Thursday, May 9, 2013

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอน5 ละครช่อง3




ตอนที่ 5
ขณะเกษราจะโทร.บอกชายภัทรนั้น แก้วตามมาขอร้องไม่ให้บอกเพราะไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้เขามากกว่านี้อีก

“แก้วคิดเหรอว่า การรับผิดชอบทุกอย่างเอาไว้เองคนเดียวมันจะถูกต้อง แน่ใจเหรอว่าจะไม่ทำให้คุณชายยิ่งต้องวุ่นวายเดือดร้อนถ้าแก้วถูกท่านเอาตัวไป” เกษราติงให้คิด ชินกรก็เตือนว่าถ้าแก้วห่วงคุณชายจริงๆ ก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของคุณชายด้วย

“แก้วขอยืนยันว่า แก้วจะพยายามเอาตัวรอดให้ได้โดยไม่รบกวนคุณชายค่ะ”

เกษรากับชินกรสบตากันอย่างหนักใจ แล้วเกษราก็พยายามโทร.ไปอีกชายภัทรกำลังจะรับสายก็มีงานด่วนตามตัวไป

เกษรายังเพียรโทร.อีกเมื่อชายภัทรไม่อาจรับสายได้จึงฝากพยาบาลที่รับสายว่า

“ฝากบอกว่า...ดิฉันเกษราโทร.มา ช่วยติดต่อกลับทันทีที่สะดวกด้วยนะคะ”

ooooooo

ที่สวนหน้าบริเวณสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีป้ายผ้าขนาดใหญ่ขึงไว้ระหว่างตึก ว่า

“งานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าไทยรวมใจเมตตาน้อง” และ “ทำบุญร่วมกับกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยาม 2502”

ในบริเวณงานมีร้านค้ามากมายขายสินค้าที่ผลิตโดยฝีมือเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ มีร้านอาหารและของกินเล่นมากมายที่ติดป้ายไว้ว่า “ของว่างอร่อยๆ อภินันทนาการโดยท่านพินิจ และคุณหญิง”

ทีมงานกำลังเตรียมงานกันอย่างเร่งรีบ เด็กๆที่มีการแสดงก็แต่งตัวสวย น่ารัก เตรียมแสดงกันเต็มที่

ส่วนบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาร่วมงานล้วนแต่งตัวหรูยืนให้ช่างภาพถ่ายรูปกันยิ้มแย้มแจ่มใส

ที่อีกมุมหนึ่ง อิงอรมองไปที่วัยรุ่นหน้าเถื่อนๆ เพื่อนของไกรฤกษ์ถามว่า

“แกบอกเพื่อนๆขี้คุกของแกหรือเปล่าว่าถ้าอยากได้เงินก็ห้ามทำยัยแก้วชํ้า บุบสลายแม้แต่นิดเดียว เข้าใจไหม”

ไกรฤกษ์รับปากส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง ส่วนบรรดาเพื่อนหน้าเถื่อนของเขาหัวเราะกันหึๆ อย่างไม่ใส่ใจ

ยศวินกับมารตีเป็นตัวแทนจากโรงพยาบาลมาตรวจสุขภาพให้เด็กๆที่นี่ ยศวินเห็นพวกอิงอรก็ชี้ให้

มารตีดูบอกว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน มารตีบอกว่าเป็นญาติของกรองแก้วแต่ที่จริงคือพวกแม่เล้า แล้วมารตีก็สาธยายอย่างรู้ดีว่า พวกนางงามทุกคน จะต้องโดนแม่เล้าใส่พานไปให้ท่านพินิจทั้งนั้น

ยศวินติงว่ากรองแก้วคงไม่ได้เป็นอย่างนั้น มารตีเหยียดปากดูถูกว่าพวกงานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้แบบนี้จะไปทำอะไรให้ชีวิตดีขึ้นได้ นอกจากแต่งตัวสวยๆ หาวิธีทำให้ผู้ชายรักผู้ชายหลง แล้วชวนหมอไปดูเด็กที่ป่วยกันดีกว่า ยศวินเดินตามมารตีไปแต่ก็ยังอดหันมองที่งานไม่ได้ เห็นไกรฤกษ์กับเพื่อนหน้าเถื่อนๆ พากันหลบไปทางเวทีท่าทางเหมือนโจร

ไม่นาน คุณหญิงดาราภริยาของท่านพินิจก็มาถึง คุณหญิงลงจากรถเดินเข้าไปในงานอย่างสง่า สวยงามท่ามกลางบรรดาช่างภาพที่ตามถ่ายรูปกันเป็นพรวน ปรากฏว่าคุณหญิงมาคนเดียวเพราะท่านติดธุระด่วนในกระทรวง

ooooooo

ชินกรยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของแก้ว ถามเกษราว่ามีแผนอะไร อย่างไรบ้าง

“แผนของฉันก็คือ เราจะไปส่งแก้วที่งานแล้วรอรับแก้วกลับมาก่อนที่ใครจะมาชิงตัวแก้วไป”

ส่วนเรื่องคนที่จะมาช่วยปกป้องคุ้มกันแก้วนั้น เกษราให้ชินกรเช็กว่าเพื่อนอาจารย์ของเขามีใครมาร่วมงานบ้าง ชินกรเช็กแล้วบอกว่า มีสามคนล้วนแต่คงแก่เรียนใส่แว่นหนาเตอะทั้งนั้น ติงว่าถ้าแผนของเกษรามีแค่นี้ตนเห็นว่าเสี่ยงเกินไป

การปรึกษากันยุติลงเมื่อแก้วเดินลงมาในชุดสวยที่เกษราตัดไว้แต่ยังไม่เคยใส่เพราะยังไม่มีงานหรูที่เหมาะกับชุด แต่แก้วใส่ได้พอดิบพอดีราวกับวัดตัวตัด เกษราชมว่าสวยมากแล้วพาแก้วไปแต่งหน้า

ที่โรงพยาบาล ชายภัทรผ่าตัดใหญ่เสร็จกำลังจะไปผ่าตัดเล็กอีกสองรายซึ่งไม่ด่วนนัก พยาบาลมาบอกว่ามีโทรศัพท์จากเกษราฝากบอกคุณชายให้โทร.กลับ ชายภัทรก็จะไปโทร. แต่ถูกท่านพินิจเดินมาทักขอคุยด้วย ชายภัทรจึงไม่ทันได้โทร.

