Monday, May 27, 2013

เรื่องย่อ ไฟหวน ตอน6 ละครช่อง7

ตอนที่ 6

บุปผาไหวพริบดีเอาตัวรอดจากการจับผิดของคุณหญิงมณีกับสร้อยด้วยการอ้างว่าตนเพิ่งเข้ามาเพื่อจะปรึกษาเรื่องพี่สินซึ่งหมอไอศูรย์ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านได้แล้ว

“หมอให้กลับก็เอากลับมาดูแลกันที่บ้านนี่แหละ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะดูแลนายสินต่อไป เรื่องที่จะมา บอกมีเท่านี้ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

บุปผาก้มหน้าก้มตาถอยกลับ มัทนาก้าวตามเธอไป พอทั้งคู่ลับกายคุณหญิงมณีก็หันมาถามสร้อยอย่างกังวล กลัวบุปผาได้ยินเรื่องที่คุยกัน แต่สร้อยบอกว่าถ้ามันเพิ่งมาจริงๆก็ไม่น่าจะได้ยิน...

มัทนาสงสารบุปผาที่พี่ชายป่วยหนักถึงขั้นเป็น อัมพาต จึงตามมาให้คำมั่นสัญญาว่าครอบครัวเธอไม่มีทางทิ้งนายสินแน่ ขอให้บุปผาสบายใจได้ นอกจากนี้เธอยังถอดสร้อยที่คอส่งให้ อนุญาตให้เอาไปขายได้เผื่ออยากจะใช้จ่ายอะไรเพื่อพี่ชาย บุปผาทำทีซาบซึ้งน้ำใจรีบไหว้ขอบคุณในความเมตตา แต่พอลับหลังมัทนาก็เบ้ปากหมั่นไส้ ทึกทักเอาสร้อยคอไว้เองดีกว่าเอาไปขายเพื่อนายสินเป็นไหนๆ

ด้านนายพลเทพพอรู้จากดำเกิงว่าสืบเจอซ่องของบุปผาแล้ว เขารีบเดินทางไปที่นั่นกลางวันแสกๆ แต่ต้องผิดหวังเพราะเป็นคนละผกากัน ดำเกิงถึงกับหน้าเสียรู้สึกผิดที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนนายพุ่มญาติของสร้อยที่คุณหญิงมณีให้ติดตามก็มีเหตุให้แคล้วคลาดพลาดสายตาเลยไม่รู้ว่าวันนี้ท่านนายพลกับดำเกิงไปที่ไหนกัน

แต่แสงรู้เห็นเพราะมาเที่ยวซ่องแห่งนี้อยู่ด้านใน เขาสงสัยนักหนาว่าท่านนายพลมาทำไม จึงไปเลียบเคียงถามเจ้าของซ่องก็ได้ความว่าท่านต้องการพบคนชื่อผกาแต่ไม่ใช่ผกาคนนี้

ตกเย็นบุปผาไปเยี่ยมนายสินตามปกติ แล้วจาระไนเรื่องที่ได้ยินคุณหญิงมณีกับสร้อยคุยกันว่าวางยาท่านนายพลจนเป็นหมันซึ่งเธอต้องหาทางบอกท่านให้ได้

“ส่วนแก...ถ้าออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ ฉันก็คงมีโอกาสพบหมอไอศูรย์ได้ยาก”

พูดแล้วบุปผาคิดบางอย่างได้ หยิบเหยือกน้ำมาเทราดรดเสื้อผ้าสินจนเปียกชุ่มก่อนเอาผ้าห่มห่มให้แล้วเร่งความแรงของพัดลมเข้าใส่

“ฉันทำแบบนี้ทำไมรู้ไหม...แกจะได้เป็นหวัดไง ถ้าเป็นปอดบวมเลยก็ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้แกต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีก แล้วฉันก็จะได้หาเหตุมาหาหมอไอศูรย์ได้ยังไงล่ะ อดทนหน่อยนะจ๊ะพี่สินจ๋า...อย่าเพิ่งใจเสาะตายไปเสียก่อนล่ะ ฉันอยากให้พี่มีชีวิตอยู่จนถึงวันที่พี่มีน้องเขยเป็นหมอชื่อไอศูรย์น่ะ”

