เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
ตอนที่ 14
แยกจากหยาดฝนที่ริมคลองแล้ว สไบนางเดินกลับมาที่บ้านไทยประยุกต์ เจอบารมีกับอุปมาเดินออกมาพอดี เธอตรงเข้าไปบอกบารมีว่า ตนต้องการหย่าและอยากไปเรียนต่อทันที
อุปมาตกใจรีบยืนยันว่าตนไม่มีอะไรกับเมธาวีจริงๆ สไบนางไม่สนใจตัดบทว่าเรื่องนั้นเขาต้องไปเคลียร์กับเมธาวีเอง ยืนยันทั้งน้ำตาว่า
“ฉันต้องการหย่า ฉันต้องการชีวิตของฉันกลับคืนมา ฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไปให้พ้นๆจากเรื่องเฮงซวยพวกนี้เสียทีเข้าใจไหม”
“บี...ใจเย็นๆก่อนนะลูก ขอลุงกับมาร์คกลับไปคุยกับคุณวิจิตราก่อน ได้ข้อสรุปยังไงเราค่อยมาคุยกันอีกที” พูดแล้วบารมีเดินนำไป อุปมาอดไม่ได้ที่จะมองสไบนางหน้าจ๋อยๆ ก่อนเดินตามพ่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน บารมีเดินมาเจอสไบนางนั่งเซ็งๆอยู่ที่ม้าสนาม เขาเดินไปขอคุยด้วย บอกเธอว่าเรื่องที่เกิดขึ้นขอให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไปจัดการกันเอง ยืนยันว่า
“ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะแก้ปัญหานี้บนพื้นฐานของความรักที่มีให้กับบี หนูเม แล้วก็มาร์ค ลุงรับรองว่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสามคนที่สุด” แต่ก็ย้ำกับเธอว่า “ลุงเชื่อว่ามาร์คไม่โกหกลุงแน่ๆ”
และเพื่อให้สไบนางไม่ต้องถูกกดดันจากปัญหาที่นี่ บารมีบอกให้ไปพักผ่อนที่คอนโดฯของตนที่หัวหิน ทางนี้ได้ข้อสรุปยังไงจะโทร.ไปบอกเอง สไบนางกอดบารมีไว้ด้วยความตื้นตันใจน้ำตารื้น
“ไม่มีใครจะฝันร้ายไปตลอดเวลาโดยไม่ตื่นหรอกนะบี หนูกำลังจะตื่นขึ้นมาพบกับชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิมแล้ว อดทนอีกนิดนะ หลานรักของลุง” บารมีกอดปลอบหลานสาวด้วยความรัก สงสาร และเป็นห่วง
แล้วสไบนางก็ไปจัดเตรียมเสื้อผ้าเดินทางไปหัวหิน โดยมียายจันทร์กับบังอรคอยช่วยหยิบโน่นหยิบนี่ให้ โดยเฉพาะตุ๊กตาลูกหมาลืมไม่ได้เป็นอันขาด
ยายจันทร์บ่นกับบังอรว่าไม่เข้าใจจริงๆ คนไม่ได้รักกันแต่งงานจดทะเบียนกันหลอกๆ แต่พอจะหย่ากันทำไมมัน
ถึงได้ยากเย็นนักหนาก็ไม่รู้
“หรือกามเทพจะเล่นตลกซะก็ไม่รู้นะยายจันทร์” บังอรฉุกคิดขึ้นมา
ooooooo
ค่ำนี้ คุณหญิงเรียกเมธาวีไปพบที่โถงบ้านสวน เมธาวีระแวงว่าบารมีสั่งให้คุณย่ามาบอกอะไรตนหรือ คุณหญิงเสียงแข็งว่าไม่มีใครจะมาสั่งอะไรย่าได้หรอก แล้วบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราสองคนย่าหลานเหมือนมีกำแพงที่มองกันไม่ค่อยเห็น แต่ย่าก็รักเมมากนะลูก พร้อมที่จะให้คำปรึกษาเมได้ทุกเรื่อง”
คุณหญิงหว่านล้อมอยู่นาน สุดท้ายชมเมธาวีว่าประสบความสำเร็จในการงานเจริญก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ย่าภูมิใจมาก และบ่นๆสไบนางว่าเหลวไหลไม่ได้เรื่องยิ่งเห็นเมธาวีก้าวหน้าก็อยากให้น้องเจริญรอยตาม พูดแล้วเห็นเมธาวีนั่งเหม่อๆถามว่าฟังย่าอยู่รึเปล่า
“พูดเถอะค่ะคุณย่า เมกำลังฟังอยู่”
คุณหญิงพูดถึงการดำเนินชีวิตของคนที่ต้องเดินหน้าต่อไป แม้ทางจะคดเคี้ยวหรือปีนเขาสูง แต่ยิ่งเราอยู่สูงเท่าไร ก็ยิ่งเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป ย้ำว่า
“สิ่งนี้แหละคือความสำคัญของการเดินทางของชีวิต เราต้องไต่เต้าเดินต่อไปอย่างสง่างามนะเม”
ระหว่างที่คุณหญิงหว่านล้อมกล่อมเมธาวีให้ใจเย็นๆ เพราะทุกคนกำลังช่วยกันร่วมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั่นเอง ทศวรรษก็เข้ามาเสนอตัวว่าจะแต่งงานกับเธอ ถามว่า “เมไม่รังเกียจพี่ใช่ไหม”
เมธาวีไม่รังเกียจ แต่ปฏิเสธเพราะถือเป็นการเอาเปรียบเขามากเกินไป พูดอย่างเชื่อมั่นในตัวเองว่า ตนไม่ต้องการความเวทนาจากใคร ตนจะขอรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แล้วเดินออกจากบ้านไปเลย ทศวรรษเป็นห่วงตามไปคุยที่หน้าบ้าน ถามว่าเธอจะรับผิดชอบคนเดียวได้ยังไง เพราะอุปมาไม่ยอมรับว่าเด็กเป็นลูกของเขา ต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น
นอกจากนี้ ทศวรรษยังเตือนสติให้เธอคิดถึงหน้าที่การงานที่รับผิดชอบสูงของเธอ แล้วจะปล่อยให้ท้องไม่มีพ่อได้อย่างไร ย้ำว่า แต่งงานกับตนเสีย นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
แต่เมื่อทศวรรษยืนยันให้เธอพิจารณาให้ดี ก็กลับถูกหาว่าเขาทำเพื่อสไบนาง แล้วพาลด่าสไบนางอีกว่าแย่งทุกอย่างไปจากตน เขาเองก็เป็นบุญอนันต์จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาใจบารมีเหมือนกัน
ในที่สุดไม่อาจคุยกันได้ เมธาวีโกรธจนกระแทกไหล่เขาเดินหนีไป
ฝ่ายสไบนางไปอยู่คอนโดฯที่หัวหิน ดูซีดีซีรี่ย์เกาหลีสูงเป็นตั้งแล้วแต่ก็ไม่อาจทำใจให้สงบได้ ใจวอกแวกไปทางอื่น ตาก็คอยชำเลืองไปทางตุ๊กตาลูกหมาในตะกร้า จนถามตัวเองว่า “เป็นบ้าอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...”