ท่านพินิจตำหนิติเตียนชายภัทรที่อนุญาตให้กรองแก้วกลับโดยไม่บอกตน ทั้งที่รู้ว่าตนเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กรองแก้วเหมือนญาติคนหนึ่ง

ชายภัทรชี้แจงว่าอาการของกรองแก้วดีขึ้นและเธอเองก็เป็นคนยืนยันจะกลับบ้านตนจึงอนุญาตให้กลับ ส่วนจะต้องแจ้งให้ญาติคนไหนทราบควรจะเป็นเรื่องของคนไข้เอง

“คุณชาย! อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรหน่อยเลย เรื่องราวในสังคมคุณชายก็คงจะรู้ไม่น้อย แต่คุณชายเลือกทำตัวไม่มีมารยาท ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของคนในประเทศนี้” น้ำเสียงท่านแข็งกร้าวเกรี้ยวกราดเยี่ยงผู้มีอำนาจที่ไม่ได้ดั่งใจ

“ผมเป็นหมอ ผมมีจริยธรรมและจรรยาแพทย์ที่หมอทุกคนยึดถือ ก็คือการกระทำทุกอย่าง เราทำเพื่อประโยชน์สุขของคนไข้เป็นสำคัญ อาจจะไม่ถูกใจใครบ้าง แต่ผมยืนยันว่า ทุกสิ่งที่ผมได้ทำไปอยู่บนพื้นฐานที่ว่านี้ครับ”

เมื่อชายภัทรไม่สะทกสะท้านกับท่าทีข่มขู่ ท่านพินิจก็เปลี่ยนเป็นลำเลิกเรื่องทุนวิจัยด้านสมองที่ให้ไปขู่ๆว่ากำลังจะพิจารณาทุนพิเศษแต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหมอที่นี่จะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่จริงๆ จ้องหน้าพูดว่า

“คุณชายช่วยให้เหตุผลที ว่าทำไมผมถึงควรสนับสนุนโรงพยาบาลนี้ต่อไป”

ขณะชายภัทรอึ้งอยู่นั้น ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามากระซิบอะไรบางอย่าง ท่าทีท่านพินิจก็เปลี่ยนไป ถามลูกน้องว่า

“จริงเหรอ...หนูแก้วมาออกงานช่วยเหลือเด็กกำพร้าจริงๆเหรอ งั้นรีบไป” ก่อนไปยังหันปรามชายภัทรว่า “ผมไม่ชอบเรื่องที่เกิดขึ้น และหวังว่าต่อจากนี้ไปคุณชายคงจะแยกแยะได้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร”

ท่านพินิจถามลูกน้องว่ากรองแก้วไปงานกุศลที่ไหนแล้วรีบพากันไป ส่วนชายภัทรก็มีพยาบาลมารายงานว่าคนไข้รอในห้องผ่าตัดเล็กแล้ว ชายภัทรรีบเดินไปแต่ในใจยังอดกังวลเรื่องที่กรองแก้วมาออกงานไม่ได้

ooooooo

ชินกรกับเกษราพาแก้วมาถึงบริเวณจัดงาน เกษราให้แก้วรอที่รถก่อนถึงเวลาค่อยลงไป ย้ำว่าแก้วจะปรากฏตัวตามกำหนดและกลับตามกำหนด ไม่มีเวลาเหลือเผื่อให้ใครมาเอาตัวเธอไปได้
เกษราถามถึงเพื่อนอาจารย์ของชินกรที่มางานนี้ เมื่อเขาชี้ให้ดู เธอบอกว่าดูน่าเกรงขามดี  ย้ำกับแก้วว่าต้องพยายามอยู่กับเพื่อนๆของชินกรหรือไม่ก็ให้มีคนห้อมล้อมไว้ตลอด อย่าอยู่คนเดียว อย่าให้ใครเข้าถึงตัวได้ ตนกับชินกรจะจอดรถรออยู่ตรงนี้ ทันทีที่เสร็จงานให้รีบออกมาที่นี่

“ค่ะ” แก้วรับคำแล้วนั่งในรถ รอเวลาเข้าไปในบริเวณงาน

เมื่อถึงเวลา กรองแก้วปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความโล่งอกของอิงอรและทีมงานทุกคน ส่วนกรองแก้วเห็นคุณหญิงดารามาลำพังคนเดียวก็แอบโล่งใจ แต่ไม่ถึงอึดใจก็ใจหายวาบเมื่อเห็นท่านพินิจเดินเข้ามาท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน คุณหญิงเองก็แปลกใจแต่รีบลุกไปรับพามานั่ง ทำเนียนราวกับนัดกันไว้แล้ว

ส่วนอิงอร พอเห็นท่านพินิจมาก็เรียกไกรฤกษ์มาบอกยกเลิกการจับตัวกรองแก้วเพราะขืนทำต่อหน้าท่านมีหวังถูกจับได้ว่ากรองแก้วถูกบังคับมาเป็นอนุของท่าน พลันก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อท่านพินิจเดินมาถามว่าทำไมไม่บอกว่ากรองแก้วมางานนี้ด้วย คิดปกปิดอะไรตนหรือ

“ไม่เลยค่ะท่าน อิงอรก็เพิ่งจะทราบก่อนหน้าท่านแป๊บเดียวเอง แล้วที่ไม่ได้แจ้งท่านก็เพราะอิงอรตั้งใจไว้ว่าจะพาหนูแก้วไปเซอร์ไพรส์ท่านที่วิมานสีชมพูคืนนี้เลยค่ะ”
ท่านพินิจบอกว่าไม่ต้องเซอร์ไพรส์อะไรทั้งสิ้น เพราะตนดีใจเก้อกับคำพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วจ้อง หน้าถามว่า

“คืนนี้ฉันจะไม่ผิดหวังอีกใช่ไหม คุณอิงอร”

“ค่ะ...คืนนี้ท่านได้เป่ากระหม่อมแม่แก้วแน่นอน ค่ะ” อิงอรดี๊ด๊าหน้าบานกลบเกลื่อนพิรุธของตน

ooooooo

ท่านพินิจประมูลของไปมากมาย กรองแก้วต้องเป็นผู้นำของประมูลไปให้ เมื่อรับของประมูลชิ้นสุดท้าย ท่านพินิจยื้อเวลาไว้เพื่อจะเอาตัวเธอกลับไปด้วยกัน

กรองแก้วรู้ตัวว่าอยู่ในภาวะคับขัน ระหว่างนั้น เพื่อนของชินกรเข้ามาแนะนำตัวกับแก้ว เธอบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา ชวนเดินคุยไปด้วยกัน เมื่อมาถึงกลุ่มนักข่าวและช่างภาพ เธอแทรกเข้าไปทำทีให้สัมภาษณ์และถ่ายรูป ทั้งท่านพินิจและอิงอรต่างพยายามที่จะเข้าไปฉกแก้วออกมา

อิงอรโผล่พรวดมาขวาง กันแก้วออกจากกลุ่มนักข่าว อ้างว่าตนเป็นผู้ปกครองของแก้วจะพาเธอกลับ แก้วแก้สถานการณ์ด้วยการแนะนำอิงอรกับสุนันท์แก่พี่ๆ นักข่าวว่าเป็นผู้ส่งตนเข้าประกวดและสอนตนเดินประกวด พวกนักข่าวจึงหันไปสัมภาษณ์ทั้งสอง แก้วฉวยโอกาสนี้หลบออกไปอีกทาง

ปรากฏว่าอิงอรสั่งไกรฤกษ์ให้ไปดักทางไว้แล้ว แก้วจึงถูกจับตัวไว้ โชคดีที่เจอเด็กๆ นักแสดงเธอรีบเข้าไปในหมู่เด็กจนไกรฤกษ์ไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อ อิงอรบอกไกรฤกษ์ให้ไปดักที่ทางออก ทางนี้ตนกับสุนันท์จะดูเอง แก้วเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจทิ้งเด็กๆ วิ่งตัดสนามไปอีกทาง

