ตอนที่ 1
คุณหญิงมณีเพิ่งให้กำเนิดลูกน้อยได้ไม่นานก็ล่วงรู้ว่านายพลเทพผู้เป็นสามีแอบมีเมียน้อยอยู่แถบชานเมือง ที่สำคัญหล่อนกำลังท้องแก่ใกล้คลอดแล้วด้วย นี่เองทำให้คุณหญิงมณีโกรธมากแต่ไม่กระโตกกระตาก แอบจ้างวานสร้อยสาวใช้คนสนิทไปจัดการให้สิ้นซาก อย่าให้นังอุ่นกับลูกของมันมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
อุ่นอาศัยอยู่กับอิ่มพี่สาว ในคืนนั้นเองขณะอยู่กันตามลำพัง อุ่นเริ่มมีอาการปวดท้องและคลอดก่อนกำหนดด้วยตัวเองที่บ้าน ทารกน้อยออกมามีปานแดงขนาดใหญ่ที่ต้นขาขวาแต่ไม่ร้องสักเอะและตัวซีดจนน่ากลัว อุ่นเกรงว่าลูกสาวจะตายจึงบอกให้พี่สาวอุ้มลูกไปหาหมอเพราะตัวเองเพิ่งคลอดเดินไม่ไหว
อิ่มรีบร้อนอุ้มลูกของน้องสาวออกไปไม่นานสร้อยก็พาคนร้ายเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน ตั้งใจให้อุ่น ตายทั้งกลมคากองไฟ แต่อิ่มยังไปได้ไม่ไกลหันมาเห็นเปลวเพลิงแดงฉานจึงวิ่งย้อนกลับมาดูแล้วพบว่าบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง และพอเห็นสร้อยยืนบงการอยู่ก็จำได้ว่าเป็นคนของบ้านนายพลเทพ หนำซ้ำสร้อยยังเลือดเย็นใช้มีดแทงอุ่นตายคากองไฟ
อิ่มเห็นภาพนั้นเต็มตา เธอกลัวมากรีบอุ้มหลานสาววิ่งหนีไป แล้วถูกรถยนต์ที่ผกานั่งมากับแขกของหอโคมแดงชนเข้าอย่างจังจนป้าหลานกระเด็นไปคนละทิศ อิ่มหัวแตกเลือดอาบแต่ก็ยังพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่ร้องไห้เสียงดังอยู่อีกฟากถนน ผกาลงจากรถมาดูด้วยความตกใจ อิ่มเห็นหน้าผกาชัดเจนก่อนจะหมดสติ จากนั้นผกาก็พาทั้งคู่ไปส่งโรงพยาบาล ฝากฝังหมอให้รักษาโดยเธอขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้
ด้านสร้อยกับมือวางเพลิงกลับออกไปโดยเข้าใจว่าอุุ่นตายทั้งกลมเพราะสภาพภายนอกของอุ่นที่สร้อยเห็นท้องยังใหญ่อยู่ประสาคนเพิ่งคลอดลูก เมื่อคุณหญิงมณีได้รับรายงานจากสาวใช้ก็ยิ้มย่องลำพองใจว่าตนหมดเสี้ยนหนามแทงใจเรียบร้อยแล้ว และกำชับสร้อยห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะนายพลเทพ
วันรุ่งขึ้น ผกาแวะมาดูเด็กน้อยที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกว่าเด็กปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย แต่แม่เด็กยังไม่ได้สติจึงยังไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอจะมีผลอะไรบ้างหรือเปล่า ผกาเข้าใจตามที่หมอพูดว่าอิ่มคือแม่ของเด็กน้อย และขอตัวไปดูอาการ ปรากฏว่าอิ่มลืมตาเห็นผกาก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัว ภาพที่อุ่นโดนสร้อยแทงตายติดตาจนเธอสติแตก ลุกพรวดวิ่งหนีพร้อมกับร่ำร้องว่ากลัวแล้ว อย่าฆ่าตนอีกคนเลย!
