เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
ตอนที่ 12
เหตุการณ์ในเวลานั้นคือ...ศรีอำไพโต้เถียงกับประมุขที่สวนผลไม้ เพราะประมุขต้องการอุ้มสไบนางที่เป็นลูกของตน แต่ศรีอำไพไม่ยอมให้อุ้ม ทั้งยังปฏิเสธความเป็นพ่อของเขา
ประมุขต่อรองขออุ้มในฐานะลุง เธอก็ไม่ยอม สวนไปอย่างกราดเกรี้ยวว่า
“ไม่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวบี มือฆาตกรอย่างคุณไม่สมควรถูกเนื้อต้องตัวเด็กบริสุทธิ์อย่างบี”
ประมุขโกรธขึ้นมา ถามว่าเธอจะใจร้ายกับตนไปถึงไหน ถูกศรีอำไพสวนไปทันควันว่า
“ฉันไม่แจ้งความเอาคุณเข้าคุกที่...” เธอหยุดกึก ไม่ทันเอ่ยคำที่เป็นตราบาป เป็นบาดแผลในชีวิตของตนและลูกออกไป ก็ถูกประมุขพรวดเข้ามาเอามือปิดปากไว้ ถามเสียงลอดไรฟันอย่างไม่พอใจว่า
“เธอจะรื้อฟื้นทำไม เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก”
ศรีอำไพดิ้นสุดแรงแต่ถูกประมุขกอดรัดไว้แน่นมากสู้แรงเขาไม่ได้ และที่มุมหนึ่ง คนงานได้ยินเสียงและได้เห็นทั้งสองกำลังกอดรัดดิ้นรนกันอยู่ก็ตกใจ แอบดูใจระทึก
ครู่เดียว เมื่อศรีอำไพสู้แรงประมุขไม่ได้ เธอกัดมือเขาจนต้องปล่อย พอเป็นอิสระ ศรีอำไพตบหน้าเขาฉาดใหญ่ จ้องหน้าพูดอย่างเกลียดชังว่า
“อย่ามาแตะต้องบีเป็นอันขาด ไม่ยังงั้นฉันจะหนีไปให้ไกลที่สุด คุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าบีอีกเลยตลอดชีวิต”
พูดแล้วศรีอำไพวิ่งหนีไปสุดชีวิต ประมุขไล่ตามพลางร้องเรียก ส่วนคนงานตกใจมากวิ่งกลับไปทางบ้านสวนทันที
ศรีอำไพปลดเชือกเรือที่ผูกอยู่ท่าน้ำลงเรือพายออกไป เพราะพายเรือไม่เป็นจึงเก้ๆกังๆประมุขมาตะโกนเรียกให้กลับมา ร้องเตือนอย่างเป็นห่วงว่า
“เธอพายเรือไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่แข็งนะไพ กลับเข้ามาเถอะ”
แต่ศรีอำไพไม่สนใจ พายเรือหนี เหมือนจะยอมไปตายเอาดาบหน้า
คนงานวิ่งกลับไปตะโกนเรียกประจักษ์ที่บ้านสวน
“คุณจักษ์ครับ...คุณจักษ์ครับ...คุณจักษณ์ไปช่วยคุณไพด้วยครับ...คุณจักษ์ครับ...คุณจักษ์...” คนงานวิ่งตามหาประจักษ์ ร้องเรียกอย่างร้อนใจ
ooooooo
ประมุขให้คนงานพายเรือตามเรือศรีอำไพไป ครู่ใหญ่คนงานก็ชี้ให้ดูบอกว่ามีเรือล่มข้างหน้า ประมุขตกใจสุดขีด มองไปในน้ำเห็นรองเท้าของศรีอำไพลอยมา เขาตะโกนลั่น
“ไพ...พวกแกดำน้ำลงไปช่วยคุณไพเร็วๆเข้า”
พวกลูกน้องพากันกระโดดลงน้ำไปช่วยงมศรีอำไพ ประมุขนั่งอยู่ในเรือ พนมมือขอให้คุณพระช่วยศรีอำไพด้วยเถิด...
ไม่นาน ลูกน้องก็อุ้มร่างศรีอำไพขึ้นมาจากน้ำ ประจักษ์มาถึงวิ่งพรวดพราดเข้าไปอุ้มร่างไร้วิญญาณของศรีอำไพร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจตายตาม
“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆจักษ์ พี่สาบานได้ ให้พี่ตายตามไพไปก็ได้” ประมุขละล่ำละลักบอก
“พี่ไม่ต้องพูด พี่ฆ่าไพ พี่ฆ่าเมียผม พี่มันฆาตกรเลือดเย็น” ประจักษ์ตวาด ตาแดงก่ำ เมื่อประมุขยืนยันว่าเป็น อุบัติเหตุจริงๆ ตนไม่ได้ฆ่าศรีอำไพ ประจักษ์วางร่างศรีอำไพลงโถมเข้าหาประมุข ระเบิดอารมณ์ใส่
“ไอ้สัตว์นรก มึงไม่ใช่พี่กู ไอ้คนบาป กูขอสาปแช่งมึงให้ตกนรกทั้งเป็น ให้มึงพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ให้มึงฉิบหายวายวอด ให้มึงพบแต่ความลำบากทั้งชีวิต กรรมใดที่มึงก่อไว้ ขอให้สนองมึงทันตาเห็น!”
นั่นคือคำสาปแช่งของประจักษ์ เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปี...วันนี้ ประมุขบอกคุณหญิงน้ำตาไหลเป็นทางว่า “มันเป็นอุบัติเหตุ ผมฆ่าไพไม่ได้...อีกไม่นาน ผมจะได้พบกับไพแล้ว” เขาจับมือคุณหญิงไว้บอกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนว่า “ผมอยากเจอบีจริงๆ นะครับคุณแม่ ผมอยากบอกบีว่า ผมไม่ใช่พ่อของเขา”
“ประมุข...” คุณหญิงอุทานอย่างคิดไม่ถึง ประมุขพูดต่อน้ำตาอาบหน้าว่า
“ผมคือไอ้คนบาป บีคือตัวแทนของคนที่ผมรักที่สุด เป็นความภูมิใจของผม...ความรักของผมคือรอยบาป คุณแม่ พูดถูก ผมไม่ควรทำให้บีต้องด่างพร้อย อย่าแตะต้องบี นั่นคือความรักที่ผมจะให้กับคนที่ผมรักได้...บีไม่ใช่ลูกของผม” ประมุขพูดคำสุดท้ายอย่างเจ็บปวด
คุณหญิงสุดที่จะทนดูประมุขได้ ลุกขึ้นไปยืนหันหน้าเข้าฝาร้องไห้จนตัวสะเทือนอยู่เงียบๆ
ooooooo
ที่บ้านไทยประยุกต์ ค่ำแล้วสไบนางตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่ในชุดนอนก็ตกใจไม่รู้ใครเป็นคนเปลี่ยนให้ พอดีอุปมายกถาดอาหารเข้ามา ยิ้มทักอ่อนหวาน “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” พลางวางถาดอาหารลง
สไบนางถามว่าใครเปลี่ยนชุดนอนให้ตน อุปมานึกสนุกอำว่ายังเช็ดตัวประแป้งให้ด้วย หอมไหม? ทำเอาสไบนางตีหน้าไม่ถูก ทั้งโกรธทั้งอาย ด่าว่าฉวยโอกาส ตนหายเมื่อไหร่จะเอาคืนให้แสบเลย
ขณะบรรยากาศกำลังจะตึงเครียดนั่นเอง พยาบาลก็เข้ามา ชวนสไบนางทานข้าวเลยดีไหมเพราะเลยเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว พลางประคองเธอขึ้นนั่งพิงหมอน สไบนางแอบถามเบาๆว่าใครเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตน พยาบาลบอกว่าตนเอง มีอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ...เปล่าค่ะ บีหิวแล้วค่ะ” สไบนางยิ้มอย่างโล่งใจ แต่ยิ่งเจ็บใจอุปมาที่หลอกอำเสียตนตีหน้าไม่ถูก
