกาะ แล้วนางฟ้าก็ต้องออกจากบ้านนี้ไป

“สายชลไม่มีทางเอาสวยเป็นเมียหรอก” นางฟ้าเถียง เพราะ “สายชลบอกว่านางฟ้าเป็นคนในครอบครัวของสายชลแล้วสายชลก็สัญญากับนางฟ้าว่าเราจะอยู่ที่นี่ อยู่ด้วยกันตลอดไป เพราะฉะนั้น สายชลไม่มีทางให้ไปอยู่ที่อื่น”

พูดแล้วนางฟ้าก็เดินงอนๆไป สวยมองเหวอ กอยากับซาตินแอบขำ แต่พอสวยมองตาเขียวก็หุบปากเงียบ

กลับมาถึงบ้าน เห็นสายชลหลับสนิทอยู่ นางฟ้าย่องไปหยิบตะกร้าใส่ผัก เอาเสื้อสายชลมาปะอย่างตั้งอกตั้งใจ ถูกเข็มตำมือหลายครั้งก็ยังอดทนปะจนเสร็จ

ooooooo

รุ่งขึ้น สายชลตื่นขึ้นมาไม่เห็นนางฟ้า ได้ยินเสียงเจ้าแก้วตา นกแก้วแสนรู้ร้อง “หิว...หิว...” สายชลเลยไปหยิบอาหารจะมาเทให้ จับพลาดอาหารหกรดเสื้อเปื้อน เขาจึงไปหยิบเสื้อมาเปลี่ยน มามิที่มาหาแต่เช้า เจอสายชลกำลังถอดเสื้อจะเปลี่ยน เห็นกล้ามเป็นมัดๆ เห็นเขาอยู่คนเดียวด้วย เป็นโอกาสทองแท้ๆ จะเข้าไปปล้ำ

นางฟ้าที่ไปหลับอยู่หลังบ้านตื่นขึ้นมา มองเสื้อในมือแล้วยิ้มอย่างดีใจ บอกตัวเองว่าสายชลต้องชอบแน่ๆ ถือเสื้อเดินเข้าไป เจอมามิกำลังปล้ำจูบสายชลพอดี

นางฟ้านึกถึงคำพูดของสวยที่บรรยายความเป็นผัวเมียกันให้ฟังที่ใต้ต้นมะพร้าว นึกถึงที่สวยบอกว่าถ้าสายชลมีเมียเธอก็ต้องถูกเฉดออกจากบ้าน แต่พอนึกถึงคำมั่นสัญญาของสายชลที่บอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป นางฟ้าก็รับไม่ได้มองภาพตรงหน้ากำมือแน่น เสียใจอย่างที่สุด

เป็นจังหวะที่สายชลผลักมามิออก เห็นนางฟ้าเข้าพอดี เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ รีบเดินไปหา

“สายชลโกหก ไหนสายชลบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไหนบอกว่าจะอยู่กับนางฟ้าตลอดไป” ต่อว่าแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป สายชลร้องเรียก วิ่งตามไป

มามิมองเหวอร้องถามว่า สายชลจะไปไหน จะไปไหน...

แล้ววิ่งตามไปกอดสายชลไว้ บอกว่าเราต้องเป็นผัวเมียกันเพราะเขาจูบตนแล้ว สายชลบอกว่าเธอจูบตนต่างหาก แกะมือมามิออกแล้ววิ่งตามนางฟ้าไป

ooooooo

นางฟ้าวิ่งไปริมหาด เจอเรือจอดอยู่ก็กระโดดลงเรือพายออกไปสุดแรง สายชลกระโดดลงเรืออีกลำตามไป เมื่อตามทันก็ดึงเรือไว้ นางฟ้าเอาพายฟาดมือ แม้จะเจ็บแต่สายชลก็คว้าพายขว้างทิ้งไป แล้วกระโดดข้ามไปที่เรือของนางฟ้า

ทั้งคู่ยื้อยุดกันในเรือจนเรือล่ม พอนางฟ้าโผล่พ้นน้ำก็จะว่ายหนี ถูกสายชลคว้าตัวเข้าไปกอด ดุว่าทำอะไรให้หัดคิดเสียบ้าง ถ้าเธอเป็นอะไรไปตนจะอยู่ได้ยังไง

นางฟ้าต่อว่าสายชลว่าไม่รักษาสัญญา คร่ำครวญว่าถ้าสายชลเป็นผัวเมียกับมามิแล้ว  ตนต้องถูกไล่ออกจากบ้าน แล้วตนจะไปอยู่ที่ไหน ตนกลัวไม่กล้าอยู่คนเดียว พูดไปร้องไห้ไปอย่างน่าสงสาร สายชลเช็ดน้ำตาให้ชี้แจงว่า

“สายชลกับมามิไม่ได้เป็นผัวเมียกัน สายชลไม่ได้รักมามิ” นางฟ้าหยุดร้องไห้ถามว่าจริงหรือ “จริงสิ สายชลสัญญาว่าจะไม่ทิ้งนางฟ้าเราจะอยู่กันไปอย่างนี้เรื่อยๆดีไหม”

นางฟ้าถามว่าแล้วเขาจะไม่รักใครหรือ หรือว่าจนกว่าจะเจอคนที่ใช่เราถึงจะรู้ว่ารัก เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกตน

“ใช่ และถึงสายชลจะรักใครนะ สายชลก็จะไม่ปล่อยให้นางฟ้าอยู่คนเดียว”

ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น มีความสุขกับคำมั่นสัญญาและความรู้สึกที่มีต่อกัน

ดังนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน เจอมามิหิ้วปิ่นโตมาส่งสายชล นางฟ้าจึงบอกมามิว่าเลิกตื๊อสายชลได้แล้วเพราะสายชลไม่ได้รักเธอ มามิไม่เชื่อถามสายชลว่าพูดอย่างนั้นจริงหรือ พอสายชลบอกว่าจริง เธอก็แผดเสียงเหมือนคนบ้าใส่ทั้ง

สองคน กระทืบเท้าเร่าๆวิ่งกลับไป แต่พอกลับมาถึงหน้าบ้านมามิหยุดคำรามเบาๆอย่างหมายมาดว่า

“นางฟ้านะนางฟ้า ไม่ช่วยกันเล้ย...ยังไงฉันก็ไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆหรอก สายชลต้องเป็นผัวฉันคนเดียวเท่านั้น!”

ส่วนสายชล พอมามิไปแล้วก็นึกได้ หยิบเสื้อที่นางฟ้าปะให้ออกมาถามว่า

“นางฟ้าทำให้สายชลเหรอ” พอเธอพยักหน้า เขายิ้มจับมือเธอขอบใจ แต่ไปจับถูกนิ้วที่ถูกเข็มตำ เธอร้องโอ๊ย... พอรู้ว่าเธอถูกเข็มตำเพราะปะเสื้อให้ตน สายชลก็ยิ่งซึ้งใจ ลูบหัวโอ๋ แค่นั้นนางฟ้าก็ยิ้มแฉ่งแล้ว พูดอย่างดีใจว่า

“ไม่เป็นไร นางฟ้าไม่เจ็บ นางฟ้าดีใจที่สายชลชอบ สายชลใส่สิ นางฟ้าอยากเห็น” พอสายชลใส่ถามว่าหล่อไหม เธอชมว่าหล่อ แล้วหัวเราะกันอย่างร่าเริง

ooooooo

ที่บ้านชมพูแพร ทนายนัดเปิดพินัยกรรม เมื่อชมพูแพรเข้ามานั่ง ทนายถามว่าพร้อมแล้วใช่ไหม แล้วเริ่มอ่านพินัยกรรม

ในพินัยกรรมของนายภมร พิมุขมนตรา ผู้เป็นพ่อ ระบุว่า

1. บ้านที่อยู่ในปัจจุบัน บ้านสวนหลังเล็ก บริษัทฟลายฟาสแอร์ไลน์ เครื่องเพชรทอง และเงินสดจำนวน 1,300 ล้านบาท ขอมอบให้นางสาวฟ้าลดา พิมุขมนตรา

2. กิจการบ้านเช่า และเงินสดจำนวน 300 ล้าน ขอมอบ ให้นางสาวชมพูแพร พิมุขมนตรา

ชมพูแพรนิ่งอึ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อทนายอ่านพินัยกรรมจบ เธอเอ่ยขึ้นว่า

“คุณอาคงทราบว่าตอนนี้เรายังหายัยฟ้าไม่พบ ถ้าเกิด...ยัยฟ้าเสียชีวิต ส่วนที่ยัยฟ้าต้องได้จะทำยังไงคะ”

ทนายสมคิดบอกว่าก็ต้องตกเป็นของทายาทลำดับต่อไปซึ่งก็คือตัวเธอนั่นเอง ชมพูแพรถามอีกว่า แล้วถ้าเกิดเราไม่รู้ว่าตอนนี้ฟ้าลดาเป็นหรือตายล่ะ

“ถ้ายังไม่พบคุณฟ้าลดาภายในห้าปี คุณฟ้าลดาก็จะเป็นบุคคลหายสาบสูญ แต่ในกรณีอย่างคุณฟ้าลดาที่หายตัวไปเพราะเรือล่ม คุณชมพูแพรมีสิทธิ์ที่จะยื่นเรื่องให้คุณฟ้าลดาเป็นบุคคลหายสาบสูญภายในหนึ่งปีครับ”

ชมพูแพรฟังทนายสมคิดแล้วนิ่ง แววตาตรึกตรอง

ooooooo

ป้าเนียมเก็บแก้วน้ำเข้าไปไว้ในครัว เจอแหวนสาวใช้รุ่นใหม่เจ๋อเข้ามาสาระแนว่า ชมพูแพรจ๋อยไปเลยที่ได้สมบัตินิดเดียว ป้าเนียมมองหน้าแหวนอย่างตำหนิ ถามว่าไปแอบฟังมาหรือ แหวนแก้ตัวว่าเปล่า แค่บังเอิญได้ยิน

“นังนี่...สาระแนจริงๆ เมื่อไหร่แกจะเลิกมองคุณแพรในแง่ร้ายเสียที” ป้าเนียมฉุน

แหวนยังเถียงว่าตนไม่ได้มองชมพูแพรในแง่ร้าย ถามป้าเนียมว่าไม่เห็นแววตาเธอหรือ มันไม่บริสุทธิ์เหมือนคุณฟ้าลดาเลย ทั้งยังพูดอย่างอวดรู้อวดดีว่า “ก็เพราะงี้แหละคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงถึงรักคุณฟ้ามากกว่าคุณแพร”

แหวนพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกป้าเนียมเขกหัวดังโป๊ก ปรามว่าถ้าไม่รู้อะไรอย่าพูด แทนที่จะหยุด แหวนทำตาโตถามว่าป้ารู้อะไรที่ตนไม่รู้เหรอ เลยโดนเขกหัวอีกโป๊กหนึ่งถึงหยุดแหวนได้ แหวนคลำหัวป้อยๆบ่นว่าเขกหัวตนแบบนี้สมองเสื่อมหมด

“ถ้าไม่อยากโดนอีก ก็เลิกเม้าท์เจ้านายได้แล้ว คุณแพรเธอเป็นคนน่าสงสาร แล้วตอนนี้ก็ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ เสียทั้งคุณพ่อคุณแม่ แล้วคุณฟ้าก็มาหายตัวไปอีก” พูดแล้วป้าเนียมกวาดตามองพวกคนใช้บอกว่า “พวกเราต้องเห็นใจคุณแพรให้มาก มีอะไรที่ช่วยได้ พวกเราต้องช่วย เข้าใจไหม”

ทุกคนพยักหน้ารับ ยกเว้นแหวนที่นั่งคอแข็งหน้างออยู่

ooooooo

ชมพูแพรเข้าไปในห้องนอนตัวเอง หยิบรูปครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ฟ้าลดา และตนเอง ถ่ายร่วมกันขึ้นดู อดคิดถึงอดีตไม่ได้...

