Monday, October 17, 2011

เรื่องย่อ รักปาฏิหาริย์ ตอน1 ละครช่อง3


ตอนที่ 1

ชีวิต ณิชมน ชุติมันต์ มรสุมกระหน่ำหนัก พ่อถูกฆ่าตาย เธอถูกมาเฟียตามล่า จึงตัดสินใจกลับเมืองไทย หวังมาพบญาติ

ระหว่างอยู่บนเครื่อง เธองีบหลับและฝันว่าถูกพวกมาเฟียไล่ล่าเอาชีวิต แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาช่วยเอาไว้แล้วหายตัวไป ทิ้งไว้เพียงผ้าพันคอ เธอสะดุ้งตื่นมองไปรอบๆตัวก็เห็นชายหนุ่มที่นั่งข้างๆมองมาอย่างกรุ้มกริ่ม แล้วเริ่มสานสัมพันธ์เพราะคิดว่า เธอเป็นนักศึกษากลับมาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอม

ณิชมนเห็นท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจ เธอแอบสลับแหวนจากมือขวามาใส่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วตอบชายหนุ่มว่า เธอกลับมาแต่งงานพลางชูมือให้ดู

“คู่หมั้นของฉันเป็นตำรวจค่ะ ยิงปืนแม่นแล้วก็ขี้หึงมาก เมื่อเดือนก่อนเราเพิ่งไปเที่ยวเมืองบาธกัน แค่มีผู้ชายมาขอถ่ายรูปฉัน เขาซ้อมนายคนนั้นจนเกือบตาย อุ๊ย อย่าคิดว่า เค้าเป็นคนโหดร้ายนะคะ จริงๆแล้วเค้าเป็นคนไนซ์มากๆดูรูปแล้วคุณจะรู้ คุณจะดูรูปเขาไหมคะ” ณิชมนทำทีจะหยิบรูปจากกระเป๋าขึ้นมาให้ดู

“ไม่เป็นไรครับๆ” ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วเฉไฉหันไปทางแอร์โฮสเตส แล้วขอไวน์ดื่ม

ณิชมนหันหยิบหนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆเยินๆมาอ่านหาข้อมูลเมืองไทย

เวลาเดียวกันนั้น ม.ร.ว.บุรธัชซึ่งอยู่ในเครื่องบินลำเดียวกัน กำลังคุยกับ ม.ร.ว.รวิภาสน้องชายเรื่องเรียนต่อเพราะพาไปดูมาหลายประเทศแล้ว แต่ไม่ถูกใจน้องชายสักที แถมเจ้าตัวดียังยืนกรานจะไม่ยอมเรียนต่อปริญญาโทอีกด้วย

“แกไม่เรียนต่อโท แล้วแกจะทำอะไร” บุรธัชชักเหลืออด

“ไม่รู้ ยังไม่อยากคิด” รวิภาสตอบพลางหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงแล้วหลับตาเหมือนจะหลับไปในทันที

“นายภาส” บุรธัชมองรวิภาสไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ooooooo

หลังเครื่องลงสนามบินสุวรรณภูมิ ณิชมนแบกกระเป๋าเป้ออกมาพร้อมๆกับกลุ่มผู้โดยสาร เธอมองรอบๆตัวเห็นผู้คนมายืนรอรับญาติกันคับคั่ง แต่ตัวเองกลับยืนนิ่งอย่างโดดเดี่ยว เธอแอบหวังว่าเมื่อได้พบญาติที่อยู่ในเมืองไทยพวกเขาคงยินดีต้อนรับเธอและลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตที่พ่อกับแม่ของเธอทำไว้

หญิงสาวเดินใจลอยคิดหาทางออกในชีวิตมาตามทางเดิน ชายสามคนทำทีรีบร้อนพรวดพราดเข้ามาชน เธอเซหนังสือในมือหลุดกระเด็นไป ทั้งสามรีบเข้าประคองพลางขอโทษ ก่อนชิ่งออกไป

รวิภาสเห็นหนังสือหล่นมาตรงหน้า จึงก้มลงเก็บแล้วเดินไปส่งคืนให้อย่างคนมีน้ำใจ บุรธัชตามมาดึงน้องออกไปพร้อมตำหนิ

“ไปยุ่งอะไรกับเรื่องคนอื่น แล้วที่พูดไปเขาฟังรู้เรื่องเหรอ”

“จริงด้วย ท่าทางจะไม่ใช่คนไทย ต้องกลับไปใหม่” รวิภาสจะเดินกลับไปหาณิชมน แต่บุรธัชลากตัวออกไป

ณิชมนมองตามบุรธัชกับรวิภาสอย่างไม่สนใจนัก เธอคลายผ้าพันคอออก แล้วยัดใส่กระเป๋าจึงพบว่ากระเป๋าสะพายถูกกรีดขาด ข้าวของในกระเป๋าและเงินสดหายไปเกลี้ยง เธอตกใจแทบช็อก รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ถามถึงที่อยู่ เธอกลับลังเลเพราะไม่แน่ใจว่า คุณปู่โชติ ชุติมันต์ จะยังใช้ที่อยู่เดิมอยู่หรือไม่ จึงตัดบทด้วยการเดินเลี่ยงออกไปแล้วพึมพำบอกกับตัวเองให้ฮึดสู้อย่ายอมแพ้

เวลาเดียวกันนั้น บุรธัชพารวิภาสเข้ามานั่งรอเครื่องไปเชียงราย อยู่ในร้านกาแฟของสนามบิน รวิภาสต่อรองกับ

พี่ชายขออยู่เที่ยวกรุงเทพฯสักสองสามวัน แต่บุรธัชไม่ยอม

อ้างว่า ต้องกลับไปทำงาน

“ไร่บุริศราวัณเป็นของเราทั้งสองคน ที่จริงท่านพ่อสร้างไร่บุริศราวัณไว้ให้แกคนเดียวด้วยซ้ำ แกมีหน้าที่สานต่องานของท่าน”

“ผมยกไร่บุริศราวัณให้พี่ธัชไปเลยแล้วกัน พี่ธัชจะได้เลิกกำหนดกฎเกณฑ์ชีวิตผมซักที จบแล้ว ผมจะเรียนต่อหรือไม่เรียนต่อหรือจะทำงานอะไร ให้ผมเลือกเอง ชีวิตเป็นของผมไม่ใช่เป็นของพี่ธัช”

