พวกมันมีชื่อเรียกว่า "แพะภูเขา" ไม่มีในเมืองไทยนะ เจอได้ที่แถบอเมริกาเหนือ ในป่าอนุรักษ์หลายแห่งด้วยกัน
ทั้งแพะภูเขาตัวเมียและตัวผู้จะมีเครา หางสั้น และเขาสีดำยาวประมาณ 15-18 เซนติเมตร ซึ่งจะมีรอยห่วงรอบเขาหลายวง บอกจำนวนอายุของมัน แพะภูเขาสูงประมาณ 1 เมตรวัดจากพื้นถึงช่วงไหล่ หนักประมาณ 45-136 กิโลกรัม (อ้วนพอตัวนะเนี่ย)
แพะภูเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่พบในความสูงขนาดที่มัน อาศัยอยู่ คือสูงประมาณ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ก็มีอพยพขึ้นสูงกว่านี้บ้าง ลงต่ำกว่านี้บ้าง ตามฤดู
ขนสีขาวช่วยปกป้องพวกมันจากอากาศหนาวเย็นอันหฤโหด เนื่องจากพวกมันอยู่ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก อากาศบริเวณนั้นจึงหนาวถึงขั้นติดลบ และที่ขนของพวกมันช่วยป้องกันความหนาวได้นั้น ก็เพราะมีสองชั้น ชั้นในจะสั้น ส่วนชั้นนอกจะยาวกว่า
ในหน้าหนาว ขนสองชั้นนี้จะช่วยป้องกันอากาศหนาวได้ถึง -46 องศาเซลเซียส และป้องกันลมที่มีความแรงได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันจะผลัดขนด้วยการเอาตัวไปถูกับต้นไม้หรือหิน
ส่วนที่พวกแพะภูเขาปีนเขาได้เก่งๆ แบบนี้ ก็เพราะพวกมันมีกีบเท้าที่สร้างมาเพื่อการปีนป่ายโดยเฉพาะ คือหนาและสาก ยึดเกาะได้ดี
แน่นอน เป็นแพะก็ต้องกินหญ้า ไม่เว้นแม้แต่แพะภูเขา พวกมันเป็นมังสวิรัติ และจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเล็มหญ้า เคี้ยวเอื้อง อาหารของพวกมันได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆ ใบเฟิร์น สมุนไพร มอส ใบไม้จากต้นไม้เล็กๆ และต้นสน
ส่วนสาเหตุที่พวกมันต้องปีนหน้าผากายกรรมกันแบบนี้ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน
อย่างแรกเลยคือ เพื่อหาอาหาร และหลบภัยจากสัตว์นักล่า เหตุผลนี้ทำให้มันต้องปีนหน้าผาทุกวัน เพื่อหลบซ่อนและพักอาศัย
อย่างที่สองคือ เพื่อหาแร่ธาตุ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของแพะภูเขาในช่วงฤดูหนาว แพะภูเขาจะไต่หน้าผาลงมาจากระดับ 4 พันเมตรที่พวกมันอยู่ มาที่หน้าผาระดับต่ำ เพื่อ "เลีย" แร่ธาตุจำพวกเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ บนเนื้อหิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมันมาก อาจจะต้องเดินทางหลายกิโลเมตรในแนวตั้งเลยทีเดียว
เพ้นท์เสื้อขาย( ้hands made shirt )Pages
Sunday, May 19, 2013
เห็นแล้วอึ้ง แพะนินจา ....การหนี ..ที่ไม่น่าเชื่อของแพะ มีคลิป
พวกมันมีชื่อเรียกว่า "แพะภูเขา" ไม่มีในเมืองไทยนะ เจอได้ที่แถบอเมริกาเหนือ ในป่าอนุรักษ์หลายแห่งด้วยกัน
ทั้งแพะภูเขาตัวเมียและตัวผู้จะมีเครา หางสั้น และเขาสีดำยาวประมาณ 15-18 เซนติเมตร ซึ่งจะมีรอยห่วงรอบเขาหลายวง บอกจำนวนอายุของมัน แพะภูเขาสูงประมาณ 1 เมตรวัดจากพื้นถึงช่วงไหล่ หนักประมาณ 45-136 กิโลกรัม (อ้วนพอตัวนะเนี่ย)
แพะภูเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่พบในความสูงขนาดที่มัน อาศัยอยู่ คือสูงประมาณ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ก็มีอพยพขึ้นสูงกว่านี้บ้าง ลงต่ำกว่านี้บ้าง ตามฤดู
ขนสีขาวช่วยปกป้องพวกมันจากอากาศหนาวเย็นอันหฤโหด เนื่องจากพวกมันอยู่ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก อากาศบริเวณนั้นจึงหนาวถึงขั้นติดลบ และที่ขนของพวกมันช่วยป้องกันความหนาวได้นั้น ก็เพราะมีสองชั้น ชั้นในจะสั้น ส่วนชั้นนอกจะยาวกว่า
ในหน้าหนาว ขนสองชั้นนี้จะช่วยป้องกันอากาศหนาวได้ถึง -46 องศาเซลเซียส และป้องกันลมที่มีความแรงได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันจะผลัดขนด้วยการเอาตัวไปถูกับต้นไม้หรือหิน
