ตอนที่ 2
บัวเงินนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด เธอต้องแปลกใจ เมื่อจู่ๆก็มีลมกระโชกแรงจนชายผ้าม่านสะบัดทำให้รูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะล้มคว่ำลง เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบรูปขึ้นมา เห็นภาพเจ้าศิริวัฒนาเจ้าชายรัชทายาท คุ้มเจ้าหลวงเชียงใหม่ในชุดเต็มยศ
“น้องรู้ว่าเจ้าพี่บ่ได้จากน้องไปไหนไกล เจ้าพี่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ แต่เมื่อใดเจ้าพี่จะเลิกโกรธเลิกเกลียดน้อง แล้วให้โอกาสน้องได้พบเจ้าพี่อีกสักครั้ง เลิกทรมานน้องด้วยวิธีนี้เสียทีเถิดเจ้าพี่” บัวเงินลูบคลำรูปด้วยความรัญจวนใจ
เวลาเดียวกันเรรินก็ตกอยู่ในภวังค์ เธอรู้สึกว่าเหมือนเข้าไปนั่งทอผ้าแทนที่แม่หญิงคนนั้น อย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงชายคนเดิมเรียกหา เจ้าริน เธอชะงักหันไปทางภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ พบเจ้าศิริวัฒนายืนอยู่หน้าภาพเขียน เรรินประหลาดใจและคิดเอาเองว่า เขาคงเป็นลูกหลานของเจ้าของที่นี่ ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องผ้าผืนงามบนกี่ทอผ้า เรรินแจ้งความประสงค์ว่า อยากจะทอผ้าผืนนี้ให้เสร็จ
“ฉันคิดว่า...เจ้าของผ้าผืนนี้คงรู้สึกเหมือนกับฉันเธอคงอยากให้มีใครสักคนทอผ้าผืนนี้ให้เสร็จ”
“ยินดีนัก เจ้าริน...อ้ายยินดีนัก” เจ้าศิริวัฒนายิ้มเศร้าๆ
“ฉันชื่อเรริน คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ” เรรินงุนงง มีคำถามมากมายในใจ แต่ไหมแมกลับเข้ามาพอดี เธอโวยลั่นเมื่อเห็นเรรินอยู่ที่กี่ทอผ้า กำลังพุ่งกระสวยสอดเส้นไหม
“ตายแล้วคุณเรริน นั่นคุณทำอะไรของคุณ ไม่ได้นะคะคุณเรรินคุณทำอย่างนี้ไม่ได้” ไหมแมปราดเข้ามาดึงตัวเรรินให้ลุกออกมา
เรรินหันมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าศิริวัฒนา แต่เขาหายตัวไปแล้ว
“ผ้าผืนนี้เจ้าของเก่าตายไปแล้วนะตายไปนานมากแล้วด้วย เขาถือกันไม่มีใครทอผ้าต่อจากคนที่ตายไปแล้วหรอก เพราะมันจะทำให้เกิดแต่เรื่องร้ายๆขึ้นกับคุณ”
“คุณไหมแม...ฟังฉันนะคะ” เรรินจะอธิบายแต่ไหมแมรีบตัดบท
“คุณรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยดีกว่าค่ะ”
“คุณไหมแม ฉันเสียใจนะคะ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับฉัน แต่ฉันรู้สึกอย่างเดียวว่าฉันจะต้องทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ให้ได้” เรรินอ้อนวอน