“คนที่ไม่เคยคิดถึงอนาคตอย่างแกน่ะเหรอจะเลือกชีวิตเองได้ ตราบใดที่แกยังเป็นน้องฉันอยู่ แกก็ต้องทำตามที่ฉันสั่ง” บุรธัชมองรวิภาสอย่างเหนือกว่า

ooooooo

ณิชมนขออาศัยรถจากสนามบินมาลงที่หน้าขนส่ง พลางคิดหาทางไปให้ถึงเชียงราย ครั้นได้ยินเสียงเพลงจากวิทยุของแม่ค้าขายของที่อยู่บนฟุตปาทก็คิดหาทางได้

เธอขอยืมวิทยุจากแม่ค้ามาเปิดเพลงเต้น และหงายหมวกลงที่พื้นเพื่อหาเงินค่ารถ ผู้คนมามุงดูอย่างสนใจแล้วโยนเงินใส่ลงในหมวกให้ หญิงสาวพอใจในผลงาน เธอนำเงินที่ได้ไปซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไปเชียงรายและถามย้ำกับพนักงานว่า รถคันนี้ไปถึงชุติมาศใช่ไหม

“ใช่ค่ะ” พนักงานยืนยัน

ณิชมนสบายใจเดินไปนั่งที่นั่งของตัวเอง ไม่นานนักรถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงรายก็แล่นออกจากท่ารถ

ขณะที่ณิชมนออกเดินทาง บุรธัชกับรวิภาสก็เดินทางถึงบ้านบุริศราวัณเรียบร้อยแล้ว รวิภาสรีบร้อนลงจากรถ บุรธัชรีบตามลงมาถามว่าจะไปไหน

“จะไปซ้อมดนตรี”

“ไปซ้อมดนตรีหรือว่าไปกินเหล้า เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเหลวไหลซักที วันๆเอาแต่ไปเที่ยวมั่วสุมกับเพื่อน คนเราเกิดมาต้องมีจุดมุ่งหมายในชีวิต ไม่ใช่ใช้ชีวิตหายใจทิ้งไปวันๆอย่างแก” บุรธัชใส่เต็มแม็ก

“การหาความสุขใส่ตัว คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของผมไงครับ พี่ธัช” รวิภาสรีบผละออกไปทันที

“คุณชายอย่าเข้มงวดกับคุณภาสนักเลยครับ เด็กวัยรุ่นก็ติดเที่ยวติดเพื่อนอย่างนี้แหละครับ เดี๋ยวเรียนจบก็คงจะรู้จักรับผิดชอบมากขึ้น” ลุงอาจที่มาช่วยถือกระเป๋าเปรย

“นายภาสไม่ใช่เด็กแล้ว ลุงอาจ ตอนที่ฉันต้องกลับมาดูแลไร่ที่นี่ ฉันอายุน้อยกว่ามันด้วยซ้ำ ไม่ต้องมีใครคอยจ้ำจี้จ้ำไชสั่งสอน ฉันก็รู้จักหน้าที่ของตัวเอง แต่นายภาสนี่ ขนาดมีฉันควบคุมดูแลอยู่ มันยังทำตัวไร้แก่นสารได้ขนาดนี้ ฉันถึงปล่อยมันไม่ได้ยังไงล่ะ”

ด้านรวิภาสเมื่อหลบพี่ชายออกมาได้ ก็มาสมทบกับเพื่อนๆที่ถนนคนเดิน เพื่อเล่นดนตรีเปิดหมวกขอรับบริจาคนำเงินไปสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆในชนบท กันต์คู่หูของรวิภาสนำกล่องออกไปเดินรับบริจาคอยู่พักใหญ่แต่ยังไม่ได้ยอดตามเป้า จึงกลับมาเกี่ยงให้รวิภาสออกไปบ้าง เพราะคงได้เงินจากสาวๆเพียบและอีกอย่างรวิภาสก็เป็นประธานชมรมต้องทำได้ทุกอย่าง

รวิภาสจำใจเดินถือกล่องบริจาคออกขอรับเงิน กลุ่มสาวๆรีบควักเงินส่งให้ มีทั้งเหรียญทั้งแบงก์ แล้วรวิภาสก็ชะงักเมื่อเห็นแบงก์พันกำลังจะหย่อนลงกล่อง เขามองเจ้าของเงิน เมื่อเห็นเป็น ม.ล.พิมพ์นฤมล หรือนมล ลูกสาวเจ้าของไร่คู่ปรับก็เบี่ยงตัวหลบ ไม่ให้เธอบริจาค

“ไม่ต้องพยายามเลยนะ ต่อให้เธอบริจาคกี่พันกี่หมื่น ฉันก็ไม่ให้เธอเข้าชมรมของฉัน ใครที่จะมาอยู่ชมรมฉันจะต้องเป็นคนที่ต้องการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมจริงๆไม่ใช่เข้ามาเพื่อเอาคะแนนกิจกรรม ไปข้างหน้าเลย ไป” รวิภาสเดินหนีไป

นมลยืนเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันหันมาบอกกับมีนเพื่อนซี้ว่า เธอต้องเข้าชมรมค่ายอาสาให้ได้ มีนนึกสงสัยจึงล้อว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า เพราะทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนมลจะเข้าชมรมอะไรก็ได้ นมลรีบปฏิเสธและพยายามเก็บพิรุธ

ooooooo

ดึกแล้ว ผู้โดยสารในรถพากันพักผ่อน เหลือเพียงณิชมนที่ยังนั่งเหม่อ ถือรูปถ่ายครอบครัวในมือ เพราะเป็นภาพถ่ายตอนที่เธออายุห้าหกขวบและเป็นภาพสุดท้ายในเมืองไทย เพราะหลังจากนั้นพ่อก็พาเธอกับแม่ไปอยู่อังกฤษแล้วต่อมาณัชชาแม่ของเธอก็ป่วยเป็นมะเร็งต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด แต่ไม่สำเร็จ

ณัชชาเองก็รู้ตัวว่าคงไม่รอดแน่ เธอหยิบสร้อยคอมีล็อกเกตมาสวมให้ณิชมน พลางกำชับ

“สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณยาย เก็บไว้ให้ดีนะลูก แล้วที่อยู่ของคุณปู่ที่แม่จดไว้ให้ ก็อย่าได้ทำหายเชียวนะ ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ให้ลูกกลับไปหาคุณปู่ที่เมืองไทย”

“แม่อย่าพูดเป็นลางอย่างนี้ซิคะ ยังไงแม่ก็ต้องหาย ถึงทำคีโมครั้งนี้จะไม่ได้ผล แต่ครั้งหน้าจะต้องได้ผลแน่ๆ”