หลังจากรู้ว่าอาทิตย์รู้เรื่องตนกับชันษาและถูกอาทิตย์ขู่ว่าถ้าไม่หยุดโยนกลองใส่อุปมา เขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ วันนั้นจากกันไปอย่างหงุดหงิด จนวันนี้เมธาวีคิดได้ โทรศัพท์ไปหาอาทิตย์บอกว่า อยากให้เขาปิดเรื่องชันษากับตนไว้เป็นความลับ
“ถ้าผมคิดจะพูดเรื่องนี้คงพูดไปนานแล้วล่ะ ถ้าเมไม่คิดให้ร้ายคุณมาร์ค เรื่องนี้จะเป็นความลับตลอดไป”
“โอเค เมจะหยุด แต่ถ้าเขายังอยากจะแต่งงานกับเมเอง จะมาโทษเมไม่ได้นะ” พูดแล้วเห็นอาทิตย์เงียบ เธอสรุป “งั้นตกลงตามนี้ เมจะไม่บังคับให้มาร์ครับเป็นพ่อเด็ก แต่ยังไงบีก็ต้องหย่ากับมาร์คมันคนละเรื่องกัน หวังว่าอาทิตย์คงจะแยกออก” พูดแล้วกดตัดสายไปเลย จากนั้นคว้ายานอนหลับหลายเม็ดมากรอกใส่ปากดื่มน้ำตามแล้วล้มตัวลงนอน
ooooooo
รุ่งขึ้น ขณะคุณหญิงกับบารมีไปทำบุญที่วัดด้วยกัน ต่างพูดถึงเมธาวีอย่างเป็นห่วงกลัวเธอจะเลือกทางออกด้วยการทำแท้ง แต่ทั้งสองก็มีความเห็นพ้องกันว่าถ้าเมธาวียอมแต่งงานกับทศวรรษได้จะเป็นการดีที่สุด กระนั้น คุณหญิงก็ยังมีความหวังกว่านั้น เสนอบารมีว่า
“ถ้าถึงที่สุดแล้ว พ่อมีสามารถหยุดกงล้อกรรมนี้ได้ด้วยการสั่งมาร์คให้เสียสละ ยอมแต่งงานกับเมล่ะ พ่อมีจะทำไหม”
“แล้วคุณน้าทนเห็นหนูบีต้องผิดหวังเสียใจได้รึเปล่าล่ะครับ” บารมีย้อนถาม คุณหญิงเลยเงียบหน้าจ๋อยๆ
สายๆ บารมีก็โทรศัพท์บอกสไบนางว่าพรุ่งนี้จะส่งคนขับรถไปรับกลับมาจดทะเบียนหย่ากับมาร์ค สไบนางฟังแล้วเงียบกริบ จนบารมีถามว่าได้ยินที่ลุงพูดไหม เธอจึงตอบรับ บารมีหันบอกอุปมาที่นั่งอยู่ด้วยว่า
“พรุ่งนี้เราไปรอบีที่เขตได้เลย ส่วนเรื่องแต่งงาน เมเขาไม่ได้บังคับอะไรแก สุดแล้วแต่แกจะเชื่อหรือเปล่า จะพิสูจน์เมื่อไหร่ก็ได้” พออุปมาทำท่าจะชี้แจงว่าตนไม่เคยมีอะไรกับเมธาวี ก็ถูกบารมียกมือห้ามพูดขัดขึ้นว่า “ทศวรรษก็ไม่ได้เป็นพ่อเด็กเหมือนกัน เขาเต็มใจเสียสละแทนทุกคนแล้ว อยู่ที่เมจะยอมรับน้ำใจจากเขารึเปล่าก็เท่านั้น”
เมื่ออุปมาเงียบบารมีย้ำว่า “สิ่งที่แกจะแสดงน้ำใจกับหนูเมได้ตอนนี้ก็คือหย่าขาดกับบีให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดก็แล้วกัน”
สายมากแล้ว เมธาวียังไม่ออกจากห้อง วิจิตราเป็นห่วง ไปเคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบจึงหากุญแจสำรองเปิด ก็พอดีเมธาวีลุกมาเปิดในสภาพหน้าตาอิดโรยหมองคล้ำจนวิจิตราตกใจ ชวนไปทานข้าวกัน
“จะทานให้มันโตไวรึไงคะ” เมธาวีไม่ยอมไปทานอาหาร ทั้งไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านอัคราชด้วย บอกวิจิตราว่าตนจะอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคอแบบนี้ต่อไป ฝากแม่ให้โทร.ลางานอย่างไม่มีกำหนดให้ตนด้วย พูดแล้วร้องไห้โฮวิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูโครม วิจิตรามองตามลูกไปด้วยความสงสารจับใจ
ooooooo
พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว คืนนี้สไบนางจึงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า จู่ๆอุปมาก็มาเคาะประตูเรียก พอสไบนางเปิดประตูเขาก็สวมกอดเธอไว้อย่างไม่ให้ตั้งตัว สไบนางตกใจแต่ไม่ขัดขืน
“ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอก่อนที่จะต้องหย่ากัน...ฉันคิดว่า...ฉันแอบรักเธออยู่...ฉันอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากหย่า ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
สไบนางร้องไห้ออกมาอย่างหมดความอดกลั้นกอดเขาไว้แน่น อุปมาน้ำตารื้นเอ่ยเสียงเครือ
“คืนนี้ฉันขออยู่กับเธอ อย่าไล่ฉันกลับไปเลยนะบี...”
ไม่มีคำตอบจากสไบนาง เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดเขา ต่างพูดไม่ออก แต่สัมผัสที่มีต่อกันถ่ายทอดความรู้สึกให้กันอย่างลึกซึ้ง...
คืนนี้ทั้งสองนอนบนเตียงเดียวกันโดยมีตุ๊กตาลูกหมาคั่นกลาง ต่างก็นอนไม่หลับ อุปมาค่อยๆหยิบตุ๊กตาลูกหมาไปวางข้างๆค่อยๆเลื่อนมือมาแตะร่างสไบนางแล้วจึงขยับเข้ามาชิดซุกหน้ากับลำคอเธอแผ่วเบา เมื่อสไบนางไม่ขัดขืน อุปมาจึงกอดเธอไว้แนบตัว กระซิบข้างหู
“ฉันไม่อยากให้เช้าเลย อยากอยู่กับเธอแบบนี้ไปทุกวัน...ฉันรักเธอนะบี...”
