Tuesday, October 11, 2011

เรื่ิองย่อ รอยมาร ตอน13 ละครช่อง3



เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน9  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน10  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน11  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน12  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน13  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน14  

ตอนที่ 13

การตายของประมุข เป็นไปดังที่คุณหญิงได้คาดหวังกับสไบนางว่า บุญคุณความแค้นทั้งหมดจะจบไปพร้อมกับความตายของเขา แล้วบอกสไบนางว่า ถามเรื่องหย่าให้แล้ว บารมีบอกว่ารอความเหมาะสม ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร

คุณหญิงบอกว่าถ้าหย่าเรียบร้อยแล้วจะไปเรียนต่อเมืองนอกหรือจะเรียนต่อเมืองไทยก็สุดแล้วแต่สไบนางจะตัดสินใจเอง เธอบอกว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอกจะได้พ้นเรื่องบ้าๆนี่เสียที แต่ก็เป็นห่วงคุณย่า ไม่อยากทิ้งย่าไว้คนเดียว

“ไม่ต้องห่วงย่าหรอก ย่ามันคนบาปหนา ตายยาก ไปเรียนแค่ไม่กี่ปีเอง ย่าอยู่รอเรากลับมาอยู่แล้วล่ะ” พูดแล้วกอดสไบนางไว้ปลอบ “ฝันร้ายกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วนะลูก ลืมมันไปเสียให้หมด บีของย่ามีอนาคตสดใสรออยู่นะลูกนะ”

“ค่ะคุณย่า...บีต้องลืมฝันร้ายครั้งนี้ให้ได้ บีจะไม่จดจำอะไรให้ติดค้างใจบีอีกเลย” สไบนางน้ำตารื้น กอดย่าไว้ คุณหญิงได้แต่ลูบหัวหลานสาวด้วยความรักและเป็นห่วง

ฝ่ายอุปมา หลังจากคุยกับบารมีแล้ว ก็ครุ่นคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง เริ่มรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนคู่กัดกับสไบนางที่ผ่านมานั้น มีความสุขแฝงอยู่จนรู้สึกว่าชีวิตขาดหายบางอย่างไป เมื่อไม่ได้เจอะเจอหรือจิกกัดกับสไบนาง

ooooooo

เช้าวันหนึ่ง สไบนางตื่นเต้นสุดๆ เมื่อเห็นทศวรรษกลับมาแล้ว เธอโผเข้ากอดเขาร้องไห้ด้วยความดีใจ

เมื่อไปพบคุณหญิงที่โถงบ้าน คุณหญิงบอกว่ากลับมาทันงานศพพ่อก็ดีแล้ว ถึงไม่ใช่พ่อแท้ๆ เขาก็มีบุญคุณกับตัวเอง ก่อนที่คุณหญิงจะเล่าบางเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยแก่ทศวรรษ ได้บอกให้สไบนางออกไปก่อน

สิ่งที่ทศวรรษไม่เคยรู้เลยคือ เขาเป็นลูกของขัตติยาที่เกิดกับบารมี ไม่ใช่ประมุข คุณหญิงเล่าว่าเวลานั้น บารมีมีความจำเป็นจึงต้องหนีหายไป ทั้งที่รู้ว่าขัตติยาคู่หมั้นของตนกำลังตั้งท้อง

“เรื่องของผู้ใหญ่ครับคุณย่า อะไรลืมได้ผมก็อยากลืมให้หมด แล้วตั้งต้นใหม่  ที่ผมอยากพบ...คุณบารมี ก็เรื่องบ้านอัคราช ผมอยากไถ่ถอนคืนให้คุณย่าครับ คุณย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นทั้งแม่ทั้งพ่อ ที่ผลักดันให้ผมได้เป็นอย่างทุกวันนี้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาบ้านอัคราชคืนมาให้ได้ครับคุณย่า”

คุณหญิงชมว่า เขาถอดแบบมาจากบารมีทุกอย่าง เป็นคนมีความกตัญญูรู้คุณ มีความรับผิดชอบ แยกถูกผิดเป็น ตนอิจฉาพวกบุญอนันต์จริงๆ