“แม่จะไม่กลับไปหาหมออีกแล้ว เสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์สู้เก็บเงินให้ลูกเรียนต่อดีกว่า”

“ณิชเรียนต่อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตแม่สำคัญกว่า เราติดต่อกลับไปหาคุณยายดีไหม ถ้าท่านรู้ว่าแม่เจ็บหนักท่านต้องส่งเงินมาช่วยแน่ๆ”

“คุณยายตัดขาดแม่ไปแล้ว แม่เองก็ไม่มีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคุณยายของลูก แม่ทำผิดกับท่านไว้มากเหลือเกิน คุณยายเป็นคนใจแข็ง พูดคำไหนคำนั้น ท่าน

ไม่มีวันยกโทษให้แม่แน่ๆ แต่คุณปู่รักพ่อของลูกมาก แม่เชื่อว่า คุณปู่จะต้องรอพ่อของลูกอยู่และท่านก็ต้องยอมรับลูกเป็นหลานแน่ๆ” ณัชชาน้ำตาคลอ

“ณัชชา ดูซิผมได้อะไรมา” ชยทัตเดินเข้ามาหาแม่ลูกพลางชูกล้องถ่ายรูปให้ดู

“ได้มาจากวงโป๊กเกอร์ใช่ไหมล่ะพ่อ” ณัชชาต่อว่าสามี

“ได้มาจากไหนก็ช่างน่า มาๆมาถ่ายรูปกัน แม่เขาบ่นว่า บ้านเราไม่ค่อยถ่ายรูปเก็บไว้เลย” ชยทัตตัดบทเดินไปขอให้ฝรั่งที่เดินผ่านมาถ่ายรูปครอบครัวให้ และนั่นก็เป็นรูปถ่ายครอบครัวรูปสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นไม่นานณัชชาก็จากไป

หลังพิธีศพของณัชชาผ่านพ้นไป ณิชมนชวนชยทัต

กลับเมืองไทยเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่เขาไม่ยอม เพราะเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า สร้างเนื้อสร้างตัวได้เมื่อไหร่ถึงจะกลับไป แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้แพ้เป็นผีพนันและที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขาไม่น่าพาณัชชาหนีมาด้วยกันจนเธอต้องมาตาย

“พ่อทำดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ แม่เคยบอกว่า แม่มีความสุขทุกวันที่ได้อยู่กับพ่ออยู่กับณิช แม่เสียใจอยู่เรื่องเดียวที่ไม่มีโอกาสได้พบคุณยายอีกซักครั้ง ณิชก็เลยอยากกลับเมืองไทย ณิชอยากไปกราบขอโทษคุณยายแทนแม่”

“พ่อก็อยากกลับไปกราบขอโทษคุณยายของลูกเหมือนกัน รออีกหน่อยนะลูก รอให้พ่อเก็บเงินได้ซักก้อน แล้วเรากลับไปตั้งตัวใหม่ที่เมืองไทย ถึงจะกลับไปสู้หน้าคุณปู่ได้ ลูกไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกนะ ลูกยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองไทย ลูกมีคุณปู่โชติ มีคุณยายนวลแข”

“คุณปู่โชติ คุณยายนวลแข...” ณิชมนเปิดล็อกเกตรูปไข่ล้อมมุกที่ห้อยคอออกดู เห็นมีรูปณัชชากับนวลแขอยู่

“พ่อจะพาลูกกลับไปหาครอบครัวของเรา พ่อให้สัญญา” ชยทัตโอบไหล่ณิชมนไว้

แต่ชยทัตไม่อาจทำตามคำสัญญาได้ เขาถูกพวกมาเฟียฆ่าตายเพราะติดหนี้พนัน เพื่อนบ้านรีบดึงณิชมนท่ีจะเข้าไปดูศพพ่อออกมาด้วยกลัวว่าเธอจะถูกพวกมาเฟียจับตัวไป และอาสาจะจัดการเรื่องศพของชยทัตให้เอง

ณิชมนนั่งถอนใจอยู่บนรถทัวร์คำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ดังแว่วมา

“ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วกลับไปหาคุณปู่นะลูก ไปหาคุณปู่ก่อน ให้คุณปู่ยอมรับลูกก่อน แล้วคุณยายคงจะยอมรับลูกเอง ถ้าได้พบคุณยายเมื่อไหร่ บอกท่านว่า แม่เสียใจที่ทำให้ท่านผิดหวัง... แม่เสียใจจริงๆ”

ณิชมนสูดลมหายใจฮึดสู้อีกครั้งด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อย

เวลาเดียวกันนั้น บุรธัชยืนมองรูปถ่ายครอบครัวและนึกถึงคำสั่งเสียของบริพัตรผู้เป็นพ่ออยู่เช่นกัน

“ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ฝากนายภาสด้วยนะ รับปากสิ นายธัช ถ้าไม่มีพ่อแล้ว แกจะต้องทำหน้าที่แทนพ่อ ดูแลนายภาสให้ดี แล้วก็รักษาไร่บุริศราวัณของเราไว้ให้ได้ รับปากพ่อสิ”

บุรธัชถอนใจพร้อมตั้งคำถามกับตัวเอง “ผมจะต้องทำหน้าที่แทนท่านพ่อไปอีกนานแค่ไหนครับ”

ooooooo

เช้าวันใหม่ พนักงานเข้ามาปลุกณิชมนที่กอดกระเป๋านอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวในรถ หญิงสาวสะดุ้งตื่นร้องถามพนักงานว่าถึงชุติมาศแล้วหรือ พนักงานว่า เลยมาแล้วเพราะรถมาสุดสายที่เทพสุธา

“แล้วชุติมาศไกลจากที่นี่มากไหมคะ แล้วฉันต้องต่อรถอะไรไป ไปต่อรถที่ไหน ค่ารถเท่าไหร่”

“ก็ไกลเหมือนกันนะคุณ ไม่ค่อยมีรถผ่านไปแถวนั้น ถ้าคุณจะไปต้องเหมารถสองแถวไป ไม่น่าเกินสามร้อยหรอกคุณ” พนักงานเดินจากไป ทิ้งให้ณิชมนนั่งอึ้งเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินแค่สี่สิบบาท