เวลานั้นเธอเพิ่งอายุได้ 5 ขวบ ลัดดากับภมรไปรับเธอจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อพี่เลี้ยงจูงเธอมา ลัดดาเป็นคนอุ้มเธอขึ้น ชวนอย่างอบอุ่น เมตตาว่า “มาเป็นลูกของแม่นะลูกนะ”

แต่หลังจากนั้นไม่นาน วันหนึ่งลัดดาก็บอกเธอว่า “ดีใจไหมแพร ลูกกำลังจะมีน้องแล้วนะ” ชมพูแพรไม่ตอบแต่กำมือแน่น ตาแข็งกร้าวอย่างไม่พอใจ

5 ปีผ่านไป ชมพูแพรอายุได้ 10 ขวบ และฟ้าลดาอายุได้ 5 ขวบ เธอแย่งของเล่นกับน้อง เธอดุจนน้องร้องไห้ ภมรมาเจอเข้าเอ็ดชมพูแพรว่า “เราเป็นพี่ ทำไมถึงแย่งของน้อง คืนน้องไปซะ”

ลัดดาขอว่าอย่าดุชมพูแพรเลย ภมรไม่ยอม บ่นอย่างเบื่อหน่ายว่า

“ไม่ได้ เด็กอะไรนิสัยไม่ดี ไม่น่าเอามาเลี้ยงเลยจริงๆ”

นั่นคือตราบาปที่อยู่ในใจของชมพูแพรตลอดมา แต่นั้นมา เธอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเป็นส่วนเกินของครอบครัว 

คิดถึงอดีตแล้วก็ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำของตนกับฟ้าลดา เธอเดินไปมองตัวเองในกระจกพึมพำอย่างสมเพชตัวเองว่า

“ขนาดพ่อกับแม่ตายไปแล้ว ก็ยังยกทุกอย่างให้ ยัยฟ้ามากกว่าแพร...” 

ป้าเนียมมาเคาะประตู ชมพูแพรรีบปรับสีหน้าหันไปดูเห็นป้าเนียมเอาน้ำส้มมาให้ เธอขอบคุณพลางวางกรอบรูปไว้บนชั้น ป้าเนียมถามว่าได้ข่าวฟ้าลดาบ้างหรือยัง เธอส่ายหน้าบอกว่ายังไม่พบเบาะแสอะไรเลย แล้วเล่าว่า

“ใครๆก็บอกให้แพรถอดใจ บอกว่ายัยฟ้าไม่รอด แต่ตราบใดที่ยังไม่พบศพน้อง แพรเชื่อว่าน้องต้องยังไม่ตายค่ะ”

“คุณฟ้าเธอเป็นคนดี เธอต้องไม่เป็นอะไร ส่วนคุณแพร...คุณก็เป็นคนดีเช่นกัน ถึงใครไม่เห็นแต่เบื้องบนต้องเห็นเชื่อป้านะคะ”

ชมพูแพรพยักหน้าน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้น  ป้าเนียมขยับเข้ามากอดเธอไว้อย่างให้กำลังใจ ชมพูแพรมองไปทางรูปของฟ้าลดาอย่างครุ่นคิด

ooooooo

ที่เกาะมินวันนี้ ขณะที่สายชลกำลังสอนนางฟ้าเกี่ยวกับการทำธนาคารปูอยู่นั้น สวยก็เดินมาหาอย่างรีบร้อน ขอร้องนางฟ้าให้ช่วยตนด้วย นางฟ้าบอกว่าต้องรู้ก่อนว่าจะให้ช่วยอะไรถึงจะรับปากได้ สวยบอกว่าจะให้นางฟ้าเข้าประกวดธิดาสมุทรในปีนี้ สายชลถามอย่างสงสัยว่านึกยังไงถึงมาชวนนางฟ้าเข้าประกวด

สวยจึงยอมบอกว่า เพราะปีนี้มามิจะเข้าประกวด ตนเชื่อว่าถ้านางฟ้าเข้าประกวดต้องชนะเลิศแน่ๆ แตลอยฟังแล้วเชียร์สุดใจขาดดิ้น ท้าพนันกับสายชลว่า ถ้านางฟ้าชนะสายชลต้องแก้ผ้าวิ่งรอบเกาะ แต่ถ้านางฟ้าแพ้ตนจะแก้ผ้าวิ่งรอบเกาะเอง

สายชลตอบตกลงทันที สวยสัญญาว่าตนจะทำให้นางฟ้าชนะเลิศให้ได้

แสงดาวรับเป็นพี่เลี้ยงให้นางฟ้า นอกจากสอนเดินให้ไม่เป็นม้าดีดกะโหลกแล้วยังจับสอนให้เต้นระบำเกาะมิน

อีกด้วย แสงดาวเต้นให้ดูเป็นตัวอย่าง เธอเต้นได้พลิ้วไหวสวยงามมาก แต่พอนางฟ้าทำบ้างก็แข็งทื่อกระโดกกระเดกขัดๆเขินๆ

“ค่อยๆทำ ไม่ต้องรีบร้อน เราต้องให้ความรู้สึกประสานไปกับท่าเต้น แล้วจะทำให้การเต้นของเรามีเสน่ห์จนไม่มีใครละสายตาไปได้” แสงดาวแนะเคล็ดลับให้

นางฟ้าพยักหน้าแล้วพยายามทำตาม มานิมาแอบดูเห็นนางฟ้าเต้นได้ดีก็กำมือแน่นอย่างแค้นใจ มุ่งมั่นจะเอาชนะนางฟ้าให้ได้

ooooooo

นางฟ้าพยายามทำตามคำแนะนำของแสงดาว ไม่ว่าจะทำอะไร เดินไปไหน ก็พยายามฝึกทั้งกลางวันกลางคืน มามิก็ไม่ประมาท ฝึกอย่างหนักทั้งกลางวันกลางคืนเช่นกัน พูดกับตัวเองอย่างมั่นใจว่า

“คนอย่างมามิไม่เคยกลัวใคร และฉันมั่นใจว่าฉันต้องชนะ นางฟ้าไม่มีทางสู้ฉันเรื่องเต้นได้แน่นอน”

มามิซ้อมเต้นอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่เวลายกถาดสมุนไพรไปตากแดดก็ยังไปในท่าเต้น ทั้งยังคิดท่าเต้นใหม่ๆเพื่อเอาชนะนางฟ้า จนปีร์กะบอกว่าพักเสียบ้างเถอะ เดี๋ยวเอวเคล็ดถึงวันประกวดจริงๆจะเต้นไม่ได้

“อ้าวป้า...ทำไมปากเสียแบบนี้ล่ะ คนอย่างมามิ

ไม่มีทางแพ้หรอก” ว่าแล้วก็เต้นต่อ พลันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่เอวแต่ยังทำเหมือนไม่เป็นไร ปีร์กะมองหลานสาวอย่างรู้ทัน แต่ไม่พูดอะไร ไม่อยากถูกด่าว่าปากเสียอีก

ooooooo

วันงานมาถึงแล้ว ยาซะ หมึก และฉลามมาเที่ยวงานเหมือนทุกปี ยาซะคึกคักเป็นพิเศษเพราะจะได้ดูอาหารตาเสียให้เต็มอิ่ม ระหว่างเดินเที่ยวก็ทักทายบรรดาสาวๆไปตลอดทางอย่างแช่มชื่นเบิกบานใจ

ไม่นาน ซะละในฐานะหัวหน้าเกาะออกมาประกาศกลางลานอย่างน่าตื่นเต้นว่า

“สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวเกาะมิน พ่อแม่พี่น้องคงอยากเห็นสาวๆผู้เข้าประกวดกันแล้วใช่ไหม” เสียงตอบรับ

กันกึกก้อง โดยเฉพาะเสียงของพวกหนุ่มๆ ซะละหัวเราะชอบใจประกาศว่า “ถ้าอย่างนั้น เชิญพบกับสาวงามทั้งเจ็ดได้เลย” ซะละผายมือแล้วถอยไป

สาวงามทยอยเดินออกมาท่ามกลางเสียงปรบมือ เสียงเชียร์และเสียงเป่าปากของหนุ่มวัยคะนองจ้องบนเวทีเขม็ง มามิเดินมาเป็นคนที่หกตามด้วยนางฟ้า พอนางฟ้าเดินออกมาเสียงเชียร์ก็ยิ่งกึกก้อง สายชลมองตะลึง แตลอยมองตาค้าง

ยาซะกับหนุ่มชาวเกาะอีกส่วนหนึ่ง มองนางฟ้าที่วันนี้นอกจากจะสวยแล้วยังดูเซ็กซี่ใสๆด้วย ยาซะมองหื่น

มามิจับตามองสายชล รู้สึกแปลกๆกับสายตาของเขาที่มองนางฟ้า สวยก็เช่นกัน ถึงจะเป็นคนเชียร์นางฟ้าให้มาประกวดเพื่อเอาชนะมามิ แต่ก็อดรู้สึกแปลกๆกับสายตาของสายชลไม่ได้
เมื่อถึงเวลาเต้นโชว์ ปรากฏว่ามามิเต้นได้ไม่นานก็ปวดเอวจนเต้นไม่ไหวล้มลง เธอเสียใจมาก แต่ก็ได้รับกำลังใจจากซะละว่า “พวกเราปรบมือให้มามิกันหน่อย ไม่เป็นไรนะมามิ ไม่เป็นไร”

สุดท้ายคือนางฟ้า เธอเต้นได้สวยงามมาก ตลอดเวลาที่เต้นก็นึกถึงคำแนะนำของแสงดาวที่ว่า “เราต้องให้ความรู้สึกประสานไปกับท่าเต้น แล้วจะทำให้การเต้นของเรามีเสน่ห์จนไม่มีใครละสายตาได้” แล้วเธอก็ทำได้จริงๆ

หลังจากนั้น ซะละประกาศว่า “หนุ่มๆชาวเกาะมิน ถูกใจสาวคนไหน ให้เอาพวงมาลัยมาคล้องคอสาวๆ ที่ชื่นชอบได้เลย เชิญไปหยิบพวงมาลัยดอกไม้ที่แม่แสงดาวกับอารีฟะได้เลยจ้ะ”

หนุ่มๆพากันไปหยิบพวงมาลัย รุมกันไปคล้องให้นางฟ้า แตลอยไปหยิบแล้วยิ้มให้มามิ แต่กลับเดินไปคล้องให้นางฟ้า ยาซะคล้องพวงมาลัยให้นางฟ้าชมว่าวันนี้นางฟ้าสวยมาก ส่วนสายชลถือพวงมาลัยเดินมา มามิยิ้มรอรับพวงมาลัย เขาเดินมาชมว่าวันนี้เธอเต้นได้สวยมาก แต่กลับเดินไปคล้องพวงมาลัยให้นางฟ้า มามิยิ้มเก้อ มองอย่างไม่พอใจมาก

ooooooo

เมื่อถึงเวลาตัดสินผู้ครองตำแหน่งธิดาสมุทร ปรากฏว่านางฟ้าได้คะแนนท่วมท้น ท่ามกลางเสียงเฮชอบใจจากชาวบ้าน โดยเฉพาะหนุ่มๆ แตลอยกระโดดตัวลอยบอกสายชลว่าแพ้ตนแล้ว ต้องแก้ผ้าวิ่งรอบเกาะตามสัญญา พูดอย่างสะใจมากว่า

“เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่ฉันเอาชนะแกได้ อย่าลืมสัญญานะเว้ย วิ่งแก้ผ้า ฮ่าๆๆๆ” แตลอยหัวเราะชอบใจมาก

สายชลมองไปที่นางฟ้า เห็นยาซะกับพวกหนุ่มๆกำลังกลุ้มรุมเธออยู่ เขาพรวดเข้าไปจับแขนเธอบอกให้กลับบ้านได้แล้ว ซะละติงว่ายังมีงานฉลองต่ออีก เดี๋ยวจะให้นางฟ้าเลือกผู้ชายที่อยากออกไปเต้นรำด้วย สายชลเลยต้องปล่อยมือ

“เลือกเลยนางฟ้า อยากเต้นรำกับใคร” ซะละร้องบอก นางฟ้ามองไปรอบๆ แล้วเธอก็เลือกสายชล เธอตรงไปจับมือสายชลพากันออกไปเต้นรำ ทำให้ยาซะไม่พอใจ หาทางกันนางฟ้าออกจากสายชล ด้วยการเต้นเข้าไปแทรกกลางระหว่างสายชลกับนางฟ้า สองหนุ่มแก่งแย่งนางฟ้ากันไปมาด้วยลีลาการเต้นที่กลมกลืนแนบเนียน

สายชลยังไม่หายหงุดหงิดที่ยาซะพยายามเข้าแทรกระหว่างตนกับนางฟ้า เลยเข้าไปลากแขนนางฟ้าพูดเสียงดังสั่งให้กลับบ้าน แต่นางฟ้ายังไม่อยากกลับ ยังอยากสนุกต่อ สายชลถามอย่างไม่พอใจว่า เพราะอยากเต้นรำกับยาซะใช่ไหม ทำให้นางฟ้าไม่พอใจ บอกว่าเสียงดังใส่ตนแบบนี้ตนไม่ชอบ แล้วเดินหัวเสียไป