ทศวรรษปลอบย่า แล้วขอให้ช่วยพาตนไปพบบารมีเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม

เมื่อไปพบบารมีที่บ้านไทยประยุกต์ พ่อลูกคุยกันอย่างเข้าใจ แล้วทศวรรษจึงเอ่ยปากขอซื้อบ้านอัคราชคืนให้คุณย่า บารมีไม่ยอมขาย ทั้งยังบอกว่าทั้งชาติทศวรรษก็หาเงินได้ไม่พอซื้อบ้านคืนหรอก

ทศวรรษต่อรองว่าขอผ่อนเป็นงวดๆ  บารมีก็ไม่ยอมอีก ทำท่าขึงขังจนทศวรรษถามว่า ความแค้นของเขายังไม่หมดหรือ

“หมดแล้ว บุญคุณความแค้นทั้งหมดพ่อปล่อยให้มันตายไปพร้อมกับประมุขแล้ว แต่ที่พ่อยกให้ทศไม่ได้ ไม่ว่าจะขอซื้อต่อด้วยราคาแพงแค่ไหน ก็เพราะพ่อยกบ้านอัคราชคืนคุณย่าทศไปแล้วน่ะสิ”

แล้วบารมีก็ชี้แจงว่า ตนได้เอากุญแจบ้านให้อุปมาเอามามอบให้คุณหญิงแล้วและไม่คิดจะเอากุญแจคืน คุณหญิงฟังแล้วนิ่งอึ้ง ทศวรรษยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“คุณน้ามีบุญคุณกับผมท่วมท้น เป็นแม่ของเพื่อนรัก เป็นที่รับฝากน้องสาวและคู่หมั้นที่มีลูกผมติดท้องไปด้วย เป็นคุณย่าที่รักของหลานสาวคนเดียวของผม ถ้ามีอะไรที่ผมจะทำเพื่อคุณน้าได้ มีหรือครับที่ผมจะไม่ทำ”

ทั้งคุณหญิงและทศวรรษ ต่างขอบคุณบารมีน้ำตาคลอ บารมีเองก็ยิ้มอย่างสบายใจที่หมดเรื่องติดค้างคาให้ทุกข์ทรมานใจอีกต่อไป

ooooooo

คุณหญิง ทศวรรษ สไบนาง พากันไปที่บ้านไทยประยุกต์ ทศวรรษกับอุปมาเจอกันเป็นครั้งแรกนับญาติกันด้วยความดีใจ ทศวรรษรับไหว้อุปมาพูดด้วยความดีใจว่า ยินดีที่ได้มีน้องชายเพิ่มอีกคน เมื่อบารมีมาสมทบ จึงบอกทุกคนว่า

“ลูกหลานบุญอนันต์ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที เสร็จเรื่องงานศพประมุขเราจะได้ฉลองใหญ่กัน”

“งั้นก็รอเลี้ยงทีเดียวหลังงานแต่งมาร์คกับเมก็ได้ครับ” ทศวรรษเสนอ คุณหญิงยิ้มเห็นด้วย แต่อุปมา สไบนาง และบารมีต่างทำหน้านิ่ง คุณหญิงพูดต่ออย่างอารมณ์ดีว่า

“เสร็จงานเผาศพประมุข พ่อมีก็นัดวันจดทะเบียนหย่าให้มาร์คกับบีซะเลยนะ ทุกอย่างจะได้เข้าที่เข้าทางซะที”

“ครับคุณน้า” บารมีรับคำขรึมๆ อุปมากับสไบนางสบตากันโดยไม่ตั้งใจแล้วต่างก็เบือนสายตาไปทางอื่นทันที

ooooooo

ธนูถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาไปหาวิมาดาที่คอนโดฯบอกว่ายังไงตนก็ไม่ยอมหย่ากับสายทิพย์เพราะสงสารลูกไม่อยากให้เป็นเด็กกำพร้า วิมาดารีบสนับสนุนอ้างว่า สงสารหลาน

