Sunday, March 11, 2012

เรื่องย่อ ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอน6 ละครช่อง 7


ตอนที่ 6

แพรวาแวะมาหาไกรที่บ้าน เอาจดหมายมายื่นให้ ไกรทำหน้างง แพรวาเข้าใจว่าไกรชอบตนแต่ไม่กล้าพูด เพราะพ่อแม่ไม่ถูกกันจึงใช้วิธีเขียนจดหมาย

เมฆมาเฝ้าไข้ไม้ เห็นลูกชะเง้อมองไปที่ประตูบ่นว่าอบเชยหายไป เมฆยิ้มเตือนลูกว่า

“นี่ อบเชยมันก็มีหัวใจนะไม่ใช่หุ่นยนต์ มันรู้สึกทุกอย่างที่เรารู้สึกนั่นแหละ”

“ไม่หรอกพ่อ นักเลงซะขนาดนั้น”

“ก็คิดซะอย่างนี้ วันไหนไม่มีมันแล้วจะรู้สึก”

ไม้คิดตามชักกังวลใจ...ไม่มีใครรู้เลยว่า อบเชยถูกขังอยู่ จันทร์เองแทบช็อกเมื่อเห็นอบเชยยืนนิ่งในห้องเก็บของวัด คิดว่าผี ดีที่เห็นเข็มปักตามตัวจึงดึงออก ทำให้อบเชยพูดและขยับตัวได้ จันทร์ว่าตนตามกลิ่นหอมมา อบเชยบอกคงเป็นดอกไม้จันทน์ที่ใช้ทำพิธีศพ

“นี่แหละ ที่ฉันได้กลิ่นจากร่มพันเทพน่ะ” จันทร์หยิบดอกไม้จันทน์ติดมือไปด้วย

“ร่มไม้โบราณที่ทำจากไม้จันทน์เหรอ ทำไมต้องพกร่มนั่นไปไหนมาไหนด้วย มันมีอะไรพิเศษงั้นเหรอ” อบเชยชักสงสัยเหมือนจันทร์บ้างแล้ว

สองคนมานั่งทานข้าวคุยกัน จันทร์เล่าว่าอ่านหนังสือเจอไม้จันทน์เป็นไม้ที่ใช้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสิน ฉะนั้น ไม้ตะพดอาจจะทำจากไม้จันทน์พันปีที่ลากมาจากฝั่งพม่า และคิดว่าร่มที่พันเทพถือติดตัวจะทำจากไม้ตะพด

“เราจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นไม้ตะพดจริงมั้ย ร่มต้องมาอยู่กับเรา แต่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง”

อบเชยคิดสักพัก “ฉันรู้ละ ฉันได้ยินว่าไอ้พันเทพกำลังจะจัดงานวันเกิด ถ้าลอบเข้าบ้านมันตอนมีงานน่าจะง่ายที่สุด”

จันทร์ไม่เห็นทางว่าใครจะเชิญไปร่วมงาน อบเชยว่าไม่ยาก ว่าแล้วก็โทร.หาทิวา นัดให้ออกมาพบพรุ่งนี้ จันทร์หน้าเหวอ ไม่คิดว่าอบเชยจะทำแบบนี้เป็น...

วันรุ่งขึ้น ทิวาแวะซื้อดอกไม้ร้านข้างทาง เมฆขับรถประจำทางมาไม่มีที่จอด จึงจอดซ้อนคันเพื่อลงไปทำธุระ ให้ชาญเฝ้ารถไว้ ชาญเกิดหิวลงไปซื้อของ ทิวากลับมาเอารถออกไม่ได้ พอเห็นเมฆเดินมาก็โวยวายเล่นงานเมฆจนล้มลง แถมกระทืบขาอีกข้างอย่างโมโห เมฆไม่ตอบโต้จนชาญกลับมาจะเอาเรื่อง แต่เมฆกลับให้ชาญเลื่อนรถ

ชาญประคองเมฆมารับไม้ออกจากโรงพยาบาล ไม้ตกใจเมื่อเห็นสภาพพ่อ ชาญเล่าอย่างเจ็บใจว่า ทิวาเป็นคนทำ ไม้โมโหบอกว่า ตนเรียนท่ากรงเล็บพยัคฆ์จบเมื่อไหร่ จะไปแก้แค้น

พยาบาลบอกเมฆว่า มีคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หมดแล้ว เมฆแปลกใจสงสัยเป็นไกร วันต่อมา เมฆกับไม้มาหาไกร เมฆเอาเงินมาคืนให้ ไกรปฏิเสธว่าเขาไม่ได้จ่ายค่ารักษาให้ไม้ เมฆครุ่นคิดแล้วจะเป็นใคร ส่วนไม้มาขอเริ่มเรียนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ในวันนี้เลย

สมุนเข้ามากระซิบรายงานพันเทพว่า จัดการเอาเงินยัดเรียบร้อยไม่ให้แพร่งพราย พันเทพยิ้มอย่างพอใจ เขาพึมพำ “...อดทนอีกหน่อยนะไม้”