บุปผาแสยะยิ้มร้ายกาจ สินส่งเสียงในลำคอ อึดอัดคับแค้นใจในการกระทำของบุปผาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากอันตราย

ooooooo

อิ่มถูกบุปผาผลักล้มศีรษะกระแทกพื้น พอฟื้นขึ้นมาหลังจากหมอเยียวยารักษากลับกลายเป็นเรื่องดี อิ่มจำชื่อตัวเองได้และจำได้ด้วยว่ามีน้องสาวชื่ออุ่นและมีหลานอีกคนแต่พลัดพรากจากกันตั้งแต่แบเบาะ

ไอศูรย์กับปรีชาช่วยกันซักถามด้วยความดีใจ แต่จู่ๆอิ่มปวดศีรษะอย่างมาก สองคุณหมอเลยต้องยุติก่อน ให้แกพักผ่อนทำใจให้สบาย

หลังจากนั้นปรีชากับไอศูรย์ออกจากห้องอิ่ม เดินคุยกันมาด้วยรอยยิ้ม “ท่าทางเราจะมีความหวังแล้วละต้น ป้ารุ่ง...เอ๊ย...ป้าอิ่มท่าทางจะเริ่มจำความได้บ้างแล้ว”

“แล้วพี่หมอว่าความทรงจำของป้าอิ่มจะกลับคืนมาทั้งหมดได้ไหมครับ”

“ยังคาดไม่ได้ แต่เราต้องไม่คาดคั้นให้แกคิด เพราะอาจทำให้แกคิดมากจนสมองสับสน แล้วเลยแยกไม่ออกว่าอะไรคือความทรงจำที่แท้จริงกับจินตนาการ”

ไอศูรย์พยักหน้ารับ ปรีชาเดินแยกไปอีกทาง ส่วนบุปผาที่จับจ้องมองอยู่รีบเดินมาหาไอศูรย์ บอกเขาว่าเธอมาเยี่ยมพี่ชายและจะแวะเยี่ยมป้ารุ่งด้วย

“ต่อไปบุปผาจะเรียกป้ารุ่งไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกป้าอิ่ม” บุปผาฟังแล้วนิ่วหน้างงๆ ไอศูรย์เลยอธิบายต่อ “ป้ารุ่งของบุปผาน่ะเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้วนะ แกจำได้แล้วว่าแกชื่ออิ่ม แล้วนี่ถ้าโชคดีกว่านี้แกก็อาจจะจำความทั้งหมดได้ แล้วฉันก็จะได้ตามหาญาติแกได้สักที...อ้าว บุปผาร้องไห้ทำไม”

“บุปผาดีใจค่ะที่ป้าอิ่มอาการดีขึ้น ถึงจะยังไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็มีความหวังไม่ใช่หรือคะหมอ”

บุปผาแสร้งบีบน้ำตาสีหน้าปลาบปลื้มใจ ไอศูรย์ยิ้มเอ็นดู หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้เธอเช็ดน้ำตาเสร็จแล้วเจ้าหล่อนได้ทีเอ่ยขึ้นว่า

“บุปผาทำผ้าเช็ดหน้าหมอเลอะเทอะหมดแล้วค่ะ บุปผาจะเอากลับไปซักให้หมอนะคะ แล้วบุปผาจะรีบเอามาคืนให้วันหลัง”

“ช่างเถอะ บุปผาเก็บเอาไว้ใช้เลยก็ได้ อย่ากังวลไปเลย”

บุปผาส่งยิ้มหวาน แต่เขาไม่ได้ยิ้มตอบแถมยังเอ่ยปากขอตัวแล้วเดินลิ่วไปเลย บุปผาเจ็บใจที่ไม่ได้ใจหมอหนุ่มเสียที เดินสะบัดสะโบกออกไปหน้าโรงพยาบาลและเกือบโดนกำพลจับตัวได้ถ้าเธอไม่ตาไววิ่งหนีมาเสียก่อน

ooooooo

เพชรรุกหนักเพื่อเอาชนะใจมัทนาทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นกับไอศูรย์อยู่แล้ว...เพชรส่งของขวัญมาให้มัทนาที่บ้านแต่ถูกเธอส่งกลับคืนพร้อมข้อความขอบคุณจากน้องสาว...ถือเป็นการตอกย้ำว่าเธอรู้สึกกับเขาได้เท่านั้นจริงๆ

