Tuesday, September 20, 2011

เรื่องย่อ รอยมาร ตอน4 ละครช่อง3




เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  




***แนะนำ +++หุ่นยนต์เต็น nobody wonder girl น่ารักโครตๆๆๆ


ตอนที่ 4

เป็นความบังเอิญที่วันนี้สายทิพย์ไปเจอวิมาดาที่ห้างสรรพสินค้าในแผนกเสื้อผ้าสตรีที่ทั้งคู่ไปเลือกซื้ออยู่ พอเห็นสายทิพย์วิมาดาก็เดินเลี่ยงไป สายทิพย์เรียกไว้บอกว่าไม่ต้องกลัวตนไม่ด่าหรือตบเธอหรอก
วิมาดายังจะเดินเลี่ยงไป สายทิพย์บอกให้เธอเลือกซื้อที่นี่เสียตนจะไปร้านอื่นเองเพราะไม่อยากใส่เสื้อผ้าแบรนด์เดียวกับเมียน้อย วิมาดาโมโหพูดดูถูกธนูว่าตนไม่ได้พิศวาส อะไรเลย หวงนักก็จับมัดไว้ที่บ้านเสีย
ก่อนไปวิมาดายังเอาชุดที่ตัวเองเลือกไว้ซึ่งค่อนข้างเซ็กซี่โยนใส่สายทิพย์บอกให้หัดปรับปรุงตัวเองเสียบ้างแต่งหน้าตาให้เข้มจะได้ดูสดใสใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่จะได้มัดใจสามี
วิมาดาไปแล้ว สายทิพย์คิดๆ แล้วตัดสินใจซื้อชุดที่วิมาดาโยนใส่เมื่อครู่นี้แต่พอธนูกลับมาคืนนี้ เขามองเธออย่างแปลกใจที่แต่ง หน้าเข้มถามว่าที่คณะมีงานหรือแต่งหน้าจัดจัง ครั้นเห็นชุดที่ใส่ก็มองอย่างแปลกใจ สายทิพย์ถามว่าแต่งแบบนี้สวยไหม
ธนูมองแล้วติงว่าโป๊ไปหน่อย เตือนให้ไปล้างหน้าล้างตาเสีย น้ำหอมที่ใส่ก็ฉุนไปเดี๋ยวลูกจะแพ้ เมื่อสายทิพย์ ตัดพ้ออย่างน้อยใจที่เขาหมางเมินต่อตนถามว่าไม่รักตนแล้วใช่ไหม พลางเข้าไปกอดไว้อ้อนๆ
ธนูผลักเธอออกถามว่าจะบ้ารึไง ไล่ให้ไปส่องกระจกดูตัวเองซิ ดูได้เสียที่ไหน พูดอย่างหงุดหงิดว่า “อย่าทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองหน่อยเลย ผมไม่ชอบ จำเอาไว้ ผมรักคุณอย่างที่คุณเป็น”
“แต่ฉันอยากให้คุณรักฉันเหมือนที่คุณรักวิมาดา” พูดแล้วร้องไห้ออกมา ธนูมองอย่างรำคาญแล้วผลุนผลันออกจากห้องไปเลย
ooooooo
คืนนี้ที่บ้านอัคราช ทุกคนพากันตกใจเมื่อสไบนางตีฆ้องร้องป่าวประกาศลั่นว่ามีข่าวดีจะมาบอกข่าวดีที่ว่าคือ เธอสอบติดศิลปากร แต่พอวิจิตรากับเมธาวีฟังแล้วก็พูดอย่างเย็นชาว่า สอบติดจะแปลกอะไรสอบไม่ติดสิถึงจะแปลก เสียเวลาจริงๆ
มีแต่คุณหญิงกับบังอรเท่านั้นที่แสดงความดีใจด้วย คุณหญิงบอกหลานสาวว่า
“ตั้งใจเรียนนะลูก เอาให้ได้เกียรตินิยมเหมือนพี่เมเขานะ”
สไบนางฟังแล้วเซ็งไปเลย
แต่เพราะคุณย่าอยากให้แน่ใจ วันนี้สไบนางจึงจะไปดูผลสอบให้เห็นกับตา เจออาทิตย์เข้าที่กลางซอย พอรู้ว่าจะไปดูผลสอบ เขาอาสาพาไปส่ง สไบนางถามประชดว่าจะมาหาเมธาวีไม่ใช่หรือ เขาบอกว่าไม่ได้นัดไว้แต่ไม่มีอะไรทำเลยแวะมา ทั้งยังบอกว่าถ้าสอบได้จริงจะเลี้ยงข้าวมื้อหนึ่ง สไบนางขอแถมของขวัญอีกชิ้นหนึ่งด้วย