แก้ววิ่งไปชนยศวินเข้าอย่างจัง เขารีบลากเธอหลบไปอีกทางแล้วเอาเสื้อกาวน์ให้คลุมเอาแฟ้มให้ถือ พาเธอหลบออกไปอย่างกลมกลืนกับพวกหมอและพยาบาล
อิงอรวิ่งไล่ตามมา เจอยศวินถามว่าเห็นกรองแก้วไหม หมอบอกว่าเมื่อกี้เห็นเดินขึ้นตึกไป สงสัยจะไปห้องน้ำ

บังเอิญทีมงานมาเจอท่านพินิจ พากันแสดงความยินดีคิดว่ามาเยี่ยมเด็กป่วย พาเข้าไปเยี่ยมพวกเด็กๆ ท่านพินิจจำต้องตามทีมงานไปอย่างอึดอัดขัดใจ

ooooooo

ชายภัทรผ่าตัดรายเล็กเสร็จ อีกรายเกิดความดันโลหิตสูงมากผ่าตัดไม่ได้ ชายภัทรรีบออกจากโรงพยาบาลมาที่งานด้วยความเป็นห่วงแก้ว

เมื่อถามทีมงานรู้ว่าแก้วกลับไปแล้ว ถามว่ากลับไปกับอิงอรหรือเปล่า ทีมงานอีกคนบอกว่าอิงอรก็มางานนี้ด้วย ชายภัทรก็ยิ่งกระวนกระวายใจ พอดีมารตีมาเจอ เธอดี๊ด๊าถามว่ามารับตนหรือ เสร็จงานพอดีเรากลับกันเลยดีไหม

“พี่มีธุระ...เธอกลับไปก่อนเถอะ” ชายภัทรบอกแล้วเดินแยกไปอย่างเร่งรีบ จนมารตีสงสัยเดินไปถามทีมงานคนนั้นว่าเมื่อครู่นี้ชายภัทรมาถามอะไรหรือ

“อ๋อ...ถามหาคุณกรองแก้วค่ะ ถามว่ากลับไป กับใคร”

“นี่เหรอธุระของพี่!” มารตีจิกตามองตามอย่าง เจ็บใจ

แก้วรอดจากเงื้อมมือกักขฬะของท่านพินิจมาได้ด้วยการช่วยเหลือของยศวิน เขาพาเธอมาส่งถึงหน้าบ้านเกษรา พูดอย่างรับไม่ได้ว่า ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านพินิจจะทำอย่างนี้กับผู้หญิงได้

เมื่อมาถึงบ้าน แก้วขอบคุณยศวินด้วยความซาบซึ้งใจที่พาตนหนีพ้นขุมนรกมาได้ ยศวินมองบ้านแล้วถามว่านี่บ้านเธอหรือบ้านใคร

“บ้านคุณเกษรา ผู้ปกครองแก้วค่ะ ท่านคงร้อนใจ ป่านนี้ท่านต้องเป็นห่วงแก้วมากแน่เลย”

ooooooo

ชายภัทรรีบกลับมาที่บ้านเกษราด้วยสีหน้าสิ้นหวัง พลันก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของแก้วกับเกษราแว่วมา ชายภัทรเดินลิ่วไปตามเสียงจนถึงห้องอาหาร เห็นแก้วกับเกษรากำลังนั่งคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“สวัสดีครับคุณเกษรา ขอโทษนะครับ ขออนุญาต” ชายภัทรตรงเข้าไปลากแขนแก้วอย่างลืมตัวถามหน้า เครียด “ฉันได้ยินว่าเธอไปออกงานการกุศลที่ท่านพินิจและใครต่อใครที่จ้องตัวเธออยู่ไปด้วย ทำไมเธอไม่บอกฉันสักคำ”

เกษรารีบดึงแก้วออกมาแล้วเอาตัวแทรกกลางชี้แจงว่า

“พวกเราพยายามโทร.หาคุณชายแล้วค่ะ  แต่คุณชายอยู่ในห้องผ่าตัดตลอด”

ชายภัทรรู้สึกตัวอารมณ์เย็นลงแต่ยังวางปึ่งพูดขรึมว่า

“ฉันไม่โกรธเธอหรอก ฉันเป็นห่วงเธอมากกว่า แก้ว...เธออย่าทำอย่างนี้อีกได้ไหม รู้ไหมว่าฉัน...ฉันไม่สบายใจแค่ไหนตอนที่รู้ว่าเธอไม่อยู่ที่งานแล้ว”

“ค่ะ...แก้วจะไม่ทำอย่างนี้อีก” แก้วหลบสายตาดุๆ นั้นอย่างรู้สึกผิด

เกษราชวนชายภัทรอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน ก็พอดีชินกรกับยศวินช่วยกันยกอาหารออกมา ชายภัทรอุทาน “ยศวิน” มองงงๆ ถามว่ามาได้ยังไง แก้วจึงชี้แจงว่า

“คุณชายคะ...คุณหมอยศวินเป็นคนช่วยแก้วออกมาจากงานการกุศลวันนี้ค่ะ แล้วก็อาสาพามาส่งบ้าน แก้วเลยชวนทานอาหาร”

“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณชาย  คุณแก้วกับคุณเกษราย้ำผมนักหนาแล้วว่าเรื่องคุณแก้วอาศัยอยู่ที่นี่จะต้อง

ปิดเป็นความลับ รับรองไม่มีกระเด็นออกจากปากผมแน่ ไม่ต้องห่วงว่าคุณมารตีจะรู้...ผมสัญญาด้วยเกียรติของแพทย์เลย”

ชายภัทรอึ้ง หน้าชาที่ยศวินเอ่ยพาดพิงถึงมารตี เขาค่อยๆ ก้าวถอยออกไปจนทุกคนงง แก้วตามไปถาม ว่าเป็นอะไร โกรธตนหรือ

“ฉันไม่เข้าใจเธอ ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อปกป้องเธอจากอันตราย ฉันว้าวุ่นไม่เป็นอันทำงานก็เพราะเป็นห่วงเธอ แต่เธอทำทุกอย่างที่ต้องเสี่ยงอันตราย ทั้งเรื่องที่เธอไปออกงานแล้วก็ยังเรื่อง...” แก้วถามว่าเรื่องอะไร ชายภัทรพูดอย่างผิดหวังว่า “ที่นี่เป็นที่เดียวที่ฉันวางใจว่าเธอจะอยู่ได้อย่างปลอดภัย ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอซ่อนตัวอยู่ทีี่นี่ มันอันตรายกับตัวเธอ”

แก้วติงว่ายศวินเป็นคนดีไว้ใจได้ไม่ใช่หรือ ชาย ภัทรยอมรับว่าใช่ ครั้นแก้วถามว่าแล้วเขาโกรธตนเรื่องอะไร “ถ้าเป็นเรื่องหมอยศวิน แก้วว่าดีออกค่ะ ต่อไปเวลาแก้วต้องการความช่วยเหลืออะไร แก้วจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณชายคนเดียวไงคะ คุณชายจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยเพื่อแก้วมาก”

ชายภัทรหันมองแก้วเต็มตา พูดอย่างตัดพ้อ “แก้ว...ถ้าเธอคิดว่าสิ่งที่เธอเป็นมันรบกวนสร้างความลำบากให้ฉันมาก งั้นต่อไปนี้ฉันก็จะไม่มาที่นี่อีก เธอจะได้ไม่ต้องเกรงใจ”