ส่วนที่พวกแพะภูเขาปีนเขาได้เก่งๆ แบบนี้ ก็เพราะพวกมันมีกีบเท้าที่สร้างมาเพื่อการปีนป่ายโดยเฉพาะ คือหนาและสาก ยึดเกาะได้ดี
แน่นอน เป็นแพะก็ต้องกินหญ้า ไม่เว้นแม้แต่แพะภูเขา พวกมันเป็นมังสวิรัติ และจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเล็มหญ้า เคี้ยวเอื้อง อาหารของพวกมันได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆ ใบเฟิร์น สมุนไพร มอส ใบไม้จากต้นไม้เล็กๆ และต้นสน
ส่วนสาเหตุที่พวกมันต้องปีนหน้าผากายกรรมกันแบบนี้ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน
อย่างแรกเลยคือ เพื่อหาอาหาร และหลบภัยจากสัตว์นักล่า เหตุผลนี้ทำให้มันต้องปีนหน้าผาทุกวัน เพื่อหลบซ่อนและพักอาศัย
อย่างที่สองคือ เพื่อหาแร่ธาตุ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของแพะภูเขาในช่วงฤดูหนาว แพะภูเขาจะไต่หน้าผาลงมาจากระดับ 4 พันเมตรที่พวกมันอยู่ มาที่หน้าผาระดับต่ำ เพื่อ "เลีย" แร่ธาตุจำพวกเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ บนเนื้อหิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมันมาก อาจจะต้องเดินทางหลายกิโลเมตรในแนวตั้งเลยทีเดียว
เห็น
อึ้งไปเลย แพะนินจา...หาดูยาก มีคลิป
พวกมันมีชื่อเรียกว่า "แพะภูเขา" ไม่มีในเมืองไทยนะ เจอได้ที่แถบอเมริกาเหนือ ในป่าอนุรักษ์หลายแห่งด้วยกัน
ทั้งแพะภูเขาตัวเมียและตัวผู้จะมีเครา หางสั้น และเขาสีดำยาวประมาณ 15-18 เซนติเมตร ซึ่งจะมีรอยห่วงรอบเขาหลายวง บอกจำนวนอายุของมัน แพะภูเขาสูงประมาณ 1 เมตรวัดจากพื้นถึงช่วงไหล่ หนักประมาณ 45-136 กิโลกรัม (อ้วนพอตัวนะเนี่ย)
แพะภูเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่พบในความสูงขนาดที่มัน อาศัยอยู่ คือสูงประมาณ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ก็มีอพยพขึ้นสูงกว่านี้บ้าง ลงต่ำกว่านี้บ้าง ตามฤดู
ขนสีขาวช่วยปกป้องพวกมันจากอากาศหนาวเย็นอันหฤโหด เนื่องจากพวกมันอยู่ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก อากาศบริเวณนั้นจึงหนาวถึงขั้นติดลบ และที่ขนของพวกมันช่วยป้องกันความหนาวได้นั้น ก็เพราะมีสองชั้น ชั้นในจะสั้น ส่วนชั้นนอกจะยาวกว่า
ในหน้าหนาว ขนสองชั้นนี้จะช่วยป้องกันอากาศหนาวได้ถึง -46 องศาเซลเซียส และป้องกันลมที่มีความแรงได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันจะผลัดขนด้วยการเอาตัวไปถูกับต้นไม้หรือหิน
ส่วนที่พวกแพะภูเขาปีนเขาได้เก่งๆ แบบนี้ ก็เพราะพวกมันมีกีบเท้าที่สร้างมาเพื่อการปีนป่ายโดยเฉพาะ คือหนาและสาก ยึดเกาะได้ดี
แน่นอน เป็นแพะก็ต้องกินหญ้า ไม่เว้นแม้แต่แพะภูเขา พวกมันเป็นมังสวิรัติ และจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเล็มหญ้า เคี้ยวเอื้อง อาหารของพวกมันได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆ ใบเฟิร์น สมุนไพร มอส ใบไม้จากต้นไม้เล็กๆ และต้นสน
ส่วนสาเหตุที่พวกมันต้องปีนหน้าผากายกรรมกันแบบนี้ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน
อย่างแรกเลยคือ เพื่อหาอาหาร และหลบภัยจากสัตว์นักล่า เหตุผลนี้ทำให้มันต้องปีนหน้าผาทุกวัน เพื่อหลบซ่อนและพักอาศัย
อย่างที่สองคือ เพื่อหาแร่ธาตุ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของแพะภูเขาในช่วงฤดูหนาว แพะภูเขาจะไต่หน้าผาลงมาจากระดับ 4 พันเมตรที่พวกมันอยู่ มาที่หน้าผาระดับต่ำ เพื่อ "เลีย" แร่ธาตุจำพวกเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ บนเนื้อหิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมันมาก อาจจะต้องเดินทางหลายกิโลเมตรในแนวตั้งเลยทีเดียว
