Saturday, August 13, 2011

ตะวันเดือด ตอน5 บทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ณพุทธ สุศรีฯ


ตอนที่ 5

สิงห์ทั้งเศร้าสะเทือนใจและแค้นใจมากที่เดชาฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงท้องแก่ เขาขี่ม้ากลับมากับพวกเดชาอย่างซึมเศร้า ภูตะวันมองสิงห์ด้วยความเป็นห่วง จึงชักม้าขึ้นมาเคียงข้าง

เมื่อกลับมาถึงไร่ฟ้ารุ่ง พรกับสาลี่และพวกคนงานพากันปรบมือต้อนรับพวกเดชาราวกับวีรบุรุษที่ไปตามวัว ที่ถูกปล้นกลับคืนมาได้ เพชรรุ้งกับพลอยขวัญออกมาดูอย่างชื่นชม

เพชรรุ้งถามว่าจับพวกโจรได้รึเปล่า เดชาคุยโวว่าพวกมันขัดขืนเลยถูกฆ่าตายหมด พูดแล้วหันไปถามสิงห์ว่าใช่ไหม สิงห์ไม่ตอบแต่ขยับจะเดินหนี เพชรรุ้งมองอย่างผิดสังเกตเธอมองไปทางภูตะวันเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ภูตะวันก็เก็บความรู้สึกได้ดีจนไม่มีอะไรผิดสังเกต เขาเดินตามสิงห์ไปเงียบๆ

เมื่อถึงโรงม้า ภูตะวันบอกสิงห์ว่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว แกต้องลืมมันไปเสีย”

“เหมือนที่แกทำอยู่ใช่ไหม” สิงห์ถาม ภูตะวันเงียบ สิงห์พูดต่อไปว่า “มีคนเคยถามฉัน เขาสงสัยว่าแกเป็นใครกันแน่ ฉันเองก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมแกต้องโกหกเรื่องชื่อแซ่ด้วย แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้ว คนเราบางครั้งก็อยากลืมว่าตนเองเคยเป็นใคร”

พูดแล้วสิงห์เดินไป ทิ้งให้ภูตะวันมองตามอย่างสงสัยว่าใครกันหรือที่กำลังจับผิดตนอยู่

ฝ่ายสนหัวหน้าโจรที่นำกำลังกลับมาถึงกระโจมที่พัก เมื่อรู้ว่าถูกพวกไร่ฟ้ารุ่งมาเอาวัวกลับไปหมดแล้ว มันถามว่ามีพวกเจ้าหน้าที่มาด้วยหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าไม่มี มันคำราม

“ข้าไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่ งานนี้มันต้องมีคนชดใช้”

ooooooo

เพราะภูตะวันได้เป็นการ์ดแล้ว คืนนี้พรจึงหอบที่นอนของเขามาให้บอกว่าตั้งแต่คืนนี้ไม่ต้องนอนที่โรงม้า แล้ว ให้ไปนอนที่ห้องสิงห์ เรือนพักของพวกการ์ด แล้วบอกภูตะวันว่า

“คุณหนูเพชรรุ้งให้แกไปพบที่เรือนใหญ่ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะ คุณศักดามีบุญคุณกับพวกเรา คุณหนูทั้งสองคนก็เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าแกทำอะไรคุณหนูละก็ เจอดีแน่!”

เมื่อภูตะวันขึ้นไปหาเพชรรุ้งที่ห้องทานข้าวบนเรือนใหญ่แล้ว เธอแสดงความยินดีด้วยที่เขาได้เป็นการ์ดเต็มตัวแล้ว เล่าว่า “เดชาบอกว่านายทำงานได้ดีมาก”

ภูตะวันพูดเรียบๆ ว่าตนก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น เพชรรุ้งจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นทำไมสิงห์ถึงได้กลายเป็นแบบนั้น ภูตะวันทำไขสือตอบว่า “สิงห์ปลอดภัย เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ”

เพชรรุ้งย้ำว่าร่างกายสิงห์ไม่บาดเจ็บแต่จิตใจเขาเหมือนโดนมาอย่างหนัก ภูตะวันก็ยังตอบเลี่ยงๆ ว่าผู้ชายทุกคนต้องมีสักครั้งในชีวิตที่เป็นแบบนี้ เพชรรุ้งชะงักถามว่าผู้หญิงอย่างตนไม่ควรรู้ใช่ไหม

