Friday, October 21, 2011

ถุงชูชีพรถ


เรื่องย่อ เกมร้าย เกมรัก ตอน 4 ละครช่อง3


ตอนที่ 4

ช่วยตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเสร็จ ซะละขอบใจที่สายชลมาช่วย เขารีบขอตัวกลับเพราะทิ้งนางฟ้าไว้ที่บ้านคนเดียว

แต่พอกลับมาถึงบ้านมองหา เรียกนางฟ้าจนทั่วบ้านก็ไม่เจอ เหลือบเห็นขวดเหล้าสีเงินที่ยาซะดื่มเป็นประจำก็จำได้เดาเหตุการณ์ออกทันที สายชลรีบจ้ำออกไปตามที่

คาดว่ายาซะจะพานางฟ้าไป

ยาซะกำลังหื่นจัด ลากนางฟ้าออกไปให้หมึกกับฉลามคอยดูต้นทาง แล้วมันก็ลงมือฉีกเสื้อผ้านางฟ้าอย่างกลัดมัน ท่ามกลางเสียงหวีดร้องอย่างตกใจของนางฟ้า เมื่อนางฟ้าต่อสู้มันตบหน้าจนเลือดซึมที่มุมปาก

ระหว่างนั้นเอง หมึกเห็นสายชลวิ่งมา หมึกบอกฉลามให้รีบไปบอกลูกพี่เร็วๆ สายชลเห็นพวกมันก็คว้าไม้เหมาะมือขึ้นมาถือ เดินดุ่มเข้าไปหา

ยาซะหัวเสียมากสบถอย่างอารมณ์ค้างลุกพรวดขึ้น เจอสายชลเดินมาถึงพอดี ถามว่านางฟ้าอยู่ไหน

“แกจะทำอะไรฉันหาไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

สายชลไม่พูดพล่ามทำเพลงพุ่งเข้าฟาดทันที ยาซะหลบเตะแขนสายชลจนไม้หลุดมือ โดนมันเตะเสยคางซ้ำอีก นอกจากนั้น ยังชักมีดสั้นตวัดถูกแขนสายชลจนเลือดไหล หมึกกับฉลามเข้ามารุมเล่นงานสายชล แต่มันก็ถูกสายชลเตะตกทะเลไป ขณะที่สายชลกำลังจะแย่นั่นเอง นางฟ้าก็ถือไม้มาฟาดท้ายทอยยาซะจนหมดสติ

นางฟ้าถลาเข้าหาสายชลกอดกันแน่น สายชลขอโทษที่ทิ้งเธอไว้คนเดียวจนเกิดเรื่อง

ooooooo

รุ่งขึ้น ยาซะ หมึก และฉลามถูกจับมัดไว้กับเสากลางแดดเปรี้ยง ชาวเกาะช่วยกันขนฟืนมาสุม อีกส่วนหนึ่งก็ใส่หน้ากากตีเกราะเคาะไม้เต้นเข้ามา

ล้อมทั้งสามคนไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเอาสายชนวนมาวางใกล้กองฟืน

เมื่อชาวบ้านที่ห้อมล้อม ถอดหน้ากากออก จึงเห็นว่า

ที่แท้คือ ซะละ หัวหน้าเกาะ สายชล แตลอย นารา อารีฟะ รวมทั้ง สวย มามิ ปีร์กะ และชาวเกาะอื่นๆ ยาซะคำราม “พวกแก...”

“ต่อไปคือบทลงโทษที่พวกเอ็งสามคนทำชั่วกับนางฟ้า” ซะละประกาศ

“คิดจะเผาพวกฉันให้ตายเหรอวะ แล้วพวกแกจะเสียใจที่ทำแบบนี้ ถ้าคนบนฝั่งไม่เห็นพวกฉันกลับไป เขาต้องมาตามหาพวกฉันที่นี่ แล้วพวกแกทุกคนก็จะถูกตำรวจจับข้อหาฆ่าคนตาย...” ยาซะขู่ ทำปากกล้าแต่ขาสั่น

ไม่มีใครสนใจคำขู่ของยาซะ เมื่อซะละพยักหน้า

นาราก็เอาสายชนวนลากไปที่กองฟืนแล้วลากปลายสายมาตรงหน้าซะละ

ยาซะเห็นเอาจริงก็ตะโกนด่า ซะละไม่สนใจจุดไฟที่สายชนวนทันที หมึกกับฉลามที่กลัวจนตัวสั่นถึงกับเข่าอ่อน

ไฟที่ซะละจุดลามสายชนวนไปจนใกล้กองฟืนที่ล้อมทั้งสามไว้ แต่พอใกล้ถึงตัวจู่ๆไฟก็ดับ

ที่แท้ชาวเกาะมินทำแค่ปรามพวกมันเท่านั้นเอง ซะละเดินไปตรงหน้ายาซะ ประกาศให้รู้ว่า

“ไสหัวไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาอีก ถ้าพวกเราเห็นเอ็งสามคนกลับมาเมื่อไหร่ พวกเอ็งถูกจับเผาจริงแน่!”

แต่พอปล่อยพวกมัน แทนที่จะสำนึก ยาซะกลับพูดอย่างผยองกับสายชลว่า

“คิดเหรอว่าแค่นี้จะหยุดพวกฉันได้ ฉันจะทำให้แกไม่มีความสุขไอ้สายชล”

ooooooo

หลังจากปล่อยยาซะกับลูกน้องไปแล้ว สายชลรีบกลับบ้าน เจอแสงดาวอยู่เป็นเพื่อนนางฟ้า เขาขอบคุณแสงดาว บอกว่าพวกยาซะ คงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกแล้ว แสงดาวจึงขอตัวกลับ

สายชลปลอบนางฟ้าว่าไม่ต้องกลัวแล้วนะ นางฟ้าขอบคุณเขาที่ช่วยตนไว้ ตำหนิว่าเพราะตนแท้ๆ ทำให้เขาต้องเจ็บตัว

“แค่นี้สายชลไม่เจ็บหรอก แต่ถ้านางฟ้าเป็นอะไร สายชลคงจะเจ็บมากกว่านี้” พูดพลางกุมมือเธอไว้ ทำเอานางฟ้ารู้สึกสะท้านไปกับคำพูด แววตาและความอบอุ่นจากมือที่กุม ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก

หลังจากนั้น นางฟ้าทายาให้เขา ความใกล้ชิดทำให้ต่าง

ก็ไม่กล้าสบตากัน แต่รู้สึกใจเต้นแรงจนอกกระเพื่อมไปทั้งคู่

นางฟ้าสงสัยอีกแล้ว ไปปรึกษาอารีฟะกับนาราเรื่องใจเต้นแรง ทั้งสองวิเคราะห์ว่าอาการแบบนี้เหมือนกับคนที่กำลังมีความรัก นาราถามว่า หรือนางฟ้าจะรักสายชล เธอรีบปฏิเสธ นาราเลยแนะว่าแบบนี้ต้องพิสูจน์

ooooooo

เมื่อพากันไปที่บ้านสายชล เห็นสายชลกำลังเอาแหลงเรือ นาราบอกนางฟ้าว่า ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองรักสายชลหรือเปล่าก็ต้องจูบ ถ้าจูบสายชลแล้วเห็นรอบตัวเปลี่ยนเป็นสีชมพู แสดงว่านางฟ้ารักสายชล

นางฟ้าเดินไปหาสายชลแล้วจู่โจมเข้าจูบ ทำเอาสายชลอึ้ง แต่พอนางฟ้าลืมตาขึ้น เห็นรอบตัวเป็นสีชมพูไปหมด เธอรู้ทันทีว่าตัวเองรักสายชล ทั้งตื่นเต้นทั้งเขินเลยเดินหนีเอาดื้อๆ สายชลรีบตามไปทั้งที่ยังงงๆ อยู่

มามิมาแอบดูอยู่ ตกใจทำตะกร้าหล่น กำมือแน่นอย่างโมโหจัด

สายชลวิ่งตามนางฟ้าไปแต่หาไม่เห็นเธอแล้ว มามิซ่อนตัวอยู่เห็นว่านางฟ้าไปทางไหน ตามไปเรียกมาต่อว่า ว่าเห็นจูบกับสายชล นางฟ้ายังตื่นเต้น ตกใจ พยายามจะชี้แจง ถูกมามิด่าว่า เลว แทงข้างหลังตน ไหนรับปากว่าจะไม่ชอบสายชลไงล่ะ

“พี่มามิ นางฟ้าไม่รู้...นางฟ้าขอโทษ อย่าโกรธนางฟ้านะ”

“ไม่ต้องมาขอโทษฉัน ปล่อย” มามิแกะมือนางฟ้าออก “แกมาที่นี่ทำไมหานางฟ้า ! แกมาที่นี่ทำไม !! ถ้าไม่มีแกป่านนี้ฉันกับสายชลคงแต่งงานมีลูกกันไปแล้ว แกคนเดียว แกมันตัวซวย ฉันเกลียดแกนางฟ้า...ฉันเกลียดแก !”

ด่าแล้วมามิเดินออกไป นางฟ้ายืนตะลึงอึ้ง น้ำตาไหลด้วยความเสียใจสุดๆ

ooooooo

บ่ายๆ สายชลวิ่งหน้าตาตื่นตกใจไปบอก

แสงดาวว่านางฟ้าหายไป ทุกคนตกใจมากคาดเดาไปต่างๆ นานา แสงดาวหันไปคาดคั้นกับสวยที่เขม่นนางฟ้าอยู่ สวยบอกว่าตนไม่รู้เรื่อง ครั้นถูกคาดคั้นหนักเข้าก็บอกว่าตนไม่รู้เรื่อง ให้ไปถามมามิ เพราะมามิเป็นคนสั่งนางฟ้าไม่ให้บอกสายชลเรื่องที่พวกตนคุยกัน


แต่พอไปหามามิ ปรากฏว่าหายตัวไปไหนไม่มีใครรู้ สายชลตัดบทว่าอย่ามัวเสียเวลากันอยู่เลย รีบออกไปตามหานางฟ้ากันเถอะ ซะละเห็นด้วย จึงพากันออกจากบ้านปีร์กะ แยกย้ายกันออกตระเวนค้นหานางฟ้าไปตามที่ต่างๆ

ที่แท้ มามิหลบอยู่แถวนั้นเอง เธอนั่งกอดเข่าตัวสั่น เป็นกังวล เป็นห่วงนางฟ้า

ooooooo

ที่ริมผา นางฟ้าไปยืนร้องไห้ คำพูดของมามิยังก้องอยู่ในความรู้สึก เสียงด่าของมามิเสียดแทงทำร้ายจิตใจเธออย่างรุนแรง ทั้งเสียใจที่ถูกด่า ทั้งรู้สึกผิด

ทันใดนั้น เสียงฟ้าคำรามสนั่น นางฟ้าตกใจเสียหลักยืนโงนเงน ถูกลมที่พัดโหมมากระแทกตกหน้าผาไปทันที เธอร้องสุดเสียง

“สายชล...”