สไบนางน้ำตารื้น อุปมาซับน้ำตาและโน้มหน้าหอมอย่างปรารถนา...และเมื่อเขาเปลี่ยนท่าเท้าก็กระทบถูกตุ๊กตาลูกหมาหล่นลงไปหายใจกระเพื่อม...กระเพื่อม...อยู่ที่พื้นข้างเตียงโดยไม่มีใครสนใจเลย
ooooooo
อุปมาตกใจรีบยืนยันว่าตนไม่มีอะไรกับเมธาวีจริงๆ สไบนางไม่สนใจตัดบทว่าเรื่องนั้นเขาต้องไปเคลียร์กับเมธาวีเอง ยืนยันทั้งน้ำตาว่า
“ฉันต้องการหย่า ฉันต้องการชีวิตของฉันกลับคืนมา ฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไปให้พ้นๆจากเรื่องเฮงซวยพวกนี้เสียทีเข้าใจไหม”
“บี...ใจเย็นๆก่อนนะลูก ขอลุงกับมาร์คกลับไปคุยกับคุณวิจิตราก่อน ได้ข้อสรุปยังไงเราค่อยมาคุยกันอีกที” พูดแล้วบารมีเดินนำไป อุปมาอดไม่ได้ที่จะมองสไบนางหน้าจ๋อยๆ ก่อนเดินตามพ่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน บารมีเดินมาเจอสไบนางนั่งเซ็งๆอยู่ที่ม้าสนาม เขาเดินไปขอคุยด้วย บอกเธอว่าเรื่องที่เกิดขึ้นขอให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไปจัดการกันเอง ยืนยันว่า
“ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะแก้ปัญหานี้บนพื้นฐานของความรักที่มีให้กับบี หนูเม แล้วก็มาร์ค ลุงรับรองว่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสามคนที่สุด” แต่ก็ย้ำกับเธอว่า “ลุงเชื่อว่ามาร์คไม่โกหกลุงแน่ๆ”
และเพื่อให้สไบนางไม่ต้องถูกกดดันจากปัญหาที่นี่ บารมีบอกให้ไปพักผ่อนที่คอนโดฯของตนที่หัวหิน ทางนี้ได้ข้อสรุปยังไงจะโทร.ไปบอกเอง สไบนางกอดบารมีไว้ด้วยความตื้นตันใจน้ำตารื้น
“ไม่มีใครจะฝันร้ายไปตลอดเวลาโดยไม่ตื่นหรอกนะบี หนูกำลังจะตื่นขึ้นมาพบกับชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิมแล้ว อดทนอีกนิดนะ หลานรักของลุง” บารมีกอดปลอบหลานสาวด้วยความรัก สงสาร และเป็นห่วง
แล้วสไบนางก็ไปจัดเตรียมเสื้อผ้าเดินทางไปหัวหิน โดยมียายจันทร์กับบังอรคอยช่วยหยิบโน่นหยิบนี่ให้ โดยเฉพาะตุ๊กตาลูกหมาลืมไม่ได้เป็นอันขาด
ยายจันทร์บ่นกับบังอรว่าไม่เข้าใจจริงๆ คนไม่ได้รักกันแต่งงานจดทะเบียนกันหลอกๆ แต่พอจะหย่ากันทำไมมัน
ถึงได้ยากเย็นนักหนาก็ไม่รู้
“หรือกามเทพจะเล่นตลกซะก็ไม่รู้นะยายจันทร์” บังอรฉุกคิดขึ้นมา
ooooooo
ค่ำนี้ คุณหญิงเรียกเมธาวีไปพบที่โถงบ้านสวน เมธาวีระแวงว่าบารมีสั่งให้คุณย่ามาบอกอะไรตนหรือ คุณหญิงเสียงแข็งว่าไม่มีใครจะมาสั่งอะไรย่าได้หรอก แล้วบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราสองคนย่าหลานเหมือนมีกำแพงที่มองกันไม่ค่อยเห็น แต่ย่าก็รักเมมากนะลูก พร้อมที่จะให้คำปรึกษาเมได้ทุกเรื่อง”
คุณหญิงหว่านล้อมอยู่นาน สุดท้ายชมเมธาวีว่าประสบความสำเร็จในการงานเจริญก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ย่าภูมิใจมาก และบ่นๆสไบนางว่าเหลวไหลไม่ได้เรื่องยิ่งเห็นเมธาวีก้าวหน้าก็อยากให้น้องเจริญรอยตาม พูดแล้วเห็นเมธาวีนั่งเหม่อๆถามว่าฟังย่าอยู่รึเปล่า
“พูดเถอะค่ะคุณย่า เมกำลังฟังอยู่”
คุณหญิงพูดถึงการดำเนินชีวิตของคนที่ต้องเดินหน้าต่อไป แม้ทางจะคดเคี้ยวหรือปีนเขาสูง แต่ยิ่งเราอยู่สูงเท่าไร ก็ยิ่งเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป ย้ำว่า
“สิ่งนี้แหละคือความสำคัญของการเดินทางของชีวิต เราต้องไต่เต้าเดินต่อไปอย่างสง่างามนะเม”
ระหว่างที่คุณหญิงหว่านล้อมกล่อมเมธาวีให้ใจเย็นๆ เพราะทุกคนกำลังช่วยกันร่วมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั่นเอง ทศวรรษก็เข้ามาเสนอตัวว่าจะแต่งงานกับเธอ ถามว่า “เมไม่รังเกียจพี่ใช่ไหม”
เมธาวีไม่รังเกียจ แต่ปฏิเสธเพราะถือเป็นการเอาเปรียบเขามากเกินไป พูดอย่างเชื่อมั่นในตัวเองว่า ตนไม่ต้องการความเวทนาจากใคร ตนจะขอรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แล้วเดินออกจากบ้านไปเลย ทศวรรษเป็นห่วงตามไปคุยที่หน้าบ้าน ถามว่าเธอจะรับผิดชอบคนเดียวได้ยังไง เพราะอุปมาไม่ยอมรับว่าเด็กเป็นลูกของเขา ต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น
นอกจากนี้ ทศวรรษยังเตือนสติให้เธอคิดถึงหน้าที่การงานที่รับผิดชอบสูงของเธอ แล้วจะปล่อยให้ท้องไม่มีพ่อได้อย่างไร ย้ำว่า แต่งงานกับตนเสีย นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
แต่เมื่อทศวรรษยืนยันให้เธอพิจารณาให้ดี ก็กลับถูกหาว่าเขาทำเพื่อสไบนาง แล้วพาลด่าสไบนางอีกว่าแย่งทุกอย่างไปจากตน เขาเองก็เป็นบุญอนันต์จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาใจบารมีเหมือนกัน
ในที่สุดไม่อาจคุยกันได้ เมธาวีโกรธจนกระแทกไหล่เขาเดินหนีไป
ฝ่ายสไบนางไปอยู่คอนโดฯที่หัวหิน ดูซีดีซีรี่ย์เกาหลีสูงเป็นตั้งแล้วแต่ก็ไม่อาจทำใจให้สงบได้ ใจวอกแวกไปทางอื่น ตาก็คอยชำเลืองไปทางตุ๊กตาลูกหมาในตะกร้า จนถามตัวเองว่า “เป็นบ้าอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...”
