ตอนที่ 2
บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยอด เทอด และดอนเดินนำนาตาชาเข้ามาในงาน พร้อมกล่อง นิรภัยที่มาวางลงบนแท่นดูโดดเด่น ในขณะที่หนาน-คำกับเมียเห็นข่าวงานแสดงทับทิมสยามสีชมพูในทีวี หนานคำตาวาวโรจน์คำรามว่าตนรอเวลานี้มานาน
นาตาชากล่าวสวัสดีชาวไทยทุกคน และเล่าถึงตำนานทับทิมสยามสามสีให้รู้จัก แถมประกาศว่า ถ้าใครมีทับทิม
อีกสองในครอบครอง ตนยินดีจะให้ราคาอย่างที่คาดไม่ถึง เทอดส่งรีโมตให้เธอกด กล่องนิรภัยค่อยๆเปิดออก นักข่าวและแขกในงานรวมทั้งม่านฟ้าและบัวชุมมองทับทิมสีชมพูอย่างตื่นตาตื่นใจ นาตาชาโพสท่าให้นักข่าวถ่ายภาพตนคู่กับทับทิมสีชมพู
ในห้องคอนโทรลที่กริ่งคุมอยู่ เขาสังเกตเห็นภาพในจอห้องควบคุมไฟฟ้า เจ้าหน้าที่มีท่าทางผิดปกติจึงกดไมค์ถามว่าทำอะไรกัน พนักงานในห้องนั้นหันมามองกล้องวงจรปิดแล้วยกปืนขึ้นยิงใส่ จอดับวูบลง กริ่งรีบติดต่อเดี่ยวให้ไปดูที่ห้องควบคุมไฟฟ้า เดี่ยวนำกำลังตำรวจไป จังหวะที่จะพังประตูเข้าไป คนร้ายวางระเบิดแล้วหนีกลับขึ้นฝ้าเพดานไป ระเบิดทำให้เดี่ยวกับตำรวจกระเด็นกระดอนกันไป ไฟฟ้าดับพรึบ
ยอดซึ่งอยู่ใกล้นาตาชาดึงเธอหลบ เปาชางห้อยตัวลงมา พุ่งไปยังทับทิม ดอน และเทอดรู้ทันกันไว้ได้ เกิดความชุลมุนวุ่นวาย แขกพากันหนี ม่านฟ้ากับบัวชุมวิ่งฝ่าเสียงปืนที่คนร้ายยิงกราด บัวชุมสะดุดล้ม ม่านฟ้าหันมาประคอง คนร้ายคนหนึ่งใช้ปืนจ่อม่านฟ้าแต่เธอพลิกตัวเข้าล็อกคอคนร้าย บัวชุมลุกขึ้นแย่งปืน คนร้ายเซล้มลงมองสองสาวอย่างแปลกใจ ม่านฟ้าดึงบัวชุมให้หนี แต่กลับเจอเดี่ยวยืนขวาง เดี่ยวยกปืนเล็ง สองสาวตกตะลึง บัวชุมเอาตัวบังม่านฟ้า
“ถ้าจะยิง ยิงข้า อย่ายิงคุณหนูนะ” บัวชุมร้องห้าม
เดี่ยวลั่นกระสุน บัวชุมสะดุ้ง สักพักเอามือจับอกและท้อง “เฮ้ย หนังเหนียว ยิงไม่เข้า”
ม่านฟ้าสะกิดให้บัวชุมมองไปข้างหลัง เดี่ยวยิงคนร้าย ม่านฟ้าขอบใจเดี่ยวที่ช่วยแล้วดึงบัวชุมวิ่งไป...ยอด เทอดและดอนกำลังยิงสู้กับพวกเปาชาง คนร้ายพุ่งไปจี้ตัวนาตาชามาเป็นตัวประกัน ดอนต่อรองขอเปลี่ยนตัว คนร้ายตะคอกไม่เอา ดอนแกล้งกลัวลาน เทอดบอกให้ปล่อยเป็นหน้าที่เขา แล้วหายตัวแวบมาโผล่หลังคนร้าย บิดแขนจนปืนร่วง นาตาชาตื่นเต้นกับความสามารถพิเศษของเทอด ยอดแย่งทับทิมจากเปาชางคืนมาได้ กริ่งตามมาสมทบ วิ่งแซงเปาชางมาดักหน้าแล้วยิงต่อสู้กัน แต่เปาชางกับพวกกระหน่ำยิงจนไม่อาจออกจากที่กำบังได้ เดี่ยวมาช่วย
ยอดคืนทับทิมให้นาตาชา เธอรับมาแล้วหยอดลงร่องอก ยอดกับเดี่ยวตาโต เปาชางหนีกระเซอะกระเซิงกลับมารวมกลุ่มกับนายพลจางลี่ เขาขอแก้ตัวด้วยการหยิบปืนติดกล้องทางไกลสำหรับซุ่มยิง จากในรถมาสองกระบอก สั่งอาเตียวไปด้วยกัน นายพลจางลี่ให้เวลาครึ่งชั่วโมง เปาชาง บอกลุงสตาร์ตรถรอไว้ได้เลย
ดอนกางแผนที่หาทางพาทุกคนหนีออกจากอาคาร เห็นว่ามีถนนด้านหลัง เดี่ยวเสนอตัวไปเอารถมารับทุกคนตรงจุดนั้นเพราะเทอดเสียพลังงานไปมากแล้ว...อาเตียวซุ่มอยู่บนมุมสูงเล็งปืนมาที่นาตาชา ขณะที่ดอนนำทุกคนหลบไปตามทางเดินเล็กๆ ดอนรู้สึกบางอย่างเพ่งสายตาออกไป บอกกริ่ง กริ่งรีบแปลงตัวเป็นพายุหมุนไปกระแทกอาเตียวล้มลง กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่นาตาชาเลือดสาด ดอนเพ่งมองไปอีกทางเห็นเปาชางซุ่มอยู่อีกคนกำลังเล็งปืนมาที่ตน จึงพลิกตัวหลบและยิงสวน ดอนเห็นกริ่งเหนื่อยอ่อนหลบอยู่ไม่ห่างอาเตียว ซึ่งกำลังงงว่าอะไรมากระแทก
