Friday, September 23, 2011

เรื่อง รอยใหม ตอน10 ละครช่อง3


ตอนที่ 10

มณีรินพาคำเที่ยงกับบริวารมาเก็บดอกพิกุลในสวนเพื่อร้อยมาลัยถวายพระชายา อีเม้ยนำบริวารกลับมาจากตลาดเห็นเข้า ก็แกล้งเดินผ่ากลางวง คำเที่ยงไม่พอใจจะตามไปเอาเรื่อง แต่มณีรินห้ามไว้เพราะไม่คิดถือสา
ฝ่ายอีเม้ยเมื่อเดินพ้นไปแล้วก็สั่งให้บริวารนำของสดที่ซื้อมาไปเก็บก่อน ส่วนตัวเองวกกลับมาแอบดูความเป็นไปของมณีริน
“มึงเจอดีแน่...บ่เมินเกินรอหรอก” อีเม้ยถอยกลับออกมา พลันสะดุ้งเพราะเจ้าศิริวงศ์ยืนมองอยู่ มันออกตัวว่า จะเก็บดอกพิกุลไปให้บัวเงินถวายพระ แต่ไม่กล้าขอมณีรินเพราะเธอคงหวง แล้วขยับจะเดินหนี แต่เจ้าศิริวงศ์เรียกไว้พลางเอ่ยถามว่าบัวเงินเป็นอย่างไรบ้าง
“เปิ้นสบายดี ตามประสาเปิ้น เปิ้นทำใจ๋มาเมินแล้ว ว่าเปิ้นเป็นแค่เมียหม่อม คงจะมีความสุขบ่ได้มากไปกว่านี้ดอกเจ้า” อีเม้ยแนบเนียนไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรแล้วรีบจากไป เจ้าศิริวงศ์มองตามไม่วางใจนัก
สายวันเดียวกัน มณีรินนำมาลัยดอกพิกุลขึ้นถวายพระชายา และทูลว่าจะนำไปให้บัวเงินที่เรือนด้วย พระชายาชื่นชมน้ำใจของมณีริน เจ้าศิริวัฒนาที่นั่งอยู่ด้วยเห็นมาลัยยังเหลืออีกพวงจึงออกปาก
“ถ้ายังงั้น ก็ยังเหลืออีกพวงนึง...อ้ายขอได้ก่อ” เจ้าศิริวัฒนาส่งสายตาเว้าวอน
“จะไดจะบ่ ได้เจ้า เจ้ารินเปิ้นตั้งใจร้อยมาลัยพวงนี้มา ถวายเจ้าอยู่แล้วเจ้า” คำเที่ยงตอบแทน
เจ้าศิริวัฒนายิ้มเอื้อมมือมารับพวงมาลัยจากมณีริน “อ้ายจะเอาวางไว้ข้างหมอนคืนนี้ กลิ่นหอมๆ ของดอกพิกุลพวงน้อยนี่คงจะทำให้อ้ายนอนหลับฝันดี”
คำเที่ยงยิ้มหวานรู้สึกวาบหวามแต่มณีรินกลับอึดอัดใจเป็นที่สุด
“แม่บ่ได้ไปเยี่ยมบัวเงินสองสามวันแล้ว อาการแพ้เป็นจะไดพ่องก็บ่ฮู้” พระชายานึกขึ้นได้
เจ้าศิริวัฒนาทำท่าหนักใจทูลพระชายาว่า บัวเงินไม่มีอาการแพ้เท่าไหร่นัก แต่ที่น่าห่วงคือ เธอร้องจะกินแต่ของสดๆ คาวๆ ทั้งที่หมอบอกว่าไม่ดีต่อลูกในท้อง
“แล้วจะไดบ่เชื่อบ่ฟังหมอเปิ้น” พระชายาตำหนิ