หลังจากรู้ว่าอาทิตย์รู้เรื่องตนกับชันษาและถูกอาทิตย์ขู่ว่าถ้าไม่หยุดโยนกลองใส่อุปมา เขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ วันนั้นจากกันไปอย่างหงุดหงิด จนวันนี้เมธาวีคิดได้ โทรศัพท์ไปหาอาทิตย์บอกว่า อยากให้เขาปิดเรื่องชันษากับตนไว้เป็นความลับ
“ถ้าผมคิดจะพูดเรื่องนี้คงพูดไปนานแล้วล่ะ ถ้าเมไม่คิดให้ร้ายคุณมาร์ค เรื่องนี้จะเป็นความลับตลอดไป”
“โอเค เมจะหยุด แต่ถ้าเขายังอยากจะแต่งงานกับเมเอง จะมาโทษเมไม่ได้นะ” พูดแล้วเห็นอาทิตย์เงียบ เธอสรุป “งั้นตกลงตามนี้ เมจะไม่บังคับให้มาร์ครับเป็นพ่อเด็ก แต่ยังไงบีก็ต้องหย่ากับมาร์คมันคนละเรื่องกัน หวังว่าอาทิตย์คงจะแยกออก” พูดแล้วกดตัดสายไปเลย จากนั้นคว้ายานอนหลับหลายเม็ดมากรอกใส่ปากดื่มน้ำตามแล้วล้มตัวลงนอน
ooooooo
รุ่งขึ้น ขณะคุณหญิงกับบารมีไปทำบุญที่วัดด้วยกัน ต่างพูดถึงเมธาวีอย่างเป็นห่วงกลัวเธอจะเลือกทางออกด้วยการทำแท้ง แต่ทั้งสองก็มีความเห็นพ้องกันว่าถ้าเมธาวียอมแต่งงานกับทศวรรษได้จะเป็นการดีที่สุด กระนั้น คุณหญิงก็ยังมีความหวังกว่านั้น เสนอบารมีว่า
“ถ้าถึงที่สุดแล้ว พ่อมีสามารถหยุดกงล้อกรรมนี้ได้ด้วยการสั่งมาร์คให้เสียสละ ยอมแต่งงานกับเมล่ะ พ่อมีจะทำไหม”
“แล้วคุณน้าทนเห็นหนูบีต้องผิดหวังเสียใจได้รึเปล่าล่ะครับ” บารมีย้อนถาม คุณหญิงเลยเงียบหน้าจ๋อยๆ
สายๆ บารมีก็โทรศัพท์บอกสไบนางว่าพรุ่งนี้จะส่งคนขับรถไปรับกลับมาจดทะเบียนหย่ากับมาร์ค สไบนางฟังแล้วเงียบกริบ จนบารมีถามว่าได้ยินที่ลุงพูดไหม เธอจึงตอบรับ บารมีหันบอกอุปมาที่นั่งอยู่ด้วยว่า
“พรุ่งนี้เราไปรอบีที่เขตได้เลย ส่วนเรื่องแต่งงาน เมเขาไม่ได้บังคับอะไรแก สุดแล้วแต่แกจะเชื่อหรือเปล่า จะพิสูจน์เมื่อไหร่ก็ได้” พออุปมาทำท่าจะชี้แจงว่าตนไม่เคยมีอะไรกับเมธาวี ก็ถูกบารมียกมือห้ามพูดขัดขึ้นว่า “ทศวรรษก็ไม่ได้เป็นพ่อเด็กเหมือนกัน เขาเต็มใจเสียสละแทนทุกคนแล้ว อยู่ที่เมจะยอมรับน้ำใจจากเขารึเปล่าก็เท่านั้น”
เมื่ออุปมาเงียบบารมีย้ำว่า “สิ่งที่แกจะแสดงน้ำใจกับหนูเมได้ตอนนี้ก็คือหย่าขาดกับบีให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดก็แล้วกัน”
สายมากแล้ว เมธาวียังไม่ออกจากห้อง วิจิตราเป็นห่วง ไปเคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบจึงหากุญแจสำรองเปิด ก็พอดีเมธาวีลุกมาเปิดในสภาพหน้าตาอิดโรยหมองคล้ำจนวิจิตราตกใจ ชวนไปทานข้าวกัน
“จะทานให้มันโตไวรึไงคะ” เมธาวีไม่ยอมไปทานอาหาร ทั้งไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านอัคราชด้วย บอกวิจิตราว่าตนจะอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคอแบบนี้ต่อไป ฝากแม่ให้โทร.ลางานอย่างไม่มีกำหนดให้ตนด้วย พูดแล้วร้องไห้โฮวิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูโครม วิจิตรามองตามลูกไปด้วยความสงสารจับใจ
ooooooo
พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว คืนนี้สไบนางจึงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า จู่ๆอุปมาก็มาเคาะประตูเรียก พอสไบนางเปิดประตูเขาก็สวมกอดเธอไว้อย่างไม่ให้ตั้งตัว สไบนางตกใจแต่ไม่ขัดขืน
“ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอก่อนที่จะต้องหย่ากัน...ฉันคิดว่า...ฉันแอบรักเธออยู่...ฉันอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากหย่า ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
สไบนางร้องไห้ออกมาอย่างหมดความอดกลั้นกอดเขาไว้แน่น อุปมาน้ำตารื้นเอ่ยเสียงเครือ
“คืนนี้ฉันขออยู่กับเธอ อย่าไล่ฉันกลับไปเลยนะบี...”
ไม่มีคำตอบจากสไบนาง เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดเขา ต่างพูดไม่ออก แต่สัมผัสที่มีต่อกันถ่ายทอดความรู้สึกให้กันอย่างลึกซึ้ง...
คืนนี้ทั้งสองนอนบนเตียงเดียวกันโดยมีตุ๊กตาลูกหมาคั่นกลาง ต่างก็นอนไม่หลับ อุปมาค่อยๆหยิบตุ๊กตาลูกหมาไปวางข้างๆค่อยๆเลื่อนมือมาแตะร่างสไบนางแล้วจึงขยับเข้ามาชิดซุกหน้ากับลำคอเธอแผ่วเบา เมื่อสไบนางไม่ขัดขืน อุปมาจึงกอดเธอไว้แนบตัว กระซิบข้างหู
“ฉันไม่อยากให้เช้าเลย อยากอยู่กับเธอแบบนี้ไปทุกวัน...ฉันรักเธอนะบี...”
สไบนางน้ำตารื้น อุปมาซับน้ำตาและโน้มหน้าหอมอย่างปรารถนา...และเมื่อเขาเปลี่ยนท่าเท้าก็กระทบถูกตุ๊กตาลูกหมาหล่นลงไปหายใจกระเพื่อม...กระเพื่อม...อยู่ที่พื้นข้างเตียงโดยไม่มีใครสนใจเลย
ooooooo
“หนูบีจะไปไหนล่ะ เอางี้ แกรีบกลับมาก่อน เผื่อบีจะกลับมาหาย่าของเขา ทีหลังจะทำอะไรปรึกษาพ่อก่อนนะมาร์ค” บารมีบ่น ส่วนอุปมารับปากพ่อแล้วก็ผลุนผลันออกจากห้องไป เพราะเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้สไบนางไม่กลับไปบ้านสวนตอนนี้แน่นอน
กลายเป็นเรื่องร้อนใจกันไปหมด ทุกคนช่วยกันสืบข่าวโทร.เช็กและตามหาสไบนางไปตามบ้านเพื่อนก็ไม่เจอ หัสดินฉุกคิดว่าเธออาจจะไปที่รีสอร์ตของสายทิพย์ก็ได้ ดังนั้น อุปมาจึงรีบไปที่นั่น เจอธนูกำลังตามง้อสายทิพย์ขอคืนดี แต่สายทิพย์ยืนกรานจะฟ้องหย่า
พออุปมาโผล่มา ทั้งคู่ก็หยุดโต้เถียงกัน อุปมาถามทันทีว่า “บีมาที่นี่รึเปล่าครับ”
หารู้ไม่ว่า สไบนางนัดอาทิตย์ให้มารับและพาไปอยู่บ้านญาติที่ต่างจังหวัดของเขา สไบนางสดชื่นขึ้นเมื่อได้อยู่กับอาทิตย์เพื่อนซี้ที่ทำให้ตนหัวเราะได้ทั้งในยามสุขและทุกข์
เวลาเดียวกัน เมธาวีก็ขนของย้ายมาอยู่ห้องหอกับอุปมาเป็นการถาวร เธอบอกว่าจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะคลอด เชื่อว่าคนทางนี้เกรงใจคุณย่าคงไม่มีใครกล้าไล่ตนแน่ เมื่อบารมีมาเจอก็พูดอย่างเหนื่อยใจว่า อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แล้วเดินออกจากบ้านไปเลย
ooooooo
เมื่อตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ อุปมาฉุกคิดถึงอาทิตย์ ไปที่โรงพักตำรวจที่นั่นบอกว่าอาทิตย์ลา
พักร้อน เขาจึงฝากความกับตำรวจที่นั่นว่า
“งั้นฝากบอกหมวดอาทิตย์ด้วยแล้วกันว่า อย่ามายุ่งกับเมียคนอื่นให้มันมากเกินไปนัก”
และเมื่อกลับมาถึงบ้าน พอเข้าห้องก็ชะงักกึกเมื่อเจอเมธาวีในชุดนอนนั่งอ่านแมกกาซีนอยู่บนเตียง เธอยิ้มให้เขาบอกว่า “เมจะย้ายมาอยู่ที่นี่จนกว่าจะคลอด” อุปมาถามว่าเพื่ออะไร เธอลงจากเตียงเดินมาหา พูดโดยไม่สบตาว่า
“มีคนหน้าด้านหนีไปไม่ยอมหย่าได้ เมก็หน้าด้านย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เหมือนกัน”
อุปมาถอนใจอย่างสุดเซ็ง หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที เมธาวีรีบออกมาดักหน้าถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าต่างจังหวัด จะไปทำงาน และไปไม่มีกำหนด
เมธาวีน้ำตาคลอตามไปถามอีกว่า “คุณรู้ใช่ไหมว่านังบีอยู่ที่ไหน คุณจะตามไปอยู่กับมันใช่ไหม...”