“กริ่งท่าจะพลังอ่อนล้า เทอด ยอด รีบไปช่วยกริ่งเร็ว”
อาเตียวตั้งสติได้จะหยิบปืน กริ่งรวบรวมพลังพุ่งไปแย่งปืน เปาชางหันมาช่วยอาเตียวยิงกริ่งบาดเจ็บ ยอดกับเทอดตามมาช่วย เทอดใช้ร่างบังกายพลางกริ่งไว้ ทำให้เปาชาง กับอาเตียวแปลกใจว่ากริ่งหายไปไหน ยอดยิงกันไว้ให้เทอดพากริ่งออกไป...ดอนประคองนาตาชามาที่รถที่เดี่ยวจอดรอ เดี่ยวลงช่วยเทอดประคองกริ่ง พอทุกคนขึ้นรถ เดี่ยวถามหายอด
“โน่น อยู่ข้างหน้า” ดอนชี้ไปหน้ารถเห็นยอดวิ่งอยู่กลางถนน
ยอดร้องบอกให้เดี่ยวขับตามมารับ รถนายพลจางลี่มาถึงกราดกระสุนเข้าใส่ เดี่ยวขับรถหลบกระสุนไม่สามารถจอดให้ยอดขึ้นได้ เทอดกับเดี่ยวตะโกนบอกยอดให้พุ่งทะลุเข้ามาในรถเลย ทุกคนลุ้น ยอดวิ่งคู่ไปกับรถตัดสินใจหาจังหวะพุ่งทะลุเข้ามานอนแอ้งแม้งในรถ เดี่ยวขับรถทะยานหนีฝุ่นตลบ นายพลจางลี่ไม่ลดละ ตามไล่ยิง เดี่ยวบอกเพื่อนๆว่า
“ผมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆนะ แต่พลังผมเริ่มจะหมดแล้ว ช่วยกันมองหน่อย”
เทอดหันไปถามดอนว่าเห็นอะไรไหม ดอนบอกว่าตนก็พลังเริ่มอ่อน เห็นไม่ถนัด
“คุณมีความสามารถกันทุกคนจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน” นาตาชาตื่นเต้น
ดอนพยายามเพ่งมองจนแน่ใจว่าระเบิดอาร์พีจีที่นายพลจางลี่ยิงไล่หลังมา เดี่ยวบ่น...ว่าแล้วเสียงคุ้นๆ ยอดบอกให้เหยียบมิดเลย เทอดเห็นป้ายห้ามเข้า สะพานขาดร้องบอกเดี่ยวแต่สายไป เดี่ยวตัดสินใจพุ่งรถขึ้นสะพานด้วยความเร็วสูง ทะยานข้ามไปอีกฝั่งอย่างหวุดหวิด รถนายพลจางลี่ตามมาถึงเบรกตัวโก่ง นายพลจางลี่ลงมายืนหงุดหงิดอาฆาตแค้น
ooooooo
วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว ทับทิมสยามถูกปล้น ตายเจ็บนับสิบ...เจนนี่ กระแต บุษกร ชลดา และ ยูกิ อ่านรายละเอียดของข่าวอย่างหงุดหงิดเล็กๆที่ทำไมพวกตนไม่ได้ร่วมทำงานนี้ด้วย ทั้งที่พวกตนกับกลุ่มเสาร์ห้าชายก็ทำงานเสี่ยงอันตรายด้วยกันมามากแล้ว
อาจณรงค์ถือแฟ้มเข้ามาบอกสาวๆอย่าคิดมากและให้ช่วยกันทำงานนี้ต่อ เป็นข้อมูลที่ได้รับมาว่า ยอดบัตรเครดิตของสตีเฟ่น แม็คควีนที่ผ่านมาเป็นเงิน เจ็ดแสนห้าหมื่นกว่าบาท รายการซื้อส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์เดินป่า เครื่องมือทางธรณีวิทยาเหมือนจะไปเปิดเหมืองแร่
“เอกสารใบสุดท้าย ข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อกับต่างประเทศ” อาจณรงค์ให้บุษกรเช็ก
“เป็นหมายเลขจากแถบตะวันออกกลาง ลงทะเบียนชื่อ มร.มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค” บุษกรเซิร์ชเข้ากูเกิ้ลพบหน้าจอเป็นภาพเว็บไซต์ของ FBI เห็นภาพมูฮัมหมัด คือหนึ่งในวายร้ายระดับโลกที่พัวพันการค้าอาวุธสงคราม
“สตีเฟ่นติดต่อกับพวกค้าอาวุธสงครามทำไม” กระแตสงสัย
“อันนี้เป็นภาพถ่ายที่ได้มาโดยบังเอิญ โดยที่ผมส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวของสตีเฟ่น แล้วบังเอิญได้ภาพนี้มา” อาจณรงค์วางภาพถ่ายให้ทุกคนดู เป็นภาพระยะไกลของชายคนหนึ่งที่เดินคู่กับสตีเฟ่น แม้จะพรางตัวใส่แว่นแต่ก็ดูออกว่าคือ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน “สายผมรายงานมาว่า ผู้ชายคนนี้เดินออกมาจากคอนโดฯกับสตีเฟ่นและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน”
ห้าสาวมองหน้ากันอย่างครุ่นคิดว่า ทำไม ดร.ฟอร์ดต้องให้คนเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว และเกี่ยวโยงอะไรกับข้าวของเดินป่าที่ซื้อ...