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยอมให้คุณทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด เท่าที่ฉันพาคุณมาดูผ้าผืนนี้ ก็ผิดมากอยู่แล้ว ขืนยอมให้คุณทอผ้านั่นด้วย เจ้าของที่นี่รู้เข้าฉันต้องถูกไล่ออกแน่ๆ เชิญออกไปเถอะค่ะ” ไหมแมรีบล็อกห้องแล้วต้อนให้เรรินเดินออกไปหน้าพิพิธภัณฑ์ พลางขอร้องแกมบังคับให้เธอกลับไปเพราะกลัวจะเดือดร้อน
เรรินละล้าละลังหันกลับไปมองที่ตัวคุ้มโบราณเห็นเจ้าศิริวัฒนายืนมองอยู่ที่หน้าต่างชั้นบนก็เรียกให้ไหมแมดู แต่ไหมแมไม่เห็นอะไร จึงเข้าใจว่า เรรินคงเพี้ยนไปแล้ว
ooooooo
สุริยวงศ์เข้ามาช่วยงานเด็กๆอยู่ในครัว เสียงรถวงพระจันทร์แล่นเข้ามาจอด เด็กพนักงานเห็นก็สะกิดชี้ให้สุริยวงศ์ดูเพราะวงพระจันทร์กำลังเดินเข้ามา
“ทำไมตื๊อยังงี้หว่า” สุริยวงศ์วางมือจากงานแล้วเดินเลี่ยงออกไปหลังร้าน
ส่วนวงพระจันทร์เข้ามาจากทางหน้าร้าน ไม่เห็นสุริยวงศ์ก็ถามหา
“คุณสุริยะล่ะ เด็กหน้าร้านบอกฉันว่าเขาอยู่หลังร้าน”
“ตอนนี้บ่ อยู่แล้วครับ” พนักงานตอบพลางมองไปที่หน้าร้านเห็นสุริยวงศ์วิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
วงพระจันทร์ปรี๊ดแตกเจ็บใจที่ชายหนุ่มหลบหน้าจึงโทร.ตาม แต่สุริยวงศ์ไม่ยอมรับสาย
เสียงโทรศัพท์ข้างตัวสุริยวงศ์ดังไม่หยุด ชายหนุ่มถอนใจหยิบขึ้นมาดูเบอร์ปรากฏว่า ไม่ใช่วงพระจันทร์แต่เป็นวันดารา เขากดรับ วันดารารีบถ่ายทอดคำสั่ง
“อยู่ที่ไหนจ๊ะ รีบเข้าไปหาคุณย่าเดี๋ยวนี้เลย คุณย่าให้ละอ่อนโทร.มา บอกให้เราเข้าไปหาให้ได้ พี่ก็ว่าเธอเดาไม่ผิดหรอก ต้องเป็นเรื่องวงพระจันทร์นะแหละ”
“สงสัยว่าผมคงต้องใช้วิธีที่พี่วันแนะนำจริงๆแล้วละครับ” สุริยวงศ์เหนื่อยใจ
เป็นเวลาเดียวกับที่เรรินกลับมาถึงรีสอร์ตพอดี วันดาราออกมาต้อนรับพลางล้อว่า คงชมผ้าโบราณจนอิ่มข้าวเย็นไปเลย เรรินยิ้มรับพลางเอ่ยถามเรื่องเจ้านางมณีริน
วันดาราแปลกใจที่สาวชาวกรุงเทพฯรู้จักเจ้านางมณีรินด้วย เรรินว่าไหมแมเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพิพิธภัณฑ์พาเธอเข้าไปชมผ้าผืนนั้นในห้องที่คุ้มหลวง แต่น่าเสียดายที่ทอไม่เสร็จ
“เจ้า น่าเสียดายมาก มันเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไหมแมเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างล่ะคะ”
“เธอเล่าแค่ว่า เจ้านางมณีรินเป็นเจ้าหน้าที่จากเชียงตุงที่ถูกส่งตัวให้มาอภิเษกกับเจ้าชายที่เชียงใหม่”
“ผ้าผืนที่ทอไม่เสร็จที่คุณรินเห็นนั่นนะ ความจริงเป็นผ้าที่ต้องใช้ในพิธีอภิเษกของเปิ้นเจ้า”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ท่านถึงได้”
