Wednesday, August 31, 2011

เรื่องย่อ รอยใหม ตอน3 ช่อง3


ตอนที่ 3

ไหมแมสงสัยว่าเรรินกลับไปหรือยัง จึงเดินออกมาดู เธอเห็นจักรยานจอดอยู่ ก็กลัวจะแอบเข้าไปทอผ้าอีกจึงลงไปดูชั้นล่าง เมื่อสวนกับช่างไฟ เธอถามหาเรริน ช่างยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในห้องทอผ้าแน่นอน แต่ไหมแมไม่วางใจ รีบเข้าดูให้เห็นกับตา

เรรินที่ซ่อนตัวอยู่หน้าเสีย กลัวไหมแมพบ เธอทำใจดีสู้เสือ ส่งยิ้มให้ไหมแมที่เดินตรงเข้ามา แต่ต้องแปลกใจ เมื่อไหมแมเดินผ่านไปเฉย ราวกับเรรินไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

ไหมแมเดินหาเรรินจนทั่วแต่ไม่พบจึงหันไปหยิบผ้าขาวมาปิดผ้าส่วนที่ทอไม่เสร็จไว้ตามเดิม แล้วเดินออกไปพร้อมล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา เพราะเข้าใจว่าเรรินคงขึ้นไปจุ้นจ้านอยู่ชั้นบนแล้ว

ด้านเรรินยังงงไม่หาย หันมาถามเจ้าศิริวัฒนาว่าทำไมไหมแมจึงไม่เห็นเธอ

“เรื่องบางเรื่องก็เป็นความจริงที่เหนือความจริง ยากที่จะเข้าใจ”

“ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่เข้าใจ”

“คุณจะทอผ้าต่อไหม” เจ้าศิริวัฒนาเปลี่ยนเรื่อง

“ใจฉันอยากจะทอทั้งวันทั้งคืนอยากจะให้ผ้าผืนนี้เสร็จสมบูรณ์จะแย่อยู่แล้วค่ะ”

“ถึงเวลาที่มันจะเสร็จสมบูรณ์จริงๆคุณอาจจะไม่อยากให้มันเสร็จก็ได้”

“คุณพูดอะไรคลุมเครือเสมอ วันนี้ฉันคงทอได้เท่านี้เพราะตอนนี้ฉันห่วงมากกว่าว่า ฉันจะออกไปจากห้องนี้ได้ยังไงคุณไหมแมเขาล็อกประตูคล้องกุญแจเสียแล้ว”

“ไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่จะออกไปจากห้องนี้เพียงแต่คุณอาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย” เจ้าศิริวัฒนามองไปที่ช่องระบายอากาศขนาดเล็ก แต่พอจะให้เรรินมุดออกไป

เรรินปีนออกมาทางช่องระบายได้สำเร็จ ไหมแมที่กำลังตามก็มาพบเข้าพอดี หญิงสาวปั้นยิ้มสู้อ้างว่าออกมาเดินเล่น

“สุมาเต๊อะเจ้าแถวนี้เป็นเขตหวงห้ามเป็นตี้ส่วนบุคคลเน้อเจ้า บ่ใจ่สวนสาธารณะ เจินคุณออกไปได้แล้วละเจ้า พิพิธภัณฑ์จะปิดแล้วโตย” ไหมแมเดินคุมเชิงต้อนเรรินออกไป

เรรินจำใจจูงจักรยานเดินออกจากคุ้ม คิดหาหนทางกลับเข้าไปทอผ้าต่อให้เสร็จ จู่ๆรถของสุริยวงศ์ก็แล่นเข้ามาประกบ เพราะชายหนุ่มรู้จากวันดาราว่า เรรินออกมาจากรีสอร์ตตั้งแต่เช้า เขาเชิญเธอไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านก่อน
ระหว่างนั่งดื่มกาแฟ สุริยวงศ์คุยให้เรรินฟังญาติทางคุ้มเจ้าหลวงมีโครงการจะเปิดคุ้มเป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะทุกอย่างยังอยู่สมบูรณ์ และถ้าเรรินได้เข้าไปดูคงชอบ

“เหรอคะ” เรรินเริ่มเห็นลู่ทาง

“อีกสองวันจะมีงานเลี้ยงประจำตระกูล ความจริงก็งานรวมญาตินั่นแหละครับจัดทุกปีที่คุ้มเจ้าหลวง คุณรินสนใจไปด้วยกันไหมล่ะครับ”

“ฉันจะเข้าไปได้ยังไงล่ะคะ  ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ซะหน่อย”