โรงพยาบาลชานเมือง ที่นาตาชาและกริ่งนอนรักษาตัวอยู่ นาตาชารู้สึกตัวขึ้นมาพบดอนนั่งอยู่ เธอถามหาทับทิมทันที ดอนเปิดลิ้นชักข้างเตียงหยิบส่งให้และบอกว่าเขาเฝ้าไว้ให้ทั้งคืน
“พวกคนร้ายเมื่อคืนเป็นใครคะ”
“เป็นพวกกองกำลังชนกลุ่มน้อย พวกมันต้องการเงินเพื่อไปซื้ออาวุธ หัวหน้าคือนายพลจางลี่ หลานชายของมันชื่อเปาชาง”
นาตาชาแปลกใจเพราะรู้มาว่าพวกนี้หาเงินด้วยการค้ายา ดอนเล่าว่านายพลจางลี่ถูกกีดกันไม่ให้ค้ายา จึงหันไปหาเงินด้วยวิธีปล้น ดอนแปลกใจที่นาตาชารู้เรื่องในเมืองไทยเป็นอย่างดี เธอแก้ตัวว่า แม่เป็นคนไทย มักจะให้ตนอ่านข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทย ดอนไม่ติดใจสงสัย...นาตาชาอยากอาบน้ำ ดอนจึงออกไปรอนอกห้อง เทอดซึ่งเฝ้ากริ่งอีกห้องเห็นกริ่งยังหลับอยู่จึงออกมา ดอนเข้าไปดู กริ่งผวาชักปืนออกมาอย่างระวัง พอเห็นว่าเป็นดอนก็ขอโทษขอโพย ดอนถามถึงเดี่ยวกับยอด กริ่งตอบว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้ว บ่ายๆจะมาใหม่
นาตาชาแอบโทร.ส่งข่าว ดร.ฟอร์ดในห้องน้ำ ว่าทับทิมยังอยู่ และเล่าเรื่องความสามารถพิเศษของกลุ่มเสาร์ห้ามีจริงๆ ดร.ฟอร์ดจึงให้ทำอย่างไรก็ได้ เอาตัวดอนกับเดี่ยวมาร่วมมือกับเรา
พอวางสาย ดร.ฟอร์ดหันมาบอกซัมดอง “อีกไม่นานครับอาจารย์ เราจะได้คนชื่อดอนและเดี่ยวมาเป็นพวกแน่นอน”
นาตาชากล่าวสวัสดีชาวไทยทุกคน และเล่าถึงตำนานทับทิมสยามสามสีให้รู้จัก แถมประกาศว่า ถ้าใครมีทับทิม
อีกสองในครอบครอง ตนยินดีจะให้ราคาอย่างที่คาดไม่ถึง เทอดส่งรีโมตให้เธอกด กล่องนิรภัยค่อยๆเปิดออก นักข่าวและแขกในงานรวมทั้งม่านฟ้าและบัวชุมมองทับทิมสีชมพูอย่างตื่นตาตื่นใจ นาตาชาโพสท่าให้นักข่าวถ่ายภาพตนคู่กับทับทิมสีชมพู
ในห้องคอนโทรลที่กริ่งคุมอยู่ เขาสังเกตเห็นภาพในจอห้องควบคุมไฟฟ้า เจ้าหน้าที่มีท่าทางผิดปกติจึงกดไมค์ถามว่าทำอะไรกัน พนักงานในห้องนั้นหันมามองกล้องวงจรปิดแล้วยกปืนขึ้นยิงใส่ จอดับวูบลง กริ่งรีบติดต่อเดี่ยวให้ไปดูที่ห้องควบคุมไฟฟ้า เดี่ยวนำกำลังตำรวจไป จังหวะที่จะพังประตูเข้าไป คนร้ายวางระเบิดแล้วหนีกลับขึ้นฝ้าเพดานไป ระเบิดทำให้เดี่ยวกับตำรวจกระเด็นกระดอนกันไป ไฟฟ้าดับพรึบ
ยอดซึ่งอยู่ใกล้นาตาชาดึงเธอหลบ เปาชางห้อยตัวลงมา พุ่งไปยังทับทิม ดอน และเทอดรู้ทันกันไว้ได้ เกิดความชุลมุนวุ่นวาย แขกพากันหนี ม่านฟ้ากับบัวชุมวิ่งฝ่าเสียงปืนที่คนร้ายยิงกราด บัวชุมสะดุดล้ม ม่านฟ้าหันมาประคอง คนร้ายคนหนึ่งใช้ปืนจ่อม่านฟ้าแต่เธอพลิกตัวเข้าล็อกคอคนร้าย บัวชุมลุกขึ้นแย่งปืน คนร้ายเซล้มลงมองสองสาวอย่างแปลกใจ ม่านฟ้าดึงบัวชุมให้หนี แต่กลับเจอเดี่ยวยืนขวาง เดี่ยวยกปืนเล็ง สองสาวตกตะลึง บัวชุมเอาตัวบังม่านฟ้า
“ถ้าจะยิง ยิงข้า อย่ายิงคุณหนูนะ” บัวชุมร้องห้าม
เดี่ยวลั่นกระสุน บัวชุมสะดุ้ง สักพักเอามือจับอกและท้อง “เฮ้ย หนังเหนียว ยิงไม่เข้า”
ม่านฟ้าสะกิดให้บัวชุมมองไปข้างหลัง เดี่ยวยิงคนร้าย ม่านฟ้าขอบใจเดี่ยวที่ช่วยแล้วดึงบัวชุมวิ่งไป...ยอด เทอดและดอนกำลังยิงสู้กับพวกเปาชาง คนร้ายพุ่งไปจี้ตัวนาตาชามาเป็นตัวประกัน ดอนต่อรองขอเปลี่ยนตัว คนร้ายตะคอกไม่เอา ดอนแกล้งกลัวลาน เทอดบอกให้ปล่อยเป็นหน้าที่เขา แล้วหายตัวแวบมาโผล่หลังคนร้าย บิดแขนจนปืนร่วง นาตาชาตื่นเต้นกับความสามารถพิเศษของเทอด ยอดแย่งทับทิมจากเปาชางคืนมาได้ กริ่งตามมาสมทบ วิ่งแซงเปาชางมาดักหน้าแล้วยิงต่อสู้กัน แต่เปาชางกับพวกกระหน่ำยิงจนไม่อาจออกจากที่กำบังได้ เดี่ยวมาช่วย
ยอดคืนทับทิมให้นาตาชา เธอรับมาแล้วหยอดลงร่องอก ยอดกับเดี่ยวตาโต เปาชางหนีกระเซอะกระเซิงกลับมารวมกลุ่มกับนายพลจางลี่ เขาขอแก้ตัวด้วยการหยิบปืนติดกล้องทางไกลสำหรับซุ่มยิง จากในรถมาสองกระบอก สั่งอาเตียวไปด้วยกัน นายพลจางลี่ให้เวลาครึ่งชั่วโมง เปาชาง บอกลุงสตาร์ตรถรอไว้ได้เลย