แก้วตกใจบอกว่าเขามีพระคุณกับตนมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร เลยพยายามไม่นำเรื่องไปทำให้ปวดหัวอีก

“ผู้มีพระคุณ...ฉันถูกยกย่องเทิดทูนมาตั้งแต่เกิดแล้ว ขอได้ไหมแก้ว อย่าตอกย้ำฉันด้วยชาติกำเนิด ฉันอยากเป็นเพื่อน อยากเป็นคนธรรมดาที่คู่ควรกับเธอ ฉันขอแค่นี้เองแก้ว ให้ฉันหน่อยได้ไหม” พูดแล้วเดินจากไปอย่างผิดหวัง...

ooooooo 

เมื่อกรองแก้วหายตัวไปจากงาน ท่านพินิจหันมาเอาเรื่องกับอิงอร ลากตัวไปเหวี่ยงลงกับพื้น หาว่าโกหกหลอกเอาเงินตน สร้างวิมานให้ตนคิดว่าจะได้กรองแก้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า เข้าไปจับตัวเขย่าจนอิงอรคอแทบหักตะคอก

“แกกล้าโกหกฉัน แกคงไม่รู้ใช่ไหมว่าไอ้พวกที่ดีแต่ปาก มันจะต้องเจอกับอะไร” แล้วแสดงความเหี้ยมโหดป่าเถื่อน จนสุนันท์ทนไม่ได้เข้าไปขวาง เผชิญหน้า

“แม่ทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านได้เสพสุขกับนังแก้วแล้ว ท่านจะทำอะไรแม่ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม...ท่านใจร้าย คนที่ทำเพื่อท่านแค่มันไม่สำเร็จ ต้องฆ่าต้องแกงกันเลยหรือ นี่เหรอที่มาของอำนาจท่าน”

“เธอกล้าว่าฉันเหรอ” ท่านพินิจกระชากสุนันท์เข้าไป สุนันท์จ้องหน้าอย่างท้าทาย อิงอรตกใจอ้อนวอน

“ท่านคะ อย่าทำอะไรยัยนันท์เลย”

ท่านพินิจมองหน้าสุนันท์ มองโลมเลียไล่ลงไปเรื่อย แววตากร้าวกลายเป็นหื่น ยิ้มที่มุมปากผลักสุนันท์ออกไป บอกอิงอรว่า “ฉันจะให้โอกาสแกแก้ตัวอีกครั้งก็ได้”

“จริงเหรอคะท่าน ขอบคุณมากค่ะ” อิงอรดีใจจนก้มกราบ

“แต่...คืนนี้ ฉันไม่ยอมนอนกับพวกของเก่าๆ แน่” พูดแล้วจ้องสุนันท์ตาเป็นมัน อิงอรตกใจตาเหลือก ส่วนสุนันท์แทบช็อกกับสายตาหื่นคู่นั้น

ooooooo

ที่วังจุฑาเทพ...คืนนี้ ชายภัทรกลับมาเล่นเปียโนระบายอารมณ์ จนชายพีร์กับชายใหญ่เดินออกมาดูด้วยความสงสัย

“ฟังดนตรีสิพี่ชายใหญ่...สับสน แปรปรวน เต็มไปด้วยอารมณ์กลับไปกลับมา เดี๋ยวสงบเดี๋ยวดุเดือด ความรู้สึกอย่างนี้ คนกำลังมีความรักเท่านั้น” ชายพีร์พูดอย่างกูรูแล้วมองชายภัทรที่ยังเล่นเปียโนเหมือนจะไม่มีวันจบอย่างห่วงใย

ส่วนมารตีกลับไปฟ้องเทวพันธ์เรื่องที่ชายภัทรไปตามหากรองแก้ว เทวพันธ์เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ พูดเสียงดังลั่น

“พ่อไม่ยอม!!! ชายภัทรรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกับลูกเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แต่กลับไปเที่ยวตามหาผู้หญิงอื่นในที่สาธารณะ แล้วผู้หญิงคนนั้น ยังเป็นผู้หญิงโชว์ขาอ่อนอีก...มันไม่ไว้หน้ากันเลย!”

“ดีค่ะ เพราะมารตีก็สุดทนแล้ว พ่อต้องจัดการให้มารตีด้วย” วิไลรัมภารีบพูดแทรกขอให้ทั้งพี่สาวและพ่อใจเย็นๆ มารตีหันขวับสวนทันควันว่า “รัมภา! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายภัทรหยามเกียรติพี่ จำตอนที่พี่ถูกทิ้งไว้คนเดียวในโรงหนังได้ไหมล่ะ”

“พ่อจำได้...ต่อให้มีคนไข้ด่วนแค่ไหน ก็ไม่น่าให้อภัย ไป! มารตี ไปกับพ่อ!!” เทวพันธ์ฮึดฮัดออกไป

พลันทุกคนก็ชะงัก เมื่อเสียงรถของเกษราขับเข้ามาจอดที่หน้าร้าน เกษราลงจากรถไหว้พ่อแล้วเอ่ยฝาก

“คุณพ่อ เกษเอาขนมที่เพิ่งเสร็จหมาดๆมาให้วางขายค่ะ คุณพ่อกับน้องมารตีจะรีบไปไหนกันหรือเปล่า ลูกอยากรบกวนให้ช่วยชิมหน่อยค่ะ”

“คุณพ่อคะ...พี่มารตีขา...รัมภาขอแนะว่า ถ้างั้น พ่อควรจะเอาขนมของพี่เกษไปเป็นของขวัญติดไม้ติดมือไปฝากหม่อมย่าเอียดดีกว่า แล้วก็อ้างว่า มาเพื่อนำขนมมาให้พวกผู้ใหญ่ท่านจะได้ชอบ แล้วก็เอ็นดูพี่มารตียิ่งขึ้น” วิไลรัมภาแนะ

“จริงด้วย...ไหน ยัยเกษ มีขนมอะไรอร่อยๆ บ้าง” เทวพันธ์ตรงไปรื้อหาขนมจากกล่องที่เกษราเอามาอย่างไม่อินังขังขอบ เกษราได้แต่มองอย่างระอาใจ

ooooooo

เมื่อพากันไปถึงวังจุฑาเทพ เทวพันธ์ลงจากรถท่าทางเซ็งๆแต่พอเห็นถนอมกับสมบุญยืนอยู่ก็แอ็กท่าทันที กระชับเสื้อสูทให้เข้าที่บ่นลอยๆจงใจให้ถนอมกับสมบุญได้ยิน

“พ่อบอกแล้วไงว่าให้เอารถคันใหม่มาก็ไม่เชื่อ”

ถนอมกับสมบุญได้ยินถามว่าคุณชายซื้อรถใหม่แล้วหรือ? รถอะไร? เทวพันธ์ตอบเบ่งๆว่าโอลด์สโมบิ้ล สมบุญอุทานอย่างตื่นเต้นถามว่าสีอะไร รุ่นไหนหรือ มารตีเห็นทีตอบไปจะพลาดท่าเลยทำเสียงแข็งจิกถาม

“แล้วมันกงการอะไรของพวกขี้ข้าล่ะ” เทวพันธ์ผสมโรงด่าว่าพวกนี้คุยด้วยแล้วลามปาม ชวนรีบเข้าไปดีกว่า