ปรากฏว่าสอบได้จริงๆ สไบนางบอกให้ไปซื้อลาบ ส้มตำ น้ำตก เอาแบบเซ็ตใหญ่จะเอากลับไปกินฉลองที่บ้านกับคุณย่า ส่วนของขวัญเธอพาไปซื้อชุดนางรำชุดใหญ่เพื่อเอามารำในวันเกิดคุณย่า
พอกลับมาถึงบ้านก็พากันไปปูเสื่อนั่งพับเพียบกินลาบ ส้มตำ น้ำตกกันอย่างครึกครื้น เมธาวีมาดูเบ้หน้าบ่นว่าคุณย่านั่งกับพื้นนานๆเดี๋ยวก็ปวดขาอีก แต่คุณหญิงกลับยิ้มแย้มบอกว่าไม่เป็นไร นานๆที
เมธาวีฟังแล้วหงุดหงิดเดินออกจากบ้าน เจออุปมาขับรถเข้ามาพอดี อารมณ์เธอเปลี่ยนฉับพลันทั้งดีใจทั้งเขิน แต่รักษาฟอร์มทำเป็นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นพูดติดพัน พออุปมาทักเธอก็ทำเป็นถามว่ามาหาคุณย่าหรือ แล้วทำท่าจะขึ้นไปบอกคุณย่า
อุปมารู้ทันส่งสายตาหวานคมกริบให้จนเมธาวีไม่กล้าสบตาทำเป็นรีบเดินขึ้นไป ลืมไปว่าตัวเองฟอร์มทำเป็นคุยโทรศัพท์อยู่ พออุปมาทักว่า “เพื่อนอยู่ในสายนะครับ” เธอก็ตกใจรีบยกขึ้นพูด ลนจนพูดซ้ำประโยคเดิมว่า “อยู่บ้าน... เดี๋ยวบ่ายๆจะออกไปข้างนอก”
อุปมายิ้มอย่างรู้ทันว่า ที่แท้เธอก็สนใจตนมากจนเขินได้ถึงขนาดนี้...แต่ยังทำฟอร์มอยู่เท่านั้น
เมื่อเมธาวีเข้าไปบอกคุณย่าว่าอุปมามาขอพบ สไบนางโพล่งไปทันทีว่าบอกให้เขากลับไปก่อนเถอะมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา แต่คุณหญิงบอกเมธาวีให้ไปบอกอุปมาขึ้นไปรอที่ห้องรับแขกเล็กได้เลย
เมื่อเมธาวีไปบอกอุปมา เขาขอบคุณ เธอพยักหน้าให้สาวใช้พาไป อุปมาพูดขึ้นก่อนที่เธอจะเดินเลี่ยงไปว่าดูเหมือนเธอไม่ค่อยยินดีต้อนรับตนเท่าไหร่เลย เพราะไม่เห็นยิ้มสักนิด
พอหญิงสาวบอกว่าตนเป็นคนยิ้มยาก อุปมาจ้องตานิ่งบอกว่าจะทำให้เธอยิ้มให้ได้ เธอตัดบทว่าเดี๋ยวคุณย่ารอนาน ครั้นอุปมาฉวยโอกาสว่าคราวหน้าจะขอเป็นแขกเธอบ้างได้ไหม เมธาวีแทบทนกับสายตากรุ้มกริ่มของเขาไม่ได้ตัดบทว่า
“แขกคุณย่าก็เหมือนแขกของเราทุกคน ขอตัวนะคะ” พูดแล้วเดินเลี่ยงไป อุปมามองตามอย่างพอใจ
แต่ข้างหลังอุปมา ชันษาแอบดูอยู่ เขาจ้องมองอุปมาอย่างไม่พอใจด้วยความหึงหวงเมธาวี
ooooooo
ความเกลียดชัง ทำให้สไบนางตามมาราวีอุปมาถึงห้องรับแขกที่คุณหญิงนั่งคุยกับเขาอยู่ เธอมาแสดงความก้าวร้าว ยียวน เมื่อคุณหญิงให้สวัสดีอุปมา เธอก็ยื่นมือจะไปเช็กแฮนด์ พอถูกคุณหญิงดุก็ชักมือกลับอ้างว่า
“ยังกินไม่อิ่มเลยค่ะคุณย่า ติดไว้ก่อนนะ กินอิ่มแล้วเดี๋ยวล้างมือมาไหว้ใหม่”