พันเทพคิดถึงอดีต ที่พ่อของเขานอนป่วยใกล้ตาย ได้สั่งเสียและมอบกล่องไม้โบราณให้ “ของสิ่งนี้ตกทอดมาตั้งแต่สมัยทวดของลูก มันมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทุกสิ่ง มันเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกมีอำนาจและเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ มันคือตะพดเลือด...พ่อใช้เวลาทั้งชีวิตตามหา

ไม้ตะพดวิญญาณ ทั้งที่ปู่บอกว่ามันอยู่กับตระกูลไอ้หมอก พ่อไอ้เมฆ แต่พ่อรื้อบ้านพวกมัน สะกดรอยตาม ทำวิธีไหนก็ไม่เคยเห็นไม้นั่นเลย พ่ออยากให้ลูกหาให้เจอ เอามันมาเป็นของเราให้ได้”

“ทำไมเราต้องมีสองอันด้วย” พันเทพถาม

“ลูกเห็นหนังเสือที่ขาดครึ่งนั่นไหม มันบอกให้เอาไม้ทั้งสองมารวมกัน”

“แต่มันไม่เห็นบอกว่ามารวมแล้วจะได้อะไรนี่ครับ”

“เดิมไม้ทั้งสองรวมเป็นหนึ่งก่อนที่จะหักครึ่งกระจัดกระจายไป พ่อคิดว่าการทำให้กลับมารวมกันใหม่ อาจทำให้เราเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังนั้น สิ่งที่พ่อจะขอลูกคือ หามันให้เจอ”

พันเทพถามว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าอยู่บ้านเมฆ พ่อไม่ทันตอบก็สิ้นใจตายเสียก่อน...หลังจากนั้น พันเทพก็ตามทวงไม้ตะพดวิญญาณจากเมฆ ทั้งที่เมฆยืนกรานว่าไม่มีและไม่สู้ตอบ

“ทิพย์ผู้หญิงที่ฉันรักแกก็เอาไป ไม้ตะพดที่ฉันอยากได้ก็อยู่กับแก แกจะเอาทุกอย่างไปจากฉันรึไง” พันเทพแค้นใจ

เมฆโต้ว่าทิพย์รักตน ต่อให้ต่อยจนตายทิพย์ก็ไม่เลือกเขา และตนก็ไม่มีไม้ตะพดจะให้ พันเทพโกรธให้ลูกน้องรุมกระทืบเมฆจนขาเป๋และลากตัวทิพย์ไป หลังจากคลอดลูก ทิพย์ยิงตัวตาย พันเทพก็ตัดสินใจเอาลูกแบเบาะของตัวเองมาสลับกับลูกของเมฆที่เพิ่งคลอดที่โรงพยาบาล

“ลูกพ่อ...ลูกต้องช่วยพ่อให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ พ่อต้องเอาไม้ตะพดวิญญาณมาให้ได้ นี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ไม้ตะพดวิญญาณมาอยู่กับคนในครอบครัวเรา พ่อขอโทษนะลูก อย่าให้ทุกอย่างที่พ่อทำมาต้องเสียเปล่าเลย”...เมื่อคิดถึงอดีต พันเทพก็เจ็บปวดใจไม่น้อย

ooooooo

เพราะความที่อยากเข้าบ้านพันเทพ อบเชยจึงยอมเป็นคู่ควงทิวาไปงานวันเกิดพันเทพ ทิวาพาเธอมาหาชุดราตรีที่จะใส่ไปงาน อบเชยพยายามข่มใจ “นี่ถ้าฉันไม่หวังจะเข้าไปเอาร่มอันนั้นล่ะก็ ฉันไม่คุยกับแกหรอกไอ้หน้าโง่ แกทำร้ายไม้ของฉัน ฉันจะเอาคืนให้เจ็บเลยคอยดู”

ลงจากรถทิวาไม่ทันเข้าบ้าน อบเชยเป็นห่วงไม้จึงรีบไปหา ทิวาเห็นถุงชุดที่เธอลืมไว้ในรถจึงวกกลับมาให้ ตะโกนเรียกอบเชยหน้าบ้าน ศรนารายณ์ออกมารับแทนจึงรู้ว่าลูกสาวจะไปงานเลี้ยงบ้านพันเทพ และทิวาก็รู้ว่าอบเชยไปหาไม้ เขาไม่พอใจขับรถพรืดออกไป

หลังจากพักเรียน ไม้เข้ามาค้นหาจดหมายที่ลืมทิ้งไว้บนโต๊ะไม่เจอ ไปดูบนโต๊ะไกรเห็นจดหมายแพรวาที่เขียนถึงไกร ก็แปลกใจ มองซ้ายมองขวาไม่มีใครจึงเปิดอ่าน เป็นข้อความที่แพรวาตอบจดหมายของตน และรับนัดทานข้าวด้วยกัน...ไม้ไม่ค่อยพอใจคิดว่าไกรสวมรอย

อบเชยเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านไม้ พอเห็นรถไกรแล่นมาส่งไม้กับเมฆก็รีบหลบ แปลกใจว่าเมฆเป็นอะไรทำไมท่าทางบาดเจ็บ ไม้ประคองเมฆเข้าบ้าน เมฆรู้ว่าอบเชยแอบอยู่จึงแกล้งเอ่ยปาก ชวนเข้าไปกินนํ้าในบ้าน อบเชยยิ้มแหยๆเดินออกมา ไม้เคืองที่อบเชยหายไปนาน

“ไม่รอให้ตายไปก่อนล่ะ แล้วค่อยมา”

“เอ๊ะ นี่ตกลงฉันผิดใช่มั้ยเนี่ย ไม้เห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน ฉันจะอยู่ทำไมให้เกะกะ คนเขาอุตส่าห์คอยเป็นห่วง” อบเชยน้อยใจ ไม้กลับหาว่าทวงบุญคุณ อบเชยบ่น “ไม้ไม่รู้หรอกว่า ที่หายไปฉันต้องไปเจออะไรมาบ้าง ยัยแพรวาคนสวยของไม้น่ะ มันกับพ่อจับฉันไปขัง”

ไม้ไม่เชื่อหาว่าอบเชยใส่ความเพราะอิจฉา อบเชยโกรธว่าไม้โง่ ไม้ไล่เธอกลับไป อบเชยเสียใจบอกไม้ว่าตนก็มีหัวใจเหมือนกัน เดี๋ยวก็ไล่ ไม่มาก็ว่า ไม้รู้สึกเสียใจแต่นิ่งไม่ขอโทษ อบเชยสุดกลั้น ร้องไห้ทุบตีเขายกใหญ่ ไม้ปัดป้องเท่าไหร่เธอก็ไม่หยุด จึงรวบตัวเธอมากอดไว้

“หยุดได้แล้ว ฉันขอโทษ” ไม้กอดอบเชยรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

ทิวาขับรถมาเห็นอบเชยกับไม้ ก็โกรธจัด ขับรถพุ่งเข้าใส่ เมฆมองมาเห็นตกใจวิ่งแบบคนขาปกติ ผลักไม้กับอบเชยหลบ ทิวาเบรกรถก่อนที่จะชนเมฆ ไม้ตกใจปรี่เข้ากระชากคอเสื้อทิวาจะชก อบเชยมาห้ามเพราะเกรงจะเสียแผน ทิวายิ้มเยาะว่าแค่หยอกก็หน้าซีดทั้งพ่อลูก อบเชยให้ทิวากลับไป ทิวาแกล้งยิ้มบอกเธอว่าเจอกันที่งานเลี้ยง ไม้ไม่พอใจที่อบเชยเข้าข้างทิวา พอพาเมฆเข้าพักผ่อนแล้ว ไม้กับอบเชยก็มีปากเสียงกัน อบเชยไม่อาจพูดอะไรได้มาก จึงบอกเพียงว่าตนทำทุกอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เพื่อตัวเองแน่ ไม้ยังโกรธจึงไล่เธออีกครั้ง อบเชยเศร้ากลับไป

กลับมาเจอจันทร์ดักรอหน้าบ้านเพื่อถามความคืบหน้า อบเชยบอกจันทร์ว่า วันงานตนคงเข้าไปได้เพียงคนเดียว ให้จันทร์รออยู่ข้างนอก เมื่อตนได้ร่มมาแล้วจะส่งต่อให้

ooooooo

วันรุ่งขึ้น จันทร์รีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะไปคอยช่วยอบเชย ไม้มาบ่นเรื่องไกรสวมรอยจีบแพรวาทั้งที่เคยขอดูแลอบเชย จันทร์ตบหัวไม้ต่อว่าให้สืบเรื่องไม้ตะพดดันไปสนใจหญิง แล้วจันทร์ก็หลุดปากเรื่องแผนการของอบเชยออกมา ไม้ตกใจเป็นห่วงอบเชยอย่างมาก

ราตรีไม่พอใจเมื่อรู้ว่าทิวาชวนอบเชยมาร่วมงาน พันเทพก็เคืองสั่งให้ดูแลดีๆอย่าก่อเรื่อง ทิวากับราตรียืนรับแขกหน้างาน อบเชยเดินสวยพริ้งผิดตาเข้ามา ทำเอาทุกคนตะลึงเป็นแถว

“ไงล่ะ ที่เธอกับพ่อเธอจับฉันไปขังไว้ ฉันก็รอดมาจนได้ อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอลอยหน้าลอยตาโดยไม่คิดจะทำอะไรหรอกนะ” อบเชยเข้ามากระซิบกับราตรี

ราตรีเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ทิวาพาอบเชยไปหาที่นั่ง ไม้ยืนมองอยู่หน้าบ้านเห็นแต่คนแต่งตัวหรูหราจึงปลอมเป็นเด็กส่งน้ำแข็งเข้าไป พอเห็นราตรีก็คิดว่าเป็นแพรวาเข้าไปทัก ราตรีวีนใส่ แพรวาเดินมาบอกราตรีว่าพ่อเรียก ราตรีให้แพรวาไล่ไม้ออกไป ไม้เกือบลืมว่าแพรวามีคู่แฝด ไม้หลอกถามแพรวาว่าปกติพันเทพชอบหมกตัวอยู่ส่วนไหนของบ้าน เธอตอบว่าพ่อชอบอยู่ในห้องหนังสือ ไม้ยิ้มกริ่ม แพรวาขอตัวไปรับแขก