ดอนกางแผนที่หาทางพาทุกคนหนีออกจากอาคาร เห็นว่ามีถนนด้านหลัง เดี่ยวเสนอตัวไปเอารถมารับทุกคนตรงจุดนั้นเพราะเทอดเสียพลังงานไปมากแล้ว...อาเตียวซุ่มอยู่บนมุมสูงเล็งปืนมาที่นาตาชา ขณะที่ดอนนำทุกคนหลบไปตามทางเดินเล็กๆ ดอนรู้สึกบางอย่างเพ่งสายตาออกไป บอกกริ่ง กริ่งรีบแปลงตัวเป็นพายุหมุนไปกระแทกอาเตียวล้มลง กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่นาตาชาเลือดสาด ดอนเพ่งมองไปอีกทางเห็นเปาชางซุ่มอยู่อีกคนกำลังเล็งปืนมาที่ตน จึงพลิกตัวหลบและยิงสวน ดอนเห็นกริ่งเหนื่อยอ่อนหลบอยู่ไม่ห่างอาเตียว ซึ่งกำลังงงว่าอะไรมากระแทก
“กริ่งท่าจะพลังอ่อนล้า เทอด ยอด รีบไปช่วยกริ่งเร็ว”
อาเตียวตั้งสติได้จะหยิบปืน กริ่งรวบรวมพลังพุ่งไปแย่งปืน เปาชางหันมาช่วยอาเตียวยิงกริ่งบาดเจ็บ ยอดกับเทอดตามมาช่วย เทอดใช้ร่างบังกายพลางกริ่งไว้ ทำให้เปาชาง กับอาเตียวแปลกใจว่ากริ่งหายไปไหน ยอดยิงกันไว้ให้เทอดพากริ่งออกไป...ดอนประคองนาตาชามาที่รถที่เดี่ยวจอดรอ เดี่ยวลงช่วยเทอดประคองกริ่ง พอทุกคนขึ้นรถ เดี่ยวถามหายอด
“โน่น อยู่ข้างหน้า” ดอนชี้ไปหน้ารถเห็นยอดวิ่งอยู่กลางถนน
ยอดร้องบอกให้เดี่ยวขับตามมารับ รถนายพลจางลี่มาถึงกราดกระสุนเข้าใส่ เดี่ยวขับรถหลบกระสุนไม่สามารถจอดให้ยอดขึ้นได้ เทอดกับเดี่ยวตะโกนบอกยอดให้พุ่งทะลุเข้ามาในรถเลย ทุกคนลุ้น ยอดวิ่งคู่ไปกับรถตัดสินใจหาจังหวะพุ่งทะลุเข้ามานอนแอ้งแม้งในรถ เดี่ยวขับรถทะยานหนีฝุ่นตลบ นายพลจางลี่ไม่ลดละ ตามไล่ยิง เดี่ยวบอกเพื่อนๆว่า
“ผมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆนะ แต่พลังผมเริ่มจะหมดแล้ว ช่วยกันมองหน่อย”
เทอดหันไปถามดอนว่าเห็นอะไรไหม ดอนบอกว่าตนก็พลังเริ่มอ่อน เห็นไม่ถนัด
“คุณมีความสามารถกันทุกคนจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน” นาตาชาตื่นเต้น
ดอนพยายามเพ่งมองจนแน่ใจว่าระเบิดอาร์พีจีที่นายพลจางลี่ยิงไล่หลังมา เดี่ยวบ่น...ว่าแล้วเสียงคุ้นๆ ยอดบอกให้เหยียบมิดเลย เทอดเห็นป้ายห้ามเข้า สะพานขาดร้องบอกเดี่ยวแต่สายไป เดี่ยวตัดสินใจพุ่งรถขึ้นสะพานด้วยความเร็วสูง ทะยานข้ามไปอีกฝั่งอย่างหวุดหวิด รถนายพลจางลี่ตามมาถึงเบรกตัวโก่ง นายพลจางลี่ลงมายืนหงุดหงิดอาฆาตแค้น
ooooooo
วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว ทับทิมสยามถูกปล้น ตายเจ็บนับสิบ...เจนนี่ กระแต บุษกร ชลดา และ ยูกิ อ่านรายละเอียดของข่าวอย่างหงุดหงิดเล็กๆที่ทำไมพวกตนไม่ได้ร่วมทำงานนี้ด้วย ทั้งที่พวกตนกับกลุ่มเสาร์ห้าชายก็ทำงานเสี่ยงอันตรายด้วยกันมามากแล้ว
อาจณรงค์ถือแฟ้มเข้ามาบอกสาวๆอย่าคิดมากและให้ช่วยกันทำงานนี้ต่อ เป็นข้อมูลที่ได้รับมาว่า ยอดบัตรเครดิตของสตีเฟ่น แม็คควีนที่ผ่านมาเป็นเงิน เจ็ดแสนห้าหมื่นกว่าบาท รายการซื้อส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์เดินป่า เครื่องมือทางธรณีวิทยาเหมือนจะไปเปิดเหมืองแร่
“เอกสารใบสุดท้าย ข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อกับต่างประเทศ” อาจณรงค์ให้บุษกรเช็ก
“เป็นหมายเลขจากแถบตะวันออกกลาง ลงทะเบียนชื่อ มร.มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค” บุษกรเซิร์ชเข้ากูเกิ้ลพบหน้าจอเป็นภาพเว็บไซต์ของ FBI เห็นภาพมูฮัมหมัด คือหนึ่งในวายร้ายระดับโลกที่พัวพันการค้าอาวุธสงคราม
“สตีเฟ่นติดต่อกับพวกค้าอาวุธสงครามทำไม” กระแตสงสัย
“อันนี้เป็นภาพถ่ายที่ได้มาโดยบังเอิญ โดยที่ผมส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวของสตีเฟ่น แล้วบังเอิญได้ภาพนี้มา” อาจณรงค์วางภาพถ่ายให้ทุกคนดู เป็นภาพระยะไกลของชายคนหนึ่งที่เดินคู่กับสตีเฟ่น แม้จะพรางตัวใส่แว่นแต่ก็ดูออกว่าคือ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน “สายผมรายงานมาว่า ผู้ชายคนนี้เดินออกมาจากคอนโดฯกับสตีเฟ่นและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน”
ห้าสาวมองหน้ากันอย่างครุ่นคิดว่า ทำไม ดร.ฟอร์ดต้องให้คนเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว และเกี่ยวโยงอะไรกับข้าวของเดินป่าที่ซื้อ...