“นังเม้ยน่ะแหละตัวดี แม่เจ้า นายมันอยากกินอะหยัง ก็บ่ทัดบ่ทาน สรรหามาให้กินจนได้”
“มันฮักนายของมันอย่างใดกันน้อ” พระชายาไม่ชอบใจนัก
ooooooo
เจ้าศิริวงศ์มาคุยอยู่กับสล่าพันเรื่องบัวเงินเพราะกลัวเธอจะไม่ยอมหยุดแค่นี้ สล่าพันมองโลกในแง่ดีปรามว่าบางทีเจ้าน้อยอาจคิดมากไป
“อ้ายพันอย่าลืมเน้อ ก่อนหน้านี้ เปิ้นยะอะหยังไว้ เปิ้นสมหวังมีลูกกับเจ้าอ้ายแล้วก็จริง แต่พ่อเจ้าก็เปลี่ยนกฎมณเฑียรบาล ยังไงเปิ้นก็บ่มีวันได้ขึ้นเป็นพระชายาเจ้าอ้าย ถ้าคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง วิธีใดล่ะอ้ายที่จะทำให้เปิ้นสมหวังได้”
“ในเมื่อมีคนขวางทาง เฮาก็ต้องกำจัดคนที่ขวางทางนั้นให้พ้นไปเสีย เจ้าคิดว่าเปิ้นจะกล้าขนาดนั้นก๊ะ” สล่าพันไม่อยากเชื่อ
“คนเฮา...ทำได้ทุกอย่างละอ้าย เวลาเข้าตาจน ผิดถูกดีชั่วจะได ก็ช่างหัวมัน อู้ตามตรง...เฮาเป็นห่วงเจ้านางน้อยเปิ้น”
“แล้วเฮาควรจะยะอย่างใดดีเจ้า บอกให้ผู้ใดฮู้ก็บ่ได้”
“ทางที่ดีที่สุด ก็คงต้องคอยระวังอย่าให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเปิ้นน่ะแหละอ้าย” เจ้าศิริวงศ์หนักใจ
ooooooo
มณีรินนำมาลัยดอกพิกุลกับขนมมาเยี่ยมบัวเงินที่เรือน บัวเงินสวมบทพี่สาวคนดีออกมาต้อนรับแล้วเรียกให้อีเม้ยเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวกับมณีรินไว้ อีเม้ยรับมุกลงทุนก้มกราบมณีริน คำเที่ยงที่ตามมาด้วย นั่งคิ้วขมวดเป็นเลขแปดไม่เข้าใจว่า สองนายบ่าวจะมาไม้ไหนกันอีก
แต่เมื่อทั้งสองลากลับไปแล้ว บัวเงินก็กลับมาโหดเหี้ยมดังเดิม นางสั่งให้อีเม้ยนำขนมที่มณีรินนำมาเยี่ยมไปทิ้ง เพราะกลัวว่าจะทำของใส่มาให้กิน แล้วหันไปหยิบมาลัยดอกพิกุลมากระทืบด้วยความแค้นใจ อีเม้ยสะใจเป็นที่สุด แล้วกลางดึกคืนนั้นมันก็แอบไปที่เรือนมณีริน เพื่อนำงูเห่าใส่ลงในกระชุที่มณีรินใช้เก็บดอกไม้อยู่เป็นประจำเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจให้ผู้เป็นนาย