แต่พอเธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก็พึมพำกับตัวเองว่า “หย่ากันฉันก็ซวยน่ะสิ”

จนวันนี้ ธนูตามหาจนเจอสายทิพย์ที่ฮัทริมแคว กิจการของที่นี่กำลังไปได้ดี ช่วงนี้มีแขกจองห้องพักเต็มหมดจนสายทิพย์บอกกับพนักงานคนสนิทว่า แบบนี้ค่อยคุ้มหน่อยที่ลาออกจากงานมาทำรีสอร์ตเต็มตัว

พลันเธอก็ชะงักเมื่อเห็นธนูเดินยิ้มกริ่มเข้ามา พยายามตั้งสติทำใจดีสู้เสือ พอเจอหน้ากันธนูก็ตัดพ้อว่ารู้ไหมว่ายากแค่ไหนกว่าจะตามหาเธอเจอ แล้วรำพันความคิดถึงเธอกับลูกจนน่าเห็นใจ

แต่สายทิพย์ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วยืนยันว่าตนต้องการหย่าให้เร็วที่สุด ทำเอาธนูอ้อนไม่ออกอีกเลย

ooooooo

วิมาดาถือโอกาสเอาเรื่องที่สายทิพย์ขอหย่ากับธนูไปหาอุปมา บีบน้ำตาเล่าว่าตนเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเขามีปัญหา เมธาวีแอบฟังอยู่เปิดประตูเข้ามาสวนไปทันทีว่า “งั้นก็ควรอยู่ห่างๆว่าที่สามีฉันเสีย”

อุปมาดีใจที่เมธาวีเข้ามาแก้สถานการณ์ให้ตนได้ทัน เมธาวีกรีดกรายเข้ามาขอโทษวิมาดาที่ตนแอบฟังมานาน

แล้วเข้าควงอุปมาบอกวิมาดาว่า

“แฟนใคร ใครก็รัก ขอให้เธอทำความเข้าใจซะด้วย ฉันแต่งงานกับมาร์คเพื่อเป็นภรรยาคนเดียวไม่ได้แต่งเพื่อเป็นเมียหลวง เพราะฉะนั้นที่นี่ไม่มีที่ว่างสำหรับเธอ”

วิมาดาสะกดอารมณ์เต็มที่ ทำเป็นยิ้มหยันบอกเมธาวีว่า “รอให้มาร์คยอมกลับไปแต่งงานกับเธอเสียก่อนเถอะ ค่อยมาบอกฉัน” พูดแล้วหัวเราะขำๆก่อนกรีดกรายออกไป

เมธาวีเก็บกลั้นอารมณ์เต็มที่ ถามอุปมาว่าพ่อเขากำหนดวันรึยังว่าจะไปหย่ากับสไบนางวันไหน อุปมาอึกอักพลางส่ายหน้า เมธาวีสะบัดออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย อุปมารีบตามไปอย่างเสียไม่ได้

ฝ่ายคุณหญิงก็เกริ่นๆเปรยๆกับสไบนางหลายครั้งว่า เสร็จงานศพประมุขก็น่าจะหย่ากับอุปมาได้ ฟังทีไรสไบนางก็ได้แต่นิ่งเงียบทั้งที่ในใจนั้นว้าวุ่นพิกล

ooooooo

หัสดินกับหยาดฝนที่มองออกว่าสไบนางกับอุปมามีใจให้กันแต่ต่างก็วางฟอร์มสงวนท่าที ทั้งสองตกลงกันว่าเราต้องช่วยให้เพื่อนสมหวังแทนที่จะนั่งดูเฉยๆอย่างนี้

ดังนั้น วันนี้ทั้งสองจึงวางแผนกันทั้งที่กลัวๆกล้าๆว่า ถ้าแผนแตกมีหวังโดนสไบนางซ้อมแน่ๆ หัสดินปลอบใจให้กำลังใจกันว่า

“เราจริงใจกับเพื่อนซะอย่างจะกลัวอะไร นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าสิ่งที่เรารู้สึกมันจริง เราจะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลังว่ามีโอกาสแล้วไม่ยอมช่วยเพื่อน”