“ก็ไปเป็นแขกของผมกับพี่วันไงครับ” สุริยวงศ์สรุป

เรรินพบความหวังเรืองรอง

ooooooo

วงพระจันทร์ที่มีเฝือกอ่อนดามคอ เดินเชิดคอแข็งเข้ามาทักสุริยวงศ์

“คุณไปทำอะไรมา” สุริยวงศ์แปลกใจ

“แอกซิเดนท์ นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่ซีเรียสอะไร” วงพระจันทร์ตอบพลางปรายตามองเรรินด้วยหางตา แล้วสำแดงภูมินักเรียนฝรั่งเศสถามสุริยวงศ์ด้วยสำเนียงเริด “ใครกันแม่คนนี้ คุณจะไม่แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอคะ”

“นี่คุณเรรินเป็นแขกของพี่วันดารา คุณรินครับนี่

วงพระจันทร์ จะว่าไปก็เหมือนลูกพี่ลูกน้องผมล่ะครับ เพราะท่านพ่อของผม กับท่านแม่ของวงพระจันทร์เขาก็เป็นญาติกันห่างๆ”

วงพระจันทร์ขัดใจที่สุริยวงศ์แนะนำเธออย่างนั้น

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณวงพระจันทร์” เรรินยิ้มให้

“ดูไกลๆก็พอดูได้ ดูใกล้ๆก็งั้นๆ จืดๆ ชืดๆ” วงพระจันทร์ตอบกลับเป็นภาษาฝรั่งเศส

เรรินสงบนิ่งเป็นปกติทั้งที่ฟังรู้เรื่องทั้งหมด

สุริยวงศ์ฉุนแทน ถามวงพระจันทร์ว่ามีธุระอะไร เรรินเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี ก็ขอตัวกลับ สุริยวงศ์อาสาไปส่ง แต่ขอเข้าไปสั่งงานเด็กๆที่หลังร้านก่อน

“คุณมาเชียงใหม่ทำไม มาเที่ยวเฉยๆหรือ” วงพระจันทร์ยิงคำถาม

“ก็ทำนองนั้นแหละค่ะ”

“เชียงใหม่ไม่เห็นมีอะไรเลย ก็เหมือนๆกรุงเทพฯน่ะแหละ คุณจะกลับเมื่อไหร่ล่ะคงอยู่ไม่กี่วันใช่ไหม” วงพระจันทร์ทิ้งท้ายก่อนเดินตามสุริยวงศ์ไป

วงพระจันทร์เข้ามาต่อว่าสุริยวงศ์เรื่องคอยเทียวรับเทียวส่งเรริน พร้อมให้เหตุผล “คนสมัยนี้เสือสิงห์กระทิงแรดกันทั้งนั้น ดูแต่หน้าตาไม่ได้หรอกแม่คนนี้ทำท่าหงิมๆแต่จริงๆแล้วมาทำอ่อยคุณ เพราะมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าคุณนามสกุลอะไร”

“ขอบใจนะวงพระจันทร์ที่อุตส่าห์เตือน แต่ผมจะคบใครเป็นเพื่อน ผมคิดเองได้”

“หมายความว่าคุณจะคั่วแม่นี่ต่อไป”

“คุณเองบอกให้ผมแคร์นามสกุล แต่คุณไม่รู้ตัวรึไง ว่าแต่ละอย่างที่คุณคิด คุณพูดออกมามันทำให้นามสกุลดูแย่ลงไปขนาดไหน”

“คุณไม่มีทางได้ชื่นมื่นกับแม่คนนี้หรอก เพราะยังไง คุณย่าก็ไม่ชอบขี้หน้ามัน” วงพระจันทร์ทิ้งไม้ตาย

ooooooo

ด้านบัวเงิน เธอเข้ามาเรียกผีอีเม้ยในห้อง เพื่อถามเรื่องราวของเรริน ที่ใช้ให้ไปสืบ

“อีนังคนนั้นมันไปตี้คุ้มเจ้าหลวงเจ้าหม่อม บ่ฮู้ว่ามันไปยะอะหยั่ง เม้ยตวยมันเข้าไปบ่ได้ แต่มันเข้าไปอยู่ในนั้นเกือบทั้งวันเจ้า” อีเม้ยรายงานนาย

บัวเงินนั่งอึ้งคิดหนัก เป็นเวลาเดียวกับที่วงพระจันทร์ถามสุริยวงศ์เรื่องไปงานเลี้ยงที่คุ้มเจ้าหลวง เพราะจะให้ชายหนุ่มไปรับด้วย