ผกางุนงงสงสัย มองพยาบาลช่วยกันวิ่งไล่จับอิ่มแต่ก็ไม่มีใครต้านได้ เธอวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หมอสันนิษฐานว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะคงทำให้คนไข้เกิดอาการสับสน และถ้าเธอไม่กลับมา คงต้องหาคนอุปการะเด็ก ผกาซึ่งถูกชะตากับเด็กน้อยจึงอาสารับมาเลี้ยงดู โดยไม่สนใจคำพูดทักท้วงของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพในหอโคมแดง
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงหากิน...แต่การที่ฉันรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงให้มีที่อยู่ที่กินมันก็ดีกว่าให้เด็กไปอยู่สถานสงเคราะห์หรือไปเป็นขอทานอยู่ข้างถนนไม่ใช่รึ ส่วนที่ว่าโตขึ้นแล้วเขาจะเป็นอะไร นั่นก็สุดแท้แต่บุญวาสนาที่เขาทำมาในชาติก่อนก็แล้วกัน ฉันจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าบุปผา...ให้เข้ากับชื่อผกาของฉัน ที่แปลว่าดอกไม้เหมือนกัน”
เมื่อผกายืนกรานอย่างนั้น ทุกคนจึงสงบปากสงบคำและเฝ้าดูเด็กหญิงบุปผาเติบโตภายในหอโคมแดงเรื่อยมา...จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป 18 ปี บุปผาเป็นสาวสะพรั่งหน้าตาสวยงามและเจริญรอยตามอาชีพเดียวกับผกาด้วยความเต็มใจ ส่วนผกาได้ผันตัวเองเป็นเจ้าของหอโคมแดงที่มีลูกค้าทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาใช้บริการไม่ขาดสาย
แน่นอนว่าความสดใหม่ของบุปผาทำให้ผู้ชายที่มาใช้บริการต่างหมายปองเธอจนคนอื่นๆตกกระป๋องรายได้หดหาย พากันหมั่นไส้ดาวเด่นดวงใหม่และเกิดระหองระแหงกันอยู่เนืองๆ ส่วนนักเที่ยวก็แย่งบุปผาแทบจะเข่นฆ่ากันตายเป็นรายวัน
วันนี้ก็เช่นกัน กำพลกับศักดิ์ชัยทะเลาะแย่งตัวบุปผาถึงขนาดกำพลชักปืนออกมาจะยิงศักดิ์ชัยทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายมาทีหลัง ผกาเข้าห้ามสองหนุ่มและตัดสินด้วยการให้บุปผาเป็นคนเลือกเองว่าจะขึ้นห้องกับใคร ปรากฏว่ากำพลถูกเลือกเพราะผกาชอบลูกชายนายพลมากกว่าลูกพ่อค้าอย่างศักดิ์ชัย
กำพลติดใจลีลาตื่นเต้นเร่าร้อนของบุปผาที่ไม่เหมือนสาวคนอื่น เธอมักสรรหาวิธีแปลกใหม่มาปรนเปรอเขาอย่างไม่รู้เบื่อ และไม่ว่ากับชายใดที่เธอขึ้นห้องด้วย ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดเยี่ยมมาก จึงไม่แปลกที่เธอจะมีค่าตัวแพงและถูกชายรุมแย่งอยู่เป็นประจำ
ooooooo
มัทนา...ลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงมณีกับนายพลเทพเพิ่งได้เป็นนิสิตใหม่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังพร้อมกับพลอยเพื่อนสนิท ความสวยโดดเด่นของมัทนาเป็นที่ต้องตาตรึงใจนิสิตชายทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน แต่เธอไม่ได้ให้ความสนใจใครเลย นอกจากมุ่งมั่นตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียว
เลิกเรียนเย็นวันนี้ มัทนากับพลอยต่างก็รอรถที่บ้านมารับกลับ ปรากฏว่ารถที่บ้านพลอยมาก่อนซึ่งคนขับไม่ใช่นายด้วงอย่างเคยแต่เป็นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ พลอยเห็นหน้าเขาชัดถึงกับวิ่งเข้าใส่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พี่เพชร! พี่เพชรกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“เมื่อบ่ายนี้เอง พี่เลยอาสานายด้วงมารับน้องสาวพี่ด้วยตัวเอง อยากเห็นน้องสาวในชุดนิสิตใหม่จะแย่อยู่แล้ว” เพชรมองน้องอย่างเป็นปลื้มแล้วมองเลยไปข้างหลัง เห็นสาวน้อยอีกคนยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มประทับใจดวงตาคู่นั้นทันที
“พี่เพชรจำยายมัทไม่ได้หรือคะ มัทนา เทพบริบาล ลูกสาวท่านนายพลเทพกับคุณหญิงมณีไงคะ” พลอยแนะนำเพื่อนรักอย่างภูมิใจ เพชรชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโพล่งตรงไปตรงมา
“มัทนา...ยายมัทที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งน่ะเหรอ”
“เดี๋ยวนี้ยายมัทไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วค่ะ แต่กลายเป็นสาวสวย หนุ่มๆตามจีบกันเกรียว”
“พลอย...” มัทนาเอ็ดเพื่อนเบาๆ
“ก็มันเรื่องจริงนี่ เออ...แล้วนี่เธอจำพี่เพชรได้รึเปล่า พี่เพชรไปเรียนทหารที่อังกฤษเสียหลายปี ไปตอนที่เรายังเด็กๆกันอยู่เลยน่ะ”