ทั้งแพะภูเขาตัวเมียและตัวผู้จะมีเครา หางสั้น และเขาสีดำยาวประมาณ 15-18 เซนติเมตร ซึ่งจะมีรอยห่วงรอบเขาหลายวง บอกจำนวนอายุของมัน แพะภูเขาสูงประมาณ 1 เมตรวัดจากพื้นถึงช่วงไหล่ หนักประมาณ 45-136 กิโลกรัม (อ้วนพอตัวนะเนี่ย)
แพะภูเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่พบในความสูงขนาดที่มัน อาศัยอยู่ คือสูงประมาณ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ก็มีอพยพขึ้นสูงกว่านี้บ้าง ลงต่ำกว่านี้บ้าง ตามฤดู
ขนสีขาวช่วยปกป้องพวกมันจากอากาศหนาวเย็นอันหฤโหด เนื่องจากพวกมันอยู่ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก อากาศบริเวณนั้นจึงหนาวถึงขั้นติดลบ และที่ขนของพวกมันช่วยป้องกันความหนาวได้นั้น ก็เพราะมีสองชั้น ชั้นในจะสั้น ส่วนชั้นนอกจะยาวกว่า
ในหน้าหนาว ขนสองชั้นนี้จะช่วยป้องกันอากาศหนาวได้ถึง -46 องศาเซลเซียส และป้องกันลมที่มีความแรงได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันจะผลัดขนด้วยการเอาตัวไปถูกับต้นไม้หรือหิน
ส่วนที่พวกแพะภูเขาปีนเขาได้เก่งๆ แบบนี้ ก็เพราะพวกมันมีกีบเท้าที่สร้างมาเพื่อการปีนป่ายโดยเฉพาะ คือหนาและสาก ยึดเกาะได้ดี
แน่นอน เป็นแพะก็ต้องกินหญ้า ไม่เว้นแม้แต่แพะภูเขา พวกมันเป็นมังสวิรัติ และจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเล็มหญ้า เคี้ยวเอื้อง อาหารของพวกมันได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆ ใบเฟิร์น สมุนไพร มอส ใบไม้จากต้นไม้เล็กๆ และต้นสน
ส่วนสาเหตุที่พวกมันต้องปีนหน้าผากายกรรมกันแบบนี้ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน
อย่างแรกเลยคือ เพื่อหาอาหาร และหลบภัยจากสัตว์นักล่า เหตุผลนี้ทำให้มันต้องปีนหน้าผาทุกวัน เพื่อหลบซ่อนและพักอาศัย
อย่างที่สองคือ เพื่อหาแร่ธาตุ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของแพะภูเขาในช่วงฤดูหนาว แพะภูเขาจะไต่หน้าผาลงมาจากระดับ 4 พันเมตรที่พวกมันอยู่ มาที่หน้าผาระดับต่ำ เพื่อ "เลีย" แร่ธาตุจำพวกเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ บนเนื้อหิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมันมาก อาจจะต้องเดินทางหลายกิโลเมตรในแนวตั้งเลยทีเดียว
อวดเบ่ง ! ตำรวจเมาแล้วขับอ้างยศร้อยโท (ข่าวใหม่ล่าสุด)
วันที่ 20 พ.ค. แฟนเพจ Youlikeได้เผยแพร่คลิปจากเจ้าของเฟซบุ๊คชื่อ NoomAuto Max โดยใช้ชื่อคลิปว่า “ตำรวจเมาแล้วชน รถไม่มีทะเบียน อ้างยศ! ” เจ้าของคลิปได้บรรยายใต้คลิปว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าไปจ.สุพรรณบุรี ตำรวจ สภอ.อู่ทอง ยศ ร.ต.ท.คนหนึ่งมีพฤติกรรมเมาแล้วขับ
และได้ขับรถมาชนซึ่งเจ้าของคลิปอ้างว่าตำรวจคนดังกล่าวผิดเต็มๆ ซึ่งเมื่อมีการไปตกลงที่โรงพักก็ได้มีการพูดจาไม่สุภาพและจะทำร้ายผู้หญิง นอกจากนี้รถของตำรวจคนดังกล่าวยังไม่มีป้ายทะเบียน มีพฤติกรรมใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักยึดรถของคู่กรณีไปอีกด้วย
ขอบคุณคลิปจาก Youlike
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน3 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท
ตอนที่ 3
คุณหญิงมณีกับคุณหญิงแจ่มจันทร์ไปหาชไมหมอดูชื่อดังที่ เชียงใหม่โดยพาสร้อยกับโฉมบ่าวคนสนิทของพวกตนมาด้วย...ผลการดูดวงไอศูรย์กับ มัทนาทำให้สองคุณแม่ยิ้มออกเพราะเขาและเธอเป็นเนื้อคู่กันมาหลายชาติภพ แต่พอได้ยินชไมทำนายต่อไปต่างคนก็ยิ้มค้าง ความวิตกกังวลเกาะกุมใจโดยทันใด
“แต่ในชาตินี้ดิฉันยังไม่เห็นดวงชะตาว่าจะลงเอยกันได้ หนำซ้ำหนูมัทนายังดวงร้าวอีกต่างหาก เพราะจู่ๆ ก็มีดาวมฤตยูมาทับลัคนา”