ณิชมนตัดสินใจเดินแบกกระเป๋าเป้ตามถนนพลางยกนิ้วโป้งโบกเรียกรถเป็นระยะๆ แต่ไม่มีใครจอดรับ เธอเริ่มเหนื่อยอ่อนและท้อแท้แต่คิดถึงคำสอนของพ่อดังขึ้นมา “คุณปู่ตั้งชื่อพ่อว่า ชยทัต แปลว่า ผู้มีชัยชนะ แต่พ่อไม่เคยชนะอะไรเลย ชีวิตพ่อมีแต่ความล้มเหลว อย่าเป็นเหมือนพ่อนะณิช ไม่ว่าจะเจอความยากลำบากแค่ไหน ลูกจะต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ลูกจะต้องสู้ถึงที่สุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย” ณิชมนฮึดลุกขึ้นอีกครั้ง เธอควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อ แบงก์ยี่สิบติดขึ้นมาปลิวหลุดมือไปที่กลางถนน

ณิชมนรีบตามตะครุบคว้าเงินได้ทันแล้วพบว่าตัวเองยืนอยู่กลางถนน เป็นเวลาเดียวกับที่รถของบุรธัชแล่นเข้ามาด้วยความเร็ว หญิงสาวตกใจยืนตัวแข็ง แต่โชคดีที่บุรธัชเบรกรถได้ทัน เขารีบลงมาต่อว่าเธอ

ณิชมนเริ่มได้สติ เธอขอโทษชายหนุ่มและอธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องวิ่งออกมา แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่า เป็นพวกต้มตุ๋นแกล้งกระโดดให้รถชนเพื่อเรียกร้องค่าทำขวัญ บุรธัชตรงเข้าจับแขนณิชมนจะพาตัวไปส่งตำรวจ ณิชมนดิ้นรนหลุดออกมาแล้วเอากระเป๋าสะพายฟาดใส่จนบุรธัชมึนก่อนวิ่งหนีไป

สาวเจ้าวิ่งหน้าตื่นแบกกระเป๋าเป้หนีมาถึงศาลาริมถนน รถกระบะแล่นมาจอดตรงหน้า ดำเกิงลงมาถาม

“ประนอมใช่ไหม นัดไว้เจ็ดโมงเช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มาให้มันตรงเวลา ฉันวนรถมาดูไม่รู้กี่รอบแล้ว ไปๆไปขึ้นรถ คุณผู้หญิงรออยู่”

“คุณผู้หญิง” ณิชมนยืนงง

“เออ คุณผู้หญิงโทร.มาตามไม่รู้กี่ครั้งแล้ว รีบๆ ขึ้นรถซะไป” ดำเกิงดึงกระเป๋าเป้จากณิชมนโยนใส่ท้ายรถ

ณิชมนจะอธิบาย แต่หันเห็นรถบุรธัชแล่นตามมาไกลๆ จึงตัดสินใจขึ้นรถไปกับดำเกิงทันที

ooooooo

ดำเกิงพาณิชมนมาที่บ้านสรณาลัยพลางอธิบายความเป็นมา

“ตอนแรกๆที่นี่เรียกว่าบ้านนวพรรษ ตามนามสกุลเจ้าของบ้าน แต่คุณผู้หญิงเปลี่ยนชื่อมาเป็นบ้านสรณาลัย เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณชายนฤสรณ์ ท่านเสียไปหลายปีแล้ว คุณผู้หญิงทำใจอยู่นาน ดีที่คุณผู้หญิงยังนึกถึงคุณนมลกับคุณพันสร ไม่งั้นอาจจะหนีไปบวชชีแล้วก็ได้ ที่จริงคงเป็นเพราะคุณพรพรรณมากกว่าที่ทำให้คุณผู้หญิงได้สติ เออ เธอก็น่าจะรู้แล้วว่า ที่บ้านนี้มีใครบ้าง คุณผู้หญิงสัมภาษณ์เธอทางโทรศัพท์ไปแล้วนี่ เธอนี่โชคดีจริงๆ สัมภาษณ์แค่ครั้งเดียวก็ได้งานเลย คงมีแต่คุณผู้หญิงคนเดียวมั้งท่ีรับคนเข้าทำงานง่ายๆอย่างนี้” ดำเกิงหัวเราะเบาๆพลางเดินนำณิชมนเข้าบ้าน

ณิชมนได้แต่พึมพำว่างานอะไร และเมื่อเข้ามาถึงก็ได้ยินเสียงพรพรรณต่อว่าพรรณอรพี่สาว เพราะไม่พอใจที่รับแม่บ้านใหม่โดยไม่ปรึกษา พรรณอรว่า เธอหวังดีเพราะเห็นพรพรรณบ่นว่างานล้นมือทำไม่หวาดไม่ไหว ทั้งงานดูแลบ้าน ดูแลหลานแล้วก็ยังงานที่ไร่อีก ก็เลยหาแม่บ้านมาช่วยแบ่งเบาภาระ

“พี่อรต่างหากที่ควรจะเป็นคนช่วยแบ่งเบาภาระของพร พี่อรเป็นเจ้าของบ้านเป็นเจ้าของธุรกิจทุกอย่างของสรณาลัย เป็นแม่ของนมลกับพันสร” พรพรรณโต้กลับ

“โอ๊ย ไม่ได้หรอก พี่ก็มีงานของพี่ที่จะต้องทำ ไม่มีเวลาช่วยงานเธอหรอก”

“พี่อรเขียนหนังสือปีละเล่ม จะใช้เวลาซักแค่ไหนเชียว แล้วพี่อรคิดว่าจ้างแม่บ้านมา ปัญหาทุกอย่างก็จะจบเหรอคะ ปัญหายิ่งมีมากขึ้นน่ะซิไม่ว่า แม่คนนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ถ้าเป็นสายให้โจรจะว่ายังไง วันดีคืนดีมันพาโจรเข้าบ้าน ได้ถูกเชือดคอตายหมดบ้านแน่”

“อุ๊ยๆ พล็อตอันนี้น่าสนใจ นางเอกเป็นนางโจรแล้วปลอมตัวไปทำงานเป็นแม่บ้านในบ้านพระเอก” พรรณอรหลุดปาก แต่พอเห็นสีหน้าน้องสาวก็รีบอ้างต่อว่า แม่บ้านคนนี้อาจารย์ดาวเรืองส่งมา ทำให้พรพรรณพูดไม่ออก แต่ยังไม่วางใจ เธอเรียกหาแฟ้มประวัติของประนอมมาดู เพราะกลัวว่าจะเป็นสายที่บุรธัชส่งมา แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะภาพประนอมตัวจริงในแฟ้มถูกพันสรลูกชายคนเล็กของพรรณอรใช้สีแต่งแต้มจนไม่รู้ว่าเป็นหน้าของใคร