ยาซะมองสายชลอย่างสะใจที่ถูกนางฟ้าทิ้ง สายชลจะตามนางฟ้าไปแต่ก็ถูกพวกสาวๆพากันมาห้อมล้อมจนไปไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่มองตามนางฟ้าไปด้วยความรู้สึกหึงหวงโดยไม่รู้ตัว

ooooooo

กลายเป็นความไม่พอใจกันระหว่างนางฟ้ากับสายชล เมื่อกลับมาถึงบ้านนางฟ้าชมยาซะว่าเต้นรำเก่งกว่าสายชลอีก ทั้งยังไม่เคยเสียงดังกับตน เป็นคนใจดีซื้อของมาให้ตนบ่อยๆ ผิดกับสายชลที่ใจร้าย ชอบทำหน้าโหดใส่ ตนไม่ชอบเลย

สายชลโมโหรับไม่ได้ นางฟ้าตกใจวิ่งหนีออกจากบ้านไป สายชลขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย เดินออกจากบ้านไปอีกคน

เช้าวันรุ่งขึ้น นางฟ้าเห็นสายชลนอนหลับเป็นตายอยู่ ก็ย่องออกจากบ้านไปที่ชายหาด ยาซะอยู่บนเรือเห็นนางฟ้าก็รีบลงมาหา แกล้งหยอกด้วยการวักน้ำใส่ นางฟ้าสนุกเลยเล่นด้วย สายชลมาเจอยิ่งโมโหลากนางฟ้าขึ้นจากทะเลพากลับบ้าน

สายชลดุนางฟ้า สั่งไม่ให้ไปเล่นกับผู้ชายอื่นแบบนี้อีก ยิ่งเมื่อนางฟ้าพูดชื่นชมยาซะ สายชลก็ยิ่งโมโหกวาดของที่ยาซะซื้อให้นางฟ้าใส่ถุงเอาไปทิ้งทะเล ทำให้นางฟ้ายิ่งไม่พอใจ ตะโกนใส่หน้าว่า

“สายชลใจดำ  ใจร้ายที่สุด สายชลไม่น่ารักเลย นางฟ้าไม่ชอบสายชลแล้ว” พูดแล้ววิ่งออกไป แม้สายชลจะใจคอไม่ดีแต่ก็ทำฟอร์มว่าไม่แคร์ พูดเหมือนปลอบใจตัวเองว่า อยากรู้นักว่าจะไปไหนได้สักกี่น้ำ

นางฟ้าวิ่งร้องไห้ไปทางท่าเรือ ยาซะรีบลงมาหา ถามว่าเป็นอะไร สายชลว่าอะไรหรือ

“สายชลใจร้าย สายชลทิ้งของที่พี่ยาซะให้นางฟ้าหมดเลย นางฟ้าไม่อยากอยู่กับสายชลแล้ว”

ยาซะมองนางฟ้าอย่างมีแผน ชวน “ถ้างั้นไปอยู่กับพี่ยาซะไหม”

นางฟ้ามองหน้ายาซะนิ่งอย่างชั่งใจ

ooooooo

นางฟ้าถูกหว่านล้อมจนลงเรือไปกับยาซะ ยาซะสั่งหมึกกับฉลามให้รีบออกเรือ แต่เจ้ากรรมเรือสตาร์ตไม่ติด เสียเวลาจนสายชลตามมาเจอเรือติดแล้วจะออกไปพอดี สายชลตะโกนเรียก พอได้ยินเสียงสายชลนางฟ้าบอกให้หยุดเรือ ยาซะเห็นทีจะฝืนไปไม่ได้เลยทำเป็นทักสายชลแล้วสั่งให้หยุดเรือ สายชลไม่สนใจขึ้นเรือไปจับแขนนางฟ้าบอกให้กลับบ้าน

เหมือนถูกลูบคม ยาซะไม่ยอม เกิดชกต่อยกันขึ้น หมึกกับฉลามเข้าช่วยยาซะรุมสายชล นางฟ้าเห็นดังนั้นก็เข้าช่วยสายชลด้วยการคว้าถังน้ำครอบหัวหมึกกับฉลาม มันสองคนคว้ามือลากกันตกน้ำไปทั้งคู่ นางฟ้ารีบเข้าไปดูสายชลที่ถูกชกจนปากแตก ยาซะเลยได้แต่ยืนมองเซ็งๆ

เมื่อพานางฟ้ากลับถึงบ้าน เธอทำแผลให้เขา สายชลขอโทษที่พูดไม่ดีกับเธอ ขอร้องว่าต่อไปอย่าเข้าใกล้ยาซะ

ได้ไหม เพราะเขาไม่ใช่คนดี นางฟ้าเชื่อฟังรับปากว่าจะไม่เข้าใกล้ยาซะอีก

ไม่ทันไรแตลอยก็มาตะโกนเรียกสายชลที่หน้าบ้านบอกว่าชาวบ้านมารอกันเต็มหาดแล้วจะดูเขาแก้ผ้าวิ่งรอบเกาะเพราะแพ้พนันตน สายชลมึนแต่ต้องรักษาสัญญา เดินตามแตลอยไป พอไปถึงทุกสายตาจ้องรอเขาแก้ผ้าวิ่งกันลุ้นๆ

สายชลแก้สถานการณ์แบบศรีธนญชัย เขาแก้กางเกงออก พอถูกประท้วง เขายกกางเกงชูขึ้นถามว่านี่ผ้าใช่ไหม ทุกคนบอกว่าใช่ เขาบอกว่าตนแก้ผ้าแล้วแต่ไม่ได้สัญญาว่าจะแก้หมด ฉะนั้นตนไม่ได้ผิดสัญญา
แตลอยเสียท่าสายชลตามเคย บ่นกับตัวเองเซ็งๆว่า “โธ่เว้ย...เมื่อไรฉันจะฉลาดกว่าไอ้สายชลวะ!”

ส่วนชาวบ้านก็พากันผิดหวัง แต่ก็โล่งอกที่ตาไม่ต้องเป็นกุ้งยิงกันทั้งเกาะ

ooooooo

หลังจากรู้ว่าตนจะได้เงินสดแค่ 300 ล้าน ชมพู-แพรคิดหนักว่าจะหาเงินที่ไหนมาซื้อโรงแรมที่หญิงบอกว่าต้องใช้เงินถึง 500 ล้านบาท ตัดสินใจโทร.

นัดทนายสมคิดมาปรึกษา

หลังจากนัดพบกันที่ร้านกาแฟ เมื่อชมพูแพรแสดงเจตนาของตนแล้ว ทนายสมคิดบอกว่า

“การยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก จะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ต้องจัดการมรดก อย่างเช่น จำเป็นที่จะต้องใช้หนี้”

คำพูดของทนายทำให้ชมพูแพรสนใจขึ้นมาทันที

ooooooo

ชมพูแพรไปที่ออฟฟิศสายการบินที่พ่อยกเป็นมรดกให้ฟ้าลดา ไปตรวจและขอดูเอกสารกับบัญชีต่างๆ หลังจากนั้นก็เอากลับบ้าน ทำทีตรวจบัญชีหน้าดำคร่ำ เคร่ง หมอวัฒนามาเห็น ถามอย่างตกใจว่าทำไมตัวเลขติดลบมากอย่างนี้

ชมพูแพรตีหน้าเศร้า  บอกว่าตนไม่เคยรู้เลยว่าบริษัทขาดทุนมีหนี้สินมากมาย กำลังจะถูกธนาคารยึดถ้าหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทัน ทำเอาหมอวัฒนาตกใจถามว่า มีปัญหามากมายอย่างนี้ทำไมไม่บอกตน มีอะไรจะให้ตนช่วยได้ไหม

“พี่หมอช่วยเป็นกำลังใจให้แพรก็พอค่ะ แพรคิดว่าแพรรับมือกับปัญหานี้ได้ค่ะ”

เมื่อเธอกลับเข้าห้องนอน เธอมองฟ้าลดาในรูปบอกน้องอย่างรู้สึกผิดว่า

“พี่ขอโทษนะฟ้า พี่จำเป็นต้องโกหก ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้ พี่ก็ไม่มีเงินมาซื้อโรงแรมของพี่คืน”

แต่แล้วก็ความแตกจนได้ เมื่อคุณเจตน์เพื่อนของภมรพ่อชมพูแพรที่ทำงานในสายการบินป่วยเข้าโรงพยาบาล หมอวัฒนามาตรวจ พบว่าความดันสูง เจตน์บ่นว่าตั้งแต่ไม่มีภมรมันก็วุ่นไปหมด หมอบอกว่าตนพอรู้เรื่องจากชมพูแพรบ้างแล้ว

คุยกันจึงรู้ว่าสายการบินของภมรไม่ได้ขาดทุนอย่างที่ชมพูแพรบอก เมื่อหมอเจอเธออีกครั้งจึงบ่นเชิงตำหนิว่าทำไมต้องโกหกตน เพราะบริษัทไม่ได้ขาดทุนอย่างที่เธอพูด ชมพูแพรยอมรับผิดและบอกถึงความจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น ขอหมออย่าโกรธตนเลย

“ผมไม่โกรธแพรหรอกครับ ผมแค่น้อยใจที่แพรไม่พูดความจริง ทั้งที่ผมเป็นแฟนแพร วันหลังถ้าแพรมีปัญหา ต้องบอกผมนะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียว เราจะได้ช่วยกัน”

“ค่ะ...” เธอตอบเศร้าๆ บอกว่าเวลานี้ตนคิดถึงน้องที่สุด ถามว่าถ้าน้องอยู่หมอรู้ไหมว่าน้องจะทำอย่างไร หมอวัฒนาเลยทำหน้าหมูหยอก จนเธอหัวเราะออกมา พอดีฝนทำท่าจะตก หมอจึงชวนกลับบ้านกันก่อนดีกว่า

ooooooo

เพราะในวันประกวดธิดาสมุทร มามิกับสวย ต่างเห็นเหมือนกันว่า สายชลมองนางฟ้าด้วยสายตาแปลกๆ เลยรวมหัวกันคิดหาทางพิสูจน์ความจริง จากนั้น พากันไปแอบดูที่หน้าบ้านสายชล

เห็นสายชลกับนางฟ้าอยู่กันอย่างมีความสุข กระจุ๋ง กระจิ๋งกัน เวลากินข้าวสายชลก็คอยป้อนคอยเช็ดรอยเปื้อน ที่ปากให้ เห็นสายชลถักเปียให้นางฟ้า แม้จะถักเปียไม่เป็นแต่ สายชลก็พยายามทำให้ ระหว่างนั้นก็หยอกล้อกันอย่างแจ่มใส

มามิกับสวยเห็นพ้องกันว่า สงสัยสายชลจะชอบนางฟ้าแล้วจริงๆ

ระหว่างนั้น เจ้าแก้วตา  นกแก้วแสนรู้เห็นมามิกับสวย

ก็ร้อง “ขโมย...ขโมย...” สายชลวิ่งออกมาดูเลยเจอสองสาวถามว่ามาทำอะไร มามิโกหกว่าจะมาหานางฟ้า พอดีนางฟ้าวิ่งออกมา มามิเลยฉวยมือชวนไปกันเถอะ แล้วพาวิ่งไปเลย

พากันไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ แล้วมามิก็ถามนางฟ้าว่าชอบสายชลรึเปล่า นางฟ้าตอบทันทีว่าชอบ เพราะสายชลเป็นคนดี คอยดูแลตน มามิคาดคั้นให้นางฟ้ารับปากว่าจะไม่ชอบสายชลแบบคนรัก เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนต้องทำให้เพื่อนได้ทุกอย่าง นางฟ้าเลยตกลง

“ดีมาก แต่เรื่องนี้นางฟ้าต้องเก็บเป็นความลับนะ ห้ามบอกสายชลเด็ดขาดว่าเราคุยอะไรกัน”

นางฟ้าพยักหน้ารับ ทำให้มามิกับสวยมองหน้ากันอย่างสบายใจขึ้น

ความสวยของนางฟ้าทำให้บรรดาหนุ่มๆ บนเกาะมินพากันหลงใหล บ่ายวันนี้ก็มีพวกหนุ่มๆพากันทยอยเอาดอกไม้มาให้นางฟ้าบ้าง เอาปลามาฝากนางฟ้าบ้าง แตลอยก็ไม่

น้อยหน้าใครเอามะพร้าวมาฝากนางฟ้า

ทั้งหมดถูกสายชลกันท่าไม่ให้พบนางฟ้า  บอกว่านางฟ้าไม่ชอบของพวกนี้ให้เอากลับไปให้หมด  สองหนุ่มหัวอ่อนพากันกลับ  แต่แตลอยหัวดื้อรออยู่หน้าบ้าน  จนสายชลออกมาอีกทีพบว่ายังอยู่ เลยลงไปสั่งให้หันหลังล่อลูกแปเข้าป้าบหนึ่งแล้วสั่ง
“กลับไปก่อนที่ฉันจะโมโหมากกว่านี้...ไป!”

