ตอนที่ 8
สุริยวงศ์พาเรรินนั่งรถออกไปด้วยกัน ระหว่างทางเขาเห็นเธอยังตกใจกลัวไม่หาย จึงเอื้อมมือมาแตะหวังปลอบใจ แต่เรรินสะดุ้งสุดตัวเพราะขวัญกระเจิง
“ขอโทษครับ...ผมขอโทษ ผมน่าจะฆ่ามันให้ตายคามือไปเลย” สุริยวงศ์แค้นไม่หาย
ชายหนุ่มตัดสินใจพาเรรินไปพักที่บ้านของเขา เพราะเกรงว่า ธนินทร์จะตามไปทำร้ายเธอที่รีสอร์ตอีก เรรินปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่สุริยวงศ์ยืนยันว่า ความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าธนินทร์คิดร้ายกับฉัน”
“คุณรินจะโกรธผมรึเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า ผมตาม
“ขอโทษครับ...ผมขอโทษ ผมน่าจะฆ่ามันให้ตายคามือไปเลย” สุริยวงศ์แค้นไม่หาย
ชายหนุ่มตัดสินใจพาเรรินไปพักที่บ้านของเขา เพราะเกรงว่า ธนินทร์จะตามไปทำร้ายเธอที่รีสอร์ตอีก เรรินปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่สุริยวงศ์ยืนยันว่า ความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าธนินทร์คิดร้ายกับฉัน”
“คุณรินจะโกรธผมรึเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า ผมตาม
เรรินแทบน้ำตาร่วง สุริยวงศ์ถามเรื่องแจ้งความ เรรินส่ายหน้าขอให้ทุกอย่างจบลงเท่านี้ สุริยวงศ์เข้าใจเขาเปลี่ยนเรื่องชวนเธอขึ้นไปพัก เรรินขยับจะลุกแต่ก็ชะงักเพราะคลำไม่เจอสร้อยที่คอ
“ตายจริง...สร้อยค่ะ สร้อยเส้นนั้นขาดไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาไว้ผมจะหาเส้นใหม่มาให้” สุริยวงศ์รับปาก
เวลาเดียวกันนั้น ธนินทร์กลับไปให้สรัญญาช่วยทำแผลที่โรงแรม สรัญญาเตือนให้เตรียมหาคำตอบแก้ตัวกับผู้ใหญ่ให้ดี เพราะเรรินต้องแจ้งความเอาเรื่องเขาแน่
“กูไม่กลัวหรอกโว้ย ถ้ามันคิดจะเดินจากไปง่ายๆ ก็ฝันไปเหอะ” ธนินทร์แค้นไม่เลิก
วันต่อมา วันดารามาหาสุริยวงศ์พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของเรริน เพราะสุริยวงศ์โทร.บอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันดารากอดเรียกขวัญให้เรรินพลางแนะนำให้อยู่กับสุริยวงศ์ ที่นี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย
“รินกลายเป็นภาระของพี่วันกับคุณสุริยะแท้ๆ”
“อย่าอู้อย่างอั้นคุณริน ปี้กับสุริยะบ่เกยคิดอย่างอั้นเลย สำหรับปี้ คุณรินเหมือนน้องสาวแต้ๆของปี้คนหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะพี่วัน รินไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี”
“คุณรินสบายใจ๋ปี้ก่อสบายใจ๋ อยู่ตี้นี่บ่ต้องเกรงใจ๋อะหยังทั้งนั้น...หรือว่าถ้าคุณรินอยากจะกลับกรุงเทพฯ ปี้ก่อจะได้จองตั๋วเครื่องบินหื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วัน รินยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ รินมีธุระบางอย่างที่นี่ ที่อยากจะทำให้เสร็จเสียก่อนค่ะ” เรริน มุ่งมั่น
วันดาราไม่ซักต่อ แต่สุริยวงศ์เริ่มแน่ใจแล้ว ว่าธุระของเรรินคืออะไร
ooooooo
สรัญญาแวะมาหาวงพระจันทร์ที่ห้องเสื้อ เธอพูด เป็นนัยๆเรื่องปัญหาหัวใจระหว่างวงพระจันทร์กับสุริยวงศ์ หวังหาแนวร่วมจัดการกับเรริน เวลาเดียวกันนั้นบัวเงินเปิดกล่องเครื่องประดับ แล้วค่อยๆหยิบสิ่งหนึ่งซึ่งเล็กจิ๋วออกมาวางบนฝ่ามือ
“หม่อมกะเจ้า อิ๋นคำตั๋วนี้ หม่อมยังเก็บฮักษาไว้อยู่อีกก๊าเจ้า” ผีอีเม้ยคลานเข้ามา
“กูเกยคิดว่าคงบ่มีโอกาสได้ใจ้มันแล้ว แต่พอกูหันความง่าวของอีวงพระจันทร์ กูก็อดบ่ได้” บัวเงินมองอิ๋นคำในมือหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ครั้งที่เธอนำอิ๋นคำมาบูชา และร่ายคาถายาวเหยียดหวังเรียกให้เจ้าศิริวัฒนากลับมารักกลับมาหลง แต่เจ้าศิริวัฒนาเรียกมณีรินขึ้นไปหาในห้อง
ทำงาน และถอดแหวนทับทิมเม็ดเป้งออกจากนิ้วก้อย มาสวมที่นิ้วนางของเธอ
ทำงาน และถอดแหวนทับทิมเม็ดเป้งออกจากนิ้วก้อย มาสวมที่นิ้วนางของเธอ