ทิวาควงอบเชยอย่างภูมิใจที่มีแต่คนมอง อบเชยเห็นพันเทพไม่ได้ถือร่มจึงคิดว่าต้องอยู่ในบ้าน จึงแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอพยายามหาห้องทำงานเพื่อเข้าไปค้นหาร่ม ได้กลิ่นหอมของไม้จันทน์ยิ่งมั่นใจว่าร่มอยู่ในห้องนี้ ค้นไปค้นมากลับเจอตำราหนังเสือ

“หนังเสือเหรอ เหมือนผ้าของลูกผู้ชายเลยนี่” อบเชยเปิดอ่าน พลันได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจึงเก็บใส่กระเป๋าแล้วซ่อนตัว

ไม้โผล่เข้ามา เดินค้นหาเห็นชายกระโปรงอบเชยข้างตู้ จึงถามว่าใครแล้วเข้ากระชากแขนขึ้นมา สองคนประจันหน้ากันด้วยความตกใจ ไม้ตะลึงเมื่อเห็นความงามของอบเชย

“ไม้ เธอมาทำอะไรที่นี่ มัวอ้ำอึ้งอยู่ได้ เราไม่มี เวลาแล้วนะ” อบเชยเรียกให้ไม้รู้ตัว

ไม้เงอะงะทำอะไรไม่ถูก อบเชยเตือนให้รีบหาร่ม ไม่ทันไร พันเทพเดินมาเห็นหมวกของไม้ตกอยู่ก็แปลกใจจึงเข้ามาดูในห้องทำงาน สองคนรีบเข้าไปหลบในตู้ หน้าสองคนแทบจะติดกัน ไม้มองอึ้งๆ อบเชยยิ้มเขินๆแต่มีความสุข พันเทพเดินสำรวจ ทิวาเข้ามาตามว่าหัวหน้าพรรคมาถึงแล้วให้ไปต้อนรับ พันเทพเปิดตู้หลังโต๊ะหยิบร่มออกไป ไม้กับอบเชยออกมาจากตู้

“เสียดายไม่น่ารีบไปเลย กำลังมีความสุขเชียว” อบเชยบ่น ไม้ถามอะไรนะ เธอส่ายหน้ารีบบอกว่าพัน–เทพเอาร่มไปแล้ว ไม้ปลอบว่าไม่เสียเปล่า เรายังได้ตำราหนังเสืออีกส่วนมา

อบเชยจะรีบออกไป ไม้เปรยๆว่าวันหลังแต่งตัวแบบนี้อีกนะ อบเชยเขินม้วนต้วน...สองคนย่องจะออกจากบ้าน พันเทพ ทิวาโผล่มาดัก

“สงสัยอยู่เชียวว่าเป็นใคร ทิวา พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ให้ดูแลดีๆ”

อบเชยรีบแก้ตัวว่าเดินหาห้องนํ้า ส่วนไม้บอกว่าตนมาส่งนํ้าแข็ง บังเอิญเจอกัน พันเทพไม่เชื่อสั่งสมุนค้นตัวทั้งสองคน พลันศรนารายณ์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับห้ามใครแตะต้องตัวลูก

“พ่อไม่ไว้ใจทิวาที่จะพาลูกมางานที่นี่ ก็เลยแอบตามมา” ศรนารายณ์บอกอบเชย

พันเทพหาว่ายกพวกมาจะพังงานของตน สั่งสมุนจับทั้งสามคนไว้ ศรนารายณ์โต้

“ครั้งนี้ขอให้เป็นนัดล้างตาของฉันที่แพ้คราวก่อนเถอะ ฉันแพ้ฉันก็ทำตามสัญญา คราวนี้ฉันขอแก้มือ อย่าไปยุ่งกับเด็กมันเลย”

พันเทพอ้างว่าต้องรับแขก ฉะนั้นให้ศรนารายณ์เอาชนะสมุนของตนก่อน แล้วตนจะกลับมา สั่งทิวาดูแลแทน อบเชยเจ็บใจที่คิดตัดกำลังพ่อตน จึงโดดเข้าช่วยพ่อ ทิวาหันมาท้าไม้บ้าง แถมเยาะว่าเพิ่งกระทืบพ่อไป ไม่รู้ว่าจากขาเป๋จะกลายเป็นง่อยเลยหรือเปล่า อบเชยแย้งว่าไม้ยังไม่หายดี แต่ไม้ยืนกรานรับคำท้า ทิวาซัดไม้ก่อนหลายหมัด อบเชยเตือนไม้ให้ใช้ท่าที่เพิ่งเรียนมา ไม้นึกได้ตั้งสมาธิ ทำให้เขารับหมัดทิวาได้ทุกหมัดและซัดกลับจนทิวาจุก

“ไอ้ไม้ แกไปเรียนมวยมาจากไหน”