บุปผากลับมาถึงบ้านเห็นท่านนายพลอยู่คนเดียว เกิดความคิดจะบอกเรื่องที่คุณหญิงวางยาเขาจนเป็นหมัน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงจึงเอาน้ำมะตูมเข้ามาให้แล้วทำทีพูดเรื่องลูก ระหว่างนี้เองคุณหญิงมณีเข้ามาขัดจังหวะ บุปผาเลยต้องผละไป ส่วนคุณหญิงยังติดใจสงสัย ถามสามีว่าคุยอะไรกัน

“บุปผาเขาเอาน้ำมะตูมเย็นขึ้นมาให้ แล้วก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระน่ะคุณ”

คุณหญิงมณีไม่ไว้ใจบุปผา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าบุปผาได้ยินเรื่องที่ตนคุยกับสร้อยเมื่อวานแล้วปากโป้งบอก ท่านนายพลจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคุณหญิงจึงเปลี่ยนใจไม่ให้สร้อยติดตามไปเชียงใหม่แต่จะเอาสวิงไปแทน เพราะต้องการให้สร้อยอยู่ทางนี้เพื่อสอดส่องจับตาดูบุปผาเอาไว้

เย็นวันเดียวกัน ไอศูรย์นัดมัทนากินไอศกรีมและบอกเล่าเรื่องป้าอิ่มจำความได้แล้ว มัทนายินดีและชื่นชมบุปผายกใหญ่ พลันสายตาเหลือบไปเห็นพลอยเดินอยู่นอกร้าน จึงขออนุญาตออกมาชวนเพื่อนรัก แต่กลายเป็นว่าพลอยพูดจาไม่ดีนัก ก่อนสะบัดพรืดจากไปทิ้งให้มัทนายืนอึ้งหน้าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อมัทนากลับเข้ามาในร้าน ไอศูรย์สังเกตสีหน้าเธอก็พอจะเดาคำตอบได้

“น้องพลอยไม่เข้ามาทานด้วยกันกับเราเหรอครับน้องมัท”

มัทนาพยักหน้าแทนคำตอบ ไอศูรย์เข้าใจความ รู้สึกจึงตัดบทอย่างนุ่มนวลว่า

“ช่างเถอะครับ เขาไม่มาก็ไม่มา”

หมอหนุ่มมองว่าที่คู่หมั้นด้วยแววตาปลอบโยน มัทนายิ้มขอบคุณ ส่วนพลอยยังยืนแอบมองทั้งคู่อยู่นอกร้าน สีหน้าและแววตาของเธอมุ่งมั่นจะเอาชนะมัทนาให้จงได้!

เมื่อกลับถึงบ้าน พลอยยังอยู่ในอาการเซ็งๆ เฝ้ารอการกลับมาของพี่ชายด้วยใจจดจ่อ พอเขามาถึงเธอก็ปรี่เข้าใส่ พูดอย่างมีอารมณ์ว่า

“พี่เพชร วันนี้พลอยไปเจอยายมัทกินไอศกรีมกับพี่ต้นด้วย ไหนพี่เพชรตกลงกับพลอยว่าเราจะร่วมมือกันทำให้สองคนนั้นไม่ได้หมั้นกันไงคะ”

“ทำไมพี่จะไม่ได้ทำอะไร พี่ก็พยายามเอาชนะใจน้องมัทอยู่”

“พี่เพชรทำอะไรคะ”

เพชรเล่าเรื่องส่งของขวัญไปให้มัทนาแต่ถูกเธอส่งกลับคืนมาพร้อมข้อความที่ทำให้เขาแทบหมดหวัง

“น้องมัทใจแข็งเหลือเกิน” พูดแล้วเพชรก็ถอนหายใจหนักๆ

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะพี่เพชร นี่เราสองคนจะไม่มีความหวังกันเลยหรือไงคะ”

“ไม่! พี่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก พี่จะต้องชนะพี่ต้นให้ได้ คนที่จะได้แต่งงานกับน้องมัทต้องเป็นพี่ ไม่ใช่พี่ต้น”

พี่ชายสีหน้ามุ่งมั่นมาก น้องสาวเลยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...

ooooooo

ค่ำนั้นเอง พยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นมาตามหมอไอศูรย์ไปดูนายสินที่ไข้ขึ้นสูงจนชักเกร็งไปทั้งตัว และเกือบกัดลิ้นตัวเองถ้าหมอไม่ตัดสินใจสละหลังมือของเขาให้กัดแทน...