“ดวงร้าว! หมายความว่าลูกมัทของดิฉันจะตายหรือคะคุณชไม”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นค่ะคุณหญิง แค่ดวงร้าว ยังไม่ถึงกับดวงแตกแต่ก็ไม่ค่อยดีนัก”
คุณ หญิงมณีร้อนใจถามว่าจะแก้ไขได้ยังไง ชไมหลับตาชั่วครู่แล้วบอกให้พามัทนาขึ้นมาหาตนที่นี่ ตนจะทำพิธีต่อดวงชะตาให้ ส่วนคุณหญิงแจ่มจันทร์ก็ต้อง พาลูกชายมาด้วยเพราะดวงเขาเกื้อหนุนกับดวงมัทนา ต้องให้เขาทำบุญร่วมกันจะได้ช่วยค้ำดวงให้มัทนาอีกแรง
สองคุณหญิง รับปากมั่นเหมาะก่อนบอกลาชไมแล้วลงจากเรือนพร้อมสร้อยกับโฉม...มณียังกังวล ในคำทำนายจึงกำชับทุกคนห้ามบอกใครเด็ดขาด ขอให้รู้กันเพียงแค่เราสี่คนเท่านี้พอ หากไอศูรย์กับมัทนาหรือท่านนายพลถามเรื่องฤกษ์หมั้นตนก็จะบอกว่าชไมให้พา เจ้าตัวขึ้นมาผูกฤกษ์ด้วยตนเอง
ด้านบุปผาที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านเทพ บริบาลสมใจอยากโดยหลอกใช้สินเป็นตัวช่วย ยามนี้เธอต้องเก็บกลั้นความหงุดหงิดรำคาญที่บรรดาคนรับใช้ต่างพากันซักไซ้ อย่างแปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสินมีน้องสาว แถมแสงลูกชายของสร้อยก็ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าพี่น้องหน้าตาไม่เหมือนกันเลย สินโมโหแสงที่จ้องจับผิด สวนกลับว่าทำไมพี่น้องต้องหน้าเหมือน และตนจะพาญาติมาอยู่กี่คนก็ไม่ใช่เรื่องของใคร ถ้าเจ้าของบ้านท่านอนุญาต แสงเลยสงบปากแต่ยังไม่วายเหลือบมองบุปผาอย่างติดใจในความสวย
สินพา บุปผาไปอยู่ห้องสะอาดสะอ้านแต่ไม่มีการตกแต่งอะไรมากเกินไปกว่าข้าวของ จำเป็น บุปผามองรอบห้องแล้วแอบทำหน้าเซ็ง สินอดใจไม่ไหวเมื่ออยู่กันสองต่อสองโถมตัวเข้ากอดหอมบุปผาอย่างรักใคร่ แต่เธอสะบัดออกห่างทันใดด้วยความตกใจและรังเกียจ
“นี่...ทำอะไรเนี่ย”
“ก็ จะขอชื่นใจบุปผาหน่อยน่ะสิจ๊ะ บุปผาจะไม่ให้รางวัลฉันบ้างเลยเหรอ ฉันอุตส่าห์พาบุปผาเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อย่างที่บุปผาต้องการแล้วไงจ๊ะ”
บุปผา ปรับท่าทีอ่อนลงเพราะยังต้องหลอกใช้สินต่ออีกนาน ยอมเอียงแก้มให้เขาหอมอีกทีแล้วรีบขยับออกห่าง อ้างว่าไม่อยากให้ความลับของเราแตกตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ ขืนท่านนายพลรู้ว่าเราโกหกมีหวังโดนไล่ออกทั้งคู่
“จ้ะๆ ฉันจะทำงานเก็บเงินให้ได้มากๆ แล้วเราจะได้ออกจากบ้านนี้ไปสร้างครอบครัวด้วยกันสักวันหนึ่งนะ”
บุปผา พยักหน้าแกนๆ สินดีใจรวบตัวหญิงสาวมากอดอีกครั้ง บุปผายอมให้กอดแต่แอบเบ้ปากรังเกียจแล้วเริ่มหลอกถามถึงคุณหนูมัทนาคนสวยว่า มีคู่รักหรือยัง
“มีแล้ว เป็นหมอชื่อไอศูรย์ เป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงแจ่มจันทร์ นี่ก็เห็นว่าอีกไม่นานจะหมั้นกัน...”
สินพูดไปเรื่อย ดีใจได้มีเรื่องพูดคุยกับบุปผามากกว่าที่เคย ในขณะที่บุปผาสีหน้าสนใจข้อมูลเกี่ยวกับไอศูรย์เป็นอย่างยิ่ง...
วัน เดียวกันที่หอโคมแดง บรรดาสาวๆพากันตกใจเมื่อผกาบอกให้รู้ว่าบุปผาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว และไม่ว่าทุกคนจะซักถามหรือคาดเดากันยังไง ผกาก็ไม่ปริปากบอกว่าบุปผาไปอยู่ที่ไหนเพราะตกลงกันไว้ว่าห้ามบอกใครจนกว่า บุปผาจะไปได้ดี
ooooooo
ด้วยความใจดีมีเมตตาของไอศูรย์ทำให้ อิ่มได้อาศัยอยู่ในโรงพยาบาล แต่แล้วบ่ายวันนี้อิ่มก็ก่อเรื่องระทึกใจแย่งทารกคนหนึ่งจากอ้อมอกแม่วิ่ง หนีไป
ทั้งแม่เด็กและพยาบาลช่วยกันวิ่งไล่กวดแต่ก็ตามไม่ทัน และอาจสูญเสียทารกน้อยไปถ้าไอศูรย์ไม่ช่วยจับตัวอิ่ม ไว้...อิ่มจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเอง สติเลื่อนลอยคอยเพรียกหาแต่หลานสาวที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่แบเบาะ ไอศูรย์เห็นแล้วยิ่งเวทนา ซื้อตุ๊กตามาให้อุ้มแทน นอกจากนี้เขายังฝากฝังหมอปรีชาที่เป็นจิตแพทย์ให้ดูแลรักษาแกด้วย