“คุณย่าบัวเงินท่านสั่งเอาไว้ว่าให้วงพระจันทร์ไปกับคุณ ยังไงคุณก็ต้องไปรับคุณย่าอยู่แล้วนี้คะ วงพระจันทร์จะไปรอที่บ้านคุณย่าบัวเงินละกัน” วงพระจันทร์รวบรัดไม่ยอมให้สุริยวงศ์ได้ปฏิเสธ


เมื่อได้ข้อสรุปที่น่าพอใจแล้ว วงพระจันทร์ก็ลากลับ สุริยวงศ์จึงมีโอกาสพาเรรินมานมัสการพระธาตุลำปางหลวงก่อนพากลับรีสอร์ต
“คุณรินไม่เบื่อที่จะเข้าวัดใช่ไหมครับ พี่วันเปิ้นก็มานั่ง วิปัสสนาที่วัดนี้แทบทุกวันพระละครับ” สุริยวงศ์ชวนคุย
“วัดสวยๆอย่างนี้ เข้ามากี่ครั้งก็ไม่เบื่อหรอกค่ะ ตรงกันข้าม ฉันรู้สึกผูกพันกับวัดนี้ยังไงก็ไม่ทราบค่ะ ที่นี่ทำให้พอจินตนาการออกนะคะว่าสมัยที่อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดน่ะงดงามขนาดไหน ฉันขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ อาจจะใช้เวลาสักหน่อย” เรรินขยับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินหามุมสวยๆ
สุริยวงศ์ตามดูแลไม่ห่าง แล้วทั้งคู่ก็ได้พบกับกลุ่มของสรัญญากับเพื่อนๆ สรัญญาไม่ชอบใจนักกลัวเรรินจะมาเป็นมารหัวใจเธออีกจึงแกล้งเปรยเรื่องธนินทร์ แต่เรรินไม่ใส่ใจเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
สุริยวงศ์กลัวหญิงสาวจะไม่พอใจรีบตามไปอธิบาย “คุณหลี คุณยุ้ย เธอเป็นลูกค้าประจำที่ร้านผมน่ะครับ เธอเพิ่งแนะนำให้ผมรู้จักคุณสรัญญาเมื่อวาน คุณน่าจะดีใจนะครับที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่นี่”
“ฉันกับสรัญญาไม่ได้สนิทอะไรกันมากหรอกค่ะ ก็แค่เพื่อนร่วมงาน ทำงานใกล้ๆกันเท่านั้นเอง”
“แต่ท่าทางเขาเหมือนสนิทกับคุณรินมากเลยนะครับ” สุริยวงศ์ยังข้องใจ
เรรินไม่ตอบอะไรเดินหามุมถ่ายรูปต่อ สุริยวงศ์เตือนว่า พื้นแถวนั้นลื่นให้จับมือเขาไว้ แต่เรรินดื้อดึงจะเดินเอง แล้ว ความซวยก็มาเยือน เพราะเธอลื่นเสียหลักจะล้ม แต่คว้ามือสุริยวงศ์ไว้ทัน เป็นจังหวะเดียวกับที่สรัญญาเก็บภาพได้พอดี เพราะเธอจับตาดูทั้งสองอยู่
สรัญญากดส่งภาพประทับใจผ่านมือไปให้ธนินทร์ ทำให้ธนินทร์โกรธมากโทร.มาสอบถามว่า เธอได้รูปนี้มาจากไหน สรัญญาพูดยั่วว่า เธอถ่ายเองกับมือ แต่ถ้ายังดูไม่อิ่มจะออนแอร์สดๆให้ดูตอนนี้ก็ยังได้
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหน” ธนินทร์ขบกรามแน่น
ooooooo
ขณะที่สรัญญาแต่งเรื่องให้ร้ายเรรินอยู่นั้นสุริยวงศ์ก็พาเรรินมาส่งที่รีสอร์ต วันดาราเดินออกมารับ เช่นเคย แต่เรรินยังหงุดหงิดเรื่องสรัญญา จึงขอตัวไปพักผ่อน วันดาราผิดสังเกตจึงถามน้องชายว่า เกิดอะไรขึ้น