ไอศูรย์แปลกใจมากทำไมอยู่ดีๆนายสินถึงจับไข้และปอดบวมขึ้นมาได้ ทั้งที่เมื่อกลางวันก็ไม่มีวี่แวว และเมื่อเขาไปส่งข่าวที่บ้านเทพบริบาล บุปผาสาสมใจแต่แสร้งร่ำไห้คร่ำครวญสงสารพี่ชายทำไมถึงเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ มัทนาเห็นแล้วสงสาร ปลุกปลอบให้ใจเย็น ยังไงตอนนี้นายสินก็อาการคงที่แล้ว คงไม่มีอะไรร้ายแรง

คุณหญิงมณีมองมือไอศูรย์ที่พันแผลไว้หลังจากถูกนายสินกัดจนเลือดซิบ ก่อนเปรยขึ้นว่าพ่อต้นของป้าเลยต้องมาเจ็บตัวไปด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”

“แล้วอย่างนี้พี่สินก็ต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไปอีกใช่ไหมคะ” บุปผาถามหน้าเศร้า

“ก็จนกว่าฉันจะแน่ใจว่านายสินปลอดภัย และแข็งแรงพอที่จะพากลับมาดูแลต่อที่บ้านได้น่ะ”

บุปผาสะอื้นและพนมมือฝากฝังหมอไอศูรย์ดูแลนายสิน ยิ่งเพิ่มความเวทนาจนมัทนาต้องเข้ามากอดให้กำลังใจเธอ...หลังจากเล่นละครตบตาใครต่อใครจนได้ คะแนนสงสารมามากโข บุปผาเดินยิ้มร่ากลับเข้าห้องพัก พูดพึมพำขอบใจนายสินที่ยื้อเวลาให้เธอมีโอกาสพบกับหมอไอศูรย์ต่อไปได้อีก...

กลางดึกคืนเดียวกัน คุณหญิงมณีฝันร้ายว่านายพลเทพล่วงรู้ว่าเธอวางยาเขาให้เป็นหมันแล้วเกิดทะเลาะกันใหญ่โตจนเขาตบหน้าเธอด้วยความโมโห พอเธอทุบตีเอาคืนกลับถูกเขาปัดป้องและเป็นเหตุให้เธอพลัดตกบันไดลงมา

เมื่อรู้ว่าทุกอย่างแค่ความฝัน แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังตื่นตระหนกไม่หาย ส่วนนายพลเทพไม่รู้ว่าภรรยาฝันร้ายอะไร แต่ก็ปลอบโยนจนรู้สึกผ่อนคลาย...

เช้าขึ้นคุณหญิงมณีออกเดินทางพร้อมมัทนาและสวิงเพื่อไปเชียงใหม่ตามที่นัดหมายกับคุณหญิงแจ่มจันทร์และไอศูรย์ไว้ โดยให้สร้อยคอยดูแลทางบ้าน ที่สำคัญต้องจับตาบุปผาอย่าให้เข้าใกล้ท่านนายพล

บุปผาอยากบอกความจริงท่านนายพลเรื่องโดนวางยาแต่ไม่มีโอกาสสักที สร้อยคอยกีดกันให้อยู่แต่ในครัว จนเมื่อสร้อยยกอาหารขึ้นไปบนเรือน บุปผาจึงลอบเข้ามาในห้องสร้อยเพื่อค้นหาขวดยาไว้เป็นหลักฐาน แต่ เพราะสร้อยระวังตัวแจอยู่แล้วจึงเก็บขวดยานั้นไว้กับตัวตลอดเวลา...

สายวันนี้เอง แสงมาขอพบสร้อยที่นอกรั้วบ้าน เขาไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ว่าท่านนายพลอยู่ข้างใน

“ไม่เข้าไปน่ะดีแล้ว แกเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ไปอยู่ไหน”


“ฉันไปเช่าห้องอยู่ที่ท้ายตลาดน่ะ แถวนั้นคนมันเยอะดี  คงจะมีลู่ทางหางานทำได้ง่ายหน่อยน่ะแม่ แต่ที่ฉันมานี่ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับแม่ เรื่องท่านนายพล”

“ท่านนายพลทำไม”