“ก็เรียนมาจากแกที่สอนให้ฉันเจ็บยังไงล่ะ” ไม้ลุยเข้าชกทิวาอีกหลายหมัด

อบเชยกับพ่อก็ล้มสมุนได้หมด ทั้งสามกำลังจะออกจากบ้าน ไม้ยังห่วงร่ม ศรนารายณ์ได้ยินดีใจคิดว่าลูกมาเอาร่มให้ตน ไม่ทันจะออกไป พันเทพกลับมาพร้อมสมุนอีกชุด

“จะรีบไปไหนล่ะ แกยังไม่ได้แก้มือกับฉันเลยนะ ศรนารายณ์”

ศรนารายณ์ถอนใจตั้งท่ารับ อบเชยเตือนให้ระวังร่ม พันเทพพลาดโดนศรนารายณ์ต่อยปากแตก เขาถ่มเลือดลงพื้นแล้วเอาปลายร่มจิ้ม มันดูดเลือดหายไป ศรนารายณ์หาว่าโชว์มายากล เสียงเวตาลแว่วมา ทุกคนสะดุ้ง พันเทพควงร่มรับหมัดศรนารายณ์แล้วกระแทกเขากระเด็นเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ประตูปิดล็อกในทันที อบเชยวิ่งไปเขย่าประตูร้องเรียกพ่อ

ศรนารายณ์นอนจุกอยู่บนพื้น รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรผ่านไปมาแวบๆเสียงร้องคล้ายค้างคาว เขาเริ่มขนลุก หันดูรอบตัวอย่างหวาดๆ...

อบเชยโมโหที่พันเทพไม่ยอมปล่อยพ่อตนออกมา จึงลุยเข้าใส่ พันเทพซัดเธอด้วยร่มกระเด็นออกมา ไม้เข้าประคอง ต่อว่าพันเทพให้วางร่มแล้วมาสู้กันตัวต่อตัว

“ฉันไม่สู้กับเธอหรอก” พันเทพบอก ทิวาขอสู้แทน แต่พันเทพห้าม
ไม้ไม่สนใจโถมเข้าชกต่อยพันเทพ เขาเอาแต่หลบไม่ตอบโต้ กระทั่งลูกผู้ชายโผล่มา
“หยุดเถอะ...พันเทพน่ะ ต้องสู้กับฉัน”
ทุกคนหันมองอย่างตกใจ พันเทพรับคำท้า อยากรู้ว่าไม้ตะพดจะทำอะไรตนได้...แล้วพันเทพก็ใช้ร่มสู้กับไม้ตะพดของลูกผู้ชาย ทุกครั้งที่ไม้กระทบกัน จะเกิดแสงวาบสะท้อนเข้าตาทุกคน แสงนั่นแวบเข้ามาในห้องที่ขังศรนารายณ์ มีเสียงหล่นตุ๊บที่หลืบห้อง ศรนารายณ์ตกใจย่องเข้าไปดู แทบช็อกเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิต มีปีกคล้ายค้างคาว ตัวสีเทา ผอมแห้งจนหนังติดกระดูก ขดตัวอยู่ พอ มันสยายปีกกว้างร้องเลือดๆ เขาผงะหงายหัวฟาดโต๊ะสลบไป
อบเชยสังเกตเห็นลูกผู้ชายต่อสู้เหมือนบาดเจ็บที่ขา พันเทพได้ทีจะเอาร่มแทง ไม้ร้องเตือนให้ลูกผู้ชายระวัง แต่ไม่ทัน ร่มเสียบเข้าข้างหลังลูกผู้ชาย มันดูดเลือดจากตัวเขาฮวบๆ ไม่มีเลือดหยดออกมาสักหยด พันเทพหัวเราะร่าดึงร่มออก
“แกเข้าข้างคนผิดแล้วลูกผู้ชาย ไอ้พวกนี้บุกรุกบ้านฉัน ฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้น แกน่ะช่วยคนไม่ลืมหูลืมตาว่าใครผิดใครถูก อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร ถ้าแกไม่อยากให้ฉันประกาศให้คนทั้งโลกรู้ละก็ ส่งไม้ตะพดวิญญาณมาให้ฉันซะดีๆ”
ลูกผู้ชายไม่ยอม พันเทพจะแทงซ้ำ ไม้โดดเข้าขวาง จ้องหน้าพันเทพให้ทำตนแทน อบเชยร้องลั่นอย่าทำอย่างนั้น ทิวาจะเข้าทำร้ายลูกผู้ชายเอง แต่โดนฤทธิ์ไม้ตะพดที่ตวัดร่างทิวากระเด็น เขาทึ่ง “ไม้นั่น วิเศษมาก พ่อ...อย่าไปสนใจ ไอ้ไม้ เอาไม้ตะพดมาให้ได้”
พันเทพจ้องตาไม้ รู้ว่าเอาจริง ใจหนึ่งอยากได้ไม้ตะพด อีกใจไม่อยากให้ไม้เจ็บ จึงตัดใจ