“ก็คลับคล้ายคลับคลาอยู่”
“ดีละ ถ้าเช่นนั้นพี่กลับมาอยู่บ้านคราวนี้คงได้ไปมาหาสู่กันเหมือนเคย”
อุ่นอาศัยอยู่กับอิ่มพี่สาว ในคืนนั้นเองขณะอยู่กันตามลำพัง อุ่นเริ่มมีอาการปวดท้องและคลอดก่อนกำหนดด้วยตัวเองที่บ้าน ทารกน้อยออกมามีปานแดงขนาดใหญ่ที่ต้นขาขวาแต่ไม่ร้องสักเอะและตัวซีดจนน่ากลัว อุ่นเกรงว่าลูกสาวจะตายจึงบอกให้พี่สาวอุ้มลูกไปหาหมอเพราะตัวเองเพิ่งคลอดเดินไม่ไหว
อิ่มรีบร้อนอุ้มลูกของน้องสาวออกไปไม่นานสร้อยก็พาคนร้ายเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน ตั้งใจให้อุ่น ตายทั้งกลมคากองไฟ แต่อิ่มยังไปได้ไม่ไกลหันมาเห็นเปลวเพลิงแดงฉานจึงวิ่งย้อนกลับมาดูแล้วพบว่าบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง และพอเห็นสร้อยยืนบงการอยู่ก็จำได้ว่าเป็นคนของบ้านนายพลเทพ หนำซ้ำสร้อยยังเลือดเย็นใช้มีดแทงอุ่นตายคากองไฟ
อิ่มเห็นภาพนั้นเต็มตา เธอกลัวมากรีบอุ้มหลานสาววิ่งหนีไป แล้วถูกรถยนต์ที่ผกานั่งมากับแขกของหอโคมแดงชนเข้าอย่างจังจนป้าหลานกระเด็นไปคนละทิศ อิ่มหัวแตกเลือดอาบแต่ก็ยังพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่ร้องไห้เสียงดังอยู่อีกฟากถนน ผกาลงจากรถมาดูด้วยความตกใจ อิ่มเห็นหน้าผกาชัดเจนก่อนจะหมดสติ จากนั้นผกาก็พาทั้งคู่ไปส่งโรงพยาบาล ฝากฝังหมอให้รักษาโดยเธอขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้
ด้านสร้อยกับมือวางเพลิงกลับออกไปโดยเข้าใจว่าอุุ่นตายทั้งกลมเพราะสภาพภายนอกของอุ่นที่สร้อยเห็นท้องยังใหญ่อยู่ประสาคนเพิ่งคลอดลูก เมื่อคุณหญิงมณีได้รับรายงานจากสาวใช้ก็ยิ้มย่องลำพองใจว่าตนหมดเสี้ยนหนามแทงใจเรียบร้อยแล้ว และกำชับสร้อยห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะนายพลเทพ
วันรุ่งขึ้น ผกาแวะมาดูเด็กน้อยที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกว่าเด็กปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย แต่แม่เด็กยังไม่ได้สติจึงยังไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอจะมีผลอะไรบ้างหรือเปล่า ผกาเข้าใจตามที่หมอพูดว่าอิ่มคือแม่ของเด็กน้อย และขอตัวไปดูอาการ ปรากฏว่าอิ่มลืมตาเห็นผกาก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัว ภาพที่อุ่นโดนสร้อยแทงตายติดตาจนเธอสติแตก ลุกพรวดวิ่งหนีพร้อมกับร่ำร้องว่ากลัวแล้ว อย่าฆ่าตนอีกคนเลย!
ผกางุนงงสงสัย มองพยาบาลช่วยกันวิ่งไล่จับอิ่มแต่ก็ไม่มีใครต้านได้ เธอวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หมอสันนิษฐานว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะคงทำให้คนไข้เกิดอาการสับสน และถ้าเธอไม่กลับมา คงต้องหาคนอุปการะเด็ก ผกาซึ่งถูกชะตากับเด็กน้อยจึงอาสารับมาเลี้ยงดู โดยไม่สนใจคำพูดทักท้วงของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพในหอโคมแดง
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงหากิน...แต่การที่ฉันรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงให้มีที่อยู่ที่กินมันก็ดีกว่าให้เด็กไปอยู่สถานสงเคราะห์หรือไปเป็นขอทานอยู่ข้างถนนไม่ใช่รึ ส่วนที่ว่าโตขึ้นแล้วเขาจะเป็นอะไร นั่นก็สุดแท้แต่บุญวาสนาที่เขาทำมาในชาติก่อนก็แล้วกัน ฉันจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าบุปผา...ให้เข้ากับชื่อผกาของฉัน ที่แปลว่าดอกไม้เหมือนกัน”
เมื่อผกายืนกรานอย่างนั้น ทุกคนจึงสงบปากสงบคำและเฝ้าดูเด็กหญิงบุปผาเติบโตภายในหอโคมแดงเรื่อยมา...จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป 18 ปี บุปผาเป็นสาวสะพรั่งหน้าตาสวยงามและเจริญรอยตามอาชีพเดียวกับผกาด้วยความเต็มใจ ส่วนผกาได้ผันตัวเองเป็นเจ้าของหอโคมแดงที่มีลูกค้าทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาใช้บริการไม่ขาดสาย
แน่นอนว่าความสดใหม่ของบุปผาทำให้ผู้ชายที่มาใช้บริการต่างหมายปองเธอจนคนอื่นๆตกกระป๋องรายได้หดหาย พากันหมั่นไส้ดาวเด่นดวงใหม่และเกิดระหองระแหงกันอยู่เนืองๆ ส่วนนักเที่ยวก็แย่งบุปผาแทบจะเข่นฆ่ากันตายเป็นรายวัน