“เจ้านางมณีริน เปิ้นเป็นเจ้าหญิงมาจากแคว้นเชียงตุง เปิ้นเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายศิริวัฒนา เจ้าชายรัชทายาทของเชียงใหม่ เปิ้นถูกหมั้นหมายกันหลายปีดีดัก ตั้งแต่เล็กแต่น้อย จนเจ้านางเติบใหญ่ เปิ้นก็เลยถูกส่งตัวให้มาแต่งงาน แต่พอมาถึง เปิ้นกลับไปฮักกับเจ้าศิริวงศ์เข้า เจ้าศิริวงศ์เปิ้นเป็นน้องชายเจ้าศิริวัฒนา เจ้าความฮักของเปิ้นจึงเป็นความรักต้องห้าม รักกันมากแค่ไหน ก็แต่งกันบ่ได้ เกิดเป็นเจ้าแล้วต้องมีหน้าที่ เชียงตุงส่งเจ้านางมณีรินมาล้านนา เพื่อแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา เป็นเหตุผลทางการเมือง เปิ้นจึงบ่มีทางเลือกมากนัก ก่อนเปิ้นจะแต่งงานเพียงเดือนเดียวเกิดอุบัติเหตุภัยแรงขึ้นกับเจ้าศิริวงศ์ เรือของเปิ้นล่มในน้ำปิง เจ้าศิริวงศ์เปิ้นตายในกระแสน้ำ ไม่มีใครช่วยได้ทัน”
“น่าสงสารจังเลยนะคะ”
แต่มันก็น่าแปลกนะคะคุณริน เพราะหลังจากนั้น งานพิธีระหว่าง เจ้านางมณีรินกับเจ้าศิริวัฒนา ก็ถูกกำหนดขึ้นทันที ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้กับเจ้าศิริวงศ์ และเจ้านางมณีรินก็ลงมือทอผ้า เพื่อให้ตัวเองกับเจ้าบ่าวใช้ในวันงาน แต่เปิ้นสิ้นใจ ก่อนจะทอผ้าเสร็จ เพราะอะไรบ่มีผู้ใดฮู้ดอกเจ้า คนเก่าๆ บางคนก็ว่าเปิ้นตรอมใจตาย แต่บางคนก็ว่ามีคนในคุ้มเจ้าหลวงวางยาพิษเจ้านางมณีริน” วันดาราถ่ายทอดเรื่อง
เรรินฟังแล้วอึ้ง ขนลุกเย็นยะเยือก รู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ
ooooooo
สุริยวงศ์คลานเข้ามากราบบัวเงินที่นั่งรออยู่ บัวเงินต่อว่าหลานชายเรื่องวงพระจันทร์
“เจ้าทำจะอี้ เป็นใครเข้าก็ต้องคิดว่า เจ้ารังเกียจรังงอน”
“คุณย่าครับ ผมบ่ได้คิดอะหยังกับวงพระจันทร์ นอกจากความเป็นเพื่อนกันเท่านั้นครับ”
“เจ้ากำลังจะบอกย่าว่า เจ้ามีแม่หญิงที่หมายตา เอาไว้แล้ว ยังงั้นสิ”
“บ่ ดอกครับ คุณย่า ผมรู้ครับว่าคุณย่าเป็นห่วงผม ผมจะบ่ยะอะหยังหื้อคุณย่าผิดหวังดอกครับ”
“หื้อโอกาส วงพระจันทร์มันบ้าง อย่างใดเสีย นั้นก็สายเลือดดี สืบโคตรไปได้ถึงปู่ย่าตาทวด ย่าหันมานักแล้ว ไอ้ที่ฮักกันจะเป็นจะตาย สุดท้ายมันก็บ่ได้ครองฮักกัน”
“คุณย่าหมายถึง ท่านปู่ศิริวัฒนาใช้ก่อครับ”
“ไปฮักคนที่บ่ได้ฮักตัว มองบ่หันความฮักที่อีกคนนี้ มันก็บ่ต่างจากบ่มีหัวใจหรอก” บัวเงินถอนใจ
เย็นวันเดียวกัน ธนินทร์แวะมาหาสรัญญาที่คอนโดฯเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ สรัญญาอ้อนให้เขาค้างกับเธอ แต่ธนินทร์ว่ามีประชุมเช้าต้องกลับไปเตรียมตัว
“นึกว่าจะรีบกลับไปเฝ้าคู่หมั้นซะอีก หมั้นกันตั้งหลายปี ยังไม่ได้แต่ง คุณยังอุตส่าห์รออีกเหรอ ใครๆเขาก็พูดกันระหว่างคุณกับเรริน ดูยังไง้ เคมีมันก็ไม่ทำงาน ฉันไม่ได้แช่งนะ แต่ฉันว่าคุณกับเรริน เป็นคู่ที่ไปด้วยกันไม่รอดหรอก”
No comments:
Post a Comment