แตลอยเลยโกยแน่บไป

เมื่อนางฟ้ากลับมา สายชลปะเหลาะถามว่าไปคุยอะไรกันมา  นางฟ้าเกือบพลั้งปากบอกไปแล้ว  แต่นึกถึงคำเตือนของมามิที่ว่าต้องเก็บเรื่องที่คุยกันเป็นความลับ  เลยปดสายชลว่าแค่ไปเดินเล่นมา

สายชลเอาปลาปิ้งให้กิน  กินแล้วนางฟ้าบอกว่าหิวน้ำ แล้วลุกจะไปเอาน้ำ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว จนสะดุดจะล้ม สายชลประคองไว้จมูกชนกันเบาๆ ต่างมองหน้ากันอึ้งๆ แล้วสายชลก็รีบผละไป บอกว่าจะไปเอาน้ำให้เองดีกว่า

พอสายชลเดินไป นางฟ้ายกมือลูบหน้าตัวเองบ่นเบาๆ “ทำไมรู้สึกหน้าร้อนๆนะ”

ฝ่ายสายชลเดินเข้าไปเอาน้ำ เอามือจับหน้าตัวเอง

บ่นเบาๆ

“ทำไมหน้าร้อนยังงี้วะ เป็นไรเนี่ย...”

ooooooo

วันนี้ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง บ้างไปเก็บผัก บ้างเลี้ยงไก่ อารีฟะเก็บผักครู่หนึ่งก็คลื่นไส้เวียนหัวอยากอาเจียน

นาราคาดว่าเมียตัวเองท้อง  เมื่อพาไปหาปีร์กะหมอผีและหมอยาสมุนไพรประจำเกาะ ปีร์กะบอกว่าอารีฟะท้องเลยเป็นที่รู้กันทั่ว นางฟ้าถามท้องเป็นอย่างไร ทำไมถึงท้องได้ แตลอยทะเล้นบอกว่าตนจะสอนให้เอาไหม  เลยถูกสายชลเอ็ด บอกนางฟ้าว่าอย่าไปฟังมัน

“เงียบ...” ปีร์กะตวาด พอทุกคนเงียบก็ตำหนิว่า “พวกเอ็งนี่มันจริงๆเลย  นางฟ้า...ถ้าใครมาบอกว่าจะทำให้เอ็งท้องอย่าไปเชื่อ เอ็งต้องท้องกับคนที่เอ็งรักเท่านั้น”

นางฟ้าพยักหน้าหงึกๆ

ooooooo

คืนนี้ฝนตกหนักฟ้าคำราม นางฟ้าตกใจจนสายชลต้องปลอบว่าไม่เป็นไรแค่ฟ้าร้องเท่านั้น

ไม่นานนักแตลอยมาตะโกนบอกสายชลว่าที่บ้านน้าสนโดนต้นไม้ล้มทับบ้านให้ไปช่วยกันหน่อย  สายชลลุกขึ้นทันที นางฟ้าขอตามไปด้วย เขาบอกว่าข้างนอกอันตรายให้อยู่บ้านดีกว่า ไม่ต้องกลัวเพราะมีแก้วตาเป็นเพื่อน  แล้วสั่งแก้วตาว่า

“แก้วตาดูแลนางฟ้าด้วยนะ” เจ้าแก้วตาก็น่าหมั่นไส้ตอบเสียงใสว่า “จ้าาาา”

สายชลกับแตลอยพากันวิ่งฝ่าสายฝนไป  ฟ้ายังร้องเป็นระยะ ฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

ไม่นานนักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นางฟ้าดีใจนึกว่าสายชลกลับมาแล้ว  แต่พอเปิดประตูก็ตกใจเมื่อเห็นยาซะยืนถือขวดเหล้าสีเงินอยู่  ถามว่ามาทำอะไร  ยาซะตอบเมาๆว่า  เห็นนางฟ้าอยากรู้ว่าทำยังไงถึงท้องได้ ตนเลยอยากมาสอนให้

“ไม่...ป้าปีร์กะบอกว่าเราต้องท้องกับคนที่เรารักเท่านั้น นางฟ้าไม่ได้รักพี่ยาซะ”

ยาซะในสภาพเมาหื่น บุกเข้ารวบตัวนางฟ้าไว้ เธอพยายามดิ้นร้องให้ปล่อย แต่ถูกยาซะกอดไว้แน่นลากตัว

นางฟ้าออกไป

นางฟ้าดิ้นสุดฤทธิ์  ทั้งจิกทั้งข่วนยาซะก็ไม่ยอมปล่อย อุ้มเธอออกจากบ้านไป ทำขวดเหล้าสีเงินหล่นไม่รู้ตัว

เรื่องย่อ เกมร้าย เกมรัก ตอน2 ละครช่อง3


ตอนที่ 2

สายชลร้องเรียก วิ่งตามหานางฟ้า ยิ่งคิดถึงคำเตือนของนาราที่ว่า อย่าปล่อยนางฟ้าออกนอกสายตาแล้วก็ยิ่งร้อนใจ ขยี้หัวตัวเองสบถอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย... ไม่น่าเลยกู”

ยาซะอุ้มนางฟ้าที่หมดสติ พลางกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับกลัวใครเห็น แต่ไม่นาน นางฟ้าก็รู้สึกตัว เธอตกใจมากดิ้นสุดแรงตะโกนให้ปล่อย...ปล่อยตนเดี๋ยวนี้

ยาซะกลัวเธอจะตกจึงวางลง นางฟ้าถอยหนีอย่างหวาดกลัว เธอตื่นกลัวจนสะดุดล้มลง ยาซะรีบเข้าประคอง พูดปลอบโยนว่า ตนไม่ทำอะไรเธอหรอก ตนกำลังจะช่วยเธอ

“สายชล...สายชล...” นางฟ้าร้องสุดเสียง ยาซะชะงักเมื่อได้ยินชื่อนี้

ทันใดนั้น มือหนึ่งจากข้างหลังก็กระชากไหล่ยาซะหันไป เงื้อหมัดจะชก แต่แล้วก็ชะงักกึกเป็นฝ่ายตกใจเสียเอง อุทาน “พี่ยาซะ”

สายชลนั่นเอง

ส่วนนางฟ้าก็ยังร้องขอให้สายชลช่วย พลางวิ่งไปหลบข้างหลังเขา ยาซะถามสายชลว่าเมียเขาหรือ สายชลรีบบอกว่าไม่ใช่

“ไม่ใช่เมีย แล้วเป็นใคร” ยาซะมองนางฟ้าอีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา

ooooooo

เมื่อพากันไปนั่งคุยที่ริมหาด สายชลเล่าเรื่องนางฟ้าให้ยาซะฟังตั้งแต่ต้น บอกว่าถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังจำอะไรไม่ได้ จำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเอง

ยาซะมองหน้านางฟ้าพึมพำ “น่าสงสาร ยังเด็กอยู่แท้ๆ” แล้วบอกสายชลว่า ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ตนยินดีช่วยเต็มที่ แล้วเดินออกไป

สายชลถามนางฟ้าที่นั่งตัวสั่นอยู่ว่ากลัวเขาหรือ นางฟ้าถามว่าเขาคนนั้นอยู่ที่นี่หรือ

“เปล่า พี่ยาซะ เป็นพ่อค้า เขาจะมารับซื้อของบนเกาะเราประมาณอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง นางฟ้าไม่ต้องกลัวเขา พี่เขาเป็นคนดี”

ฟังสายชลแล้ว นางฟ้าสบายใจขึ้น แต่ลึกๆแล้วก็ยังไม่หายกลัว

ฝ่ายยาซะยิ้มกริ่มกลับท่าเรือ จนหมึกถามว่าอารมณ์ดีอะไรมา

“ข้าเจอมุกงามบนเกาะเข้าให้แล้วน่ะสิวะ” ยาซะยิ้ม แววตาร้าย

ooooooo

นางฟ้ายังจำอะไรไม่ได้ กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันก็ดูช่างไร้เดียงสา ไม่ประสาอะไรเลย วันนี้ เมื่อเธอเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมอาบน้ำ ก็ชวนสายชลเข้าไปอาบด้วยกัน สายชลสอนว่า ต้องเข้าคนเดียวและปิดประตูให้ดีด้วย

แต่พอเข้าห้องน้ำ เธอตกใจวิ่งอ้าวออกมาเพราะเจอตุ๊กแกอยู่ในห้องน้ำ บอกให้สายชลช่วยเอาออกให้ที เขาหัวเราะขำๆ หยอกว่า “แค่ตุ๊กแกจะกลัวอะไร” แล้วเดินมาดแมนเข้าไปจะจับตุ๊กแกให้

ปรากฏว่ามัวแต่ไปยืนส่งเสียงไล่ ชิ้ว...ชิ้ว อยู่ ตุ๊กแกตกใจกระโดดลงมาเกาะที่หัว สายชลตกใจสะบัดหัวแผดเสียงลั่น นางฟ้าหัวเราะขำกลิ้ง ล้อเลียนเสียงและคำพูดของเขาว่า “แค่ตุ๊กแกจะกลัวอะไร” แล้วหัวเราะต่อ สายชลตีหน้าไม่ถูก เลยเก๊กบอกว่าเลิกขำได้แล้ว แล้วก็ไปนอนเสีย

เห็นสายชลไปนอนที่พื้น นางฟ้าชวนมานอนด้วยกันบนเตียง เขาทำหน้าระอาบอกว่าตนนอนพื้นได้ไม่ต้องห่วง มีอะไรเรียกก็แล้วกัน

ปรากฏว่านางฟ้านอนไม่หลับ มองไปนอกหน้าต่างเห็นเงาต้นไม้ไหวเอนเพราะแรงลม เธอกลัวไม่กล้านอน ลุกไปซุกตัวเบียดสายชลที่พื้น

จนรุ่งเช้า สายชลตื่นขึ้นมาตกใจแทบช็อกเมื่อพบว่าตัวเองนอนกอดนางฟ้าอยู่ ลุกพรวดขึ้นถามว่ามานอนตรงนี้ได้ยังไง นางฟ้าบอกว่าตนกลัวไม่กล้านอนคนเดียว อ้อนขอนอนด้วยคน

“ไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงฉันเป็นผู้ชาย นอนด้วยกันไม่ได้” นางฟ้าถามว่าทำไมผู้หญิงกับผู้ชายนอนด้วยกันไม่ได้ ไม่เห็นเข้าใจเลย “ไม่เห็นเข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เอาเป็นว่า ไม่ได้ก็แล้วกัน วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”

สายชลลุกไปแล้ว เขารีบเข้าห้องน้ำเอาน้ำราดหัวเหมือนจะดับแรงรุ่มร้อนในความรู้สึกของตัวเอง ราดไปกี่ขัน...