“นี่นายสมบุญ เอาถุงขนมในรถไปให้ในครัวเร็วๆ ด้วย บอกให้เขารีบจัดออกมาเป็นของว่างให้หม่อมย่าด้วยล่ะ” มารตีสั่งแล้วสองพ่อลูกก็เดินหน้าเชิดคอแข็งเข้าไป

หม่อมเอียดและย่าอ่อนรับแขกที่เก้าอี้นั่งเล่นริมสนาม สมศรีจัดขนมจีบใส่จาน และจานแบ่งให้ครบทุกคน ส่วนกลิ่นเสิร์ฟน้ำชา

“ขนมจีบนี่สูตรเด็ดฝีมือมารตีเองค่ะ” มารตีพูดอย่างไม่กระดากปาก หม่อมเอียดพูดทึ่งว่าไม่นึกว่ามารตีจะเข้าครัวทำอาหารด้วย มารตีจีบปากจีบคอเล่าว่า “เดิมทีก็ทำไม่เป็นหรอกค่ะ แต่เพราะ...เพราะ...เอิ่มม...” เธอทำเขินพูดไม่ออก เทวพันธ์เลยพูดแทนให้เข้าทางว่า

“เพราะยัยมารตีอยากเตรียมตัวเอาไว้ พอถึงเวลานั้น จะได้ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างดีที่สุดอย่างไรครับ”

ขณะนั้น คุณชายรัชชานนท์หรือชายเล็กกับคุณชายรณพีร์เดินผ่านมา เลยแวะมาทักทายหม่อมย่า และไหว้เทวพันธ์ ชายพีร์ยื่นหน้าเข้าไปดูที่โต๊ะทำเสียงอร่อยว่า

“ขนมจีบ...ผมขออนุญาตชิมได้ไหมครับหม่อมย่า” ย่าอ่อนบอกให้นั่งทานเป็นกิจจะลักษณะ แล้วเอาจานแบ่งตรงหน้าให้ทั้งสองคน สั่งสมศรีกับกลิ่นให้ไปจัดจานแบ่งมาเพิ่มให้ครบคนพร้อมน้ำชา

ชายพีร์ไหว้ขอบคุณแล้วตักชิมอย่างเอร็ดอร่อยหิวโหย ทำหน้าทึ่งแบบรสเคยลิ้น

ชายเล็กเลยลองชิมบ้าง ทักอย่างรู้สึกคุ้นเหมือนกันว่า “เอ๊ะ...นี่คุณมารตีไปซื้อขนมจีบร้านนี้มาจากไหนครับ”

“มารตีทำเองค่ะ” ตอบทันทีอย่างมั่นใจ พอหม่อมย่าถามชายเล็กกับชายพีร์ว่าทำไมทำเสียงแบบนี้ฟังดูแปลกๆ มารตีรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะถูกจับได้ ทำเป็นถามเทวพันธ์ว่ามีอะไรจะคุยกับหม่อมย่าใช่ไหม พอมารตีชงมา เทวพันธ์ก็รับลูกทันที

“จริงๆ แล้วก็เรื่องคุณชายพุฒิภัทรนั่นแหละครับ”

พอเอ่ยถึงเจ้าตัวก็ขับรถเข้ามาพอดี สมบุญรีบมาบอกว่าถ้าไม่มีอะไรต้องทำที่วังก็ไปขับรถเล่นที่ไหนก่อนดีไหม

ทันใดนั้นเอง เสียงย่าอ่อนก็เรียกชื่อเต็มยศดุๆ “ชายพุฒิภัทร พ่อตัวดี มีอะไรจะแก้ตัวไหม”

ooooooo

ชายภัทรถูกเรียกไปแก้ข้อหาทันที หม่อมเอียดถามขึ้นก่อนว่า

“ชายภัทร ตอบย่ามาซิ เรื่องที่คนเขาพูดว่าชายภัทรไปติดพันนางสาวศรีสยามปีนี้ เรื่องจริงหรือไม่”

“ชายภัทร ที่ลุงกับน้องต้องมาบอกหม่อมเอียดก็เพราะลุงไม่อยากเห็นชายภัทรคิดอะไรตื้นๆ แล้วทำลายชื่อเสียงของสกุลจุฑาเทพโดยไม่รู้ตัว” เทวพันธ์พูดออกตัวเมื่อชายภัทรมองหน้าเชิงถาม

ย่าอ่อนทั้งเตือนและตำหนิว่า ชายภัทรเป็นหม่อม ราชวงศ์ไปสนิทชิดเชื้อกับสาวโชว์ขาอ่อน แค่คิดย่าก็ไม่อยากคิดแล้ว ชายภัทรยืนเป็นจำเลยถามท่ามกลางวงล้อมของโจทก์ว่า “มารตีมาฟ้องหม่อมย่าอย่างนั้นหรือครับ”

“พี่ชายภัทรทำอย่างนั้นจริงๆนี่คะ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ใครก็เห็นว่าพี่ชายไป ทั้งๆที่พี่ชายไม่มีหน้าที่ที่นั่นสักหน่อย ใครๆก็รู้ว่านางงามมีมงกุฎจะต้องถูกส่งตัวไปให้ท่านพินิจทุกคน แล้วพี่ชายภัทรยังอยากจะไปแย่งผู้หญิงกับท่านพินิจหรือคะ ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมา จะงามหน้ามาถึงหม่อมย่าด้วย” มารตีพูดฉอดๆซ้ำยังดึงหม่อมย่าเข้ามาเกี่ยวด้วย

ชายพีร์ถามว่าแล้วทำไมชายภัทรจะไปไหนมาไหน ไปหาใคร หรือสนใจใครไม่ได้

หม่อมเอียดตัดบทจี้ชายภัทรให้ตอบต่อหน้าทุกคนให้หายข้องใจเสีย

“ใช่ครับ ผมไปตามหาคุณกรองแก้วจริง”

ย่าอ่อนยกมือทาบอกตกใจ ชายพีร์ถามว่าในเมื่อกรองแก้วเป็นคนไข้ของชายภัทรแล้วทำไมชายภัทรจะไปติดตามอาการไม่ได้ มารตีสวนไปทันทีว่า กรองแก้วหายดีแล้วออกจากโรงพยาบาลก็ตระเวนหัวหกก้นขวิดแข็งแรงกว่าตนด้วยซ้ำ

“ผมไปหาคุณกรองแก้วในฐานะของเพื่อนคนนึงครับ” ชายภัทรชี้แจง เลยยิ่งถูกย่าอ่อนตำหนิที่ไปคบค้าสมาคมกับนางงามซึ่งอยู่คนละขั้วกับเรา ย้ำว่าไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือเป็นแค่คนรู้จักก็ไม่สมควร ชี้ให้เห็นว่า

“ชายภัทรเองก็ใช่ว่าจะไร้พันธะใดๆ มันไม่สมควรที่จะพูดออกมาว่าเป็นห่วงคนอื่นต่อหน้ามารตี”

มารตีบีบน้ำตามารยาเต็มที่ เทวพันธ์ก็กอดปลอบโยนบอกลูกอย่าให้น้ำตาไหลออกมาเพราะเรามีเกียรติและศักดิ์ศรีพอ