“แหวนวงนี้ยังบ่ใจ่แหวนแต่งงานเน้อเจ้าริน แหวนตี้อ้ายจะสวมหื้อเจ้าริน แม่เจ้าเปิ้นยังเลือกเพชรบ่ได้ น้ำยังบ่ถูกใจ๋เปิ้น สล่าพันเปิ้นก่อฮ้อนใจ๋ กลั๋วว่าจะทำแหวนหื้อบ่ตัน” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ย
มณีรินไหว้เจ้าศิริวัฒนาทั้งที่ในใจไม่อยากได้เลยสักนิด
บัวเงินที่แอบดูอยู่กับอีเม้ยทนดูไม่ได้ถลันเข้ามาแทรกพลางทัก ว่าแหวนที่นิ้วนางมณีรินงามนัก
“อ้ายเพิ่งหื้อเจ้ารินเปิ้นเดี๋ยวนี้เอง เจ้ารินเปิ้นจ่วยอ้ายแปลเอกสารภาษาฝรั่ง” เจ้าศิริวัฒนาตอบ
“เจ้านางน้อยนี้เก่งแต๊ๆสมแล้วตี้มาเป็นกู่บุญบารมีเจ้าอ้ายนะเจ้า” บัวเงินเอื้อมมือไปจับมือมณีริน ทำทีเป็นชื่นชม แต่ในใจคลั่งแค้นยิ่งนัก
บัวเงินกลับมาอาละวาดที่เรือน อีเม้ยกระโดดหลบหนีตายเป็นพัลวัน มันรอจนบัวเงินอารมณ์เย็นลงจึงเข้ามาแนะนำ
“หม่อมเจื่อเม้ยเต๊อะ อีมณีรินมันต้องทำเสน่ห์ยาแฝดใส่เจ้าเปิ้นแน่ๆ บ่ยังอั้นเจ้าเปิ้นบ่หลงมันจนขาดสติอย่างนี้หรอก เม้ยผ่อบ่ผิดหรอกอีพวกมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนมนต์ดำมันแฮงนัก”
“แล้วกูจะทำอย่างไดดีอีเม้ย” บัวเงินหันมาปรึกษา
“บ่ยากหรอกเจ้าหม่อม มันเล่นมนต์ดำมาเฮาก่อต้องตอบมันกลับไปด้วยมนต์ดำเหมือนกั๋น” อีเม้ยมีแผนในใจ
ooooooo
เรรินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น และเห็นรูปถ่ายเจ้าศิริวัฒนาตั้งอยู่ก็ชะงักเธอเดินเข้าไปหารูปถ่ายนั้นเหมือนต้องมนต์พลางเอ่ย
“เจ้าคะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ยังไงฉันก็จะกลับเข้าไปทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จให้ได้ค่ะ”
“เจ้าศิริวัฒนา ท่านปู่ของผมเองครับ” สุริยวงศ์ตามเข้ามา
เรรินตกใจหันกลับมาถาม “ท่านเป็นปู่แท้ๆของคุณเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณปู่แท้ๆของผมท่านเป็นญาติห่างๆ ลูกพี่ลูกน้องกับท่านน่ะครับ ท่านปู่ศิริวัฒนาท่านไม่มีลูกหลาน”
“แล้วคุณย่าบัวเงินของคุณ...ไม่ได้แต่งงานกับท่านเหรอคะ”
“ผู้ใหญ่บางคนก็เล่าว่าท่านได้แต่งงานกันแต่บางคนก็ว่าไม่ทันได้แต่งงานครับ คุณย่าเองก็เหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ผมก็เลยไม่กล้าถาม แปลกนะครับปกติคนแก่มักชอบเล่าเรื่องในอดีตให้ลูกหลานฟัง แต่คุณย่าของผมท่านกลับไม่...หลายวันก่อนผมไปเยี่ยมท่าน ท่านยังถามถึงคุณรินอยู่เลย” สุริยวงศ์นึกได้
“ถามถึงฉัน” เรรินสยอง
“ครับ...ท่านยังว่า อยากเจอคุณรินอีกสักครั้ง จะได้ให้คุณรินชมผ้าโบราณของท่านด้วย” สุริยวงศ์ยิ้มจริงใจ แต่เรริน กลับหนาวสะท้านเมื่อนึกถึงเรื่องราวของบัวเงินกับผีอีเม้ย
สุริยวงศ์บอกกับเรรินว่า วันนี้เขามีธุระหลายอย่างต้องออกไปทำ และคงจะกลับตอนเย็นๆขอให้เธอพักผ่อนตามสบาย และถ้ามีอะไรก็โทร.หาได้ตลอดเวลา
“ขอบคุณค่ะ” เรรินยิ้มให้
สุริยวงศ์เดินไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป เรรินมองตามจนแน่ใจว่าชายหนุ่มไปแล้วแน่ จึงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บของใช้ประจำตัวใส่ย่าม แล้วแอบย่องออกมาจากบ้านพร้อมความมุ่งมั่นที่จะทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จและไม่รู้ตัวเลยว่า สุริยวงศ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในรถสะกดรอยตามเธอไป
ขณะที่สุริยวงศ์แอบติดตามเรริน เรื่องราวในอดีตก็ดำเนินมาถึงตอนที่ อีเม้ยเข้ามารายงานบัวเงินเรื่องหมอทำเสน่ห์ “เม้ยไปสืบมาแล้วกะเจ้าหม่อม หมอคนนี้เปิ้นบ่ใจ่คนเมือง แต่เปิ้นมาอยู่เจียงใหม่เมินหลายปี๋แล้ว เปิ้นรอบรู้วิชาคุณไสยทางเขมรปุ๊นไผไปทำก่อได้ผลกั๋นกู้คน อีแม่ญิงหน้าดำแก่หนังเหี่ยวหนังยาน ผัวไปเอาเมียน้อย หมอเปิ้นทำพิธีหื้อบ่ตันข้ามวัน ผัวเปิ้นยังกลับมาหาเลยนะเจ้าหม่อม”
“กูกั๋วนะอีเม้ย มึงก็ฮู้ ใครเล่นคุณไสยมนต์ดำ มันเป๋น เรื่องผิดอาญาแผ่นดิน ถ้าถูกจับได้โทษถึงตัดหัวประจานเชียวนะมึงอีเม้ย” บัวเงินหน้าเครียด