วันนี้ก็เช่นกัน กำพลกับศักดิ์ชัยทะเลาะแย่งตัวบุปผาถึงขนาดกำพลชักปืนออกมาจะยิงศักดิ์ชัยทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายมาทีหลัง ผกาเข้าห้ามสองหนุ่มและตัดสินด้วยการให้บุปผาเป็นคนเลือกเองว่าจะขึ้นห้องกับใคร ปรากฏว่ากำพลถูกเลือกเพราะผกาชอบลูกชายนายพลมากกว่าลูกพ่อค้าอย่างศักดิ์ชัย
กำพลติดใจลีลาตื่นเต้นเร่าร้อนของบุปผาที่ไม่เหมือนสาวคนอื่น เธอมักสรรหาวิธีแปลกใหม่มาปรนเปรอเขาอย่างไม่รู้เบื่อ และไม่ว่ากับชายใดที่เธอขึ้นห้องด้วย ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดเยี่ยมมาก จึงไม่แปลกที่เธอจะมีค่าตัวแพงและถูกชายรุมแย่งอยู่เป็นประจำ
ooooooo
มัทนา...ลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงมณีกับนายพลเทพเพิ่งได้เป็นนิสิตใหม่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังพร้อมกับพลอยเพื่อนสนิท ความสวยโดดเด่นของมัทนาเป็นที่ต้องตาตรึงใจนิสิตชายทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน แต่เธอไม่ได้ให้ความสนใจใครเลย นอกจากมุ่งมั่นตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียว
เลิกเรียนเย็นวันนี้ มัทนากับพลอยต่างก็รอรถที่บ้านมารับกลับ ปรากฏว่ารถที่บ้านพลอยมาก่อนซึ่งคนขับไม่ใช่นายด้วงอย่างเคยแต่เป็นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ พลอยเห็นหน้าเขาชัดถึงกับวิ่งเข้าใส่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พี่เพชร! พี่เพชรกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“เมื่อบ่ายนี้เอง พี่เลยอาสานายด้วงมารับน้องสาวพี่ด้วยตัวเอง อยากเห็นน้องสาวในชุดนิสิตใหม่จะแย่อยู่แล้ว” เพชรมองน้องอย่างเป็นปลื้มแล้วมองเลยไปข้างหลัง เห็นสาวน้อยอีกคนยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มประทับใจดวงตาคู่นั้นทันที
“พี่เพชรจำยายมัทไม่ได้หรือคะ มัทนา เทพบริบาล ลูกสาวท่านนายพลเทพกับคุณหญิงมณีไงคะ” พลอยแนะนำเพื่อนรักอย่างภูมิใจ เพชรชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโพล่งตรงไปตรงมา
“มัทนา...ยายมัทที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งน่ะเหรอ”
“เดี๋ยวนี้ยายมัทไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วค่ะ แต่กลายเป็นสาวสวย หนุ่มๆตามจีบกันเกรียว”
“พลอย...” มัทนาเอ็ดเพื่อนเบาๆ
“ก็มันเรื่องจริงนี่ เออ...แล้วนี่เธอจำพี่เพชรได้รึเปล่า พี่เพชรไปเรียนทหารที่อังกฤษเสียหลายปี ไปตอนที่เรายังเด็กๆกันอยู่เลยน่ะ”
“ก็คลับคล้ายคลับคลาอยู่”
“ดีละ ถ้าเช่นนั้นพี่กลับมาอยู่บ้านคราวนี้คงได้ไปมาหาสู่กันเหมือนเคย”
“เมื่อครู่น้องบอกว่า...น้องมัทมีหนุ่มๆตามจีบกันเกรียว แล้วน้องมัทเธอตกลงปลงใจกับใครรึยังล่ะ”
“ยังหรอกค่ะ บางทีเนื้อคู่ของยายมัทอาจจะเป็นพี่เพชรก็ได้นะ”
“ขอให้มันจริงเถอะ”
“น้องก็อยากได้ยายมัทเป็นพี่สะใภ้เหมือนกันค่ะ ยายมัทน่ะรูปก็สวย รวยทรัพย์ ชาติตระกูลก็ดี การศึกษาก็ดี พี่เพชรจะหาผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้วค่ะ”
เพชรยิ้มพราย จับจ้องมองตามรถมัทนาไปด้วยแววตาเป็นประกายเคลิ้มฝัน แต่ดูเหมือนมัทนาไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักนิด เธอสนใจแต่ว่าทำไมวันนี้นายสินมาช้านัก ซึ่งนายสินบอกว่าคุณหญิงให้ตนเอารถไปซื้อต้นไม้ดอกไม้มาตกแต่งบ้าน มัทนาเลยเดาทันทีว่าเร็วๆนี้คงจะมีแขกมาบ้านอีก
เมื่อรถผ่านตลาด มัทนาให้นายสินแวะก่อนเธอจะซื้อผลไม้ฝากแม่ แต่ลงเดินไม่ทันถึงร้านก็เกิดเรื่องระทึกใจขึ้น หญิงสาวเจอชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ด้วยความสงสารจึงอาสาพาเขาไปหาหมอโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามจับ กระทั่งตำรวจวิ่งกรูมาแล้วคนร้ายยิงสกัดพร้อมกันนั้นก็จับเธอเป็นตัวประกัน นายสินจอดรถเสร็จเดินมาเห็นคุณหนูของตนตกอยู่ในอันตรายก็จะเข้าไปช่วย แต่คนร้ายยิงสวนจนเขาโดดหลบแทบไม่ทัน
มัทนาถูกจับเป็นตัวประกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ตำรวจจะสยบคนร้ายลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้น แทนที่มัทนาจะวิ่งหนี เธอกลับเข้าช่วยเหลือจะพาเขาไปหาหมอทั้งที่ตำรวจบอกว่านายคนนี้เพิ่งปล้นชาวบ้านมาเมื่อคืน
“อย่าลำบากเลยครับคุณหนู ให้เป็นธุระของตำรวจดีกว่า”