เช้าวันใหม่ เจ้าศิริวัฒนาให้คนไปเรียกสล่าพันมาพบและตามเจ้าศิริวงศ์มาหารือเรื่องกิจการค้าไม้ เพราะคิดจะใช้เครื่องจักรมาชักลากไม้แทนช้าง แต่เจ้าศิริวงศ์ไม่เห็นด้วย แล้วสล่าพันก็คลานเข้ามา เจ้าศิริวัฒนาหยุดพักเรื่องงานหันมาคุยกับสล่าพันเรื่องงานแต่งงานของตนกับมณีรินเพราะอยากให้สล่าพันช่วยแต่งลำนำบทใหม่ให้
สล่าพันแนะนำให้เจ้าศิริวงศ์ทำหน้าที่แทน พร้อมการันตี “ฝีมือเจ้าน้อยเปิ้นดีวันดีคืน ยิ่งเอ่อ...เรื่องความฮักละก็ จับจิตจับใจนักขนาด ผมรับรอง”
“อ้ายพันก็พูดเกินไป” เจ้าศิริวงศ์จะปฏิเสธ แต่ไม่ทันเพราะเจ้าศิริวัฒนาเข้ามาขอร้องแกมบังคับ
“นึกซะว่าช่วยอ้าย อ้ายอยากให้ลำนำบทนี้เป็นของขวัญวันแต่งงานอีกอย่างนึงกับเจ้ารินเปิ้น ยังพอมีเวลา บ่ได้เร่งร้อนอะหยัง อย่าปฏิเสธอ้ายเลยเน้อ”
เจ้าศิริวงศ์นั่งอึ้งเหมือนถูกต้อนให้จนมุม
ขณะที่เจ้าศิริวงศ์กำลังคิดหนักเรื่องแต่งลำนำ มณีรินก็ชวนคำเที่ยงกับเหล่าบริวารไปเก็บดอกพิกุลในสวนเพราะอ่านหนังสือพบว่า ดอกพิกุลใช้เข้าเครื่องยาได้ด้วย จึงคิดจะนำมาผสมกับธูปที่จุดไหว้พระ
คำเที่ยงรีบคว้ากระชุจะตามมณีรินไป เธอนึกสงสัย ที่วันนี้กระชุหนักกว่าทุกวันจึงจะเปิดดู แต่บริวารนางหนึ่งร้องบอกว่า มณีรินออกไปแล้ว คำเที่ยงจึงเปลี่ยนใจหิ้วกระชุใบนั้นตามไปทันที
ระหว่างที่มณีริน คำเที่ยง และเหล่าบริวารเข้ามาในสวน อีเม้ยก็เข้าไปรายงานบัวเงินเรื่องงานวิวาห์ระหว่างเจ้าศิริวัฒนากับมณีรินว่า เจ้าหลวงตั้งใจจัดงานให้ทั้งคู่เป็นงานใหญ่ที่สุด หมดเปลืองเท่าไหร่ไม่ว่า แถมพระชายายังสั่งให้สล่าพัน ตีเครื่องทองชุดใหญ่และเลือกทับทิมเม็ดใหญ่เท่าไข่ห่านมาประดับเพื่อเป็นของขวัญให้มณีริน
“เม้ยบ่แปลกใจ๋เลย ว่าจะไดมันคืนแหวนทับทิมวงนี้มาให้หม่อมง่ายดายนัก ที่แท้แล้วมันฮู้ว่ามันกำลังจะได้ลาภก้อนใหญ่” อีเม้ยตบท้าย
“หุบปาก มึงจะพล่ามให้กูปวดหัวใจไปถึงไหนอีเม้ย” บัวเงินน้ำตาร่วง
“หม่อมกะเจ้า หม่อมบ่ต้องกลัวดอก คนมีบุญอย่างหม่อม ยังไงเทวดาอารักษ์ก็ปกปักฮักษา อีมารมณีรินน่ะ หม่อมเชื่อเม้ยเต๊อะ อายุมันบ่ยืนจนถึงวันแต่งงานดอก” อีเม้ยปลอบใจแล้วรีบคลานออกไปดูผลงานในสวน

เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าศิริวงศ์ลงมาเดินทำใจในสวน สล่าพันตามมาคุยด้วยเพราะอยากรู้ว่าหญิงที่อยู่ในใจเจ้าน้อยคือใคร เจ้าศิริวงศ์ละอายใจรีบปฏิเสธ

“เจ้าจะขี้จุ๊ไปทำไม ก็เสียงพิณที่เจ้าเล่นแต่ละครั้งมันฟ้องอยู่ อ้ายเห็นแม่หญิงของเจ้าจากเสียงพิณ แม่หญิงคนนั้นงดงาม อ่อนหวาน เหมือนดอกไม้ เหมือน...เหมือนใครดีน้อ...นึกออกแล้ว...งดงามเพียบพร้อมเหมือนเจ้านางมณีรินเปิ้น”สล่าพันแกล้งล้อ

“เหลวไหลใหญ่แล้ว อ้ายพัน”เจ้าศิริวงศ์ใจเต้นแรงรีบเดินหนี

สล่าพันมองตามยิ้มๆยังไม่เฉลียวใจอะไร แล้วเดินแยกไปอีกทางก็พบมณีริน คำเที่ยง และเหล่าบริวารช่วยกันเก็บดอกพิกุลอยู่ สล่าพันเข้าไปทำความเคารพมณีรินแล้วพูดคุยกับคำเที่ยงจนหลุดปากบอกเรื่องตนได้รับมอบหมายจากพระชายาให้ตีเครื่องทองชุดใหญ่เป็นของขวัญให้มณีรินในวันแต่งงานออกไป

“จะได บ่รอให้เอื้อยบัวเงินคลอดลูกก่อน เผื่อลูกเปิ้น ออกมาเป็นชาย” มณีรินได้ยินก็รีบค้าน

“จะเป็นชายหรือหญิงก็บ่สำคัญดอกครับเจ้านางน้อย เจ้าหลวงเปิ้นให้ยกเว้นกฎมณเฑียรบาลแล้ว อย่างใดเสียเจ้านางน้อยก็ต้องเป็นเจ้าเวียงเชียงใหม่คนต่อไปครับ” สล่าพันยืนยัน

มณีรินหน้าซีดฝันสลาย ผิดกับคำเที่ยงที่ยิ้มหน้าบานสมใจเป็นที่สุด

ooooooo

เจ้าศิริวงศ์เดินทอดอารมณ์มาในสวน เห็นคนสวนดายหญ้าอยู่มุมหนึ่งและมีธูปจุดปักเอาไว้จึงเอ่ยถาม

“ดายหญ้าต้องจุดธูปด้วยก๊ะ”

คนสวนยกมือไหว้เจ้าศิริวงศ์พลางอธิบายว่า เป็นการขอขมาลาโทษเพราะเมื่อวันก่อนเจองูเห่าตัวใหญ่คิดว่าคงเป็นงูเจ้าที่ก็เลยจับใส่กระสอบตั้งใจจะเอาไปปล่อยในป่า แต่อีเม้ยมาเห็นเข้า จึงเอ่ยปากขอ

“มันว่าหม่อมเปิ้นกำลังอยากกินอยู่พอดี มันจะเอาเนื้อไปผัดเผ็ด ดีงูก็จะดองเหล้าทำยาให้นายมันครับ ผมมานึกดูอีกที ผมบ่น่าให้มันไปเลย บาปกรรมแต๊ๆ ถ้าเปิ้นเป็นงูเจ้าที่เจ้าทางจริงๆ ผมว่าเปิ้นจะปิ๊กมาล้างแค้นผมน่ะครับ” คนสวนไม่สบายใจนัก

เจ้าศิริวงศ์อึ้งรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา

เวลาเดียวกันนั้น มณีรินก็หันมาปรับทุกข์กับคำเที่ยงถึงเรื่องบัวเงิน เพราะเห็นใจที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่คำเที่ยงยังยืนกรานว่ายังไงเจ้านางน้อยก็แต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนาและขึ้นเป็นพระชายาอยู่ดี

“จะไดเสีย เฮาก็บ่อยากแต่ง เฮาจะไปทูลเจ้าหลวงกับแม่เจ้าเปิ้นตามตรง ว่าเฮาบ่อยากแต่ง เฮาว่าเปิ้นมีเมตตาพอที่จะเข้าใจความฮู้สึกของเฮา เฮาจะกราบทูลเปิ้นวันนี้เลย”

“วันนี้ฟ้าหลัว ฤกษ์บ่ดีดอก”