“ฉันบังเอิญไปพบท่านนายพลที่ซ่องแห่งหนึ่ง แต่ท่านไม่ได้ไปเที่ยวหรอก ท่านไปหาคนคนหนึ่งชื่อผกา แต่แม่ผกาที่อยู่ที่ซ่องนั่นน่ะเป็นคนละคนกับที่ท่านตามหา”

“แล้วแกรู้ไหมว่าท่านจะตามหาแม่ผกาอะไรนี่ทำไม”

“ไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าผกาที่ท่านนายพลกำลังตามหาอยู่น่ะ อยู่ที่ไหน”

สร้อยตาพองก๋าอย่างสนใจใคร่รู้...แล้วหลังจากนั้นไม่นานสองแม่ลูกก็พากันมุ่งหน้าไปยังหอโคมแดง เป็นเวลาที่ผกากำลังหลบหลีกมุกเพื่อออกไปพบบุปผาตามนัด ครั้นรอดจากมุกมาได้ กลับต้องมาเจอสร้อยที่ท่าทางดุดันน่ากลัว เลยนึกว่าเธอเป็นพวกเมียหลวงจะมาตามราวีเหมือนเมื่อวันก่อน จึงเกิดการต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผกาจะผลักสร้อยล้มคว่ำแล้ววิ่งหนีหายไป โดยที่แสงก็ตามไม่ทัน

บุปผากระวนกระวายเพราะผกามาเกินเวลานัด ผกาไม่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ถามบุปผาว่ามีธุระสำคัญอะไรถึงต้องนัดแม่ออกมาเจอ

“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจน่ะแม่ คือว่าฉันบังเอิญไปรู้มาว่านังคุณหญิงมันแอบวางยาให้ท่านเจ้าคุณเป็นหมัน”

“โธ่...แม่ก็นึกว่าแกมีเรื่องอะไรร้ายแรง บางทีคุณหญิงเธออาจกลัวว่าท่านนายพลจะไปไข่ทิ้งเรี่ยราดไว้ที่ไหน ที่จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อนในภายหลังได้น่ะสิ เธอถึงต้องวางยาท่านนายพลให้เป็นหมันน่ะ”

“แต่แม่ก็รู้ ไอ้ยาพวกนี้ถ้ากินเข้าไปมากๆมันอาจจะไม่ได้แค่เป็นหมันน่ะสิ ฉันเป็นห่วงท่านนายพลน่ะ ท่านเมตตาฉันมากนะแม่ ฉันรักแล้วก็เคารพท่านเหมือนพ่อคนหนึ่งเลย”

“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่นเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ นี่นังคุณหนูของแกขึ้นไปหาแม่หมอเพื่อดูฤกษ์หมั้นที่เชียงใหม่วันนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดได้ฤกษ์หมั้นวันนี้พรุ่งนี้ขึ้นมาละก็ ไอ้ที่แกลงทุนลงแรงไปมันก็สูญเปล่าทั้งหมดนะ แกจะทำอะไรก็รีบทำเสียเถอะ แต่พอแกได้ดีมีสุขแล้วก็อย่าลืมแม่ซะล่ะ แม่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่เต็มทีแล้ว...แม่ไม่อยากถูกพวกเมียหลวงตามมาราวีอีกแล้ว”

บุปผาคิดตามที่ผกาพูด แล้วตัดสินใจไปหาตาเถาในตอนเย็น พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเธอต้องการทำยาเสน่ห์ ตาเถารู้ว่าบุปผามีอาชีพอะไรเลยเดาว่าเธออยากทำเพื่อเรียกแขก

“เปล่า ฉันเลิกขายตัวแล้ว ฉันอยากได้ไว้เรียกแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้น พ่อหมอทำให้ฉันได้มั้ยล่ะ”

“ได้...แต่แพงนะ”

“เท่าไหร่ล่ะ”

“ห้าพัน”

บุปผานิ่งไปนิดก่อนตอบตกลงโดยไม่ต่อรองสักบาท แต่อยากรู้ว่าเธอต้องทำยังไงบ้าง

“เอ็งเอาของใช้ของไอ้ผู้ชายคนที่เอ็งต้องการจะทำเสน่ห์มันกับของใช้ส่วนตัวของเอ็งมาอย่างละชิ้น แล้วห้าทุ่มเอ็งกลับมาพบข้าที่นี่ แล้วข้าจะทำเสน่ห์ให้”