กี่ขัน ก็ไม่อาจดับความรุ่มร้อนภายในได้...

ooooooo

หลังจากนั้น สายชลจะออกเรือไปหาปลามาทำอาหาร นางฟ้าจะตามไปด้วย เมื่อเขาไม่ให้ไป เธอก็ทำทีไปนอน แต่แอบไปซ่อนตัวในเรือ เอาผ้าใบคลุมตัวไว้ ความแตกเมื่อสายชลไปนั่งทับเข้า พอรู้ว่านางฟ้าแอบมาในเรือเขาก็เอาเรือกลับเข้าฝั่ง สั่งให้กลับบ้านเสีย เธอทำดื้อตาใสไม่ยอมกลับ

สุดท้าย สายชลต้องจับตัวพาดบ่าแบกไป นางฟ้าดิ้นกระแด่วบนบ่าบอกให้หยุด สายชลไม่ยอมหยุดทั้งเอามือตบก้นเธอเพียะขู่ว่า ถ้าไม่หยุดดิ้นจะตีก้นไปจนถึงบ้านเลย สุดท้ายนางฟ้าก็ต้องหยุดดิ้น ปล่อยให้เขาแบกเดินไปแต่โดยดี

กลับถึงบ้าน สายชลไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอดีปีร์กะใช้มามิเอายามาให้ สายชลเลยฝากมามิให้ช่วยดูแลนางฟ้าให้ด้วย

มามิจับนางฟ้าถักเปียทำให้ดูน่ารักสะอาดสะอ้านขึ้น แล้วพาไปเดินเล่น ไปเจอสวยเล่นน้ำอยู่กับเด็ก มามิคุยข่มว่าสายชลไว้ใจตนให้ดูแลนางฟ้าแทน สวยทนไม่ได้หยุดเล่นน้ำตามมาหาเรื่อง เลยได้ตบตีกันใครห้ามก็ไม่ฟัง

จนกระทั่งนาราวิ่งตะโกนให้ช่วยกันจับหมูที่หนีมาทางนี้ สองสาวเลยเลิกตบตีช่วยกันจับหมู แต่หมูเจ้ากรรมก็ไวทายาดหนีรอดไปจนได้

นางฟ้าเห็นดังนั้น วิ่งไล่ตามหมูเข้าไปในป่า แต่มันก็หายไปแล้ว...

ooooooo

สายชลกับแตลอยไปหาปลากลับมา หิ้วกระป๋องปลาจะกลับบ้าน ผ่านนํ้าตกเลยลงไปล้างตัวกันก่อน เพราะอยู่กลางป่า แตลอยเลยแก้ผ้าโดดนํ้าเล่น สองหนุ่มเล่นนํ้ากันสนุกสนานไม่รู้ว่านางฟ้ามาแอบดูอยู่ เธอนึกสนุกเลยแก้ผ้าลงเล่นนํ้ากับเขาบ้าง

สายชลกับแตลอยแข่งกันดำนํ้า สายชลขี้โกง พอแตลอยดำลงไปตัวเองก็โผล่ขึ้นมาคอยอำตอนแตลอยโผล่แล้วตัวเองค่อยดำหวังชนะ แต่พอโผล่ขึ้นมาเห็นนางฟ้าก็ตกใจ ถามว่ามาได้ยังไง นางฟ้าไม่ตอบ พอดีแตลอยจะโผล่ขึ้นมา สายชลรีบดึงนางฟ้าให้ไปแอบข้างหลังตน

แตลอยชะเง้อมองถามว่าเอาอะไรซ่อนไว้ข้างหลัง สายชลทำหน้าตายบอกว่าไม่มีอะไร แต่นางฟ้ากลับโผล่หน้ามาร้องเสียงใส “จ๊ะเอ๋...” สายชลเซ็งอยากจะบ้าตาย เลยทำเก๊กไล่แตลอยให้ปิดตาแล้วขึ้นไปเสีย แตลอยทำอิดออด แต่พอถูกขู่ว่าถ้าไม่ขึ้นจะโดนชก เลยหันหลังให้เดินงุดๆขึ้นไป

สายชลหันมาสั่งนางฟ้าให้รีบขึ้นไป เธอยังเอ้อเร้อเอ้อเต่อชวนขึ้นไปด้วยกัน สายชลโมโหเลยเสียงดังไล่ให้ขึ้นไปเดี๋ยวนี้ พลางตัวเองก็หันหลังให้ทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นสํ่า ร้อนรุ่มไปทั้งกายทั้งที่ยืนแช่อยู่ในนํ้า

ooooooo

เมื่อพากันเดินกลับมาตามริมหาด สายชลดุนางฟ้าว่าวันหลังห้ามทำแบบนี้อีก นางฟ้าเถียงเสียงใสว่าทำไมจะทำไม่ได้ก็ในเมื่อตนยังเด็กอยู่ เด็กกว่าเขาตั้งเยอะ ทำให้สายชลรู้สึกแปลกๆ กับความนึกคิดของเธอ

เดินกลับมาเจอมามิวิ่งตามหานางฟ้า มีแสงดาวกับ   ซะละและอีกหลายคนตามมา มามิถามว่าหายไปไหนมา นางฟ้าชี้เข้าไปในป่าบอกว่าวิ่งไล่หมูเข้าไปในนั้น แสงดาวกับนาราต่างโล่งอก ถามนางฟ้าว่าทำไมถึงเปียก ไปทำอะไรกันมา

สายชลรีบบอกว่า ตนไปเจอนางฟ้าตกนํ้าเลยลงไปช่วย แสงดาวตกใจบอกว่าโชคดีที่ไม่เป็นอะไร วันหลังระวังหน่อยก็แล้วกัน

แตลอยเพิ่งวิ่งตามมาถึง พอเจอนางฟ้าก็ยิ้มร่าร้องชวนว่า วันหลังมาแก้ผ้าเล่นนํ้าตกกับตนอีกก็ได้นะ

“แก้ผ้าเล่นนํ้าตก” ทุกคนตกใจร้องพร้อมกัน สายชลทำหน้าไม่ถูก อยากฆ่าไอ้แตลอยนัก!


เมื่อพากันกลับมาที่บ้านปีร์กะ พอทุกคนรู้เรื่องการแก้ผ้าเล่นนํ้าตกกัน นาราร้องอย่างไม่เชื่อว่า นางฟ้าต้องบ้าแน่ๆ คนสติดีๆที่ไหนจะแก้ผ้าเล่นนํ้าโทงๆ มามิตั้งข้อสังเกตว่า ดูๆนางฟ้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย หรือจะบ้าไปแล้วจริงๆ

สายชลจึงเสนอปีร์กะให้ช่วยตรวจให้ทีได้ไหม เพราะหลังจากนางฟ้าฟื้นขึ้นมาแล้วก็ดูแปลกๆ ทำตัวเหมือนเด็ก ช่างซักช่างถาม แถมยังบอกว่าตัวเองเด็กกว่าตนเสียอีก

แสงดาวเห็นด้วยเพราะตนกับซะละก็รู้สึกเหมือนกัน

มามิตั้งข้อสังเกตว่าหรือเจ้าป่าเจ้าเขาจะไม่พอใจนางฟ้า เพราะปกติเกาะเราไม่เคยมีคนนอกเข้ามาอยู่

“แต่เราทำพิธีขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาไปแล้ว มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง” ปีร์กะติง แล้วเสนอว่า “ข้าว่าที่นางฟ้ามานอนสลบอยู่ที่ริมหาด หัวมันคงไปกระทบโดนอะไรแรงๆเข้า ก็เลยทำให้สมองเลอะเลือนไปบางส่วน จนไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ หรืออะไรที่เคยทำได้ก็จำไม่ได้ว่าทำยังไง” ปีร์กะที่มีอาชีพเป็นหมอผี แต่วิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ บอกว่าแบบนี้แค่ความจำบางส่วนหายไปเท่านั้น

ซะละเสนอว่าถ้าอย่างนี้ พวกเราต้องช่วยกันสอนนางฟ้า เพราะถ้าขืนปล่อยให้ไปแก้ผ้าเล่นน้ำกับผู้ชายคนอื่นแบบที่ทำกับสายชล นางฟ้าจะเป็นอันตราย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับหัวหน้าเกาะ

ooooooo

ที่กรุงเทพฯ มีงานเปิดโรงแรม Hip Hotelโรงแรมหรูกลางกรุง หญิง หุ้นส่วนคนหนึ่งของโรงแรมกำลังโพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน พลันก็ชะงักเมื่อชมพูแพรหุ้นส่วนใหญ่เพื่อนรักของหญิง นั่งรถเก๋งหรูเข้ามา บรรดานักข่าวและช่างภาพที่ถ่ายรูปหญิงอยู่ กรูกันไปหาชมพูแพรทันที

“ขอโทษนะคะทุกคนที่แพรมาช้า” ชมพูแพรในชุดหรูดูไฮโซ ยิ้มอ่อนโยนทักทายอ่อนหวาน นักข่าวพากันชมว่าวันนี้เธอแต่งตัวสวยมาก งานไหนงานนั้นพวกตนไม่เคยผิดหวังเลย แล้วขอสัมภาษณ์

หญิงยืนเหวอไปนิดหนึ่งที่ถูกแย่งซีนไปในพริบตา เธอไม่ยอม เข้าไปขอถ่ายรูปกับชมพูแพรอ้างว่าตนก็เป็นเจ้าของโรงแรมนี้เหมือนกัน แล้วเข้าไปยืนโพสท่าถ่ายคู่กัน

ครู่หนึ่งมีพนักงานร้านดอกไม้ถือช่อดอกไม้สดสวยงามเข้ามาถามหาคนชื่อชมพูแพร พอเจอตัวก็เอาดอกไม้ให้บอกว่า “ดอกไม้จากคุณหมอวัฒนาครับ”

นักข่าวพากันฮือฮาว่าขนาดเจ้าตัวไม่มายังหวานได้ขนาดนี้ ถามว่าเมื่อไรจะมีข่าวดี ชมพูแพรตอบตามแบบฉบับคนดังทั้งหลายว่า ยังอยากทำงานอยู่ แต่งเมื่อไหร่จะบอกทุกคนแน่นอน

หญิงมองนักข่าวที่ห้อมล้อมชมพูแพรอย่างขัดใจ ที่ตัวเองถูกแย่งซีนไปถึงสองครั้งติดๆกัน

ooooooo

เสร็จงาน ชมพูแพรไปหาหมอวัฒนาที่โรงพยาบาล ขอบคุณหมอสำหรับดอกไม้ช่อสวย บอกว่าตนชอบมาก หมอยิ้มใจดีอบอุ่นบอกว่า “ผมดีใจนะครับที่แพรชอบ แสดงว่าผมยังรู้ใจแพรอยู่”

เธอแกล้งกระตุกเนกไทหมอเบาๆทำหน้าเข้มพูดขู่ว่า “ก็ลองไม่รู้ใจแพรสิคะ พี่หมอได้มีเรื่องกับแพรแน่”

หมอวัฒนาถามว่าเธอมาคนเดียวหรือ แพรชมพูบอกว่าพ่อกับแม่และน้องไม่ได้มางานเปิดตัวโรงแรม แล้วพูดเสียงน้อยใจว่า “พวกเขาคงสนุกจนลืมวันสำคัญของแพร ทั้งๆที่...รับปากว่าจะมา” พูดแล้วตัดบทว่า ช่างเถอะตนชินแล้วกับการที่เป็นคนถูกลืม

ระหว่างนั้นเอง เธอก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายว่า มีคนพบศพพ่อกับแม่ที่ชายหาดกระบี่ ส่วนน้องสาวเธอคือ ฟ้า ฟ้าลดายังไม่เจอตัวไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เธอร้องไห้จับแขนหมอวัฒนาบอกว่า

“ถ้าเกิดยัยฟ้าเป็นอะไรขึ้นมา แพรจะทำยังไง...จะทำยังไง” เธอร้องไห้โฮๆ จนหมอต้องปลอบให้ใจเย็นๆ “แพรไม่อยากให้น้องเป็นอะไรไปอีกคน พี่หมอช่วยแพรด้วยนะคะ พี่หมอช่วยแพรด้วย...”

หมอวัฒนาได้แต่กอดเธอไว้อย่างปลอบใจ

ooooooo

หลายวันต่อมา เช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใสมาก นางฟ้าตื๊อขอตามสายชลไปหาปลาจนได้ แต่พอเรือออกทะเลเจอคลื่นลมเรือโคลงไปโคลงมา นางฟ้ากลัวจนกำมือแน่น เธอบอกสายชลว่าให้พาตนกลับบ้าน สายชลบอกว่า

“มาไกลขนาดนี้แล้วกลับไม่ได้แล้ว ถ้าส่งเธอกลับไปแล้วต้องออกมาอีก วันนี้ไม่ได้ปลาแน่ๆ”

เรื่องย่อ เกมร้าย เกมรัก ตอน1 ละครช่อง3




ตอนที่ 1

ที่เกาะมิน บริเวณริมหาดอึกทึกคึกคักด้วย

เสียกลอง พวกผู้ชายพากันตีกลองให้จังหวะอย่างสนุกสนานเร้าใจ ส่วนหญิงสาวหลายคนก็พากันเต้นระบำฮาวายส่ายสะโพกพลิ้วเอวอ่อน เสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั้งหาด

“สายชล...สายชล...สายชล...”