ส่วน ที่บ้านเทพบริบาล บุปผาวางตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เก็บซ่อนข้าวของมีราคาที่พกติดตัวมาจากหอโคมแดงไว้มิดชิดเพื่อไม่ให้ใคร สงสัย แต่ผิวพรรณผุดผ่องของเธอก็ทำให้มัทนาแปลกใจ เธอไม่เหมือนคนบ้านนอกคอกนาอย่างที่บอก
เมื่อคุณหญิงมณีกับสร้อยกลับ จากเชียงใหม่มาเห็นบุปผา คุณหญิงไม่ว่าอะไรสามีและลูกที่รับน้องสาวนายสินไว้ทำงาน ในขณะที่สร้อยรู้สึกไม่ถูกชะตาบุปผาแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อหน้าเจ้านาย หลบไปคาดคั้นจับผิดกันในครัวต่อหน้านายสินและคนรับใช้อื่นๆ
“แต่ในชาตินี้ดิฉันยังไม่เห็นดวงชะตาว่าจะลงเอยกันได้ หนำซ้ำหนูมัทนายังดวงร้าวอีกต่างหาก เพราะจู่ๆ ก็มีดาวมฤตยูมาทับลัคนา”
“ดวงร้าว! หมายความว่าลูกมัทของดิฉันจะตายหรือคะคุณชไม”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นค่ะคุณหญิง แค่ดวงร้าว ยังไม่ถึงกับดวงแตกแต่ก็ไม่ค่อยดีนัก”
คุณ หญิงมณีร้อนใจถามว่าจะแก้ไขได้ยังไง ชไมหลับตาชั่วครู่แล้วบอกให้พามัทนาขึ้นมาหาตนที่นี่ ตนจะทำพิธีต่อดวงชะตาให้ ส่วนคุณหญิงแจ่มจันทร์ก็ต้อง พาลูกชายมาด้วยเพราะดวงเขาเกื้อหนุนกับดวงมัทนา ต้องให้เขาทำบุญร่วมกันจะได้ช่วยค้ำดวงให้มัทนาอีกแรง
สองคุณหญิง รับปากมั่นเหมาะก่อนบอกลาชไมแล้วลงจากเรือนพร้อมสร้อยกับโฉม...มณียังกังวล ในคำทำนายจึงกำชับทุกคนห้ามบอกใครเด็ดขาด ขอให้รู้กันเพียงแค่เราสี่คนเท่านี้พอ หากไอศูรย์กับมัทนาหรือท่านนายพลถามเรื่องฤกษ์หมั้นตนก็จะบอกว่าชไมให้พา เจ้าตัวขึ้นมาผูกฤกษ์ด้วยตนเอง
ด้านบุปผาที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านเทพ บริบาลสมใจอยากโดยหลอกใช้สินเป็นตัวช่วย ยามนี้เธอต้องเก็บกลั้นความหงุดหงิดรำคาญที่บรรดาคนรับใช้ต่างพากันซักไซ้ อย่างแปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสินมีน้องสาว แถมแสงลูกชายของสร้อยก็ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าพี่น้องหน้าตาไม่เหมือนกันเลย สินโมโหแสงที่จ้องจับผิด สวนกลับว่าทำไมพี่น้องต้องหน้าเหมือน และตนจะพาญาติมาอยู่กี่คนก็ไม่ใช่เรื่องของใคร ถ้าเจ้าของบ้านท่านอนุญาต แสงเลยสงบปากแต่ยังไม่วายเหลือบมองบุปผาอย่างติดใจในความสวย
สินพา บุปผาไปอยู่ห้องสะอาดสะอ้านแต่ไม่มีการตกแต่งอะไรมากเกินไปกว่าข้าวของ จำเป็น บุปผามองรอบห้องแล้วแอบทำหน้าเซ็ง สินอดใจไม่ไหวเมื่ออยู่กันสองต่อสองโถมตัวเข้ากอดหอมบุปผาอย่างรักใคร่ แต่เธอสะบัดออกห่างทันใดด้วยความตกใจและรังเกียจ
“นี่...ทำอะไรเนี่ย”
“ก็ จะขอชื่นใจบุปผาหน่อยน่ะสิจ๊ะ บุปผาจะไม่ให้รางวัลฉันบ้างเลยเหรอ ฉันอุตส่าห์พาบุปผาเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อย่างที่บุปผาต้องการแล้วไงจ๊ะ”
บุปผา ปรับท่าทีอ่อนลงเพราะยังต้องหลอกใช้สินต่ออีกนาน ยอมเอียงแก้มให้เขาหอมอีกทีแล้วรีบขยับออกห่าง อ้างว่าไม่อยากให้ความลับของเราแตกตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ ขืนท่านนายพลรู้ว่าเราโกหกมีหวังโดนไล่ออกทั้งคู่
“จ้ะๆ ฉันจะทำงานเก็บเงินให้ได้มากๆ แล้วเราจะได้ออกจากบ้านนี้ไปสร้างครอบครัวด้วยกันสักวันหนึ่งนะ”
บุปผา พยักหน้าแกนๆ สินดีใจรวบตัวหญิงสาวมากอดอีกครั้ง บุปผายอมให้กอดแต่แอบเบ้ปากรังเกียจแล้วเริ่มหลอกถามถึงคุณหนูมัทนาคนสวยว่า มีคู่รักหรือยัง
“มีแล้ว เป็นหมอชื่อไอศูรย์ เป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงแจ่มจันทร์ นี่ก็เห็นว่าอีกไม่นานจะหมั้นกัน...”
สินพูดไปเรื่อย ดีใจได้มีเรื่องพูดคุยกับบุปผามากกว่าที่เคย ในขณะที่บุปผาสีหน้าสนใจข้อมูลเกี่ยวกับไอศูรย์เป็นอย่างยิ่ง...