“จะเร็วจะช้า เฮาก็ต้องพูดความจริงจากใจเฮา ฤกษ์ยามบ่สำคัญดอกพี่คำเที่ยง”มณีรินดึงกระชุไปจากมือคำเที่ยง คำเที่ยงขยับจะตามแต่มณีรินสั่งห้าม“อย่าตามเฮามาเน้อ เฮาอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”มณีรินเดินลิ่วๆออกไป

อีเม้ยที่แอบดูอยู่หลังพุ่มไม้ ตามไปห่างเพราะอยากเห็นช็อตเด็ดด้วยตาตัวเอง

มณีรินเดินมาได้สักพักก็หยุดชะงักเพราะเห็นเจ้าศิริวงศ์เดินมาจากอีกทาง เธอตรงเข้าต่อว่าทั้งน้ำตา

“โตก็ฮู้เรื่องที่เจ้าหลวงเปิ้นยกเว้นกฎมณเฑียรบาลใช่ก่อ แล้วจะไดโตบ่บอกเฮาซักคำ ปล่อยให้เฮามีความหวังจะได้ปิ๊กบ้านเกิดของเฮาอยู่ได้ โตเป็นเพื่อนเฮาจะได บ่ยอมบอก ความจริงกับเฮา เฮาชังโตนัก โตจะแกล้งให้เฮาทุกข์ใจไปถึงไหน”

“เจ้านางน้อยแล้วเจ้านางน้อยคิดว่า เฮาบ่ทุกข์ใจ๋ก๊ะ ที่ต้องทนเห็นน้ำตาเจ้านางน้อยจะอี้”

“คนที่สมควรจะได้แต่งงานกับเจ้าเปิ้น คือเอื้อยบัวเงิน บ่ใช่เฮา...เฮาไปหาเจ้าอ้ายของโต เฮาจะไปบอกความจริงเปิ้นทั้งหมด ว่าเฮาบ่ได้ฮักเปิ้น เฮาบ่ต้องการเข้าพิธีแต่งงานกับเปิ้น”

“เจ้านางน้อย...ฟังเฮาเน้อ...เฮาได้เกิดมาเป็นคนกะเปิ้นชาตินึง นับว่าเป็นบุญแล้ว โชคชะตาได้กำหนดทุกอย่างเอาไว้แล้ว ความภาคภูมิใจอะหยังก็คงบ่เท่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะข้าแผ่นดินให้สมบูรณ์พร้อม เชียงใหม่กับเชียงตุงจะสานสัมพันธ์เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันสืบไปก็เพราะความเสียสละของเจ้านางมณีรินเน้อ” เจ้าศิริวงศ์เตือนสติ

มณีรินยิ่งน้ำตาร่วงพรู เจ้าศิริวงศ์อยากจะสวมกอดปลอบใจ ใจแทบขาด แต่ก็ทำไม่ได้ จำต้องรักษาระยะห่างเอาไว้

อีเม้ยที่แอบดูอยู่ห่างๆอึดอัดใจเป็นที่สุดเพราะมณีรินไม่ถูกงูเห่ากัดสักที ขณะที่มันเฝ้าภาวนาอยู่นั้น สล่าพันก็ผ่านมาเห็นเข้าจึงร้องถามว่า มาทำอะไรแถวนี้

อีเม้ยสะดุ้งรีบโกหก “ข้าเจ้า...ข้าเจ้ามาหาดูผึ้ง เผื่อว่าจะมีรังใหญ่ๆน้ำหวานนักๆจะได้ให้คนมาตี”

“บ่มีดอก แถวนี้ แล้วจะได เอ็งบ่อยู่ดูแลนายเอ็ง ทุกทีเห็นนายเอ็งที่ใดก็เห็นเอ็งที่นั่น”สล่าพันซักต่อเพราะไม่ไว้ใจมันนัก