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งเครียด ในขณะที่ชายเล็กกับชายพีร์สบตากันทำหน้าคลื่นไส้ ส่วนชายภัทรเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อยากมองหน้าใคร

ooooooo
เครียดกันจนถึงกลางคืน เมื่อมานั่งกันที่ห้องนั่งเล่น หม่อมเอียดประกาศิตว่า

“ชายภัทร ย่าขอสั่งให้ลูกเลิกติดต่อกับนางงามคนนั้นเด็ดขาด ย่าไม่รับฟังข้ออ้างใดๆเข้าใจไหม ผู้หญิงคนเดียวที่ชายภัทรควรจะใส่ใจคือหนูมารตี”

ไม่เพียงเท่านั้น ย่าอ่อนยังสั่งให้ชายภัทรไปงานลีลาศการกุศลที่วังของท่านชายเกริก เป็นงานเต้นรำเพื่อหาเงินช่วยเหลือทหารชายแดนประจำปี

“ปีนี้หลานจะต้องพาหนูมารตีไปเต้นรำในงานนี้ เข้าใจไหม ย่าเชิญหนูมารตีและขออนุญาตคุณชายเทวพันธ์ แล้ว หลานจะทำให้ย่าทั้งสองเสียผู้ใหญ่ก็ลองดู” หม่อมเอียด ตอกย้ำเสียงเข้ม จนชายภัทรจำต้องตอบรับเสียงแผ่ว

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนสบตากันแบบต้องกระหนาบอย่างไม่ยอมให้หลุดรอดไปได้

“เฮ้อ...ท่าทางจะไม่รอด สงสารชายภัทรจริงๆ” ชายพีร์พึมพำกับชายเล็กที่แอบฟังกันอยู่ ถูกชายเล็กโยน กลองว่า งั้นชายพีร์ก็แต่งงานกับมารตีแทนชายภัทรสิ เลยถูกชายพีร์เกทับว่า “นายสิ นายแก่กว่าต้องรับผิดชอบก่อน”

ooooooo

สุนันท์นอนอยู่ใต้ผ้าห่มกับท่านพินิจ พอตื่นลุกขึ้นมา เธอก็เดินเชิดระเหิดระหงออกจากห้องไปราวกับเป็นนางพญาในชั่วข้ามคืน

ที่นอกห้อง บรรดาอนุของท่านทั้งรุ่นใหญ่รุ่นกลางกำลังซ้อมเต้นรำบอลรูมจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงกันอยู่ สุนันท์เดินไปปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงอย่างไม่แคร์ใคร สั่งอย่างยิ่งใหญ่

“นี่ใครก็ได้ ไปเอาน้ำชาอุ่นๆมาให้ฉันทีซิ”

อนุสูงวัยคนหนึ่งบอกว่าครัวอยู่ข้างหลังให้ไปเอาเอง พวกตนไม่ใช่คนใช้

“อ้อ...เหรอ...นางบำเรอปลดระวางแต่ไม่มีทางไป เลยอยู่รับใช้ท่านจนกลายเป็นหินงอกหินย้อยประดับวิมานสีชมพูเหรอ...ไปเอาชามา!”

กนกลักษณ์สะอึกออกมาด่าว่า “นังคางคกขึ้นวอ” บรรดาอนุพากันหัวเราะเยาะจนสุนันท์ชักเสียวแต่ยังทำอวดดีบอกว่าไม่อยากทะเลาะด้วย ออมแรงไว้ปรนนิบัติท่านคืนนี้ดีกว่า

“คืนนี้คิวฉันย่ะ” กนกลักษณ์สวนไป สุนันท์ยิ้ม เยาะว่าพวกเธอถูกปลดระวางแล้ว ตนต่างหากที่เป็นคนโปรดแล้วเดินเชิดจะเข้าห้อง ถูกกนกลักษณ์พุ่งเข้าคว้าเหยือกสาดน้ำใส่ เลยจิกตบกันกลิ้งที่พื้น ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาอนุ

“เสียงดังอะไรกัน” ท่านพินิจออกมาตวาด ทุกคนเงียบกริบ สุนันท์ร้องไห้อ้อนออเซาะให้ท่านช่วยตนด้วย

ท่านพินิจโยนกลองให้คุณหญิงมาจัดการกับบรรดาอนุ คุณหญิงไม่อยากจัดการแต่พอดีลูกน้องเข้ามารายงานว่ามีแขกมาขอพบ ท่านพินิจเลยมีข้ออ้างว่าตนมีแขกต้องจัดการปัญหาระดับชาติก่อน แล้วชิ่งไปเลย

คุณหญิงนั่งบนโซฟามองบรรดาอนุที่คุกเข่ากับพื้นอย่างระอาใจ

“จะให้นันท์คุกเข่าอีกนานแค่ไหนคะ เข่าด้านหมดแล้ว” สุนันท์ถามอย่างผยอง แต่พอพูดถูกสายตาคมกริบของคุณหญิงตวัดมาก็จ๋อย หุบปากเงียบ แต่ยังมีกระฟัด กระเฟียด ในขณะที่กนกลักษณ์ผู้เก๋ากึ้กนั่งหน้านิ่งสวยสง่าอย่างไม่แยแส

ooooooo

แขกที่มาขอพบท่านพินิจคือใบบัวนั่นเอง ใบบัวมาใส่ไฟอิงอรว่าโกหกพกลมเล่นเล่ห์กับตนและท่านมาตลอด แม้แต่เรื่องที่กรองแก้วไปงานการกุศลที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่บอกตนสักคำ

ใบบัวยังใส่ไฟว่า อิงอรคิดจะเอากรองแก้วไปเวียน เทียนก่อนมาให้ท่าน ยุให้เฉดหัวอิงอรออกไป ต่อไปมีอะไรให้เรียกใช้ตนคนเดียว รับรองว่าตนจะทำให้กรองแก้วเห็นว่าท่านน่ารักและมีน้ำใจจนต้องยอมท่านอย่างสมัครใจ

เมื่อท่านพินิจสนใจ ใบบัวเสนอว่า อีกไม่กี่วันจะมีงานลีลาศการกุศลประจำปีที่วังแสงอรุณของท่านชายเกริก ตนจะทูลเสนอให้ท่านเชิญกรองแก้วไปร่วมงานด้วยเพื่อให้มีการประมูลเต้นรำกับนางสาวศรีสยาม วางแผนอย่างกระหยิ่มว่า

“แล้วท่านก็จะเป็นคนประมูลเต้นรำนั้นได้ ทีนี้ท่านก็จะมีโอกาสคุยกันสองต่อสองกับหนูแก้ว ใบบัวเชื่อว่าท่านจะทำให้หนูแก้วปลื้มได้อย่างแน่นอนค่ะ”

“ทุกวันนี้หนูแก้วทำตัวลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน กับใคร แล้วเธอจะทำยังไงให้หนูแก้วมาร่วมงานนี้”

“ท่านไม่ต้องห่วงคะ นางสาวศรีสยามย่อมไม่ปฏิเสธงานมอบรางวัลประจำตำแหน่ง...ที่จะจัดรวมในงานเต้นรำ ทำประโยชน์ให้กับทหารชายแดนของชาติ ไม่ใช่เหรอคะ” ใบบัวยิ้มอย่างมั่นใจ ทำให้ท่านพินิจมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

ooooooo

แก้วทุ่มเททั้งหัดทำขนมไทยกับเกษราและแนะนำการทำขนมจีบจนเป็นที่เลื่องลือติดอกติดใจของวังจุฑาเทพและลูกค้าทั่วไป