“ฉันจะปล่อยพวกแกไปก่อน ไม่อยากขึ้นชื่อว่า รังแกเด็ก จำเอาไว้ไอ้ลูกผู้ชาย ถ้าคราวหน้าฉันเจอแก ไม้ตะพดวิญญาณจะต้องตกมาเป็นของฉันแน่”

พันเทพสั่งสมุนไขห้องเอาศรนารายณ์ออกมา ทิวาโวยวายโอกาสมาถึงแล้วจะปล่อยไปทำไม พันเทพ เอ็ดให้อยู่เฉยๆ อบเชยปลุกศรนารายณ์ให้รู้สึกตัว เขาสะดุ้งท่าทางหวาดกลัวพร่ำพูดแต่เวตาล แพรวาเดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น อบเชยหมั่นไส้ ทำเป็นคนดีไม่รู้เรื่องอะไร ไม้ปรามให้หยุด แต่อบเชยยังโวยจะแก้แค้นที่จับตนขัง ไม้ดึงมือไว้ ไม่ทันไร ราตรีโผล่มาอีกคน มองอบเชยอย่างเหยียดๆ และไล่ทุกคนให้ออกไป อบเชยตาเหลือกเมื่อเห็นว่าแพรวามีคู่แฝด

“นี่แหละที่ฉันจะบอกเธอ” ไม้บอกอบเชย อบเชยรู้สึกผิดรีบชวนไม้กลับไวๆ

ไม้มองหาลูกผู้ชาย  เขาหายไปแล้วจึงช่วยอบเชยประคองศรนารายณ์ออกไป

ศรนารายณ์ยังพร่ำพูดถึงเวตาล ท่าทางเขาเจ็บหลัง ไม้ยิ่งคิดว่าเขาคือลูกผู้ชาย อบเชยชมไม้ว่าเรียนรู้จากไกรได้ไว เล่นงานทิวาเสียหมอบ แล้วอบเชยก็รู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับแพรวาไว้มาก ไม้ซ้ำเติม ตนบอกแล้วว่าแพรวาเป็นคนดี อบเชยรีบแย้งว่าคนดีเกินไปน่าเบื่อ ต้องบ้าๆบอๆอย่างตน ชีวิตจะมีอะไรหวือหวามากกว่า ไม้ตัดบทคุยเรื่องตำราหนังเสือ

วันรุ่งขึ้น ไม้กับอบเชยมาหาจันทร์ ช่วยกันเอาหนังเสือทั้งสองส่วนต่อกันแล้วอ่านข้อความในนั้นจนจบ ได้ความหมายว่า ถ้าเอาไม้ตะพดทั้งสองอันมารวมกัน จะเป็นไม้ที่มีพลังมหาศาล แต่ยังข้องใจว่าพลังที่เกิดจะดีหรือร้าย หรือมีผลกระทบต่ออะไรบ้าง...

พันเทพเข้ามาในห้องทำงาน ตกใจเมื่อเห็นห้องถูกรื้อค้นกระจาย พลันมีเสียงกรุบกรับพร้อมเงาตะคุ่มๆ พันเทพร้องถามว่าใคร เข้ามาในนี้ได้อย่างไร เวตาลกางปีกออก โน้มตัวให้

“จำข้าไม่ได้เหรอ เจ้าพ่อของเจ้า ปู่ของเจ้า ทวดของเจ้า ให้อาหารข้ามาตลอด...ข้าคือเวตาล เจ้าเป็นคนช่วยข้าออกจากการถูกคุมขังมาเองยังไงล่ะ จำไม่ได้แล้วรึ”

“ฉันน่ะเหรอ แต่แกไม่เคยมีตัวตน”

“คำสาปของไอ้แก่ฤาษีที่มันดูดข้าเข้าไว้ในไม้ครึ่งที่หักออกจากกัน มันไม่อาจควบคุมพลังมหาศาลของไม้ตะพดทั้งสองอันที่กลับมาเจอกันอีกได้”

“หมายความว่าตอนที่ฉันสู้กับลูกผู้ชายเมื่อวาน ตอนที่ไม้ตะพดสองอันมาเจอกัน แสงวาบนั่น ปล่อยแกกลับมางั้นเหรอ”

“เจ้าฉลาดสมกับเป็นคนที่ได้ครอบครองไม้ตะพด เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นเพื่อนของข้า”

“เพื่อน...ฉันเป็นว่าที่ ส.จ.มีแต่คนนับหน้าถือตา จะเป็นเพื่อนตัวประหลาดอย่างแกได้ไง”

“หยุดพูดจาดูหมิ่นข้า เจ้าคิดว่าไม้ตะพดที่เจ้ามีจะมีฤทธาโดยปราศจากพลังของข้างั้นรึ เพราะเลือดที่เจ้าเฉือนเนื้อตัวเองให้ข้าดื่มกินทุกวันไม่ใช่รึ ที่ทำให้ไม้ตะพดในมือเจ้ามีอำนาจ”

พันเทพเถียงไม่ออก เวตาลให้เขาภักดีต่อตน แล้วตนจะให้พลังและอำนาจแก่เขา แต่ตอนนี้ให้หาอาหารพวกเลือดและซากสัตว์มาให้ก่อน พันเทพรับปากอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