“ถ้าผมรู้ว่าบีอยู่ไหน ผมคงไม่กลับมาที่นี่ให้เสียเวลาหรอก” พูดแล้วเดินหลีกลงบันไดไปทันที
เมธาวีน้ำตาร่วง วิ่งกลับเข้าห้องหอเอายานอนหลับกรอกปาก ดื่มน้ำตามแล้วทิ้งตัวนอนคว่ำซบหน้ากับหมอน ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ooooooo
เมื่อตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ อุปมากลับไปคอนโดฯที่หัวหิน เห็นห้อง เห็นบรรยากาศในห้องก็ยิ่งคิดถึงคืนที่ผ่านมา ทนไม่ได้ระดมกดโทร.หา แต่ปลายทางปิดเครื่อง
สไบนางอยู่บ้านญาติของอาทิตย์ที่ต่างจังหวัดอย่างสบายใจ เธอปิดโทรศัพท์แต่ยังเอาเครื่องติดตัว เช้านี้เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะอาหารแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ อาทิตย์เห็นปิดเครื่อง เลยนึกสนุกกดเปิด ก็พอดีอุปมาโทร.เข้ามา เขากด รับ สไบนางเดินกลับมา เลยรีบวางไว้ที่เดิมแล้วเลี่ยงไปทางหลังบ้าน ให้พ้นจากสถานการณ์ตรงนั้น
อุปมาดีใจมากที่โทร.ติด ภาวนา ลุ้นให้รับสาย สไบนาง กลับมาเห็นมีโทร.เข้าก็เอะใจ เห็นเป็นชื่ออุปมาโชว์อยู่ เธอไม่พูดแต่เงี่ยหูฟังเสียงปลายสายใจระทึก
อุปมาอ้อนวอนมาตามสาย ขอให้พูดกับตน เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงรำพันความรู้สึกของตัวเองให้ฟังว่าเหตุการณ์เมื่อคืนทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความรัก เธออย่าปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองเลย กลับมาหาตนแล้วฝ่าปัญหาไปด้วยกัน อ้อนวอนว่า “อย่าทิ้งฉันไปอีกเลยนะบี...”
สไบนางตัดสินใจกดตัดสายแล้วปิดเครื่องเลย อุปมาร้องเรียกอย่างผิดหวัง เสียใจ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงหน้าเครียดจัด
พออาทิตย์กลับมา ก็ถูกสไบนางเล่นงานที่มาเปิดมือถือ ของตน อาทิตย์อ้างว่าตนกลัวคุณย่าเป็นห่วงเลยเปิดเครื่องไว้ สไบนางบอกว่าตนจะส่งข่าวบอกคุณย่าวันนี้แหละ
“งั้นก็รีบโทร.เลย ก่อนที่พวกเขาจะแจ้งความ” อาทิตย์ดีใจ ลุ้นเต็มที่ สไบนางเชิดใส่บอกว่า
“บีไม่โทร.หรอก”
แล้วเธอก็ส่งข่าวกลับไปจริงๆ แต่ใช้อีเมล์แทน บารมีเป็นคนรับอีเมล์ปริ๊นต์ออกมาแล้วถือกระดาษเดินตามหาอุปมาอย่างตื่นเต้น เปิดห้องนอนเข้าไปก็เจอแต่เมธาวีเลยเซ็งย้อนกลับมา ไปที่บ้านสวนเอาอีเมล์ให้ทศวรรษอ่านให้คุณหญิงฟัง
สไบนางกราบขอโทษคุณลุง คุณย่าและทุกคน ที่หนีไปโดยไม่บอกกล่าว บอกว่าตอนนี้ตนอยู่ในที่ปลอดภัย จากนั้นก็พรรณนาถึงความห่วงใยเมธาวีที่ต้องแบกรับความอับอายไว้โดยลำพังซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย ตอนหนึ่งระบุว่า
“ลูกชายคุณลุงเท่านั้น คือคนที่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นร่วมกับพี่เม” จากนั้นก็ยืนยันว่าตนต้องการหย่าเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด อ้อนวอนบารมีให้ช่วยคุยกับอุปมาอย่ารั้งตนไว้อีกเลย สุดท้ายยื่นคำขาดว่า
“บีต้องการขอคืนอิสระ การหย่าขาดกับลูกคุณลุงเท่านั้นคือสิ่งที่บีต้องการ ถ้าบีไม่ได้หย่า ชาตินี้ทุกคนก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าบีอีกเลย”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างคิดหนัก ทศวรรษพึมพำว่ามันไม่ยุติธรรมกับอุปมาเลย บารมีเสียงอ่อนลงว่าแต่มันเป็นความต้องการของสไบนาง คุณหญิงก็ขอร้องบารมีให้ตามอุปมากลับมาหย่ากันเสียตนเป็นห่วงหลานและให้บอกอุปมาให้ทำใจเสียว่า “เขากับบีคงไม่ใช่คู่กันหรอก”
“ครับคุณน้า” บารมีตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ooooooo
บารมีโทร.ตามอุปมาบอกว่าสไบนางติดต่อกลับมาแล้ว อุปมาดีใจมากถามว่าตอนนี้เธออยู่ไหน บารมีบอกว่าอยู่ไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้เธอต้องการหย่า ขู่ว่าถ้าไม่หย่าให้ก็จะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีกเลยปลอบใจลูกให้ทำใจเสีย แล้วนัดวันหย่ากันเลย เพราะคุณหญิงเป็นห่วงหลานสาวมาก
“พ่อจัดการตามที่เห็นสมควรไปได้เลย” อุปมาตอบอย่างสิ้นหวัง เศร้าไปถนัดใจ