เสียงเชียร์ของมามิกับสวย สองสาวชาวเกาะคู่แข่งที่หมายตาสายชลดังแหลมออกมากว่าใครเพื่อน แต่พอหันมาเจอกันต่างก็สะบัดหน้าใส่กันแล้วร้องเชียร์ต่อ

ไกลออกไป มีแพลอยอยู่กลางทะเล ไกลออกไปอีกนิด ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำแหวกพุ่งมาอย่างเร็ว พอมาถึงก็เกาะแพดึงตัวขึ้นไป วิ่งไปคว้าธงสีสดใสที่ปักอยู่ตรงกลางชูขึ้นโบกสะบัด หันหน้าไปทางริมหาดยิ้มเต็มหน้าอย่างผู้ชนะ

“มีคนได้ธงแล้วแม่” เสียงซะละหัวหน้าเกาะ ร้องบอก แสงดาวผู้เป็นเมียที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ แสงดาวถามว่าใครได้

ทุกคนเขม้นมองไปที่แพว่าใครได้ธงไป แล้วนาราผัวของอารีฟะก็ตะโกนบอกทุกคนอย่างตื่นเต้นว่า

“ไอ้สายชล...ไอ้สายชลได้ธงเว้ย”

พวกสาวๆพากันกรี๊ดด้วยความดีใจ รวมทั้งอารีฟะด้วย เลยถูกนาราหันมองตาเขียวเอ็ดเบาๆว่า ผัวอยู่นี่จะกรี๊ดทำไม อารีฟะยิ้มแหยๆบอกว่า “ก็มันดีใจอ่ะ”

นาราหันไปมองสายชลแล้วแผดเสียงออกมาบ้าง บอกว่าตนก็ดีใจเหมือนกัน สองผัวเมียกอดกันกระโดดด้วยความดีใจสุดขีด ท่านกลางเสียงร้องเชียร์ “สายชล...สายชล...สายชล...”

ooooooo

สายชลยืนโบกธงยิ้มกว้างอยู่พบแพ จู่ๆหนุ่มชาวเกาะอีกสามคนก็ว่ายมาถึงพากันโหนขึ้นแพ ตรงไปห้อมล้อมสายชลไว้เพื่อแย่งธง สายชลเบี่ยงตัวหลบ บอกทั้งสามว่า

“อะไรที่อยู่ในมือฉันแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ง่ายๆหรอกเว้ย”

สามหนุ่มชาวเกาะมองหน้ากันแล้วพุ่งเข้าจะแย่งธงจากสายชล แต่แย่งไม่ได้เพราะสายชลหลบได้คล่องแคล่วว่องไวราวกับปลาในสายน้ำ...

พวกที่ริมหาดเห็นการแย่งธงกันบนแพ ซะละถามแสงดาวว่า ในนั้นมีไอ้ลอยลูกชายเราไหม แสงดาวเขม้นมองบอกว่าไม่มี ถามอย่างกังวลว่า “แล้วไอ้ลอยอยู่ไหน”

ไอ้ลอยที่ทั้งสองถามถึงคือแตลอย ลูกชายของพวกเขานั่นเอง

ที่แพ แตลอยเพิ่งว่ายน้ำมาถึงเขาเกาะขอบแพจะดึงตัวขึ้นไป ทำให้แพเอียงวูบ หนุ่มชาวเกาะทั้งสามที่กำลังแย่งธงจากสายชลเสียหลักตกน้ำไปทั้งสามคน แต่สายชลขืนตัวไว้ยืนอยู่บนแพได้อย่างเท่เพียงคนเดียว

ooooooo

หลังจากนั้น สายชลถือธงมายื่นให้ซะละผู้เป็นหัวหน้าเกาะ ซะละรับธงจากสายชลชูขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความดีใจ พร้อมเสียงตะโกนเป็นจังหวะ “สายชล สายชล สายชล”

ซะละยกมือขึ้นเชิงให้หยุด เมื่อเสียงเชียร์เงียบลง ซะละชูธงในมือขึ้นประกาศชัยชนะ

“ข้า ซะละ หัวหน้าเกาะมินขอประกาศว่า สายชลได้ผ่านพิธีแย่งธง ซึ่งหมายความว่าสายชลเป็นชายหนุ่มเต็มตัว” ซะละเดินไปตบบ่าสายชล ยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนประกาศเสียงดังกว่าเก่าว่า “พร้อมมีเมียได้แล้ว”

มามิกับสวย สองสาวคู่แข่งกรี๊ดลั่น แตลอยทำหน้าเซ็งๆที่ตนพลาดโอกาสนี้ไป สายชลหันไปเห็นมามิ

สวย และสาวชาวเกาะที่รายล้อม ทุกคนยิ้มหวานเสนอตัวบ้างโพสท่ายั่วยวน กระตุ้นต่อมหนุ่มของสายชลเต็มที่

สายชลมองพวกสาวๆเหล่านั้นอย่างสยอง ที่ตนกลายเป็นกวางน้อยในหมู่เสือสาวที่กำลังกระหายไปแล้ว

บรรดาชาวเกาะที่ห้อมล้อมพากันหัวเราะกับบรรยากาศขำๆรอบตัว ซะละกระเซ้าสายชลว่า

“ดูท่าจะมีผู้หญิงให้เอ็งเลือกเป็นเมียหลายคน แต่อย่าลืมว่า ชายชาวเกาะมิน...”

“ต้องรักเดียวใจเดียว มีเมียเดียวไปจนวันตาย” สายชลพูดต่อทันทีอย่างรู้ประเพณีของชาวเกาะมินดี

พวกสาวๆพากันปลื้มสุดๆแตลอยเบ้หน้าโพล่งออกไปว่า

“หมั้นไส้โว้ย ไอ้สายชลมันหล่อกว่าฉันตรงไหนวะ”

“ก็ตรงที่แกไม่มียังไงล่ะไอ้แตลอย” มามิหมั้นไส้เลยตอบกระแทกกลับไป

“นังมามิ!” แตลอยฉุนขาด แต่แล้วก็ชะงัก เกาหัวถามตัวเองงงๆ “มันหมายความว่ายังไงวะ”

ระหว่างนั้น ปีร์กะ หมอผีประจำเกาะ ถือไม้เท้าเดิน ออกมาท่าทางน่าเกรงขาม ทุกคนเงียบกริบ บรรยากาศจริงจังขึ้นมาทันที ปีร์กะเดินมาหยุดตรงหน้าสายชล ยื่นสร้อยเส้นหนึ่งออกไป พูดกับสายชลว่า

“สายชล...วันใดที่เจ้าเจอคู่ครอง จงมอบสร้อยนี้ให้กับคู่ของเจ้า แล้วพวกเจ้าจะไม่มีวันพรากจากกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

ปีร์กะสวมสร้อยให้สายชล เขาก้มมองสร้อยที่คอ ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องครืนๆเมฆดำกลุ่มใหญ่ลอยมาทางเกาะ สายฟ้าฟาดเปรี้ยง พลันลมก็พัดโหมฮือเข้ามาอย่างแรง ข้าวของปลิวกระจุยกระจาย ทุกคนต้องยกมือป้องหน้าบังลมไว้

นารากับอารีฟะคว้าลูกไปกอดไว้แน่น แสงดาวเข้ามายืนข้างซะละบอกว่าท่าทางจะเป็นพายุใหญ่ สายชลบอกว่าอีกไม่นานพายุต้องมาถึงที่นี่แน่ เสนอให้รีบหาที่หลบกันดีกว่า

นาราถามอย่างกังวลว่าที่ทางออกโล่งโจ้งแบบนี้ เราจะหลบไปที่ไหน สายชลนิ่งไปนิดหนึ่ง นึกออก บอกว่าบนเขามีถ้ำใหญ่พอที่จะให้พวกเราทุกคนไปหลบพายุได้ พวกเรารีบไปที่นั่นกันก่อนดีกว่า ซะละเห็นด้วย เรียกทุกคนให้รีบไปที่ถ้ำกัน

เพียงเริ่มออกเดิน สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆตลอดทางอย่างน่ากลัว

แต่พอไปถึงถ้ำ อารีฟะร้องอย่างตกใจเมื่อหนูแดงลูกสาววัยสองขวบหายไป สวยลูกสาวคนโตรีบเดินหาแต่ไม่เจอ สายชลอาสาจะไปตามหาหนูแดงให้ ว่าแล้ววิ่งออกไปทันที ทุกคนได้แต่มองตามไปด้วยความเป็นห่วง

ปีร์กะ พนมมือภาวนา “เทวดาเจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยคุ้มครองให้สายชลพาหนูแดงกลับมาโดยปลอดภัยด้วยเถอะ”

สายชลออกไปตามหา จนบ่ายเจอหนูแดงร้องไห้อยู่ใต้กองกิ่งไม้ สายชลรีบอุ้มออกมาพากลับถ้ำโดยเร็ว

ทุกคนดีใจมาก โดยเฉพาะอารีฟะโผเข้ารับหนูแดงไปอุ้มกอดไว้แน่น นาราขอบใจสายชลด้วยความซาบซึ้งใจ

สายชลมองสามพ่อแม่ลูกกอดกัน ยิ้มอย่างดีใจ รู้สึกดีๆกับความเป็นครอบครัว...

ooooooo

เย็นแล้ว ที่ริมหาด สายชลเดินกลับบ้าน พลันก็ชะงักเมื่อมามิเดินมาหา เขาถามว่าทำไมยังไม่กลับบ้านอีก มามิเดินยั่วเข้าหา ชวนเป็นผัวเมียกันดีกว่าเพราะไหนๆวันนี้เขาก็ผ่านพิธีมาแล้ว ว่าแล้วโผเข้ากอดแน่น

“เฮ้ย! ไม่ได้!” สายชลพยายามแกะมือมามิออก มามิกอดแน่นเป็นตุ๊กแก แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเสียงของสวยแทรกเข้ามาอย่างไม่พอใจ

“หยุด...ถ้าจะเอาพี่สายชลเป็นผัว ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”

มามิไม่ยอมถอยยกมือเท้าเอวด่าสวยว่า ตัวแค่นี้คิดจะมีผัว เอานิ้วจิ้มหน้าผากสวยจนหงายบอกให้ไปดูหนังหน้าตัวเองเสียก่อน สวยไม่ยอมถอยเท้าเอวยื่นหน้าเข้าไปเถียงมามิว่า อีกไม่นานตนก็โตทันเธอแล้ว

“เชอะ...ถึงโตทัน สายชลเขาก็ไม่เอาแกทำเมียหรอก” มามิมองเย้ย ทั้งสองมัวแต่ทะเลาะแย่งสายชลกัน เขาเลยฉวยโอกาสย่องหนีไป แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเจอสาวๆอีกกลุ่มหนึ่งดักอยู่ ต่างกรูกันเข้าหา มามิกับสวยหันมาเห็น รีบแย่งกันมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของสายชล รุมกันดึงทึ้ง จนสายชลแทบฉีกออกเป็นสองซีก เขาร้องอย่างฉุนเฉียว

“โว้ย!!” พวกสาวๆพากันหยุดกึก สายชลวางแผน บอกทุกคนว่า คนที่จะมาเป็นเมียตนนั้นต้องมีสะโพกผายจึงจะเหมาะแก่การมีลูกไว้สืบสกุลมากๆทั้งหัวปี กลางปี ท้ายปี บอกให้ทุกคนหันหลังโชว์บั้นท้ายตัวเอง

พวกสาวๆหลงเชื่อพากันหันหลังโก้งโค้งโชว์ บ้างดึงดูดใจส่ายสะโพกดิ๊กๆ

สายชลฉวยโอกาสที่สาวๆหันหลังให้เดินหนีไป

พวกสาวๆที่หันหลังโชว์บั้นท้ายกันจนเมื่อย สวยร้องถามขึ้นก่อนว่าเลือกได้หรือยัง ปรากฏว่าเงียบกริบ ทุกคนเลยเอะใจ หันมองไม่มีสายชลอยู่ตรงนั้นแล้วแต่เห็นวิ่งอ้าวอยู่ข้างหน้า เลยพากันวิ่งไล่กวดไปเป็นพรวน

สายชลวิ่งหนีสุดชีวิต วิ่งไปบ่นไป “ซวยจริงๆ เล้ย ไอ้สายชล” ถึงจะเหนื่อยแต่หยุดไม่ได้ ขืนหยุดมีหวังโดน รุมทึ้งแน่

ทันใดนั้น เสียงสาวๆที่วิ่งตามมาพากันร้องกรี๊ด สายชลนึกว่ากรี๊ดตน หันมองกลายเป็นว่าพวกสาวๆกรี๊ดตกใจที่

เห็นสาวน้อยนางหนึ่งในชุดดำน้ำนอนหมดสติอยู่

สายชลรีบเข้าไปดู เขาปัดผมที่บังหน้าหญิงสาวออก พอเห็นหน้าเต็มๆ เขาถึงกับตะลึงอึ้งในความสวยน่ารักของเธอ ที่หน้าผากเธอมีรอยแตกยาว

ooooooo

สายชลตัดสินใจอุ้มร่างหญิงสาวไปที่บ้านปีร์กะ วางร่างเธอไว้บนแคร่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งปีร์กะออกมาจับชีพจร แตลอยเดินกินปลาย่างผ่านมาเห็นคนมุงดูกันก็เข้ามาดูบ้าง พอเห็นหน้าหญิงสาวถึงกับอุทาน “สวย...”