คืนนี้ อุปมาจึงไปนอนที่ห้องนอนเล็ก นอนพลิกซ้ายป่ายขวาพยายามหลับตาอย่างไรก็นอนไม่หลับ เช่นเดียวกับสไบนางที่นอนบิดไปมาจนพยาบาลถามว่าโคมไฟรบกวนหรือเปล่า พอสไบนางบอกว่าไม่รบกวนก็ถูกพยาบาลแซวว่า
“เคยชินนอนข้างๆคุณมาร์ค คืนนี้เลยนอนไม่หลับใช่ไหมคะ”
“เปล่าค่ะ สงสัยวันนี้จะนอนมากไปหน่อย พี่ไปพักเถอะค่ะ บีจะหลับแล้วล่ะ” ว่าแล้วก็ชักผ้าห่มคลุมโปง เป็นจังหวะเดียวกับที่อุปมามุดหัวเข้าใต้ผ้าห่มพยายามข่มตาให้หลับเช่นกัน
ooooooo
เช้าวันนี้ เมธาวีกับวิจิตรามาที่บ้านสวน เป็นเวลาที่คุณหญิงไปเยี่ยมสไบนางที่บ้านบารมีพอดี ยายจันทร์ดีใจบอกว่ามากันก็ดีแล้วประมุขจะได้ยอมทานอะไรบ้าง วิจิตราจึงจูงเมธาวีรีบไปหาประมุข
เมธาวีเดินเข้าไปที่เตียงสวมกอดพ่อให้กำลังใจ บอกพ่อว่าต้องเข้มแข็งเพราะตอนนี้กำลังใจสำคัญที่สุด ประมุขอ้อนทันทีว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใช้หนี้ที่ไม่มีปัญญาใช้หมดงั้นหรือ
วิจิตรามองหน้าประมุขเชิงบอกให้รู้ว่าเมธาวียังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ประมุขกลับพูดออกมาว่าถึงเวลาที่ลูกต้องรู้แล้ว เลยทำให้เมธาวีสนใจขึ้นมา มองหน้าพ่ออย่างสงสัย ประมุขเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“พ่อจะไม่เท้าความอะไรมากมายก็แล้วกัน สรุปสั้นๆว่าพ่อเป็นหนี้บารมีมหาศาล ตอนนี้เหลือเมคนเดียวที่ช่วยพ่อได้” พอเมธาวีมองหน้าวิจิตรางงๆ ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ถอนใจ ประมุขจึงพูดต่อทำเวลาเต็มที่ว่า
“รีบกลับไปหาอุปมา ขอให้เขาหย่าขาดจากบี แล้วกลับมาจดทะเบียนสมรสกับลูกให้เร็วที่สุด จากนั้น เราค่อยมาคิดหาทางปลดหนี้กัน” ประมุขพูดรวบรัดลูบผมลูกสาวอย่างเอาใจ “เมคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของพ่อ อย่าทำให้พ่อผิดหวังนะลูก”
ประมุขตาแดงก่ำ ส่วนเมธาวีสีหน้าเครียดขรึม หนักใจมาก
ooooooo
ฝ่ายคุณหญิงไปที่บ้านไทยประยุกต์แต่เช้า ก็เพื่อไปขออนุญาตบารมีให้สไบนางไปพบประมุขเป็นครั้งสุดท้ายตามคำขอของเขา บารมีไม่เห็นด้วย บอกว่าทุกอย่างควรจะจบไปพร้อมกับการตายของประมุข
คุณหญิงสงสารลูก พยายามอ้อนวอนว่านี่เป็นการขอครั้งสุดท้ายในชีวิตของประมุขและเขาก็สำนึกตัวแล้ว ทั้งยังบอกว่า ประมุขจะขอพบสไบนางเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อของเธอ
แต่บารมีก็ยังใจแข็ง ยืนยันว่าตนไม่อยากเห็นสไบนางต้องเสียใจมากไปกว่านี้ อย่าย้ำเรื่องนี้กันอีกเลย จนคุณหญิงไม่รู้จะทำอย่างไร บอกว่าจะให้ไหว้ตนก็ยอม
“ผมจะยอมเชื่อคุณน้าอีกสักครั้ง” บารมีใจอ่อน “แต่ขออย่างเดียว อย่าชักชวนหรือชี้แนะบีก่อน ถ้าบีถามถึงอาการของลุงเขาและอยากไปเยี่ยม ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของบี ผมขอเท่านี้ก็แล้วกัน”
คุณหญิงรีบขอบใจบารมี ดีใจมากที่ทำตามคำขอสุดท้ายของลูกชายได้สำเร็จ
ฝ่ายวิจิตราตามเมธาวีที่ไปยืนร้องไห้ที่ริมน้ำบ้านสวน ปลอบใจลูกว่าต้องทำใจให้ได้เพราะมะเร็งลามไปทั่วแล้ว พ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน แล้วถามเสียงอ่อนๆว่า “โทร.หาคุณมาร์ครึยัง”
“ยังค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งบอกให้คุณมาร์ครู้นะคะว่าเมกลับมาแล้ว เพราะเมอยากแน่ใจว่า คุณมาร์คยังซื่อสัตย์กับเม อยู่รึเปล่า ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่อยู่ใกล้ใครก็รักคนนั้น โดยเฉพาะกับศัตรูตัวร้ายที่ชอบแย่งของรักไปจากเม” เมธาวีทั้งเครียด ทั้งกังวลระคนกัน
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้เมื่อไปช็อปปิ้งที่ห้าง เมธาวียังเจอวิมาดาเข้า ฝ่ายนั้นดีใจมากที่จะได้แกล้งเมธาวี ขนาดเมธาวีเดินหนีก็ยังเดินตามไปถามว่าจะแถลงข่าวเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันเมื่อไร เพราะมีเสียงเล่าลือกันต่างๆนานา
“ใครจะลือยังไงก็ช่างเขา แต่อีกไม่นานฉันกับคุณมาร์คจะกลับมาแต่งงานกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง”
“แล้วตกลงใครเป็นน้อยใครเป็นหลวงคะ” วิมาดาแกล้งยั่วต่อ พอเมธาวีจ้องหน้าขวับ ก็ลอยหน้ายั่วอีก “เห็นเขาลือกันว่าคุณมาร์คกำลังหลงเมียเด็กสุดๆ ระวังจะไม่ยอมหย่านะคะ”
เมธาวีมองเหยียดๆอย่างไม่ยอมเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เดินหนีไปอย่างถือตัว แค่นั้นวิมาดาก็สะใจแล้วที่กวนประสาทยุแยงตะแคงรั่วปั่นหัวให้ระแวงกันได้
ooooooo
อุปมายังทำตัวเป็นขมิ้นกับปูนกับอาทิตย์ วันนี้อาทิตย์จะมาเยี่ยมสไบนางก็ถูกกันท่าว่าสไบนางหลับอยู่ ทั้งยังวางเขื่องว่า บ้านนี้เป็นบ้านของตน บีก็เมียตน ถ้าตนไม่ให้เขาเข้าบ้านก็เป็นสิทธิ์ของตน ถามเยาะว่า
ประมุขต่อรองขออุ้มในฐานะลุง เธอก็ไม่ยอม สวนไปอย่างกราดเกรี้ยวว่า
“ไม่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวบี มือฆาตกรอย่างคุณไม่สมควรถูกเนื้อต้องตัวเด็กบริสุทธิ์อย่างบี”
ประมุขโกรธขึ้นมา ถามว่าเธอจะใจร้ายกับตนไปถึงไหน ถูกศรีอำไพสวนไปทันควันว่า