ส่วนอาทิตย์รู้ว่าสไบนางใช้อีเมล์ส่งข่าวไปทางบ้านก็อยากรู้ เดาใจว่าเธอจะใช้อีเมล์อะไร พอนึกได้ก็รีบเข้าห้องล็อกประตูเปิดคอมต่อเข้าอินเตอร์เน็ตอย่างเร็ว ปากก็พูดไปเรื่อยว่า
“ขออ่านหน่อยนะน้องรัก ส่งอีเมล์อะไรไป อย่าโกรธกันเลยนะบู้บี้”
ooooooo
จู่ๆอาทิตย์ก็ได้รับโทรศัพท์จากหยาดฝน พอรู้ว่าเพื่อนโทร.มาสไบนางขู่อาทิตย์ว่าห้ามบอกว่าตนอยู่ที่นี่ อาทิตย์เลยต้องโกหกหยาดฝนไปว่าไม่เจอสไบนางเลย รับปากว่าถ้าได้ข่าวแล้วจะรีบแจ้ง
พอวางสายจากหยาดฝน สไบนางถามว่าหยาดฝนโทร.มาคุยเรื่องอะไร อาทิตย์บอกว่า
“เมย้ายเข้าไปอยู่บ้านมาร์คแล้ว ไม่รู้ว่าเข้าไปอยู่ในฐานะอะไร ถ้าไม่รักษาสัญญาพี่ก็จะไม่รักษาสัญญาเหมือนกัน” อาทิตย์เล่าหน้าเครียด แล้วบอกว่า “พี่จะเข้ากรุงเทพฯก่อนนะ พรุ่งนี้มาใหม่” แล้วออกไปเลย
อาทิตย์บึ่งรถไปหาเมธาวีทันที ตรงไปต่อว่าเธอว่าไม่รักษาคำพูด เพราะตอนนี้มาร์คยังไม่ได้หย่ากับบี เมธาวีทำปากแข็ง เถียงว่าวันนี้ยังไม่หย่าอีกสองวันก็ต้องหย่าตนเข้ามาอยู่ก่อนแล้วผิดตรงไหน
“ไม่ผิดหรอก ถ้าเมไม่ได้อ้างว่าท้องกับมาร์คทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่เป็นความจริง”
เมธาวีกลัวอาทิตย์จะเผยความจริงออกมาตวาด “เงียบไปเลยนะอาทิตย์”
“จำไว้นะเม ถ้าเมใช้วิธีสกปรกแบบนี้เพื่อจับคุณมาร์ค ผมก็จะบอกให้ทุกคนรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องของเมคือชันษา”
แรมที่จะเอาของหวานมาให้เมธาวีได้ยินทั้งสองโต้เถียงกัน ตกใจรีบถอยไปที่ห้องครัวถามตัวเองอย่างว้าวุ่นใจว่าจะทำยังไงดี แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อเมธาวีเดินตามมาถามว่าได้ยินอะไรไปบ้าง แรมรีบบอกเสียงสั่นว่าไม่ได้ยินอะไร เมธาวีย่างสามขุมเข้าหา ขู่ว่า
“ในโลกนี้มีคนรู้เรื่องที่ฉันคุยกับอาทิตย์แค่ 3 คน อีกคนตายไปแล้ว ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกก็ต้องจากปากเธอ” พูดพลางเดินไปหยิบมีดทำครัว “เพื่อรักษาชื่อเสียงของฉัน ฉันทำได้ทุกอย่าง คนที่รู้ความลับเรื่องนี้จะมีชีวิตอยู่ได้แค่สองคนตามเดิม!” พูดแล้วโยนมีดลงอ่างล้างจานอย่างแรง ขู่สำทับ “เพราะฉะนั้นอย่าปากสว่าง!”
เมธาวีเดินออกไปแล้ว แรมหน้าซีดปากสั่นยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น
ooooooo
บารมีไปหาอุปมาที่ห้องทำงานบริษัท ถามว่าใจคอจะไม่ยอมกลับบ้านเลยหรือ เขาบอกพ่อว่ามันอึดอัด บารมีจึงบอกว่าตนนัดสไบนางเอาไว้แล้ว ศุกร์นี้ให้ไปหย่ากัน รอให้สไบนางตอบอีเมล์มาแล้วตกลงตามนี้
อาทิตย์แอบเข้าไปดูอีเมล์ของสไบนางอีก เห็นบารมีนัดวันหย่ามาก็คิดหนัก เลื่อนเมาส์ไปกดดีลีตจดหมายทิ้งพึมพำ “จดหมายนี้ติดไวรัส ขออนุญาตลบทิ้งนะครับคุณลุง” แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ
ที่บ้านสวน บ่ายวันศุกร์ ผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายมานั่งรอสไบนาง รอจนผ่านไปสองชั่วโมงก็ยังไม่มา บารมีเอะใจว่า
สไบนางอาจจะไม่ได้รับอีเมล์ก็ได้ คุณหญิงจึงลองโทรศัพท์ดูก็ไม่ติด เมธาวีเสนอว่าเล่นแง่กันอย่างนี้ก็ฟ้องหย่าเสียเลย
“ผมกับบีไม่ได้หย่าจากกันเพราะเกลียดชังอะไร ไม่มีเหตุผลที่ต้องฟ้องหย่า ยังไงผมก็จะรอบีกลับมาก่อนครับ” อุปมาตัดบทแล้วเดินออกจากห้องไป เมธาวีรีบตาม พอทันกันที่หน้าบ้านถามว่า สไบนางดีกว่าตนตรงไหน แล้วสาธยายทั้งหน้าตา รสนิยม การงาน ชาติตระกูลว่าแม่ของสไบนางก็แค่เป็นเด็กที่คุณปู่ เขาเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น สไบนางไม่มีอะไรเทียบกับตนได้เลย
“แต่สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะรักใคร ถ้าผมมองเปลือกพวกนั้นก่อน ผมคิดว่าไม่ใช่ความรัก”
“มาร์คไม่ได้รักมันหรอก มันก็แค่ความหลง ความรักความหลงนี่ตะหากที่คือเปลือก ความเหมาะสมกันในทุกๆด้านมากกว่าที่จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง”
อุปมาหันมาบอกว่านั่นคือเหตุผลที่เธอเลือกตน เธอสวนไปว่าเขาก็เหมือนกัน
“สรุปว่า ผู้หญิงสามคนของคุณ มีเมคนเดียวใช่ไหมที่คุณไม่ได้รัก” เมธาวีน้ำตาท่วม อุปมาไม่พูดอะไรแต่เดินหนีไปเสียเฉยๆ เมธาวีมองตาม พึมพำอย่างมุ่งมั่น “คนที่คุณไม่รักคนนี้แหละ ที่จะได้เป็นเจ้าของคุณคนเดียว!”