“เรียกฉันทำไม” สวยที่ยืนดูอยู่ก่อนแล้วหันมาถาม แตลอยบอกว่าตนไม่ได้เรียกเธอ แต่หมายถึงผู้หญิงคนนั้นสวย

ปีร์กะจับชีพจรแล้วส่ายหน้าบอกสายชลว่าชีพจรเต้นอ่อนมากสงสัยจะไม่รอด ทุกคนตกใจ สายชลขอร้องปีร์กะว่า

“ป้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ตายไม่ได้นะ ป้าต้องช่วยเขา”

ปีร์กะให้พวกที่มุงอยู่ไปตามทุกคนมารวมตัวกันที่ลานหมู่บ้าน แล้วให้สายชลอุ้มร่างหญิงสาวตามตนไปที่ลานหมู่บ้าน  เมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้วปีร์กะให้มายืนล้อมหญิงสาว ไว้ ตัวเองไปยืนข้างหญิงสาว บอกทุกคนว่า

“ข้าจะอ้อนวอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกจากนางผู้นี้ ขอให้พวกเราทุกคนรวมพลังช่วยข้าด้วย” ปีร์กะพูดแล้วให้ทุกคนพูดตามว่า “ความชั่วร้ายจงออกไป ความชั่วร้ายจงออกไป”

ปีร์กะทำพิธีจนเสร็จ แล้วเข้าไปจับชีพจรหญิงสาวอีกครั้ง บอกอย่างสิ้นหวังว่า

“ธาตุไฟของนางกำลังจะแตก มันเป็นชะตาของฟ้า”

สายชลถามอย่างตกใจว่าเราช่วยผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆหรือ ปีร์กะส่ายหน้า

สายชลคิดไม่ตก ใจไม่ยอมแพ้ พยายามหาทางช่วยเธอ ฉุกคิดขึ้นมาได้หันไปถามทุกคนว่า

“แล้วถ้าเราเอาผู้หญิงคนนี้เข้ากระโจมอบสมุนไพรล่ะ กระโจมสมุนไพรช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น บางทีวิธีนี้อาจจะช่วยผู้หญิงคนนี้ได้”

“สายชล เอ็งจะฝืนชะตาฟ้าไปทำไม ร่างกายของผู้หญิงคนนี้อ่อนแอจนเกินจะเยียวยาแล้ว” ปีร์กะติง

“ผู้หญิงคนนี้ ถูกพามาที่เกาะมิน นั่นหมายความว่าเกาะเลือกที่จะให้พวกเราช่วยเธอ แล้วเราจะปล่อยให้เธอตายโดยที่เราจะไม่พยายามทำอะไรเลยเหรอป้า” สายชลถามปีร์กะ พยายามโน้มน้าวใจ

แสงดาวเห็นด้วย พูดกับปีร์กะว่าเราจะปล่อยให้คนคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ซะละเสนอว่าเราจะลองดูก็ไม่เสียหายอะไร ทำให้ปีร์กะพูดอย่างตัดสินใจแล้วว่า “เอาวะ เป็นไงเป็นกันเว้ย...”

ooooooo

ทุกคนช่วยกันเตรียมกระโจมอบสมุนไพรขึ้นที่ลานหมู่บ้าน เสร็จแล้วปีร์กะสั่งการว่า พวกเราต้องช่วยกันเติมสมุนไพรอย่าให้พร่อง ทุกคนพยักหน้ารับแข็งขัน โดยแตลอยเป็นคนคอยเติมฟืน สายชลคอยเติมสมุนไพร ส่วนคนอื่นๆ คอยลุ้นเอาใจช่วยกันเต็มที่

แต่จนกระทั่งยามสองก็ยังไม่ได้ผล ปีร์กะบอกสายชลว่า เราช่วยนังหนูนี่ไม่ได้แล้ว เราจะช่วยได้อีกทางคือ ช่วยกันสวดภาวนาให้นางไปอย่างสงบ และไม่ทรมาน

ทุกคนเศร้ามาก สายชลไปยืนตรงหน้าร่างหญิงสาวอุ้มเธอขึ้น หันบอกทุกคนว่า

“ฉันเคยปล่อยให้พ่อกับแม่ตายไปตรงหน้า โดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมให้ใครต้องมาตายตรงหน้าฉันอีก...ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังมีลมหายใจ พวกเราก็ยังมีความหวัง ฉันจะช่วยผู้หญิงคนนี้ให้ถึงที่สุด”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย สายชลหันมองปีร์กะ ถามว่า “การช่วยเหลือคน มันไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยอะไรไม่ใช่เหรอป้า” ปีร์กะได้แต่มองสายชลนิ่ง

ooooooo

สายชลพาร่างหญิงสาวไปที่บ้านตน วางบนเตียงแล้วนั่งข้างๆ จับมือเธอกุมไว้ เอาอีกมือแตะที่หน้าผากพร่ำพูดไม่ขาดปากซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า

“ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีๆ จงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีๆ จงเข้ามา...”

ไม่นานนักเมฆดำก็เคลื่อนมาบังพระจันทร์ สายชลยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม พูดประโยคเดิม ทันใดนั้น เธอกระอักน้ำออกมาแล้วชัก สายชลตกใจจับตัวเธอไว้ พูดประโยคเดิมเร็วขึ้น ครู่หนึ่งเธอค่อยสงบลง เขาถอนใจโล่งอก ยิ่งมุ่งมั่นที่จะพูดประโยคนั้นต่อไป

สายชลพร่ำพูดตั้งแต่กลางคืน...จนเช้า...กระทั่งสาย บ่าย จนเย็น โดยไม่ยอมแตะต้องอาหารและน้ำดื่มที่ปีร์กะกับมามิเอามาให้ ไม่ยอมแตะต้องอาหาร ไม่ยอมพูด ท่องประโยคนั้นอย่างมีสมาธิ ตลอดวัน ตลอดคืน

จนกระทั่งเช้าวันต่อมาเขาก็ยังท่องประโยคนั้นอยู่อย่างไม่ย่อท้อ ชาวบ้านพากันมายืนลุ้นที่หน้าบ้านสายชลด้วยความเป็นห่วง ปีร์กะเดินออกมาส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่มีความหวัง

ความห่วงใยหญิงสาวของชาวบ้าน บัดนี้กลายเป็นห่วงใยสายชลเกรงเขาจะเป็นอะไรไป แสงดาวให้แตลอยเฝ้าที่หน้าบ้าน เผื่อสายชลเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน

สายชลยังคงท่องประโยคนั้นอย่างมีสมาธิ จนกระทั่งสังเกตเห็นสีหน้าหญิงสาวมีเลือดฝาด ริมฝีปากมีสีเลือดขึ้น เขาดีใจสุดชีวิต อุ้มเธอวิ่งออกไปหน้าบ้าน ตะโกนบอก

ทุกคนว่า “ผู้หญิงคนนี้รอดแล้ว”

ทุกคนที่คอยฟังข่าวอยู่เฮกันด้วยความดีใจ แตลอยรีบมาดู เป็นจังหวะที่สายชลซึ่งอ่อนเพลียมากเซจะล้ม แตลอยรีบประคองไว้ แต่สายชลไม่ได้สนใจตัวเองเลย เขายังคงหันมองหน้าหญิงสาวอย่างปลื้มปีติไม่วางตา

ปีร์กะชมสายชลว่า “เพราะเอ็งแท้ๆสายชล เอ็งทำให้นังหนูนี้ได้เกิดใหม่”

มามิที่คลั่งไคล้ใหลหลงสายชล ชมเสียงดังลั่นว่า “สายชลเก่งที่สุด มามิดีใจที่จะได้สายชลเป็นผัว”

สายชลร้องเฮ้ยที่ถูกตู่เอาดื้อๆ ส่วนปีร์กะยกไม้เท้าเคาะหัวมามิดังโป๊ก ด่าหลานสาวว่าวันๆมีแต่คิดจะหาผัว

มามิเถียงว่าถ้าตนไม่หาก็มีหวังขึ้นคานแน่ ถูกปีร์กะปรามเลยงอนเดินหนีไป ปีร์กะบอกสายชลว่าให้ไปกินข้าวกินปลาเสียก่อนเดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีกคน แล้วเดินกลับบ้าน

ooooooo

คืนนี้ สายชลหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จนกระทั่งเช้า หญิงสาวตื่นขึ้นมามองรอบตัวงงๆ แล้วลุกเดินเปิดประตูออกไป ไม่เห็นสายชลที่นอนคุดคู้ที่พื้น

ลมพัดประตูปิดดังปัง ทำให้สายชลตกใจตื่น มองไปที่เตียงไม่เห็นหญิงสาวแล้ว เขายิ่งตกใจรีบเดินหาตามห้อง เมื่อไม่เจอจึงวิ่งออกไปดูข้างนอก เจอเธอยืนเซๆ จะล้มเพราะหมดสตินอนมาหลายวัน เขาพุ่งเข้ารับตัวเธอไว้ในอ้อมแขน จมูกเกือบแตะกันสายชลถึงกับตะลึง ที่เห็นหญิงสาวในระยะใกล้ยิ่งเห็นความงามไม่มีที่ติของเธอ

หญิงสาวร้องหิวน้ำ สายชลรีบเอาน้ำให้ดื่ม เธอดื่มอย่างกระหาย จากนั่นถามคำถามมากมายว่า ที่นี่ที่ไหนตนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตนหมดสติได้ยังไง ครั้นสายชลบอกเธอก็ได้แต่ฟังงงๆ

แต่พอสายชลถามว่าเธอชื่ออะไร เธอกลับบอกว่าไม่รู้ ถามว่าจำอะไรได้บ้าง เธอจำอะไรไม่ได้เลย ถามสายชลอย่างสับสนว่า

“ทำไมฉันนึกอะไรไม่ออก ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าตัวเอง เป็นใคร ทำไม...ทำไม...”

เธอรู้สึกเจ็บแผลที่หน้าผาก ยกมือไปโดนเข้ายิ่งเจ็บ สายชลบอกว่าเธอบาดเจ็บที่หน้าผาก คงเป็นสาเหตุให้เธอจำอะไรไม่ได้ ปลอบใจว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย เธอพยักหน้าอย่างผ่อนคลายขึ้น


ครู่หนึ่งเธอถามสายชลว่าเขาชื่ออะไร เขาบอกว่าชื่อสายชล เธอชมว่าดีจังที่จำชื่อตัวเองได้ สายชลถามว่าระหว่าง ที่เธอยังจำชื่อตัวเองไม่ได้ ตนจะตั้งชื่อให้ใช้ไปก่อน เอาเป็นชื่อดอกไม้ดีไหม เธอส่ายหน้า สายชลเงยหน้ามองท้องฟ้า พึมพำ “ฟ้า...นางฟ้า...”