ครั้นคุณหญิงถามว่าอุปมาทานอะไรมาหรือยังเรามีอาหารอีสานอยู่ทานเป็นรึเปล่า สไบนางก็ลอยหน้าพูดลอยๆ ว่าจะกินได้รึต้องใช้มือจกอาหารเข้าปาก แล้วทำท่าน่าเกลียดให้ดู
“เดี๋ยวเถอะนะบี เล่นไม่เลิกนะ คุณอุปมาเขาไม่คุ้นเคย กระดากตาย” คุณหญิงปราม
“เรากินกันอย่างเปิดเผยต้องกระดากอายทำไมคะคุณย่า” แล้วมองหน้าอุปมาพูดแขวะ “ดีกว่าแอบลักเขากินขโมยเขากินเป็นไหนๆ”
“เรามีความพอใจเป็นของตัวเอง เป็นสิทธิส่วนบุคคล คนอื่นที่ชอบก้าวก่ายเรื่องของเราเกินไป ควรเรียกว่าอะไรดี” อุปมาย้อนถามอย่างรู้ว่าถูกแขวะ
“สอด แส่ สาระแน หรือ...” พูดได้แค่นั้นก็ถูกคุณหญิงเรียกปราม อุปมาบอกว่าไม่เป็นไร  แต่คุณหญิงไม่ยอมตำหนิสไบนางว่าทำไมพูดจาก้าวร้าวพี่เขาขนาดนี้ เขาทำอะไรให้เรา
“บีไม่อยากเล่าให้คุณย่าฟังหรอกค่ะ บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นโชคดีของครอบครัวฝนก็ได้ ถ้าผู้หญิงเลวๆคนนึงจะโดนผู้ชายที่เลวคู่ควรกันลากไปให้พ้นชีวิตพี่สาวฝนเสียที” สไบนางกระแทกเสียงใส่แล้วลุกขึ้นพูดลอยๆ “เย็นนี้ไม่ต้องเรียกนะคะ บีไม่ทานข้าว” พูดแล้วค้อนตาเขียวใส่อุปมาอีกทีก่อนไป
คุณหญิงพยักหน้าให้บังอรตามไป พอบังอรไปแล้วคุณหญิงขอโทษอุปมาแทนหลานสาว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเจอฤทธิ์เดชเขาจนชินแล้ว” พูดแล้วตัดบทบอกคุณหญิงว่า “ผมจะมาเรียนให้ทราบว่าพ่อผม กับลุงประมุขคงจะเดินทางกลับมาเมืองไทยพร้อมกัน”
ข่าวนี้ทำให้คุณหญิงแอบกังวลใจไม่น้อย
ooooooo
เมื่อบังอรมาคุยเรื่องการจัดเตรียมงานด้านอาหารวันแซยิดให้ฟัง คุณหญิงบอกว่าประมุขจะกลับมาพร้อมกับพ่อของอุปมาในวันนั้นด้วย บ่นว่า คราวนี้ประมุขไปนานเหลือเกินจนวิจิตรางุ่นง่าน...งุ่นง่าน
“พ่อคุณอุปมานี่สนิทกับคุณประมุขมากเหรอคะ บังอรไม่เคยเห็นคุณท่านพูดถึงเลย”
คำถามของบังอร ทำให้คุณหญิงนิ่งไปนานกว่าจะเล่าให้ฟังว่า
บารมีกับประจักษ์นั้นสนิทสนมกันเพราะชอบปลูกต้นไม้ทำไร่ทำสวนเหมือนกัน แต่ประมุขนั้นสำรวยสำอาง อีกทั้งเมื่อสอบเข้าเรียนนายร้อยได้ก็ยังดูถูกน้องชายอีก
“แล้วทำไมคุณบารมีถึงย้ายไปอยู่เมืองนอกเสียล่ะคะ” บังอรช่างสงสัย
“จะว่าเป็นคราวซวยก็ได้นะ เจ้านายพ่อมี ไปมีปัญหากับกลุ่มอิทธิพลเข้า พ่อมีก็เลยโดนร่างแหไปด้วย” คุณหญิงสีหน้าเครียดขึ้น ถอนใจยาวเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต
“คราวซวย” ที่คุณหญิงพูดถึงคือ เศรษฐีเทียนกับลูกชายคือบารมี  ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับพวกค้าอาวุธสงครามเจ้านายสั่งประมุขให้ไปจับให้ได้คาหนังคาเขาคืนนั้นเลย ประมุขรับคำ สั่งสีหน้าเครียดจัดแต่ก็ต้องไป
ประมุขนำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านเศรษฐีเทียน เขาบอกบารมีว่า สายข่าวแจ้งว่าพ่อเขากับตัวเขาพัวพันกับพวกค้าอาวุธสงคราม ตนต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา แล้วสั่งค้นให้ทั่ว
เศรษฐีเทียนกับแม่ของบารมีบอกให้เขารีบพาศรีอำไพน้องสาวหนีไปทางหลังบ้านก่อน บารมีพาน้องไปบอกพ่อกับแม่ว่าให้ระวังตัวด้วย เศรษฐีเทียนกับภรรยาเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยความกังวล
ไม่นานประมุขก็แจ้งว่าค้นพบอาวุธสงครามร้ายแรงซ่อนอยู่ในตู้ แม้ว่าเศรษฐีเทียนและภรรยาจะชี้แจงอย่างไรก็ไร้ผล ประมุขบอกทั้งสองให้ไปให้การที่โรงพักดีกว่า
ประมุขกวาดตามอง ถามหาบารมีว่าหายไปไหน เศรษฐีเทียนไม่ตอบแต่ค่อยๆล้วงปืนที่เหน็บเอวออกมา
บารมีพาศรีอำไพหนีไปทางหลังบ้าน ครู่หนึ่งเขาได้ยินเสียงปืนปะทะกัน สองพี่น้องตกใจมาก บารมีรีบพาน้องหนีไปตามร่องสวน
ปรากฏว่าเศรษฐีเทียนกับภรรยาถูกยิงตายคาชานบ้าน จากนั้น ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็จุดไฟปาระเบิดเผาบ้านเศรษฐีเทียนไหม้เป็นจุล
“น่ากลัวจังเลยนะคะ แล้วสองพี่น้องหนีพ้นไหมคะคุณท่าน” บังอรถาม คุณหญิงถอนใจก่อนพยักหน้า
ooooooo
คุณหญิงเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า บารมีพาน้องที่หนีตายมาหาตนที่บ้าน ฝากน้องไว้กับตนซึ่งบารมีเรียกว่าคุณน้า และฝากขัตติยาคู่หมั้นของเขาด้วย เพราะเกรงจะถูกพวกมันมาจับตัวไป บอกว่าเขาจะหาทางติดต่อกับขัตติยาให้มาพึ่งบุญคุณน้าด้วยอีกคน
คุณหญิงรับปากด้วยความเต็มใจ บอกบารมีให้รีบหลบไปก่อน ตนจะช่วยดูแลทั้งน้องและคู่หมั้นของเขาให้ดีที่สุด เชื่อว่าไม่มีใครกล้าบุกรุกเข้ามาในที่ดินของตน
บารมีก้มกราบน้ำตานองหน้า คุณหญิงเองก็น้ำตาท่วมย่อตัวลงลูบหัวบารมีด้วยความสงสารจับใจ
“ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นตายร้ายดียังไง ฝากคุณน้าตามข่าวแทนผมด้วย” บารมีเอ่ย
“เชื่อน้านะ พ่อแม่เราเป็นคนดี จะต้องปลอดภัย”
ทันใดนั้น ประจักษ์วิ่งเข้ามาบอกว่ามีตำรวจมาหน้าบ้าน บารมีถามว่าแล้วศรีอำไพล่ะ ประจักษ์บอกว่าตนพาไปซ่อนแล้ว ส่วนคุณหญิงก็เร่งให้บารมีรีบไปเสีย ตนจะถ่วงเวลาตำรวจไว้ที่นี่เอง
เมื่อบารมีหนีไปแล้ว คุณหญิงกับประจักษ์ก็จูงมือกันออกไปรับหน้าตำรวจต่างใจเต้นไม่เป็นส่ำ