วัน เดียวกันที่หอโคมแดง บรรดาสาวๆพากันตกใจเมื่อผกาบอกให้รู้ว่าบุปผาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว และไม่ว่าทุกคนจะซักถามหรือคาดเดากันยังไง ผกาก็ไม่ปริปากบอกว่าบุปผาไปอยู่ที่ไหนเพราะตกลงกันไว้ว่าห้ามบอกใครจนกว่า บุปผาจะไปได้ดี
ooooooo
ด้วยความใจดีมีเมตตาของไอศูรย์ทำให้ อิ่มได้อาศัยอยู่ในโรงพยาบาล แต่แล้วบ่ายวันนี้อิ่มก็ก่อเรื่องระทึกใจแย่งทารกคนหนึ่งจากอ้อมอกแม่วิ่ง หนีไป
ทั้งแม่เด็กและพยาบาลช่วยกันวิ่งไล่กวดแต่ก็ตามไม่ทัน และอาจสูญเสียทารกน้อยไปถ้าไอศูรย์ไม่ช่วยจับตัวอิ่ม ไว้...อิ่มจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเอง สติเลื่อนลอยคอยเพรียกหาแต่หลานสาวที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่แบเบาะ ไอศูรย์เห็นแล้วยิ่งเวทนา ซื้อตุ๊กตามาให้อุ้มแทน นอกจากนี้เขายังฝากฝังหมอปรีชาที่เป็นจิตแพทย์ให้ดูแลรักษาแกด้วย
ส่วน ที่บ้านเทพบริบาล บุปผาวางตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เก็บซ่อนข้าวของมีราคาที่พกติดตัวมาจากหอโคมแดงไว้มิดชิดเพื่อไม่ให้ใคร สงสัย แต่ผิวพรรณผุดผ่องของเธอก็ทำให้มัทนาแปลกใจ เธอไม่เหมือนคนบ้านนอกคอกนาอย่างที่บอก
เมื่อคุณหญิงมณีกับสร้อยกลับ จากเชียงใหม่มาเห็นบุปผา คุณหญิงไม่ว่าอะไรสามีและลูกที่รับน้องสาวนายสินไว้ทำงาน ในขณะที่สร้อยรู้สึกไม่ถูกชะตาบุปผาแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อหน้าเจ้านาย หลบไปคาดคั้นจับผิดกันในครัวต่อหน้านายสินและคนรับใช้อื่นๆ
สิน อึกอักคิดคำโกหกไม่ทัน บุปผาหัวไวกว่าชิงตอบแทน “คือว่าฉันหยุดทำนามาพักใหญ่แล้วจ้ะ เพราะพ่อกับแม่คิดจะเอาฉันไปขายซ่อง เขาว่าจะได้เงินดีกว่าทำนา พี่สินรู้เรื่องเข้าก็เลยรีบไปพาตัวฉันมาที่นี่ ก่อนจะถูกขายซ่องน่ะจ้ะ”
สร้อยนิ่งไป แต่ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว ทับทิมแม่ครัวประจำบ้านซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกันท่าทางรำคาญเลยพูดโพล่ง
“นัง สร้อย แกมันขี้ระแวงเกินไปแล้วมั้ง ไอ้สินมันบอกว่าน้องก็น้องสิ แล้วรูปร่างหน้าตาอย่างนังบุปผานี่มันก็น่าจับขายซ่องจริงซะด้วย แกเลิกสงสัยได้แล้ว”
สร้อยไม่พูดอะไรอีก นอกจากจ้องหน้าบุปผาเขม็ง มีลางสังหรณ์บางอย่างทำให้ไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย...
การ หายตัวไปของบุปผาทำให้กำพลซึ่งเป็นแขกประจำถึงกับหัวเสีย คาดคั้นผกาอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบว่าบุปผาไปอยู่ไหน ต้องรอให้เธอติดต่อกลับมาเอง กำพลตึงตังออกจากหอโคมแดงบ่ายหน้าไปหาเพชรที่บ้านและเจอพลอยเพิ่งกลับจาก เรียนหนังสือ ความน่ารักของพลอยทำให้กำพลแอบมองไม่วางตา เพชรสังเกตเห็นแต่ยังไม่พูดอะไร จนกระทั่งน้องสาวผละไปถึงดักคอขู่เพื่อนว่า
“ฉัน รู้นะว่าแกสนใจยายพลอย แต่บอกก่อนนะ ห้ามแกทำเล่นๆกับน้องสาวฉันเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ ชีวิตนี้ฉันมีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นนะโว้ย”
“เออ...รู้น่า” กำพลยิ้มกริ่ม มองตามพลอยไปจนลับตา
เย็น วันเดียวกัน ไอศูรย์แวะมาหามัทนาที่บ้าน เล่าเรื่องหญิงกลางคนที่ตนช่วยเหลือไว้ให้เธอฟัง คาดว่าแกคงเสียใจมากที่หลานหายก็เลยเสียสติ
“แล้วพี่ต้นพอรู้ไหมคะว่าหลานแกหายไปไหน”
“เรา ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับป้าคนนี้เลย คงต้องรอให้หมอปรีชารุ่นพี่ของพี่ที่เป็นจิตแพทย์ช่วยดูแลรักษาอาการให้แก จนกว่าจะดีขึ้น ก็อาจจะพูดจากันรู้เรื่องขึ้นได้บ้างน่ะ”
“น่าสงสารจริง งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นมัทเลิกเรียนแล้วมัทจะแวะไปเยี่ยมคุณป้าคนนี้ดีไหมคะ”
“ก็ดีเหมือนกันจ้ะ บางทีถ้ามีใครไปเยี่ยมไปพูดไปคุยกับแกบ้าง อาการแกอาจจะดีขึ้นบ้างก็ได้”
“งั้นพรุ่งนี้มัทจะไปค่ะ”
คุณ หญิงมณีกับสร้อยแอบมองอยู่มุมหนึ่ง เห็นหนุ่มสาวพูดคุยกันดีถ้อยทีถ้อยอาศัยก็ยิ้มปลื้ม ทุกอย่างดูราบรื่นดังใจไม่มีอะไรน่ากังวล...แต่อีกมุมบุปผาจ้องเขม็งมายัง คู่รักด้วยแรงอิจฉาริษยา แล้วทำท่าจะออกจากที่ซ่อนแต่ถูกนายแสงดึงไหล่ไว้เต็มๆมือ
บุปผาไม่พอใจแสงอย่างมาก หันขวับมาใช้เล็บยาวๆข่วนหน้าเขาหลายที
“แหม...ล้อเล่นแค่นี้เล่นกันเสียแรงเลยนะจ๊ะบุปผา”
“ฉันไม่ชอบให้เล่นอย่างนี้ ไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัว”
“โอ๊ะโอ้ว...หวงเนื้อหวงตัวซะด้วย รู้มั้ยยิ่งหวงตัว ผู้ชายยิ่งชอบ บุปผาคงไม่เคยต้องมือชายมาก่อนล่ะสิ”
“ใช่ เพราะฉะนั้นพี่แสงรู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามาเล่นอะไรอย่างนี้กับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องพี่สิน”
พูดจบบุปผาก็เดินอารมณ์เสียออกไป แสงมองตามและพึมพำกับตัวเองอย่างมาดหมาย
“ยิ่งสะอาดบริสุทธิ์เท่าไหร่ ไอ้แสงคนนี้ก็ยิ่งชอบโว้ย”
แต่ แสงหารู้ไม่ว่าบุปผาก็หมายมั่นปั้นมือเช่นกันว่า ถ้าเขาทำรุ่มร่ามกับเธออีกเมื่อไหร่ได้เจอดีแน่...แกรู้จักคนอย่างนังบุปผา น้อยไปเสียแล้ว!