ขณะที่ณิชมนนั่งงงอยู่นั้น ณิชาภัทรอดีตคนรักของบุรธัชที่ถูกคุณย่าส่งตัวมาช่วยงานที่ไร่บุริศราวัณ กำลังเลือกดอกไม้สวยๆ ในไร่ให้รวิภาสที่มาขอความช่วยเหลือ บุรธัช ขับรถผ่านมาเห็นก็หยุดทักทาย และเดาว่าน้องชายตัวดีคงจะนำดอกไม้ไปแจกสาวๆ ณิชาภัทรขยับจะอธิบาย แต่รวิภาสรีบขัดเพราะรู้ดีว่าพี่ชายคงไม่เชื่อ เขารับตะกร้าดอกไม้จากณิชาภัทร แล้วเดินเลี่ยงออกไป บุรธัชสั่งกำชับ

“แล้วเย็นนี้อย่าลืมมาช่วยงานที่แปลงทดลองด้วยล่ะ”

รวิภาสไม่ตอบรับ แต่โบกมือลาโดยไม่หันหน้ากลับมา ณิชาภัทรเห็นใจช่วยพูดแทนรวิภาสเพราะรู้ดีว่าเขาเรียนหนักแค่ไหน แต่กลับโดนบุรธัชย้อนว่า คนอย่างเขาไม่เคยมองอะไรผิด

ณิชาภัทรเซ็งแต่จำต้องเจรจา หวังให้บุรธัชยอมเข้าใจและเปิดโอกาสให้รวิภาสได้เลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง

“ไม่มีใครได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ขอบคุณที่หวังดี แต่คุณเอาเวลาที่มายุ่งเรื่องนายภาสไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม ผมเลี้ยงนายภาสมา ผมรู้ดีว่า ควรจะจัดการกับมันยังไง”

“นี่คุณหาว่าณิชายุ่งเหรอคะ”

“คุณคิดว่า คุณมีสิทธิ์พูดเรื่องนายภาสกับผมไหมล่ะ”

“ณิชานึกได้แล้วว่า ทำไมณิชาถึงได้เลิกกับคุณ ไม่มีใครเผด็จการ บ้าอำนาจ เอาแต่ใจเท่าคุณอีกแล้ว คุณชายบุรธัช” ณิชาภัทรเดินออกไป ทิ้งให้บุรธัชมองตาม

ooooooo

เมื่อพรรณพรหมดข้อโต้แย้งเรื่องแม่บ้านคนใหม่ นมลก็พาณิชมนมาดูห้องพักซึ่งอยู่ข้างๆ ห้องเธอ เพราะจะได้มาเม้าท์กันตามประสาผู้หญิงได้สะดวก ณิชมนนึกละอายออกตัวว่า เธอเป็นแค่คนใช้คงไม่เหมาะ

“พี่นอมเป็นแม่บ้านค่ะ ไม่ใช่คนใช้ ส่วนคนทำงานในบ้านคนอื่นๆเราก็ถือว่าเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่คนใช้ คุณแม่บอกว่า บ้านเราจะต้องไม่แบ่งชั้นวรรณะ แค่มีเงินไม่ได้แปลว่า เราดีกว่าคนอื่น” นมลอธิบาย

“น้าพรบอกว่า คุณแม่เป็นพวกเพ้อเจ้อ” พันสรเข้าแทรกพลางดึงหนังสือภาษาอังกฤษที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเป้ของณิชมนออกมาพลิกดู ณิชมนร้อนตัวโกหกว่า เธอเก็บได้ในรถทัวร์ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องถามนมลว่า ต้องทำอะไรบ้าง

“เดี๋ยวน้าพรคงจะมาสอนงานพี่นอมเองแหละค่ะ นมล ต้องไปเรียนแล้ว แล้วเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะคะ” นมลเดินออกแล้วนึกได้หันกลับมา “วันนี้เป็นวันจ่ายตลาดนี่ นมลฝากซื้อคัพเค้กร้านพี่ก้อยหน่อยนะคะ พี่นอมให้พี่ดำพาไป พี่เค้ารู้ว่า ร้านอยู่ตรงไหน นี่ค่ะ รายการซื้อของกับเงิน นมลเตรียมไว้ให้แล้ว นมลหยิบซองเงินบนโต๊ะในห้องส่งให้ณิชมนแล้วลากพันสรออกไปด้วยกัน

ณิชมนนับเงินในซองประมาณห้าพัน แผนหนีไปหาปู่ที่ชุติมาศผุดขึ้นมา เธอแบกกระเป๋าเป้ย่องลงมาจากข้างบนเหลียวซ้ายแลขวากลั้นใจดึงแบงก์พันออกมาจากในซองหนึ่งใบ จากนั้นก็วางซองเงินที่เหลือไว้บนโต๊ะแล้วฉีกกระดาษจากสมุดบันทึกมาเขียนโน้ตถึงนมลทิ้งไว้

ไม่นานนักณิชมนก็มาถึงบ้านชุติมันต์ เธอทำใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจกดกริ่งเรียกคนในบ้าน แสวงคนเก่าแก่ของบ้านเดินมาเปิดประตูรั้วพลางเอ่ยถามว่า มาพบใคร ณิชมนน้ำตารื้นถามหา คุณโชติ ชุติมันต์ แต่คำตอบที่ได้คือ “คุณพบท่านไม่ได้หรอกครับ ท่านเสียชีวิตไปแล้ว”

ณิชมนนิ่งอึ้งแทบล้มทั้งยืน เธอพยายามตั้งสติอ้างกับแสวงว่าเป็นคนของครูดาวเรืองเพื่อจะเข้าไปข้างใน แสวงเชื่อสนิทยอมพาณิชมนเข้าบ้านพลางบอกเล่าเรื่องราว

“คุณโชติเสียไปสามปีแล้วล่ะครับ นั่นรูปคุณโชติกับลูกชายครับ คุณชยทัตลูกชายคนเดียวของท่าน ตั้งแต่คุณชยทัตพาลูกสาวคุณหญิงนวลแขหนีไป คุณโชติก็เจ็บออดๆแอดๆมาตลอด ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร ธุรกิจก็เลยพังพินาศ ขายไร่ขายโรงงานไปหมด เหลือก็แต่บ้านหลังนี้ล่ะครับ ท่านบอกว่าจะเก็บไว้ให้คุณชยทัต ท่านรอลูกชายมายี่สิบกว่าปี ท่านจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้ลูกเนรคุณอย่างนั้นทำไมก็ไม่รู้”