“ถึงเขาจะเป็นคนร้าย แต่เขาก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันนะนายสิน ชีวิตของเขาก็มีค่าไม่ต่างอะไรไปจากเรา”
ไอศูรย์เดินมาได้ยินคำพูดของเธอพอดี รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เดินตรงเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นหมอขอดูอาการคนเจ็บ มัทนาไม่รู้จักเขามาก่อนแต่ก็ขอบคุณและรู้สึกประทับใจเขาเช่นกัน
คนร้ายถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลโดยหมอไอศูรย์ มัทนาขอบคุณเขาอีกครั้งที่ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันโดยไม่เกี่ยงงอนว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย
“ผมเป็นหมอ ผมเลือกที่จะช่วยชีวิตคนโดยไม่เลือกว่าเขาเป็นใคร”
“คุณทำให้ฉันคิดถึงคำว่าเมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก”
“แต่คุณทำให้ผมคิดถึงคำว่า...งามนอก งามใน”
“คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ”
“ผมไม่ได้ชม ผมพูดอย่างที่ผมคิด”
หนุ่มสาวสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ นายสินเห็นว่าค่ำแล้วเข้ามาแทรกชวนมัทนากลับ เกรงท่านนายพลกับคุณหญิงจะเป็นห่วง มัทนาจึงลาคุณหมอ และไม่ลืมบอกชื่อแซ่ของกันและกัน
กลับถึงบ้าน มัทนากำชับนายสินไม่ให้บอกใครเรื่องวันนี้ แต่ทำมาทำไปตัวเองถูกคุณหญิงมณีซักเพราะเห็นคราบเลือดที่เสื้อเลยต้องพูดความจริง คุณหญิงกับนายพลตกใจมากแต่พอรู้ว่าลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ ใดๆก็โล่งใจ แล้วให้ลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่มีเรื่อง จะคุยด้วย
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ที่หอโคมแดงเกิดเรื่องระหอง ระแหงระหว่างโสเภณีรุ่นพี่กับรุ่นน้อง มุกอิจฉาบุปผาที่มีแขกแย่งตัวไม่เว้นวัน พอสองสาวเปิดศึกแขวะกันไปด่ากันมาแล้วผกาเข้าห้าม มุกก็หาว่าผกาเข้าข้างบุปผาเพราะเห็นว่ากำลังเป็นตัวเรียกแขก ทั้งที่ตนทำงานรับใช้ที่นี่มาตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นความดี
“ก็เพราะเห็นน่ะสิ แม่จึงยังเลี้ยงหล่อนไว้จนทุกวันนี้ไง”
“แม่เห็นนังบุปผามันสาว มันสวย มันสดกว่าฉัน แม่ก็ยกย่องเชิดชูมัน แต่คอยดูเถอะ คนอย่างมันไม่มีวันเห็นใครดีไปกว่าตัวมันเองหรอก”
มุกทิ้งคำพูดชวนคิดแล้วเดินสะบัดหนี บุปผาเห็นผกานิ่งเงียบไปก็รีบเข้ามาพะเน้าพะนอเอาใจ
“แม่อย่าไปฟังพี่มุกนะ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงขายตัวแต่ฉันก็ไม่ใช่คนอกตัญญู ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่ เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนฉันเกิดได้ดิบได้ดีขึ้นมา ฉันจะไม่มีวันทิ้งแม่ ไม่เชื่อแม่คอยดู”
บุปผาเริ่มต้นตอบแทนบุญคุณผกาด้วยการมอบ น้ำหอมราคาแพงที่แขกประเคนมาให้จำนวนมาก โดยแบ่งบางส่วนให้เดือนกับสิรี แต่ไม่ยอมให้มุกกับพิกุลที่อยู่คนละฝ่าย มุกเจ็บใจและหมั่นไส้แอบไปบ้วนน้ำลายลงในถ้วยแกงของบุปผา แต่กลายเป็นว่าพิกุลมากินแทนเพราะความตะกละ...
ทางด้านหมอไอศูรย์ กลับถึงบ้านทราบจากคุณ หญิงแจ่มจันทร์มารดาว่ามีแขกมารอพบ และแขกคนนั้นก็ทำให้หมอหนุ่มประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“เพชร! กลับเมืองไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
“ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อกลางวันนี้เองครับพี่ต้น แล้วไปไหว้ผู้ใหญ่มาทั่วเมืองก่อนจะไปรับยายพลอยกลับจากมหาวิทยาลัย แล้วก็มาแวะมาบอกข่าวว่าผมกลับมาแล้วที่นี่เป็นที่สุดท้ายครับ”
ไอศูรย์มองพลอยในชุดนิสิตที่ยืนอยู่ข้างเพชร สาวน้อยสบตาเพื่อนพี่ชายด้วยใจเต้นตึ๊กตั๊กหลงรักเขาแต่แรกเห็น ยิ่งได้ยินเขาชื่นชมว่าเก่งมากที่เข้าอักษรศาสตร์จุฬาได้ เธอยิ้มแก้มแทบปริและแอบมองเขาบ่อยครั้งขณะสนทนากับเพชร
ทางด้านมัทนา...หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเข้าไปหามารดาในห้องนอนเพราะก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย คุณหญิงมณีลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่พลางเกริ่นถึงความห่วงใยที่ลูกเติบใหญ่จนเข้ามหาวิทยาลัยได้เห็นโลกกว้างและเรียนรู้ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหนทางที่จะก้าวเดินไปข้างหน้านั้นย่อมมีทั้งสุขและทุกข์