“นางฟ้า...ฉันชอบชื่อนี้”

“ถ้าเธอเป็นนางฟ้า ก็คงเป็นนางฟ้าที่ตกจากสวรรค์ลงมาในทะเลแน่ๆ” สายชลพูดติดตลก เธอฟังแล้วพลอยขำไปด้วย

สายชลดีใจสุดชีวิต วิ่งร้องตะโกนระหว่างทางไปบ้านปีร์กะว่า “นางฟ้าฟื้นแล้ว...นางฟ้าฟื้นแล้ว...” ชาวบ้านต่างพากันออกมาดูอย่างสงสัยว่านางฟ้าอะไร ซะละฟังแล้วงง ถามแสงดาวว่า “ไอ้สายชลมันพูดอะไรของมันน่ะแม่”

แสงดาวบอกว่าถ้าฟังไม่ผิดสายชลบอกว่านางฟ้าฟื้นแล้ว แตลอยได้ยินรีบวิ่งตามสายชลจะไปดู

ไปถึงหน้าบ้านปีร์กะ สายชลตะโกนบอกว่า “นางฟ้าฟื้นแล้วจ้ะป้า” ปีร์กะดีใจรีบไปดู มามิทนไม่ได้ตามไปด้วย แตลอยที่เพิ่งตามมาถึงเห็นพวกสายชลเดินกลับก็งง ถามว่าจะไปไหนกัน แล้วหันหลังกลับวิ่งตามไปด้วย

พอนางฟ้าเห็นปีร์กะที่หัวฟูหยิกหยอยถือไม้เท้าเข้ามาก็ตกใจหลบไปอยู่หลังสายชล จนเขาบอกว่าไม่ต้องกลัวปีร์กะเป็นหมอ ปีร์กะบอกให้สายชลจับตัวนางฟ้าไว้แล้วดึงเปลือกตาล่างลงมาดูทั้งสองข้าง จากนั้นสั่งให้อ้าปาก แลบลิ้น ตรวจครบแล้วปีร์กะมองนางฟ้าอึ้งๆ

“สลบไปสามวันสามคืน แต่ร่างกายฟื้นเร็วขนาดนี้ไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าเอ็งไม่ได้ไอ้สายชล เอ็งตายเป็นผีเฝ้าเกาะไปแล้ว”

ชาวบ้านที่พากันมาดูอย่างตื่นเต้นพากันเฮด้วยความดีใจ ทำให้นางฟ้ายิ่งตื่นตกใจ

“แบบนี้มันต้องฉลอง...” นาราตะโกนขึ้น ทุกคนเห็นด้วยทันที

ooooooo

พิธีฉลองจัดขึ้นที่ลาดหมู่บ้านนั่นเอง เสียงดนตรีอึกทึกคึกคัก พวกสาวชาวเกาะออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนาน แต่นางฟ้าก็ยังตื่นกลัว สายชลต้องคอยปลอบให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลาว่า นี่เป็นพิธีที่พวกเราทุกคนจัดขึ้นเพื่อต้อนรับนางฟ้า

สายชลเลื่อนอาหารที่ซะละกับแสงดาวเอามาให้บอกให้นางฟ้ากินเยอะๆจะได้แข็งแรง เธอถามว่าของพวกนี้นางฟ้ากินได้ใช่ไหม

“ได้สิ นี่เป็นของนางฟ้าทั้งหมด”

ฟังสายชลแล้ว นางฟ้าหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง พูดอย่างตื่นเต้นว่าอร่อย เลยหยิบเอ๊า...หยิบเอาใส่เข้าเต็มปาก เคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข

สายชลมองนางฟ้ากิน ตัวเองพลอยมีความสุขไปด้วย ครู่หนึ่ง ซะละออกมาประกาศว่าขอให้ทุกคนสนุกสนานกันให้เต็มที่ เพื่อเป็นการขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาและภูตทะเลที่ช่วยทำให้นางฟ้ารอดพ้นจากความตาย จากนั้น บอกชาวบ้านที่มาร่วมฉลองว่า

“ขอให้ทุกคนช่วยกันอวยพรให้นางฟ้าพบแต่ความสุข อย่าได้เจอกับเรื่องร้ายๆอีก”

ปีร์กะนำพวกแสงดาวมายืนตรงหน้านางฟ้า แล้วหอมหัวเธอ คนอื่นทยอยทำตามจนครบ เป็นการให้พรตามประเพณี สายชลมาเป็นคนสุดท้าย ขณะเขาก้มจะหอมหัวนั้น เธอเงยหน้าขึ้นพอดีเลยกลายเป็นหอมที่จมูกเธอแทน

สายชลชะงักอึ้งแล้วรีบผละออกมา พอดีนาราร้องบอกทุกคนให้มาสนุกกัน มามิกับสวยแย่งกันมาดึงสายชลออกไปเต้น สายชลปลิวไปตามมือของสองสาว หันมองนางฟ้า เห็นเธอยังนั่งอึ้งอยู่

ooooooo

ฉลองกันจนดึก ชาวบ้านเริ่มทยอยกันกลับบ้านแล้ว แต่นางฟ้ายังกินไม่หยุด ขอบปากเลอะเทอะไปด้วยอาหาร สายชลพูดอย่างเอ็นดูว่า “เธอนี่กินเหมือนเด็กๆ ไม่รู้จักอิ่ม” นางฟ้ายิ้มให้เขินๆ

ปีร์กะเดินเข้ามาหาสายชล โดยมีซะละ แสงดาว และอีกหลายคนตามมาด้วย ปีร์กะบอกสายชลว่า พรุ่งนี้จะจัดยามาให้นางฟ้าต้มให้กินวันละสามครั้งเป็นยาบำรุง สายชลถามว่ามียาบำรุงสมองไหม เพราะนางฟ้าจำอะไรไม่ได้เลย ถามปีร์กะว่า แล้วต่อไปนางฟ้าจะจำทุกอย่างได้ไหม
ปีร์กะบอกให้ดูกันไปก่อน เพราะนางฟ้าเพิ่งฟื้นก็เลยทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวยังไม่ได้

“สายชล เอ็งต้องดูแลนางฟ้าให้ใกล้ชิดหน่อยแล้ว เพราะถ้าเกิดนางฟ้าออกนอกสายตาขึ้นมาเมื่อไหร่ จะไม่ปลอดภัย” ซะละเตือน สายชลพยักหน้าแล้วหันมองนางฟ้าอย่างกังวลใจ

เมื่อได้ยาจากปีร์กะแล้ว สายชลก็ต้มให้นางฟ้าอย่าง ตั้งอกตั้งใจ ต้มแล้วเทใส่ชามเอาไปให้กิน แต่เพราะยาทั้งขมทั้งเฝื่อน สายชลต้องปะเหลาะให้กิน แต่พอกินเข้าไปเธอก็อ้วกใส่เขาเปื้อนไปหมด

เมื่อสายชลไปอาบนํ้าล้างตัว นางฟ้าก็ตามไปจะขออาบด้วยคน ทำเอาสายชลตีหน้าไม่ถูกต้องชี้แจงว่าไม่ได้ เพราะรูปร่างเราไม่เหมือนกัน สุดท้ายสายชลตัดสินใจให้

แตลอยมาช่วยสร้างห้องนํ้าให้ พอแตลอยรู้เหตุที่ทำให้สายชล ให้มาสร้างห้องนํ้าก็หัวเราะทำท่ามันเขี้ยวว่า

“ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่ทำหรอก อาบนํ้าด้วยกันอบอุ่นดี” พูดแล้วทำหน้าทะเล้นหัวเราะเสียงคึกๆในคอ เลยถูกสายชล เอาดินป้ายปากด่า “ไอ้ลามก!” แตลอยหุบปากถุยดินทิ้ง ทำหน้าเหยเก แล้วทำงานต่อ

ooooooo

ระหว่างที่สายชลช่วยแตลอยสร้างห้องนํ้านั่นเอง นางฟ้าร้องกรี๊ดขึ้น สายชลตกใจกระโดดลงมาแล้วรีบวิ่งไปดูในบ้าน เห็นนางฟ้าที่ยังหลับอยู่ ดิ้นตะเกียกตะกาย สายชลเข้าไปปลุกให้ตื่น พอรู้สึกตัวเธอคว้ามือสายชลได้ก็จับแน่น ร้องบอกละลํ่าละลักว่า

“สายชลช่วยด้วย...นางฟ้าจมนํ้า”

สายชลลูบหัวนางฟ้าบอกว่าแค่ฝันร้ายเท่านั้น ไม่เป็นไรนะ เมื่อนางฟ้าตั้งสติได้ รู้ว่าตัวเองฝันร้ายก็ค่อยคลายความหวาดกลัวลง แตลอยที่เนื้อตัวเปื้อนโคลนเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย พอนางฟ้าเห็นแตลอยในสภาพนั้นก็ผวาเฮือก กอดแขนสายชลแน่นร้องว่า ผี...ผีหลอก

“ไม่ใช่ผี นั่นแตลอย เพื่อนฉันเอง” สายชลบอก แตลอยยิงฟันขาวยกมือทักทาย นางฟ้าสงบลง แต่ก็ยังมองแตลอยงงๆ

เพราะนางฟ้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน สายชลจึงพาไปหาซะละเพื่อเอาเสื้อผ้าของแสงดาวสมัยสาวๆมาใส่ นางฟ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาคลี่ดู เจอยกทรงก็เอาขึ้นปิดตา แสงดาวบอกว่านั่นคือยกทรง ไม่ใช่เอาไว้ปิดตา เธอก็ยังถามด้วยแววตาแสนซื่อว่า แล้วเอาไว้ทำอะไร

แสงดาวเลยบอกว่าให้เอาเก็บใส่ถุงไว้ก่อนเถอะ มองนางฟ้าที่ช่างไม่รู้อะไรเลยอย่างแปลกใจ

สายชลพยายามพานางฟ้าออกเดินเพื่อเธอจะได้รู้สึกผ่อนคลาย วันนี้พาไปเดินริมหาด ครู่หนึ่งเธอบอกเขาว่า ปวดฉี่ ยืนหนีบบิดไปบิดมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว สายชลจึงให้เธอไปฉี่หลังต้นไม้ ตัวเองเดินเลี่ยงไปเก็บเปลือกหอยริมทะเล

สายชลเดินเก็บเปลือกหอย ก้มเก็บหลังโขดหิน นางฟ้าทำธุระเสร็จเดินออกมาไม่เห็นสายชลก็ออกเดินตามหา

นางฟ้าร้องเรียก “พี่สายชล...พี่สายชล...” พลางเดินตามหา ส่วนสายชลรอจนรู้สึกนานผิดปกติ ออกตามหา พลางร้องเรียก “นางฟ้า...นางฟ้า...”

แต่เดินไปกันคนละทิศ ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างกัน...

ooooooo

ที่ท่าเรือเกาะมิน ยาซะ พ่อค้าหน้าหล่อแนวโฉด พร้อมลูกน้องสองคนคือหมึกกับฉลาม นำเรือเข้ามาจอดที่ท่า พอเด็กๆเห็นเรือของยาซะมาเทียบท่าก็วิ่งกรูกันมารับขนมที่เขามักเอามาแจกเอาใจเด็กๆ เมื่อเด็กได้ขนมแล้วก็พากันแยกย้ายไป ยาซะมองขึ้นไปบนเกาะ ยิ้มอย่างหมายมั่น

เมื่อขึ้นไปแล้ว ยาซะจ่ายเงินให้ชาวเกาะที่เอาปลามาขาย ชาวเกาะรับเงินแล้วเดินกลับไปอย่างดีใจ ยาซะหันไปทางลูกน้องทั้งสอง สั่งให้ขนของขึ้นเรือ

หมึกไปยกลังปลา อุทานอย่างตื่นเต้นว่าวันนี้ปลาตัวโตๆทั้งนั้นเลย ยาซะมองปลาพูดอย่างพอใจว่า

“ปลาตัวโต แต่ราคาถูกขนาดนี้ เอ็งสองคนเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ทำไมข้าถึงยอมถ่อมาไกลถึงที่นี่ เพราะคนที่นี่มันทั้งซื่อทั้งเซ่อไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

หมึกกับฉลามหัวเราะเอาใจนายไปด้วย ขณะนั้นมีสาวชาวเกาะเดินมา ยาซะมองด้วยสายตาลามกขณะพูดว่า

“ถ้าข้าได้ผู้หญิงเกาะนี้เป็นเมีย รับรองสบายไปทั้งชาติ พวกเอ็งเห็นไหม เกาะมิน เต็มไปด้วยต้นไม้ แหล่งอาหาร สัตว์นํ้า ไม่มีเกาะไหนจะอุดมสมบูรณ์เท่าที่นี่อีกแล้ว”

หมึกกับฉลามต่างสอพลอเอาใจนาย ยาซะหัวเราะชอบใจ แล้วแยกไปบอกว่าจะไปหาเมียสักหน่อย

ยาซะเดินไปตามริมหาด เขาหยุดกึกเมื่อพบร่าง

นางฟ้านอนหมดสติอยู่บนพื้นทราย เขามองนางฟ้ายิ้มมุมปากอย่างมีแผน