ooooooo
อาทิตย์ยังคงแอบดูอีเมล์ของสไบนาง จนถูกสไบนางจับได้ว่าเป็นคนลบอีเมล์ของบารมีที่นัดให้ไปหย่ากับอุปมา สไบนางโมโหมากบ่นว่าถ้าตนรู้ป่านนี้ก็หย่ากับอุปมาเรียบร้อยไปแล้ว
ทั้งสองโต้เถียงกันอีกเรื่องการท้องของเมธาวี สไบนางยืนยันว่าอุปมาทำเธอท้องก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนอาทิตย์ที่รู้ข้อมูล
เบื้องลึก คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ยอมบอกสไบนางว่า เมธาวีท้องกับชันษาตอนที่ชันษามาลักพาตัวเธอไป
สไบนางรู้ความจริงแล้วสงสารเมธาวีมากและรู้สึกผิดที่เข้าใจอุปมาผิดมาตลอด ส่วนอาทิตย์เมื่อได้บอกสไบนางไปแล้วก็โล่งใจที่ทุกอย่างจะได้จัดการได้อย่างถูกต้องและรับผิดชอบต่อผู้ที่ไม่ได้ทำผิด
ส่วนคุณหญิงอยู่ที่บ้านสวน นับวันก็ยิ่งเครียดเมื่อไม่ได้ข่าวสไบนางเลย นั่งคุยกับทศวรรษและบังอรจนบังอรฉุกคิดขึ้นมาว่า เรายังไม่ได้ถามอาทิตย์เลย เพราะตั้งแต่สไบนางหายไปอาทิตย์ก็เงียบหายไปเหมือนกัน คุณหญิงจึงให้รีบหาเบอร์โทร.ของอาทิตย์
คุณหญิงโทร.ไปหาอาทิตย์ พอสไบนางรู้ว่าคุณย่าโทร.มาก็ทำปากบอกอาทิตย์อย่าให้คุณย่ารู้ว่าตนอยู่ที่นี่ เมื่ออาทิตย์คุยเสร็จบอกเธอว่า
“คุณย่าถามว่าพรุ่งนี้ว่างไหม อยากชวนไปทานข้าวกลางวันที่บ้าน”
ทั้งอาทิตย์และสไบนางต่างรู้ว่า นี่ไม่ใช่การนัดทานข้าวธรรมดาแน่นอน
ooooooo
รุ่งขึ้น เมื่ออาทิตย์ไปถึงบ้านสวน พบคุณหญิงและทศวรรษคอยอยู่แล้ว พออาทิตย์สวัสดีแล้วถามว่าคุณย่าสบายดีไหมครับ เข้าทางคุณหญิงพอดี รีบบอกว่าไม่สบายเพราะกำลังตรอมใจที่สไบนางหายไป
อาทิตย์ทำไขสือถามว่า “อีกแล้วหรือครับ” คุณหญิงถามว่าแล้วสไบนางโทร.ไปหาบ้างหรือเปล่า เขาปฏิเสธว่าไม่มีเลย คุณหญิงแอบสบตากับทศวรรษแวบหนึ่ง แล้วบอกอาทิตย์ว่า ถ้าสไบนางโทร.มาหาช่วยบอกด้วยว่าย่าไม่ค่อยสบาย ถ้ายังรักย่าก็ขอให้กลับมาหา และอุปมาเองก็พร้อมที่จะหย่าให้แล้ว การหลบหนีหน้าไปไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
“คุณต้องหาทางบอกบีให้ได้นะครับ คุณย่าท่านอายุ มากแล้ว ถ้าล้มป่วยขึ้นมา บีจะเสียใจที่เป็นต้นเหตุนะครับ” ทศวรรษ จงใจย้ำ จนอาทิตย์หน้าจ๋อยไป ลังเลว่าจะบอกความจริงดีหรือไม่
ระหว่างนั้นคุณหญิงกับทศวรรษชำเลืองมองหน้ากันแบบลุ้นๆว่าแผนของพวกตนจะสำเร็จไหม
ฝ่ายอุปมาหลบหน้าเมธาวีออกมานั่งเล่นที่ห้องโถง เขาพิมพ์ข้อความส่งให้สไบนางทางมือถือ
“ผมดีใจที่บีไม่มาตามนัด ผมอยากถ่วงเวลาไปเรื่อยๆเผื่อจะมีอัศจรรย์เกิดขึ้นกับเรา”
“ยิ่งห่างกัน ผมก็ยิ่งคิดถึงเหมือนใจมันเต้นอ่อนลงเรื่อยๆไม่รู้บีรู้สึกเหมือนกันไหม”
สไบนางอ่านแล้วเผลอยิ้มออกมา แต่ก็ทำเป็นปฏิเสธ ทำเสียงแหวะแล้วหันไปบอกตุ๊กตาลูกหมาว่าเลี่ยน แต่แล้วก็ตกใจเมื่อตุ๊กตาลูกหมาไม่หายใจแล้ว เธอรีบคว้าออกไป เจออาทิตย์กลับมาพอดี ถามเขาว่ามีถ่านไหมจะเอาใส่ตุ๊กตาลูกหมา
พอได้ถ่านมาเปลี่ยนจนตุ๊กตาลูกหมาหายใจได้อีกแล้ว สไบนางถอนใจโล่งอก ยิ้มออกมาได้ อาทิตย์ถามว่าอุปมาให้มาหรือ ทำเอาสไบนางตีหน้าไม่ถูก ตีขาเขาแก้เกี้ยวบ่นว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แล้วอุ้มตุ๊กตาลูกหมาออกไปเลย
“เอาไงดีวะ โยนหัวโยนก้อยดีไหมเนี่ย” อาทิตย์ถามตัวเองอย่างลำบากใจไม่รู้จะบอกเรื่องคุณย่ากับสไบนางดีหรือไม่ดี เพราะนั่นหมายถึงการจะให้สไบนางหย่ากับอุปมาหรือไม่นั่นเอง
ooooooo
สายทิพย์นัดธนูไปหย่ากันที่เขต ไม่ว่าธนูจะออดอ้อนอย่างไรเธอก็ไม่ใจอ่อน ตกลงเรื่องลูกกันได้โดยสายทิพย์จะเป็นคนเลี้ยงลูกเองและจะให้พบกับธนูเป็นครั้งคราวตามข้อตกลง
เมื่อเซ็นหย่าเรียบร้อยแล้ว ธนูถามอ้อนๆว่า “เรายังมีโอกาสกลับมาดีกันเหมือนเดิมใช่ไหม” สายทิพย์มองหน้าถามว่ายังกล้าถามตนอย่างนี้หรือ ธนูตอบหน้าจ๋อยๆว่า “ผมกล้า เพราะผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าถ้าไม่มีคุณกับลูก ผมอาจจะอยู่ไม่ได้”
ธนูยอมรับน้ำตาคลอ สายทิพย์ถามว่าแล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ เขาขอเวลาอีกหน่อย ถ้าจัดการกับชีวิตให้เรียบร้อยเมื่อไหร่จะกลับมาหาเธอ อ้อนขอโอกาสตนอีกครั้ง
หยาดฝนยิ้มให้กำลังใจธนูก่อนแยกไปกับสายทิพย์ แต่ที่มุมหนึ่งในเขต วิมาดาแอบดูอยู่ เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะถ้าธนูหย่ากับสายทิพย์จริงๆ ธนูจะต้องมาเกาะแจอยู่กับตนแน่ๆ
จนวันนี้ซึ่งเป็นวันเกิดของธนู หยาดฝนเห็นของขวัญที่สายทิพย์ซื้อไว้ ถามพี่สาวอย่างลุ้นๆว่าซื้อของขวัญวันเกิดให้ธนูหรือ สายทิพย์บอกว่าซื้อไว้นานแล้ว เพราะเคยซื้อให้เลยซื้อทิ้งไว้ พอดีเขาลดราคาด้วย หยาดฝนถามว่าตนจะเอาไปให้เอาไหม
“ให้ยามหน้าหมู่บ้านยังมีประโยชน์กว่า” สายทิพย์พูดอย่างไม่แยแส หยาดฝนติงว่าพี่เคยให้เขาทุกปี
สายทิพย์น้ำตารื้นถามว่า “แล้วเขาเคยใส่ใจไหมล่ะ ป่านนี้คงนัดดินเนอร์หรูกับเมียใหม่เขาแล้วล่ะ อิสระแล้วนี่”
จริงอย่างที่สายทิพย์คาดเดา เพราะธนูนัดดินเนอร์กับวิมาดา เขาไปสั่งไวน์คอยเธอที่ร้านอาหารหรู พอโทร.ถามว่าถึงไหนแล้ว เธอบอกว่ากำลังอยู่ระหว่างทางทั้งยังจะไปธุระที่ร้านก่อนด้วย
วิมาดาตอบอย่างรำคาญ จนธนูหน้าเจื่อน พอดีโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ธนูเปิดดูพบข้อความกับรูปภาพ เป็นของขวัญชิ้นที่สายทิพย์ซื้อให้นั่นเอง แต่เป็นฝีมือของหยาดฝนส่งภาพมาพร้อมข้อความว่า
“พี่ทิพย์ซื้อของขวัญวันเกิดไว้ให้พี่นูค่ะ อย่าบอกว่าฝนส่งภาพมาให้ดูนะคะ...เบิร์ธเดย์ค่ะ...ฝน”