“หม่อมบ่ต้องกั๋ว บ่มีไผฮู้เรื่องนี้หรอก ถ้าเคราะห์ร้ายความจะแตกจริงๆ เม้ยจะยอมฮับผิดแต๋นหม่อมเองก่อได้ ขอแค่ได้หันหม่อมของเม้ยมีความสุขจะเอาเม้ยไปฆ่าแกงตี้ไหนก่อได้เม้ยยอมทั้งนั้น” อีเม้ยถวายชีวิต
“โธ่...อีเม้ย กูจะหาขี้ข้าตี้ไหนหัวใจ๋ประเสริฐอย่างมึงบ่มีอีกแล้ว” บัวเงินซาบซึ้งใจ
ooooooo
เรรินกลับเข้ามาในคุ้มหลวงได้อีกครั้ง เธอตรงไปที่ห้องทอผ้าและใช้เทคนิคคล้องกุญแจพรางสายตาผู้คนเพื่อเข้าไปในนั้น สุริยวงศ์ที่แอบดูอยู่นึกประหลาดใจ ขณะที่เรรินก็เข้าประจำที่แล้วลงมือทอผ้าต่อ
เจ้าศิริวัฒนาปรากฏกายขึ้น เขาแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเตือนไม่ให้เรรินไปพบบัวเงินตามคำเชิญเพราะสองนายบ่าวโหดเหี้ยมมาก
“เจ้าไม่มีวันให้อภัยหม่อมบัวเงินได้” เรรินเงยหน้าขึ้น
“คุณไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่า คนอย่างบัวเงินสมควรจะได้รับการให้อภัยหรือไม่” เจ้าศิริวัฒนาพาเรรินกลับไปในอดีต
ชาวบ้านมุงดูปาหี่มายากลกันอย่างสนุกสนานกลางตลาด เจ้าศิริวงศ์ยืนปะปนอยู่ด้วย บัวเงินกับอีเม้ยที่แต่งเป็นชาวบ้านเดินผ่านมาทั้งคู่ดูรีบเร่ง เจ้าศิริวงศ์หันไปเห็นก็จะเข้าไปทักแต่เฉลียวใจ เพราะปกติบัวเงินจะไปไหนต้องมีบ่าวไพร่ติดตามมากมายเพื่อให้สมเกียรติ เจ้าหนุ่มจึงได้แต่มองตามทั้งคู่ที่เดินหายไปทางป่าช้าหลังวัด
เพียงครู่เดียวอีเม้ยก็พานายของมันลัดเลาะมาถึงบ้านหมอเสน่ห์ บัวเงินชักกลัวรีบถามย้ำกับอีเม้ย
“มึงแน่ใจ๋ก๊ะอีเม้ย ว่าเปิ้นจะเก็บความลับของกูเอาไว้ได้”
“เม้ยบ่ได้บอกเปิ้นว่าหม่อมเป๋นไผหม่อมบ่ต้องกั๋วหรอกเจ้า ตบรางวัลหื้อเปิ้นงามๆก่อปอใจ๋แล้ว อีกอย่างขืนเปิ้นปากสว่างภัยก่อมาถึงตั๋วเปิ้นเอง เปิ้นฮู้” อีเม้ยนำบัวเงินเข้าไป
ในห้องพิธีอับทึบคละคลุ้งด้วยควันธูปโต๊ะตั่งตั้งเครื่องบูชาสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์สายคุณไสยมนต์ดำ หมอเสน่ห์ลืมตาขึ้นจากบริกรรมเอ่ยทักบัวเงิน
“งามขนาดนี้ทำไมผัวทิ้ง มึงเคยถามตัวเองไหม”
“อีคนนั้นมันทำเสน่ห์ใส่ผัวนายเฮาก่อน ป้อหมอต้องจ่วยนายเฮา” อีเม้ยตอบแทน
“กูเลิกทำเรื่องพรรค์นี้มาเมินแล้ว มึงก่อฮู้ อาญาแผ่นดินถึงขั้นตัดหัวเชียวนะมึง” หมอเสน่ห์เล่นตัว
บัวเงินรู้ทันหยิบถุงเงินออกมาเท ตามด้วยกำไลทองในแขนเป็นค่าตอบแทน จนหมอพอใจ
ขณะที่หมอเสน่ห์ทำพิธีให้บัวเงินอยู่นั้น มณีรินก็ออกมาช่วยบริวารแผ่ถั่วเน่าเป็นแผ่นเพื่อนำไปตากแดด เธอพยายามจะถอดแหวนของเจ้าศิริวัฒนาออกเพราะทำงานไม่ถนัด คำเที่ยงร้องห้ามอ้างว่า เจ้าศิริวัฒนาจะเสียใจ แต่มณีรินไม่ฟัง เธอย้อนถามคำเที่ยงว่าชอบแหวนวงนี้มากใช่ไหม คำเที่ยงตอบรับหวังเอาใจ
“งั้นเฮาหื้อปี้คำเที่ยง...ใส่ไว้เน้อ” มณีรินถอดแหวนยัดเยียดใส่มือคำเที่ยงแล้วหันไปละเลงถั่วเน่ากับบริวารเป็นที่สนุกสนาน คำเที่ยงมองอย่างระอาใจ
ด้านหมอเสน่ห์ หลังบริกรรมคาถาเสร็จก็ยื่นตุ๊กตาไม้หญิงชายคู่หนึ่งที่ผูกติดกันด้วยสายสิญจน์ให้บัวเงิน สั่งให้เอาไปไว้ที่ใต้ที่นอนของผัว
“แค่นี้เองนะเหรอ” บัวเงินรับตุ๊กตาไม้มาจากหมอ
“กูมีของดีอีกอย่างจะให้ติดตัวไปด้วย แต่มึงออกไปก่อน กูต้องทำพิธีให้นายมึง ลำพังสองคนเท่านั้น มึงบ่เกี่ยว” หมอผีหันมาไล่อีเม้ย
สองนายบ่าวมองหน้ากัน ทำท่าจะไม่ยอม หมอรีบขู่ว่าถ้าไม่สำเร็จก็อย่ามาโทษกัน บัวเงินจึงจำใจให้อีเม้ยออกไปรอข้างนอก แล้วอยู่ทำพิธีต่อกับหมอตามลำพัง
ooooooo
ด้านเจ้าศิริวงศ์กลับมาที่คุ้มหลังสวน เพื่อซ้อมพิณเปี๊ยะกับสล่าพัน แต่เพราะยังข้องใจเรื่องบัวเงินไม่หายจึงเอ่ยถามผู้เป็นครูว่าพอจะรู้จักใครที่อยู่หลังวัดป่าอ้อไปทางเหนือบ้างไหม
“หลังวัดป่าอ้อ...นานๆ เฮาถึงจะได้ผ่านไปแถวนั้นซะที แถวนั้นบ่ใช่คนเมืองดอกเจ้าส่วนใหญ่เป็นพวกต่างถิ่นอพยพมาปลูกเฮือนอยู่กันแถวนั้น บ่ค่อยดีเท่าไรเจ้า มันเป็นที่อโคจร ไม่ควรผ่าน นี่เจ้าผ่านไปแถวนั้นมารึไง” สล่าพันส่งพิณเปี๊ยะให้เจ้าศิริวงศ์
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้มาถามอ้ายอยู่นี่”