เสียงร้องของนางฟ้า แหวกอากาศมาถึงสายชล เขา ชะงักกึก เหลียวขวับหาต้นเสียง ตะโกนเรียก

“นางฟ้า”

นางฟ้าตกจากหน้าผา เธอพยายามตะกุยตะกายจะขึ้นฝั่ง แต่ถูกสาหร่ายพันเท้า ยิ่งดิ้นก็ยิ่งพัน ขณะเธอกำลังจะหมดแรงนั่นเอง สายชลวิ่งมาถึง กระโดดลงไปช่วยทันที เขาดำลงไปตัดสาหร่าย พาตัวเธอขึ้นพ้นน้ำได้ในขณะที่นางฟ้ากำลังจะหมดลม
ทันทีที่เห็นหน้าสายชล เธอร้องเรียกด้วยความดีใจสุดขีดรู้ว่ารอดตายแล้ว เมื่อขึ้นถึงฝั่งต่างโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ทันใดนั้น ฝนตกลงมาซู่ใหญ่ จนทั้งสองต้องพากันไปหลบฝนในถ้ำแถวนั้น

ooooooo

เพราะตากฝนเปียกน้ำมาทั้งวัน เมื่อเข้าไปในถ้ำ ต่างก็จามออกมาพร้อมกัน แล้วก็พากันขำ ขำทั้งที่ทุกข์สาหัส แต่เมื่อมีคนรู้ใจอยู่ด้วยกัน สู้ด้วยกัน ความทุกข์ก็กลายเป็นเศษเสี้ยวของความรู้สึกในเวลานั้น

สายชลเสนอให้รีบถอดเสื้อผ้าผึ่งดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย แต่มีเสื้อผ้าอยู่ชุดเดียวจะทำอย่างไร สายชลเสนอว่าเราหันหลังให้กัน แล้วต่างก็ถอดเสื้อผ้าออกมาผึ่ง ทั้งที่หนาวสะท้าน แต่ใจเต้นแรงเลือดฉีดร้อนผ่าวไปทั้งกาย

นั่งหันหลังให้กันนานจนคาดว่าเสื้อผ้าคงจะแห้งแล้ว จึงต่างลุกขึ้นมาจะหยิบเสื้อผ้าที่ตาก มือกับมือจับกันพอดีต่างนิ่งอึ้งมองหน้ากันนิ่ง มีเพียงผ้าที่ผึ่งกั้นไว้เท่านั้น หลังจากนิ่งอึ้งไปนาน เมื่อได้สติจึงคว้าเสื้อผ้ารีบใส่โดยต่างหันหลังให้กัน

หลังจากรองน้ำฝนในถ้ำมาดื่มแก้กระหายแล้ว นางฟ้าขอโทษสายชลที่ทำให้เขากับชาวบ้านต้องเป็นห่วง

“พี่นารากับพี่อารีฟะ เล่าทุกอย่างให้สายชลฟังแล้ว แล้วสายชลก็รู้ด้วยว่า มามิพูดอะไรกับนางฟ้า”

นางฟ้าตกใจมาก ขอร้องสายชลอย่าโกรธมามิ เพราะมามิไม่ได้ทำอะไรตนเลย สายชลไม่ตอบแต่กลับถามว่าแล้วนางฟ้าเป็นอะไร จูบตนแล้ววิ่งหนีทำไม

“นางฟ้าไม่รู้...นางฟ้าไม่รู้...” เธอปฏิเสธอย่างตระหนก ยิ่งเมื่อคิดถึงคำพูด คำด่าของมามิก็ยิ่งตื่นตกใจไม่กล้าพูดอะไรจนสายชลเรียก เธอหันมาพูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “นางฟ้าไม่ได้รักสายชลนะ นางฟ้าไม่ได้รักสายชล...”

“แต่สายชลรักนางฟ้า...รักตั้งแต่วันแรกที่เจอนางฟ้านอนที่ชายหาด”

นางฟ้าถามเชิงตัดพ้อว่าแล้วทำไมไม่บอกตน สาย–ชลบอกว่าตนไม่แน่ใจ แล้วเล่าถึงจุดที่ทำให้รู้หัวใจตัวเองว่า

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน5 ละครช่อง7



เรื่ืงยย่อ เสาร์๕ ตอนทับทิมสมยาม  
1  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 1  ช่  อ  ง   7    
2  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 2  ช่  อ  ง   7    
3  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 3  ช่  อ  ง   7    
4  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 4  ช่  อ  ง   7    
5  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 5  ช่  อ  ง   7    


ตอนที่ 5

จากที่ซัมดองหาว่าคนต่างชาติไม่มีวันเข้าใจพลังพุทธคุณ ดร.ฟอร์ดแย้งว่า ตนเคยได้ยินมาว่า ศาสนาพุทธพูดถึงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เรียกว่าเชื้อโรค ก่อนที่วิทยาศาสตร์จะค้นพบเป็นพันปี แต่ปัจจุบันกลับหลงผิดคิดว่า อะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เป็นเรื่องเหลวไหล

“ฮ่ะๆๆแต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมจะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ค้นพบพลังงานเหนือธรรมชาติ คือพลังพุทธคุณ ผมจะต้องยิ่งใหญ่กว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฮ่ะๆๆ”

“เอ้อ ขอโทษครับด็อกเตอร์ แล้วพวกเสาร์ห้าที่แอบติดตามพวกเรามา จะจัดการยังไงกับพวกมันดีครับ” ราฮีมถาม

สตีเฟ่นเห็นว่าพวกเสาร์ห้าคงติดอยู่เขตภาพลวงตา เข้ามาไม่ถึง ดร.ฟอร์ดจึงสั่งให้ออกไปจัดการฆ่าให้หมด แต่ซัมดองห้าม “ต้องจับเป็น แล้วพาตัวมาหาข้า พวกมันมีประโยชน์สำหรับงานของเรา ห้ามฆ่าพวกมันเด็ดขาด”

ดอนกับเดี่ยวได้ยินแล้วต้องหันมามองหน้ากัน...

ในขณะที่กลุ่มเจนนี่ซึ่งเคนได้ไปหาปลามาให้ปิ้งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พลันมีเสียงบางอย่าง เคนให้สาวๆขึ้นไปหลบบนต้นไม้ ห้ามลงมา เขาคว้าแคนเดินออกไปซุ่มตรวจตราอย่างระมัดระวัง จนเห็นนั้มกับลูกน้องนับสิบคนกำลังแบกสัมภาระพวกเครื่องปั่นไฟ จานดาวเทียม คอมพิวเตอร์และเครื่องไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อไปส่งให้อินทร์ซึ่งอยู่กับ ดร.วิทยา ลูกน้องเริ่มเหนื่อยล้า ขอพัก นั้มไม่พอใจยิงคนที่ขอพักทิ้ง ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าอีก

นั้มชำนาญการเดินป่า จึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเคน สั่งลูกน้องยิงกระหน่ำ แต่เคนใช้ความไวหลบและยิงสวนจนกระสุนหมด เจนนี่กับพวกได้ยินเสียงปืนเป็นห่วงเคน จึงลงจากต้นไม้ ตามเสียงปืนไปช่วย ยูกิวางแผน

“ถ้าเรายิงใส่กองคาราวานพวกนี้ พวกที่ตามล่าเคนต้องรีบกลับมารวมกันที่นี่”

“จริงสินะ มันคงคิดว่าพวกเราเป็นกองโจรดักปล้นมัน” ชลดาเห็นด้วย

“ถ้างั้นก็ทำให้ดูเหมือนว่า พวกเรามีมากกว่าสามคน ตกลงมั้ย” เจนนี่บอกเพื่อนๆ

สามสาวยิงแล้วสลับเปลี่ยนจุดไปเรื่อย ทำให้พวกนั้มกลับมารวมตัวกันเพื่อป้องกันทรัพย์สิน สามสาวต่างวิ่งหนี เคนโผล่ขึ้นมาจากหลุมพรางร้องเรียกสามสาวให้เข้ามาหลบ นั้มเจ็บใจคิดว่าพวกปล้นหนีไปได้

เวลาผ่านไป พวกนั้มเดินทางไปแล้ว เคน เจนนี่ ยูกิ และชลดาขึ้นมาจากหลุม เคนต่อว่าทำไมไม่เชื่อที่เขาให้ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เจนนี่ไม่พอใจ

“นี่คุณเคน เราอุตส่าห์มาช่วย ยังจะหาว่าพวกเรายุ่งอีก”

เคนถามว่าช่วยอย่างไร ชลดาตอบแทนว่า ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้พวกมันไล่เขาจนมุม ยูกิเบ้ปากบ่นไม่น่าช่วยเลย เคนยิ้มขอโทษสามสาว ทำให้ทั้งสามอารมณ์ดีขึ้น

“แล้วพวกมันเป็นใคร คุณพอจะรู้ไหม” เจนนี่ถาม

“ได้ยินว่า พวกมันกำลังขนของไปให้คนที่ชื่อ ดร.วิทยา”

สามสาวตกใจต้องตามกลุ่มนั้นไป จะได้เจอตัว ดร. วิทยา เคนอยากรู้ว่า ดร.วิทยาเป็นใคร ชลดาตอบว่าเรื่องมันยาวให้รีบตามไปก่อนแล้วจะเล่าระหว่างทาง เคนจึงนำทางไป

ooooooo

ข้างสตีเฟ่นกับราฮีม ให้มะโหนกกับลูกน้องนำทางไปตามล่าเทอด กริ่ง และยอด เพื่อเอาตัวมาให้ซัมดอง มะโหนกกับลูกน้องเจอกลุ่มเทอดซึ่งพักผ่อนอยู่ จึงเข้าไปตะลุมบอนกัน แต่แล้วเจอพลังพิเศษของเสาร์ห้าเข้า คิดว่าพวกนี้เป็นผีพากันวิ่งเตลิดหนีกลับมาที่สตีเฟ่นรออยู่กับราฮีม

“ลูกน้องเอ็ง เป็นบ้าอะไรกันวะ” ราฮีมถามมะโหนก

“จะอะไรอีกล่ะนาย ก็ไอ้สามคนนั้นมันเป็นผี”

“ผีเผออะไรกันวะ พวกมันไม่ใช่ผี แต่มันมีความสามารถพิเศษเหนือคนธรรมดา” สตีเฟ่นบอกมะโหนก แต่ พอมะโหนกว่างานนี้ไม่สำเร็จแน่ สตีเฟ่นโวย “จะยอมแพ้ง่ายๆได้ไง สั่งพวกแกให้กลับมากัน เดี่ยวฉันจะจัดการพวกมันเอง”

สตีเฟ่นจะเดินไป ราฮีมรั้งไว้อย่าใจร้อน เพราะจวนสว่างแล้ว จะเสียเปรียบ มะโหนกใจชื้นขึ้นจึงขอแก้ตัวอีกครั้ง แต่ตอนนี้ต้องรีบกลับที่พัก ก่อนที่จะเกิดภาพลวงตาขึ้นอีก

สตีเฟ่นยอมพากันกลับไป กลุ่มเทอด ยอด และกริ่งโผล่ออกจากที่ซ่อน กริ่งให้ตามพวกนั้นไป จะได้ข้ามเขตเข้าไปได้ เทอดอาสาไปดูลาดเลา เทอดหายตัวตามพวกสตีเฟ่นไป เห็นพวกนั้นเดินเข้าเจดีย์ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องเดินตามเงาของเจดีย์

พอเทอด ยอด และกริ่งจะเข้าไปบ้าง ก็มีเสียงสาวเซ็กซี่สองคนมาร้องเรียกให้มาช่วยถ่ายรูปให้พวกตน ยอดกับกริ่งพยายามมองว่านี่ของจริงหรือภาพลวงตา กริ่งว่าน่าจะจริงเพราะเห็นเหมือนกัน แต่เทอดไม่เชื่อ ดึงยอดกับกริ่งกลับมา ทันใด
สาวสองคนก็กลายเป็นปีศาจรุมทึ้ง เทอดหายตัวแวบไป กริ่งสะบัดตัวออกวิ่งจู๊ดหนี เหลือยอดร้องโวยวายกว่าจะสะบัดตัวออกได้

สามหนุ่มมารวมตัวกันนั่งเหนื่อยหอบ ยอดบ่นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก เทอดโวยใครเป็นคนคิดถึงนางแบบ ยอดส่ายหน้าแล้วทั้งสองหันไปมองกริ่ง กริ่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

“อ้าว ตกลงเป็นผมเหรอ...ก็เช้าๆแบบนี้ คิดถึงแล้วมันสดชื่นดี”

ยอดถามเทอดจะพ้นเขตภาพลวงตาได้อย่างไร เทอดนึกได้ว่าได้ยินพวกสตีเฟ่นพูดกันถึงรอเวลาเข้าออก ยอดแย้งว่าพวกเราก็ตามมาติดๆทำไมยังเข้าไปไม่ได้

“แต่ตอนที่ผมหายตัวเดินไปพร้อมๆพวกมันก็ดูเหมือนจะเข้าได้อยู่แล้ว ถ้าไม่หันมาเห็นนางแบบของคุณกริ่งโผล่มาซะก่อน”

“แสดงว่ายังมีบางอย่างที่เรายังไม่รู้” ยอดบ่นแล้วแกล้งโทษกริ่งว่าคิดถึงนางแบบทั้งทีหาที่หน้าตาดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้