“ฉันไม่แจ้งความเอาคุณเข้าคุกที่...” เธอหยุดกึก ไม่ทันเอ่ยคำที่เป็นตราบาป เป็นบาดแผลในชีวิตของตนและลูกออกไป ก็ถูกประมุขพรวดเข้ามาเอามือปิดปากไว้ ถามเสียงลอดไรฟันอย่างไม่พอใจว่า
“เธอจะรื้อฟื้นทำไม เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก”
ศรีอำไพดิ้นสุดแรงแต่ถูกประมุขกอดรัดไว้แน่นมากสู้แรงเขาไม่ได้ และที่มุมหนึ่ง คนงานได้ยินเสียงและได้เห็นทั้งสองกำลังกอดรัดดิ้นรนกันอยู่ก็ตกใจ แอบดูใจระทึก
ครู่เดียว เมื่อศรีอำไพสู้แรงประมุขไม่ได้ เธอกัดมือเขาจนต้องปล่อย พอเป็นอิสระ ศรีอำไพตบหน้าเขาฉาดใหญ่ จ้องหน้าพูดอย่างเกลียดชังว่า
“อย่ามาแตะต้องบีเป็นอันขาด ไม่ยังงั้นฉันจะหนีไปให้ไกลที่สุด คุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าบีอีกเลยตลอดชีวิต”
พูดแล้วศรีอำไพวิ่งหนีไปสุดชีวิต ประมุขไล่ตามพลางร้องเรียก ส่วนคนงานตกใจมากวิ่งกลับไปทางบ้านสวนทันที
ศรีอำไพปลดเชือกเรือที่ผูกอยู่ท่าน้ำลงเรือพายออกไป เพราะพายเรือไม่เป็นจึงเก้ๆกังๆประมุขมาตะโกนเรียกให้กลับมา ร้องเตือนอย่างเป็นห่วงว่า
“เธอพายเรือไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่แข็งนะไพ กลับเข้ามาเถอะ”
แต่ศรีอำไพไม่สนใจ พายเรือหนี เหมือนจะยอมไปตายเอาดาบหน้า
คนงานวิ่งกลับไปตะโกนเรียกประจักษ์ที่บ้านสวน
“คุณจักษ์ครับ...คุณจักษ์ครับ...คุณจักษณ์ไปช่วยคุณไพด้วยครับ...คุณจักษ์ครับ...คุณจักษ์...” คนงานวิ่งตามหาประจักษ์ ร้องเรียกอย่างร้อนใจ
ooooooo
ประมุขให้คนงานพายเรือตามเรือศรีอำไพไป ครู่ใหญ่คนงานก็ชี้ให้ดูบอกว่ามีเรือล่มข้างหน้า ประมุขตกใจสุดขีด มองไปในน้ำเห็นรองเท้าของศรีอำไพลอยมา เขาตะโกนลั่น
“ไพ...พวกแกดำน้ำลงไปช่วยคุณไพเร็วๆเข้า”
พวกลูกน้องพากันกระโดดลงน้ำไปช่วยงมศรีอำไพ ประมุขนั่งอยู่ในเรือ พนมมือขอให้คุณพระช่วยศรีอำไพด้วยเถิด...
ไม่นาน ลูกน้องก็อุ้มร่างศรีอำไพขึ้นมาจากน้ำ ประจักษ์มาถึงวิ่งพรวดพราดเข้าไปอุ้มร่างไร้วิญญาณของศรีอำไพร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจตายตาม
“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆจักษ์ พี่สาบานได้ ให้พี่ตายตามไพไปก็ได้” ประมุขละล่ำละลักบอก
“พี่ไม่ต้องพูด พี่ฆ่าไพ พี่ฆ่าเมียผม พี่มันฆาตกรเลือดเย็น” ประจักษ์ตวาด ตาแดงก่ำ เมื่อประมุขยืนยันว่าเป็น อุบัติเหตุจริงๆ ตนไม่ได้ฆ่าศรีอำไพ ประจักษ์วางร่างศรีอำไพลงโถมเข้าหาประมุข ระเบิดอารมณ์ใส่
“ไอ้สัตว์นรก มึงไม่ใช่พี่กู ไอ้คนบาป กูขอสาปแช่งมึงให้ตกนรกทั้งเป็น ให้มึงพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ให้มึงฉิบหายวายวอด ให้มึงพบแต่ความลำบากทั้งชีวิต กรรมใดที่มึงก่อไว้ ขอให้สนองมึงทันตาเห็น!”
นั่นคือคำสาปแช่งของประจักษ์ เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปี...วันนี้ ประมุขบอกคุณหญิงน้ำตาไหลเป็นทางว่า “มันเป็นอุบัติเหตุ ผมฆ่าไพไม่ได้...อีกไม่นาน ผมจะได้พบกับไพแล้ว” เขาจับมือคุณหญิงไว้บอกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนว่า “ผมอยากเจอบีจริงๆ นะครับคุณแม่ ผมอยากบอกบีว่า ผมไม่ใช่พ่อของเขา”
“ประมุข...” คุณหญิงอุทานอย่างคิดไม่ถึง ประมุขพูดต่อน้ำตาอาบหน้าว่า
“ผมคือไอ้คนบาป บีคือตัวแทนของคนที่ผมรักที่สุด เป็นความภูมิใจของผม...ความรักของผมคือรอยบาป คุณแม่ พูดถูก ผมไม่ควรทำให้บีต้องด่างพร้อย อย่าแตะต้องบี นั่นคือความรักที่ผมจะให้กับคนที่ผมรักได้...บีไม่ใช่ลูกของผม” ประมุขพูดคำสุดท้ายอย่างเจ็บปวด
คุณหญิงสุดที่จะทนดูประมุขได้ ลุกขึ้นไปยืนหันหน้าเข้าฝาร้องไห้จนตัวสะเทือนอยู่เงียบๆ
ooooooo
ที่บ้านไทยประยุกต์ ค่ำแล้วสไบนางตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่ในชุดนอนก็ตกใจไม่รู้ใครเป็นคนเปลี่ยนให้ พอดีอุปมายกถาดอาหารเข้ามา ยิ้มทักอ่อนหวาน “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” พลางวางถาดอาหารลง
สไบนางถามว่าใครเปลี่ยนชุดนอนให้ตน อุปมานึกสนุกอำว่ายังเช็ดตัวประแป้งให้ด้วย หอมไหม? ทำเอาสไบนางตีหน้าไม่ถูก ทั้งโกรธทั้งอาย ด่าว่าฉวยโอกาส ตนหายเมื่อไหร่จะเอาคืนให้แสบเลย
ขณะบรรยากาศกำลังจะตึงเครียดนั่นเอง พยาบาลก็เข้ามา ชวนสไบนางทานข้าวเลยดีไหมเพราะเลยเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว พลางประคองเธอขึ้นนั่งพิงหมอน สไบนางแอบถามเบาๆว่าใครเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตน พยาบาลบอกว่าตนเอง มีอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ...เปล่าค่ะ บีหิวแล้วค่ะ” สไบนางยิ้มอย่างโล่งใจ แต่ยิ่งเจ็บใจอุปมาที่หลอกอำเสียตนตีหน้าไม่ถูก
คืนนี้ อุปมาจึงไปนอนที่ห้องนอนเล็ก นอนพลิกซ้ายป่ายขวาพยายามหลับตาอย่างไรก็นอนไม่หลับ เช่นเดียวกับสไบนางที่นอนบิดไปมาจนพยาบาลถามว่าโคมไฟรบกวนหรือเปล่า พอสไบนางบอกว่าไม่รบกวนก็ถูกพยาบาลแซวว่า
“เคยชินนอนข้างๆคุณมาร์ค คืนนี้เลยนอนไม่หลับใช่ไหมคะ”
“เปล่าค่ะ สงสัยวันนี้จะนอนมากไปหน่อย พี่ไปพักเถอะค่ะ บีจะหลับแล้วล่ะ” ว่าแล้วก็ชักผ้าห่มคลุมโปง เป็นจังหวะเดียวกับที่อุปมามุดหัวเข้าใต้ผ้าห่มพยายามข่มตาให้หลับเช่นกัน
ooooooo