“อย่าไปอีกเน้อ...บ่ดีวันดีคืนดี ได้พวกเล่นของลองวิชา มันจะปล่อยของออกมา ลมเพ ลมพัดน่ะ เจ้าฮู้จักก่อ เคราะห์หามยามร้าย เจ้าไปโดนมันเข้าจะเดือดร้อนถึงตายเชียวนะเจ้า” สล่าพันเตือน
เจ้าศิริวงศ์ขนหัวลุก ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง เรื่องแบบนี้เลย
ด้านบัวเงินเมื่อลงอักขระมนต์ดำเสร็จแล้ว หมอเสน่ห์ก็โยนผ้าดิบจดคาถา รัดตรึงใจผัวกับขวดน้ำมันผีตายทั้งกลมลงมาตรงหน้าพลางกำชับ
“คาถานั่นท่องให้ได้แล้วเผาไฟทิ้งเสีย อย่าเก็บให้เป็นหลักฐาน น้ำมันพรายผ้าผ่าผีตายทั้งกลมนั่น มึงอยากให้ผัวมึงรักหลงตรงไหนก็ทาตรงนั้น ไม่เกินสามวันผัวมึงจะไม่อยากเจอหน้าอีญิงคนไหนอีกเลย มึงได้ดีแล้วอย่าลืมกูละกัน”
“บ่ลืมดอก คนอย่างข้าใครทำคุณ ข้าก็ตอบแทนให้อย่างสาสมเสมอ” บัวเงินรับคำพลางเก็บขวดเก็บผ้าขึ้นมา
สองนายบ่าวรีบลาหมอแล้วกลับเข้าคุ้มหลวง แต่ต้องสะดุ้งเมื่อพบเจ้าศิริวงศ์เข้ามาทัก
“เอื้อยไปไหนกันมา ปิ๊กกันมาเสียเย็นย่ำ”
บัวเงินปากคอสั่นตั้งตัวไม่ทัน อีเม้ยรีบตอบแทน “หม่อมเปิ้นไปเยี่ยมคนไข้มันเป็นญาติห่างๆ ของข้าเจ้าเอง”
“ป่วยเป็นอะหยัง จะไดบ่ให้หมอฝรั่งไปดูอาการ”
“เปิ้น บ่เป็นอะหยังมากดอกเจ้าน้อย กินยาหม้อไปสองหม้อแล้ว เห็นว่าดีจวนหายแล้วละ” บัวเงินเริ่มตั้งสติได้
“โรคภัยไข้เจ็บที่แปลกๆเดี๋ยวนี้มันมีเยอะ ยิ่งถ้าฮักษาผิดวิธี ผิดทำนองคลองธรรม มันก็จะยิ่งทำให้หนักหนาไปกันใหญ่ เฮาว่าอย่างน้อยหมอฝรั่งเปิ้นก็อยู่ในกฎในเกณฑ์มีหลักวิชา ฮักษาไปตามจริง บ่ได้ออกนอกลู่นอกทางเน้อเอื้อย” เจ้าศิริวงศ์พูดเป็นนัย
“เจ้าน้อยเปิ้นก็ฮู้ของเปิ้นถูกเน้อนังเม้ย เอาไว้ถ้าอาการบ่ดีขึ้น พี่จะพาหมอฝรั่งไปตรวจดู ขอบใจเจ้าน้อยเน้อที่เตือนสติพี่ พี่ไปก่อนเน้อ” บัวเงินรีบดึงอีเม้ยเดินออกไป
เจ้าศิริวงศ์มองตามยิ่งเพิ่มความสงสัย
ooooooo
ในตอนค่ำ เจ้าหลวงกับพระชายาเรียกทุกคนไปฟังเจ้าศิริวงศ์กับสล่าพันดีดพิณเปี๊ยะ สลับกับการขับลำนำในคุ้ม ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น บัวเงินก็แอบส่งสายตาให้อีเม้ยนำตุ๊กตาไม้คนคู่ที่หมอเสน่ห์ให้มาไปซ่อนไว้ใต้ที่นอนเจ้าศิริวัฒนา
เมื่อทำหน้าที่เสร็จอีเม้ยก็คลานกลับมา บัวเงินโล่งใจ เพราะเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะท่อนสุดท้ายจบลงพอดี สองนายบ่าวส่งยิ้มให้กันอย่างสมใจ ขณะที่เจ้าหลวงกับพระชายาต่างชื่นชมในฝีมือการเล่นพิณของเจ้าศิริวงศ์และล้อว่า เคยไปเล่นจีบสาวที่ไหนมาบ้างหรือยัง
เจ้าศิริวงศ์ชะงักแอบปรายตามาทางมณีรินที่นั่งนิ่ง เจ้าศิริวัฒนานึกขึ้นได้เสนอ จะให้น้องชายช่วยขับลำนำกับพิณในวันแต่งงานของตนกับมณีริน
“ก็ดีสิแต่งลำนำใหม่ให้กินใจ๋คงบ่ยากนักดอกใช่ไหมศิริวงศ์” เจ้าหลวงหันมาถาม
“ลูกจะพยายามครับพ่อเจ้าทั้งที่รู้ว่ามันยากยิ่งกว่าสิ่งใด” เจ้าศิริวงศ์ตอบ
มณีรินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าศิริวงศ์ด้วยแววตาตัดพ้อ
กลางดึกคืนนั้น บัวเงินลุกขึ้นมาปลุกเสกคาถาที่หมอเสน่ห์ให้มาอย่างเอาจริงเอาจัง มีอีเม้ยนั่งลุ้นเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ บัวเงินท่องคาถาเป็นรอบที่ร้อยที่พันจนขึ้นใจแล้วเผาแผ่นฝ้าคาถาที่หมอเสน่ห์ให้มาด้วยเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้า ท่าทางมุ่งมั่นฮึกเหิมเพราะคาถาอยู่กับตัวแล้ว
ooooooo
เช้าอันสดใส มณีรินเข้าไปช่วยเหล่าบริวารขึงเส้นไหมผ่านฟืม แต่ยังไม่ทันเสร็จคำเที่ยงก็วิ่งมาตามบอกว่าเจ้าศิริวัฒนาไม่สบายแล้วรีบพาเจ้านางน้อยไปเยี่ยมอาการ
เมื่อไปถึง มณีรินพบเจ้าหลวง พระชายาและเจ้าศิริวงศ์นั่งหน้าเครียดปรึกษากัน เรื่องอาการป่วยของเจ้าศิริวัฒนา
“เปิ้นฮ้องแต่ว่าปวดหัว ปวดเมื่อยไปทั้งตัว บ่ได้หลับได้นอนทั้งคืน แม่จับตัวดูก็ฮ้อนยังกะไฟ” พระชายาร้อนใจหันมาบอกกับมณีริน
“เจ้าอ้ายคง บ่เป็นอะหยังนักดอกครับ หมอกำลังตรวจอาการอยู่ เจ้านางน้อยจะเข้าไปเยี่ยมเจ้าอ้ายตอนนี้ก็ได้ เปิ้นได้กำลังใจเผลอๆ บ่ทันข้ามวัน ไข้ก็ลด” เจ้าศิริวงศ์เปิดทาง