ท่านนายพลอยู่ในห้องด้วย ชำเลืองมองอย่างนึกรู้ว่าคุณหญิงจะโยงเข้าเรื่องอะไร เขารู้สึกหนักใจไม่น้อย ไม่อยากเห็นลูกสาวถูกคลุมถุงชน แต่คงขัดเจตนารมณ์ภรรยาไม่ได้...ในที่สุดคุณหญิงก็เข้าประเด็นว่าอยากมั่นใจว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างลูกในวันที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้วเขาต้องเป็นคนดีจริงๆ
“แม่อยากให้หนูหมั้นกับลูกชายของเพื่อนแม่ แม่ให้คนไปสืบประวัติมาหมดแล้ว เขาเป็นคนดี ชาติตระกูลดี เรียนจบจากเมืองนอก และไม่มีเบื้องหลังในชีวิตอะไรให้น่ากังวล แม่คิดว่าเขาเหมาะสมกับลูกสาวคนเดียวของแม่มาก...หนูไม่ได้รักกับใครที่ไหนอยู่ใช่ไหมลูก”
มัทนาคิดค้านอยู่ในใจไม่อยากหมั้นกับใครตอนนี้ แต่เพราะความหัวอ่อนไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้งทำให้สาวน้อยตอบเสียงแผ่วเมื่อถูกท่านถามย้ำว่าเธอไม่ได้รักชอบอยู่กับใครใช่ไหม
“ไม่มีค่ะคุณแม่”
“อย่าลำบากเลยครับคุณหนู ให้เป็นธุระของตำรวจดีกว่า”
“ถึงเขาจะเป็นคนร้าย แต่เขาก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันนะนายสิน ชีวิตของเขาก็มีค่าไม่ต่างอะไรไปจากเรา”
ไอศูรย์เดินมาได้ยินคำพูดของเธอพอดี รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เดินตรงเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นหมอขอดูอาการคนเจ็บ มัทนาไม่รู้จักเขามาก่อนแต่ก็ขอบคุณและรู้สึกประทับใจเขาเช่นกัน
คนร้ายถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลโดยหมอไอศูรย์ มัทนาขอบคุณเขาอีกครั้งที่ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันโดยไม่เกี่ยงงอนว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย
“ผมเป็นหมอ ผมเลือกที่จะช่วยชีวิตคนโดยไม่เลือกว่าเขาเป็นใคร”
“คุณทำให้ฉันคิดถึงคำว่าเมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก”
“แต่คุณทำให้ผมคิดถึงคำว่า...งามนอก งามใน”
“คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ”
“ผมไม่ได้ชม ผมพูดอย่างที่ผมคิด”
หนุ่มสาวสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ นายสินเห็นว่าค่ำแล้วเข้ามาแทรกชวนมัทนากลับ เกรงท่านนายพลกับคุณหญิงจะเป็นห่วง มัทนาจึงลาคุณหมอ และไม่ลืมบอกชื่อแซ่ของกันและกัน
กลับถึงบ้าน มัทนากำชับนายสินไม่ให้บอกใครเรื่องวันนี้ แต่ทำมาทำไปตัวเองถูกคุณหญิงมณีซักเพราะเห็นคราบเลือดที่เสื้อเลยต้องพูดความจริง คุณหญิงกับนายพลตกใจมากแต่พอรู้ว่าลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ ใดๆก็โล่งใจ แล้วให้ลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่มีเรื่อง จะคุยด้วย
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ที่หอโคมแดงเกิดเรื่องระหอง ระแหงระหว่างโสเภณีรุ่นพี่กับรุ่นน้อง มุกอิจฉาบุปผาที่มีแขกแย่งตัวไม่เว้นวัน พอสองสาวเปิดศึกแขวะกันไปด่ากันมาแล้วผกาเข้าห้าม มุกก็หาว่าผกาเข้าข้างบุปผาเพราะเห็นว่ากำลังเป็นตัวเรียกแขก ทั้งที่ตนทำงานรับใช้ที่นี่มาตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นความดี
“ก็เพราะเห็นน่ะสิ แม่จึงยังเลี้ยงหล่อนไว้จนทุกวันนี้ไง”
“แม่เห็นนังบุปผามันสาว มันสวย มันสดกว่าฉัน แม่ก็ยกย่องเชิดชูมัน แต่คอยดูเถอะ คนอย่างมันไม่มีวันเห็นใครดีไปกว่าตัวมันเองหรอก”
มุกทิ้งคำพูดชวนคิดแล้วเดินสะบัดหนี บุปผาเห็นผกานิ่งเงียบไปก็รีบเข้ามาพะเน้าพะนอเอาใจ
“แม่อย่าไปฟังพี่มุกนะ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงขายตัวแต่ฉันก็ไม่ใช่คนอกตัญญู ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่ เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนฉันเกิดได้ดิบได้ดีขึ้นมา ฉันจะไม่มีวันทิ้งแม่ ไม่เชื่อแม่คอยดู”
บุปผาเริ่มต้นตอบแทนบุญคุณผกาด้วยการมอบ น้ำหอมราคาแพงที่แขกประเคนมาให้จำนวนมาก โดยแบ่งบางส่วนให้เดือนกับสิรี แต่ไม่ยอมให้มุกกับพิกุลที่อยู่คนละฝ่าย มุกเจ็บใจและหมั่นไส้แอบไปบ้วนน้ำลายลงในถ้วยแกงของบุปผา แต่กลายเป็นว่าพิกุลมากินแทนเพราะความตะกละ...