โรงพยาบาลชานเมือง ที่นาตาชาและกริ่งนอนรักษาตัวอยู่ นาตาชารู้สึกตัวขึ้นมาพบดอนนั่งอยู่ เธอถามหาทับทิมทันที ดอนเปิดลิ้นชักข้างเตียงหยิบส่งให้และบอกว่าเขาเฝ้าไว้ให้ทั้งคืน
“พวกคนร้ายเมื่อคืนเป็นใครคะ”
“เป็นพวกกองกำลังชนกลุ่มน้อย พวกมันต้องการเงินเพื่อไปซื้ออาวุธ หัวหน้าคือนายพลจางลี่ หลานชายของมันชื่อเปาชาง”
นาตาชาแปลกใจเพราะรู้มาว่าพวกนี้หาเงินด้วยการค้ายา ดอนเล่าว่านายพลจางลี่ถูกกีดกันไม่ให้ค้ายา จึงหันไปหาเงินด้วยวิธีปล้น ดอนแปลกใจที่นาตาชารู้เรื่องในเมืองไทยเป็นอย่างดี เธอแก้ตัวว่า แม่เป็นคนไทย มักจะให้ตนอ่านข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทย ดอนไม่ติดใจสงสัย...นาตาชาอยากอาบน้ำ ดอนจึงออกไปรอนอกห้อง เทอดซึ่งเฝ้ากริ่งอีกห้องเห็นกริ่งยังหลับอยู่จึงออกมา ดอนเข้าไปดู กริ่งผวาชักปืนออกมาอย่างระวัง พอเห็นว่าเป็นดอนก็ขอโทษขอโพย ดอนถามถึงเดี่ยวกับยอด กริ่งตอบว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้ว บ่ายๆจะมาใหม่
นาตาชาแอบโทร.ส่งข่าว ดร.ฟอร์ดในห้องน้ำ ว่าทับทิมยังอยู่ และเล่าเรื่องความสามารถพิเศษของกลุ่มเสาร์ห้ามีจริงๆ ดร.ฟอร์ดจึงให้ทำอย่างไรก็ได้ เอาตัวดอนกับเดี่ยวมาร่วมมือกับเรา
พอวางสาย ดร.ฟอร์ดหันมาบอกซัมดอง “อีกไม่นานครับอาจารย์ เราจะได้คนชื่อดอนและเดี่ยวมาเป็นพวกแน่นอน”
“ทำไมเราต้องเอาพวกเสาร์ห้ามายุ่งกับงานของเราด้วยครับอาจารย์ ใช้ดวงตาสวรรค์หาทับทิมสยามก็ได้นี่ครับ” สตีเฟ่นแย้ง
“เอ็งคงไม่รู้สิว่า ทับทิมสยามมีพลังบางอย่างบดบัง ดวงตาสวรรค์มองไม่เห็น แต่สำหรับพวกเสาร์ห้ามันมีพลังพุทธคุณซึ่งเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ข้าเชื่อว่ามันจะทำให้งานเราสำเร็จแน่นอน”
ราฮิมสงสัยว่าดอนกับเดี่ยวจะยอมหรือ ซัมดองว่าตนมีวิธีขอแค่เอาตัวมาให้ตนแล้วกัน
ooooooo
วิธีที่นาตาชาจะใช้มัดดอนกับเดี่ยวไว้ได้ก็คือ โปรยเสน่ห์ให้หลงใหลตน เผอิญดอนลืมมือถือไว้ในห้อง เธอจึงเมมเบอร์เขาไว้ด้วยการใช้เครื่องดอนโทร.เข้ามือถือตน ขณะกำลังเมมชื่อ เจนนี่โทร.เข้ามา นาตาชายิ้มเจ้าเล่ห์ กดรับสาย ทำเสียงงัวเงียๆ พอเจนนี่ขอพูดกับดอน ก็ส่งเสียง
“ดอนคะ ตื่นเถอะโทรศัพท์เข้ามาค่ะ ดอน...ไม่เอาค่ะ อย่าสิคะ ดอน...อย่าใจร้อน” นาตาชาแกล้งกดสายทิ้ง
เจนนี่หน้าเสียแต่ไม่อยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง ยอดกับเดี่ยวกลับมาส่งข่าว ชลดา บุษกร และกระแตโวยทันทีว่าทำไมโทร.หาต้องปิดเครื่อง สองหนุ่มตอบว่าปฏิบัติงานอยู่ ยูกิถามอาการกริ่งอย่างเป็นห่วง เดี่ยวตอบว่ารายนั้นยังไม่ตายแผลแค่ถลอก สองหนุ่มเล่ารายละเอียด
“นี่แสดงว่าคุณดอนกำลังดูแลผู้หญิงที่ชื่อนาตาชาอยู่ใช่มั้ยคะ” เจนนี่ถาม
“ใช่ครับ คุณดอนเป็นคนรับอาสาดูแลคุณนาตาชามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” ยอดตอบ
เจนนี่เก็บความรู้สึกขุ่นใจไว้...สามสาว กระแต บุษกรและเจนนี่ขอตามยอดกับเดี่ยวกลับไปเยี่ยมกริ่งด้วย พอมาถึงโรงพยาบาลชานเมือง กระแตชมว่าที่นี่อากาศดีจริงๆ ยอดรีบชวนกระแตไปดูสวนดอกไม้ของที่นี่ เดี่ยว บุษกร และเจนนี่เดินเข้าไปในโรงพยาบาล บังเอิญเจอหมอหน่อยเพื่อนเก่าของบุษกร จึงหยุดทักทายกัน เจนนี่ร้อนใจให้เดี่ยวอยู่เป็นเพื่อนบุษกร ตนจะเข้าไปเยี่ยมกริ่งก่อน แต่ที่จริงแล้วอยากไปดูดอนกับนาตาชา
ดอนกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ นาตาชาหาวิธีใกล้ชิดดอนจึงแกล้งร้องว่ามีแมลงกัดที่หลังให้ดอนมาช่วยเอาออกให้ ดอนชะโงกดูเก้ๆกังๆ นาตาชาแกล้งหันหน้ามาชนจมูกดอน เจนนี่เข้ามาเห็นเข้าใจว่าสองคนจูบกัน ยืนมองนิ่ง พอดอนหันมาเจอก็กล่าวขอโทษที่มาขัดจังหวะ นาตาชายิ้มกริ่มเข้าทาง ทำทีเป็นบอกดอนให้ออกไปก่อน ตนเคลียร์กับเจนนี่ให้เอง
พอดอนออกไป นาตาชาก็เปิดฉาก “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันคงไม่สามารถปิดบังอะไรเธอได้อีก ในความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับดอน”
“มาบอกฉันทำไม” เจนนี่เชิดหน้าถาม
“ดอนเขาเป็นคนใจอ่อน แล้วก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของเธอ พวกผู้ชายน่ะยังไงก็ไม่ยอมรับเรื่องที่เขานอกใจง่ายๆหรอก”