เช้าวันนี้ เมธาวีกับวิจิตรามาที่บ้านสวน เป็นเวลาที่คุณหญิงไปเยี่ยมสไบนางที่บ้านบารมีพอดี ยายจันทร์ดีใจบอกว่ามากันก็ดีแล้วประมุขจะได้ยอมทานอะไรบ้าง วิจิตราจึงจูงเมธาวีรีบไปหาประมุข
เมธาวีเดินเข้าไปที่เตียงสวมกอดพ่อให้กำลังใจ บอกพ่อว่าต้องเข้มแข็งเพราะตอนนี้กำลังใจสำคัญที่สุด ประมุขอ้อนทันทีว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใช้หนี้ที่ไม่มีปัญญาใช้หมดงั้นหรือ
วิจิตรามองหน้าประมุขเชิงบอกให้รู้ว่าเมธาวียังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ประมุขกลับพูดออกมาว่าถึงเวลาที่ลูกต้องรู้แล้ว เลยทำให้เมธาวีสนใจขึ้นมา มองหน้าพ่ออย่างสงสัย ประมุขเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“พ่อจะไม่เท้าความอะไรมากมายก็แล้วกัน สรุปสั้นๆว่าพ่อเป็นหนี้บารมีมหาศาล ตอนนี้เหลือเมคนเดียวที่ช่วยพ่อได้” พอเมธาวีมองหน้าวิจิตรางงๆ ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ถอนใจ ประมุขจึงพูดต่อทำเวลาเต็มที่ว่า
“รีบกลับไปหาอุปมา ขอให้เขาหย่าขาดจากบี แล้วกลับมาจดทะเบียนสมรสกับลูกให้เร็วที่สุด จากนั้น เราค่อยมาคิดหาทางปลดหนี้กัน” ประมุขพูดรวบรัดลูบผมลูกสาวอย่างเอาใจ “เมคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของพ่อ อย่าทำให้พ่อผิดหวังนะลูก”
ประมุขตาแดงก่ำ ส่วนเมธาวีสีหน้าเครียดขรึม หนักใจมาก
ooooooo
ฝ่ายคุณหญิงไปที่บ้านไทยประยุกต์แต่เช้า ก็เพื่อไปขออนุญาตบารมีให้สไบนางไปพบประมุขเป็นครั้งสุดท้ายตามคำขอของเขา บารมีไม่เห็นด้วย บอกว่าทุกอย่างควรจะจบไปพร้อมกับการตายของประมุข
คุณหญิงสงสารลูก พยายามอ้อนวอนว่านี่เป็นการขอครั้งสุดท้ายในชีวิตของประมุขและเขาก็สำนึกตัวแล้ว ทั้งยังบอกว่า ประมุขจะขอพบสไบนางเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อของเธอ
แต่บารมีก็ยังใจแข็ง ยืนยันว่าตนไม่อยากเห็นสไบนางต้องเสียใจมากไปกว่านี้ อย่าย้ำเรื่องนี้กันอีกเลย จนคุณหญิงไม่รู้จะทำอย่างไร บอกว่าจะให้ไหว้ตนก็ยอม
“ผมจะยอมเชื่อคุณน้าอีกสักครั้ง” บารมีใจอ่อน “แต่ขออย่างเดียว อย่าชักชวนหรือชี้แนะบีก่อน ถ้าบีถามถึงอาการของลุงเขาและอยากไปเยี่ยม ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของบี ผมขอเท่านี้ก็แล้วกัน”
คุณหญิงรีบขอบใจบารมี ดีใจมากที่ทำตามคำขอสุดท้ายของลูกชายได้สำเร็จ
ฝ่ายวิจิตราตามเมธาวีที่ไปยืนร้องไห้ที่ริมน้ำบ้านสวน ปลอบใจลูกว่าต้องทำใจให้ได้เพราะมะเร็งลามไปทั่วแล้ว พ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน แล้วถามเสียงอ่อนๆว่า “โทร.หาคุณมาร์ครึยัง”
“ยังค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งบอกให้คุณมาร์ครู้นะคะว่าเมกลับมาแล้ว เพราะเมอยากแน่ใจว่า คุณมาร์คยังซื่อสัตย์กับเม อยู่รึเปล่า ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่อยู่ใกล้ใครก็รักคนนั้น โดยเฉพาะกับศัตรูตัวร้ายที่ชอบแย่งของรักไปจากเม” เมธาวีทั้งเครียด ทั้งกังวลระคนกัน
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้เมื่อไปช็อปปิ้งที่ห้าง เมธาวียังเจอวิมาดาเข้า ฝ่ายนั้นดีใจมากที่จะได้แกล้งเมธาวี ขนาดเมธาวีเดินหนีก็ยังเดินตามไปถามว่าจะแถลงข่าวเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันเมื่อไร เพราะมีเสียงเล่าลือกันต่างๆนานา
“ใครจะลือยังไงก็ช่างเขา แต่อีกไม่นานฉันกับคุณมาร์คจะกลับมาแต่งงานกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง”
“แล้วตกลงใครเป็นน้อยใครเป็นหลวงคะ” วิมาดาแกล้งยั่วต่อ พอเมธาวีจ้องหน้าขวับ ก็ลอยหน้ายั่วอีก “เห็นเขาลือกันว่าคุณมาร์คกำลังหลงเมียเด็กสุดๆ ระวังจะไม่ยอมหย่านะคะ”
เมธาวีมองเหยียดๆอย่างไม่ยอมเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เดินหนีไปอย่างถือตัว แค่นั้นวิมาดาก็สะใจแล้วที่กวนประสาทยุแยงตะแคงรั่วปั่นหัวให้ระแวงกันได้
ooooooo
อุปมายังทำตัวเป็นขมิ้นกับปูนกับอาทิตย์ วันนี้อาทิตย์จะมาเยี่ยมสไบนางก็ถูกกันท่าว่าสไบนางหลับอยู่ ทั้งยังวางเขื่องว่า บ้านนี้เป็นบ้านของตน บีก็เมียตน ถ้าตนไม่ให้เขาเข้าบ้านก็เป็นสิทธิ์ของตน ถามเยาะว่า
“แล้วก็อย่าลืมเจียดเวลาไปเยี่ยมคุณเมด้วยนะครับ นั่นน่าจะเป็นหน้าที่จริงๆของคุณมากกว่า” อาทิตย์ได้ทีศอกกลับ ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ อุปมาโดนเข้าบ้างเลยได้แต่มองตามไปอย่างเจ็บใจ
แม้ภายนอก อุปมากับสไบนางจะดูเหมือนขมิ้นกับปูน แต่ลึกๆแล้วพอไม่ได้เจอกัน ไม่ได้จิกกัดกันก็ทำให้รู้สึกเหงาปาก ซ้ำเมื่อได้เจอกันได้ทะเลาะกัน กลับให้ความรู้สึกดีๆที่ทำให้เบิกบานใจเสียด้วยซ้ำ
ผิดกับคู่ของสายทิพย์กับธนู ที่นับวันปัญหาก็ไม่อาจคลายปมได้ เมื่อธนูหวนกลับไปขลุกอยู่กับวิมาดา สายทิพย์จึงตัดสินใจเด็ดขาด ย้ายออกจากบ้านไปอยู่ทาวน์โฮมกับลูกและน้อง
หยาดฝนติงพี่สาวว่าจะไม่ให้หลานได้เจอกับพ่อบ้างเลยหรือ คุยกันดีๆไม่ได้แล้วใช่ไหม
“พ่ออย่างนั้นจะมีไปทำไม พี่ให้โอกาสเขามามากพอแล้ว ฝนไม่ต้องห่วง วันที่พี่พร้อมที่จะจดทะเบียนหย่าเมื่อไหร่ เราได้นัดคุยกันดีๆแน่นอน”
ความเด็ดเดี่ยวของสายทิพย์ ทำให้หยาดฝนได้แต่ถอนใจ
ฝ่ายธนูสำเริงสำราญกับวิมาดากลับมาถึงบ้าน เจอแต่บ้านที่ว่างเปล่าก็รู้ตัวว่าถูกทิ้งแล้ว...