มณีรินแอบค้อนแล้วตีหน้าตายชวนคำเที่ยงไปเยี่ยมเจ้าศิริวัฒนา แต่เมื่อถึงหน้าห้องอีเม้ยก็เข้ามาขวางไว้ คำเที่ยงไม่พอใจต่อว่าอีเม้ย แล้วบัวเงินก็เดินฉีกยิ้มออกมา เธอแสร้งตำหนิ
“นังเม้ย...เอ็งนี่บ่ฮู้จักที่ต่ำที่สูง ง่าวนัก เอ็งบ่ฮู้ก๊ะว่าเปิ้นเป็นใคร เอ็งนี่สอนบ่ฮู้จักจำ อย่าไปถือสาขี้ข้าอย่างมันเลยเน้อ เจ้านางน้อย ไปเต๊อะเข้าไปข้างในกัน” บัวเงินจับแขนถึงเนื้อถึงตัวแสดงความสนิทสนมพาเข้าห้องไป
อีเม้ยส่งยิ้มหยันให้คำเที่ยง ไม่สะทกสะท้านคำด่าของบัวเงินสักนิด
มณีรินเข้ามาในห้อง หมอก็ตรวจอาการเสร็จพอดี เจ้าศิริวัฒนาหันมาบอกมณีรินว่าตนปวดหัวมาก มณีรินแนะนำให้เจ้านอนพักและกินยาตามที่หมอจัดให้ไม่นานคงหาย บัวเงินส่งยิ้มเย็นแล้วแสร้งทำดีขอให้มณีรินมาเยี่ยมบ่อยๆเพราะเจ้าจะได้มีกำลังใจและหายไวๆ มณีรินยิ้มรับแล้วขอตัว
ขณะที่ด้านนอกหมอก็กำลังรายงานเจ้าหลวง พระชายาและเจ้าศิริวงศ์ถึงอาการป่วยของเจ้าศิริวัฒนาว่ายังหาสาเหตุไม่ได้ ต้องดูผลตรวจเลือดอีกที
เจ้าศิริวงศ์หน้าเครียด ไม่กล้าคิดในด้านสมมติฐานของตนเพราะมันไร้สาระเกินไป จึงเดินเลี่ยงออกมาเพื่อดักรอมณีรินที่สวนด้านหลังตึก
ด้านหมอเสน่ห์ หลังบริกรรมคาถาเสร็จก็ยื่นตุ๊กตาไม้หญิงชายคู่หนึ่งที่ผูกติดกันด้วยสายสิญจน์ให้บัวเงิน สั่งให้เอาไปไว้ที่ใต้ที่นอนของผัว
“แค่นี้เองนะเหรอ” บัวเงินรับตุ๊กตาไม้มาจากหมอ
“กูมีของดีอีกอย่างจะให้ติดตัวไปด้วย แต่มึงออกไปก่อน กูต้องทำพิธีให้นายมึง ลำพังสองคนเท่านั้น มึงบ่เกี่ยว” หมอผีหันมาไล่อีเม้ย
สองนายบ่าวมองหน้ากัน ทำท่าจะไม่ยอม หมอรีบขู่ว่าถ้าไม่สำเร็จก็อย่ามาโทษกัน บัวเงินจึงจำใจให้อีเม้ยออกไปรอข้างนอก แล้วอยู่ทำพิธีต่อกับหมอตามลำพัง
ooooooo
ด้านเจ้าศิริวงศ์กลับมาที่คุ้มหลังสวน เพื่อซ้อมพิณเปี๊ยะกับสล่าพัน แต่เพราะยังข้องใจเรื่องบัวเงินไม่หายจึงเอ่ยถามผู้เป็นครูว่าพอจะรู้จักใครที่อยู่หลังวัดป่าอ้อไปทางเหนือบ้างไหม
“หลังวัดป่าอ้อ...นานๆ เฮาถึงจะได้ผ่านไปแถวนั้นซะที แถวนั้นบ่ใช่คนเมืองดอกเจ้าส่วนใหญ่เป็นพวกต่างถิ่นอพยพมาปลูกเฮือนอยู่กันแถวนั้น บ่ค่อยดีเท่าไรเจ้า มันเป็นที่อโคจร ไม่ควรผ่าน นี่เจ้าผ่านไปแถวนั้นมารึไง” สล่าพันส่งพิณเปี๊ยะให้เจ้าศิริวงศ์
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้มาถามอ้ายอยู่นี่”
“อย่าไปอีกเน้อ...บ่ดีวันดีคืนดี ได้พวกเล่นของลองวิชา มันจะปล่อยของออกมา ลมเพ ลมพัดน่ะ เจ้าฮู้จักก่อ เคราะห์หามยามร้าย เจ้าไปโดนมันเข้าจะเดือดร้อนถึงตายเชียวนะเจ้า” สล่าพันเตือน
เจ้าศิริวงศ์ขนหัวลุก ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง เรื่องแบบนี้เลย
ด้านบัวเงินเมื่อลงอักขระมนต์ดำเสร็จแล้ว หมอเสน่ห์ก็โยนผ้าดิบจดคาถา รัดตรึงใจผัวกับขวดน้ำมันผีตายทั้งกลมลงมาตรงหน้าพลางกำชับ
“คาถานั่นท่องให้ได้แล้วเผาไฟทิ้งเสีย อย่าเก็บให้เป็นหลักฐาน น้ำมันพรายผ้าผ่าผีตายทั้งกลมนั่น มึงอยากให้ผัวมึงรักหลงตรงไหนก็ทาตรงนั้น ไม่เกินสามวันผัวมึงจะไม่อยากเจอหน้าอีญิงคนไหนอีกเลย มึงได้ดีแล้วอย่าลืมกูละกัน”
“บ่ลืมดอก คนอย่างข้าใครทำคุณ ข้าก็ตอบแทนให้อย่างสาสมเสมอ” บัวเงินรับคำพลางเก็บขวดเก็บผ้าขึ้นมา
สองนายบ่าวรีบลาหมอแล้วกลับเข้าคุ้มหลวง แต่ต้องสะดุ้งเมื่อพบเจ้าศิริวงศ์เข้ามาทัก
“เอื้อยไปไหนกันมา ปิ๊กกันมาเสียเย็นย่ำ”
บัวเงินปากคอสั่นตั้งตัวไม่ทัน อีเม้ยรีบตอบแทน “หม่อมเปิ้นไปเยี่ยมคนไข้มันเป็นญาติห่างๆ ของข้าเจ้าเอง”
“ป่วยเป็นอะหยัง จะไดบ่ให้หมอฝรั่งไปดูอาการ”
“เปิ้น บ่เป็นอะหยังมากดอกเจ้าน้อย กินยาหม้อไปสองหม้อแล้ว เห็นว่าดีจวนหายแล้วละ” บัวเงินเริ่มตั้งสติได้
“โรคภัยไข้เจ็บที่แปลกๆเดี๋ยวนี้มันมีเยอะ ยิ่งถ้าฮักษาผิดวิธี ผิดทำนองคลองธรรม มันก็จะยิ่งทำให้หนักหนาไปกันใหญ่ เฮาว่าอย่างน้อยหมอฝรั่งเปิ้นก็อยู่ในกฎในเกณฑ์มีหลักวิชา ฮักษาไปตามจริง บ่ได้ออกนอกลู่นอกทางเน้อเอื้อย” เจ้าศิริวงศ์พูดเป็นนัย