“บ่มีอะหยังดอกครับปี้วันเปิ้นปะคนตี้บ่อยากจะปะเท่าอั้นเน่าะ”
“แล้ววันงานเลี้ยงตั๋วจวนคุณรินเปิ้นแล้วกา”
“จวนแล้วครับท่าทางเปิ้นสนใจ๋ เปิ้นว่าอยากจะผ่อวัฒนธรรมเก่าๆของล้านนาอยู่เหมือนกั๋น ผมกำลังจะบอกปี้วันอยู่เหมือนกั๋นว่า ผมคงมาฮับพี่วันกับคุณรินบ่ไดเพราะผมคงต้องไปฮับคุณย่าเปิ้นครับ”สุริยวงศ์ทิ้งท้าย
ด้านธนินทร์เมื่อฟังเรื่องราวจากสรัญญาจบ ก็รีบมาต่อว่าพรรณวรินทร์ เพราะไม่พอใจที่เธอปกปิดเรื่องเรรินอยู่เชียงใหม่พร้อมกับโชว์ภาพเรรินที่สรัญญาส่งมาให้ดู
“นี่มันอะไรกันธนินทร์แม่ไม่เข้าใจ”พรรณวรินทร์เป็นงง เมื่อเห็นลูกสาวจับมือถือแขนกับชายคนหนึ่ง
“มันก็ไม่น่าจะซับซ้อนจนคุณแม่ไม่เข้าใจนี่ครับ ลูกสาวคุณแม่ไปร่าเริงอยู่กับชายที่ไหนก็ไม่รู้ที่เชียงใหม่โน่น สมัยนี้เขาเรียกมีกิ๊กไงครับแต่ผมว่ามันไม่สะใจ ยังงี้ต้องเรียก มีชู้มันถึงจะถูกใช่ไหมครับคุณแม่” ธนินทร์ตะคอกใส่
พรรณวรินทร์นั่งใจสั่นรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
เวลาเดียวกันนั้นเอง บ่าวคลานเข้ามารายงานบัวเงิน “แม่คุณเจ้า...คุณสุริยะโทร.มาบอกฮื้อเรียนคุณแม่ว่า วันงานตี้ คุ้มเจ้าหลวงคุณสุริยะเปิ้นจะมาฮับแม่คุณ ตอนแลงหกโมงเจ้า” แต่บัวเงินนิ่งเหมือนไม่รับรู้อะไร บ่าวจึงถามต่อ “วันงานแม่คุณจะนุ่งผ้าผืนใดเจ้า ข้าเจ้าจะได้เตรียมเอาไปทำความสะอาดรีดหื้อ”
บัวเงินยังคงนิ่งเฉย จนบ่าวเดาอารมณ์ไม่ออกก็ชักกลัวเลยคลานถอยออกไป สักพักบัวเงินก็ลุกเดินเข้าห้องไปเปิดหีบไม้เก็บผ้าโบราณออก แล้วหยิบผ้าซิ่นไหมยกดิ้น เงินตระกูลผ้าลำพูน สีดอกตะแบกออกมาลูบคลำ พลัน...ความทรงจำในอดีตค่อยๆกลับมา
ในค่ำคืนนั้น บัวเงินในวัยสาวสะพรั่งสวมผ้าซิ่นยกดิ้นเงิน สีดอกตะแบกเข้ามารับใช้เจ้าศิริวัฒนาในห้อง
“เจ้ามาแล้วกา บัวเงิน”ผู้เป็นเจ้าของห้องหันมาทัก
“เจ้าปี้ เจ้า”บัวเงินส่งยิ้มหวานบาดใจ
“วันนี้ปวดเมื่อยไปตึงตั๋วเจ้านวดฮื้อปี้ได้ก่อ” เจ้าศิริวัฒนา เดินมาที่เตียง
“ได้เจ้า” บัวเงินขยับมาที่พื้นใกล้ศิริวัฒนาแล้วเริ่มบีบนวดขาให้
“ไผก่อนวดเก่งสู้เจ้าบ่ได้นะบัวเงิน”
“อู้จะอี้หมายความว่า เจ้าปี้เกยฮื้อไผนวดฮื้อกาเจ้า”
“เกย ก็ หมอนวดของเจ้าป้อเจ้าแม่เปิ้นน้าก๊า แต่เปิ้นก็มือหนักจนปี้ปวดระบมไปตึงตั๋ว”
“ถ้าเป๋นหมอนวดของเจ้าป้อเจ้าแม่ ก็แล้วไปเจ้า”บัวเงินทำจริต
“เวลาเจ้างอนนี่น่าเอ็นดูแต้ๆ บัวเงิน”
“ก่อข้าเจ้ากั๋ว กั๋วว่าเจ้าปี้จะหันคนอื่นดีกว่าบัวเงินจะฮักคนอื่นมากกว่าบัวเงิน”