“คุณมีหน้าที่ดูแลไร่ฟ้ารุ่งชั่วคราว ดังนั้น คนที่ต้องรับผิดชอบจริงๆ ก็คือพ่อของคุณต่างหาก”

“ฉันไม่รู้ว่าพ่อของฉันอยู่ไหน” เพชรรุ้งแกล้งบอก ภูตะวันมองหน้าถามอย่างจับพิรุธว่าแน่ใจหรือ “นายเสือ ฉันว่าทางที่ดี นายอย่าถามซอกแซกเรื่องพ่อฉันเลยดีกว่า ฉันไม่อยากระแวงนายอีกรอบ” เพชรรุ้งตัดบทแล้วยกไวน์ขึ้นจิบ ไม่พูดไม่ถามอะไรอีกเลย

ooooooo

พลอยขวัญเห็นอาการซึมเศร้าของสิงห์  คืนนี้เธอยกถาดอาหารไปเคาะประตูห้องเรียกเขาบอกว่า เห็นพรบอกว่าเขาไม่ยอมทานข้าวไม่สบายหรือเปล่า สิงห์ส่ายหน้า เธอถามว่ามีอะไรไม่สบายใจก็เล่าออกมา ในฐานะที่เขาเคยช่วยตนเอาไว้ ตนสัญญาว่าจะไม่บอกใคร สิงห์จึงยอมเล่าประวัติตัวเองว่า

“บ้านเกิดของผมอยู่ที่ภูพยัคฆ์ ที่นั่นมันป่าเถื่อนพอๆกับภูพระกาฬ แต่ต่างกันตรงที่ภูพระกาฬไม่เคยมีสงครามและก็ไม่ได้อยู่ติดชายแดนเหมือนภู พยัคฆ์”

สิงห์นิ่งไปเหมือนทำใจก่อนที่จะเล่าต่อไปว่า

“แม่กับพี่ชายแล้วก็น้องสาวผมเสียชีวิตไปตอนผมอายุได้เจ็ดขวบ ต่อหน้าต่อตาผม แต่ผม...ผมไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากยืนดูพวกเขาฆ่าทุกอย่าง เหมือนกับวันนี้ไม่มีผิด ผม...ผมทำอะไรไม่ได้ ผมทำไม่ได้เลย ผมปกป้องใครไม่ได้”

สิงห์สะอื้นฮักออกมาจนตัวสะเทือน พลอยขวัญสงสารจนยกมือลูบบ่าเขาอย่างปลอบใจ

ooooooo

คุยกับเพชรรุ้งแล้วภูตะวันเดินกลับที่พัก เขาเหลือบมองไปที่ห้องอาหาร เห็นแสงไฟยังสว่างอยู่จึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงานของเพชรรุ้ง ตรงเข้าไปค้นหาเอกสารบางอย่าง

พรที่จับตาดูภูตะวันอยู่แล้ว เข้ามาเอาปืนจี้เขาบังคับจะพาไปหาเพชรรุ้งเพื่อให้ไล่ออก แต่ภูตะวันอาศัยทีเผลอ

ของพรพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายกระทำแย่งปืน และจับพรเหวี่ยงกระแทกผนัง อุดปากไว้ไม่ให้เอะอะ

ภูตะวันตัดสินใจเปิดคอเนื้อตัวเองให้พรดูแผลเป็นที่บ่าถามว่า “ทีนี้จำฉันได้รึยัง”

พรตะลึงงัน จำได้ทันทีว่าเขาคือภูตะวัน แผลนั้นเกิดจากการปีนเก็บผลไม้แล้วพลาดตกลงมาของเขาในวัยเด็ก พรดีใจเมื่อรู้ว่าภูตะวันยังไม่ตาย ทั้งสองจึงชวนกันไปนั่งคุยที่ข้างโรงนา

มาถึงโรงนาทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ พลอย–ขวัญมองจากหน้าต่างเห็นเข้านึกว่าทั้งคู่วิปริต เก็บความสงสัยไว้จนวันต่อมา จึงเรียกภูตะวันไปถามว่าเมื่อคืนคุยอะไรกับนายพร สองคนชอบกันหรือ