“หม่อมเปิ้นเอนหลังอยู่ ข้าเจ้าเลยออกมาเดินเล่น ป่านนี้คงจะตื่นแล้ว ข้าเจ้าไปละเน้อ”  อีเม้ยชิ่งออกมา เพราะเหลือบเห็นมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์เดินออกไปอีกทางแล้ว

เจ้าศิริวงศ์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มณีรินซับน้ำตา มณีรินเริ่มคิดได้รับปากว่าจะไม่ร้องไห้อีกแต่ไม่วายบ่นว่าคงหมดโอกาสได้กลับเชียงตุงบ้านเกิดแล้ว

“ทำไมโตคิดจะฮั้น แต่งงานกับเจ้าอ้ายของเฮาแล้ว ได้เป็นชายาเปิ้น โตจะปิ๊กไปเยี่ยมบ้านเกิดเมื่อใดก็ได้”

“แล้วโตยังอยากจะไปแอ่วเชียงตุงก่อ”

“ไปสิ...จะไดก็ต้องไปแอ่วสักครั้งนึงในชีวิตให้ได้” เจ้าศิริวงศ์ส่งยิ้มให้

มณีรินยิ้มเศร้าแล้วเปลี่ยนเรื่องชวนเจ้าศิริวงศ์ช่วยกันเก็บดอกพิกุลเพื่อนำไปทำธูป

ooooooo

เมื่อเก็บได้มากพอแล้วมณีรินก็เรียกหากระชุมาใส่ เจ้าศิริวงศ์เอื้อมไปหยิบกระชุมาส่งให้และรู้สึกแปลกๆเพราะมันหนักอึ้งๆ มณีรินยื่นมือมารอจะใส่ดอกไม้ เจ้าศิริวงศ์เปิดฝากระชุออก อีเม้ยที่แอบดูพึมพำแช่งให้มณีรินไปลงนรกเพราะงูเห่าที่อยู่ในกระชุกำลังแผ่พังพานแล้วพุ่งออกมา
เจ้าศิริวงศ์ผลักมณีรินออกไปพร้อมเหวี่ยงกระชุทิ้งออกไปจากตัว มณีรินล้มลงกับพื้น งูเห่าถูกเหวี่ยงอยู่กลางอากาศ แต่ไม่วายหันมาฉกเข้าที่แขนของเจ้าศิริวงศ์เต็มเขี้ยว มณีรินกรีดร้องสุดเสียง
อีเม้ยสะใจคิดว่ามณีรินโดนกัดเพราะเธอเห็นมณีรินล้มลงไป คำเที่ยงกับหมู่มวลได้ยินเสียงมณีรินก็วิ่งกรูกันมาจากอีกทาง พลางวิ่งหาไม้ไล่ตีงูกันจ้าละหวั่น
เจ้าศิริวงศ์ทนพิษไม่ไหวทรุดลงกับพื้น มณีรินรีบเข้ามาดู แล้วเรียกให้คำเที่ยงไปตามหมอ
“อะหยังนะเจ้าริน” คำเที่ยงยังงงไม่หาย
“เจ้าน้อยเปิ้น โดนงูขบ ช่วยกันโวยๆ” มณีรินตะโกนลั่น
อีเม้ยเงี่ยหูฟังและได้ยินชัดเจนถึงกับหัวเสีย “เป็นจะอี้ได้จะไดวะ”
“เจ้าน้อยโดนงูขบ อีพวกนี้ยังยืนเฉยกันอยู่อีก ใครก็ได้ไปตามหมอมาโวย” คำเที่ยงสติแตก เห็นบริวารคนหนึ่งวิ่งออกไป
เจ้าศิริวงศ์ปวดหนักขึ้นเรื่อยๆอาการไม่สู้ดีนัก คำเที่ยงปราดเข้ามาถามเรื่องราวเพราะสงสัยว่างูเข้าไปอยู่ในกระชุได้อย่างไร