ในที่สุดตกลงทำตามแผน โดยเร่งลงมือเย็นนี้เลย

ตกเย็น หัสดินก็ไปหาอุปมาที่ห้องทำงานทำเป็นกลุ้มอกกลุ้มใจอ่อยจนอุปมาอยากรู้จึงเล่า หยาดฝนเล่าให้ฟังว่าสไบนางบอกว่ารู้สึกแปลกๆเมื่ออยู่กับเขา อุปมาถามอย่างตื่นเต้นว่าแปลว่าสไบนางแอบชอบตนงั้นหรือ แล้วทำเป็นฟอร์มว่าเด็กเพี้ยน แล้วไปนั่งอารมณ์ดี หัสดินดูออกเลยเข้าไปรุกอีกก้าวหนึ่งว่า


“บีเขาอยากชวนแกไปกินข้าวเย็นด้วยกันมื้อสุดท้ายก่อนหย่า เห็นว่าอยากจะขอโทษเรื่องทำตัวแย่ๆด้วย” เห็นอุปมายิ้มสนใจ หัสดินทำเป็นนึกชื่อร้านแล้วบอกว่า ร้านที่ปากซอยนี่แหละ สไบนางจะไปรอเขาที่นั่นหนึ่งทุ่มตรง แต่ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรตนจะโทร.บอกฝนให้เอง

อุปมาทำเป็นลังเล หัสดินเลยแกล้งทำเป็นจะโทร.บอกหยาดฝน

“จะใจร้อนไปไหน ขอคิดก่อนสิวะ กลัวพ่อด่า” อุปมาใช้มุกเดิมแล้วตัดบท “แกจะไปซื้ออะไรก็รีบไปฉันมีงานต้องเคลียร์อีกเยอะแยะ”

ฝ่ายหยาดฝนก็เล่นมุกเดียวกัน ไปคุยกับสไบนาง แล้วทำเป็นถามว่าอุปมาเคยแสดงท่าทีแปลกๆกับเธอไหม สไบนางทำเป็นไม่สนใจรีบเก็บเสื้อผ้ากลัวอุปมากลับมาเจอ ตนเบื่อหน้าเต็มทีแล้ว

หยาดฝนบอกว่าวันนี้เขาคงไม่กลับเร็ว เพราะเขาฝากหัสดินให้ตนมาบอกเธอว่าอยากนัดทานข้าวด้วยเป็นมือสุดท้ายเพื่อขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนที่จะต้องหย่ากัน แล้วบอกชื่อร้านและเวลานัด

พูดแล้วเหล่ๆดูใจเพื่อน พูดตัดบทอย่างเร่งรัดว่า

“ถ้าเธอไม่ชอบเขาไม่แคร์อะไรก็ไม่ต้องไป เดี๋ยวหย่าๆกันไปก็จบ ลืมกันไปเองแหละ”

พูดแล้วแอบสังเกตอีก เห็นสไบนางตั้งหน้าตั้งตาพับผ้าแต่แอบไตร่ตรองว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี

ooooooo

เมื่อใกล้เวลานัด อุปมาไปถึงร้านอาหารก่อนกวาดตามองไปรอบร้านยังไม่เห็นสไบนาง กลัวเสียหน้าเดี๋ยวจะคิดว่าตนอยากมามาก เลยเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำก่อน

ฝ่ายสไบนางก็มาถึงแล้วเช่นกัน โดยลุงแก้วขับรถมาส่ง เมื่อหยาดฝนกับหัสดินติดต่อกัน รู้ว่าทั้งสองคนมาถึงร้านอาหารตามนัดแล้ว หัสดินเดินมาพบหยาดฝนที่ลาดจอดรถ ทำกรุ้มกริ่มชวน

“เราทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเสร็จแล้ว ไปทำหน้าที่แฟนกันเถอะ หิวแล้ว”