ภูตะวันแกล้งโง่บอกว่าตนชอบพร เพราะเป็นพี่ชายของสิงห์ พลอยขวัญย้ำถามว่าไม่มีอย่างอื่นนะ เมื่อภูตะวันพยักหน้าเธอปรารภว่า

“ฉันเข้าใจ คนที่ไร้ญาติขาดมิตรอย่างนาย ก็คงอยากมีครอบครัวใช่ไหม ไอ้ฉันเองก็ไม่เคยมีพี่ชายเหมือนกันนะ”

ภูตะวันฟังไปอย่างนั้นเอง จนพลอยขวัญถามว่าไม่สนใจบ้างหรือ เมื่อเขาบอกว่าไม่กล้าตีสนิทกับเธอ เพราะเธอเป็นเจ้านาย ส่วนตนเป็นลูกน้อง พลอยขวัญเลยตัดบทงอนๆว่าตามใจ ตนก็ไม่อยากสนิทด้วยหรอก แล้วเดินหนีไปขึ้นม้า แต่อารามรีบร้อนเลยเฆี่ยนม้าแรงไปหน่อย ม้าตกใจสะบัดจนเธอตกจากหลัง

ภูตะวันรีบเข้าไปดูแล ประคองเธอขึ้นมา พลอยขวัญเขินถามว่าทำแบบนี้จะดีหรือ เดี๋ยวใครเขามาเห็นเข้า ภูตะวันเลยเสนอให้เธอกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวตนจะพาไปเอง

ขณะภูตะวันพาพลอยขวัญไปส่งที่เรือนใหญ่นั่นเอง สิงห์เห็นเข้ามองตาค้าง พึมพำอย่างแค้นใจว่า

“เพื่อนเรา...มันเผาเรือนจนได้ โธ่ไอ้เสือ!”

สิงห์เตะฝุ่นปาหมวกอย่างฉุนเฉียว โดยไม่รู้เลยว่าเดชากับศรผ่านมาเห็น เดชายิ้มกริ่มอย่างสะใจที่จับจุดเปราะบางระหว่างสิงห์กับภูตะวันได้

ooooooo

เพื่อขอบใจพวกการ์ดในไร่ที่ไปเอาวัวที่ถูกปล้นกลับคืนมาได้ เพชรรุ้งให้สาลี่เตรียมอาหารเลี้ยงขอบใจ ระหว่างนั้น ภูตะวันประคองพลอยขวัญกลับมาพอดี เพชรรุ้งถามว่าเป็นอะไร พอรู้ว่าน้องสะดุดล้มเพชรรุ้งถามว่าเจ็บมากไหม จะไปหาหมอไหม พลางบอกภูตะวันให้กลับไปเสียเดี๋ยวตนจะดูแลน้องเอง

แต่พอภูตะวันหันหลังไปเท่านั้น พลอยขวัญก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องไปหน้าตายเฉย สาลี่อมยิ้มพูดอย่างรู้ทันว่า พออยู่กับนายเสือทีไรพลอยขวัญก็ดูบอบบางมากทุกที ทำให้เพชรรุ้งสะดุดใจขึ้นมา

ฝ่ายพร จากที่คุยกับภูตะวันเมื่อคืน เขาบอกว่าต้องแก้แค้นพวกที่ฆ่าพ่อกับแม่ตนให้ได้ ซึ่งพรรู้ดีว่าภูตะวันหมายถึงศักดา ทำให้ไม่สบายใจ แต่ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็ต้องปวดหัวหนักขึ้นไปอีก เมื่อสิงห์ฮึดฮัดเข้ามาด่าภูตะวันว่าหักหลังตน มาจีบผู้หญิงตัดหน้าตน

“เอ็งก็ไปบอกไอ้เสือมันดีๆสิวะ ว่าเอ็งชอบผู้หญิงคนไหน ถ้ามันเกรงใจเอ็งเดี๋ยวมันก็หลีกทางให้เองแหละ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นใครวะ”

“คุณพลอยขวัญ”

“อ๊ายยยย นรกแล้วไงไอ้พร ฉิบหายแล้ว!”พรวิ่งออกจากครัวไปทันที สิงห์เลยงงว่าพี่ชายเป็นอะไร

ooooooo

ไม่นานนัก ที่ภูพระกาฬก็มีข่าวว่าจะมีนายอำเภอคนใหม่มาที่นี่ เพราะทางการได้รับการร้องเรียนว่าเมืองภูพระกาฬตกอยู่ภายใต้อิทธิพลเถื่อน ทางการค้า