ขณะแก้วกับเกษรากำลังทำขนมกันอยู่นั้น ชินกรเอาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวงานลีลาศการกุศลที่วังแสงอรุณมาให้ดู เกษราเคยไปงานนี้มาแล้ว รับหนังสือพิมพ์ไปอ่านให้แก้วฟังด้วย

“ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติซื้อบัตรเข้างานเพื่อร่วมประมูลเต้นรำครั้งหนึ่งในชีวิตกับนางสาวศรีสยาม พุทธศักราช 2502 นางสาวกรองแก้ว บุญมี โดยในงานนี้จะมีพิธีมอบเงินรางวัลแก่ผู้ชนะประกวดนางสาวศรีสยามด้วย”
แก้วตกใจเพราะไม่เคยมีใครติดต่อเรื่องนี้มาเลย ชินกรคาดว่าทางกองประกวดคงติดต่อแก้วไม่ได้เลยใช้วิธีนี้ส่งข่าวให้แก้วติดต่อกลับไปเหมือนคราวก่อน ป้าแย้มติงว่าแก้วอย่าไปเลย แต่เกษราเห็นต่างว่า

“ไม่ไปได้ยังไง เงินรางวัลเป็นสิทธิ์ของแก้ว ถึง คุณชายพุฒิภัทรจะช่วยดูแลพ่อของแก้วให้ แต่แก้วก็ยังจำเป็นต้องมีเงินสำรองเอาไว้ดูแลพ่อในอนาคต แล้วที่สำคัญ งานนี้ไม่ใช่งานธรรมดา แต่เป็นงานเลี้ยงสโมสรของท่านชายเกริกเชียวนะ ลงประกาศหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ ถ้าแก้วไม่ไปคนที่เสียชื่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากท่านชายเกริก ท่านเจ้าภาพน่ะสิจ๊ะ”

แก้วถามว่าตนต้องไปงานนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหม เกษราปลอบใจว่างานนี้มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ชนชั้นสูงเท่านั้น พวกอิงอรกับลูกมาร่วมงานไม่ได้แน่ แก้วถามอย่างกังวลว่าแล้วท่านพินิจล่ะ แก้วตัดสินใจว่าถ้าเลี่ยงไม่ได้ตนก็จะไป แต่เกษราต้องช่วยสอนเต้นรำให้เพราะตนเต้นไม่เป็น

ooooooo

เพื่อไม่ให้ชายภัทรหลบเลี่ยงได้ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนสั่งให้ชายภัทรสอนมารตีเต้นรำเตรียมไปงานที่วังแสงอรุณ

ชายภัทรบอกว่าถึงตนเคยหัดเรียนเต้นรำตอนเด็กแต่เพราะไม่ค่อยได้เต้นเลยเต้นไม่คล่อง แต่หม่อมเอียดยืนยันว่า ในบรรดาพี่น้อง ชายภัทรเต้นได้เชี่ยวชาญกว่าเพื่อน แล้วย่าอ่อนก็จัดแจงเรียกมารตีให้มาฝึกกับชายภัทร วาดหวังว่าทั้งสองจะเป็นคู่ที่โดดเด่นเหมือนเจ้าหญิงกับเจ้าชายในคืนนั้นทีเดียว เสียงลือต่างๆ จะได้หมดไปเสียที
ชายภัทรบอกว่าตนไม่ได้เต้นนานลืมไปหมดแล้ว ย่าอ่อนเสียงเข้มว่า

“ลืมอะไร เดี๋ยวดนตรีมา ลีลาก็ไปเองแหละ” แล้วให้เปิดแผ่นเสียงเลย

ชายเล็กกับชายพีร์ขี่ม้าขาวมาช่วยชายภัทรได้ทันท่วงที ชายเล็กเสนอตัวว่า ตนเชี่ยวชาญการเต้นรำที่สุดในบรรดาพี่น้อง อาสาจะสอนให้มารตีเอง แล้วดึงมือมารตีไปเลย มารตีขืนตัวไว้ หม่อมเอียดถามปรามๆ ว่าทำอะไรกัน ชายพีร์รับรองว่า มารตีเรียนกับชายเล็กรับรองเป็นเร็วกว่าและมาตรฐานถูกต้องตามทฤษฎีด้วย ว่าแล้วก็เปิดแผ่นจังหวะชะชะช่าที่คึกคักทันที

“ผมขอตัวไปโทรศัพท์ถึงโรงพยาบาลสักครู่นะครับ” ชายภัทรฉวยโอกาสฉากหลบไป

ชายเล็กจับมารตีเต้นเน้นจังหวะหมุนๆๆ จนมารตีเวียนหัวจะอ้วกเบี่ยงตัวออกไปเซๆ ไม่ยอมเต้นอีก ยืนกรานไม่ฝึกแล้ว ตนจะฝึกกับชายภัทรคนเดียวเท่านั้น ย่าอ่อนถามหาชายภัทร ชายพีร์บอกว่าคงไปเข้าห้องน้ำกระมัง แล้วอาสาจะฝึกให้มารตีแทนชายเล็ก มารตีไม่ยอมฝึก

“แล้วชายภัทรหนีหายไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ฮึ่มๆ” หม่อมเอียดพึมพำอย่างไม่พอใจ

ooooooo

ชายภัทรหนีจากวังจุฑาเทพ ไปที่บ้านเกษรา เห็นเกษรากำลังสอนแก้วเต้นรำ จึงอาสาจะสอนให้ แก้วเขิน เกษราก็ติงว่าตนสอนเองดีกว่า

“ผู้หญิงสอนผู้หญิงด้วยกันจะสอนได้แค่ท่า...แต่ถ้าจะเต้นให้เข้าใจและคล่อง ต้องหัดกับคู่เต้นผู้ชายที่เก่งๆ ขอมือฉันสิแก้ว” ชายภัทรชี้แจงและส่งมือออกไป แก้ววางมือลงบนมือชายภัทรเขินๆ ทั้งสองได้สัมผัสและอยู่ในวงแขนของกันและกันต่างเขินและตื่นเต้นไม่น้อยกว่ากัน

“วางมือสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง เชิดหน้าสิแก้ว อย่ามองเท้า ต้องหลังตรงถึงจะสวย” ชายภัทรอธิบาย สอนและมองหน้าแก้วไม่วางตา แก้วเขินจนไม่กล้าสบตาก็ถูกเตือนว่า “สบตาฉันสิแก้ว”

แม้ว่าการสอนแก้วจะมีการพลาดพลั้งเหยียบเท้ากัน บ้าง แต่ก็เป็นเรื่องขำๆ สนุกๆ ที่ทำให้ฝึกเต้นกันจนลืมเวลา

จังหวะหนึ่ง ชายภัทรเหยียบเท้าแก้วอย่างแรงจนเธอทรุด ชายภัทรรีบประคองไปทายาให้ แก้วดึงเท้าไว้จะทาเอง บอกว่ามันเป็นของต่ำ และตนก็เป็นเด็กบ้านนอกไม่มีสกุลรุนชาติ