แม้ถอยห่างออกมาแล้วแต่บุปผาก็ยังชะเง้อคอยาวเฝ้า มองไอศูรย์อย่างหลงใหล สร้อยกับสวิงจะเอาของว่างขึ้นไปบนตึกผ่านมาเห็น สร้อยไม่ไว้ใจตีหน้ายักษ์ไล่บุปผาไปล้างผักในครัว แล้วพอตกกลางคืนมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับคุณหญิงมณี สร้อยก็จาระไนให้ฟัง
“สร้อย ว่าน้องสาวนายสินนี่ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย สร้อยรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตามันไม่เห็นเหมือนคนที่เพิ่งมาจากบ้านนอกเลยค่ะ แต่มันว่ามันหยุดทำนามาพักใหญ่แล้ว เพราะพ่อแม่จะเอามันไปขายซ่อง สินรู้เรื่องเข้าก็เลยรีบไปพาตัวมาที่นี่ ก่อนจะถูกขายน่ะค่ะ”
“มันก็เป็นไปได้นี่ แล้วสร้อยติดใจสงสัยอะไรเหรอ”
“นายสินทำงานกับเรามาตั้งนาน ทำไมเราไม่เคยรู้เลยล่ะคะว่ามีน้องสาว น้องสาวจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
“ก็เพราะนายสินทำงานกับเรามานานน่ะสิ ฉันถึงไม่คิดว่านายสินมันจะมาโกหกเราเพื่ออะไร”
“แล้ววันนี้ตอนที่คุณต้นมาหาคุณหนู สร้อยก็เจอมันมาแอบดูอยู่ด้วยค่ะ ท่าทางอยากรู้อยากเห็นชอบกล”
“เด็ก บ้านนอกน่ะ ก็คงจะอยากรู้อยากเห็นไปตามประสา ฉันว่าไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าสร้อยยังไม่ไว้ใจก็คอยตามดูมันหน่อย ถ้ามีอะไรผิดปกติค่อยมาบอกฉัน”
“ค่ะ” สร้อยรับคำแต่สีหน้ายังคลางแคลงใจบุปผาไม่หาย...
ที่แท้บุปผารีบตัดสายเพราะกลัวสร้อยมาเห็น และพอจวนตัวก็กระโดดหนีลงจากเรือนจนข้อเท้าแพลง สินต้องพากลับเรือนแล้วจะนวดยาให้แต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงเขาจะทำมากกว่านั้น
สิน กลับออกจากห้องบุปผาด้วยความผิดหวัง เดินไปทางห้องตัวเองโดยไม่รู้ว่าแสงซุ่มดูอย่างแปลกใจในความสัมพันธ์ของทั้ง คู่ที่บอกใครต่อใครว่าเป็นพี่น้อง แต่พฤติกรรมชวนสงสัย...เขาต้องจับตาดูให้รู้ความจริงในสักวัน!
ooooooo
คุณ หญิงมณีเก็บคำทำนายของชไมที่ว่าดวงชะตามัทนาไม่ดีนักเพราะมีดาวมฤตยูทับ ลัคนา มานอนครุ่นคิดจนเครียดและไม่อาจหลับตาลงได้ เช้าขึ้นเลยมีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นเหมือนทุกวัน เมื่อสร้อยขึ้นมาถามว่าจะให้บุปผาทำหน้าที่อะไรในบ้านบ้าง คุณหญิงยังคิดอะไรไม่ออกจึงให้ช่วยงานครัวไปก่อน
สร้อยกลับลงไปแล้ว คุณหญิงเดินมาหาพ่อลูกที่เตรียมตัวออกจากบ้านไปทำภารกิจของตน มัทนาอยู่ในชุดนิสิตพนมมือไหว้แม่ด้วยรอยยิ้ม
“แม่ขา...เย็นนี้เลิกเรียนแล้วมัทจะแวะไปหาพี่ต้นที่โรงพยาบาลหน่อยนะคะ”
“จะนัดกันทำไมไม่ไปที่บ้านโน้น หรือบ้านนี้ล่ะลูก”
“คือว่ามัทจะไปเยี่ยมคนไข้พิเศษของพี่ต้นน่ะค่ะ”
“คนไข้พิเศษ ใครกันลูก” นายพลเทพนิ่วหน้าแปลกใจ...