จรัญถามสมใจว่าพอรู้บ้างไหมว่าชาวบ้านคนไหนไปร้องเรียน สมใจตอบไม่กล้าสบตาว่าไม่รู้ ทำให้จรัญกับถาวรสงสัยว่าเป็นฝีมือของสมใจ

เมื่อสมใจกลับมาที่โต๊ะทำงานก็รีบเอาจดหมายรับคำร้องของทางการมาจุดไฟเผาทิ้งทันทียกมือท่วมหัวภาวนา

“เจ้าประคุ้ณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภูพระกาฬ ช่วยดลบันดาลให้นายอำเภอคนใหม่มากวาดล้างคนชั่วในเมืองนี้เร็วๆด้วยเถิด สาธุ ถ้าถูกจับได้ว่าเป็นคนร้องเรียนไปล่ะก็...กูตายแน่”

พรวิ่งจากสิงห์กลับมาที่เรือนพักคนงานตามหาจนเจอภูตะวัน รีบเข้าไปบอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่ตนยังไม่ได้บอกเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าไม่ได้บอกคงนอนตายตาไม่หลับแน่ แล้วเข้าไปกระซิบ...

“คือว่าคุณพลอยขวัญ เธอ...เป็น...”

สิงห์เข้ามาตามภูตะวันไปประชุมพอดี พรเลยไม่ได้พูดเรื่องสำคัญให้ภูตะวันฟัง

ooooooo

ระหว่างเลี้ยงขอบคุณพวกการ์ดที่ห้องทานข้าวเรือนใหญ่ไร้ฟ้ารุ่งนั้น ทั้งเพชรรุ้งและเดชาต่างแสดงความโล่งใจเชื่อว่าหลังจากนี้พวกโจรคงเข็ดไปอีก นาน เพชรรุ้งชวนดื่มเพื่อเดชาและการ์ดทุกคน

สิงห์โพล่งออกมาว่าเรื่องคงไม่จบแค่นี้ เพราะตอนที่เราบุกไปที่รังโจรนั้น เราฆ่าพวกมันไปมากมายแถมยังทำร้ายคนในครอบครัวของมันด้วย เชื่อว่ามันต้องเอาคืนแน่

การพูดของสิงห์ทำให้เดชาและสมุนไม่พอใจหาว่าสิงห์ต้องการเรียกร้องความสนใจ รุมกันว่าสิงห์ต่างๆนานา จนภูตะวันขัดขึ้นว่า

“แต่ผมว่าไอ้สิงห์พูดถูก งานนี้พวกมันต้องล้างแค้นแน่”

เดชาจ้องหน้าภูตะวันบอกว่าพวกมันตายหมดแล้ว และที่ฆ่าผู้หญิงท้องแก่ก็เป็นอุบัติเหตุ กระนั้นภูตะวันก็เชื่อว่าพวกมันต้องกลับมาที่นี่ เดชาเป็นคนบังคับให้พวกมันต้องทำเพราะความแค้น เมื่อถูกศรปรามยํ้าว่าพวกมันตายหมดแล้ว ภูตะวันจึงชี้แจงเหตุผลของตนว่า

“วัวที่ตามกลับมายังหายไปอีกตั้งหลายตัว ไม่มีใครสงสัยบ้างหรือไง” กรณ์ขัดขึ้นว่ามันพลัดหลงไประหว่างทาง ภูตะวันโต้ว่า “เปล่า แต่ถูกต้อนไปขายต่างหาก ต้องมีพวกมันบางคนที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งป่านนี้มันคงรู้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นที่แคมป์”

จริงอย่างที่ภูตะวันพูด เพราะคืนนี้เอง สนก็มาหาจรัญที่บ้านพูดอย่างแค้นใจว่า พวกไร่ฟ้ารุ่งตามมาเอาวัวคืนไปไม่พอยังฆ่าพี่น้องของตนจนหมด ถามว่า ทำไมพวกนั้นจึงแกะรอยไวนัก ท่าทางจะรู้ด้วยซํ้าว่าพวกตนตั้งแคมป์อยู่ที่นั่น