ธนูดูรูป อ่านข้อความแล้วยิ้มออก อย่างน้อยก็ยังมีสายทิพย์ที่เสมอต้นเสมอปลายกับตนตลอดมา
ooooooo
เพราะอาทิตย์เคยบอกสไบนางให้ช่วยไปรำในงานชุมนุมศิษย์เก่าที่โรงเรียน วันนี้ถึงวันงานแล้ว ขณะสไบนางเตรียมชุดจะไปงานนั้น อาทิตย์ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย โทร.ไปหาคุณหญิง เสร็จแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเบาๆ “ขอโทษนะบี”
บ่ายแก่ๆวันนี้เอง คุณหญิง ทศวรรษ และบังอรก็มาถึงบริเวณหอประชุมที่จัดงาน ต่างเตรียมจะไปพบสไบนางที่ห้องแต่งตัวเพื่อเจรจากันขั้นสุดท้าย รอแต่อุปมาที่คิดว่ายังมาไม่ถึง
แต่ที่แท้อุปมาแอบไปหาสไบนางที่ห้องแต่งตัว ไม่เพียงไปพูดคุยเท่านั้น หากยังพาตัวเธอออกจากห้องแต่งตัว เมื่อเธอขัดขืนก็อุ้มขึ้นบ่าแบกไปต่อหน้าอาทิตย์ที่ทำทีตกใจแต่เอาใจช่วยอุปมาเต็มที่
หลังจากนั้นอาทิตย์ก็ออกมาบอกคุณหญิงว่าอุปมาพาสไบนางไปแล้ว ไม่ทราบพาไปไหน พริบตานั้นทุกคนก็เห็นอุปมาขับรถผ่านไปในรถมีสไบนางถูกมัดปากล็อกตัวไว้ที่เบาะหลังดิ้นขลุกขลัก ทุกคนพากันตกใจ แต่อาทิตย์กลับมองขำๆ บอกคุณหญิงว่า
“ผมว่าคุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เขาเป็นสามีภรรยากัน คงมีเรื่องต้องตกลงกันเป็นธรรมดา”
ทศวรรษเปรยๆว่าถ้าเมธาวียอมถอยสักคน เรื่องนี้ก็คงจบสวย ทั้งภาวนาอยากให้พ่อเด็กตัวจริงออกมารับผิดชอบเร็วๆ
“หรือไม่...ก็ต้องมีใครสักคนที่คุณเมยอมรับให้เข้ามาแทนคุณมาร์คได้ ขี่ม้าขาวมาช่วยได้ทันเวลา” อาทิตย์เสนอขึ้น เพราะเชื่อว่าแนวทางที่ทศวรรษพูดนั้นเป็นไปไม่ได้ เขาคิดอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อการนี้
ooooooo
เมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ คุณหญิง ทศวรรษ และบังอรจึงกลับบ้านสวน คุณหญิงเล่าให้วิจิตราฟังอย่างเหนื่อยใจบอกว่าจบเสียทีก็ดี อีกแค่อึดใจเดียว
“แค่คืนเดียว อะไรก็เกิดขึ้นได้นะคะคุณแม่ หวังว่าหลานรักของคุณแม่คงไม่ผูกปมให้เชือกมันรัดแน่นจนคลายปมไม่ออกยิ่งกว่านี้นะคะ” วิจิตราพูดอย่างไม่ไว้ใจ
เมื่อบารมีเล่าแผนการให้ฟังว่า หลังการหย่าแล้วตนจะพาสไบนางไปอเมริกาทันที วิจิตรายิ่งดีใจขอไปบอกข่าวดีแก่เมธาวีที่บ้านไทยประยุกต์
เล่าเหตุการณ์และแผนการของบารมีให้ฟังแล้ว เมธาวีบอกว่าตนก็ยังไม่ไว้ใจสไบนางอยู่ดีไม่รู้จะมีแผนการอะไรอีกวิจิตราเสนอให้เธอต้องลดสเปกงานแต่งลงมา จะได้จบเร็วๆเพราะท้องโตขึ้นทุกวันแล้ว
เมธาวีกลัวจะไม่เป็นที่รับรู้ในสังคมว่าตนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของอุปมา วิจิตราเสนอแผนที่ใช้กันอยู่ทั่วไปว่า ให้ปล่อยข่าวว่าอุปมากับสไบนางเตียงหักเพราะถูกจับคลุมถุงชน เลยต้องหย่ากันและมาแต่งานกับคนที่เขารักคือคู่แท้ แล้วส่งรูปแต่งงานที่เราจัดเงียบๆไปกระจายข่าว แค่นี้ก็ หมดเคราะห์หมดโศกกันแล้ว
ฟังแผนการของแม่แล้ว เมธาวีก็สบายใจขึ้น
ooooooo
ฝ่ายอุปมา อ้างว่าต้องการทำความเข้าใจและสร้างความประทับใจที่ดีต่อกันก่อนวันหย่า เขาขับรถพาสไบนางไปเรื่อยๆ พอเธอถามเขาก็บอกว่า ต้องการทำให้เธอประทับใจจะได้เลิกพูดเสียทีว่าแต่งงานกับตนคือฝันร้ายเสียที
ระหว่างนั้น ต่างก็พูดถึงความรู้สึกนับแต่แรกพบจนถึงปัจจุบัน อุปมาบอกว่าที่เขาจำไม่ลืมเลยคือวันแรกที่พบกันขณะเขาถ่ายเอกสารที่บริษัท เธอจะเข้ามาสมัครงาน แล้วพาลด่าเขาเสียไม่มีดีเมื่อเขาบอกว่าหมดเวลาบริษัทปิดแล้ว ทั้งยังเรื่องที่ถูกสไบนางสาดน้ำใส่จนเปียกในวันที่เขาไปหาคุณหญิงที่บ้านอีก
เล่าแล้วอุปมาถามบ้างว่าแล้วเธอประทับใจตนตอน ไหนบ้าง
“ตอนฉันตกน้ำมั้ง ฉันมั่นใจว่านายจะไม่ปล่อยมือฉันเด็ดขาด” พูดแล้วแอบปลื้ม อดถามไม่ได้ว่า แล้วเขาประทับใจอะไรดีๆกับตนบ้างหรือเปล่า
“เคย...ก็คืนที่หัวหินไง” อุปมายิ้มกริ่มทำหน้าทะเล้นใส่ สไบนางเขินจนฟาดเขาป้าบใหญ่ สั่งห้ามเขาคิดเรื่องนี้อีกทั้งทุบทั้งตีจนอุปมาต้องยอมแพ้รับปากว่าไม่คิดไม่ยิ้มไม่พูดแล้ว
ขับรถคุยกันไปเรื่อยๆจนอุปมาถามขึ้นว่า เธอเชื่อไหมว่าเมธาวีไม่ได้ท้องกับตน สไบนางไม่ตอบคำถามแต่กลับบอกว่าถึงจะใช่หรือไม่เขาก็ยอมแต่งงานกับเมธาวีอยู่แล้ว
“คงงั้นมั้ง เพราะฉันคิดว่าฉันรักเม” อุปมายักไหล่ตอบอย่างไม่แคร์ แล้วย้อนถามว่าเธอไม่สงสารตนบ้างหรือ สไบนางยิ้มเหยียดบอกว่าดีเสียอีกแต่งปุ๊บได้ลูกปั๊บเลย อุปมาถามว่าลูกใคร เธอลอยหน้าตอบว่า
“คิดเสียว่าทำบุญ เลี้ยงแต่แรกเกิดเดี๋ยวก็รักไปเองแหละ”
เรืองย่อ ละคร รอยมาร
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน1
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน2
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน3
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน4
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน5
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน6
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน7
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน8
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน9
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน10
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน11
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน12
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน13
เรื่องย่อละคร รอยมาร ตอน14
No comments:
Post a Comment