“เจ้าน้อยเปิ้นก็ฮู้ของเปิ้นถูกเน้อนังเม้ย เอาไว้ถ้าอาการบ่ดีขึ้น พี่จะพาหมอฝรั่งไปตรวจดู ขอบใจเจ้าน้อยเน้อที่เตือนสติพี่ พี่ไปก่อนเน้อ” บัวเงินรีบดึงอีเม้ยเดินออกไป
เจ้าศิริวงศ์มองตามยิ่งเพิ่มความสงสัย
ooooooo
ในตอนค่ำ เจ้าหลวงกับพระชายาเรียกทุกคนไปฟังเจ้าศิริวงศ์กับสล่าพันดีดพิณเปี๊ยะ สลับกับการขับลำนำในคุ้ม ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น บัวเงินก็แอบส่งสายตาให้อีเม้ยนำตุ๊กตาไม้คนคู่ที่หมอเสน่ห์ให้มาไปซ่อนไว้ใต้ที่นอนเจ้าศิริวัฒนา
เมื่อทำหน้าที่เสร็จอีเม้ยก็คลานกลับมา บัวเงินโล่งใจ เพราะเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะท่อนสุดท้ายจบลงพอดี สองนายบ่าวส่งยิ้มให้กันอย่างสมใจ ขณะที่เจ้าหลวงกับพระชายาต่างชื่นชมในฝีมือการเล่นพิณของเจ้าศิริวงศ์และล้อว่า เคยไปเล่นจีบสาวที่ไหนมาบ้างหรือยัง
เจ้าศิริวงศ์ชะงักแอบปรายตามาทางมณีรินที่นั่งนิ่ง เจ้าศิริวัฒนานึกขึ้นได้เสนอ จะให้น้องชายช่วยขับลำนำกับพิณในวันแต่งงานของตนกับมณีริน
“ก็ดีสิแต่งลำนำใหม่ให้กินใจ๋คงบ่ยากนักดอกใช่ไหมศิริวงศ์” เจ้าหลวงหันมาถาม
“ลูกจะพยายามครับพ่อเจ้าทั้งที่รู้ว่ามันยากยิ่งกว่าสิ่งใด” เจ้าศิริวงศ์ตอบ
มณีรินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าศิริวงศ์ด้วยแววตาตัดพ้อ
กลางดึกคืนนั้น บัวเงินลุกขึ้นมาปลุกเสกคาถาที่หมอเสน่ห์ให้มาอย่างเอาจริงเอาจัง มีอีเม้ยนั่งลุ้นเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ บัวเงินท่องคาถาเป็นรอบที่ร้อยที่พันจนขึ้นใจแล้วเผาแผ่นฝ้าคาถาที่หมอเสน่ห์ให้มาด้วยเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้า ท่าทางมุ่งมั่นฮึกเหิมเพราะคาถาอยู่กับตัวแล้ว
ooooooo
เช้าอันสดใส มณีรินเข้าไปช่วยเหล่าบริวารขึงเส้นไหมผ่านฟืม แต่ยังไม่ทันเสร็จคำเที่ยงก็วิ่งมาตามบอกว่าเจ้าศิริวัฒนาไม่สบายแล้วรีบพาเจ้านางน้อยไปเยี่ยมอาการ
เมื่อไปถึง มณีรินพบเจ้าหลวง พระชายาและเจ้าศิริวงศ์นั่งหน้าเครียดปรึกษากัน เรื่องอาการป่วยของเจ้าศิริวัฒนา
“เปิ้นฮ้องแต่ว่าปวดหัว ปวดเมื่อยไปทั้งตัว บ่ได้หลับได้นอนทั้งคืน แม่จับตัวดูก็ฮ้อนยังกะไฟ” พระชายาร้อนใจหันมาบอกกับมณีริน
“เจ้าอ้ายคง บ่เป็นอะหยังนักดอกครับ หมอกำลังตรวจอาการอยู่ เจ้านางน้อยจะเข้าไปเยี่ยมเจ้าอ้ายตอนนี้ก็ได้ เปิ้นได้กำลังใจเผลอๆ บ่ทันข้ามวัน ไข้ก็ลด” เจ้าศิริวงศ์เปิดทาง
มณีรินแอบค้อนแล้วตีหน้าตายชวนคำเที่ยงไปเยี่ยมเจ้าศิริวัฒนา แต่เมื่อถึงหน้าห้องอีเม้ยก็เข้ามาขวางไว้ คำเที่ยงไม่พอใจต่อว่าอีเม้ย แล้วบัวเงินก็เดินฉีกยิ้มออกมา เธอแสร้งตำหนิ
“นังเม้ย...เอ็งนี่บ่ฮู้จักที่ต่ำที่สูง ง่าวนัก เอ็งบ่ฮู้ก๊ะว่าเปิ้นเป็นใคร เอ็งนี่สอนบ่ฮู้จักจำ อย่าไปถือสาขี้ข้าอย่างมันเลยเน้อ เจ้านางน้อย ไปเต๊อะเข้าไปข้างในกัน” บัวเงินจับแขนถึงเนื้อถึงตัวแสดงความสนิทสนมพาเข้าห้องไป
อีเม้ยส่งยิ้มหยันให้คำเที่ยง ไม่สะทกสะท้านคำด่าของบัวเงินสักนิด
มณีรินเข้ามาในห้อง หมอก็ตรวจอาการเสร็จพอดี เจ้าศิริวัฒนาหันมาบอกมณีรินว่าตนปวดหัวมาก มณีรินแนะนำให้เจ้านอนพักและกินยาตามที่หมอจัดให้ไม่นานคงหาย บัวเงินส่งยิ้มเย็นแล้วแสร้งทำดีขอให้มณีรินมาเยี่ยมบ่อยๆเพราะเจ้าจะได้มีกำลังใจและหายไวๆ มณีรินยิ้มรับแล้วขอตัว
ขณะที่ด้านนอกหมอก็กำลังรายงานเจ้าหลวง พระชายาและเจ้าศิริวงศ์ถึงอาการป่วยของเจ้าศิริวัฒนาว่ายังหาสาเหตุไม่ได้ ต้องดูผลตรวจเลือดอีกที
เจ้าศิริวงศ์หน้าเครียด ไม่กล้าคิดในด้านสมมติฐานของตนเพราะมันไร้สาระเกินไป จึงเดินเลี่ยงออกมาเพื่อดักรอมณีรินที่สวนด้านหลังตึก
“ให้นายโตเป็นคนตอบบ้างได้ไหม” เจ้าศิริวงศ์เสียงเข้ม
คำเที่ยงหุบปากสนิท มณีรินจึงเอ่ยว่า เธอจะกลับไปต้มน้ำซุปอย่างฝรั่งขึ้นมาให้เจ้าศิริวัฒนาเพราะคนเจ็บกินของแข็งๆรสจัดๆไม่ดี
“เฮาฝากเจ้าอ้ายของเฮาไว้กับเจ้านางน้อยด้วยเน้อ”