จรัญยืนยันว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตน ถ้าพวกสนจะล้างแค้น ตนก็พอมีทางช่วย ทำให้สนชะงักมองจรัญอย่างสนใจ

ooooooo

หลังงานเลี้ยงขอบคุณของเพชรรุ้ง เดชามาเจอสิงห์ที่หน้าเรือนใหญ่ ด่าสิงห์ว่าคืนนี้พวกสิงห์เหยียบจมูกตนเต็มๆ เตือนให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วยเพราะนี่ไม่ใช่ถิ่นของตัวเอง ภูตะวันสวนไปว่าเขาเองก็ไม่ใช่เจ้าของไร่ฟ้ารุ่งเหมือนกัน

“วันนี้ยัง แต่ต่อไปไม่แน่ ระวังเงาหัวของแกกับเพื่อนเอาไว้ให้ดีเถอะ” พูดแล้วเดชาเดินนำศร กรณ์ และไกรออกไป

เมื่อกลับมาถึงห้องพัก สิงห์ขอบใจที่เขาช่วยพูดที่โต๊ะอาหาร บอกว่างานนี้เดชาคงเกลียดขี้หน้าพวกเราไปอีกนาน แล้วสิงห์ก็อดไม่ได้กำลังจะถามเรื่องภูตะวันชอบพลอยขวัญหรือเปล่า ก็พอดีพรมาเคาะประตูเรียกแล้วลากภูตะวันออกไปคุยกัน

ครั้งนี้พรบอกภูตะวันได้สำเร็จว่า พลอยขวัญเป็น น้องสาวแท้ๆของเขา แต่กำชับว่าเรื่องนี้ห้ามพูดออกไปเพราะยศสั่งไว้ว่าห้ามใครพูดเด็ดขาด เห็นภูตะวันยืนอึ้ง พรยืนยันว่า

“เชื่อผมเหอะคุณตะวัน ตอนที่คุณศักดาอุ้มคุณหนูมาที่ไร่ ผมเห็นกับตา ได้ยินแกพูดกับหูเลยว่าเด็กคนนี้คือน้องสาวคุณ เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากให้คุณแก้แค้น เชื่อผมเถอะคุณตะวัน คุณศักดาไม่ใช่คนร้ายหรอก”

“ฉันจะสืบเรื่องนี้เอง ส่วนนายอยู่เฉยๆก็แล้วกัน” ภูตะวันบอก พรได้แต่มองเขาอย่างลำบากใจ

เพียงวันต่อมา ภูตะวันก็ได้รับรู้จากปากของพลอยขวัญเองเมื่อเธอเล่าชีวิตของตัวเองให้ฟัง ว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของศักดา เป็นลูกที่เขาเก็บมาเลี้ยง พูดไปแล้วตนก็เหมือนตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร

ภูตะวันฟังอย่างเห็นใจ ในที่สุดทั้งคู่ยื่นก้อยเกี่ยวกันสัญญากันว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ลึกๆในใจของพลอยขวัญแล้วไม่ได้คิดกับภูตะวันแบบพี่น้อง เพียงแต่เก็บงำไว้เท่านั้น

ooooooo

วันนี้ มีชายแปลกหน้าสองคนคือณรงค์ กับเรียวลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เป็นคนสนิทเข้ามาที่ภูพระกาฬ ทั้งคู่เห็นสภาพแล้วรู้ถึงความเถื่อนของถิ่นนี้ วันแรกที่มาถึงก็ถูกพวกคนเถื่อนรีดไถ เมื่อไม่ยอมจ่ายก็ไปดวลกันที่ทางเสือผ่านโดยมีทรัพย์สินที่ติดตัวมาเป็นเดิม พัน

ณรงค์ถอดของมีค่าและถุงผ้าที่มีลวดลายสะดุดตาวางไว้ในหมวก ปรากฏว่าเขาดวลชนะ ได้ทั้งของตัวเองคืนและทรัพย์สินของคนเถื่อน

จากนั้นทั้งคู่เข้าไปนั่งดื่มกันที่โรงแรมสันติภาพของเฮียเส็ง จึงรู้จากเฮียเส็งว่านายอำเภอคนเก่าตายไปนานแล้วคนใหม่ก็ไม่รู้ว่าหายหัวไป ไหน   เรียวเหล่ไปทางณรงค์ พูดเปรยๆว่า

“อีกเดี๋ยวคงมามั้งเถ้าแก่เร็วๆนี้ล่ะ”