“ฉันกับดอน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“นั่นมันเรื่องของเธอ แต่เวลานี้ระหว่างเธอกับดอน มีฉันเพิ่มมาอีกหนึ่งคน หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจนะ”
“ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดจาได้น่าเกลียดเท่าเธอมาก่อนเลยนาตาชา” เจนนี่สะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว รีบเดินออกจากห้องไป นาตาชายิ้มอย่างมีชัย
เห็นเจนนี่ออกมาดอนยืนยิ้มให้ เจนนี่รู้สึกหงุดหงิด
เดินหนี ดอนเรียก เธอกลับบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ดอนสลดไม่กล้าตาม เขากลับเข้าไปถามนาตาชาว่าคุยอะไรกับเจนนี่ นาตาชาใส่ไฟว่า ตนพยายามอธิบายแต่เจนนี่ไม่ยอมเข้าใจ เดี่ยวกับบุษกรตามเข้ามาถามมีเรื่องอะไร นาตาชารีบออกตัวว่าเจนนี่เข้าใจตนผิด เรื่องตนกับดอน เดี่ยวตบไหล่ปลอบใจดอน
บุษกรถามไถ่อาการนาตาชาและบอกว่าอีกสองสามวันหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ บุษกรสังเกตเห็นผ้าพันแผลหลวมๆจึงเรียกพยาบาลเอาอุปกรณ์มาแล้วช่วยทำแผลให้ใหม่ นาตาชาทึ่งที่บุษกรทำได้ดี บุษกรจึงเล่าว่าตนเคยเป็นหมอมาก่อน นาตาชารีบตีสนิทขอเป็นเพื่อนกับพวกเสาร์ห้าหญิง แต่เกรงเจนนี่จะไม่ยอมรับ บุษกรรับปากจะคุยให้
ดอนตามมาหาเจนี่ซึ่งยืนสงบสติอารมณ์อยู่ในสวน เธอทบทวนเรื่องราวอย่างชั่งใจแล้วขอโทษดอนที่วู่วาม ดอนใจชื้นขึ้นชวนเธอกลับไปเยี่ยมกริ่ง
ooooooo
เปาชางหาพิกัดที่กริ่งกับนาตาชารักษาตัวได้ ว่าเป็นโรงพยาบาลชานเมือง นายพลจางลี่สั่งให้หานักฆ่าฝีมือดีที่สุด เปาชางเรียกไอ้แซมรถซิ่งมาให้แม้ค่าตัวจะแพงลิ่วแต่เชื่อมือได้
เมื่อตั้งสติได้หันกลับมาทำความเข้าใจกับดอน เจนนี่และดอนก็พากันกลับมาที่ห้องนาตาชา กระแตกับบุษกรกำลังดูแลชวนพูดคุย นาตาชาทำเป็นดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ พอเห็นเจนนี่เข้ามาก็ชวนมาดูรูปดอกไม้ด้วยกัน เจนนี่ฝืนยิ้มเพราะรู้ว่านาตาชาเสแสร้ง
“เรื่องดอกไม้ฉันไม่ค่อยสนหรอกค่ะ” เจนนี่บอกนาตาชา
“แหม...แปลกจังเลยค่ะ เป็นผู้หญิงแต่ไม่สนใจดอกไม้”
“คุณเจนนี่เขาสนใจเรื่องจิตวิทยา ชอบศึกษาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์อะไรพวกนี้แหละค่ะ” บุษกรแก้ตัวให้
นาตาชาทำเป็นสนใจถามมีอะไรบ้าง
“ก็อย่างบางคนชอบเสแสร้ง บางคนชอบปั่นให้คนอื่นแตกกัน แล้วที่สำคัญพวกนี้ชอบตีสองหน้า คนแบบนี้คุณนาตาชาเคยเห็นบ้างมั้ยคะ”
นาตาชารู้ว่าเจนนี่แขวะ เธอฉลาดไม่ตอบโต้ หันไปอ้อนกับดอนให้ดูแลเจนนี่ดีๆทั้งเก่งทั้งสวยแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆสายตาเธอแอบเยาะเย้ยใส่เจนนี่
กลุ่มเสาร์ห้าทั้งหญิงและชายพากันขึ้นรถจะกลับ เหลือดอนกับเทอดที่อยู่ดูแลกริ่งและนาตาชา รถแล่นออกไปไม่ทันไร ไอ้แซมกับพวกที่เปาชางจ้างมา ไล่กราดยิงใส่รถพวกเสาร์ห้าเดี่ยวขับรถหนีและหาจังหวะหักรถขวางให้ยอดและสาวๆยิงตอบโต้จนรถไอ้แซมพลิกคว่ำระเบิดตูม ไฟลุกท่วมทั้งคัน นายพลจางลี่โมโหมาก เปาชางขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง
ทุกคนกลับมารวมตัวที่โรงพยาบาล เทอดถามว่าแน่ใจหรือว่าเป็นพวกนายพลจางลี่ เดี่ยวมั่นใจเพราะมีศัตรูอยู่กลุ่มเดียว และนี่คงเป็นเพียงการเริ่มต้น ยอดเป็นห่วงนาตาชา ดอนเห็นว่าเราจะเป็นเป้านิ่งให้พวกโจรกระหน่ำ ควรจะพานาตาชาไปอยู่ที่อื่น
แต่เดี่ยวค้าน “เราไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้ามันคิดว่าเราเป็นเป้านิ่ง เราก็ต้องเป็นอย่างที่มันคิด”
“แสดงว่าจะซ้อนแผนพวกมัน” กริ่งถาม เทอดตอบแทนว่าแน่นอน ยอดตื่นเต้นตบเอาแผลกริ่ง ถึงกับสะดุ้ง เดี่ยวเรียกทุกคนประชุม
ตกบ่าย เดี่ยว ยอด กระแต บุษกร และยูกิเดินออกจากโรงพยาบาล โดยมีบุรุษพยาบาลเข็นรถคนไข้ขึ้นรถพยาบาล กลุ่มเสาร์ห้าแยกไปขึ้นรถอีกคันแล้วขับนำรถพยาบาลออกไป มีรถคันหนึ่งจอดซุ่มอยู่ คนในรถกำลังจับตามอง มีหัวหน้าลูกน้องสามสี่คน พอเห็นกลุ่มเสาร์ห้าอยู่ที่นี่จริงก็สั่งลูกน้องลงมือจัดการนาตาชาในคืนนี้...