“ได้จ้ะ งั้นฉันลาละ ก่อนห้าทุ่มฉันจะมาใหม่” บุปผาเดินตัวปลิวลงเรือนไปแล้ว นายถิ่นแอบมองเธออย่างหลงใหลค่อยๆเยี่ยมหน้าออกมาเปรยกับพี่ชาย

“สวยออกอย่างนี้มันยังต้องทำเสน่ห์อีกเหรอพี่เถา”

“ถึงจะสวยแต่ใจคอมันร้ายนัก ผู้ชายถึงได้ไม่ชายตาแลจนมันต้องวิ่งมาให้ข้าทำยาเสน่ห์ให้มันถึงที่นี่ เรียกแพงเท่าไหร่มันก็ไม่ต่อราคาข้าเลยสักคำ ข้าเลยโขกมันเสียเจ็บเลย”

ตาเถาหัวเราะชอบใจ แต่แล้วหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงตึงตังหลังบ้าน สองพี่น้องวิ่งไปอย่างนึกได้ เห็นไอ้หลงเมายาถือมีดพร้าฟาดฟันข้าวของหล่นแตกกระจาย และกว่าจะสยบมันได้ก็เล่นเอาหอบแฮก ถิ่นเลยบ่นพี่ชายว่าทดลองยากับไอ้หลงมากเกินไป...

ooooooo

ที่เชียงใหม่ คณะของคุณหญิงมณีเดินทางถึงบ้านคุณชไมโดยสวัสดิภาพ...สองฝ่ายทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่คุณชไมจะให้พวกเขาไปพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำพิธีแก้ดวงชะตาของมัทนา

ส่วนที่พระนคร บุปผาเพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากโกหกสร้อยเอาไว้ว่าไปเยี่ยมนายสินที่โรงพยาบาล แต่แท้จริงแล้วเธอแอบไปนัดแนะตาเถาเพื่อทำเสน่ห์
เมื่อโดนสร้อยดุด่าเข้าให้อีกที่กลับมาเสียมืด บุปผาอยากจะกระโดดถีบสักเปรี้ยงแต่ก็ทำไม่ได้...ได้แต่กลับมาก่นด่าในห้องอย่างแค้นเคือง

“คอยดูเถอะอีสร้อย ฉันได้ตบแต่งเป็นเมียหมอไอศูรย์เมื่อไหร่ละก็ ฉันจะให้แกยกมือกราบฉันเมื่อนั้นแหละอีบ้า!”

ครั้นได้เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ บุปผาแอบออกจากบ้านพร้อมผ้าเช็ดหน้าของไอศูรย์มุ่งตรงไปบ้านตาเถา...แล้วไม่ว่าแกจะให้ทำอะไร เธอก็ทำอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้เลยว่านายถิ่นแอบมองมาด้วยสายตาโลมเลีย

วิธีการทำเสน่ห์ของตาเถาเป็นไปอย่างราบรื่นและใช้เวลาไม่มาก ที่สุดก็ได้หุ่นสองตัวแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของไอศูรย์กับชายผ้าถุงของบุปผามัดประกบกันไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นบริกรรมคาถาอีกนิดหน่อยก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ตาเถาส่งหุ่นคู่นั้นให้บุปผาและกำชับว่า “เอ็งเอาหุ่นเสน่ห์นี่ไปใส่ไว้ใต้ที่นอนของไอ้ผู้ชายที่เอ็งคิดจะเอาเป็นผัว แต่ห้ามให้ใครเห็นนะ แล้วพอผู้ชายมันนอนบนที่นอนที่มีหุ่นเสน่ห์นี่อยู่ข้างใต้ มันก็จะต้องมนต์ดำหลงรักเอ็งหัวปักหัวปํา ตราบใดที่หุ่นเสน่ห์สองตัวยังอยู่ในลักษณะนี้ ผู้ชายคนนี้ก็จะรักจะหลงเอ็งตลอดไป”

บุปผาตื่นเต้นแทบระงับอาการไม่อยู่...รับหุ่นเสน่ห์นั้นมาอย่างมีความหวัง


เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน1 ช่อง7
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน2 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน3 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน4 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวาท...
เรื่องย่อ ละคร ไฟหวน ตอน5 ช่อง7 โดย มารุต สาโรวา

No comments:

Post a Comment