ooooooo
ความเปลี่ยนแปลงแปลกๆของอุปมา ที่เคยเที่ยวไหนเที่ยวกันกับเพื่อน ก็เปลี่ยนเป็นไม่เที่ยว ตกเย็นก็กลับบ้าน ซ้ำกลางวันยังกลับไปทานที่บ้านด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังอารมณ์ดีซื้อขนมและผลไม้ให้เลขาเอาไปแบ่งให้พนักงานกินกันด้วย
ฝ่ายสไบนางก็ไม่พ้นหูพ้นตาหยาดฝน ที่รู้สึกเพื่อนรักเปลี่ยนแปลงไปมาก วันนี้มาหาที่บ้านก็พบว่าเข้าครัวทำอาหารเพราะอุปมาโทร.ว่าจะกลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้าน พอถูกเพื่อนแซวดักคอ ก็แก้เกี้ยวว่า เพราะอุปมาไม่ชอบทานมะเขือเทศ ฉะนั้น วันนี้ตนจะทำอาหารชุดมะเขือเทศให้ทาน มีทั้งซุปมะเขือเทศ ยำมะเขือเทศ ผัดมะเขือเทศ ไข่เจียวยัดไส้มะเขือเทศ จะแกล้งให้สะใจไปเลย
เมื่อหยาดฝนไปเจออาทิตย์ก็เล่าให้ฟังขำๆว่า ดูสไบนางตั้งอกตั้งใจปรุงรสชาติอาหารมาก ตนลองชิมแล้วอร่อยหมดทุกอย่าง อาทิตย์พูดขำๆว่าถ้าเกิดอุปมาชอบทานมะเขือเทศก็บิงโกเลย เข้าทำนองยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน หยาดฝนเลยหัวเราะขำๆออกมาขู่ว่าถ้าพูดให้สไบนางได้ยิน มีหวังเป็นเรื่องแน่
หัสดินเลยอดไม่ได้บอกว่าใช่แต่สไบนางแปลกไป อุปมาก็แปลกใช่ย่อยเอะอะก็จะกลับบ้าน ชวนไปดริงก์ก็ปฏิเสธ หยาดฝนพูดขำๆว่า “เลือกที่จะกลับไปทะเลาะกับบีแทน”
ทั้งสองนินทาเพื่อนกันอย่างสนุกปาก แล้วเดินคุยกันไปกะหนุงกะหนิงประสาคนรัก
ooooooo
เพราะวันนี้พยาบาลที่มาดูแลสไบนางจะทำงานที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว จึงขอให้อุปมาช่วยฝึกสไบนางเดิน สไบนางรีบบอกว่าไม่ต้องตนเดินกลับไปนั่งเก้าอี้เองได้แล้ว อุปมาที่ทำท่าจะเข้าช่วยเลยชะงัก ทำปากพูดเบาๆว่า “เด็กดื้อ อวดดี”
พอสไบนางเดินเขยกๆผ่านหน้าอุปมาก็เสียหลักเซจะล้มจนเขาต้องประคองไว้ ยักคิ้วพูดยั่วว่า “อยากให้ฉันประคองล่ะซิ” เลยถูกหยิกเสียจมเล็บร้องโอ๊ยไปตามระเบียบ
เมธาวีในชุดสวยแต่งหน้าเต็มที่เดินมาเห็น ทักประชดประชันว่า “พี่น้องหยอกเย้าอะไรกันอยู่คะ” ทั้งสไบนางและอุปมาต่างชะงัก ผละออกจากกันจนสไบนางแทบล้ม พยาบาลต้องรีบมาประคองไว้
อุปมาคาดไม่ถึงว่าเมธาวีจะมา สไบนางทักเจื่อนๆว่าพี่เมหายดีแล้วหรือ เมธาวีสวนไปอย่างเย็นชาว่า ดูเหมือนเธอไม่อยากให้ตนหาย แล้วแขวะอุปมาว่าดูเหมือนไม่ดีใจที่เจอตนเลย
“ดีใจสิครับ ผมกำลังตกใจที่เมมาเซอร์ไพรส์น่ะครับ”
“เมขอขึ้นไปดูห้องหอของเราหน่อยนะคะ” เมธาวียิ้มบางๆแล้วเดินนำขึ้นไปเลย
พอรู้ว่าสไบนางมานอนที่ห้องหอของตน เมธาวีมองหน้าอุปมาน้ำตาคลอถามว่าให้สไบนางมานอนห้องหอของเราได้ยังไง อุปมาอึกอักตอบไม่ถูก พอถูกดักคอว่าอย่าบอกนะว่าเขาก็นอนห้องนี้เหมือนกัน อุปมาเลยยิ่งลน ทำให้เมธาวีระแวงถามเสียงสั่นเครือว่าเขากับสไบนางมีอะไรกันแล้วใช่ไหม
อุปมาตั้งสติได้ชี้แจงว่าทุกคนรู้ดีว่านี่คือการแต่งงานกันหลอกๆ เมธาวีโกรธจัดผลักเขาพ้นทางแล้วเดินฉับๆลงไปหมายไปอาละวาดสไบนาง อุปมารีบตามไปพยายามบอกให้ฟังตนก่อน แต่เมธาวีไม่ฟัง
เมธาวีไปอาละวาดสไบนางหาว่ามีแผนจะจับอุปมา ผลักสไบนางจนล้มไปกับพื้น อุปมารีบเข้าไปห้ามบอกว่าสไบนางขาเจ็บอยู่
“เจ็บเหรอ สำออยเรียกคะแนนสงสารจากคุณน่ะสิ” เมธาวีผลักอุปมาออกแล้วหันไปด่าสไบนางว่าพยายามจะแทนที่ตน หาว่าสไบนางหาทางแทนที่ตนทุกอย่างแม้แต่ห้องหอก็ยังเข้ามานอนก่อนตน คำรามใส่ “ฉันอยากจะบีบคอเธอให้ตายคามือนัก”
“ผมขอเถอะคุณเม” อุปมารีบเข้ามาขวาง ถูกเมธาวีว่าเข้าข้างกัน เขาก็ไม่สนใจบอกสไบนาง “บีกลับขึ้นข้างบนก่อนไป”
เมธาวียังด่าสไบนางไม่เลิก จนอุปมาขอให้พอ อายเด็กรับใช้บ้าง สไบนางจึงพยุงตัวขึ้นข้างบน
“ฉันเชื่อคำพูดของมาร์คว่าไม่ได้นอนกับเธอ” เมธาวีพูดตามหลัง แล้วเยาะเย้ยว่า “สารรูปกับสันดานอย่างเธอ แค่คุยด้วยมาร์คยังแขยง ถ้าจะให้มีอะไรกัน คงต้องเมาหรือเป็นบ้าเสียก่อน”
อุปมายืนเงียบกริบ สไบนางหันจ้องแล้วก้าวพรวดๆ ขึ้นไป โกรธจนลืมเจ็บ
เมธาวีเห็นความห่วงใยของอุปมาที่มีต่อสไบนางก็ทนไม่ได้ เดินฉับๆออกไปอย่างหัวเสีย อุปมาตัดสินใจตามเมธาวีไป สไบนางหันมองก่อนพยุงตัวขึ้นบันไดไปน้ำตาคลอ...