คุณหญิงเล่าอีกว่า ไม่กี่วันต่อมาบารมีก็ย้อนกลับมา แต่ตนบอกให้หนีไปเพราะเรื่องยังแรงอยู่ คุณหญิงเดาใจบารมีเวลานั้นว่า “คงเพราะรู้ข่าวจากปากชาวบ้านว่า พ่อแม่ถูกยิงตายบ้านถูกไฟเผาวอดทั้งหลัง”
บังอรถามว่าตกลงเป็นฝีมือใครกันแน่ คุณหญิงเองก็ไม่รู้เพราะพูดกันไปต่างๆนานา ส่วนเรื่องเผาบ้านก็ว่าเป็นมือที่สาม เพราะประมุขกับทหารตำรวจวันนั้นก็แทบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน
ส่วนขัตติยานั้น คุณหญิงเล่าอย่างไม่เต็มเสียงว่า เธอรอบารมีแต่สุดท้ายก็แต่งงานไปกับคนอื่น พูดอย่างผ่านๆว่า “ไอ้ข้อนี้เราก็ว่ากันไม่ได้ จริงไหมแม่บังอร”
หลังจากนั้น บารมีก็ไม่ได้มาที่นี่อีก จนได้ข่าวว่าจะมาในงานวันเกิด ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ฉันเสียใจอยู่เรื่องนึง รับฝากน้องสาวเขาเอาไว้ รับปากมั่นเหมาะว่าจะดูแลอย่างดีที่สุด สุดท้ายก็คืนน้องสาวให้พ่อมีไม่ได้ เหลือแต่หลานของเขาเท่านั้นแหละ ถ้าเขาขอรับคืนไปก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำใจได้แค่ไหน” ยิ่งเล่าคุณหญิงก็ยิ่งเศร้า
แต่พอบังอรถามว่าหลานของบารมีคือใคร คุณหญิงก็ตัดบทว่า เหนื่อยแล้ว ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง บังอรจึงจัดที่และห่มผ้าให้คุณหญิงก่อนออกไป
แต่พอบังอรออกไปแล้ว คุณหญิงนอนลืมตาในความมืด หยุดความคิดที่เป็นเหมือนรอยมารในจิตใจตัวเองในอดีตไม่ได้
ooooooo
ธนูระแวงว่าวิมาดาจะมีคนอื่น  เขาสะกดรอยเธอไปจนเห็นเข้าไปในบริษัทบุญอนันต์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต จึงรีบโทร.ให้เพื่อนเช็กว่าบริษัทนี้เป็นของใคร แล้วคอยอยู่ตรงนั้น จนเพื่อนแจ้งมาเขาถามว่า
“บารมี บุญอนันต์ รวยมากไหม หนุ่มหรือแก่ มีลูกมีเมียรึยัง” ฟังปลายสายแล้วบอกเพื่อน “เอาน่ะ มึงช่วยสืบต่อให้กูทีแล้วกัน”
ฝ่ายวิมาดาหิ้วอาหารมาฝากอุปมา จัดให้ทานแล้วฉอเลาะชวนไปดูหนังสนุกๆกันสักเรื่อง ชายหนุ่มตอบอย่างถนอมน้ำใจว่า เย็นนี้ตนมีนัดแล้วไว้วันหลังก็แล้วกัน
ครู่หนึ่งวิมาดาออกจากบริษัทมาขึ้นรถขับออกไป ธนูซุ่มดูตาไม่กะพริบ แต่หารู้ไม่ว่า ที่แท้เป็นอุบายของวิมาดาล่อให้เขาตามตนมาที่บริษัทนี้เพื่อแผนการบางอย่างที่จะดำเนินต่อไป
ooooooo
ฝ่ายสไบนางน้อยใจคุณย่าที่ดุตนต่อหน้าอุปมาพูดขู่ๆกับบังอรไว้ว่าสักวันจะหนีไปจากบ้านนี้ แล้วเธอก็ทำจริงๆด้วยการหลบไปอยู่บ้านหยาดฝน นั่งเล่นนอนเล่นแกล้งให้คนที่บ้านอัคราชตามหากันวุ่นวายไปหมด