“กลิ่นด้วย ทีหลังขอแบบไม่มีกลิ่นก็โอเคนะ” เทอดเสริม

“เอาเข้าไป ออเดอร์กันใหญ่เลย” กริ่งทำเป็นงอน ใครอย่าพลาดมาบ้างแล้วกัน สามหนุ่มหัวเราะกันครืน

ooooooo

ดร.วิทยาแปลกใจที่หานาตาชา ดอน และเดี่ยวไม่เจอ ฮวงเข้ามารายงานว่าคนของตนเห็นว่ามีกองกำลังประมาณสิบคน อาวุธพร้อมเดินตรงมาทางนี้ เสือสนธิ์สั่งเตรียมพร้อมเกรงเป็นพวกปล้น อินทร์ให้ดร.วิทยากับเสือสนธิ์อยู่ป้องกันแคมป์ ตนจะพาพวกไปจัดการ

อินทร์กับลูกน้องซุ่มตั้งรับ ปรากฏว่าเป็นพวกนั้มที่ขนของมาส่ง สองฝ่ายเกือบปะทะกันเอง ดีที่อินทร์สังเกตเห็นนั้มเสียก่อน นั้มดีใจเพราะคิดว่าพวกตนจะหลงป่าเสียแล้ว

“แล้วของที่ข้าสั่ง เอามาครบหรือเปล่า”

“เรียบร้อยครับ เอามาครบทุกอย่าง...ว่าแต่ทำไมให้ผมขนข้าวของมาเยอะเหลือเกิน”

“เอาล่ะ เอ็งไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น อยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เอง ตามข้ามา” อินทร์พาไปที่แคมป์

พอ ดร.วิทยาเห็นของที่อินทร์กับเสือสนธิ์ให้ลูกน้องหามาให้ก็ดีใจ อินทร์กับเสือสนธิ์บอกว่า ถ้าทำเพื่อประเทศชาติ เขายินดีช่วยเต็มที่...ข้าวของถูกเซตเรียบร้อย ดร.วิทยาทดลองใช้งานทันที เขาเซิร์ชกูเกิ้ลแผนที่ป่า เห็นเจดีย์ใหญ่ซ่อนตัวอยู่ ก็สนใจ

“ดูนี่สิ ช่วยผมดูหน่อยว่านี่มันอะไร”

เสือสนธิ์ว่าคล้ายโบราณสถาน อินทร์มองแล้วบอกว่าเป็นเจดีย์กลางป่า ดร.วิทยาเห็นว่าพิกัดไม่ห่างจากที่พักนี่เท่าไหร่ ต้องเดินไปทางทิศตะวันตก ทุกคนเชื่อว่า ดร.ฟอร์ดและทับทิมสีม่วงต้องอยู่ที่นั่น...เคนกับพวกเจนนี่สะกดรอยตามกลุ่มนั้นมาจนถึงที่นี่ ทึ่งกับอุปกรณ์ที่พวกมันติดตั้ง และเชื่อที่ ดร.วิทยาสรุป จึงตกลงกันว่าจะมุ่งหน้าไปทิศตะวันตกเพื่อให้ถึงสุสานช้างก่อน

สตีเฟ่น ราฮีม และมะโหนกกลับมามือเปล่า ดร.ฟอร์ดโวยที่ทำงานพลาด สตีเฟ่นจะบอกเหตุผลแต่พ่อไม่ฟังและไล่ไปให้พ้นหน้า นาตาชาสงสารพี่ชาย เข้ามาปลอบ

“อย่าซีเรียส พี่ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง”

“แต่เธอก็รู้ว่าถ้าพี่ทำงานไม่สำเร็จ พ่อก็จะไม่เห็นเราอยู่ในสายตาอีกต่อไป”

“เรื่องนี้ฉันรู้ดีกว่าใคร พี่ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่” นาตาชาน้ำตาคลอแต่ฝืนเข้มแข็ง...

คณะของ ดร.ฟอร์ด เข้ามาถึงเขตป่าเขาวงกต ลักษณะเป็นป่าธรรมดา อยู่ใกล้ๆบริเวณเจดีย์ มีเทวรูปเก่าๆและงาช้างกองไว้ระเกะระกะ แต่ละมุมของป่าดูคล้ายๆกัน ทำให้คนที่เดินเข้าไปแล้วจะหาทางออกได้ยาก...เดี่ยวเดินชะลอ มองบุษกรอย่างเป็นห่วง เธอหันมามองอย่างเฉยเมยเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซัมดองรับรู้ถึงพลังบางอย่าง เขามองไปรอบๆแล้วพูดว่า

“ที่นี่ไม่ใช่ป่าธรรมดา”

“จุดนี้เป็นสุสานช้าง เพราะเป็นแหล่งที่ช้างป่าตายกันที่นี่” ดร.ฟอร์ดบอกทุกคน และให้ซัมดอง ดอน และเดี่ยวเดินสำรวจได้ตามใจชอบ

นาตาชาจะค้าน ดร.ฟอร์ดห้ามไว้ แล้วบอกดอนกับเดี่ยวว่า เขากับลูกจะรอตรงนี้ ซัมดอง ดอน และเดี่ยวจึงเดินออกไปสำรวจ นาตาชาถาม ดร.ฟอร์ด

“ทำไมพ่อไม่บอกพวกเขาว่าที่นี่มันเป็นป่าเขาวงกต”

“ฉันต้องการทดสอบพวกมัน ถ้าเก่งจริง พวกมันก็ต้องหาทางกลับมาที่นี่ได้” ว่าแล้ว ดร.ฟอร์ดก็หันไปบอกกระแตกับบุษกร “พวกเธอก็เหมือนกัน ถ้าไม่อยากหลงป่าก็อย่าแยกตัวออกไป เข้าใจไหม” สองสาวรับคำ ดร.ฟอร์ด

ซัมดองเดินแยกไปทาง ดอนกับเดี่ยวเดินไปอีกทางสักครู่เดี่ยวก็หยุดก้มมองรอยเท้าที่พื้น พอเงยหน้าเรียกดอนให้มาดู เขาก็ไม่เห็นดอนเสียแล้ว แถมภาพป่าก็ดูบิดเบี้ยว ดอนซึ่งเดินนำหน้าเห็นเดี่ยวเงียบไปหันมามอง ก็เห็นป่าบิดเบี้ยวแต่ไม่เห็นเดี่ยว ต่างคนต่างเรียกกัน

ซัมดองเริ่มเห็นภาพป่าบิดๆเบี้ยวๆ เขาหยุดนิ่งเพราะรู้ทันทีว่าที่นี่คือป่าเขาวงกต ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมา 

ร่ายมนตร์ ดวงแก้วส่องสว่างขึ้น ภาพป่ากลับคืนสู่ปกติ เขาจึงเดินกลับออกมาอย่างง่ายดาย...ผิดกับดอนและเดี่ยว ที่ต่างเรียกกันแต่ไม่ได้ยินกัน ดอนจึงหลับตาตั้งสมาธิแล้วค่อยลืมตามองอีกครั้ง เขามองผ่านภาพป่าบิดเบี้ยวไปเห็นเดี่ยวเดินเรียกหาตนอยู่ ดอนพยายามเดินเข้าไปใกล้เดี่ยว แต่ดูเหมือนมีพลังอะไรมาดันเขาออก ดอนเรียกเดี่ยว

“เดี่ยวๆ พยายามฟังฉัน เดี่ยว”

เดี่ยวได้ยินเสียงแว่วๆ “ดอนใช่มั้ย เสียงเบามาก 

ฉันแทบไม่ได้ยินเลย”

“ฟังนะ ฉันอยู่ใกล้ๆนายทางขวา” เห็นเดี่ยวหันมาแต่ไม่เห็นตน ดอนจึงบอก “ฉันอยู่ตรงหน้านาย ยื่นมือออกมาจับมือฉัน”

เดี่ยวค่อยๆยื่นมือออกไป แต่เหมือนมีพลังต้านไว้ ดอนพยายามที่จะจับมือเดี่ยว ที่สุดทั้งสองก็จับมือกันได้ มิติที่บดบังทั้งสองไว้ก็พังทลายลง เดี่ยวแปลกใจนี่มันอะไรกัน

“คงเป็นอาถรรพ์ของป่าที่ทำให้คนเดินป่ามองไม่เห็นกัน” ดอนบอกแล้วชวนกลับออกไป

ดร.ฟอร์ดปรบมือต้อนรับเมื่อเห็นดอนกับเดี่ยวกลับออกมา ซัมดองยืนอยู่ก่อนแล้ว ดร.ฟอร์ดเฉลยว่าป่าตรงนี้เป็นป่าเขาวงกต ดอนกับเดี่ยวทวนคำอย่างประหลาดใจ

“ถูกต้อง ทุกแห่งที่เป็นสุสานช้าง ป่าจะสร้างอำนาจพิเศษที่เรียกว่าเขาวงกต คอยคุ้มกันไม่ให้ใครเข้ามาทำอันตรายช้างที่กำลังจะตาย”

“นักวิทยาศาสตร์อย่างคุณ เชื่อเรื่องอาถรรพ์ของ

ป่าด้วยเหรอครับ” เดี่ยวย้อนถาม

“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง ผมจะปฏิเสธได้ยังไง”

“คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ใจกว้างจริงๆ ที่กล้ายอมรับในเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้” ดอนชม

“นักวิทยาศาสตร์ที่เปิดใจเรียนรู้ เรื่องที่อยู่นอกกรอบ ย่อมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกคน ฮ่ะๆ” ดร.ฟอร์ดชื่นชมตัวเองอย่างลำพองใจ ก่อนที่จะบอกดอนกับเดี่ยวว่า เขายอมรับให้ทั้งสองเข้ามาทำงานให้เขาแล้ว

ดร.ฟอร์ดพาทุกคนเข้ามาในเจดีย์ เดี่ยวกระซิบกับดอนว่า ต้องช่วยให้บุษกรกับกระแตพ้นจากมนต์ดำของซัมดองเสียที ดอนพยักหน้าเห็นด้วย...ดร.ฟอร์ดบัญชาการ

“คุณเดี่ยวไปกับคุณบุษกร คุณดอนไปกับคุณกระแต ส่วนผม อาจารย์และนาตาชาจะอยู่แถวนี้ ผมเชื่อว่าทับทิมสยามสีม่วงน่าจะซ่อนไว้ที่บริเวณนี้”

กระแตกับบุษกรต่างมีเครื่องมือหาแร่ธาตุติดตัว 

ซัมดองเข้าไปนั่งสมาธิข้างใน ดร.ฟอร์ดนำไป ซัมดองเข้ามา กราบพระประธานแล้วมองลวดลายบนภาพวาดแบบโบราณสีจางประปราย

“พลังพุทธคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่แรงกล้ามาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาทับทิมสยามเจอ”

“ถ้ายังงั้นผมจะทำลายที่นี่ทิ้ง งานของเราจะได้ง่ายขึ้น”

“คิดให้ดีด็อกเตอร์ พลังพุทธคุณทำให้พวกคุณปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ถ้าไม่มีเจดีย์และสถานที่แห่งนี้ คุณคงไม่ปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้”

“แล้วอาจารย์มีวิธียังไงที่จะช่วยผมหาทับทิมสยาม”

“ถ้าเราได้พลังพิเศษของพวกเสาร์ห้ามาช่วย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”

นาตาชาเดินเข้ามาบอกว่าตนช่วยได้ ดร.ฟอร์ดไม่ค่อยเชื่อ อ้างว่าสตีเฟ่นยังพลาด นาตาชาว่าตนมีวิธีไม่อย่างนั้นคงเอาตัวดอนกับเดี่ยวมาไม่ได้ ตนจะใช้ทั้งสองเป็นตัวล่อ ดร.ฟอร์ดหัวเราะอย่างพอใจและชมนาตาชาเป็นครั้งแรกว่า เก่ง ฉลาดกว่าที่ตนคิด

ooooooo

มุมหนึ่งในเจดีย์ที่ผนังกำแพงเป็นภาพวาดโบราณสีจางๆ เป็นภาพแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาที่เจดีย์แล้วเกิดแสงสะท้อนออกไปรอบด้านของเจดีย์ อีกมุมเป็นภาพวาดพระประธาน แสดงภาพแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านใน แล้วสะท้อนไปมาตามจุดต่างๆโดยจุดที่สะท้อนจะมีภาพของหินสีแสดงตำแหน่งการวางทับทิมสยามที่ด้านหน้าพระประธาน