ooooooo
อุปมาเดินตามเมธาวีไปที่สนามหญ้า เธอพูดเสียงเข้มให้เขาไปจดทะเบียนหย่ากับสไบนางในวันพรุ่งนี้เลย อุปมานิ่งเงียบไป เธอดักคอว่าเกิดไม่อยากหย่าขึ้นมารึไง เขาจึงอ้างว่าตนต้องบอกพ่อก่อนเพราะพ่อไม่ยอมให้หย่า
เมธาวีคาดคั้นถามว่า เขายังรักตนอยู่หรือเปล่า อุปมาตอบเลี่ยงๆว่าเราแต่งงานกันแล้วนะ
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม โอเค คุณไม่ต้องตอบก็ได้ เมยอมรับว่าเมไม่ใช่รักครั้งแรกของคุณเหมือนผู้หญิงที่ชื่อวิมาดา และเมก็ไม่อยากลดตัวไปเทียบกับผู้หญิงแบบนั้นด้วย”
อุปมายอมรับว่าตนปิดประตูเรื่องความรักมานานแล้วแต่พอเจอเธอก็รู้ว่าชอบและถูกใจเพราะเหมาะสมกันทุกด้านเชื่อว่าอนาคตตนรักเธอได้แน่นอน เมธาวีย้อนถามว่า แล้วกับสไบนางล่ะ อุปมาชะงักไปนิดหนึ่ง ถูกเธอยื่นคำขาดว่า “ถ้าคุณไม่รู้สึกพิเศษอะไรกับบี ก็ไล่บีให้ย้ายออกไปจากห้องนอนของเราวันนี้เลย”
อุปมายิ้มเจื่อนๆแหยๆ และเมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ เขาขึ้นมาที่ห้องหอ ก็เจอสไบนางกำลังเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกวาดจากตู้โยนกระจายเต็มพื้น พอเขาเข้าไปจะช่วย ก็ถูกไล่ให้ไปไกลๆเลย
“ผมเสียใจนะที่มีความเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้น”
“เก็บความเสียใจของนายไปให้พี่เมเถอะ แล้วก็ไม่ต้องลำบากใจอะไรทั้งนั้น เพราะระหว่างเรามันไม่ต้องแคร์อะไรกันอยู่แล้ว เราคือคนที่เกลียดขี้หน้ากัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้หรอก...ละครกำลังจะจบ แล้วชีวิตฉันก็กำลังจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังจากตกนรกมานาน”
อุปมานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก เลยถูกสไบนางไล่ให้ออกไปเร็วๆก่อนที่เมธาวีจะมาอาละวาดตนอีก อุปมาถอนใจเฮือกแล้วลุกเดินหงอยๆออกไป สไบนางนั่งพับผ้าที่กองอยู่ น้ำตาหยดแหมะลงที่เสื้อไม่รู้ตัว
ooooooo
เมื่อบารมีกลับมา สไบนางถามว่าวันนี้ขาดีขึ้นเยอะแล้วอยากไปเยี่ยมลุงประมุขได้ไหม บารมีหน้าขรึมลง สไบนางบอกว่าตนจะพาป้อมไปเป็นเพื่อนด้วยบารมีบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวจะไปส่งเอง
อันที่จริงคุณหญิงอยากจะให้สไบนางไปเยี่ยมประมุขหลายวันแล้ว แต่กลัวจะผิดคำพูดกับบารมีที่ว่าต้องให้สไบนาง เสนอเอง จึงยังรอคอยอยู่อย่างกระวนกระวายใจเพราะอาการประมุขทรุดลงทุกทีแล้ว
ค่ำแล้ว สไบนางไปที่บ้านสวน พอเข้าห้องประมุขเธอใจหาย เมื่อเห็นเขานอนหน้าซีดเซียวมีสายระโยงระยางรอบเตียง เธออุทานเรียก “คุณลุงคะ...”
ประมุขตาเป็นประกายวาบขึ้นเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ มองสไบนางน้ำตารื้น เมื่อเธอเข้าไปกอด เขาลูบผมอย่างทะนุถนอมปลอบ “อย่าร้องไห้เลยลูก ลุงไม่อยากเห็นบีร้องไห้”
สไบนางกราบขอโทษที่มัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเองเลยไม่ได้มาเยี่ยมลุง ประมุขยกมือแนบแก้มสไบนาง พูดน้ำตาคลอ
“ลุงตะหากที่ต้องขอโทษบีกับเรื่องทั้งหมด...โกรธลุงรึเปล่า” เมื่อสไบนางส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาเอ่ย “ลุงเสียใจ ลุงไม่ควรสร้างรอยดำบนหัวใจของหลาน ลืมเรื่องที่ลุงพูดไว้ทั้งหมดได้ไหม...ลุงไม่ใช่พ่อของบี ประจักษ์คนเดียวเท่านั้นที่เป็นพ่อที่แท้จริงของบี” ประมุขน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวดกับความรู้สึกของตัวเอง
“ตลอดชีวิตลุงไม่เคยทำอะไรถูกต้องเลย ยกโทษให้กับความผิดของลุงได้ไหมลูก” ประมุขเอ่ย มองหน้าสไบนางนิ่ง เมื่อเธอพยักหน้า ร้องไห้โฮซบกอด เขาโอบกอดเธอไว้แนบแน่นเช่นกัน แม้จะน้ำตาคลอแต่ก็มีรอยยิ้มอย่างมีความสุข ที่วันนี้ เขาหมดกังวลแล้ว...
ooooooo
เมื่อสไบนางลงมา บารมีถามว่าลุงเราเป็นยังไงบ้าง สไบนางพูดเสียงสะอื้นว่า ไม่ดีเลย ถามบารมีว่าตนควรทำอย่างไรดี ตนผิดหรือเปล่า ตนควรเป็นอะไรดี บารมีบอกว่าเธอมีสิทธิ์เลือกเอง ถามว่า “ประมุขไม่ได้ขออะไรหนูไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะคุณลุง...ใจบีเป็นอะไรก็ไม่รู้ บีลืมไม่ได้ ใจบีก็อยากยอมรับ แต่พอบีไม่รับ ใจบีก็ทรมาน นี่มันอะไรกันคะคุณลุง”
บารมีปลอบใจหว่านล้อมว่า เรื่องนี้มีไม่กี่คนที่รู้ ถามว่าทนรับเรื่องนั้นไว้คนเดียวไม่ได้หรือ คิดไหมว่าถ้าวิจิตรากับเมธาวีรู้เรื่องนี้ จะเกลียดเธอกับประมุขขนาดไหน อย่าทำให้ประมุขนอนตาไม่หลับเลย
สไบนางคิดตาม พยักหน้าอย่างเห็นด้วย บารมีย้ำตอนท้ายว่า
“ถ้านี่คือความสุขอย่างสุดท้ายที่ประมุขปรารถนา หนูจะไม่ทำเพื่อเขาเลยหรือ”
สไบนางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา จนบารมีต้องกอดปลอบด้วยความสงสาร...เห็นใจ
ooooooo
ค่ำวันเดียวกันนี้ อุปมากับเมธาวีไปทานข้าวในร้านอาหารหรูด้วยกัน เมธาวีเล่าเหตุการณ์ในวัน แต่งงานให้ฟังว่า ตนจำได้แม่นว่าเป็นชันษาแน่ๆ ตนพยายามสู้แล้วแต่โดนเอายาสลบโปะจมูกจนหมดสติ มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
“ไม่ได้หรอกค่ะ ทุกคนเข้าใจว่าบีเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณอยู่ เราต้องจัดงานแต่งให้ใหญ่กว่าเดิม ให้ทุกคนรู้ว่าบีกับคุณหย่าขาดกันแล้ว”
เมื่อเมธาวียืนกรานเช่นนั้น อุปมาติงว่าสไบนางช่วยกู้หน้าพวกเราครั้งหนึ่งแล้วอย่าทำอะไรไปซ้ำเติมให้เธอต้องเสียชื่ออีกเลย เมธาวีไม่ยอม ยืนกรานต้องกู้ชื่อเสียงของตนให้ได้ เพราะตนกำลังจะเป็นภรรยาตัวจริงของเขา
พอดีพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ การสนทนาจึงยุติลง อุปมาเห็นอาหารมีมะเขือเทศเล็กน้อยจึงเอาช้อนกลางตักมาใส่ช้อนตัวเองป้อนใส่ปากเคี้ยวสองสามทีแล้วรีบกลืนอย่างฝืนใจ ตามด้วยการกรอกน้ำเข้าไป เมธาวีสังเกตอาการของเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ติดใจอะไร