“ทำไมต้องมาฝากเฮา ทุกคนก็เป็นห่วงเปิ้น อยากให้เปิ้นหายเจ็บโวยๆกันทั้งนั้น เผลอๆเอื้อยบัวเงินเปิ้นจะดูแลเจ้าเปิ้นได้ดีกว่าเฮาด้วยซ้ำไป”
“จะยังไงก็ช่าง ไม่ว่าเจ้าอ้ายเปิ้นจะเจ็บครั้งนี้ด้วยโรคอะไร เฮาเชื่อว่าความรักจากเจ้านางน้อยเป็นยาอย่างเดียวที่จะเยียวยาเปิ้นให้หายดี”
มณีรินมองเจ้าศิริวงศ์นิ่งน้อยใจที่เขาคอยผลักไส เจ้าศิริวงศ์ทนมองแววตามณีรินได้ไม่นานก็ตัดใจเดินจากไป
“เจ้าน้อยเปิ้นพูดของเปิ้นถูกเน้อเจ้าริน” คำเที่ยงมองตามเจ้าศิริวงศ์แล้วพล่ามต่อ “ความฮักเยียวยาได้ทุกสิ่งที่บ่มีแฮง ความฮักก็ทำให้มีแฮง ที่เจ็บก็หายเจ็บ ที่ขมยังว่าหวานได้เลย เจ้าน้อยเปิ้นอู้เหมือนคนฮู้จักความฮักดีนักขนาดเนาะเจ้ารินเนาะ” คำเที่ยงหันมาก็ไม่เจอมณีรินก็รีบวิ่งตาม
ooooooo
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว มนต์เสน่ห์ของหมอก็เริ่มสำแดงฤทธิ์ เจ้าศิริวัฒนาเรียกหาแต่บัวเงินเพียงผู้เดียว และไม่ยอมให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้อง อีเม้ย สมใจเป็นที่สุดเพราะการลงทุนครั้งนี้คุ้มค่ามหาศาล
เช้าวันต่อมา มณีรินต้มซุปมาให้เจ้าศิริวัฒนา แต่ถูกอีเม้ยขัดขวางไม่ยอมให้พบ พระชายาผ่านมาเห็นจึงนำมณีรินเข้าเยี่ยมเจ้าศิริวัฒนาด้วยตัวเอง บัวเงินรีบออกมาต้อนรับแล้วแอบเอาถ้วยซุปไปทำพิธีล้างคาถา เพราะเข้าใจว่ามณีรินทำของใส่เจ้าศิริวัฒนาเช่นกัน
พระชายาเห็นว่าบัวเงินเดินออกไปแล้วก็วานให้มณี รินช่วยเช็ดตัวให้ลูกชายเผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง
อีเม้ยมองอย่างหมั่นไส้ พระชายาหันไปสั่งคำเที่ยงให้เปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมเข้า แต่ทันทีที่แสงสว่างสาดเข้ามา เจ้าศิริวัฒนาก็สะดุ้งเหมือนผีโดนสาดด้วยน้ำมนต์ พร้อมส่งเสียงร้องโหยหวน ดิ้นทุรนทุราย ทุกคนตกใจ
บัวเงินที่รอจังหวะรีบยกถ้วยซุปเข้ามาแล้วอ้างกับทุกคน
“เจ้าอ้าย เปิ้นแสบตาน่ะเจ้า เปิ้นบ่ชอบให้ใครเปิดหน้าต่าง”
“แต่ไหนแต่ไร ลูกบ่เคยเป็นอย่างนี้นี่” พระชายาแปลกใจ
“ลูกขอขมาแม่เจ้าเต๊อะ ถ้าลูกทำให้แม่เจ้าตกใจ”
“บ่เป็นหยัง กินข้าวกินปลาเสียเต๊อะ เจ้านางน้อย เปิ้นอุตส่าห์ทำขึ้นมาให้” พระชายาสั่ง
บัวเงินวางสำรับลง เจ้าศิริวัฒนาตักซุปกินแล้วอ้วกออกมาจนหมด เสียงสำรากดังไปทั่วคุ้ม พระชายา มณีรินและคำเที่ยงเกาะกันกลม ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เมื่อเจ้าศิริวงศ์รู้เรื่องก็รีบไปปรึกษาสล่าพันเพราะหวังจะได้คำอธิบาย แต่สล่าพันกลับพูดเป็นนัยว่าอาการของเจ้าศิริวัฒนาเหมือนคนโดนของ
“แล้วเฮาควรจะทำยังไงดีอ้ายพัน เฮาต้องปล่อยให้เจ้าอ้ายเปิ้นทนทรมานยังงี้ ต่อไปเรื่อยๆยังงั้นก๊ะ”
“เจ้าอย่าลืมเน้อ เรื่องมันผิดอาญาแผ่นดินอัปรีย์จัญไรแบบนี้ ยังเกิดขึ้นในคุ้มเจ้าหลวงด้วยแล้วถ้ามันเป็นเรื่องขึ้นมา เจ้าคิดว่าจะทนเห็นการลงโทษตัวการได้ก๊ะ” สล่าพันเตือน
เจ้าศิริวงศ์อึดอัดขัดข้องใจเพราะทางออกเรือนลางเต็มที
บัวเงินกลับมาพักผ่อนที่เรือน อีเม้ยคลานมาตามให้ไปดูแลเจ้าศิริวัฒนาที่ห้อง บัวเงินส่งยิ้มชอบใจแล้วมอบสร้อยทองให้เป็นรางวัลที่ช่วยแนะนำเรื่องหมอเสน่ห์ให้ และจะให้มากกว่านี้ถ้ามีลูกชายกับเจ้าศิริวัฒนา
“งั้นหม่อมยิ่งต้องขยันขึ้นตึกไปเช็ดตัวลดไข้ให้เจ้าเปิ้นนะเจ้า” อีเม้ยส่งยิ้มอย่างรู้กัน
“บ่ วันนี้กูบ่ขึ้นไป กูขี้เกียจเดิน”
อีเม้ยนิ่งคิดก็เข้าใจ “เม้ยรู้แล้ว หม่อมบ่ไป เพราะหม่อม จะทำให้เจ้าเปิ้นเป็นฝ่ายซมซานมาหาหม่อมเองใช่ก๊ะ”
“มึงนี่ฉลาดสมกับเป็นบ่าวกูแต๊ๆอีเม้ยทั่ว ทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ยันไปถึงแป้น่าน กูบ่เห็นขี้ข้าคนไหนจะฉลาด หลักแหลมเท่ามึงเลย มึงนี่มันเพชรในตมแต๊ๆ กูจะลองคาถาได้หมอเสน่ห์ว่ามันจะขลังดังใจกูไหม” บัวเงินหันหลังให้อีเม้ยแล้วเริ่มร่ายคาถาเรียกผัวเพื่อให้เจ้าศิริวัฒนาลงมาหา