“หนูขออนุญาตอยู่ในนี้ซักครู่ได้ไหมคะ”  ณิชมนน้ำตาเอ่อ

“เชิญตามสบายเลยครับ” แสวงเดินออกไป

ณิชมนเดินไปหยุดอยู่หน้ารูปปู่ เธอพนมมือไหว้ขอโทษที่เธอมาช้าไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน

“เธอเป็นใคร” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น

ณิชมนสะดุ้งหันไปมองเห็นบุรธัชยืนอยู่

“นี่เธอ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” บุรธัชเข้ามายืนประจันหน้ากับณิชมน

ooooooo

พรรณอรเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานท่าทางเริงร่าคึกคักเพราะเขียนบทเสร็จได้อย่างไหลลื่น ขณะที่พรพรรณเดินหน้าตาบอกบุญไม่รับเข้ามา บ่นว่าตามหาประนอมจนทั่วแต่ไม่พบ พันสรผ่านมาได้ยิน เด็กชายบอกกับแม่และน้าว่า ประนอมไปจ่ายตลาด

“ไปจ่ายตลาด ใครเป็นคนสั่ง เพิ่งทำงานวันแรกก็ไว้ใจให้เงินไปจ่ายตลาดแล้วเหรอ นี่มันต้องเชิดเงินหนีไปแล้วแน่ๆ บ้านเราซื้อของเข้าบ้านทีละตั้งห้าหกพัน นี่ถ้ามันไม่กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันจะแจ้งตำรวจจับมัน” พรพรรณท่าทางเอาจริง

เช่นเดียวกับบุรธัชที่กำลังคาดคั้นณิชมนว่า เธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่ เพราะเข้าใจว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎมาหลอกเงินแสวง ณิชมนฉุนจะบอกว่า เธอเป็นหลานของคุณโชติ แต่ก็เปลี่ยนใจขยับจะเดินหนี บุรธัชรีบคว้าแขนไว้จะพาส่งตำรวจ


“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ” ณิชมนดิ้นรนจะหยิบสเปรย์พริกไทยออกมา แต่บุรธัชรู้ทันจับมือไว้

“ปล่อยฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวฉันไว้” ณิชมนโวยวาย

“ก็สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบ้านยังไงล่ะ เธอบุกรุกบ้านฉัน ฉันก็มีสิทธิ์จับตัวเธอส่งตำรวจ”

“คุณโชติต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้”

“ฉันซื้อบ้านหลังนี้จากคุณโชติแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของบ้านชุติมันต์แล้ว รู้เอาไว้ด้วย”

ณิชมนหยุดดิ้นรนทันทีอย่างงุนงง ขณะที่แสวงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถามว่า เกิดอะไรขึ้น

“ยัยนี่เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ฉันจะจับส่งตำรวจ ลุง

แหวงถูกหลอกให้เซ็นอะไรหรือให้ซื้ออะไรหรือเปล่า พวกนี้ชอบหลอกต้มตุ๋นคนแก่ที่อยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้กลัวบาปกรรมอะไรเลย ลุงแหวงถูกหลอกไปเท่าไหร่ล่ะ” บุรธัชหันมา

“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ คุณคนนี้เป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองครับ ท่านคงทราบข่าวเรื่องที่คุณชายซื้อบ้านหลังนี้แล้ว ก็เลยส่งคนมาช่วยเก็บข้าวเก็บของ” แสวงอธิบาย

บุรธัชมองณิชมนอย่างไม่เชื่อแม้แต่น้อย ขยับจะโทร.ถามอาจารย์ดาวเรือง ณิชมนกลัวความลับแตกรีบบอก

“ฉันเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองก็จริงนะคะ แต่ตอนนี้อาจารย์ส่งฉันไปเป็นแม่บ้านที่บ้านสรณาลัยแล้วค่ะ ถ้าคุณจะสอบถามเรื่องของฉัน โทร.ไปที่บ้านสรณาลัยดีกว่าค่ะ”

“เธอเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยเหรอ พวกสรณาลัยไว้ใจไม่ได้จริงๆ มากับฉันเลย” บุรธัชโกรธหนักกระชากพาณิชมนออกไปด้วยกัน

เวลาเดียวกันนั้น รวิภาสนำดอกไม้จากไร่มาให้เพื่อนๆ ในชมรมช่วยกันขายเพื่อหาเงินสร้างโรงเรียน นมล อาสาช่วยด้วย รวิภาสรู้ก็ไม่พอใจออกไปต่อว่านมล และได้ยินเธอโกงราคาขายดอกไม้แพงกว่าที่กำหนด เพราะอยากให้หาเงินเข้าชมรมเยอะ

“เธอคิดผิดแล้ว เราต้องการเงินเข้าชมรมก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ได้มาด้วยวิธีขายของเกินราคาเอาเปรียบผู้ซื้ออย่างนี้ แต่การใช้กลโกงหลอกเอาเงินคนอื่นเป็นวิธีของพวกสรณาลัย อยู่แล้วนี่” รวิภาสเปิดฉาก

“นี่นายภาส มันจะเกินไปแล้วนะ อย่างกับพวกบุริศราวัณดีนักแหละ พี่ชายนายก็ใช้กลโกงกดราคาที่ดินคนอื่นเค้าเหมือนกัน” นมลสวน

“เดี๋ยว เดี๋ยวนะคะ ตอนนี้เราเริ่มเบี่ยงเบนประเด็นกันไปไกลแล้ว ถ้าหากพี่ภาสไม่อยากให้เราช่วยขายดอกไม้ เราก็จะไม่ยุ่งแล้วล่ะค่ะ” มีนเข้าไกล่เกลี่ย

“ไม่ใช่เฉพาะเรื่องขายดอกไม้นี่ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่ต้องการคุณหนูไฮโซสมองกลวงอย่างเธอมายุ่งวุ่นวายกับชมรมของฉัน”

“นายรวิภาสนึกว่าตัวเองฉลาดล้ำลึกกว่าคนทั้งโลกหรือยังไง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินฉัน ถ้านายให้โอกาสฉัน นายก็จะรู้ว่า ฉันทั้งเก่งทั้งฉลาดทำงานอึดไม่แพ้นายหรอก แต่นายมีอคติกับฉัน นายถึงไม่ยอมให้ฉันเข้าชมรมของนาย มีอุดมการณ์แต่ไม่มีจริยธรรม คนอย่างนายไม่สมควรจะเป็นหัวหน้าชมรมเลย” นมลเดินเชิดออกไป