หารู้ไม่ว่า เดี่ยวกับพวกพานาตาชาออกมาอยู่เซฟเฮาส์โดยมียูกิ กระแตและบุษกรคอยดูแลความปลอดภัย นาตาชาขอติดต่อพี่ชายแต่กระแตห้ามไว้ อาจทำให้คนร้ายแกะรอยได้ นาตาชาทำหน้าเซ็ง ยอดกับเดี่ยวกลับไปสมทบกับดอนและเทอดที่โรงพยาบาล
ในคืนนั้น มีหมอกับผู้ช่วยปลอม ทำทีเข็นรถยาผ่านเคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลเวรอยู่สองคนมายังห้องพักนาตาชา ซึ่งดอนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง หมอปลอมบอกดอนว่าเช็กร่างกายคนไข้ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล ดอนเลี่ยงให้ทั้งสองเข็นรถยาเข้าไป แล้วแอบวิทยุบอกพรรคพวกว่ามันมาแล้ว เทอดให้เดี่ยวตามไปช่วยดอนกับยอด กริ่งมาช่วยเทอดซุ่มอยู่ด้านล่าง
หมอกับผู้ช่วยปลอม เข้ามาให้ห้องบอกคนไข้ว่าจะมาฉีดยาบำรุงให้ คนไข้นอนหันหลังพูดกับหมอว่าเชิญค่ะ...ขณะที่หมอกำลังจะฉีดยา คนไข้ซึ่งที่จริงคือเจนนี่เตะหลอดไซรินจ์
ooooooo
วันต่อมา กลุ่มเสาร์ห้าทั้งหญิงและชายเข้าประชุมกับอภิชัย เชษฐ์ และอาจณรงค์ ขาดแต่ดอนที่ยังเฝ้าดูแลนาตาชาอยู่ที่เซฟเฮาส์ เชษฐ์ถามคิดว่าคนร้ายเมื่อคืนเป็นพวก ดร.ฟอร์ดหรือ เทอดว่าไม่ใช่ เพราะพ่อไม่น่าจะให้คนมาปล้นทับทิมจากลูก เจนนี่เห็นด้วย เดี่ยวสงสัยคนร้ายจะเอาตัวนาตาชาไปเพื่ออะไร อาจณรงค์เอาแฟลชไดรฟ์ที่กริ่งบันทึกภาพรถคนร้ายไว้ได้มาเปิด
“นี่เป็นรถของคนร้ายที่ผมถ่ายได้ก่อนที่พวกมันจะหนีไป ข้างในมีคนประมาณสามคน มีลักษณะเป็นหัวหน้าอยู่คนหนึ่ง คือคนนั่งเบาะด้านหลัง” กริ่งอธิบายภาพเอง
อภิชัยให้ขยายภาพดูหน้า เชษฐ์รู้สึกคุ้นหน้าแต่ภาพไม่ค่อยชัด อภิชัยให้เจนนี่เช็กทะเบียนรถ เจนนี่กดคอมพิวเตอร์สักพัก รายงานข้อมูล
“เป็นรถของทางราชการ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เอ๊ะ...แสดงว่า คนร้ายเกี่ยวพันกับหน่วยงานราชการเหรอคะ”
“จำได้แล้วค่ะ ถ้าสังกัดหน่วยงานวิทยาศาสตร์ล่ะก็ มีอยู่คนนึงที่หน้าตาคล้ายๆแบบนี้” บุษกรนึกได้ “ดร.วิทยา เกิดประกาย นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง”
“จริงสิ แต่ ดร.คนนี้ เคยเป็นอาจารย์ของลูกไม่ใช่หรอ” อภิชัยถามบุษกร
“เป็นอาจารย์พิเศษที่เคยมาบรรยายเกี่ยวกับเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ 2-3 ครั้งค่ะ”
ยอดรีบหาภาพชัดๆของ ดร.วิทยามาเทียบกับภาพที่ไม่ค่อยชัดนั่น เมื่อทุกคนได้เห็นก็แน่ใจว่าใช่คนเดียวกัน เชษฐ์ถามบุษกรพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับ ดร.คนนี้บ้าง
“ดร.วิทยา เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์การนาซาให้เข้าไปฝึกงานประมาณ 3 ปี ระหว่างนั้น ดร.วิทยาเคยเป็นผู้ช่วยของ ดร.ฟอร์ด หลังจากนั้น ดร.วิทยาก็กลับมาเมืองไทย ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลให้ทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานจากแร่ธาตุ”
“ถ้างั้น ดร.ฟอร์ดน่าจะมีเงื่อนงำบางอย่างในการเข้ามาเมืองไทยครั้งนี้” อภิชัยคาดเดา
เจนนี่กับเทอดวิเคราะห์ว่าช่างบังเอิญที่นาตาชาเอาทับทิมสีชมพูกลับมาเมืองไทย เชษฐ์ข้องใจถามบุษกรว่าแร่ธาตุมีพลังงานอะไรบ้าง บุษกรเปลี่ยนภาพบนจอเป็นภาพไอน์สไตน์ และสมการ E=MC2 แล้วตามด้วยภาพระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา ก่อนที่จะอธิบายว่า
“แร่ยูเรเนียม เมื่อนำมาทดลองตามสมการของไอน์สไตน์แล้ว จะให้พลังงานที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือ ระเบิดนิวเคลียร์”
“หรือว่าพวกเขาแย่งชิงทับทิมสยามกันเพื่อใช้ในการทดลองระเบิดชนิดใหม่” ชลดาถาม
ทุกคนเห็นภาพผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ที่คนญี่ปุ่นได้รับ ต่างไม่ยอมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยแน่
ooooooo
ในขณะที่ ดร.ฟอร์ดกับสตีเฟ่น ให้ราฮีมขับรถพาเข้าป่าไปยังหมู่บ้านช้างร้อง จุดนัดพบพวกลูกหาบและแรงงานรับจ้าง จากนั้นจะเริ่มเดินเท้าเข้าไป ดร.ฟอร์ดพอจะจำได้ว่า ถ้าไปตามลำธาร เดินไปเรื่อยๆจนเห็นเจดีย์บนเนินเขา แสดงว่ามาถูกทาง ราฮีมรายงานว่า ลูกหาบที่เขาหามา นอกจากเป็นแรงงานแล้ว ยังชำนาญเรื่องอาวุธจะทำหน้าที่คุ้มกันด้วย
“แกแน่ใจได้ยังไงว่าคนงานพวกนี้ มันจะไม่ปล้นเรา” ดร.ฟอร์ดถาม
ราฮีมตอบว่ามั่นใจเพราะหัวหน้าพวกนั้นเป็นพี่เมียเขาเอง...มาถึงหมู่บ้าน หัวหน้าลูกหาบชื่อมะโหนก ออกมาต้อนรับ ดร.ฟอร์ดเห็นร่างกายลูกหาบแล้วพอใจในความกำยำของทุกคน มะโหนกรับรองในความบึก...ไม่เพียงเท่านั้น สตีเฟ่นยังเอาอาวุธที่สั่งตรงมาจากตะวันออกกลางล้วนมีประสิทธิภาพเยี่ยมออกมาให้พ่อดู ทุกคนพร้อมที่จะเดินป่า