อาทิตย์อาสาช่วยคุณหญิงตามหาสไบนาง อุปมาก็อาสาขับรถตามหาให้ จนกระทั่งค่ำจึงเจอสไบนางเดินเหลียวหน้าแลหลังกลัวๆมาตามซอยเข้าบ้าน  อุปมาฉวยโอกาสแกล้งเอาคืน ด้วยการขับรถตามๆหยุดๆจนสไบนางตกใจกลัววิ่งหนีสุดชีวิต

อุปมาขับรถไล่ตามจนมาดักหน้าแล้วหยุดกึก สไบนางหยุดกะทันหันจะหนีไปอีกทางแต่เสียหลักทำให้ขาพลิกล้มลง อุปมาลงจากรถเดินหน้าตายเข้าไปถาม “กลัวเป็นเหมือนกันเหรอ”

พอเห็นว่าเป็นอุปมาเท่านั้น สไบนางก็ของขึ้นทันที จ้องหน้าคำราม “แก!” อุปมาไม่โกรธพูดยั่วกวนประสาท แต่พอเห็นสไบนางขาเจ็บก็จะเข้าประคอง ถูกเธอตวาดและปัดมือออกไปอย่างรังเกียจ

“เดินไม่ไหวอย่างนี้พี่ต้องอุ้มไปส่งบ้านแล้วล่ะ” อุปมาขยับจะเข้าไปอุ้ม ไม่ทันระวังตัวเลยถูกสไบนางตบหน้าเสียฉาดใหญ่ ชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้าคว้าเข้าไปจูบปากเอาคืน พอเขาถอนปากออกสไบนางก็ถ่มน้ำลายทิ้งอย่างรังเกียจ ด่าลั่น

“แกมันผู้ชายฉวยโอกาส ไม่รู้จักพอ ฉันขอแช่งให้แกติดเอดส์ตาย”

ไม่เพียงเท่านั้นยังขู่จะกลับไปฟ้องคุณย่า ว่าเขารังแกจะไม่ให้คุณย่ารับเขาเข้าบ้านอีก

“เชิญเลย ดูสิว่าคุณย่าจะเชื่อใคร” อุปมาท้า แล้วลอย หน้าพูดอย่างเป็นต่อว่า “ฉันจะบอกคุณย่าว่าเธอพยายามหนีไม่ให้ฉันพากลับบ้านเลยหกล้มขาแพลง ฉันจะเข้ามาอุ้มพาเธอไปขึ้นรถ เธอกลับตบหน้าฉันจนฉันเสียหลักล้มไปจุ๊บปากเธอแบบไม่ได้ตั้งใจ”

สไบนางแค้นใจด่าเขา “ไอ้กะล่อน” แล้วเดินกะเผลกๆไป อุปมาสั่งให้ไปขึ้นรถตน แล้วกลับพร้อมกัน สไบนางไม่ยอมไปเลยถูกเขาขู่ว่าอยากให้ทุกคนรู้รึไงกันว่าถูกตนจุ๊บปากแดงๆแล้ว ทั้งยังทำปากจุ๊บๆใส่ด้วย สไบนางเลยเดินหน้าบึ้งไปขึ้นนั่งเบาะหลัง

อุปมาชำเลืองมองทางกระจกส่องหลังขำๆ แต่พอเห็นสไบนางนั่งน้ำตาคลอก็ใจอ่อนรู้สึกตัวเองผิดเหมือนกัน เลยขับรถกลับไปเงียบๆ

ooooooo

ทุกคนดีใจที่เห็นอุปมาพาสไบนางกลับมาบ้าน มีแต่วิจิตรากับเมธาวีเท่านั้นที่มองอย่างหมั่นไส้ ซ้ำวิจิตรายังไปยุคุณหญิงว่าอย่าใจอ่อนพูดดีด้วยง่ายๆ ตำหนิว่าสไบนางชอบทำตัวให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงแบบนี้ ขืนพูดดีด้วยจะยิ่งได้ใจ ต่อไปขัดใจอะไรก็จะหนีออกจากบ้านอีก

“เธอไม่ต้องมาสอนฉันหรอกจิตรา หลานฉัน ฉันมีวิธีอบรมของฉันได้” คุณหญิงเสียงเข้มนิดๆแล้วรีบไปรับสไบนางด้วยความดีใจ อาทิตย์รีบตามไปอีกคน ทำให้วิจิตราหมั่นไส้ไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อกลับมาถึงหน้าบ้านแล้วอุปมาจึงเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้แทนเครื่องเก่าที่ตนกระทืบพัง สไบนางปัดทิ้งไปอย่างไม่แยแส

พอเห็นหน้าอาทิตย์เท่านั้น สไบนางก็แกล้งทั้งอุปมาและเมธาวีที่มองอย่างหมั่นไส้ สั่งให้อาทิตย์อุ้มตนขึ้นไปบนบ้าน ทำเอาอาทิตย์งง ยิ่งเมื่อได้ยินเมธาวีพูดประชดว่าซ้อมลิเกไว้โชว์วันเกิดคุณย่าหรือ เธอก็ยิ่งโมโห บ่นอาทิตย์ว่าช้าแล้วกระโดดลงมาเต้นหยองแหยงไปเอง

เมธาวีคุยกับอุปมาที่ยืนมองอยู่หน้าบ้าน ถามว่าพบตัวที่ไหน ทำฤทธิ์เดชใส่เขารึเปล่า พออุปมาบอกว่าก็เอาเรื่องอยู่ ถามเมธาวีว่าไม่ถามหน่อยหรือว่าทำไมน้องสาวเธอถึงขาเจ็บ เมธาวียักไหล่เหยียดยิ้มบอกว่า “บีทำอะไรได้หลายอย่างเพื่อเอาแผลมาอวดคุณย่า...คุณย่าก็หลงกลโอ๋จนลืมความผิด” แล้วถามว่าจะขึ้นไปพบคุณย่าหน่อยไหม