มีนรีบตามติดพร้อมแนะนำให้เพื่อนรักเปลี่ยนใจไปเข้าชมรมอื่นแทน เพราะเบื่อจะเป็นกรรมการห้ามมวยแล้ว แต่นมลไม่ยอมยืนกรานจะเข้าชมรมอาสาให้ได้

“ฉันว่าแกตั้งชมรมขึ้นมาใหม่จะง่ายกว่านะ แกไม่มีทางผ่านด่านพี่ภาสไปได้แน่ๆ ว่าแต่บ้านแกกับบ้านพี่ภาส

มีเรื่องอะไรกันเหรอ ดูเหมือนว่าพี่ภาสจะไม่ได้เกลียดขี้หน้าแกคนเดียว แต่เกลียดแกทั้งตระกูลเลย” มีนข้องใจ

“เรื่องมันจบไปนานแล้ว เรื่องจบ แต่คนไม่จบ มันก็เลยเป็นปัญหาอย่างที่เห็นนี่แหละ” นมลเลี่ยงที่จะตอบ

มีนเซ็งเพราะอดรู้ความจริงอีกจนได้

ooooooo

บุรธัชลากณิชมนเข้ามาในบ้านสรณาลัย เสียงสาวเจ้าโวยวายลั่น ทำให้พรรณอรกับพรพรรณต้องออกมาดู แต่เมื่อเห็นแม่บ้านคนใหม่กลับมาพร้อมบุรธัชก็แปลกใจ พรรณอรขยับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พรพรรณรีบสรุป

“พรนึกแล้วเชียว ประนอมเป็นคนของคุณชายจริงๆ นี่คุณชายส่งแม่นี่มาสอดแนมเราใช่ไหม”

“พวกคุณต่างหากที่ส่งผู้หญิงคนนี้ไปสอดแนมผม ผมอยากรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร พินัยกรรมของคุณโชติก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่านขายบ้านให้ผมคนเดียวเท่านั้น จะบอกให้นะ ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอะไร ทรัพย์สินทุกอย่างของชุติมันต์จะต้องเป็นของผม” บุรธัชโต้กลับ

“พวกฉันไม่เคยสนใจทรัพย์สินของคุณโชติ ตอนที่คุณโชติประกาศขายไร่ขายโรงงาน เราก็ไม่เคยคิดไปแย่งซื้อกับคุณชายเลย แล้วถ้าฉันจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆนะ ฉันไม่ส่งแม่บ้านโง่ๆเซ่อๆอย่างประนอมไปหรอกค่ะ”

“งั้นแสดงว่าคุณคิดจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆ”

“อ้าว พูดอะไรก็เข้าตัวไปหมด พี่อรช่วยพูดกับคุณชายหน่อยซิคะ” พรพรรณขอความช่วยเหลือ

“คุณชายเข้าใจผิดค่ะ ขอบคุณที่พาประนอมมาส่งนะคะ ได้เวลาโยคะพอดี ขอตัวก่อนนะคะ” พรรณอรเดินออกไปอย่างไม่รับรู้อะไรด้วย

พรพรรณขัดใจเป็นที่สุด เธอหันกลับมายืนยันกับบุรธัชว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนฤสรณ์กับท่านพ่อของบุรธัชเป็นการเข้าใจผิดและถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองฝ่ายต้องมาปรับความเข้าใจกัน

“ผมไม่มีเวลาฟังใครแก้ตัวหรอกครับ คราวนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง ถ้าคราวหน้าคุณส่งคนไปบุกรุกที่ของผมอีก ผมไม่ไว้หน้าแน่” บุรธัชเดินออกไป

พรพรรณมองมาที่ณิชมนท่าทางเอาเรื่อง ณิชมน

ต่อรองขอเวลาสักครู่ แล้ววิ่งตามบุรธัชออกไป เพราะยังข้องใจเรื่องบ้านชุติมันต์ที่กลายเป็นของชายหนุ่มไปแล้ว แต่บุรธัชไม่มีคำตอบให้ เธอจึงเสนอไอเดียขอให้เขาเก็บบ้านชุติมันต์ไว้ทำพิพิธภัณฑ์อย่างในประเทศอังกฤษ

“เธอคิดว่า เธอเป็นใคร ฉันไม่ต้องการคำแนะนำของเธอ ไปบอกคุณพรรณอรด้วย ถ้าต้องการอะไรก็ให้มาพูดกันซึ่งๆหน้า ไม่ใช่ส่งคนใช้มาพูดแทน ลืมไปว่าคนบ้านนี้ทำอะไรตรงไปตรงมาไม่เป็นอยู่แล้ว แล้วเธอ หวังว่าฉันคงไม่เห็นหน้าเธออีก” บุรธัชขึ้นรถแล้วขับออกไป

ณิชมนหน้าจ๋อยเดินกลับเข้าบ้าน เธอเห็นพรพรรณจ้องมองอย่างจับผิดก็รีบแก้ตัวว่า ไปเยี่ยมลุงแหวงมา เพราะแม่ฝากปลาร้ามาให้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลาย พรพรรณไม่อยากเชื่อเรียกหาบัตรประชาชนมายึดไว้เป็นประกัน

“นอมไม่มีบัตรประชาชนหรอกค่ะ คือว่า...นอมถูกกรีดกระเป๋าน่ะค่ะ นี่ยังไงล่ะคะ” ณิชมนโชว์กระเป๋าสะพายที่ถูกกรีดให้ดู “มันขโมยกระเป๋าตังค์นอมไปค่ะ ทั้งเงินทั้งบัตรประชาชน บัตรอะไรต่อมิอะไรอยู่ในนั้นหมดเลยค่ะ”

“เฮ้อ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนี่ ถึงเธอจะเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองฉันก็ยังวางใจไม่ได้” พรพรรณเหลือบไปเห็นซองเงินกับกระดาษโน้ตของณิชมนที่โต๊ะ เธอหยิบซองเงินมาเปิดดู

“เออ เงินที่คุณนมลให้นอมไปจ่ายตลาดค่ะ นอมหยิบไปพันนึงนะคะ กะว่าจะไปเซอร์เวย์ เอ๊ย ไปดูตลาดก่อน พอให้รู้จักที่ทางแล้วค่อยไปใหม่วันหลัง” ณิชมนรีบบอกแล้วก็ถึงกับตาเหลือกเมื่อพรพรรณทำท่าจะคลี่กระดาษโน้ตอ่าน แต่ยังไม่ทันได้เห็นข้อความ พันสรก็เข้ามาแย่งกระดาษจากมือพรพรรณบอกว่า จะเอาไปพับจรวดเล่น