ทางด้านหมอไอศูรย์ กลับถึงบ้านทราบจากคุณ หญิงแจ่มจันทร์มารดาว่ามีแขกมารอพบ และแขกคนนั้นก็ทำให้หมอหนุ่มประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“เพชร! กลับเมืองไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
“ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อกลางวันนี้เองครับพี่ต้น แล้วไปไหว้ผู้ใหญ่มาทั่วเมืองก่อนจะไปรับยายพลอยกลับจากมหาวิทยาลัย แล้วก็มาแวะมาบอกข่าวว่าผมกลับมาแล้วที่นี่เป็นที่สุดท้ายครับ”
ไอศูรย์มองพลอยในชุดนิสิตที่ยืนอยู่ข้างเพชร สาวน้อยสบตาเพื่อนพี่ชายด้วยใจเต้นตึ๊กตั๊กหลงรักเขาแต่แรกเห็น ยิ่งได้ยินเขาชื่นชมว่าเก่งมากที่เข้าอักษรศาสตร์จุฬาได้ เธอยิ้มแก้มแทบปริและแอบมองเขาบ่อยครั้งขณะสนทนากับเพชร
ทางด้านมัทนา...หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเข้าไปหามารดาในห้องนอนเพราะก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย คุณหญิงมณีลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่พลางเกริ่นถึงความห่วงใยที่ลูกเติบใหญ่จนเข้ามหาวิทยาลัยได้เห็นโลกกว้างและเรียนรู้ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหนทางที่จะก้าวเดินไปข้างหน้านั้นย่อมมีทั้งสุขและทุกข์
ท่านนายพลอยู่ในห้องด้วย ชำเลืองมองอย่างนึกรู้ว่าคุณหญิงจะโยงเข้าเรื่องอะไร เขารู้สึกหนักใจไม่น้อย ไม่อยากเห็นลูกสาวถูกคลุมถุงชน แต่คงขัดเจตนารมณ์ภรรยาไม่ได้...ในที่สุดคุณหญิงก็เข้าประเด็นว่าอยากมั่นใจว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างลูกในวันที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้วเขาต้องเป็นคนดีจริงๆ
“แม่อยากให้หนูหมั้นกับลูกชายของเพื่อนแม่ แม่ให้คนไปสืบประวัติมาหมดแล้ว เขาเป็นคนดี ชาติตระกูลดี เรียนจบจากเมืองนอก และไม่มีเบื้องหลังในชีวิตอะไรให้น่ากังวล แม่คิดว่าเขาเหมาะสมกับลูกสาวคนเดียวของแม่มาก...หนูไม่ได้รักกับใครที่ไหนอยู่ใช่ไหมลูก”
มัทนาคิดค้านอยู่ในใจไม่อยากหมั้นกับใครตอนนี้ แต่เพราะความหัวอ่อนไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้งทำให้สาวน้อยตอบเสียงแผ่วเมื่อถูกท่านถามย้ำว่าเธอไม่ได้รักชอบอยู่กับใครใช่ไหม
“ไม่มีค่ะคุณแม่”
“ค่ะคุณแม่” มัทนารับคำอย่างง่ายดาย แต่พอออกจากห้องมาก็หน้าเศร้าอยากจะร้องไห้ นึกถึงหมอไอศูรย์ผู้ชายที่รู้สึกประทับใจแต่แรกเห็น....
ขณะเดียวกันในห้อง นายพลเทพล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยสีหน้าหนักใจ เหลือบมองคุณหญิงมณีที่เพิ่ง กราบพระเสร็จอย่างเกรงใจก่อนจะถาม
“คุณหญิงคิดดีแล้วหรือ ผมเกรงว่ามันจะเป็นการบังคับฝืนใจลูก...ถ้าลูกไม่ชอบ”
“ดิฉันเชื่อว่า...ดิฉันคิดไม่ผิดหรอกค่ะ แล้วคนเป็นแม่ย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกกันทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกคนเดียวอย่างยายมัท”
นายพลเทพลอบถอนใจและไม่พูดอะไรอีก คุณหญิงมณีพลิกตัวนอนหันหลังให้สามีคล้ายจะหลับ แต่จริงๆ แล้วยังลืมตาอยู่ คิดถึงอดีตที่ทำให้ตนเองเข้าใจว่าลูกของนายพลเทพมีมัทนาเพียงคนเดียวเมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนที่คุณหญิงมณีตั้งท้อง...
ชไม เพื่อนของคุณหญิงซึ่งมีความสามารถเรื่องดูดวงได้ทำนายว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง และคุณหญิงจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น แต่คุณหญิงไม่เชื่อคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ เพราะเธอกับสามีอายุยังไม่มากและสุขภาพแข็งแรงจึงไม่มีเหตุอะไรเลยที่จะต้องมีลูกคนเดียว
คุณหญิงมณีโกรธชไมถึงขนาดต่อว่ากันอย่างรุนแรงทั้งๆที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานาน...แต่แล้วเรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของชไม เมื่อถึงกำหนดคลอดลูกคุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน จนกระทั่งในที่สุดก็คลอดลูกสาวออกมาแล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ หมอบอกว่าเธอจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ทำให้คุณหญิงเสียใจมากและคิดถึงชไมขึ้นมาจับใจ
เมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้วคุณหญิงมณีจึงพาลูกไปขอโทษชไม...ชไมดูดวงให้ลูกสาวเพื่อน แล้วถึงกับตกใจเมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อยมัทนาจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว และนายพลเทพก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ด้วย
แต่เพื่อความมั่นใจ คุณหญิงมณีสั่งการสร้อยไปสืบจนรู้ว่านายพลเทพแอบมีสาวชาวบ้านชื่ออิ่มเป็นเมียน้อยและเธอกำลังท้องแก่ใกล้คลอด คุณหญิงโกรธแทบคลั่งก่อนจ้างวานสร้อยไปเผาบ้านอุ่นให้วอด อย่าให้มีใครรอดชีวิต โดยเฉพาะอุ่นกับลูกในท้อง
หลังจากมั่นใจว่าอุ่นตายทั้งกลมตามที่สร้อยกลับมารายงาน แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว กังวลเรื่องคำทำนายของชไมที่ว่าจะมีพี่น้องร่วมสายเลือดมาฆ่ามัทนาในอนาคต เนื่องจากสามีของเธอยังหนุ่มแน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก เธอจึงสั่งสร้อยไปหาหมอยาฝีมือดีเพื่อซื้อยาที่ทำให้นายพลเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้ จากนั้นก็วางยาสามีเรื่อยมาโดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเขาเป็นหมันสมใจ...
นับจากวันนั้นถึงวันนี้...คุณหญิงมณีเก็บงำเรื่องราวทั้งหมดเป็นความลับมาตลอด นอกจากตนเองและสร้อยก็ไม่มีใครล่วงรู้ ส่วนนายพลเทพก็ทราบเพียงว่าอุ่นกับลูกในท้องตายคากองไฟที่ไหม้บ้านวอดทั้งหลัง โดยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเลย
ooooooo
ที่หอโคมแดง บุปผาแอบได้ยินมุกกับพิกุลคุยกันเรื่องที่เมื่อวานมุกแอบบ้วนน้ำลายใส่ถ้วยแกงหวังให้บุปผากิน แต่ไม่สำเร็จเพราะความตะกละของพิกุล...