“รอสักครู่ก็ได้ครับ ให้โอกาสน้องสาวคุณแก้ตัวก่อน”

“ระวังจะโดนใส่ไฟนะคะ เด็กคนนี้หัวใจของคุณย่า วันนี้คุณย่าไม่เชื่อวันหน้าก็ไม่แน่”

อุปมายังเสียดายโอกาสที่จะได้อยู่กับเมธาวีพูดถ่วงเวลาปากหวานว่า

“ถ้าขู่ว่าคุณเมจะไล่ผมกลับบ้าน ไม่ต้อนรับผมอีกแล้ว ผมคงจะกลัวมากกว่านี้นะครับ”

“เมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ” เมธาวียังสงวนท่าทีไว้ตัวตามเคยแล้วเดินนำเขาเข้าบ้าน

ooooooo

หารู้ไม่ว่า สไบนางเข้าไปกราบคุณย่า อ้อนขอโทษ ยอมรับสารภาพว่าที่หนีไปเพราะงอนคุณย่าพูดกระเง้ากระงอดว่า

“ยิ่งรักมากก็ยิ่งงอนมากเข้าใจไหมคะคุณย่า”

ครั้นคุณหญิงถามว่าขาไปโดนอะไรมา สไบนางได้ช่องใส่ไฟทันทีว่า

“คุณอุปมาค่ะคุณย่า เขาพยายามลากบีขึ้นรถจะพาไปไหนก็ไม่ยอมบอก บีขอกลับบ้านบอกคิดถึงคุณย่า เขาก็ไม่ยอมให้กลับ บีหนีเขา เขาก็ขับรถไล่ตามจนบีหกล้มขาแพลง บีด่าเขา เขาก็เลยตบหน้าบี...”

ปั้นน้ำเป็นตัวใส่ไฟอุปมาแล้วก็บีบน้ำตาร้องไห้โฮๆจนคุณหญิงสงสารหลานและโกรธอุปมาสั่งบังอรให้ไปตามอุปมาขึ้นมาเดี๋ยวนี้

เมื่ออุปมาขึ้นมาฟังเรื่องราวที่สไบนางฟ้องคุณหญิงแล้ว คุณหญิงถามว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไรว่ามา

“ผมกราบขอโทษครับคุณย่า ที่ใจร้อนทำรุนแรงไปหน่อย” อุปมาตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สากับการกล่าวโทษของสไบนาง ก่อนพูดต่อว่า “แต่ผมมีเหตุผล หลานสาวคุณย่าโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆที่ต้องคอยเอาใจให้อภัยในความไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา การที่บีหนีออกจากบ้านไปทำให้คุณย่าเป็นห่วงสารพัด ผมคิดว่าเขาสมควรถูกลงโทษเสียบ้าง ผมเสียใจที่ทำรุนแรงเกินไปหน่อย”

คุณหญิงฟังแล้วโกรธอุปมาที่ทำรุนแรงกับหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ บอกอุปมาว่าใครทำร้ายบีก็เหมือนทำร้ายฉันด้วย แล้วบอกอุปมาให้กลับไปเสีย

อุปมานิ่งอึ้งก่อนขอโทษคุณหญิงอีกครั้งแล้วลากลับ เมธาวีขอไปส่งเขาแล้วลุกตามไป ส่วนคุณหญิงบอกอาทิตย์ว่าเดี๋ยวไปส่งที่บ้านสวนหน่อย อยากพาสไบนางไปค้างที่นั่น อาทิตย์ถามอย่างแปลกใจว่าคืนนี้เลยหรือ คุณหญิงพยักหน้า หันบอกให้สไบนางกับบังอรรีบไปเตรียมตัวเสียอาทิตย์จะได้ไม่เสียเวลารอนาน

ooooooo

เมธาวีเดินมาส่งอุปมาที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มยอมรับว่าตนทำผิดจริงๆ โดนคุณหญิงตำหนิก็ถูกแล้วปรารภว่าคุณย่าคงโกรธมาก เมธาวีบอกว่าคุณย่าเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว อุปมาอ้อนขอให้เธอไปทานข้าวด้วยเป็นการปลอบขวัญหน่อยได้ไหม



เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  


น้ำเสียงอ้อนๆ แววตาเชื่อมๆปนกรุ้มกริ่ม ทำให้เมธาวี เหยียดปากอย่างรู้ทันแต่ก็ไปกับเขาจนวิจิตราท้วงติงว่า จะตัดสินใจอะไรก็ขอให้คิดให้ดี ขอให้รอแม่เช็กดูให้แน่ใจก่อนว่าเขารวยจริงหรือเปล่า แต่ใจแม่เองชอบอาทิตย์มากกว่า เพราะเรารู้จักทั้งชาติตระกูลพ่อแม่และการงานของเขาที่สำคัญเขารวยจริง

อุปมาพาเมธาวีไปทานอาหารที่ร้านหรู เป็นร้านที่ธนูพาวิมาดามาทานอยู่ก่อนแล้ว ธนูมองเมธาวีไม่วางตาจนวิมาดามองตามจึงเห็นอุปมากำลังเลื่อนเก้าอี้ให้เมธาวีนั่ง เธอทำทีปวดหัวแล้วชวนธนูกลับ

ธนูถามว่าเป็นอะไร เธอพูดตรงๆ ว่าต้องการอิสรภาพ ขอให้เขาไปจากชีวิตตนเสียทีได้ไหม ครั้นธนูถามว่าเป็นเพราะสายทิพย์ใช่ไหม วิมาดาบอกว่าไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องอนาคตของตนคนเดียวจริงๆ ธนูคุยกันถึงความผูกพันและหนี้บุญคุณที่มีต่อกัน ซึ่งวิมาดาถือว่าตนได้ตอบแทนเขามากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ

ธนูพยายามยื้อไว้กระทั่งขอเวลาตนอีกสักหน่อยเพราะกำลังจะหย่ากับสายทิพย์อยู่แล้ว วิมาดาตัดบทว่าตนปวดหัว แล้วขอแยกกันตรงนั้นเลย วิมาดาไม่กล้าตัดธนูทันทีเธอเหยียบเรือสองแคมดูท่าทีอยู่

แต่วิมาดาไม่ได้กลับที่พัก เธอซุ่มอยู่ตรงนั้นจนอุปมากับเมธาวีออกมา เธอขับรถตามเมื่ออุปมาส่งเมธาวีถึงบ้านแล้ว วิมาดาโทร.เข้ามือถือเขาถามว่าจะกลับคอนโดฯเลยรึเปล่า อุปมาบอกว่าไม่เพราะต้องกลับไปดูบ้านให้พ่อ วิมาดา ขับรถตามไปด้วยความอยากรู้ว่าบ้านพ่อเขาอยู่ไหน

เมื่อกลับถึงบ้านไทยประยุกต์ อุปมาจึงเห็นว่ามีนามบัตรของเมธาวีทิ้งที่เบาะ เธอหยิบขึ้นมาดูพึมพำอย่างตื่นเต้น “เมธาวี อัคราช...ฟอร์มเหนือชั้นจริงๆ” เขายิ้มอย่างอ่านเมธาวีออก เพราะเมื่อเขาขอเบอร์มือถือเธอก็บ่ายเบี่ยง ครั้นเขาขอแต่งงานเธอก็อ้ำอึ้งจนเขาต้องบอกว่าไม่ต้องตอบวันนี้ก็ได้ แต่ก็ทิ้งนามบัตรไว้

ฝ่ายวิมาดา ตามอุปมาจนถึงบ้านไทยประยุกต์ พอเห็นบ้านโอ่อ่าใหญ่โต เธอตัดสินใจในวินาทีนั้นทันที พึมพำด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใส “ว้าว...ลาก่อน ธนู...”

ooooooo

เมื่อพากันไปที่บ้านสวนแล้ว คุณหญิงบอกสไบนาง ว่าจะยกบ้านสวนนี้ให้เธอแต่รอให้หายเจ็บขาก่อนสไบนางไม่นึกอยากได้เป็นของตัวเอง แต่คุณหญิงเกรงตนเป็นอะไรไปหลานรักคนนี้จะไม่ได้อะไร เพราะที่ผ่านมาได้ให้ประมุขไว้มากมายแล้ว แต่ก็น่าเสียดายแทนลูกเมียเขา

เมื่อสไบนางนิ่งเงียบ คุณหญิงลูบหัวหลานสาวอย่างห่วงใย พูดเหมือนสั่งเสียว่า

“จำไว้บี ถ้าย่าเป็นอะไรไป บียังมีพ่อทศอีกคนที่ย่าไว้ใจและพอจะฝากฝังเราให้ดูแลแทนย่าได้”

“ค่ะคุณย่า” สไบนางกอดคุณหญิงไว้น้ำตาท่วม ใจคอไม่ดีเมื่อย่าพูดถึงการจากไป...

ooooooo

No comments:

Post a Comment