“เด็กคนนี้มันน่าตีจริงๆเลย” พรพรรณบ่นแล้วหันมาจัดการกับณิชมนต่อ “ฉันจะบอกให้นะ การเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะดูซิว่า เธอจะทำงานที่นี่ไปได้ซักกี่นํ้า”

“คุณยอมรับนอมเป็นแม่บ้านแล้วใช่ไหมคะ” ณิชมนส่งยิ้มหวาน

พรพรรณพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้ เธอพาณิชมนเข้าไปในครัวเพื่อแนะนำตัวกับคนงานในบ้าน

“นี่รำไพเป็นแม่ครัวของบ้านนี้ ส่วนกันยากับสายใจมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านรวมทั้งซักรีดเสื้อผ้า แล้วก็ดำเกิง คนขับรถ เธอคงจะรู้จักแล้ว” ณิชมนยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมพลางฝากเนื้อฝากตัว ทุกคนยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน พรพรรณรีบกำชับ

“หน้าที่หลักของเธอก็คือ ควบคุมดูแลการทำงานของทุกคน อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด” ขาดคำชัยวัฒน์ก็ปราดเข้ามาแนะนำตัว

“คุณคงเป็นแม่บ้านคนใหม่ใช่ไหมครับ ผมชัยวัฒน์ครับ ผมเป็นครูของคุณพันสรครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยล่ะก็บอกได้เลยนะครับ”

“ทำงานของตัวเองให้ดีซะก่อน แล้วค่อยคิดช่วยงานคนอื่น ไป ประนอมเดี๋ยวฉันจะแจกแจงรายละเอียดให้ว่า

นอกเหนือจากงานหลักแล้ว เธอยังต้องทำอะไรอีกบ้าง” พร–พรรณเดินออกไป ณิชมนรีบตาม

“คนนี้ใช่เลย ตรงสเปกจริงๆ” ชัยวัฒน์กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีทันใด

ooooooo

ณิชมนจำต้องรับบทประนอมแม่บ้านคนใหม่ เพราะไม่มีที่ไปและไม่มีเงิน เช่นเดียวกับรวิภาสที่เข้ามาทำงานไร่บุริศราวัณตามคำสั่งของพี่ชาย แล้วเกิดมีปากเสียงกับพี่ชาย เพราะรวิภาสแกล้งยั่วจะขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าสักสองเดือน ทำให้บุรธัชไม่พอใจที่น้องไม่มีความรับผิดชอบ เขายื่นคำขาดว่า ถ้ารวิภาสไม่ยอมเรียนต่อก็ให้ออกมาทำงานที่ไร่

“ผมไม่ทำ ถ้าพี่ธัชทำคนเดียวไม่ไหว ก็ขายไร่บุริศราวัณไปซิครับ ถ้าหากท่านพ่อไม่ตาย พี่ธัชก็คงไม่กลับเมืองไทยใช่ไหมล่ะ แล้วจะมาสนใจอะไรกับไร่บ้าๆนี่ทำไม”

“ฉันไม่มีวันขายไร่บุริศราวัณแน่ ฉันจะสร้างอาณาจักร บุริศราวัณให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วแกก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยฉัน”

“พี่ธัชทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพื่อที่จะเอาชนะพวกสรณาลัยงั้นเหรอครับ”

“ฉันไม่ใช่แค่ต้องการเอาชนะ ฉันจะทำให้พวก

สรณาลัยล่มจมเหมือนกับที่พวกมันเคยทำกับเรา แกก็รู้ว่า เราเคยสูญเสียทุกอย่างเพราะใคร ถ้าแกยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้าง แกคงรู้ว่าหน้าที่ของแกต้องทำอะไร” บุรธัชเดินออกไปสวนทางกับณิชาภัทรที่เดินเข้ามา เธอเอ่ยถามรวิภาสว่าทะเลาะกันอีกแล้วหรือ

“พี่ณิชาครับ ท่านพ่อตายเพราะพวกสรณาลัยจริงๆ เหรอครับ” รวิภาสมองณิชาภัทรอย่างรอคำตอบ

ขณะที่บุรธัชเดินดุ่มๆกลับมาที่รถ เขาหยุดเดินหันไปมองอาณาจักรกว้างใหญ่ของไร่บุริศราวัณพร้อมกับนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเมื่อสิบปีก่อน

ในวันที่บุรธัชถูกเรียกตัวกลับมาจากเมืองนอก เขาเห็นนฤสรณ์มาหาบริพัตรพ่อของเขา ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ในห้องทำงานสีหน้าไม่ดีนัก แล้วบริพัตรก็หยิบปากกาขึ้นมาจดๆจ้องๆ จะเซ็นเอกสารแต่ยังลังเลตัดใจไม่ได้

“เซ็นเถอะ นายไม่มีทางเลือกแล้ว” นฤสรณ์เดินมาตบไหล่บริพัตร

บริพัตรจดปากกาเซ็นชื่ออย่างสิ้นหวัง บุรธัชชะงักเมื่อเห็นอาการของพ่อ ขณะที่นฤสรณ์รีบดึงปึกเอกสารใส่ซอง แล้วเดินออกไปทันที บริพัตรมองตามอย่างเครียดจัด บุรธัช ร้อนใจเข้าไปถามพ่อว่า เกิดอะไรขึ้น นฤสรณ์มาทำไม

“ก็ลุงนฤสรณ์เป็นเพื่อนพ่อ ทำไมจะมาหากันไม่ได้ แล้วทำไมแกถึงเพิ่งมา” บริพัตรเปลี่ยนเรื่อง

“ผมแวะพักที่กรุงเทพฯก่อน ท่านพ่อมีธุระอะไรถึงได้เรียกตัวกลับมากะทันหันอย่างนี้ครับ ผมอยู่ได้แค่สามสี่วันเท่านั้นนะครับ อาทิตย์หน้าผมนัดกับแอดไวเซอร์คุยเรื่องเรียนต่อปริญญาโท”

“แกไม่ต้องเรียนต่อแล้ว ฉันจะให้แกกลับมาทำงานที่นี่ จะได้มาดูแลนายภาสด้วย”

No comments:

Post a Comment