ที่แท้ณรงค์คือนายอำเภอคนใหม่มีตราแต่งตั้งที่อยู่ในถุงผ้ามาด้วย เขาหยิบถุงผ้านั้นขึ้นดูอย่างหนักใจกับตำแหน่งหน้าที่และความเถื่อนของที่ นี่

ooooooo

เพราะรู้ว่าระหว่างสิงห์กับภูตะวันนั้นมีจุดเปราะบางเรื่องพลอยขวัญที่สิงห์ ระแวงเพื่อนอยู่ ดังนั้นเดชาวางแผนยุยงเป่าหูให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน บอกสิงห์ที่กำลังคิดไม่ตกเรื่องภูตะวันกับพลอยขวัญว่า

“ไอ้เสือ เพื่อนของนายมันไว้ใจไม่ได้ แต่ก่อนหายไปกับคุณเพชรรุ้งแค่ครึ่งวันพอกลับมาก็ได้เป็นยาม แล้วนี่หายไปกับคุณพลอยขวัญ พอกลับมาสงสัยคงได้เป็น...”

ได้เรื่องจริงๆ! สิงห์คอยจนภูตะวันกลับมาก็เข้าไปเจรจาอย่างลูกผู้ชายว่าขอให้ภูตะวันหลีกทาง ให้ตนเพราะตนชอบพลอยขวัญ ภูตะวันพยายามชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพลอยขวัญกับสิงห์ ยํ้าว่าถ้าเพชรรุ้งรู้เรื่องนี้มีหวังสิงห์ถูกไล่ออกแน่

สิงห์ไม่เชื่อหาว่าภูตะวันขู่ เลยท้าดวลกันด้วยหมัดลุ่นๆ เดิมพันคือ ถ้าภูตะวันแพ้ต้องหลีกทางให้สิงห์ แต่ถ้าภูตะวันชนะก็แล้วแต่เขาต้องการ

ทั้งคู่ดวลหมัดกันเอาเป็นเอาตาย ทีแรกภูตะวันก็ออมๆ ฝีมือไว้แต่ถูกสิงห์เล่นงานเอาเป็นเอาตายเลยสั่งสอนเสียบ้าง

เรื่องรู้ถึงเพชรรุ้ง เรียกทั้งสองไปพบที่เรือนใหญ่ถามว่าทำไมต้องทะเลาะกัน ภูตะวันบอกว่าไม่ได้ทะเลาะกันเพียงแต่อยากประลองกำลังกันเฉยๆ เลยถูกเพชรรุ้งลงโทษด้วยการให้ไปทำงานในไร่สองอาทิตย์จนกว่าจะสำนึกว่าตัว เองมีหน้าที่อะไรกันแน่ เป็นยามหรือมาต่อสู้กันเอง

ระหว่างอยู่ไร่สิงห์รู้สึกผิดพยายามง้อภูตะวันแต่ฝ่ายนั้นก็ทำเฉย จนสิงห์ถูกกรณ์กับไกรมาหาเรื่องแล้วรุมกันซัดสิงห์ ภูตะวันจึงเข้าไปช่วยสิงห์ทั้งยังประกาศกร้าวว่า

“ใครก็ตามที่หาเรื่องไอ้สิงห์ ก็คือศัตรูของฉัน”

ในที่สุดฝีมือชั้นปลายแถวกระดูกอ่อนอย่างกรณ์กับไกรก็ต้องถอยไป สิงห์ดีใจถามภูตะวันว่าหายโกรธแล้วหรือ พูดได้แล้วหรือ

“ไม่ได้เป็นใบ้นี่หว่า แค่ไม่อยากพูด” ภูตะวันตอบนิ่งๆ แล้วทำเฉยเหมือนเดิม จนสิงห์ไปเอาเหล้าทำอาหารจากในครัวมาชวนดื่ม แล้วพูดเรื่องพลอยขวัญอีก

ภูตะวันเตือนอีกครั้งเรื่องฐานะที่แตกต่างกันระหว่างสิงห์กับพลอยขวัญ ทำให้สิงห์ฮึดขึ้นมาประกาศว่าคอยดูเถอะ ถ้าตนรวยขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองว่าไม่มีใครกล้ามาว่าอะไรตนแน่

“ให้มันแน่จริงเหอะวะเพื่อน” ภูตะวันพูดขำๆ

“แน่นอน ไอ้สิงห์นี่แหละจะรวยให้มันระเบิดระเบ้อให้ใหญ่คับภูพระกาฬไปเลย คอยดูซิ!”