ใน เวลาเดียวกันนั้น คนไข้พิเศษของไอศูรย์กำลังเพลิดเพลินอยู่กับตุ๊กตาที่ห่อผ้าราวกับเด็กทารก หมอปรีชากับไอศูรย์ยืนมองเธออยู่ห่างๆอย่างเวทนา
“พี่ตั้งชื่อคนไข้ พิเศษคนนี้ของต้นว่ารุ่ง เพื่อสะดวกแก่การเรียกชื่อ ตอนนี้พี่ให้ยากล่อมประสาทไว้ เธอเลยอยู่ในอาการสงบลงได้อย่างที่เห็นนี่แหละ”
“พี่ปรีชาว่าเธอเป็นอย่างนี้เพราะอะไรครับ”
“พี่ คิดว่าที่เป็นอย่างนี้คงเป็นเพราะเธอสูญเสียหลานไปด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง เด็กอาจจะตายหรืออาจจะถูกขโมยตัวไปก็ได้ เธอถึงได้หมกมุ่นอยู่กับการตามหาเด็กแบบนี้”
“แล้วพี่ปรีชาคิดว่าป้ารุ่งนี่จะมีโอกาสหายเป็นปกติไหมครับ ความจำกลับมาเหมือนเดิมได้ไหมครับ”
“ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะบอก แต่ถ้าแกกินยาที่พี่จัดให้โดยไม่ขาด แกก็คงจะไม่อาละวาดแล้วละ”
ไอศูรย์พยักหน้ารับทราบ หวังว่าป้ารุ่งคงจะหายวัน หายคืน ความจำกลับคืนมาในเร็ววัน...
เช้า วันเดียวกัน เพชรตั้งใจไปส่งพลอยที่มหาวิทยาลัย เหมือนเคย แต่ก่อนขึ้นรถพลอยทำหนังสือเล่มหนึ่งหลุดมือและรูปถ่ายของไอศูรย์ที่เก็บไว้ ข้างในหล่นออกมา เพชรรู้ทันทีว่าน้องสาวยังตัดใจจากไอศูรย์ไม่ได้ จึงเตือนด้วยความหวังดี ไม่ต้องการเห็นเธอเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนเดียว แต่พอถูกน้องย้อนถามบ้างว่า แล้วพี่ตัดใจจากมัทนาได้หรือยัง เพชรก็นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
ด้านกำพลเพื่อนสนิทของเพชรก็แวะเวียนมาที่ หอโคมแดงไม่เว้นวัน สอบถามความคืบหน้าเรื่องบุปผาอย่างร้อนใจ มุกเห็นช่องทางได้เงินจึงเสนอตัวเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“มุกเชื่อว่าบุปผาต้องบอกแม่ผกาแน่ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน มุกจะช่วยสืบจากแม่ผกาให้เอาไหมล่ะคะว่า บุปผามันย้ายไปอยู่ที่ไหน”
“ถ้าเธอช่วยสืบเรื่องบุปผาให้ฉัน แล้วเธอได้อะไร”
“เงินไงล่ะคะ ผู้หญิงขายตัวอย่างมุกจะอยากได้อะไรล่ะคะถ้าไม่ใช่เงิน”
“ตกลง ถ้าเธอสืบจนรู้ว่าบุปผาย้ายไปอยู่ที่ไหนได้จริง ฉันจะให้เธอหมื่นนึง”
“หนึ่งหมื่น!” มุกตาโตด้วยความตื่นเต้น พยักหน้าตกลงทันที...
ขณะ ที่กำพลกระวนกระวายอยากเจอบุปผา...หารู้ไม่ว่าเธอไม่ได้ไปไหนไกลเลย ยังอยู่ในพระนครและอยู่ในบ้านผู้ดีที่มีผู้คนนับหน้าถือตาเสียด้วย สายวันนี้บุปผาเป็นลูกมือให้คุณหญิงมณีที่ลงครัวเอง ซึ่งไม่คาดคิดว่าบุปผาจะสร้างความดีความงามได้ใจคุณหญิงไปเต็มๆ ด้วยการเอาตัวเองบังคุณหญิงที่วิงเวียนเพราะอดนอนเกือบล้มกระแทกกระทะร้อนๆ บนเตา
บุปผาโดนพริกคั่วร้อนๆหกใส่ขาปวดแสบปวดร้อนแต่ไม่ปริปากร้อง สักแอะ คุณหญิงตกใจรีบให้สร้อยไปเอายาสีฟันสมุนไพรมาทาแผล และเฝ้ามองบุปผาที่อดทนมากอย่างชอบใจ
“ทนเอาหน่อยนะ เดี๋ยวเดียวก็คงค่อยยังชั่วแล้ว เป็นเพราะเมื่อคืนฉันนอนคิดอะไรดึกไปหน่อยน่ะวันนี้เลยหน้ามืด นี่ถ้าบุปผาไม่ผลักฉันออก พริกคั่วร้อนนั่นก็คงหกราดฉันแทนแน่ๆ ขอบใจนะบุปผา เธอเจ็บตัวแทนฉันจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง”
คุณ หญิงยิ้มบางๆ หยิบเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งส่งให้บุปผา “เอ้า...ฉันให้เป็นสินน้ำใจที่หล่อนช่วยฉัน รับไว้สิ แล้วเย็นนี้หล่อนก็ติดรถไปกับนายสินที่จะออกไปรับคุณหนูที่มหาวิทยาลัยด้วย ไปแวะซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ตามใจชอบ ก่อนไปรับยายมัทนะ”
บุปผาพนมมือไหว้ก่อนรับเงินมา ยิ้มตาใสแสร้งปั้นหน้าดีใจเหมือนเด็กๆ คุณหญิงมณีมองอย่างเอ็นดู ในขณะที่สร้อยยังมีสีหน้ากังวลและระแวง
ooooooo
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน1 ช่อง7
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน2 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท
Subscribe to:
Posts (Atom)