“อย่าเพิ่งถามอะหยังตอนนี้เลยพี่คำเที่ยง เฮาต้องช่วยเจ้าน้อยเปิ้นให้ได้ก่อน” มณีรินน้ำตาร่วงร้องเรียกเจ้าน้อยเสียงสั่น “เจ้าน้อย โตจะตายบ่ได้เน้อโตจะตายบ่ได้ ได้ยินเฮาก่อ เฮาบ่ยอมให้โตตายดอก เฮายังมีอะไรๆที่ต้องบอกโตอีกมากมาย โตจะจากเฮาไปตอนนี้บ่ได้ หมอมารึยัง พี่คำเที่ยงหมอมารึยัง”
“ยังบ่เห็นหัวเลย จะไดมันช้านัก”
“เจ้านางน้อย...เจ้าอ้ายของเฮา เปิ้นเป็นคนดีนักขนาด เจ้านางน้อยจะฮักเปิ้นได้บ่ยากดอก เปิ้นจะเป็นที่พึ่งเจ้านางน้อยได้” เจ้าศิริวงศ์สั่งเสียเพราะคิดว่าตนคงไม่รอดแน่
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้ได้ไหม หมอมารึยัง พี่คำเที่ยง”
คำเที่ยงพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้า
มณีรินตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ก้มลงดูดพิษงูจากแผลรอยเขี้ยวทันที คำเที่ยงกับบริวารกรีดร้องตกใจ
“เจ้านางน้อย...ทำอย่างนี้ทำไม” เจ้าศิริวงศ์ร้องห้ามเมื่อเห็นมณีรินดูดพิษงูออกมาบ้วนทิ้งและจะทำซ้ำ
“เฮาบ่กลัวดอกความตาย เฮาเคยตายมาแล้วหนนึง แล้วคนที่ดึงเฮาปิ๊กมาก็คือโต วันนี้ยังไงเฮาก็ต้องดึงโตปิ๊กมาให้ได้เหมือนกัน โตจะตายบ่ได้ อย่างน้อยโตก็ต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ โตเคยบอกว่าจะไปแอ่วเชียงตุงบ้านเกิดเฮาไง เจ้าน้อยโตต้องไปเชียงตุงกับเฮาเน้อเจ้าน้อย” มณีรินทวงสัญญาแล้วก้มลงดูดพิษอีก
เจ้าศิริวงศ์แทบจะหายเจ็บในทันที
อีเม้ยเห็นทุกสิ่งทุกอย่างกับตา มันคิดว่ายังไงเจ้าศิริวงศ์ก็คงไม่รอด และถ้าโชคดีอีกชั้น มณีรินก็อาจจะมีอันเป็นไปด้วย มันรีบผละออกจากไป จึงไม่ทันเห็นสล่าพันวิ่งเข้ามาและช่วยรักษาเจ้าศิริวงศ์ด้วยสมุนไพรจนอาการดีขึ้นพ้นขีดอันตราย แต่มณีรินกลับอาการทรุดเพราะกลืนพิษงูเข้าไป สล่าพันใช้สมุนไพรตัวเดียวกันต้มให้มณีรินดื่มเพื่อขับพิษ
เป็นเวลาเดียวกันที่เจ้าหลวง พระชายา และเจ้าศิริวัฒนาทราบเรื่องจากมหาดเล็ก ทั้งหมดร้อนใจรีบลงมาดู แต่เจ้าศิริวัฒนามาถึงก่อนจึงเข้าประคองมณีรินที่กำลังจะหมดสติ
เจ้าศิริวงศ์มองมณีรินที่อยู่ในอ้อมกอดเจ้าศิริวัฒนาด้วยความเป็นห่วง มณีรินมองเจ้าศิริวงศ์ฝืนยิ้มให้ ก่อนจะหมดสติลงท่ามกลางเสียงเรียกของเหล่าบริวาร