บังเอิญว่า มณีรินเข้าไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุดในคุ้ม เธอได้พบกับเจ้าศิริวงศ์ที่นั้น แต่ไม่ทันได้พูดคุยกัน ก็ได้ยินเสียงเจ้าศิริวัฒนาร้องครวญครางเหมือนเจ็บปวดดังออกมาจากในห้อง ทั้งสองรีบเข้าไปดู
เมื่อมณีรินเข้าไปจับตัว เจ้าศิริวัฒนาก็ค่อยๆ สงบลงกลายเป็นร้องคราง ฮือ ฮือ เจ้าศิริวงศ์หันมามองมณีรินเห็นที่คอห้อยพระองค์หนึ่งก็เริ่มมั่นใจอะไรบางอย่าง
“เจ้าริน...อ้ายอิดขนาด” เจ้าศิริวัฒนาร้อง
มณีรินเอื้อมมือมาจับมือเจ้าศิริวัฒนาอย่างให้กำลังใจ เจ้าศิริวงศ์มองภาพนั้นอึ้ง
ooooooo
ด้านบัวเงินเมื่อร่ายคาถาจบก็สั่งให้อีเม้ยไปรอต้อนรับเจ้าศิริวัฒนาที่หน้าเรือน เพราะมั่นใจว่าเจ้าต้องมาแน่ อีเม้ยรับคำสั่งแล้วคลานออกไป
มณีรินเข้ามาดูแลเจ้าศิริวัฒนาและชวนออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อรับอากาศดีๆ จะได้สดชื่น เจ้าศิริวัฒนายอมลุกจากที่นอนเดินตามมณีรินลงมาที่สวน
ด้านบัวเงินที่นอนรอแล้วรอเล่าไม่เห็นเจ้าศิริวัฒนามาสักทีจึงเรียกอีเม้ยมาสอบถาม อีเม้ยรีบพาบัวเงินไปที่สวนก็เห็นเจ้าศิริวัฒนาเดินอยู่กับมณีริน
“อย่างนี้นี่เอง กูร้องเท่าไรผัวกูก็บ่ได้ยินเสียงกู” บัวเงิน แค้นใจเดินตรงรี่เข้าไปหามณีริน
อีเม้ยตามติดเพราะงานนี้มันแน่
บัวเงินตวาดเรียกให้เจ้าศิริวัฒนากลับขึ้นห้อง มณีรินแปลกใจออกตัวว่า เธอเป็นคนชวนเจ้าลงมาเดินเล่นเองเพราะจะได้สดชื่น
“แล้วอากาศข้างบนห้องมัน บ่ดีตรงไหน สาระแน” บัวเงินตะคอก แล้วเรียกซ้ำให้เจ้าศิริวัฒนาขึ้นห้อง
“พี่ขอเดินเล่นอีกสักหน่อย พาอ้ายไปดูต้นโศก ต้นโน้นหน่อยเต๊อะ เจ้าริน มันกำลังออกดอกอยู่ใช้ก๊ะ” เจ้าศิริวัฒนาหันมาบอกกับมณีรินแล้วพากันเดินออกไป
บัวเงินจ้องเขม็ง งึมงำท่องคาถาแล้วเป่าออกไป เจ้าศิริวัฒนาชะงักกึกอาการปวดหัวกลับมาทันที บัวเงินไม่รีรอ ตรงรี่เข้าฉุดดึงเจ้าศิริวัฒนาจากมณีรินพลางป้ายน้ำมันเสน่ห์ใส่
“เฮาสั่งให้กลับขึ้นข้างบนไปเดี๋ยวนี้ บ่ได้ยินก๊ะ” บัวเงินสั่ง
“เปิ้นบ่อยากขึ้น เอื้อยมาบังคับเปิ้นทำไม” มณีรินไม่ยอม
“มึงอยากลองดีกับกูก๊ะ” บัวเงินผลักมณีรินล้มลงไป
“เอื้อย หยุดเดี๋ยวนี้เน้อ เอื้อย ฮู้ตัวก่อว่ายะอะหยังลงไป” เจ้าศิริวงศ์เดินเข้ามา
บัวเงินชะงักกึกแล้วพลิกลิ้นเป็นหวานได้ทันที “เจ็บก่อ เจ้านางน้อย ทำไมอยู่ดีๆ ก็ล้มลงไปอย่างนี้ ลุกขึ้นเต๊อะลุกไหวก่อ มาเอื้อยจะช่วยเน้อ” บัวเงินทำขยับจะช่วย แต่เจ้าศิริวงศ์ประคองมณีรินให้ลุกขึ้น
“เอื้อย...เฮาจะขอเตือนเอื้อยเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยความหวังดี เอื้อยยะอะหยังลงไปก็ขอให้เลิกซะ ยังบ่สายเกินไป”
บัวเงินเอะใจสงสัยว่าเจ้าศิริวงศ์รู้อะไรบ้าง แต่ก็ทำเนียน “ก็เอื้อยเป็นห่วงเจ้าอ้ายเปิ้น เปิ้นบ่สบายอย่างนี้ พาเปิ้นลงมาตากแดดตากลมได้ยังไง” บัวเงินอ้างแล้วหันไปมองเจ้าศิริวัฒนา
จู่ๆ เจ้าก็ร้องว่าปวดหัว สั่งให้บัวเงินพาขึ้นห้องด้วยท่าทีที่แปลกๆ
“เจ้า น้องรู้เจ้า” บัวเงินประคองศิริวัฒนาออกไป
อีเม้ยยิ้มเยาะมณีรินแล้วตามนายไป มณีรินยืนงง ขณะที่เจ้าศิริวงศ์เครียดจัด
มณีรินกลับมาที่เรือนและบอกเล่าเรื่องราวที่เจอมาให้คำเที่ยงฟัง คำเที่ยงฟันธงว่า เจ้าศิริวัฒนาต้องโดนของแน่ และคนที่ทำก็คือบัวเงิน แต่มณีรินไม่เชื่อสั่งห้ามคำเที่ยงพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะผิดอาญาแผ่นดินต้องโทษหนัก ทั้งที่ในใจก็นึกหวั่น
ด้านอีเม้ยที่รอเสนอหน้า เห็นบัวเงินกกกอดจนเจ้าศิริวัฒนาหลับไปแล้วก็รีบเข้ามาใส่ไฟ
“หม่อมเชื่อเม้ยเต๊อะ อีมณีรินมันก็ต้องฮู้ดีว่าหม่อมกำลังทำอะหยังอยู่ โบราณเปิ้นว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ บ่ผิดดอก”
“มันคงเจ็บใจบ่ใช่น้อย ที่กูชิงเจ้าอ้ายของกูคืนมาได้ มันคงกำลังคิดหาทางแกล้งกูอยู่ ใช่ก่ออีเม้ย”
“เจ้า คนมารยาสาไถยอย่างมัน บ่ยอมแพ้หม่อมง่ายๆดอกเจ้า เผลอๆคราวนี้มันต้องตั้งใจเล่นงานหม่อมแน่ๆ หม่อมต้องระวังตัวให้นักๆนะเจ้า”
“อีสารเลว ฝันไปเต๊อะ มึงฮู้จักคนอย่างกูน้อยไป อีมณีริน”
ooooooo
No comments:
Post a Comment