พูดแล้วพากันกระดกเหล้าเข้าปาก ปรากฏว่าสำลักกันแทบตายถึงได้เชื่อว่าเหล้าทำอาหารนั้นเอามาดื่มเล่นไม่ได้จริงๆ

ooooooo

ณรงค์กับเรียวขี่ม้าตระเวนไปตามลำธารที่มีชาวบ้านมาร่อนแร่หาพลอยกัน เจอลุงฝิ่นกำลังหาพลอยถามว่าได้มากไหม ลุงฝิ่นบอกว่าหามาเกือบเดือนแล้วได้เม็ดเท่าขี้ตาแมวเท่านั้นซ้ำยังหาคนซื้อ ไม่ได้ด้วย

ลุงฝิ่นบอกว่าสายแร่จริงๆคงไม่มีหรือถ้าจะมีคงอยู่ในไร่ฟ้ารุ่งกระมัง ทำให้ณรงค์กับเรียวหันมองไปทางไร่ฟ้ารุ่งอย่างสนใจ

จากนั้นทั้งสองเข้าไปกินดื่มในโรงแรมสันติภาพคุยกันถึงสายแร่พลอยวิเคราะห์ กันว่าที่ฟังมาอาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้ ณรงค์บอกเรียวว่าแบบนี้ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนสรุป

แก้วแอบเข้ามาขอขัดรองเท้าให้  ณรงค์ให้ขัดรองเท้าที่มีโคลนติดหนาเตอะ แก้วก็ทำอย่างเต็มที่ ระหว่างนั้นณรงค์ถามว่าที่นี่ไม่มีที่เที่ยวสนุกๆบ้างรึไง

“อ๋อ มีครับ เป็นบาร์ของป้าวิไลอยู่ตรงหัวมุมถนนนี่เองครับ มีคนบอกผมว่า ถ้าภูพระกาฬคือนรกวิไลบาร์ก็คือทางเข้า”

ณรงค์สนใจบอกว่าเห็นทีว่างๆต้องแวะไปเยี่ยมประตูนรกเสียหน่อยแล้ว

ooooooo

คืนนี้จรัญนัดเดชามาพบกับหัวหน้าโจรที่มีแผนจะเอาคืนจากไร่ฟ้ารุ่ง พอเจอหน้ากันหัวหน้าโจรถามเดชาว่าเป็นคนไปเก็บพวกตนที่แคมป์และฆ่าผู้หญิง ท้องแก่ใช่ไหม

เดชาโยนกลองว่าเป็นคำสั่งของเพชรรุ้งเธอสั่งให้ฆ่าทุกคนเป็นการล้างแค้น หัวหน้าโจรชักปืนออกมาขู่เดชา มันรีบบอกว่า

“ถ้าฆ่าฉันแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ถ้านายจะทวงหนี้แค้นกับพวกไร่ฟ้ารุ่งนายต้องอาศัยฉัน”

หัวหน้าโจรมองหน้าจรัญเชิงถาม จรัญพยักหน้าเห็นด้วย มันจึงหันมาวางแผนร่วมกับเดชา

ที่ห้องติดๆกันนั้น  รานีพาถาวรที่เมาแอ๋ขึ้นมาพัก เธอเอาหูแนบแอบฟังการสนทนาอย่างใจจดจ่อได้ยินมันปรึกษากันเรื่องการแก้แค้น ไร่ฟ้ารุ่ง หัวหน้าโจรจะฉุดเพชรรุ้ง

กับพลอยขวัญ เดชาถามว่าแล้วจะได้อะไรนอกจากความสะใจ เดชาเสนอแผนให้จับพลอยขวัญเรียกค่าไถ่เชื่อว่าเพชรรุ้งต้องเดือดร้อนแน่ เพราะเป็นคนดูแลไร่แทนศักดาซึ่งไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน

เรื่องย่อ ละคร ตะวันเดือด


เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลั  ตอน1
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน2
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน3
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน4
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน6
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน7
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน8
เรื่องย่อละคร ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง  ตอน9

ดูละครย้อนหลัง
ละคร  ตะวันเดือด ดูละครย้อนหลัง ตอน1  คลิก

No comments:

Post a Comment