บุษกรยืนมองอย่างสำรวจ ในมือมีเครื่องมือตรวจหาแร่ธาตุ เธอหยิบมือถือออกมาถ่ายภาพบนกำแพงไว้ เดี่ยวมองแล้วพยายามชวนคุยเพื่อดึงสติเธอให้หลุดจากอำนาจมนต์ดำ เดี่ยวถามบุษกรว่ายังจำเรื่องของเขากับเธอได้บ้างไหม บุษกรว่าตนจำเขาได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในเสาร์ห้า




“เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และตอนนี้ฉันก็ทำงานให้กับ ดร.ฟอร์ดและนาตาชา”

“คุณมาทางนี้หน่อย บุษกร” เดี่ยวให้เธอมาตรงหน้าพระประธาน

หวังจะให้เธอสวดมนต์ล้างอำนาจมนต์ดำ แต่พอเดี่ยวเริ่มสวด บุษกรก็ลุกพรวดขึ้นและบอกว่าตนทำแบบนี้ไม่ได้ เดี่ยวขอให้แค่สวดมนต์เท่านั้น บุษกรย้อนถามว่าจะทำอะไร

“ผมแค่อยากให้เราเหมือนเดิม ผมกำลังจะช่วยคุณนะบุษกร”

“ไม่ ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่ต้องการให้ใครมาช่วย ภารกิจของคุณก็คือ ต้องค้นหาทับทิมสยามสีม่วงให้ ดร.ฟอร์ดอย่ามาทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด” บุษกรหันกลับเดินไป

เดี่ยวอึ้งกับปฏิกิริยาของบุษกร...ขณะเดียวกัน ดอนก็พยายามจะทำให้กระแตหลุดจากอำนาจมนต์ดำเช่นกัน ดอนมองกระแตจนเธอถามว่ามองอะไร ดอนจึงถามว่าเธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ กระแตตอบว่ารู้ ตนกำลังทำงานให้ ดร.ฟอร์ด นาตาชา และซัมดอง คือผู้นำทางจิตวิญญาณของตน ดอนถอนใจที่กระแตจำอะไรไม่ได้ กระแตโพล่งออกมา

“ถ้าหมายถึงเรื่องของเสาร์ห้า และภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างที่ฉันเคยหลงผิดไป ฉันลืมไปหมดแล้ว คุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณยังงมงายอยู่กับเรื่องเสาร์ห้าอยู่ล่ะก็ฉันคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอก ดร.ฟอร์ดแน่นอน”

ดอนจำต้องเออออไปว่าเขาจงรักภักดีต่อ ดร.ฟอร์ด กระแตจึงบอกว่าตนจะจับตาดู ดอนจึงย้อนว่าเขาก็จะคอยทดสอบเธอเช่นกัน...ดอนหนักใจแอบมาปรึกษากับเดี่ยวว่าไม่ได้ผล คงต้องหาวิธีล้างมนต์ดำให้สองสาว กระแตเข้ามาถามว่าคุยอะไรกันทำไมไม่ทำงาน เดี่ยวแก้ตัวว่าได้ยินเสียงประหลาดจึงให้ดอนลองเพ่งดู ดอนโมเมว่าเห็นแสงสีม่วงอยู่ในนี้และในป่า เดี่ยวจึงบอกให้สองสาวสำรวจในนี้ เขากับดอนจะไปสำรวจในป่าแถวนี้

ooooooo

ตั้งแต่เปาชางกลับมาที่หมู่บ้านนายพลจางลี่ ดูซึมๆไปเพราะคิดถึงม่านฟ้า นายพลจางลี่เห็นอาการหลานชาย พอจะเดาออกว่าคงกำลังมีความรัก จึงเข้ามาเลียบเคียงถามว่าแอบไปหลงรักผู้หญิงคนไหนในหมู่บ้านให้บอก ผู้หญิงในหมู่บ้านทุกคนยินดีเป็นเมียเขา

“ผู้หญิงที่ผมชอบไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านหรอกครับลุง... เกิดมาผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากเท่า...ม่านฟ้ามาก่อนเลย”

“ม่านฟ้า...แล้วแกไปเจอม่านฟ้าที่ไหน”

“ในป่าครับ เธอช่วยผมไว้ตอนผมถูกยิง” เปาชางเล่าว่าม่านฟ้ามากับพี่เลี้ยง

นายพลจางลี่จึงบอกให้ไปตามหาถ้าคิดว่ารักจริง

เปาชางดีใจ แถมนายพลจางลี่ยังสั่งอาเตียวให้ตามคุ้มครองอย่าปล่อยให้หลานตนต้องบาดเจ็บเหมือนครั้งก่อน และสั่งงานไปด้วย

“สายของเรารายงานว่า ในป่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาตั้งแคมป์กันหลายคน และมีคนเห็นแหม่มนาตาชาเจ้าของทับทิมอยู่ในป่าด้วย ถ้ารู้เบาะแสยังไงก็รีบส่งข่าวมา ข้าจะเอากำลังไปสมทบ ถ้าเป็นแหม่มนาตาชาจริง ทับทิมสยามก็ต้องอยู่กับมันแน่นอน”

เปาชางเข้ามาบอกว่าเขาจะเดินทางแล้ว นายพลจางลี่ อวยพรให้หาผู้หญิงที่รักให้เจอ แล้วตนจะจัดงานแต่งงานให้เจ็ดวันเจ็ดคืน

ในขณะที่ม่านฟ้ากับบัวชุมเข้ามาใกล้เขตป่าภาพลวงตา ทั้งสองยืนมองยอดเจดีย์ที่โผล่พ้นยอดไม้ ม่านฟ้าบอกบัวชุมว่าต้องไปให้ถึงที่นั่น บัวชุมรู้สึกแปลกๆ ไม่ทันไรก็เกิดภาพลวงตา ปรากฏเจ้าจันทร์ทิพย์มายืนเรียกม่านฟ้า เธอดีใจจะเข้าไปหา แต่บัวชุมรั้งไว้เพราะเจ้าตายไปนานแล้ว เจ้าจันทร์ทิพย์พยายามพูดว่าลูกไม่รักพ่อแล้วหรือ ม่านฟ้าน้ำตาพรั่งพรู บัวชุมยังดึงไว้ เจ้าจันทร์ทิพย์โกรธด่าว่าที่ม่านฟ้าปล่อยให้ทับทิมสีม่วง สมบัติประจำตระกูลหายไป

“มงกุฎเทวียังอยู่กับหนูค่ะ แต่ทับทิมสยาม หนูขอโทษค่ะพ่อ” ม่านฟ้าร้องไห้

“แกมันเนรคุณ ฉันเกลียดแก ม่านฟ้า แกไม่ใช่ลูกฉัน”

ม่านฟ้าร้องไห้โฮ สัญญาจะตามทับทิมกลับคืนมา ขอให้พ่อยกโทษให้ อย่าเกลียดตน บัวชุมดึงรั้งม่านฟ้าไว้ เจ้าจันทร์ทิพย์เริ่มกลายเป็นปีศาจ และมีปีศาจตัวอื่นๆโผล่มาอีก ม่านฟ้ากับบัวชุมต้องใช้อาวุธสำคัญที่มีคือหน้าไม้ปกป้องตัวแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป...จนมาหมดแรงใกล้ลำธารม่านฟ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะที่พ่อพูดแทงใจดำตนมาตลอด บัวชุมต้องปลอบประโลม

เย็นวันนั้น ม่านฟ้าอาบน้ำชําระร่างกาย แล้วแต่งตัวชุดทายาทเทวีแห่งเชียงรุ้ง บัวชุมก็อยู่ในชุดเชียงรุ้ง ถือมงกุฎเทวีที่เอาดอกไม้ประดับตำแหน่งที่ทับทิมสีม่วงหายไป เอามาสวมให้ม่านฟ้า แล้วกล่าวว่า

“แด่...องค์หญิงม่านฟ้า เทวีแห่งเชียงรุ้ง”

ม่านฟ้ายังหน้าเศร้า แต่ก็ยืนขึ้นประกาศ ขอดินแดนเชียงรุ้งจงยั่งยืน ขอทุกคนอย่าลืมเชียงรุ้ง ม่านฟ้าเริ่มร่ายรำอย่างอ่อนช้อย เป็นการระบายความอัดอั้นในใจของเธอและภาระที่แบกไว้ตั้งแต่เด็ก

อีกมุมหนึ่ง เคนมาตักน้ำในลำธาร เขามองไปเห็นม่านฟ้า ถึงกับตะลึงหลงใหลในความงามของเธอ เผอิญเจนนี่เข้ามาเรียกเคนเพราะหายมานาน เคนสะดุ้งหันมอง พอหันกลับไป ม่านฟ้าก็หายไปแล้ว เคนไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเจนนี่ จึงตักน้ำ ใส่กระบอกแล้วเดินตามเจนนี่กลับไป

ม่านฟ้ากับบัวชุมออกจากที่ซ่อน ต่างแปลกใจว่าสองคนนั่นเป็นใคร บัวชุมเตือนอย่าไว้ใจใครอีก เดี๋ยวจะเหมือนเปาชางที่ช่วยไว้ครั้งก่อน สองสาวรีบเก็บของเพื่อเดินทางต่อ

ooooooo

ในแคมป์ที่ดอนกับเดี่ยวได้พัก ทั้งสองคุยกันว่าป่านนี้เพื่อนๆคงออกตามหากันแล้ว คงต้องส่งข่าวให้หน่วยเหนือทราบ ดอนขอไปเพ่งมองสำรวจพื้นที่ก่อน เดี่ยวจึงช่วยตรวจตรา

ระหว่างนั้น นาตาชาไปอาบน้ำที่ลำธารกลับมาที่แคมป์ เห็นกระแตกับบุษกรช่วยกันทำความสะอาด จึงเกรงใจที่ทั้งสองอุตส่าห์ทำความสะอาดทั้งที่นี่และแคมป์ของ ดร.ฟอร์ด ด้วย เธอเลยให้สองสาวไปอาบน้ำที่ลำธารบ้าง

ขณะที่สองสาวกำลังเล่นน้ำอย่างสบาย เปาชางมาเห็น เกิดอารมณ์คุกรุ่น เข้าไปขออาบน้ำด้วย สองสาวเดินขึ้นจากน้ำไม่ไยดี เปาชางไม่พอใจ ดึงมือกระแตไว้ บุษกรเข้ามาช่วยจึงโดนเปาชางรวบตัวมากอดรัดจะปลุกปล้ำแทน ดร.ฟอร์ดมาเห็นพอดีโกรธจัด ตบหน้าลูกชายฉาดใหญ่

“สารเลว ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แกทำแบบนี้”

“แต่ว่า...”

“หุบปาก ถ้าแกไม่ฟังคำสั่งฉันก็ออกไป” ดร.ฟอร์ดหันมาสั่งสองสาวอย่าออกมาเวลากลางคืนอีก

สตีเฟ่นฮึดฮัดเดินออกมา ราฮีมเข้ามารายงานให้ไปดูพวกเสาร์ห้าว่ามีท่าทางเหมือนกำลังสำรวจแต่ละแคมป์ ดูน่าสงสัย สตีเฟ่นกำลังอารมณ์ไม่ดีจึงว่าอยากรู้ก็ให้ไปถาม ราฮีมจึงเข้าไป

“มาทำอะไรแถวนี้” ราฮีมถามเดี่ยว

“ผมเพียงแต่มาตรวจดูความเรียบร้อย ก็เท่านั้นเอง”

สตีเฟ่นจึงสั่งให้กลับที่พัก แล้วกำชับราฮีมคอยจับตาดูทั้งเดี่ยวและดอนไว้...เดี่ยวเดินกลับผ่านกลุ่มมะโหนกกับลูกน้องที่นั่งดื่มเฮฮากันอยู่ มะโหนกชวนเดี่ยวให้ดื่มด้วยกัน เดี่ยวขอตัว มะโหนกไม่พอใจเกิดชกต่อยกัน มะโหนกสู้ไม่ได้ ชักปืนจะยิงเดี่ยว ดร.ฟอร์ดผ่านมายิงปืนขึ้นฟ้าห้ามแล้วเอ็ดตะโรใส่ ถ้ามีเรื่องกันอีก ตาย...