หยาดฝนยิ้มเขินๆ เดินไปบอกลุงแก้วให้กลับไปก่อน แล้วเดินกลับมาหาหัสดิน

สไบนางเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำก่อนเช่นกัน พอออกมาต่างก็เห็นกัน แล้วต่างก็ดีดตัวหลบอย่างเร็ว ต่างคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นตน

สไบนางแกล้งโทร.เข้ามือถืออุปมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว ฝ่ายนั้นบอกว่ายังไม่ถึงเลย สไบนางเลยบอกว่าตนก็ยังมาไม่ถึงเหมือนกัน ทั้งยังบอกว่าช้าหน่อยนะด้วย

สไบนางถ่วงเวลาจนเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมง จึงทำทีเดินเข้าไป เห็นอุปมายกเมนูบังหน้าอยู่ เธอปั้นหน้านิ่งเดินเข้าไปถามว่า รอนานไหม อุปมาตอบหน้านิ่งพอกันว่า “มาช้าอีกนิดก็ถือว่าเสียมารยาท”

สไบนางเข้าไปนั่ง ต่างไม่กล้าสบตากันกลัวหลุดเขินออกมา เพราะต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายชอบตัวเองอยู่และเป็นคนนัดมาเจอกัน เลยแก้เกี้ยวด้วยการหยิบเมนูขึ้นกางบังหน้าตั้งหลัก ทำเป็นตั้งอกตั้งใจเลือกอาหาร

บังเอิญจริงๆที่เมธาวีขับรถผ่านหน้าร้าน เห็นรถอุปมาจอดอยู่ เอะใจเลยแฉลบเข้าไปจอดแอบดูที่หน้าร้าน เห็นอุปมานั่งอยู่กับสไบนางต่างมีท่าทีเคอะๆเขินๆเธอโกรธจี๊ด แต่ยังแอบดูต่อ

อุปมากับสไบนางต่างเคอะเขินและวางฟอร์มเพราะถือว่าอีกฝ่ายชอบตนและเป็นฝ่ายนัดมา อึดอัดกันอยู่นาน อุปมาเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนว่า มีอะไรให้พูดมา สไบนางมองงงๆ เขาเลยตัดบทว่า

“โอเค ฉันสุภาพบุรุษพูดก่อนก็ได้ ฉันต้องขอบใจเธอมาก ที่ยอมเสียชื่อเพื่อรักษาหน้าตาของผู้ใหญ่เอาไว้”

สไบนางผิดหวังอย่างมากเพราะนึกว่าเขาจะสารภาพรัก เลยทำปึ่งบอกว่านั่นเป็นหน้าที่ของลูกหลานที่ต้องทำเพื่อทดแทนบุญคุณอยู่แล้ว เรื่องเล็ก

“ฉันเสียใจนะ ที่เคยทำอะไรหักหาญน้ำใจเธอมาตลอด นับตั้งแต่วันที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านฉันเลย...ฉันขอโทษเธอจากใจจริง”

เมธาวีโกรธจนแทบจะทนดูต่อไปไม่ได้ พอดีบริกรเข้ามาถามว่าจองโต๊ะไว้แล้วหรือยัง เธอไม่ตอบรีบเดินออกไปทันที

พอออกมาถึงหน้าร้าน เธอโทรศัพท์บอกวิจิตราให้ไปพบบารมีกับตนบังคับอุปมาให้ไปหย่ากับสไบนางพรุ่งนี้ให้ได้ วิจิตราบอกว่าตนไม่กล้า

“คุณแม่ต้องกล้า ถ้าไม่อยากให้นังบีเป็นเมียของมาร์คจริงๆแทนเม...ยังไงพรุ่งนี้คุณแม่ต้องทำให้มาร์คหย่ากับนังบีให้ได้ เข้าใจไหมคะ” พูดจบก็ตัดสายทันที ขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจ



เรืองย่อ ละคร รอยมาร 
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน1   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน2   
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน3  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน4  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน5  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน6  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน7  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน8  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน9  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน10  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน11  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน12  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน13  
เรื่องย่อละคร รอยมาร   ตอน14  


No comments:

Post a Comment