สามคนยังคุยกัน ไม้สงสัยว่าพันเทพรู้เรื่องไม้ตะพดดี ทำไมมีโอกาสไม่แย่งมา อบเชยเห็นด้วย “ใช่ แค่ไม้ไปขวางไว้ ซึ่งก็น่าแปลกที่ไอ้พันเทพกลับ

ไม่ทำอะไรไม้ ทั้งที่มันก็ทำได้ คราวก่อนก็ทีละ ที่ไอ้ทิวาพาไม้ไปทำร้ายที่บ้าน ไอ้พันเทพกลับเป็นคนพาไม้ส่งโรงพยาบาล”

จันทร์โวย “ทีละประเด็นได้มั้ย ค่อยๆเคลียร์ทีละเรื่อง เอาประเด็นเรื่องไม้ตะพดก่อน ตอนนี้มันอยู่ที่ว่า ไอ้พันเทพน่ะต้องการไม้ตะพดสองอันหรือแค่อันเดียว”

“ถ้าสองอันเราคงไม่ต้องกังวล แต่ถ้าอันเดียวละก็...” ไม้สังหรณ์ใจ

“แปลว่ามันมีอยู่แล้วอันนึง ฮึ่ม...เสียดายที่ขโมยร่มมาไม่ได้  อยากรู้นักข้างในนั่นเป็นไม้ตะพดจริงๆรึเปล่า” อบเชยสันนิษฐาน

ทั้งสามสรุปว่า ต้องพิสูจน์  ชาญเข้ามาถามคุยอะไรกัน ไม้ย้อนถามว่าพ่อตนอยู่ไหน  ชาญว่าไม่รู้หรือว่าเมฆป่วยไม่มาทำงาน ไม้แปลกใจเพราะเมื่อเช้าพ่อยังบอกว่าหายแล้ว...

ooooooo

เมฆมาโรงพยาบาลเพื่อทำแผล  อ้างว่าโดนแทง แต่พยาบาลเห็นแผลแล้วตกใจว่าแทงด้วยอะไร  ไม่มีเลือดสักหยด  แถมแผลเหมือนเนื้อที่ตายแล้ว  ระหว่างนั้น ศรนารายณ์เดินโอดโอยเข้ามานอนเตียงข้างๆ บ่นกับพยาบาลว่าปวดหลังมากๆ  เผอิญพยาบาลเตือนเมฆให้นอนรอสักครู่คุณหมอจะมาตรวจ  ศรนารายณ์ได้ยินเลื่อนม่านกั้นออก เห็นเมฆนอนคว่ำหน้าอยู่ จึงทัก

“ไปโดนอะไรมา  แผลหน้าตาประหลาดมาก  แล้วไปทำอีท่าไหน” ศรนารายณ์ไม่เชื่อที่เมฆบอกว่า ล้มกระแทก เพราะดูเหมือนโดนอะไรกัดมามากกว่า

ไม้กับอบเชยช่วยกันตามหาเมฆ  ที่บ้านไม่มี จึงมาที่บ้านอบเชย ศรนารายณ์เดินโขยกเขยกกลับมา ทั้งสองจึงรู้ว่าเมฆอยู่ที่โรงพยาบาล  ไม้รีบมาพบหมอถามอาการเมฆ หมอบอก

“ผมไม่แน่ใจว่าพ่อคุณไปล้มทับอะไรมา  แต่แผลที่เห็นมีลักษณะประหลาด  ราวกับว่าเนื้อบริเวณนั้นตายไปหมด หมอจึงจำเป็นต้องกักพ่อคุณไว้ก่อน  เพื่อตรวจเช็กอวัยวะภายในอีกที”

อบเชยช่วยดูแลเมฆ  เธอยิ่งสงสัยว่าเมฆคือลูกผู้ชาย แต่ไม้ไม่เชื่อ  มั่นใจว่าเป็นศรนารายณ์  อบเชยจึงบอกว่าตนจะพิสูจน์ให้ดู...เย็นวันนั้น  อบเชยเข็นเมฆมานั่งเล่นริมสระบัว

“บรรยากาศตรงนี้ดีจังเลยนะคะลุงเมฆ”

อบเชยชวนไม้พายเรือไปเก็บดอกบัว ไม้ลังเลเพราะ ว่ายน้ำไม่เป็น เมฆพยักพเยิดให้ไป อบเชยดีใจโผกอดไม้อย่างลืมตัว  ไม้รู้สึกวาบหวิว  อบเชยเองก็รู้สึกแปลกๆเลยรีบปล่อย

“โทษที ดีใจไปหน่อย แหะๆ...”