เรื่องย่อ เสาร์5 ทับทิมสยาม ตอน4 ละครช่อง7



เรื่ืงยย่อ เสาร์๕ ตอนทับทิมสมยาม  
1  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 1  ช่  อ  ง   7    
2  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 2  ช่  อ  ง   7    
3  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 3  ช่  อ  ง   7    
4  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 4  ช่  อ  ง   7    
5  เรื่องย่อละคร  เสาร์5 ตอนทับทิมสมยาม ดูละครย้อนหลัง ตอน 5  ช่  อ  ง   7    


ตอนที่ 4

แคนที่ใช้เป่าเป็นเพลงกลับกลายเป็นปืนกลยิงกราดใส่เปาชางและอาเตียวจนต้องโดดหนี เจนนี่ ยูกิ และชลดาเข้าไปหาชายที่ช่วยพวกตน

“ปืนคุณน่าทึ่งมาก ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน รูปร่างเหมือนแคน” ยูกิแปลกใจ

“บางครั้งใช้เป่า บางครั้งใช้เป็นปืนเมื่อจำเป็น”

ไม่ทันไร เปาชางโผล่ออกมาจากต้นไม้ยิงใส่พวกเจนนี่ เธอยิงสวนโดนเปาชางที่ไหล่เลือดสาด อาเตียวยิงโต้ เกิดการยิงใส่กัน ไม่นานอาเตียวก็ประคองเปาชางหนีหัวซุก หัวซุน เจนนี่โผล่มามอง ชลดากับยูกิค่อยๆออกมาสมทบ

“แล้วคนที่เป่าแคนล่ะ เมื่อกี้ยังอยู่นี่” ชลดามองไปรอบๆ

“บ้าที่สุด นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป” เจนนี่สบถ

ทุกอย่างเงียบจนสามสาวเริ่มรู้สึกผิดปกติ เจนนี่ได้กลิ่นสาบ ทุกคนก้มดมตัวเองแล้วส่ายหน้าไม่ใช่ตน พลันยูกิเห็นเสือด้านหลังเจนนี่ ก็ตกใจชี้บอก แต่เจนนี่คิดว่าเพื่อน

ล้อเล่น ชลดาช่วยยืนยันว่าจริงๆเจนนี่จึงบอกเพื่อนๆว่าตนนับหนึ่งถึงสามแล้วจะหันไปยิงให้เพื่อนๆวิ่งหนีให้เร็วที่สุด พอนับถึงสองเสียงชายคนหนึ่งตะโกนว่า...อย่ายิง อยู่นิ่งๆชายคนนั้นเดินออกมาบอก

“ทุกคนค่อยๆถอยไปที่ต้นไม้ แล้วปีนขึ้นไป ผมทำที่พักไว้บนนั้น”

เสือคำรามแล้วย่อตัวพร้อมกระโจน สามสาววิ่งไปปีนต้นไม้ เสือกระโจนใส่ชายคนนั้น เขาหลบทันแล้วโดดขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว เสือได้แต่แหงนมองคำรามอย่างขัดใจ ชายคนนั้นแนะนำตัวว่าเขาชื่อ เคน และบอกทุกคนอย่าเพิ่งลงไปเพราะเสือยังซุ่มอยู่

“พวกเราเคยมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อแคน คุณหน้าเหมือนเขามาก ถามจริงๆเถอะ คุณเป็นอะไรกับแคน” ชลดาถาม

เคนไม่ตอบแถมโหนเถาวัลย์ออกไป สักพักเขาก็กลับมาพร้อมน้ำในกระบอกไม้ไผ่และผลไม้ ชลดาถามย้ำอีกครั้งว่าเขาเป็นอะไรกับแคน

“ผมเป็นน้องของแคน เราเป็นคู่แฝด เราเกิดและโตมาด้วยกันที่หมู่บ้านกลางป่า จนกระทั่งวันที่พวกโจรเข้ามาปล้นหมู่บ้าน พ่อกับแม่พาพวกเราหนี แต่ผมตามไม่ทันจึงหลงอยู่กลางป่าจนมีชาวบ้านเก็บไปเลี้ยง”

“แล้วคุณรู้มั้ยว่าแคนเขา...” ชลดาพูดไม่ออก เคนตอบแทนว่า ตายแล้วใช่ไหม ชลดาพยักหน้าแล้วถามว่ารู้ได้อย่างไร

เคนยิ้มๆไม่ตอบ สามสาวรู้สึกว่าเคนทำตัวลึกลับมาก เจนนี่จึงขอให้เคนพาพวกตนไปสุสานช้าง เคนอึ้งเพราะไม่มีใครอยากไปที่นั่น เขาโหนเถาวัลย์ออกไปอีกครั้ง...

แผลที่เปาชางโดนยิง เลือดไหลจนเขาอ่อนเพลีย

อาเตียวประคองเดินมาจนถึงริมน้ำ เปาชางไปต่อไม่ไหว

อาเตียวบอกให้แข็งใจหน่อยเพราะกลิ่นเลือดจะทำให้เสือตามมา ไม่ทันขาดคำเสียงเสือคำราม อาเตียวสะดุ้งทิ้งเปาชางตกน้ำลอยไป ตัวเองวิ่งเตลิดข้ามน้ำไปอีกฝั่ง

ooooooo

อภิชัย เชษฐ์ และอาจณรงค์เข้าประชุมกับกลุ่มเสาร์ห้า ต้องแปลกใจที่เหลือเพียงยอด กริ่งและเทอดเท่านั้น เทอดรายงานว่าทุกคนไม่ได้เหลวไหล เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ กริ่งรายงาน

“ตอนนี้นาตาชา เริ่มเปิดเผยตัวจริงของเธอออกมาแล้วว่าเธอต้องการอะไรจากเรา...เจนนี่รายงานมาว่า นาตาชาได้ใช้เวทมนตร์ครอบงำ คุณดอน คุณเดี่ยว กระแต และบุษกร เพื่อต้องการใช้งาน และตอนนี้พวกเขาก็พากันมุ่งหน้าไปยังป่าสุสานช้าง พิกัดที่เครื่องบิน ดร.ฟอร์ดตก”

อภิชัย เชษฐ์ และอาจณรงค์สงสัยว่าต้องเกี่ยวกับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ ยอดขออนุญาตให้เขาสามคนดูแลภารกิจนี้ อภิชัยอนุญาตและหวังว่าพลังความดีของเสาร์ห้าจะเอาชนะเรื่องเลวร้ายนี้ได้อีกครั้ง

สามหนุ่มเสาร์ห้าที่เหลือ เตรียมสัพเพเหระเดินทางเข้าป่า อาจณรงค์ขับรถมาส่งชายป่าด้วยตัวเอง...

นายพลจางลี่เล่นงานอาเตียวที่ทิ้งเปาชางหลานชายไว้ในป่าทั้งที่บาดเจ็บ สั่งให้กลับไปตามหา ถ้าไม่พบไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า...ขณะเดียวกัน ม่านฟ้ากับบัวชุมสะกดรอยตามกลุ่ม ดร.วิทยา ม่านฟ้าเห็นเดี่ยวก็จำได้ว่าคือคนที่เคยช่วยตนกับบัวชุมในงานแสดงอัญมณี จึงชักไม่แน่ใจว่าเดี่ยวเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่

ดร.วิทยาเริ่มไม่เชื่อใจว่านาตาชาเดินมาถูกทาง

นาตาชาเล่นลิ้นว่าเขาไม่มีทางเลือก

“มีเธอเป็นตัวประกัน ยังไงฉันก็ถือไพ่เหนือกว่าวันยังค่ำ” ดร.วิทยาโต้

“คิดว่าพ่อจะรักฉันมากกว่าทับทิมสยามงั้นเหรอ” ท่าทางนาตาชาพูดด้วยความน้อยใจ “คนอย่าง ดร.ฟอร์ดน่ะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทดลองของเขาหรอก”

วิทยาไม่เชื่อ ดอนกับเดี่ยวกระซิบกันว่า ที่นี่ดูแปลกๆและมองเข็มทิศในมือซึ่งวิ่งรวนไม่รู้ทิศรู้ทาง นาตาชา เข้ามาดูด้วยคนแล้วรู้สึกว่า คงเข้าเขตภาพลวงตาอย่างที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง มองไปรอบๆเหมือนมีมิติซ้อนอยู่ พยายามเงี่ยหูฟังก็ไม่มีเสียงนกเสียงแมลงอย่างเคย เดี่ยวนิ่งฟังเห็นจริง

“ถ้างั้นก็ใช่ จากนี้ไประวังตัวให้ดี ถ้าฉันไปไหน คุณสองคนต้องตามให้ทัน อย่าห่างฉัน”

“ครับ นาตาชา” ดอนกับเดี่ยวรับคำพร้อมกัน

“พวกเรากำลังอยู่ในเขตอาถรรพณ์ภาพลวงตา”

นาตาชาบอกสองหนุ่มเริ่มระวังตัว...

ม่านฟ้ากับบัวชุมก็เริ่มรู้สึกว่ารอบๆตัวแปลกไป เหมือนมีคนจ้องมอง ม่านฟ้าเตือนบัวชุมว่าลางสังหรณ์ของตนเตือนให้ระวังอันตราย...เสือสนธิ์กับอินทร์เริ่มตาฝาดเห็นอะไรต่ออะไรเคลื่อนไหว จึงช่วยกันส่องกล้องมอง พลันก็ได้เห็นกองกำลังทหารญี่ปุ่น ดร.วิทยาได้ยินมองออกไปบ้าง เขาก็เห็นเช่นกัน รีบสั่งฮวงกับลูกหาบหยิบปืนพร้อมสู้ เสียงกระสุนสาดยิงมา เกิดการยิงตอบโต้กัน ม่านฟ้าได้ยินเสียงแปลกใจเพราะมองไปไม่เห็นมีฝ่ายตรงข้าม บัวชุมดึงม่านฟ้าให้หลบหนี แต่แล้วม่านฟ้าก็เห็นหนานคำปรากฏตัวขึ้น บัวชุมรีบบอก

“ไอ้หนานคำมันตายไปแล้วนี่คะคุณหนู”

“ก็นั่นไง มันเดินมาแล้ว”

“ไอ้หนานคำมันเป็นผีหรือเปล่าคะคุณหนู”

ม่านฟ้าเห็นหนานคำเข้ามาทำร้ายตน จึงชักมีดมาแทง แต่หนานคำแค่ชะงัก ดึงมีดออกไม่เป็นอะไร บัวชุมเริ่มเห็นอย่างที่ม่านฟ้าเห็น เข้าไปช่วยดึงม่านฟ้าหนี หนานคำค่อยๆเลือนหายไป

ดอน เดี่ยว และนาตาชาพากันหลบหลังต้นไม้ แต่ทั้งสามไม่เห็นกองกำลังทหารญี่ปุ่น สักพักก็ค่อยๆเห็น ดอนแปลกใจที่เหมือนทหารญี่ปุ่นโบราณ ทั้งอาวุธก็ดูโบราณ

นาตาชาเตือนทั้งสองคนว่า นั่นไม่ใช่เรื่องจริงเป็นภาพลวงตา ดร.วิทยาร้องบอกนาตาชาให้พากันมาหลบตรงพวกเขา อินทร์เสนอให้ถอย เสือสนธิ์เห็นด้วย ระหว่างที่พากันวิ่งหนี ทุกคนได้ยินเสียงระเบิดไล่หลัง ต่างก็หนีเอาตัวรอด นาตาชาเห็นเป็นจังหวะที่เธอกับดอน เดี่ยวจะหนีแยกตัวออกไป

อินทร์ เสือสนธิ์กับลูกน้องช่วยกันยิงตอบโต้ทหารญี่ปุ่น แต่พวกมันดูจะมากขึ้น อินทร์จึงบอก ดร.วิทยา “เราต้านไม่อยู่แน่ รีบหนีก่อนที่พวกมันจะบุกเข้ามาถึงตัว”

พอรู้ว่านาตาชาหนีไป ดร.วิทยาสั่วฮวงไปลากตัวกลับมาให้ได้...สามคนพากันหนีมามุมหนึ่ง นาตาชาบอกดอนกับเดี่ยวว่า ต้องหาเจดีย์ให้เจอ สองคนแปลกใจที่มีเจดีย์ในป่า ไม่ทันไรฮวงกับพวกตามมาไล่ยิง แต่แล้วก็สู้ดอนกับเดี่ยวไม่ได้ แถมนาตาชายังเป็นมวย เธอต่อสู้ ฮวงจึงผลักเธอแทบตกหน้าผา ดอนกับเดี่ยวจัดการฮวงกับลูกน้องกระเจิง เดี่ยวปาระเบิดไล่หลัง

นาตาชาร้องให้ช่วยด้วย เพราะตนเกาะรากไม้ริมหน้าผาอยู่ ดอนกับเดี่ยวช่วยกันดึงเธอขึ้นมา ทันใด...