ขบวนของ ดร.ฟอร์ดเดินมากลางป่าสักพัก จู่ๆเสียงนกป่าก็ดังขึ้นอย่างน่าประหลาด เป็นเสียงหวีดร้องก้องมาจากทิศหนึ่ง สักครู่ก็มีเสียงนกป่าจากอีกทิศ ส่งเสียงขานรับกลับมา แล้วเสียงนกก็เริ่มดังระงมไปทุกทิศทุกทาง ทุกคนหยุดเพราะรู้สึกผิดปกติสงสัยจะถูกล้อม มะโหนกขยับตรวจดูลาดเลา พลันเหยียบกับดักโดนแหรวบตัวลอยขึ้นไปค้างบนต้นไม้ ไม่ทันไรเสียงปืนกระหน่ำยิงมาจากทุกทิศ ทุกคนหาที่กำบัง
ฝ่ายที่โจมตีคือกองกำลังต่างชาติของเปาชาง อาเตียว รายงานเปาชางว่า พวกนี้คงเป็นนักท่องเที่ยว เปาชางว่ามากันขนาดนี้ต้องมีเงินแน่ ให้ปล้นมาให้หมด ฝ่าย ดร.ฟอร์ดสั่งแจกอาวุธลูกหาบทุกคน เกิดการยิงต่อสู้กันดุเดือด อาเตียวเอากล้องยกขึ้นถ่าย ดร.ฟอร์ดและสตีเฟ่น มะโหนกช่วยเหลือตัวเองด้วยการตัดเชือกพลิกตัวกลับลงมา เปาชางเห็นแล้วทึ่ง อาเตียวเตือน
“อย่าประมาท พวกมันไม่ใช่คนธรรมดา บางทีพวกมันอาจเป็นพวกทหาร พวกเราไม่ควรขัดแย้งกับพวกทหารไทย ไม่งั้นจะเป็นการเพิ่มศัตรูโดยไม่จำเป็น”
เปาชางจึงสั่งลูกน้องถอยด่วน สตีเฟ่นเห็นเช่นนั้นสั่งให้ตาม แต่ราฮีมแย้งไม่ควรตาม สตีเฟ่นไม่พอใจ ดร.ฟอร์ดเห็นด้วยถ้าไม่อยากตายก็อย่าตามไป อีกอย่างงานของเราสำคัญกว่า มะโหนกเข้ามารายงานว่า พวกนั้นมาปล้นเพราะต้องการเงินเท่านั้น
เปาชางกลับมาเอาภาพที่อาเตียวถ่ายมาเปิดขยายภาพ ให้นายพลจางลี่ดู ว่าฝรั่งสองคนนี้เป็นใคร พอเห็นภาพและ ค้นหาข้อมูลก็ได้รู้ว่า คือ ดร.ฟอร์ด แม็คควีน ที่มีลูกสาวเป็นคนที่ครอบครองทับทิมสยามอยู่
“ส่วนอีกคนก็คือ สตีเฟ่น ลูกชาย ดร.ฟอร์ด แล้วนี่ก็ไอ้ราฮีมจอมโหด นักฆ่าที่ถูกส่งไปฝึกในหน่วยจู่โจมที่ตะวันออกกลาง แล้วพวกที่มากับมันก็ลักษณะเหมือนทหาร พวกมันมุ่งหน้าไปทางป่าสุสานช้าง” เปาชางสาธยาย แล้วคิดได้ “ถ้าเครื่องบินมันตกแถวนั้น มันก็ต้องกลับไปเอาของสำคัญออกมา”
นายพลจางลี่สงสัยว่าจะเป็นทับทิมสยาม เปาชางแปลกใจก็ทับทิมอยู่กับลูกสาวตัวเอง
“นั่นมันทับทิมสยามสีชมพู อย่าลืมที่ว่าทับทิมสยามสีม่วงกับสีแดงยังไม่มีใครหาพบ บางทีพวกมันอาจจะรู้ระแคะระคายอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เปาชางแปลกใจที่ลุงรู้เรื่องนี้ดี นายพลจางลี่บอกว่าตนค้นคว้าเรื่องนี้มานานแล้ว และรู้ว่ามันมีค่ามาก เปาชาง จึงบอกว่าตนจะให้คนติดตามเงียบๆและคอยส่งข่าว สบโอกาสค่อยลงมือ
“ดีมากหลานรัก ส่วนนาตาชาลูกสาวมันตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไร ปล่อยให้ไอ้พวกเสาร์ห้ามันตายใจไปก่อน ยังไงลุงจะต้องเอาคืนพวกมันให้ได้” สายตานายพลจางลี่เต็มไปด้วยแผนร้าย
ooooooo
ป่าบริเวณใกล้หมู่บ้านเสือหมอบ มีชายแปลกหน้าสองคนกำลังวิ่งไล่จับไก่ชน ซึ่งมีลักษณะสง่างาม ไอ้ต่ำเข้ามาขวาง ร้องถามรู้ไหมว่าไก่นี่เป็นของใคร สองขโมยตอบว่า ของใครไม่สน สนแต่ว่ามันขายได้เป็นแสน
“เฮ้ย...ไม่ได้ ไอ้นี่ไม่รู้จักที่ตายซะแล้ว ไอ้สะท้านฟ้านี่เป็นไก่ชนของเจ้าพ่ออินทร์นะโว้ย”
สองขโมยไม่เชื่อวิ่งตามไก่ไปอีก โชคร้ายติดบ่วงคล้องขาทั้งสองคนขึ้นไปห้อยหัวกลางอากาศร้องโวยวาย ทันใดมีเสียงปืนดังขึ้นสองนัดตัดเชือกขาด สองคนหล่นตุ๊บลงมา อินทร์ถือปืนสั้นเดินเข้ามาถามว่าเข้ามาในเขตบ้านตนทำไม สองคนกลัวลานรีบบอกว่ามาสมัครงาน ไอ้ต่ำแย้งว่าสองคนมาขโมยไก่ อินทร์โกรธ
“ไอ้สะท้านฟ้าของข้าน่ะเหรอ มันหลุดออกมาได้ไงวะ แล้วตอนนี้มันหนีไปไหน”
“มันไม่ไปไหนหรอกครับ มันอยู่ที่นี่” ฮวงอุ้มไก่เดินเข้ามา
อินทร์หันไปตามเสียงถามว่าเป็นใคร ฮวงส่งไก่ให้ไอ้ต่ำแล้วตอบว่าเขามาหาเจ้าพ่ออินทร์ อินทร์ย้อนถาม “เอ็งเป็นคนต่างถิ่นซิท่า ถึงไม่รู้จักข้า...”
ฮวงรีบยกมือไหว้แล้วบอกว่าเขามาจากกรุงเทพฯ มีเรื่องมาคุยด้วย อินทร์ดักคอว่าถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ต้องมาคุย เขาวางมือนานแล้ว ฮวงบอกว่าเขาแค่มาขอความช่วยเหลือ เพื่อช่วยชาติบ้านเมือง ถ้าไม่ปฏิเสธเขาจะพาเจ้านายมาพบ
ไม่นาน ฮวงก็พา ดร.วิทยามาพบ ฮวงแนะนำว่า ดร.วิทยาเคยทำงานให้กับองค์การนาซาที่เป็นข่าวดังเมื่อปีก่อน อินทร์พอจำได้ ดร.วิทยารีบเยินยอ
“ตอนนี้บ้านเมืองกำลังต้องการความช่วยเหลือ เพราะผมเห็นว่าเจ้าพ่ออินทร์กับเสือสนธิ์เท่านั้นที่พอจะช่วยประเทศของเราได้” ดร.วิทยารีบขอให้พาเขาไปพบเสือสนธิ์ อินทร์ตรองดูสักพักก่อนจะตอบว่า เขาจะลองนัดให้...
ไม่กี่วัน อินทร์ก็พา ดร.วิทยากับฮวงมาพบเสือสนธิ์ที่บ้าน ดร.วิทยารีบใส่ไฟว่าถ้าทับทิมสยามทั้งสามก้อนตกในมือ ดร.ฟอร์ด จะเป็นอันตรายต่อประเทศไทยมาก สองคนไม่อยากเชื่อ..
No comments:
Post a Comment