ไม้พายเรือมากลางน้ำ อบเชยเอื้อมเด็ดดอกบัวแล้วแกล้งโยกเรือจนล่ม ไม้ร้องลั่นเพราะว่ายน้ำไม่เป็น เมฆเห็นตกใจที่ลูกกำลังจมน้ำ  จึงวิ่งมาโดดน้ำว่ายไปช่วย อบเชยซึ่งแอบอยู่ออกจากที่ซ่อนมาช่วยพยุงไม้ไว้ เมฆว่ายเร็วปานนักกีฬาเข้ามาอุ้มไม้ขึ้นบนเรือแล้วพายกลับเข้าฝั่ง อบเชยเห็นไม้หมดสติจึงรีบผายปอดจนเขารู้สึกตัวขึ้นมา

อบเชยเอายามายื่น “เอานี่  กินยาซะ  เดี๋ยวจะเป็นไข้ โกรธฉันน่ะได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเอง”

“เธอทำฉันเกือบตาย” ไม้ยังเคือง

“แต่ฉันก็ช่วยเธอไว้ มันไม่คุ้มรึไง ที่ได้รู้ว่าลูกผู้ชายเป็นใคร”

ไม้นิ่งคิด ลำดับความ เห็นพ่อว่ายน้ำมาช่วยตัวเอง อบเชยบอกว่า ตอนนี้เมฆกำลังถูกหมอตรวจซ้ำ อบเชยยินดีด้วยที่ไม้ไม่ใช่ลูกคนพิการอีกแล้ว ไม้ไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อต้องปิดบัง อบเชยเตือนว่า ทุกคนต้องมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น อบเชยขอตัวกลับบ้าน ไม้นั่งครุ่นคิด...อบเชยเดินออกมา แตะปากอมยิ้มที่ตัวเองได้ผายปอดให้ไม้

ไม้กลับมาบ้าน ค้นหาไม้ตะพดว่าพ่อซ่อนไว้ที่ไหน แต่กลับพบรูปภาพวัยเด็กของพ่อกับปู่ และในคืนนั้น เมฆฝันถึงพ่อที่พยายามฝึกฝนวิชาต่อสู้ให้กับตน และสอนท่าไม้ตายทั้งสามท่า สำหรับใช้กับไม้ตะพดวิญญาณ เมฆฝึกจนคล่องแคล่ว พ่อของเขาสอนเสมอ

“สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าการฝึกก็คือ อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด เพราะยิ่งมีคนรู้มากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งปองร้ายเรามากเท่านั้น สิ่งนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับของครอบครัวเรา”

และแล้ว พันเทพก็ยกพวกมารื้อค้นที่บ้านและทำร้ายพ่อของเมฆจนตาย ก่อนตาย พ่อได้กระซิบบอกเมฆว่า ไม้ตะพดซ่อนอยู่ที่ไหน...เมฆเพ้อเรียกพ่อลั่น ไม้เข้ามาปลุกให้ตื่น เมฆแก้ตัวว่าแค่ฝันถึงปู่ ไม้ถามเมฆมีอะไรปิดบังเขาหรือเปล่า เมฆพูดเป็นนัยๆว่ายังไม่ถึงเวลา

วันต่อมา พันเทพมาดูเมฆเห็นบาดแผลตำแหน่งเดียวกับลูกผู้ชายยิ่งมั่นใจ จึงให้สมุนค้นห้องหาไม้ตะพด เมฆต่อสู้และขู่ว่าไม่กลัวคนมาเห็นว่าที่ ส.จ.ทำตัวเลวหรือพันเทพชะงักกลับไป แต่ยังไม่ยอมแพ้ บุกมาค้นที่บ้านเจอกับไม้ ทั้งสองต่อสู้กันอีก ไม้เก่งขึ้นแต่ยังเอาชนะไม่ได้ พันเทพไม่ทำรุนแรงกับไม้ พอสมุนบอกว่าค้นไม่เจอก็พากันกลับ ไม้แปลกใจกับคำพูดของพันเทพ

“อย่าบังคับให้ฉันต้องทำร้ายเธอ ก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย” ...ไม้นั่งครุ่นคิดว่าอะไร

พันเทพรู้สึกเพลียบาดเจ็บที่เท้ากลับมา เห็นเวตาลคุ้ยเขี่ยนั่นนี่มาดมยิ่งหงุดหงิด พูดจาดูถูกเวตาลมีประโยชน์จริงหรือเปล่า เวตาลว่าตนกำลังอยู่ในช่วงรวบรวมพลัง พันเทพไม่อยากเชื่อ เวตาลว่ามีหลายอย่างเกี่ยวกับตะพดที่เขายังไม่รู้ พันเทพให้ว่ามา

“หากศัตรูของเจ้าครอบครองไม้ตะพดวิญญาณอยู่จริง เจ้าคงไม่คิดว่า แค่ฆ่ามันแล้วจะได้มาซึ่งอำนาจของไม้ทั้งสองหรอกนะ เจ้าก็รู้ว่าไม้ตะพดทั้งสองเคยเป็นไม้อันเดียวกันมาก่อน อำนาจของมันต่างก็ต้านทานซึ่งกันและกัน จึงไม่สามารถใช้มันฆ่าอีกฝ่ายได้”

พันเทพเข่นเขี้ยวว่า ตนต้องได้ทั้งสองอันมา เวตาลจึงบอกว่านั่นแหละที่เขาต้องพึ่งตน...

ooooooo

No comments:

Post a Comment