นาตาชาเห็นเจดีย์ร้างอยู่กลางป่าโน่น ดอนและเดี่ยวมองด้วยความทึ่ง...ทั้งสามพากันเดินตัดตรงไปยังเจดีย์ร้างนั่น ยิ่งใกล้บรรยากาศของป่าก็เริ่มแปลกไป มีภาพซ้อนขึ้นมา ดอนสะกิดถามเดี่ยวว่าเห็นอะไรบ้างไหม ต่างอธิบายสิ่งที่เห็นไม่ถูก นาตาชาจึงเตือน
“ที่นี่คือเขตภาพลวงตา พลังงานบางอย่างทำให้บรรยากาศบริเวณนี้เต็มไปด้วยมิติที่ซ้อนทับกันอยู่ เหมือนแถวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหรือไม่ก็ทะเลปีศาจของญี่ปุ่น”

“แล้วทหารญี่ปุ่นที่เราเห็นเมื่อกี้ล่ะ” เดี่ยวถาม

“พลังงานที่อยู่ในเขตภาพลวงตา จะดึงเอาจิตใต้สำนึกออกมาสร้างเป็นภาพเสมือนจริง กองทัพทหารนั่นก็คือภาพลวงตาจากจิตใต้สำนึกของใครสักคนนึงในกลุ่ม ดร.วิทยา ซึ่งเมื่อคนหนึ่งเห็น ภาพจะชัดขึ้น แล้วทำให้คนที่อยู่ใกล้เคียงพลอยเห็นไปด้วย”

“แล้วอาวุธ กระสุนปืนที่พวกทหารญี่ปุ่นยิงมา มันเหมือนของจริง...” ดอนสงสัย

“ฉันกับพ่อศึกษาเรื่องแบบนี้มามาก จนแน่ใจว่ามีแต่พลังงานจากทับทิมสยามสีม่วงเท่านั้นที่จะสร้างภาพลวงตาแบบนี้ขึ้นมาได้ และนี่ก็คือหน้าที่ของพวกคุณที่ต้องมา

ช่วยฉันค้นหาทับทิมสยามสีม่วง”

ดอนกับเดี่ยวอึ้ง นาตาชาพาสองหนุ่มเดินตรงไปที่เจดีย์ มันโผล่ยอดออกมาจากพุ่มไม้ พลัน...มีเงาคนปรากฏขึ้น นาตาชาชะงัก ดอนกับเดี่ยวกระชับปืนในมือ เงานั้นค่อยๆชัดขึ้นเป็น ดร.ฟอร์ด นาตาชาดีใจวิ่งเข้าไปหา แต่สีหน้า ดร.ฟอร์ดดูดุดัน เขาต่อว่าเธอทำให้งานเขาล่าช้าไป เธอพยายามบอกว่า ดร.วิทยากักตัวไว้ แต่ ดร.ฟอร์ดไม่ฟังกลับตวาด

“กี่ครั้งแล้วที่การทดลองของฉันล้มเหลวเพราะแก แกเกิดมาทำไม แกเป็นลูกที่ฉันไม่ต้องการ แกมันสมควรตาย นาตาชา” ดร.ฟอร์ดบีบคอนาตาชาจนล้มลง แล้วชักปืนมาเล็ง

ดอนกับเดี่ยวรู้สึกว่ามันรุนแรงเกินพ่อลูกแล้ว จึงเข้าไปแย่งปืน เกิดการต่อสู้กัน ปืนลั่นถูก ดร.ฟอร์ดทรุดลง ดอนตกใจเพราะปืนอยู่ในมือเขา แต่แล้ว ดร.ฟอร์ดกลับล้วงเข้าไปดึงลูกกระสุนออกจากลำตัว ปรี่เข้าจะฆ่านาตาชา เธอเริ่มรู้แล้วว่านี่คือภาพลวงตา

“หนีเร็ว นั่นไม่ใช่เรื่องจริง มันคือภาพลวงตา” นาตาชา ร้องบอกดอนกับเดี่ยว

สองหนุ่มรีบตามนาตาชาไป เธอเห็นแสงแดดส่องไปที่เจดีย์ นาตาชาบอกสองหนุ่ม “เราต้องรอเงาเจดีย์ทอดลงมาที่พื้น ตามมาเร็ว เดินตามเงาของเจดีย์อย่าหลุดออกจากเงาเด็ดขาด”

“มันเป็นปรากฏการทางวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่” ดอนชักสงสัย

สักพัก บรรยากาศดูสดใสแตกต่างจากเมื่อครู่ ร่างนาตาชา ดอน และเดี่ยว เหมือนหลุดพ้นจากเขตภาพลวงตา ไม่ทันไรท้องฟ้าแปรปรวนอีกเมฆฝนลอยมารวมตัวอย่างรวดเร็ว ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา เดี่ยวบอกให้รีบไปหลบในเจดีย์...ข้างในเจดีย์ มีพระพุทธรูปเก่าปางห้ามญาติองค์หนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า ดอนรับรู้ถึงพลังบางอย่างในนี้ เขาไม่สามารถมองทะลุออกไปได้ เดี่ยวก็รู้สึกเช่นกัน ทั้งสองไม่อาจใช้พลังพิเศษได้ ดอนเห็นมีบันไดเล็กๆที่ใช้ปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์

“เราลองขึ้นไปดูข้างบนกันมั้ย” ดอนชวน นาตาชาจะตามไปด้วย

เดี่ยวห้ามไว้ “คุณเป็นผู้หญิง ไม่ควรที่จะปีนขึ้นไปอยู่บนที่สูงเหนือพระประธาน”

นาตาชาจึงรอด้านล่าง สองหนุ่มปีนขึ้นไปจนถึงช่องออกไปด้านนอกเจดีย์ เดี่ยวเห็นข้างนอกก็มีบันไดขึ้นไปอีก ทั้งสองจะปีนต่อไปจนถึงยอด เดี่ยวได้ยินเสียงบางอย่างรีบบอกดอนว่า

“ดอน ฉันได้ยินเหมือนเสียงงู”

ดอนจึงเพ่งสายตาทะลุออกไป เห็นงูเห่าขดตัวอยู่ข้างบันได มันแผ่เบี้ยพร้อมจะฉก จึงบอกเดี่ยวให้อยู่นิ่งๆ 

ทั้งสองรอจังหวะพองูฉกลงบนมือเดี่ยวซึ่งดึงมือหลบทันจึงไถลลง ดอนเข้าดันตัวเดี่ยวไว้ แผ่นดินเริ่มไหว มีอิฐหินร่วงกราวลงด้านล่าง สองหนุ่มรีบปีนกลับลงมา พานาตาชาวิ่งหนีออกจากใต้ฐานเจดีย์ ภายนอกบรรยากาศมืดครึ้ม ฟ้าคะนอง สามคนวิ่งเซไปมาเนื่องจากแผ่นดินไหว แล้วก็ล้มลงท่ามกลางเศษอิฐหินร่วงหล่น ฝุ่นฟุ้งกระจาย

พักใหญ่ ทุกอย่างหยุด ท้องฟ้าสว่างขึ้น ดอนถามนาตาชาว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน ไม่ทันไรก็มีกลุ่มคนมากมาย อาวุธครบครันล้อมพวกเขา นาตาชามองไปรอบๆเห็นชายคนหนึ่งแหวกออกมาจากกลุ่มคน เขาคนนั้นคือ ดร.ฟอร์ด นาตาชาตะลึง แต่ยังหวาดๆว่าเป็นภาพลวงตา

“นี่แกจำพ่อไม่ได้หรือไง” ดร.ฟอร์ดถามลูกสาว

สตีเฟ่นตามเข้ามา นาตาชาถามว่าใช่พี่กับพ่อจริงหรือ สตีเฟ่นเข้ามาดึงน้องสาวถามว่ากลัวอะไร นาตาชาจึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ดร.ฟอร์ดมองดอนกับเดี่ยว ทั้งสองแนะนำตัว

ดอนกับเดี่ยวถูกพามาที่แคมป์ เขาต้องทึ่งเมื่อเห็นที่นี่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกอย่าง แม้กระทั่งจานดาวเทียมและมีสัญญาณโทรศัพท์พร้อมทำงานได้ทุกอย่าง

“แต่พวกคุณ ห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามติดต่อกับคนภายนอก ทุกอย่างที่นี่เป็นความลับ”

นาตาชาบอกสตีเฟ่นว่า ทีมของเสาร์ห้ากำลังพาซัมดองมาที่นี่ี่ ต้องมีคนออกไปรับ ดร.ฟอร์ดจึงให้สตีเฟ่นเป็นคนไปรอรับ เดี่ยวให้เบอร์โทร.ของบุษกรเพื่อหาพิกัด สตีเฟ่นป้อนข้อมูลเข้าคอมฯสักครู่ก็รู้ว่า ประมาณพรุ่งนี้คงมาถึง ดร.ฟอร์ดชื่นชมความสามารถของลูกชาย ทำให้นาตาชารู้สึกน้อยใจที่พ่อไม่เคยชมตนบ้างเลย ทั้งที่ตนเอาดอนกับเดี่ยวมาเป็นพวกได้

ooooooo

ฮวงพาพรรคพวกที่บาดเจ็บกลับมาให้เสือสนธิ์ กับอินทร์ปฐมพยาบาล ดร.วิทยาต่อว่าที่ปล่อยให้

นาตาชาหนีไปได้ ฮวงว่าพวกนั้นไม่ธรรมดา แถมนาตาชาก็เป็นมวย

ในขณะที่ม่านฟ้ากับบัวชุมหลงป่า เดินวนไปวนมา จนมาถึงริมลำธาร ทั้งสองพบร่างเปาชางที่บาดเจ็บสลบไสลริมนํ้า ด้วยมนุษยธรรมจึงยอมช่วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่ เปาชางฟื้นขึ้นมาพบว่า ม่านฟ้ากำลังทำแผล ให้ และบัวชุมก่อไฟ เปาชางรู้สึกชอบม่านฟ้า พอถูกถามว่า ไปโดนอะไรมา จึงโกหกว่าตนจะกลับบ้านฝั่งโน้น แต่โดนปล้น ม่านฟ้าหลงเชื่อ

ขณะเดียวกัน ยอด เทอด และกริ่ง แกะรอยจนพบรอยเท้าที่ปรากฏอยู่ในป่า

“ทำไมส่วนใหญ่เป็นรอยเท้าผู้ชาย น่าจะมีไม่ตํ่ากว่าสิบคน” เทอดสันนิษฐาน

“ไม่มีรอยรองเท้าผู้หญิงเลยเหรอคุณเทอด” ยอดถาม

กริ่งสังเกตเห็นรอยเท้าผู้หญิงสามคน สงสัยจะเป็นเจนนี่ ชลดา และยูกิ มุ่งหน้าไปทางเหนือ จึงคิดจะตาม แต่ไม่ทันจะไป ยอดได้ยินเสียงคน เทอดก้มลงเอาหูแนบพื้นฟัง บอกให้หลบกลุ่มสตีเฟ่น ราฮีม และลูกน้องประมาณสิบคนเดินมา ในมือสตีเฟ่นมีเครื่องจีพีเอสแบบมือถือ

“มีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์อ่อนๆอยู่ห่างไปไม่เกินสองกิโล” สตีเฟ่นเอ่ยขึ้น

“ไม่รู้พวกไหน เอ็งสองคนไปทางนี้อย่าส่งเสียง” ราฮีมสั่งลูกน้อง

เทอด ยอด กริ่งกระซิบถามกันว่า พวกนี้จะไปไหน เทอดให้ตามไป...จนพบบุษกรกับกระแตเดินหาสัญญาณโทรศัพท์อยู่ พวกสตีเฟ่นเข้ามาจะปลดอาวุธสองสาว แต่สองสาวต่อสู้ ยอด เทอด และกริ่งตามมาเห็น ยอดจะเข้าไปช่วย แต่เทอดรั้งไว้ เพราะเห็นซัมดองนั่งทำสมาธิอยู่ห่างๆ กระแตร้องให้อาจารย์ช่วย พอสตีเฟ่นเห็นซัมดองจึงปล่อยตัวสองสาวเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม

“ผมชื่อสตีเฟ่น ยินดีที่ได้รู้จักครับ และผมต้องขอโทษที่เราเข้าใจผิด”

สองสาวตาขวางใส่ ราฮีมเตือนให้ทุกคนรีบกลับ พวกยอดแอบตามไปอย่างเงียบๆ...ท้องฟ้าใกล้มืด สตีเฟ่นสั่งพักระหว่างทาง สตีเฟ่นนำอาหารมาให้ซัมดอง

“ข้าไม่กิน”

“จริงสิ ผมลืมไปว่า...”