เมื่อกลับมาที่บ้าน พากันขึ้นไปบนห้องหอ เมธาวีลงมือจัดห้องหอให้เหมือนเดิม ทั้งยังบอกให้อุปมาไล่สไบนางให้ไปนอนที่บ้านสวนหรือที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ไว้ใจที่จะให้อยู่บ้านเดียวกัน
เมธาวีกวาดตามองรอบห้องอย่างสำรวจ เจอกล้องวงจรปิดติดอยู่หลายตัว ถามว่าเขาติดกล้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อุปมาปดว่าเพื่อนขายอยู่เลยช่วยซื้อไว้เท่านั้นเอง
ครั้นเธอไปรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อจัดใหม่ เจอกรรไกรตัดหญ้าเข้าถามว่าเอามาไว้ในตู้เสื้อผ้าทำไม อุปมาอึ้งไปนิดหนึ่ง ปดไม่แนบเนียนนักว่ามันติดมือมา เดี๋ยวจะเอาไปเก็บข้างล่างพลางรับกรรไกรถือเดินออกจากห้อง ย่องไปที่ห้องเล็กของสไบนาง เคาะเบาๆบอกว่า “ฉันเอากรรไกรตัดหญ้ามาคืน”
ไม่มีเสียงตอบรับจึงเปิดเข้าไป ไม่เจอสไบนางเพราะเธอยังไม่กลับจากบ้านสวน
ooooooo
ถือกรรไกรลงมาเจอแรมที่กำลังเอาขนมหวานมาให้ เลยฝากแรมเอาไปเก็บให้ด้วย ถามว่าแล้วสไบนางหายไปไหน แรมบอกว่าไปบ้านสวนกับคุณท่าน ก็พอดีสไบนางเดินน้ำตาคลอเข้ามา ต่างสบตากันแล้วเธอก็เดินเลี่ยงขึ้นข้างบน
อุปมาคิดว่าสไบนางเสียใจเรื่องของตนตามเข้าไปที่ห้องนอนเล็ก พูดอย่างเห็นใจว่าตนเข้าใจความรู้สึกของเธอ กลายเป็นว่าสไบนางไม่ได้คิดเรื่องของเขาเลย เธอเสียใจเรื่องประมุข พูดเย้ยเขาว่า
“ต่อให้นายพาผู้หญิงเข้าบ้านมานอนสักโหลนึงฉันก็ไม่แคร์” แล้วเล่าเรื่องอาการป่วยของประมุข เล่าไปน้ำตาซึมไป ทำเอาอุปมาหน้าเจื่อนจ๋อย สำคัญตนผิดไปจริงๆ
ตกกลางคืน สไบนางไปยืนที่ท่าน้ำเป็นห่วงประมุขและสับสนเรื่องของตัวเอง อุปมามาทักจากข้างหลัง เขาพูดคุยอย่างเห็นใจ ถามอาการของประมุข สไบนางบอกว่าไม่น่าจะพ้นวันสองวันนี้ พูดแล้วร้องไห้อีก
อุปมาแกล้งกระเซ้าให้บรรยากาศคลี่คลาย เอามือไปผลักหัวสไบนางพูดเบาๆ “ขี้แย” ปลอบว่า “ทุกคนก็ต้องมีวันสูญเสียคนที่เรารักกันทั้งนั้นแหละ เธอต้องยอมรับให้ได้” พอเธอจะเดินหนีเขาดึงไปกอด
สไบนางหมดแรงที่จะดันตัวออกมา ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกเขา อุปมาปลอบเหมือนปลอบน้องว่า
“จอมแสบปากร้ายร้องไห้ได้ยังไงเสียลุคหมด
ไม่เอา...ไม่ร้องแล้วครับ”
สไบนางกอดเขาไว้ร้องไห้อย่างหยุดไม่ได้ ต่างกอดและซึมซับสัมผัสของกันและกันจากปรารถนาลึกๆของหัวใจแต่อาศัยเรื่องประมุขบังหน้า...
บารมียืนมองลูกและหลานจากมุมสนามเงียบๆไม่ค่อยสบายใจนักกับภาพที่เห็น...
เมื่อพากันกลับมาที่บ้าน สไบนางทั้งปรามทั้งขู่อุปมาห้ามเอาเรื่องเมื่อครู่นี้ไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด อุปมารับปากว่าจะไม่พูด และเมื่อแยกกันแล้ว สไบนางก็บ่นตัวเองอย่างหงุดหงิดแอบเขินๆว่า
“เสียฟอร์มสุดๆเลยบู้บี้เอ๊ย...ให้เขากอดได้ยังไง... บ้า...ฉวยโอกาส”
ooooooo
รุ่งขึ้น อาทิตย์มาเยี่ยมสไบนางแต่เช้า พูดดักคออุปมาว่าตนคงพบได้ใช่ไหมเพราะสไบนางไม่ได้หลับ น้าแรมบอกว่าเธอเพิ่งเดินไปบ้านคุณลุงเดี๋ยวก็กลับ อุปมามองขวางๆอย่างไม่แคร์ แต่พอจะเดินผ่านไป อาทิตย์ก็ถามขึ้นอีกว่า “ตกลงคุณจะหย่าให้บีเมื่อไหร่ครับ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ” อุปมาเสียงเขียว พออาทิตย์บอกว่าตนสงสารบี อุปมาเย้ยว่า “ห่วงแฟนมากเรอะเสียใจด้วยนะ ผมไม่หย่า” อุปมายิ้มกวนๆ พออาทิตย์ชะงักมองอึ้ง อุปมาพูดยั่วอีกว่า
“แล้วก็อย่าคิดว่าผมเผลอไปหลงเสน่ห์เด็กหัวกะลานั่นล่ะ เพราะมันไม่มีทาง แต่ผมชอบทรมานใจคน...สะใจดี” พูดแล้วเดินออกไป แต่ต้องหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงอาทิตย์พูดตามหลังว่า
“ยื้อไว้นานๆระวังจะทรมานใจตัวเองแทนนะครับ” พูดแล้วเห็นอุปมามองตาเขียวก่อนเดินฉุนเฉียวออกไป อาทิตย์พึมพำขำๆ “เสน่ห์แรงใช่ย่อยนะบู้บี้...”
ooooooo
ฝ่ายบารมีเริ่มสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างสไบนางกับอุปมา วันนี้เขาบอกสไบนางขณะยืนคุยกันที่มุมบ้านว่า ตนยังไม่ได้คุยกับอุปมาเรื่องเธอเลย บอกว่าถ้าเธอกับอุปมาหย่ากันเมื่อไร ก็จะส่งไปเรียนต่อที่อเมริกาตามที่รับปากไว้ อุปมาเดินผ่านมาได้ยินเลยหยุดฟัง
สไบนางถามว่าแล้วคุณลุงว่าตนควรหย่ากันเมื่อไร บารมีมองหน้าสไบนางอย่างสังเกตบอกว่า ถ้าเธอบอกคำเดียวว่าจะหย่าเดี๋ยวนี้ก็จะจัดการให้ทันที พูดแล้วลุ้นคอยคำตอบจากเธอ
“บีก็แล้วแต่คุณลุงเห็นสมควรค่ะ” เสียงสไบนางอ่อนลงจนผิดสังเกต อุปมาที่แอบฟังอยู่ยิ้มอย่างดีใจ ส่วนบารมีเริ่มแน่ใจในสิ่งที่ตนระแวงมากขึ้นทุกที
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของอุปมาดังขึ้นทำให้บารมีกับสไบนางหันมอง เขาทำเฉไฉรับสายฟัง แล้วทำหน้าตกใจ บารมีถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
อุปมาบอกว่าคุณย่าโทร.หาสไบนางแต่ไม่ติดเลยโทร.หาตนบอกว่าอยากให้สไบนางไปเยี่ยมประมุขคิดว่าอาการเขาไม่น่าจะพ้นวันนี้ สไบนางน้ำตารื้นทันที อุปมาอาสาจะไปส่ง พอสไบนางมองหน้าเขาเก๊กบอกว่า
“ฉันจะไปหาคุณเมพอดี”
“บีไปก่อนนะคะคุณลุง” สไบนางยกมือไหว้บารมีแล้วเดินตามอุปมาไป
บารมีมองตามทั้งคู่ไปอย่างใช้ความคิด
แต่พอสไบนางเดินตามอุปมาถึงหน้าบ้านเจออาทิตย์ยังรออยู่ พอรู้ว่าสไบนางจะไปเยี่ยมประมุขจึงอาสาขับรถไปส่ง อุปมาสอดขึ้นกวนๆว่า “งั้นไปด้วยคนสิ พอดีขี้เกียจขับรถ” พูดแล้วเดินไปขึ้นนั่งคู่คนขับหน้าตาเฉย สไบนางหมั่นไส้ชวนอาทิตย์เดินไปกันดีไหม
“ช่างเขาเถอะนะ ขึ้นรถเถอะ” อาทิตย์เดินนำไปที่รถให้สไบนางนั่งเบาะหลังแล้วเขาก็ขึ้นรถขับไปด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
ooooooo
เมื่อไปถึงบ้านสวน คุณหญิง วิจิตรา และเมธาวี ห้อมล้อมอยู่ข้างเตียงประมุขที่อ่อนล้าจนแทบไม่มี
แรงพูด ทุกคนเศร้ามาก จนเมื่อสไบนางเข้ามา วิจิตราจึงจูงมือเมธาวีออกไป สไบนางรีบเข้าไปคุกเข่าข้างเตียงประมุข กุมมือเขาไว้ บอกเบาๆ “คุณลุงคะ บีมาแล้วค่ะ”
ประมุขพยายามลืมตาขึ้น พูดอย่างยากลำบาก “บี...ฝากคุณย่าด้วย ดูแลให้ดี...ทำแทนลุงด้วย...”