“กั๋วอะหยังบ่เข้าเรื่อง ตี้ปี้ฮ้องใจ้เจ้ากู้คืนจะอี้ บ่ได้หมายความว่าปี้หันเจ้าสำคัญกว่าคนอื่นกา” เจ้าศิริวัฒนาเอื้อมมือมาจับมือบัวเงินแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นพลางเอ่ยชมซิ่นที่เธอนุ่งว่างามแท้ๆ
“ก็ซิ่นผืนนี้เจ้าปี้หื้อบัวเงินตั้งแต่วันปี๋ใหม่ปี๋ตี้แล้วจะไดเจ้า ปี๋นี้ข้าเจ้ายังรออยู่ว่าเจ้าปี้จะหื้อซิ่นอะหยังบัวเงินหรือว่าเจ้าปี้จะลืมไปแล้วก็บ่ฮู้ ว่าบัวเงินรออยู่”
“บ่ลืมหรอก จะลืมได้จะได” เจ้าศิริวัฒนาดึงตัวบัวเงินเข้ามาจูบๆ
บัวเงินทำเอียงอายแต่ก็ไม่ปัดป้อง หลังจากอยู่รับใช้เจ้าศิริวัฒนาจนท่านพอใจแล้ว บัวเงินก็กลับมาที่ห้อง ผ้าซิ่นยกสีดอกตะแบกที่เคยสวม ถูกวางไว้บนเตียง อีเม้ยขยับเข้ามาพับผ้าผืนนั้น บัวเงินหันมากำชับบ่าว
“อีเม้ย มึงต้องคอยผ่อหื้อดีๆว่ามีอีหน้าไหนมันมาแอบส่งสายตาหื้อเจ้าของกูรึเปล่า”
“หม่อมบ่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเจ้า ทั้งคุ้มเจ้าหลวง นี่บ่มีไผมันกล้ายะจะอั้นหรอกเจ้า แต่เวลาเจ้าเปิ้นออกไปนอกคุ้ม เม้ยก็บ่แน่ใจ๋”
“มึงทำหื้อกูกังวล”
“โถ หม่อมเจ้าขา เม้ยบ่ได้แกล้งอู้เอาใจ๋ หม่อมเจ้า ทั่วทั้งเจียงใหม่นี่บ่มีไผจะงามสู้หม่อมบัวเงินของเม้ยไดหรอกเจ้า หม่อมอย่ากังวลไปเลย”
“วันไหนกูได้อภิเษกกับเจ้าปี้ศิริวัฒนาได้เป็นชายาเอกของเปิ้น มึงก่อจะได้สุขสบาย ได้เป็นใหญ่ในคุ้มเจ้าหลวงนี่เหมือนกั๋นกูบ่ลืมมึงหรอกอีเม้ยเอ๊ย” แววตาบัวเงินเต็มไปด้วยความหวัง เรื่องราวมากมายเกิดและฝากฝังความเจ็บแค้นไว้ในแววตาของบัวเงินในวันนี้
“คนบ่มีสัจจะ...คนบ่มีหัวใจ๋” บัวเงินตัดพ้อ เพราะเหนื่อยเหลือทนแล้ว
ooooooo
วันดารานำผ้าโบราณที่เธอสะสมไว้มาให้เรรินเลือกเพื่อนุ่งไปงานที่คุ้ม
“รินนุ่งกระโปรงเรียบร้อยๆไปก็พอมั้งคะพี่วัน” เรรินเกรงใจ
“บ่ได้งานนี้งานใหญ่ แขกทุกคนต้องแต่งตัวผ้าเมือง ขืนคุณรินนุ่งกระโปรงตัวเสื้อตัวต้องถูกมองแน่ๆเจ้า เลือกไปเต๊อะฮักผืนไหมก้อหยิบออกมาเลยปี้จะไปดูเครื่องประดับหื้อก่อน” วันดาราขยับไปเปิดตู้หยิบกล่องเครื่องประดับออกมาเลือก
ขณะที่เรรินหยิบผ้าโบราณออกมาทีละชิ้นๆจนเห็นผ้าผืนหนึ่งในหีบ เธอตะลึงมองราวต้องมนต์สะกดแล้วค่อยๆ หยิบมันขึ้นมาพลางเอ่ยกับวันดาราว่า จะขอนุ่งผ้าผืนนี้
วันดาราหันมาเห็นก็ชอบใจบอกเล่าที่มาของผ้าซิ่นผืนนี้ว่า แต่เดิมเป็นของเจ้านางมณีริน
“แล้วพี่วันได้ผ้าผืนนี้มาได้ยังไงคะ” เรรินสนใจ


No comments:

Post a Comment