ซัมดองยกมือให้สตีเฟ่นหยุดพูด แล้วบอกว่ามีคนตามมา เป็นชายสามคนอยู่ในพุ่มไม้ใหญ่ สตีเฟ่นส่งสัญญาณบอกราฮีม ขณะเดียวกัน ลูกน้องราฮีมเข้ามากะลิ้มกะเหลี่ยบุษกรกับกระแต แต่ถูกสองสาวจับทุ่มจนหงอ พรรคพวกเห็นแล้วเข็ดขยาดกลับออกไป ยอดเห็นจังหวะปลอดคน ดอดเข้ามาหากระแต สองสาวตกใจถามมาได้อย่างไร

“ก็เห็นพวกคุณหายไป ผม คุณเทอด คุณกริ่งเลยมาตาม”

บุษกรถามว่าสองคนนั่นอยู่ไหน ยอดชี้ว่าหลบอยู่ด้านโน้น กระแตพยักหน้าให้สัญญาณบุษกรไปบอกสตีเฟ่น ยอดถามว่าจะไปไหน กระแตรีบบอกว่า ให้เราอยู่กันลำพังไง

“ผมอยากให้คุณกับบุษกร หนีออกมาจากคนพวกนี้ มันอันตราย”

กระแตเข้าเคล้าเคลียยอด หว่านเสน่ห์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ยอดรู้สึกแปลกใจ

“กระแต นี่คุณปกติดีหรือเปล่า”

“ยอด คุณกลัวอะไร คุณลืมความรักที่เรามีต่อกันแล้วเหรอ”

ยอดรู้สึกว่ามีคนมาจะหลบแต่กระแตกลับจับเขาไว้ “คิดว่าจะหนีง่ายๆเหรอ”

“นี่มันอะไรกัน กระแต”

“แกเป็นศัตรู ฉันต้องกำจัดเสาร์ห้าทุกคน”


ยอดตกใจ บุษกรนำสตีเฟ่น ราฮีมกับพวกเข้ามา ยอดรีบโดดหนีเข้าป่า พวกราฮีมยิงไล่หลัง กริ่งกับเทอดตกใจลุกขึ้นมองเห็นยอดวิ่งหนีมา เทอดนำกริ่งกับยอดหลบบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงามืดครึ้มใช้ร่างบังไว้ ทำให้สตีเฟ่น ราฮีมกับพวกตามมาไม่เห็น ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงไหนก็ยิงกราดเข้าไป ปรากฏเป็นนกแตกฮือออกมา ยอดอยากจะยิงสวนแต่เทอดห้าม ควรเก็บกระสุนไว้ กริ่งถามพวกเราจะเอาอย่างไร

“เราจะใช้วิชาของเราหลอกล่อพวกมันดีกว่า” เทอดเสนอ

“ฟังแล้วน่าสนุก โอเค งั้นเราแยกกัน” ยอดชักมัน ต่างแยกย้ายไปคนละทาง

กริ่งวิ่งฉิวออกไปทางหนึ่ง เทอดหายตัวไป เหลือยอดที่ต้องรีบแทรกตัวเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ ทำให้สตีเฟ่นกับพวกไม่เห็นใคร ทั้งที่เมื่อสักครู่ได้ยินเหมือนคนคุยกัน เทอดกับกริ่งที่ออกไปล่อทำเสียงให้พวกสตีเฟ่นไล่ยิง กริ่งเริ่มอ่อนแรงทรุดลงกับพื้นหอบตัวโยน พวกราฮีมใกล้เข้ามา เทอดต้องเข้ามาช่วยทำเสียงให้พวกนั้นหันมาสนใจแล้วหายตัวแวบไปโผล่อีกทาง ยอดออกจากต้นไม้มาดึงกริ่งไปหลบหลังต้นไม้ สักพักเทอดมาปรากฏตัว ทั้งสามเริ่มอ่อนแรง

“ขอบใจมากเทอด ยอด ที่ช่วยฉันไว้” กริ่งยิ้มให้เพื่อนๆ

“พวกเราใช้พลังกันมากไป” เทอดเองก็เหนื่อย

สตีเฟ่นมาขอซัมดองให้หาวิธีจัดการ ซัมดองแนะปล่อยให้พวกมันตายใจ ได้โอกาสเมื่อไหร่ค่อยจัดการ สตีเฟ่นกับพวกจึงแยกย้ายกันไปพัก ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ออกมาร่ายมนตร์เห็นอดีตของสามคนตั้งแต่ในวัยเด็ก จนเห็นอาจารย์ลุ๊กเสกพระประจำตัวเข้าร่างแต่ละคน

“ที่แท้ก็พวกเสาร์ห้า ดี...สักวันอำนาจพุทธคุณที่อยู่ในตัวพวกมันจะต้องมาเป็นของข้า” ซัมดองแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม

ooooooo

ในความฝันของเคน เขาฝันว่าแคนพี่ชายฝาแฝดของเขามาปรากฏตัว และบอกเขาว่า ดวงวิญญาณบรรพบุรุษของพวกเราถูกขังอยู่ในลูกแก้ว มีเขาคนเดียวที่จะช่วยให้พ้นจากการทรมานนั่นได้ เคนเห็นวิญญาณร้องครวญครางอยู่ในลูกแก้ว...เคนกระสับกระส่ายจนสะดุ้งตื่น เห็นเจนนี่นั่งมองเขาอยู่ เธอถามเขาว่า ฝันร้ายหรือ เคนลุกหนีไปอย่างรู้สึกเสียหน้า

เจนนี่ตามมาขอโทษว่าตนพูดอะไรผิดไป เคนส่ายหน้าไม่มีอะไร เจนนี่อึดอัด จึงบอกว่า

“คุณคงไม่พอใจที่พวกฉันอยู่ที่นี่ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พวกฉันจะไป ขอบคุณมากที่ช่วยฉันกับเพื่อนๆไว้” พูดจบเจนนี่เดินกลับไป เคนมองตามอย่างครุ่นคิดว่าควรช่วยเธอหรือปล่อยไปดี...

วันรุ่งขึ้น เจนนี่ ชลดา และยูกิเตรียมตัวเดินทาง เคนหายตัวไป สามสาวเป็นห่วงเกรงจะถูกเสือคาบไป แต่เจนนี่คิดอีกอย่าง ดูเคนไม่ค่อยพอใจที่พวกตนมาพักที่นี่ จึงบอกให้เดินทางกันเลยดีกว่า จำได้ว่าต้องไปทางเหนือ พอเริ่มออกเดิน ก็มีเสียงเคนดังขึ้น สามสาวหยุดหันไปมอง

“เคน คุณหายไปไหนมาทั้งคืน” ชลดารีบถามเมื่อเห็นเคนเดินมา

“ป่าคือบ้านของผม ที่ผมกลับมาเพราะเป็นห่วงพวกคุณ”

ยูกิจึงขอให้เคนพาพวกเธอไปป่าสุสานช้าง เคนตอบตกลงแต่ยังวางฟอร์มว่าเขาเดินเร็วให้เดินตามให้ทัน

ooooooo

อาการของเปาชางดีขึ้น เขารู้สึกชอบม่านฟ้ามากจึงคิดปลุกปล้ำ บัวชุมเข้ามาช่วยเอาไม้ฟาดหัวแล้วพาม่านฟ้าวิ่งหนีไป ม่านฟ้าเสียใจที่ไว้ใจคนชั่ว บัวชุมปลอบ

“คุณหนูคือเชื้อสายของเจ้าชีวิต บัวชุมต้องจงรักภักดี ไม่ว่าคุณหนูจะตกทุกข์ได้ยากยังไง บัวชุมก็ทิ้งคุณหนูไม่ได้”

“บัวชุมคือครอบครัวของฉัน ชีวิตฉันเหลือบัวชุมเพียงคนเดียว” ม่านฟ้ากอดบัวชุมร้องไห้

“ไม่ค่ะ บัวชุมไม่ตีเสมอนาย ขอบัวชุมเป็นแค่ข้ารับใช้ก็เป็นบุญหัวกับวงศ์ตระกูลแล้วค่ะ คุณหนูต้องเข้มแข็ง สักวันคุณหนูจะต้องเป็นผู้นำของชาวเชียงรุ้งที่เหลืออยู่ อย่าร้องไห้ค่ะ”

ม่านฟ้าปาดน้ำตา รับปากจะไม่ทำให้บัวชุมผิดหวัง ตนจะเอาทับทิมสีม่วงกลับมาให้ได้ สองคนเห็นเจดีย์กลางป่า ต่างมุ่งหน้าไปที่นั่น...เปาชางโซซัดโซเซมาตามทางในป่า จนได้พบกับพวกอาเตียว แล้วพาเขากลับไปที่พักนายพลจางลี่

กลุ่มของสตีเฟ่นที่พาบุษกร กระแต และซัมดองมุ่งหน้าไปสุสานช้าง ก็เริ่มพบกับภาพลวงตา โดยจิตใต้สำนึกของกระแตสร้างเป็นภาพขึ้น มีเสียงดนตรีแบบอีสาน ปราสาทหินแบบขอมปรากฏขึ้น หญิงสาวนุ่งซิ่นแบบอีสานมาร่ายรำฟ้อนกันตรึม พวกนางฟ้อนเข้ามาดึงกระแตกับบุษกรเข้าไปในปราสาท แล้วออกมาในชุดนางรำ สตีเฟ่น ราฮีม และลูกน้องต่างหลงใหล สาวๆนางรำ ยอด เทอด และกริ่งที่ตามมา แปลกใจว่านางรำพวกนั้นมาจากไหน ยอดเศร้าใจที่เห็นกระแตมีท่าทียั่วยวนผู้ชายเหล่านั้น

ซัมดองรู้ดีว่านี่คือภาพลวงตา จึงเรียกสตีเฟ่นให้สติคืนมา ใช้ไม้เท้าร่ายมนตร์ออกไป

“ตั้งสติไว้ อย่าหลงกลภาพลวงตา”

“จริงสิ นี่มันภาพลวงตา ผมเผลอไป”

“รีบพาทุกคนเดินทางต่อ” ซัมดองร่ายมนตร์ให้ทุกคนคืนสติ ยกเว้นกระแตกับบุษกร

สตีเฟ่นเข้าไปดึงสองสาวออกจากกลุ่มนางรำ ทันใด... นางรำเหล่านั้นก็กลายร่างเป็นฝูงปีศาจ สองสาวคืนสภาพเดิมพยายามวิ่งหนีให้พ้น จนเข้าเขตเงาเจดีย์ ก็เหมือนข้ามมาอีกมิติหนึ่ง ยอด เทอด และกริ่งที่ตามมาใกล้ๆไม่ทันได้เข้าไปในเงาของเจดีย์ จึงโดนฝูงปีศาจรุมทึ้ง

“ข่าวดีว่ะ ทำอะไรมันไม่ได้เลย” เทอดบอกเพื่อนๆ

“มีข่าวจะบอกเหมือนกัน กระสุนก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย” กริ่งบอกเช่นกัน

ยอดเข้ามารวมตัวกับเพื่อนๆ เทอดให้แยกกันตัวใครตัวมัน กริ่งจึงวิ่งจู๊ดไป เทอดหายตัวแวบ เหลือยอดที่ไม่รู้จะแทรกตัวเข้าไปไหนดี ปีศาจรุมทึ้งเขา ยอดจึงต้องมุดออกหว่างขาพวกผี แล้ววิ่งหนีจนมานั่งเหนื่อยหอบอยู่ข้างเจดีย์ เทอดกับกริ่งตามมาสมทบ