“แล้วไง...ฉันเป็นคุณชาย ผู้สูงส่งล่ะสิ ฉันล่ะเบื่อเต็มทีกับเหตุผลนี้ ถ้าอยากแบ่งชนชั้นนัก ก็ไปเกิด สมัยอยุธยานั่นไป นี่สมัยประชาธิปไตย เท้าที่เจ็บต้องได้รับการเยียวยาไม่ใช่เท้าสามัญชนถ้าเจ็บขึ้นมาก็ช่างหัวมัน”

ชายภัทรเริ่มมีอารมณ์ทำแรงจนแก้วร้องเจ็บ ชายภัทรจึงรู้สึกตัวเบามือลง ทายาเสร็จก็พากันไปฝึกต่อ

ทั้งชินกรและเกษรานั่งดูอยู่ ต่างชื่นชมว่างามอย่างกับภาพในฝัน เหมือนเจ้าหญิงกับเจ้าชายในนิทาน ส่วนป้าแย้มเปรียบเทียบแบบชาวบ้านว่าเหมือนกิ่งทองใบหยก
ยิ่งฝึกเต้นแก้วก็ยิ่งสนุก จนชายภัทรชวนว่าถ้าเธอชอบจะพาไปเต้นทุกงานที่เธออยากไป

จนเกือบสองทุ่ม ชินกรกับเกษราจึงเสนอให้อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อน ชินกรปรบมือให้ทั้งสอง พูดอย่างมั่นใจว่า

“สวยมาก เต้นกันสวยจริงๆ ถ้ามีประกวด นักลีลาศคู่นี้น่าจะสมัครเข้าแข่งขันชิงถ้วยนะ”

ส่วนเกษราก็ชมชายภัทรว่าเก่งมาก ทำให้ลูกเป็ดน้อยๆ ของเรากลายเป็นนางหงส์ไปแล้วจริงๆ พูดอย่างภูมิใจว่า

“งานเต้นรำคราวนี้ กรองแก้ว บุญมี คงทำให้วงสังคมตกตะลึงเป็นแน่”

ooooooo

ที่วังเทวพรหม...

มารตีกลับมาอย่างหงุดหงิดที่ชายภัทรหลบหน้าไป ไม่ยอมสอนตนเต้นรำ วิไลรัมภาเตือนสติพี่สาวตามเคยแต่ถูกมารตีวีนใส่ วิไลรัมภาเลยพูดตรงๆว่า

“ถ้าพี่มารตีกับคุณพ่อไม่เข้าใจข้อนี้ ก็อย่าหวังเลยว่า จะประสบความสำเร็จ”

“ฉันต้องได้พี่ชายภัทรสิ เราคู่กัน มันคือคำมั่นสัญญาที่มิอาจจะละเมิดได้”

“ไม่มีใครอยากถูกจับ ไม่มีใครอยากมีเจ้าของไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเป็นคนโดนล่า แต่เขาต้องเป็นผู้ล่ายิ่ง เขารู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เป็นสัญญาที่ละเมิดมิได้อย่างที่พี่ว่า เขาก็จะยิ่งเกลียด ยิ่งต่อต้าน”

“พอเถอะ แกเองก็ไม่ได้วิเศษอะไรมาจากไหน อย่ามาทำเป็นรู้ดี”

“พี่มารตี ถ้าพี่อยากชนะ พี่ต้องใช้สมอง”

“บ้า...แล้วอีนังกรองแก้วมันใช้อะไร...ใช้ขาอ่อน ทรวดทรงองเอว กับรอยยิ้มดัดจริตทั้งนั้น และทุกอย่างที่ว่ามา ฉันก็มีเหมือนกัน!”

“ถ้าพี่มารตีเป็นแบบนี้ ถึงไม่มียายกรองแก้วโผล่มาข้องเกี่ยว พี่ชายภัทรก็ไม่เอาพี่อยู่ดี”

มารตีเลือดขึ้นหน้าตบน้องฉาดใหญ่ด่าตาขวาง เสียงเขียว

“แก...แกขัดขวางฉัน ดูถูกฉัน ที่จริงก็บอกมาเถอะว่าแกอิจฉาฉัน คอยดูนะ แล้วฉันจะทำให้แกเห็นว่า พี่ชายภัทรจะเป็นของใครไม่ได้ นอกจากฉันเท่านั้น!!”

มารตีตบหน้าด่าอย่างเกรี้ยวกราดแล้วเดินผละไป วิไลรัมภากุมแก้มที่ถูกตบ มองตามอย่างเจ็บใจ น้ำตาไหล

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น...

คุณชายพุฒิภัทร ในชุดทำงานลงบันไดมา ผิวปากเพลงเต้นรำอย่างร่าเริงเดินพลิ้วลงมาราวกับอยู่ในฟลอร์ พอลงมาก็ชะงักกึก เมื่อเห็นหม่อมย่านั่งขรึมรออยู่

“หม่อมย่าครับ ย่าอ่อน” ชายภัทรไหว้ทั้งสอง หม่อมเอียดพูดเป็นการเป็นงานทันทีว่า

“ตั้งแต่นี้ไป เลิกงานแล้ว ห้าโมงเย็น หลานจะต้องกลับมาถึงวัง เพื่อสอนมารตีเต้นรำ พามารตีกลับมาในรถของหลานเอง ทุกวัน ห้ามขาดสักวันเดียว”

“อ้าว...แล้ว...ถ้าผมมีผ่าตัด หรือมีคนไข้ฉุกเฉิน”

“หากวันไหนจำเป็น มีธุระสำคัญ จำเป็นต้องหยุดการซ้อม ให้หลานโทร.มาขออนุญาต” ย่าอ่อนย้ำ

“ใช่...ขออนุญาตและแจกแจงเหตุผลที่แท้จริง เพื่อให้ย่าพิจารณาเป็นวันๆไป เข้าใจไหม” หม่อมเอียดเสริม

ชายภัทรก้มหน้าถามว่าวิธีนี้คิดว่าจะทำให้ตนรัก มารตีได้หรือ หม่อมเอียดย้อนถามว่าแล้วมารตีมีอะไรไม่ดีที่ไม่สมควรรัก ตำหนิว่าชายภัทรเล่นบทเด็กดื้อตอนโตส่วนย่าอ่อนก็ปรามให้สำนึกถึงความดีของเทวพรหมให้ นึกถึงบุญคุณ และรู้จักกตัญญู ลูกผู้ชายที่แท้จริงต้องรักษาคำพูดของพ่อแม่

“หลานควรนึกถึงความสุขของย่าด้วย ความต้องการ ของย่าไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย ถ้าหลานแต่งงานกับมารตี ย่ามีความสุขถ้าหลานผิดสัญญา ย่าจะมีความทุกข์...แต่ถ้าหลานไม่แคร์... ย่าก็คงหมดปัญญา ไป...แม่อ่อน” หม่อมเอียดพูดแล้วชวนย่าอ่อนลุกไป เชิดๆงอนๆ

สองย่าลุกเดินมึนตึงออกไป ทิ้งชายภัทรให้ยืนซีดอยู่ตรงนั้น...

ooooooo

อ่านต่อ

No comments:

Post a Comment