“ค่ะคุณลุง บีจะดูแลคุณย่าอย่างดีที่สุด คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” สไบนางปล่อยโฮออกมากอดซบประมุขร้องไห้อย่างหนัก ประมุขขยับปากขมุบขมิบเล็กน้อย สีหน้าสบายใจเหมือนปลดปล่อยตัวเองแล้ว...
เมื่อวิจิตราและเมธาวีออกมาที่โถงบ้านเจออุปมากับอาทิตย์นั่งอยู่ วิจิตราถามว่ามากันได้ยังไง อาทิตย์แย่งตอบว่าตนรับสไบนางมาส่ง อุปมามองหน้าเมธาวีพูดแก้เกี้ยวว่าตนเห็นว่ามาที่เดียวกันเลยขอติดรถมาด้วย
ทันใดนั้นเอง บารมีก็เดินเข้ามาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเดินมาหาวิจิตราพูดหน้านิ่งๆ
“รังเกียจไหม ถ้าผมจะขอเยี่ยมไข้ประมุข” พูดแล้วจ้องหน้ารอคำตอบแววตาขึงขัง
เมื่อบารมีเข้าไปในห้องประมุข เขาบอกคุณหญิงว่าขอคุยกับประมุขเป็นการส่วนตัวได้ไหม คุณหญิงจึงจูงมือสไบนางออกไป บารมีค่อยๆเดินเข้าหาประมุข เมื่อฝ่ายนั้นลืมตามอง บารมีมองนิ่งก่อนเอ่ยว่า
“แกทุกข์ทรมานมาทั้งกายทั้งใจ สาสมกับความผิดที่แกเคยทำไว้แล้ว ฉันอโหสิให้แกประมุข”
ประมุขน้ำตาไหล มีรอยยิ้มบางๆอย่างคนหมดกังวลแล้ว และกำลังจะจากไปอย่างเป็นสุข...
ครู่เดียว บารมีก็ออกมาบอกคุณหญิงว่าตนขอรับผิดชอบเรื่องการจัดงานศพให้ประมุขเอง เมธาวีร้องไห้โฮวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องประมุข วิจิตราร้องไห้วิ่งตามลูกเข้าไป
บารมียังบอกคุณหญิงว่าเดี๋ยวจะให้อุปมาเอากุญแจบ้านอัคราชมาให้ เผื่อช่วงงานศพเหนื่อยจะได้มาพักที่บ้านโน้นเลย ไม่ต้องเดินทางไกล แล้วหันไปสั่งอุปมา “มาร์ค กลับบ้านพร้อมพ่อ”
“ครับพ่อ” อุปมารับคำแล้วเดินตามบารมีออกไป ส่วนอาทิตย์นั่งมองสไบนางที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความสงสาร ทำได้แค่เข้าไปตบบ่าเบาๆอย่างให้กำลังใจ
ooooooo
ที่ศาลาสวดศพประมุข บารมีไปนั่งคุกเข่าหน้าโลงศพ พนมมือกับธูป 1 ดอก เอ่ยหน้านิ่งขรึม
“แกไม่ต้องห่วงทั้งบีและเม เด็กสองคนไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นในอดีตของเรา...ฉันเป็นคนผูก ฉันก็ต้องเป็นคนแก้ ฉันคงรับปากแกไม่ได้ว่าจะไม่มีใครต้องเสียใจ แต่ฉันก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ถูกที่ถูกทางมากที่สุด หลับให้สบายเถอะประมุข...”
แขกที่มางานต่างแสดงความเสียใจกับคุณหญิงและวิจิตรา เมธาวีคอยต้อนรับแขกและดูแลอุปมา แสดงความสนิทสนมกระทั่งโอบเอวเมื่อชวนไปหาอะไรทานกันก่อนไหม
อุปมากับอาทิตย์ต่างก็จับตามองกันและกันว่าจะใกล้ชิดกับสไบนางแค่ไหนเพียงไร อาทิตย์รับรู้ถึงความรู้สึกที่ห่วงใยกันของอุปมาและสไบนางตลอดงาน
เมื่อกลับถึงบ้านไทยประยุกต์แล้ว บารมีรู้สึกผิด บอกกับอุปมาว่าตนขอโทษที่ดึงเขามาเดินหมากแก้แค้น ทำให้ชีวิตเขาต้องพลอยวุ่นวายไม่มีความสุขไปด้วย
อุปมาบอกว่าสิ่งที่พ่อเอาคืนจากพวกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับที่เขาทำกับพวกเรา แต่ก็ย้ำว่า ถ้าพ่อจะเอาคืนด้วยการลุกขึ้นมาฆ่าแกงพวกเขาตนก็ไม่เห็นด้วย
“ที่ผ่านมา ไม่มีใครเลยสักคนที่มีความสุข แม้แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยอย่างบี” บารมีเอ่ยบอกอุปมาว่าตนรู้สึกสงสารบีมากจนอยากจะล้มเลิกแผนการแก้แค้นทั้งหมดอยู่หลายครั้ง พูดแล้วถามหยั่งใจลูกว่า “ท่าทางเราสองคนจะใจอ่อนกับผู้หญิงคนเดียวกันเสียแล้วนะมาร์ค...แล้วแกจะหย่ากับบีได้เมื่อไหร่ เพราะทั้งคุณรุจาทั้งวิจิตราถามพ่อยังกะนัดกันมา”
อุปมาย้อนถามว่า พ่อตอบเขาไปอย่างไร บารมีบอกว่าตนอยากถามตัวเขาให้แน่ใจก่อนมากกว่าเลยตอบไปกลางๆ ว่ารอดูตามความเหมาะสมไปก่อน
“ก็รอให้งานศพเรียบร้อยไปก่อนก็ได้ครับคุณพ่อ ทุกคนกำลังเสียใจ ผมไม่อยากทำอะไรหักหาญน้ำใจกันตอนนี้” อุปมาถ่วงเวลา
“ก็ดี...แกจะได้มีเวลาทบทวนใจตัวเองให้ถี่ถ้วน จะได้ไม่ต้องตัดสินใจผิดๆ” บารมีสรุปแล้วเดินเข้าข้างใน
อุปมามองตามพ่อไปอึ้งๆ เหมือนพ่อจะรู้ความรู้สึกลึกๆของตนกระนั้น...
ooooooo
เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
No comments:
Post a Comment