“พวกนั้นหายไปหมดแล้ว เอาไงกันดี” เทอดท่าทางหมดพลัง

“ยังไงก็ต้องตาม แต่รอให้ผีพวกนั้นเผลอก่อนดีไหม” กริ่งเสนอ

“ดี ฉันเหนื่อยเต็มทนแล้ว ขอพักก่อน” ยอดเห็นด้วย

ทั้งสามจึงหามุมนอนพัก ไม่ทันไร จิตใต้สำนึกของยอดสร้างภาพกิ้งก่ายักษ์ขึ้นมา กริ่งได้ยินเสียงนึกว่าช้างมา เพราะใกล้บริเวณสุสานช้าง แต่พอทุกคนลุกมองเห็นกิ้งก่ายักษ์ก็ตกใจพากันมุดหลบเข้าซอกหิน กิ้งก่าแลบลิ้นเข้าไปควานตัว ตวัดได้ตัวเทอดออกมา ยอดกับกริ่งช่วยกันดึงตัวเทอดกลับมา ยอดนิ่งคิด เทอดร้องลั่น

“มัวทำอะไรคุณยอด เดี๋ยวก็ได้ไปนอนในท้องกิ้งก่าหรอก”

“ผมแค่คิดอยากให้เหมือนในหนัง พระเอกกำลังจนตรอก แล้วจู่ๆก็มีสัตว์อีกตัวโผล่มาไล่กัดกิ้งก่าตัวแรกหนีไป”

“สัตว์อีกตัวเหรอ” กริ่งถาม

“ช้าง ช้างตัวใหญ่ๆโผล่มาไล่กิ้งก่า” ยอดพูดไม่ทันขาดคำ มีเสียงตึงตังและเสียงกิ้งก่าร้อง

สามหนุ่มโผล่ออกมาดู เห็นช้างตัวใหญ่ต่อสู้กับกิ้งก่า เทอดสบถว่ายอดคิดอะไรก็ได้อย่างนั้น ยอดจึงรีบคิดถึง

นางแบบปฏิทินเซ็กซี่ๆ แต่ไม่เห็นปรากฏ กริ่งรีบบอกให้

หนีจากที่นี่ดีกว่า...สามหนุ่มหลุดออกมาจากเขตภาพลวงตา มาถึงริมลำธาร ต่างวักนํ้าล้างหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

“ถามจริงๆนะคุณยอด ก่อนที่จะเจอกิ้งก่า คุณกำลัง คิดอะไร” เทอดอดถามไม่ได้

ยอดตอบว่าเขาคิดถึงผู้หญิงสวยๆ เทอดถามอีกว่า คิดถึงกิ้งก่าบ้างหรือเปล่า ยอดบอกมีแว้บๆ เพราะเขาเกลียดสัตว์เลื้อยคลาน เทอดจึงมั่นใจว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของยอดสร้างภาพลวงตานั้นขึ้นมา ยอดถามแล้วทำไมไม่มีสาวสวยออกมาบ้าง

“ผมว่าภาพลวงตามันอาจจะเกิดขึ้นเฉพาะสิ่งที่เรากลัวเท่านั้น”

“แล้วนี่จะมีอะไรโผล่มาอีกหรือเปล่า” กริ่งชักหวั่น

เทอดว่าก็อย่าไปคิดถึงสิ่งที่เรากลัว กริ่งบ่นพูดง่ายแต่ทำยาก เสียงนกร้องจิ้งหรีดระงม ทำให้สามหนุ่มรู้สึกว่าบรรยากาศแตกต่างกับเมื่อครู่ จึงตกลงจะพักค้างแรมตรงนี้...

ขณะที่สตีเฟ่นมาถึงแคมป์ของ ดร.ฟอร์ดก็จัดแบ่งที่พัก นาตาชาให้บุษกรกับกระแตมานอนกับตน แต่สตีเฟ่นแย้งให้สองสาวแยกพักต่างหากดีกว่า ดร.ฟอร์ดรู้ทัน ประกาศให้สามสาวนอนด้วยกัน และสั่งห้ามมีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้น งานต้องมาก่อน สตีเฟ่นผิดหวังเล็กน้อย

ซัมดองซึ่งนั่งหลับตาอยู่ ลืมตาขึ้นแล้วกล่าวว่า “ป่าแถวนี้มีพลังบางอย่างปกคลุม”

“พลังงานของทับทิมสยามสีม่วง” ดร.ฟอร์ดคาดเดา

แต่ซัมดองว่าไม่ใช่ ดร.ฟอร์ดสงสัยยังมีพลังงานอะไรอีก ซัมดองตอบว่า พลังบริสุทธิ์ ใส สะอาด บางเบา แต่แรงกล้า มีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด ดอนเอ่ยขึ้นว่า...พลังพุทธคุณ

“จริงสิ แกมีตาที่สาม แกเห็นใช่มั้ย”

ดอนตอบว่า ตนไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ซัมดองหันมาถามเดี่ยว เขาตอบว่าได้ยินเสียงสวดมนต์ สตีเฟ่นว่าตนไม่เห็นได้ยิน ซัมดองอธิบายว่าพวกฝรั่งไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้...

Tuesday, October 18, 2011

เรื่องย่อ เสือสั่งฟ้า ตอน19 ละครช่อง7



เรื่องย่อละคร เสือสั่งฟ้า
1 .เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน  ช่  อ  ง   7    
2..เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 2  ช่  อ  ง   7    
3..เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 3  ช่  อ  ง   7    
4..เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 4  ช่  อ  ง   7    
5..เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 5  ช่  อ  ง   7    
6  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 6  ช่  อ  ง   7    
7  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 7  ช่  อ  ง   7  
8  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 8  ช่  อ  ง   7  
9  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 9  ช่  อ  ง   7  
10  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 10  ช่  อ  ง   7  
11  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 11  ช่  อ  ง   7  
12  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 12  ช่  อ  ง   7  
13  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 13  ช่  อ  ง   7  
14  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 14  ช่  อ  ง   7  
15  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 15  ช่  อ  ง   7  
16  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 16  ช่  อ  ง   7  
17  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 17  ช่  อ  ง   7  
18 เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 18  ช่  อ  ง   7  
19  เรื่องย่อละคร  เสือสั่งฟ้า ดูละครย้อนหลัง ตอน 19  ช่  อ  ง   7  


ตอนที่ 19

บนท้องฟ้าที่ริมแม่น้ำ หาญกับยิ่งยศ มีเงาร่างของเสือสีฟ้ากับหนุมานสีแดง กำลังดวลหมัดกันกลางอากาศอย่างดุเดือด

ส่วนที่ริมตลิ่ง เพชรกับกระเต็นแหงนมองลุ้นกันใจระทึก เห็นหาญและยิ่งยศร่วงลงมาจากฟ้าหล่นลงไปในน้ำ ทั้งสองรีบวิ่งไปมองในแม่น้ำหน้าเครียด

หาญดำอยู่ใต้น้ำ ใช้คาถาระเบิดน้ำ เกิดวงอากาศขึ้นครอบตัวเองไว้ พยายามมองหายิ่งยศแต่ไม่เห็นพลันก็คิดถึงคำสั่งเสียของเกศินีที่ฝากลูกไว้ด้วย ทำให้หาญไม่มีสมาธิวงอากาศหายไปฉับพลัน หาญลอยตัวขึ้นมาทันใดนั้น ยิ่งยศโผล่จากข้างหลัง ตาดำสนิท โผนเข้าล็อกคอหาญไว้ทันที

หาญเริ่มหายใจไม่ออก ยิ่งยศใช้อีกมือทะลวงเข้าไปในตัวหาญบีบหัวใจเขาไว้ หาญดิ้นรนทั้งหายใจไม่ออก ทั้งสำลักน้ำ ยิ่งยศหัวเราะสะใจท่ามกลางความเป็นความตายของหาญ

ทันใดนั้น มีแสงนวลสว่างจ้าลอยเข้ามา ยิ่งยศเห็นเป็นพ่อปู่บุญทายืนอยู่ในครอบแก้วใส กำลังมองตนอยู่ ด้วยอานุภาพของพ่อปู่บุญทา เงาดำของภูตผีปีศาจที่ยิ่งยศเสกเข้าตัวไว้พุ่งสลายออกจากร่างเขาทันทีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของเหล่าภูตผีปีศาจดังกึกก้อง และดวงตาของยิ่งยศก็กลับมาเป็นปกติทันที

ยิ่งยศตกใจมาก ตะลึงมอง พ่อปู่พูดเสียงก้องกังวานว่า

“เอ็งมีวิชา แต่กลับใช้ในทางเสื่อม ปล่อยให้ความโลภครอบงำทำร้ายคนรอบข้าง และถึงกับคิดคดต่อชาติบ้านเมือง ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดจะคุ้มครองเอ็ง แม้แต่ผีร้ายทั้งหลายก็ไม่เช่นกัน”

ยิ่งยศอึ้ง ใจคอไม่ดีกลัวพ่อปู่ ปล่อยหาญที่ใกล้ตายเต็มที ร่างหาญจมน้ำลงไปเรื่อยๆอย่างไร้แรงพยุงตัว พ่อปู่ยกมือขึ้นเหมือนปางห้ามญาติ แสงเรืองขึ้นจากมือพ่อปู่ ยิ่งยศเห็นดังนั้นยิ่งตกใจ

ooooooo

ด้วยอานุภาพของพ่อปู่ ทำให้หาญ ยิ่งยศ เพชร และกระเต็น กลับไปสู่บรรยากาศการเผชิญหน้ากันที่อีกมุมหนึ่งของริมแม่น้ำ ก่อนที่หาญจะปลุกเสือเผ่นเพื่อเล่นงานยิ่งยศอีกครั้ง พลันหาญก็ชะงักเมื่อเสียงพ่อปู่ดังขึ้นกึกก้อง...

“ว่าตามข้า อหินะโมพุทธายะ อนุภาเวนะ”


เมื่อหาญพนมมือว่าตาม ร่างของยิ่งยศสั่นเทิ้ม จนเขางงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ที่รอยสักในตัวยิ่งยศมีการขยับเคลื่อนไหว แล้วค่อยๆเลื่อนไหลมารวมกันที่แขน ก่อนจะไหลออกทางนิ้วมือทั้งหมด

“อาคมของข้า...ไม่!” ยิ่งยศตระหนกสุดขีด

ลายสักยันต์และอักษรทั้งหลาย ลอยเข้าสู่ตัวหาญ เกิดแสงเรืองขึ้นวูบหนึ่ง หาญมองตัวเองที่มีพละกำลังมากขึ้นอย่างอัศจรรย์ พึมพำอย่างประหลาดใจ

“คาถามงกุฎแก้ว...เอ็งไม่เหลือวิชาอะไรแล้ว ไอ้ยิ่ง!”

ยิ่งยศหมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ทั้งปวง ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง เพชรกับกระเต็นรีบเข้ามาสมทบกับหาญ

ทันใดนั้น พ่อปู่ปรากฏตัวขึ้นเป็นแสงเรืองๆ หาญกับกระเต็นรีบนั่งลงยกมือไหว้ พ่อปู่พูดกับหาญว่า

“เอ็งคงรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป วิชาอาคมต้องมีความดีเป็นที่ตั้ง หากชั่วช้าใช้ในทางผิด ย่อมไม่ต่างจากเดรัจฉานวิชา เมื่อตาย ย่อมไม่พ้นอบายภูมิแน่แท้ เอ็งจงจำคำข้าไว้สอนคนรุ่นหลังต่อไป”

หาญ เพชร และกระเต็นก้มกราบ พอเงยหน้าขึ้นอีกที พ่อปู่เลือนหายไปแล้ว แต่แว่วเสียงรถตำรวจเข้ามาแทน...

ooooooo

ที่ริมแม่น้ำอีกมุมหนึ่ง รถตำรวจหลายคันแล่นเข้ามาจอด ดาลินลงจากรถพร้อมกับตำรวจหลายนาย ดาลินเห็นศพเกศินีถึงกับอึ้ง ตำรวจสองนายไปดูศพเกศินี ส่วนที่เหลือเอาปืนจี้ไปที่ยิ่งยศ ซึ่งทรุดหมดสภาพอยู่ตรงนั้น