บุปผาโกรธมากตรงเข้าด่าทอมุกจนบานปลายกลายเป็นลงมือลงไม้กันถึงขนาดมุกหัวแตกต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาล โดยผกาบังคับให้บุปผาพามุกไปทั้งที่เธอไม่เต็มใจ พอได้เห็นหมอหนุ่มรูปหล่อบุปผาเกิดหลงรักเขาในบัดดล แต่เพราะตัวเองมีอาชีพน่ารังเกียจจึงยังไม่เผชิญหน้า หนีกลับออกมาก่อนที่หมอไอศูรย์จะเห็นเธอ
เช้าวันเดียวกัน มัทนานั่งรถไปมหาวิทยาลัยโดยมีบิดาขับให้ไม่ใช่นายสินเหมือนทุกวัน นายพลเทพพูดต่อหน้าภรรยาว่านายสินลาป่วย แต่ความจริงแล้วเขาต้องการคุยกับลูกสาวตามลำพังด้วยเรื่องที่คุณหญิงมณีจะคลุมถุงชน เมื่อเอ่ยถามลูกสาวกลับไม่มีความคิดเห็นใดๆ นอกจากบอกว่าตามใจคุณแม่
“ทั้งๆที่มัทยังไม่เคยเจอหน้าค่าตาลูกชายเพื่อนแม่เขาเลยสักครั้งน่ะเหรอ มัท...เรื่องคู่ครองพ่ออยากให้ลูกเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะพ่อหรือแม่เป็นคนเลือกให้ เพราะผู้ชายคนนั้นมัทจะต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตนะลูก”
“มัททราบค่ะคุณพ่อ แต่มัทก็เชื่อว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ลูกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอค่ะ”
นายพลเทพลอบถอนใจ ไม่อยากให้ลูกถูกคลุม ถุงชนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่มัทนาสีหน้าไม่สบายใจนักแต่พยายามไม่แสดงออก เพราะไม่ต้องการให้พ่อกลุ้มใจมากไปกว่านี้...
ฝ่ายนายสินที่ได้สิทธิ์หยุดงานหนึ่งวัน เขาถือโอกาสไปหอโคมแดงเพื่อขึ้นห้องกับดาวเด่นอย่างบุปผา แต่มาทีไรไม่เคยสมหวังเพราะหล่อนบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหนีตลอด จนใครต่อใครพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหล่อนเลือกขึ้นห้องแต่กับลูกท่านหลานเธอเท่านั้น กระจอกงอกง่อยเป็นแค่คนขับรถอย่างนายสินไม่มีทางที่หล่อนจะชายตาแล
ที่สำคัญเวลานี้บุปผาเกิดไปถูกตาต้องใจหมอไอศูรย์เข้าแล้ว แม้ผกาคอยเป่าหูว่าคนอาชีพอย่างเราไม่มีใครรักแล้วก็จริงใจเท่ากับคนอาชีพเดียวกัน บุปผาก็ไม่ฟัง และคราวนี้ถึงกับประกาศแน่แน่วว่าคนอย่างตนต้องไปได้ดี ต้องได้เป็นคุณผู้หญิงบ้านใหญ่ เป็นสะใภ้ลูกท่านหลานเธอ บางทีผัวของตนอาจจะเป็นหมอก็ได้
“บุปผาพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงลูก”
บุปผาไม่ตอบแต่ยิ้มพราย นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ...แล้ววันถัดมาบุปผาก็ไปแอบดูไอศูรย์ที่โรงพยาบาล โดยแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษเพราะไม่ต้องการให้หมอรู้ว่าเธอเป็นโสเภณี จากนั้นก็วางแผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขาถึงขนาดลงทุนทำร้ายตัวเองด้วยคมมีดจนมือเป็นแผลเหวอะหวะแล้วสำออยให้หมอรักษา
เผอิญหมอไอศูรย์กำลังจะออกเวร แต่พอเห็นคนเจ็บโอดโอยทำท่าจะเป็นลม หมอจึงรีบทำแผลให้แล้ววานพยาบาลไปบอกคนรถที่รออยู่ให้กลับไปบ้านก่อน และให้เรียนมารดาของตนด้วยว่าตนยังติดคนไข้อยู่คงจะไปตามนัดไม่ได้ บุปผาได้ยินก็ลอบยิ้มพอใจ แสร้งวิงเวียนเรียกร้องความสนใจพลางยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอ
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วที่จะต้องดูแลรักษาคนเจ็บอย่างดีที่สุด”
“แต่ถึงยังไงฉันก็คิดว่าคุณหมอมีพระคุณต่อฉันมาก และสักวันฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณให้แก่หมออย่างแน่นอนค่ะ ฉันชื่อบุปผาค่ะ”
ไอศูรย์พยักหน้ารับรู้โดยไม่ทันสังเกตว่าคนไข้สาวจ้องเขาไม่วางตาด้วยความพึงพอใจ...ในเวลาเดียวกันนั้น คุณหญิงมณีกำลังพิถีพิถันแต่งตัวให้มัทนาเพราะอีกไม่ช้าจะมีคนสำคัญมาที่บ้าน ไม่กี่อึดใจหนุ่มเพชรเดินเข้ามา มัทนาถึงกับตะลึงงัน เข้าใจว่าเขาคือคนที่คุณหญิงแม่จะให้เธอหมั้นหมายด้วย!
ooooooo
อ่านต่อ คลิก
No comments:
Post a Comment