ขณะที่บัวเงินก็เดินพล่านเพราะกลัวมณีรินจะไม่ตายสมใจ อีเม้ยรีบเข้ามารายงานว่า อาการมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์หนักพอกันทั้งคู่ แต่เจ้าหลวงโกรธมากสั่งจะตัดหัวคนสวนที่ปล่อยให้มีงูเห่าในคุ้ม
“อีเม้ย...ถ้าเปิ้นสืบสาวราวเรื่องเค้นคอมันขึ้นมา จะว่าจะไดกั๋น มึงกับกูบ่พลอยติดร่างแหไปตวยก๊ะ อย่างน้อยเปิ้นก่อต้องสงสัยว่าไอ้เห่าตั๋วนั้นมันเข้าไปอยู่ในกระชุได้อย่างใด กูควรทำยังใดดี” บัวเงินร้อนรน
“จะอั้น หม่อมก่อต้องทำเป๋นรีบไปผ่อเหตุการณ์เจ้า”
“กูควรจะทำเป๋นฮ้องไห้ตกใจ๋แต่พองามใจ่ก่ออีเม้ย”
“เจ้า หื้อแต่พองาม เม้ยแน่ใจ๋ว่าหม่อมของเม้ยทำได้เจ้า” อีเม้ยยิ้มให้กำลังใจ
บัวเงินรีบรุดออกไปหน้าบันได อีเม้ยจัดรองเท้ามาวางให้บัวเงินใส่ก่อนลงไป บัวเงินก้าวลงบันได แต่เหยียบเอาชายผ้าคล้องไหล่ที่ชายห้อยลงมาจึงเสียหลักกลิ้งตกบันได
“หม่อมกะเจ้า หม่อมของเม้ย” อีเม้ยตามมาประคอง
บัวเงินยันกายลุกขึ้นก็เห็นมีเลือดไหลออกมาก็กรี๊ดลั่น “อีเม้ย...ลูกกู...ลูกกู”
ooooooo
เจ้าหลวงกับพระชายาถึงกับนั่งไม่ติดเพราะเป็นห่วงมณีริน ทั้งสองตามมาเฝ้าอยู่หน้าห้องเพราะหมอหลวงกำลังตรวจอาการมณีรินอยู่ สักพักอีเม้ยก็พรวดพราดเข้ามาทูลเจ้าหลวงกับพระชายา ว่าบัวเงินตกบันไดเลือดออกมากสงสัยจะแท้งลูก และขอให้หมอไปรักษาบัวเงิน แต่เจ้าหลวงสั่งให้คอยก่อนเพราะหมอกำลังรักษามณีรินอยู่
“เจ้าหลวงบ่คิดว่า  ลูกในท้องของหม่อมเปิ้นเป็นหลานก๊ะ ถึงจะต้องให้คอย” อีเม้ยลืมตัว
“อีเม้ย อีไพร่ระยำ มึงอู้อะหยังออกมา มึงฮู้ตัวมึงก่อ” เจ้าหลวงโกรธชี้หน้าอีเม้ยจะเอาเรื่อง
อีเม้ยจำใจก้มหน้าลงทั้งที่ตายังแข็งกร้าว กัดฟันแน่นเจ็บแค้นแทนนาย
หมอตรวจอาการมณีรินเสร็จก็หันมาทูลเจ้าศิริวัฒนาว่า เจ้านางน้อยปลอยภัยแล้วให้พักผ่อนมากๆอีกไม่นานก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เจ้าศิริวัฒนาเบาใจ สั่งให้หมอไปดูอาการเจ้าศิริวงศ์ด้วย หมอรับคำขยับจะคลานออกไป แต่ คำเที่ยงคลานสวนเข้ามารายงานว่า อีเม้ยมาตามให้หมอไปดูหม่อมบัวเงิน
มณีรินได้ยินชื่อบัวเงินก็ลืมตาขึ้น
“มันบ่ฮู้ก๊ะว่ามีคนเจ็บที่หมอเปิ้นต้องดูแล นายมันจะเป็นอะหยังนักหนา นอกจากแพ้ท้อง อ้วกแตก อ้วกแตน” เจ้าศิริวัฒนาไม่พอใจ

No comments:

Post a Comment